xs
xsm
sm
md
lg

ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 15 

ถวิลซึ่งยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล กำลังนั่งจ้องจอทีวีที่เสนอข่าวเป็นภาพการค้นหาศพใหญ่ในวันที่ผ่านมา

ถวิลตกใจมาก พึมพำออกมา “ไม่อยากจะเชื่อเลย”
จอมใส่ชุดดำเปิดประตูเข้ามาพอดี ถวิลอารมณ์ขึ้น
“คุณใหญ่กับหนูปิ่นตายได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้น ฝีมือคุณนายใช่มั้ย”
จอมซึมๆ ไม่ตอบ เสไปพูดเรื่องงานศพ “ผมจะจัดงานศพให้ปิ่น เลยอยากมาถามพ่อว่าต้องทำยังไงบ้าง”
ถวิลยังคงคาดคั้นจะเอาคำตอบ “แกมีส่วนด้วยหรือเปล่า”
จอมโมโห อารมณ์พุ่ง “ไอ้ใหญ่มันตายก็ดีแล้ว ฉันน่าจะฆ่ามันตั้งแต่ตอนที่ช่วยคุณนายจับตัวมันได้ มันทำให้ปิ่นต้องตาย”
ถวิลเหนื่อยใจเหลือทน “เอ็งมันกู่ไม่กลับแล้วไอ้จอม เด็กในท้องปิ่นคือลูกเอ็ง คือหลานข้า เอ็งทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า” ถวิลชี้หน้าไล่ตะเพิดจอม “ไปให้พ้น ข้าไม่อยากเห็นหน้าเอ็ง”
จอมยืนนิ่ง เสียใจที่พ่อเกลียดขนาดนี้ เดินออกไป
พอประตูปิดลง ถวิลร้องไห้ ออกมา “ทำไมเอ็งถึงเป็นแบบนี้ไปได้ บาปกรรมจริงๆ”
ที่หน้าห้องถวิลเวลานั้น จอมยืนร้องไห้เสียใจสุดๆ ทั้งเรื่องพ่อเรื่องปิ่น

คืนนั้นดวงจันทร์เต็มดวง แสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องมายังไร่ไพศาล ทำให้เห็นว่า ลูกน้องเสี่ยตง 2 คนที่เฝ้ารั้วประตูใหญ่ คนหนึ่งนอนสลบ อีกคนนั่งสลบพิงรั้ว
ในห้องนอนครองสุข เวลานั้น ครองสุขแกล้งทำเป็นนอนหลับสนิท
ขณะที่หน้าต่างเหมือนมีมือคนโผล่มาจับขอบหน้าต่าง
ที่แท้เป็นปลอดแต่งชุดดำปีนเข้ามา ย่องไปที่ครองสุข เอาปืนจี้คอ ครองสุขสะดุ้งตื่นร้องตกใจ
“อ๊าย อย่านะ อย่าทำอะไรฉัน อยากได้เงินทองเอาไปเลย”
“จับคุณใหญ่ไว้ที่ไหน พาฉันไปเดี๋ยวนี้”
ปลอดกระชากครองสุขลุกจากเตียง ครองสุขเห็นหน้าตาชัด
“ไอ้ปลอด” ครองสุขยิ้มเยาะ “ในที่สุดแกก็โผล่มาจนได้”
ปลอดเอะใจกับคำพูดครองสุข เสี่ยตงตำรวจบุกเข้ามา เล็งปืนไปที่ปลอด
“วางปืนลง!”
ครองสุขแกล้งหวาดกลัว “จับมันเลยค่ะ มันขู่จะฆ่าดิฉัน ถ้าไม่ยอมเอาเครื่องเพชรออกมาให้มัน”
ปลอดตวาด “ตอแหล” รีบบอกตำรวจ “ มันจับคุณใหญ่เจ้าของไร่ไว้ เพื่อหวังฮุบมรดกไว้คนเดียว ถ้าคุณตำรวจไม่เชื่อ ก็ตรวจค้นดูสิครับ”
ตำรวจบอกข่าวร้าย “แต่เท่าที่ผมทราบ คุณใหญ่เกิดอุบัติเหตุขับรถตกเหวเสียชีวิตไปแล้วนะครับ”
ปลอดตะลึง “ไม่จริง”
เสียงปืนดังมาจากหลังเรือนเปรี้ยงๆ

เสียงปืนที่ดังเป็นพวกพงษ์กับลูกน้องที่ซุ่มหลบตามต้นไม้ยิงสู้กับจอม และลูกน้องเสี่ยตง พงษ์ถูกจอมยิงที่ไหล่
 
ลูกน้องพงษ์ยิงสกัดพาพงษ์ถอยหนี จอมกับลูกน้องเสี่ยตามไล่ยิงไม่ลดละ เสียงปืนดังสนั่นก้องไปทั้งไร่ไพศาล

เช้าวันต่อมา ปานเทพพยามกดมือถือรัวๆ โทร.หาปลอด แต่โทร.เท่าไหร่ก็ไม่ติด นั่นยิ่งทำให้ปานเทพหงุดหงิดเป็นกังวลหนัก

“ทำไมพ่อไม่ส่งข่าวให้รู้บ้างเลยว่าช่วยไอ้ใหญ่ได้หรือเปล่า”
เพ็ญซึ่งนั่งดูหนังสือพิมพ์อยู่เห็นลงข่าวใหญ่เสียชีวิต ก็ตกใจแทบช็อก “เป็นไปได้ยังไง”
ปานเทพมองเพ็ญเห็นสีหน้าหมอง
ปานเทพใจไม่ดี จะดึงหนังสือพิมพ์ไปอ่านเอง แต่เพ็ญดึงไว้ ตัดสินใจบอกเอง
“คุณใหญ่ตายแล้ว”
ปานเทพตกใจมากอึ้งกันไป “ผมไม่เชื่อ” อ่านย้ำอีกที “ยังไม่พบศพ อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด เราต้องรีบบอกให้พ่อรู้”
ปานเทพสับสน ลุกยืนพรวด “ผมจะไปหาพ่อเอง จะบอกพ่อด้วยตัวเอง”
เพ็ญดึงไว้ “น้าปล่อยให้เธอไปเสี่ยงอีกคนไม่ได้”
ปานเทพร้อนใจท่าทีร้อนรน “แต่ผมก็ทนรอฟังข่าวอยู่นี่ไม่ได้ ผมอยากไปเห็นศพไอ้ใหญ่กับตา ผมจะพามันกลับบ้านเรา”
ปานเทพร้องไห้ออกมา เพ็ญบอกด้วยเสียงเข้มแข็ง “ถ้างั้นเราไปด้วยกัน ไปตามหาพี่ปลอด ไปรับคุณใหญ่”
ว่าแล้วเพ็ญจูงมือปานเทพจะไปด้วยกันจริงๆ แต่ชะงักทั้งคู่
เปี๊ยกแบกร่างใหญ่ที่หมดสติไว้บนหลัง หวานกับน้อยประคองปิ่นอนงค์คนละข้างเดินตามหลัง เข้ามา
ปิ่นอนงค์มีบาดแผลถลอกเล็กน้อย แต่ยังมีสติ
เพ็ญกับปานเทพอุทานออกมาอย่างดีใจ “คุณใหญ่” / “ไอ้คุณใหญ่”


เพ็ญกับปานเทพนั่งบนโซฟา พวกหวานนั่งที่พื้นระหว่างรอให้หมอตรวจอาการใหญ่
“โชคดีที่ปิ่นจำชื่อเหมืองได้ ก็เลยถามๆ ชาวบ้านมาตลอดทาง พอคนงานเห็นหน้าคุณใหญ่เท่านั้นแหละค่ะ ก็รีบนำทาง เรามาที่เหมืองทันควัน” หวานเล่า
ปานเทพแปลกใจ “แต่ทำไมหนังสือพิมพ์ถึงรายงานว่าคุณใหญ่กับปิ่นอนงค์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ”
เปี๊ยกยืดคุยฟุ้งอ้อแอ้ๆ ว่าตัวเองช่วยยังไง หวานตัดบท “ข้าเล่าเอง ยังกะคุณเค้าจะฟังเอ็งรู้เรื่อง คืองี้ค่ะ พอเรารู้จากนังน้อยว่าปิ่นจะพาคุณใหญ่หนี เราก็เลยตกลงกันว่าจะหนีไปกับคุณใหญ่ด้วย เพราะอยู่ไปก็โดนนังแม่มดโขกสับ สารพัด มันนะคะ...”
น้อยท้วง “โอ๊ยพี่หวาน ผู้จัดการเขาอยากรู้ว่าคุณใหญ่รอดมาได้ยังไงไม่ได้อยากรู้ว่าพี่โดนโขกสับยังไง”
หวานฉุนถูกเบรก “ก็กำลังจะเล่าอยู่นี่แหละ เราเลยขับรถตามคุณใหญ่ไป แต่พอขับรถตามทัน เราก็เห็น...”

ภาพเหตุการณ์ตอนไปช่วยใหญ่และปิ่นอนงค์ ผุดขึ้นในความคิดของหวาน เปี๊ยกและน้อย

ริมถนนนอกไร่ รถของปิ่นอนงค์กับพุ่งติดต้นไม้ก่อนจะลงลงไปในเหว เครื่องดับควันโขมง เปี๊ยกจอดรถ ทั้งหมดพากันวิ่งลงมา

“คุณใหญ่” หวานตะโกนก้อง ตกใจสุดขีด
น้อยใจสั่น “พี่ปิ่น”
ทั้งสามคนช่วยใหญ่กับปิ่นอนงค์ออกจากรถ จากนั้นเปี๊ยก หวาน และน้อย ช่วยกันเข็นรถที่ปิ่นอนงค์ขับมาให้ตกเหว รถพุ่งลงไป ระเบิดตูม ไฟลุกท่วม

หมูมวลรออยู่ด้านนอกห้องนอนใหญ่ หมอวัยกลางคนเดินออกมาเพ็ญรีบถามอาการทันที
“คุณใหญ่เป็นยังไงบ้างคะน้องหมอ”
“ร่างกายขาดอาหารก็เลยอ่อนแอมาก ผมฉีดยาบำรุงแล้วก็ให้น้ำเกลือ ไม่น่าเป็นห่วงอะไร”
เพ็ญโล่งใจ มองหน้าหมอพลางเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้...”
หมอเข้าใจ พูดสวนออกมา เสียงจริงจัง “พี่เพ็ญไม่ต้องห่วงครับ ครอบครัวเราสนิทกันมานาน ผมจะช่วยปิดเป็นความลับ”
“ขอบใจมากจ้ะ” เพ็ญยิ้มขอบคุณจากใจ

หมอเดินออกลับตัวไปแล้ว เพ็ญหันไปหาพวกหวาน “พวกเธอก็อยู่ด้วยกันเสียที่นี่นะ ฉันจะให้คนงานช่วยจัดที่พักให้”
น้อยจิตตกออกอาการกลัวๆ “ตำรวจจะตามมาถึงนี่มั้ยคะ หนูกลัวโดนจับไปด้วย”
หวานกระแทกศอกใส่ “แกไม่เห็นทางเข้าเหมืองหรือนังน้อย ลดเลี้ยวเคี้ยวคดอย่างกับเขาวงกต คงหากันเจอหรอก”
“เหมืองเราอยู่ในหุบเขาลึก ถ้าไม่มีคนนำทางก็ยากที่จะเข้ามาถึง อย่าห่วงเลย” เพ็ญบอก
ปานเทพเร่งฝีเท้าเข้ามา “ผมยังติดต่อพ่อกับพี่พงษ์ไม่ได้เลยครับน้าเพ็ญ ทำยังไงดี”
เพ็ญหันมาหาพวกหวาน “พวกเธอติดต่อใครที่ไร่ได้บ้าง”
สามคนมองหน้ากัน

ที่ห้องอาหารเรือนใหญ่เวลาเดียวกัน ครองสุข อรสอางค์ ทัศนีย์ร่วมโต๊ะกินข้าวเช้า มีจิ๋วคอยรับใช้แทนน้อย
เวลานั้นจิ๋วตักข้าวให้ครองสุข
“นังน้อยมันหายหัวไปไหน ทำไมเหลือเธอคนเดียว”
“ไม่ทราบค่ะ” จิ๋วตอบ
“ถ้ามันมา เฉดหัวมันออกจากไร่ไปได้เลย แล้วตานะล่ะ” ครองสุขมองหน้าอรสอางค์
“เขาว่าไม่หิว”
“ไม่หิวหรือยังแฮงค์อยู่ เมื่อคืนเห็นนั่งดริ๊งจนถึงเช้า”
อรสอางค์จิกกัด “แสดงว่าน้องนีกลับถึงบ้านเอาตอนเช้า ถึงได้เห็น...”
ทัศนีย์หน้าชาลุกพรวด ยกจานข้าวของตัวเองสาดใส่อรสอางค์
“ปากว่างนักก็กินเสียให้พอ”
อรสอางค์โกรธลุกยืน คว้าแก้วน้ำสาดใส่หน้า“ฉันช่วยล้างปากเหม็นๆ ให้”
ทัศนีย์กรี๊ดจะจิกผมอรสอางค์ “อีบ้า”
จิ๋วเข้ามาขวาง ทัศนีย์เลยจิกผมจิ๋วแทน จิ๋วก็จิกผมทัศนีย์ สามคนตีกันอลเวง
ครองสุขโมโหลุกยืนตบโต๊ะดังปัง “โอ๊ยพอแล้ว กัดกันยังกะหมา จะให้ฉันกินข้าวอย่างเป็นสุขสักมื้อไม่ได้เลยหรือไง”
จิ๋วกับทัศนีย์ผละจากกัน จ้องหน้ากันเอาเรื่อง
“แม่อร ฉันขอเตือนเธอนะ ยัยนีเป็นน้องของตานะ เธอเป็นพี่สะใภ้ควรวางตัวให้มันน่านับถือหน่อย อย่าให้มันล้ำเส้นเกินไป”
ทัศนีย์มองครองสุข อย่างพอใจที่แม่เข้าข้างจิ๋วเถียงแทน
“แต่คุณนีลงมือเล่นงานคุณหนูก่อนนะคะ คุณนายก็เห็น”
ครองสุขเยาะ “เหรอ พอดีฉันไม่ทันได้มอง”
ครองสุขเดินหนีไป ทัศนีย์เชิดหน้าใส่อรสอางค์อย่างเป็นต่อ อรสอางค์กำมือแน่น

จิ๋วยกจานอาหารมาโยนใส่อ่างล้างจาน หงุดหงิดจากเหตุการณ์เมื่อครู่
“ถ้าไม่กลัวเสียมารยาท ตบมันล้างน้ำทั้งน้าทั้งหลานไปแล้ว”
เสียงมือถือดัง จิ๋วรับสาย “ฮัลโหล” สีหน้าจิ๋วตกใจกึ่งแปลกใจ “นังน้อย!”

ใหญ่นอนให้น้ำเกลือ ยังไม่ได้สติ ปิ่นอนงค์นั่งมอง จะเอื้อมมือไปแตะหน้าใหญ่ แต่ชะงักค้างไว้
ภาพการตายของแม่ ตอนที่ตนวิ่งเข้าไปเห็น ใหญ่หันหลังให้เหมือนกำลังทำร้ายแม่ผุดขึ้นมาหลอกหลอน
ปิ่นอนงค์ชักมือกลับช้าๆ ลุกยืน ตัดใจเดินออกจากห้อง ใหญ่ขยับเปลือกตา ส่งเสียงออกมา
“น้ำ ขอน้ำ”
ปิ่นอนงค์ชะงักหันกลับมาท่าทีลังเล มองไปที่เหยือกน้ำกับแก้วพลาสติกข้างเตียง

ปิ่นอนงค์ประคองหัวใหญ่ขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ยกแก้วน้ำพลาสติกจ่อปากใหญ่
ใหญ่ลืมตาปัดแก้วน้ำกระเด็นจากเตียง “เธอเอาอะไรให้ฉันกิน”
ปิ่นอนงค์โมโห ลุกยืนทันที “น้ำเปล่าผสมยาเบื่อหนู”
ว่าแล้วปิ่นอนงค์จะหันไป ใหญ่คว้าข้อมือไว้ “อย่าปากดีกับฉัน” มองสภาพห้องอาการอึ้งๆ “ใครพาฉันมาที่นี่ แล้วฉันรอดมาได้ยังไง
“ไว้คอยถามพี่เปี๊ยกเองแล้วกัน”
ปิ่นอนงค์สะบัดมือ เดินไปใหญ่เรียกไว้อีก “เดี๋ยว”
ใหญ่จะคว้าแขนปิ่นอนงค์ไว้ จนตัวเองเกือบร่วงลงเตียง “โอ๊ย!”
ปิ่นอนงค์ตกใจ ลืมโกรธ รีบเข้าไปจับใหญ่ไว้ “ระวัง!”
ใหญ่สะบัดทันทีแบบรังเกียจเหลือแสน “ไม่ต้องช่วย ฉันไม่ต้องการน้ำใจจากเธอ”
ปิ่นอนงค์หน้าเสีย รีบปั้นหน้าปกติ พูดประชดประชัน “ก็ไม่คิดจะให้ค่ะ เพราะเวลาเรามอบน้ำใจให้ใครต้องดูด้วยว่าคนๆ นั้นคู่ควรหรือเปล่า แต่เท่าที่ดู คงไม่ค่ะ”
ใหญ่โมโห มองปิ่นอนงค์จนตาถลน “ปิ่นอนงค์ คิดว่าตัวเองเลอเลิศนักละสิ ก็แค่ดอกไม้ประดิษฐ์ที่ตบตาให้คนคิดว่าเป็นของจริง แต่พอมองเข้าไปใกล้ๆ ลองแตะ ลองจับดู มันก็แค่ดอกไม้ปลอม” ใหญ่เน้นเสียง “ของปลอม”
ปิ่นอนงค์เจ็บหัวใจที่โดนใหญ่พูดจาดูถูก “ปิ่นจะจำทุกคำที่คุณใหญ่พูด เพื่อเอาไว้เตือนสติตัวเอง ว่าเป็นแค่ดอกไม้ของปลอม ไม่ควรไปประดับอยู่ในแจกันที่สูงค่าแต่เต็มไปด้วยรอยร้าว อย่างคุณใหญ่”

ใหญ่ถูกย้อนโกรธจนตาลุกเป็นไฟ


ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 15 (ต่อ) 

เวลาเดียวกัน ปานเทพค้านหัวชนฝา เรื่องที่เพ็ญจะให้ปิ่นอนงค์หลบอยู่ที่นี่

“น้าเพ็ญคิดดีแล้วหรือครับที่จะให้ปิ่นอนงค์อยู่ที่นี่ ถ้าพ่อรู้พ่อคงไม่ชอบใจแน่ ผมเองก็ไม่เห็นด้วยเลย”
“แต่หนูปิ่นช่วยคุณใหญ่หนีนะ เรื่องเก่าๆจะขุดคุ้ยว่าใครผิดใครถูก แล้วมันได้อะไรขึ้นมา”
ยินเสียงเหยือกน้ำตกแตก เหมือนข้าวของหล่น จากห้องใหญ่ชั้นบน ปานเทพกับเพ็ญแหงนหน้ามองขึ้นไป
ปานเทพบอก “จากห้องไอ้ใหญ่”

พอปานเทพกับเพ็ญเปิดประตูเข้ามาเห็นใหญ่อาละวาดเหวี่ยงหมอนลงพื้น โคมไฟ เหยือกน้ำ และอื่นๆเกลื่อนพื้นห้องข้างเตียง เพ็ญเข้าไปจับใหญ่
“พอแล้วคุณใหญ่”
ปานเทพมองปิ่นอนงค์ ที่ยืนนิ่งที่มุมห้องไม่สะทกสะท้านกับอารมณ์ร้ายกาจของใหญ่
ปานเทพพูดเสียงห้วน “ไอ้ใหญ่ไม่สบาย เธอยังจะทำให้มันอาการหนักขึ้นอีกหรือเห็นมั้ยน้าเพ็ญ ถ้าให้อยู่ ก็มีแต่เรื่อง ไล่ไปเลยดีกว่า”
“ไม่เสียเวลาหรอก ถ้าหยุดเพื่อฟังคำอธิบายจากปิ่นก่อน”
เพ็ญมองปิ่นอนงค์ “คุณเพ็ญถามคุณใหญ่เองดีกว่าค่ะ คุณใหญ่ว่ายังไง ก็ตามนั้น”
ใหญ่มองปิ่นอนงค์ เห็นปิ่นอนงค์ไหว้เพ็ญ “ปิ่นขอกลับไปที่ห้องปิ่นนะคะ ขอบคุณคุณเพ็ญที่จัดห้องไว้ให้
ค่ะ ปิ่นคงไม่รบกวนนาน”
ปิ่นอนงค์ออกไป “ว่าไงวะไอ้คุณใหญ่ อะไรทำให้แกออกฤทธิ์เดชขนาดนี้”
ใหญ่นึกกลัวปิ่นอนงค์ต้องโดนไล่ไปใหญ่รีบอ้อนเพ็ญ
“ผมปวดหัวครับน้าเพ็ญ ไม่รู้หมอฉีดยาอะไรให้มันหงุดหงิดงุ่นง่านไปหมด โอ๊ย” เอามือจับหัวตัวเอง “ผมไม่ไหวแล้วต้องขอนอนก่อน”
ว่าแล้วใหญ่ล้มตัวลงนอน เพ็ญห่มผ้าให้ “พักเถอะค่ะ ตื่นมาจะได้สดชื่น”
ใหญ่หลับตาลง ปานเทพมองอย่างหมั่นไส้ “ถ้าผมทำแบบนี้ พ่อคงไล่เตะไปแล้ว”
เพ็ญยิ้มขำขยับลุกยืน เมื่อมองไปเห็นน้อยทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงหน้าประตู ปานเทพมองตาม

สามคนคุยกันอยู่อีกมุมในบ้าน น้อยรายงานข่าว
“หนูติดต่อพี่จิ๋วได้แล้วค่ะ พี่จิ๋วบอกว่านายหัวปลอด เออ …”
ปานเทพชักใจไม่ดี “อะไรน้อย พูดมาเลย”

เวลาเดียวกันปลอดนั่งอยู่ในห้องขัง สีหน้าขรึม ตำรวจตะโกนบอก “มีคนมาเยี่ยม”
พอตำรวจลับตัวไป ปลอดเงยหน้า เห็นถวิลปลอมตัวมาใส่หนวด ใส่หมวก ปลอดเดินมาที่ลูกกรง เพ่งมอง ถวิลเปิดหมวก ปลอดจำได้ “หวิน!”
“พี่ปลอด ฉันจะต้องหาทางช่วยพี่ออกไปให้ได้”
“อย่าบอกไอ้ปาน กับคุณใหญ่เด็ดขาด ถ้าสองนี้รู้ ต้องบุกกันมาช่วยฉัน จะถูกจับกันหมด”
ถวิลหน้าเสีย อ้ำอึ้ง “พี่ยังไม่รู้ใช่มั้ย คุณใหญ่ เออ เกิดอุบัติเหตุ”
ปลอดตกใจ “ว่าไงนะ แล้วคุณใหญ่เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
ถวิลก้มหน้าไม่กล้าพูด ปลอดขยุ้มคอเสื้อถวิลผ่านลูกกรง “อย่าบอกนะว่า คุณใหญ่”
ถวิลพยักหน้าว่าใช่ “แต่ยังหาศพไม่เจอ”
ปลอดปล่อยมือจากคอเสื้อถวิล เซถอยหลังไป 2-3 ก้าว เหมือนจะล้มแต่ประคองตัวได้
“พี่ปลอด”
ปลอดก้าวมาหาถวิล กระซิบข้างหูถวิล
“หาตัวไอ้พงษ์ให้พบ บอกให้มันค้นหาศพคุณใหญ่ให้เจอถ้าไม่เห็นศพ ฉันไม่มีวันเชื่อ”

ถวิลเดินออกมาจากโรงพัก รู้สึกเจ็บแผลจึงก้มมอง พอเงยหน้าเห็นจอมเดินเข้ามา ถวิลจวนตัวรีบหลบหลังรถของตำรวจ จอมเดินผ่านเข้าไปในโรงพัก

ถวิลมองตาม แล้วรีบผละไปจากแถวนั้น เพราะไม่อยากเจอหน้าจอม

ตำรวจเดินนำจอมมาที่หน้าห้องขัง ชี้เข้าไปด้านใน จอมหน้าเครียด กล้าๆ กลัวๆ ยืนมองเข้าไปในห้องขัง เห็นปลอดนั่งกอดเข่าพิงข้างกำแพง จอมชำเลืองมอง ท่าทีเก้ๆ กังๆ ยกมือไหว้ปลอด

ปลอดมองจอมแล้วยิ้มเยาะ “อ๋อ ... มือขวาคุณนายครองสุขอุตส่าห์มาเยี่ยม”
“ผมแค่อยากมาถาม เอ้อ ... พ่อมาเยี่ยมลุงบ้างรึเปล่า”
“แกนี่มันกล้าดีจริงๆ ยังมีหน้ามาถามฉัน แกรู้มั้ยว่าพ่อของแกเสียใจแค่ไหน ผิดหวังกับแกแค่ไหน แกเป็นลูกเป็นหลานแท้ๆกลับไปเข้าข้างศัตรู ไป ...ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก”
จอมซึม เดินคอตกออกไป

ทางด้านใหญ่เดินออกมามองหาคนอื่นๆ แต่ไม่เจอใครสักคน เห็นอาหารตั้งวางอยู่ จึงเรียกหาเพ็ญ
“น้าเพ็ญครับ”
ปิ่นอนงค์เดินมาที่โต๊ะยกน้ำมาตั้ง มองหน้า สองคนปั้นปึ่งใส่กัน
ปิ่นอนงค์พูดสั้นๆ ห้วนๆ “กินข้าวเสร็จ แล้วกินยาบำรุงตามทันที อย่าลืม”
ปิ่นอนงค์จะเดินไป ใหญ่ขึ้นเสียง “ฉันไม่กิน” ปัดยาทิ้งกระจาย “ไม่รู้เป็นยาพิษรึเปล่า”
“ตามใจ”
“น้าเพ็ญไปไหน ทำไมเธอต้องมาทำ”
“ไม่ทราบ ที่ทำเพราะเป็นคำสั่งจากคุณเพ็ญ เธอเป็นเจ้าบ้านปิ่นเป็นผู้อาศัย ขัดไม่ได้ เสียมารยาท”
ใหญ่ประชดกลับ “แม่คนมารยาทงาม ถ้าอย่างนั้นฉันในฐานะเจ้าของบ้านอีกคน ขอสั่งให้เธอ มาทางไหนไปทางนั้น”
ใหญ่คว้าข้อมือปิ่นอนงค์จะลากไป “บ้านนี้ไม่ต้องการให้เธอมาเหยียบ”
ใหญ่ดึงปิ่นอนงค์ขึงขัง ปิ่นอนงค์แกะมือใหญ่ออก “ไม่ต้องไล่ค่ะ ตั้งใจจะไปวันนี้อยู่แล้ว”
ใหญ่อึ้งไป ใจหายวาบ แต่รีบทำสีหน้าดีใจ “ก็ดี อยากไปนัก ก็รีบไปให้พ้นๆ เลย เห็นหน้าเธอแล้วมันรู้สึกขวางหูขวางตา”
ปิ่นอนงค์เดินไป ใหญ่รีบเรียกไว้ “อย่าเพิ่งไป”
ปิ่นอนงค์หันมา สู้สายตา “อะไรอีกละคะ”
ใหญ่เดินมาหา มองสำรวจปิ่นอนงค์หัวจรดเท้า ตั้งข้อหาเห็บเหา “ฉันสงสัยว่าเธอแอบขโมยอะไรไปด้วยหรือเปล่า ขอฉันค้นตัวก่อน”
ปิ่นอนงค์ฉุนกึก “หาเรื่องเกินไปแล้วนะคะ”
“แค่นี้ไม่เรียกว่าเกินไป แต่เรียกว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับที่เธอทำกับฉันไว้มากมาย จนสาธยายไม่หมด”
“ปิ่นไม่มีอะไรติดตัวมาแม้แต่กระเป๋าเงิน ไม่มีอะไรจะให้ค้น แต่ถ้ายังอยากค้น แสดงว่าตั้งใจหาเรื่อง ถ้าตั้งใจหาเรื่อง เขาเรียกว่าคนพาล”
“ฉันมันก็ไม่ใช่คนดีมาตั้งแต่ต้นแล้ว ทำเป็นไม่รู้จักไปได้”
ใหญ่เชยคางขึ้น ปิ่นอนงค์ปัดมือออก “ต้องการอะไรบอกมาตรงๆ ดีกว่าค่ะ”
“ฉันขอค้นตัวเธอ” ใหญ่เน้นเสียงคำท้าย “ทั้งตัว”
ใหญ่แกล้งมองอาการหื่นๆ ปิ่นอนงค์กระชับคอเสื้อด่าออกไป “เสียสติไปแล้วหรือคะ”
ใหญ่ดึงแขนลากไป “เข้าห้องมานี่เลย”
ปิ่นอนงค์ขัดขืน ทุบตีใหญ่พัลวัน “ไม่ ปล่อย”

ใหญ่ลากปิ่นอนงค์เข้ามา ผลักไปที่เตียง “ถอดเสื้อออก”
ปิ่นอนงค์อึ้ง “อะไรนะ”
“ถ้าไม่ถอด เธอต้องยอมรับสารภาพว่า ทำผิดอะไรบ้าง ตอบฉันมาให้หมด แล้วฉันจะปล่อยเธอ”
ปิ่นอนงค์โกรธจัด หายใจแรง ใหญ่ก้มหน้ามาใกล้ๆ “เธอตั้งใจล่อฉันให้ไปติดกับยัยแม่มดครองสุขใช่มั้ย”
ปิ่นอนงค์ไม่ตอบ
ใหญ่ถามต่อ “เธอคิดกำจัดฉัน เพื่อจะได้ทั้งมรดกและได้เป็นเมียน้อยไอ้นะแต่ที่ฉันสงสัย เธอรักไอ้นะ แล้วไปมีอะไรกับไอ้จอมจนมีลูกทำไม”
เห็นปิ่นอนงค์เอาแต่นิ่ง ใหญ่คาดคั้น “ตอบมา!”
“อย่ารู้เลยค่ะ ปิ่นไม่อยากซ้ำเติมคุณใหญ่”
“พูดมา ฉันไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรกับเธอ ก็แค่คนเคยนอนด้วย แค่ครั้งเดียว ไม่ได้ผูกพันอะไร”
“มิน่า คุณใหญ่ถึงฆ่าแม่ปิ่นได้ลงคอ” ปิ่นอนงค์ถากถาง
“ถ้าเธอแค้นฉันแล้วช่วยฉันทำไม”
“เพราะปิ่นอยากฆ่าคุณใหญ่ให้ตายไปด้วยมือของปิ่นเอง เสียดายที่มันไม่สำเร็จ”
“คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ คนอย่างเธอต้องมีแผนลึกล้ำกว่านั้น”
“แล้วแต่คุณใหญ่จะคิด”
ใหญ่นิ่งงันไป ปิ่นอนงค์ผลักใหญ่ออก ทาทีใหญ่ดูหมดแรง ปิ่นอนงค์ลงจากเตียงลุกยืน
ใหญ่ชี้ไปที่ประตู “ออกไปจาก...ชีวิตของฉัน อย่าให้เจออีก”

ปิ่นอนงค์สะกดกลั้นความเสียใจไว้ เดินไปที่ประตู

ปิ่นอนงค์เปิดประตูเดินออกมา เพ็ญมาขวางหน้าไว้

“น้าคงให้ไปไม่ได้” มองใหญ่อย่างตำหนิ “หนูปิ่นท้องอยู่นะคะ”
“ลูกศัตรู ไม่เห็นต้องสน” ใหญ่ไม่แยแส
“แต่ทั้งแม่ทั้งลูกจะมีอันตรายถ้าสมบุกสมบันเดินทางตอนที่ร่างกายยังไม่แข็งแรง”
ปิ่นอนงค์สะท้อนใจ รู้สึกผิดที่หลอกเพ็ญ “ปิ่นมีเรื่องอยากบอกคุณเพ็ญ”
เพ็ญร้อนใจ “เอาไว้ก่อนเถอะค่ะ”
เพ็ญมองใหญ่ “น้ากำลังจะมาปรึกษากับคุณใหญ่ พี่ปลอดโดนตำรวจจับ ตอนนี้นายปานจะไปลุยกับคุณนาย ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง”
ใหญ่รีบพรวดพราดไปที่ประตู “ผมจะไปกับไอ้ปาน ผมจะไปช่วยอาปลอด”
เพ็ญรีบตามไปดึงใหญ่สองมือ จับสองต้นแขนใหญ่บีบ
“คุณใหญ่ไปไม่ได้นะคะ ถ้าคุณใหญ่กับนายปานไปโดนรวบทั้งคู่ ก็เข้าแผนคุณนายทันที พวกเราจะไม่เหลือใครเลยนะคะ”
ใหญ่โกรธหันมามองปิ่นอนงค์ตาขวาง

ใหญ่จอดรถลากปิ่นอนงค์มาที่กระท่อมท้ายเหมือง ผลักประตูเข้าไป ในกระท่อมมีแคร่ หมอน มุ้ง เสื่อ ตะเกียง 2 ดวง กับผ้าห่มเก่าหนึ่งผืน
ปิ่นอนงค์เหลียวมองล่อกแล่ก หน้ากระท่อมมีโอ่งน้ำฝนบนตั่งไม้มีรางสังกะสีจ่ออยู่ข้างบน
ใหญ่ชี้ไปหลังกระท่อม “ห้องน้ำอยู่ข้างหลัง”
ปิ่นอนงค์มองหน้าใหญ่ “ค่ะ”
“ทำอย่างงี้นึกว่าฉันจะใจอ่อนเหรอ ฉันจะดูว่าเธอจะทนได้ซักแค่ไหน”
ใหญ่หันกลับไปที่รถ ขับออกไปอย่างเร็วและแรง

ครองสุขยืนอยู่หน้าห้องขัง ตีหน้าเศร้า ปลอดยืนแค้นกลั้นอารมณ์มองพื้นห้อง
“ไม่ได้จะมาเยาะเย้ยถากถางอะไรหรอกนะ มาเยี่ยมเฉยๆ นึกว่าได้ประกันตัวออกไปแล้วซะอีก เห็นลูกเป็นนักกฎหมายไม่ใช่เหรอ ทำไมช่วยพ่อไม่ได้ล่ะ แต่ก็ว่าไม่ได้หรอก นะอุตส่าห์ไปเป็นลูกน้องคุณใหญ่ที่ฉลาดปราดเปรื่องกว่า ยังช่วยไอ้ใหญ่ไม่ให้ตายโหงไม่ได้เลย
ปลอดเงยหน้าสบตาพูดเรียบๆ ทีท่าแน่วนิ่ง “กลับไปซะ นังงูพิษ เรื่องมันเพิ่งเริ่มเท่านั้น ตอนจบสนุกกว่านี้แน่ คนอย่างแกมันโชคดีที่ไม่ตายง่ายๆ ต้องทุรนทุรายก่อนจำเอาไว้”
ครองสุขเย้ย “โถ ... เสียดายความจงรักภักดีของแกจริงๆ ลูกน้องอย่างนี้หายาก อ้อ ... แต่ลูกน้องของแกที่ถูกไอ้จอมมันยิงเอาก็โดนหมายจับอยู่นะ น่าสงสาร”
ปลอดสุดจะกลั้น พุ่งเข้าไปยื่นมือลอดลูกกรงบีบคอครองสุขเขย่าๆ
“ตายซะเถอะนังแม่มด กูยอมถูกประหารชีวิต”
ครองสุขร้อง ดิ้นรนไปมา จ่าเวรเข้ามาแกะมือปลอดแต่ไม่หลุด เพราะปลอดกะเอาถึงตาย
จ่าเวรเอากระบองระดมตีหัว ตีตัวปลอด จนทรุดลงไปนอนกุมหัว
ครองสุขหลุดออกมา คลำคอ ไอออกมา ชี้หน้าปลอด ฟ้องจ่าเวร
“มันจะฆ่าชั้น ชั้นขอแจ้งความเพิ่ม ติดคุกหัวโตแน่ ไอ้ปลอด”

จัดการปลอดสมใจ ครองสุขเดินยิ้มระรื่นออกมาที่หน้าโรงพัก ลูกน้องเสี่ยตง 2 คนเข้ามาสมทบ
“พวกแกเฝ้าอยู่แถวนี้ ถ้าพวกไอ้ปลอดมันโผล่มา ส่งข่าวให้ฉันรู้ด้วย”

ลูกน้องเสี่ยตงค้อมหัวรับคำสั่ง ครองสุขเดินฉับๆ กลับไปที่รถ


ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 15 (ต่อ) 

เพราะคิดว่าเพื่อนรักเสียชีวิตแล้ว ทำให้จินตนาเสียใจมาก วันนี้เธอจึงแวะมาทำบุญให้อุ่นเรือนที่วัด และกำลังมองจ้องรูปอุ่นเรือนที่หน้าโกศหลังจากธูปเทียนไหว้วิญญาณแล้ว มีพวงมาลัยวางอยู่ด้วย

จินตนาค่อยๆ วางกรอบรูปปิ่นอนงค์ ซึ่งเป็นภาพขาวดำตรงหน้าโกศอุ่นเรือนท่าทางเศร้าสร้อย ขณะที่จินตนาเช็ดน้ำตา จอมถือธูปเทียน ดอกไม้เข้ามา สีหน้าเศร้า
จินตนาลุกยืนมองจอมอย่างเอาเรื่อง “คิดว่ามาไหว้ปิ่น แล้วปิ่นมันจะอโหสิกรรมให้นายหรือ”
จอมโต้ “เราไม่ได้ทำอะไรปิ่น เราพยายามปกป้องปิ่นทุกวิถีทางไม่ให้ไอ้ใหญ่มันทำร้ายปิ่น แต่ปิ่นก็โดนมันหลอกให้พาหนี มันนั่นแหละเป็นต้นเหตุให้ปิ่นต้องตาย”
จินตนายิ่งโมโห “นายนี่มัน” นึกหาคำด่าไม่ออก “ฉันไม่รู้จะด่านายยังไงดีแล้ว สิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนี้คือ นายมันเป็นคนน่าสมเพช สมองของนาย ความคิดของนาย มันแค่เด็กประถม ไม่ได้โตตามตัวเลย”
จอมโกรธเจอทีไร่ก็ถูกด่า เลยปาดอกไม้ทิ้งใส่หน้าจินตนา “เราให้ด่ามามากพอแล้ว ไม่อยากเป็นเพื่อน ก็ไม่ต้องมาเป็น”
จอมฮึดฮัดเดินหนีไป จินตนายืนเซ่อคาที่ 

ที่กระท่อมท้ายเหมือง ทั้งข้าวและกับข้าวในปิ่นโตสามชั้นที่เอาออกจากเถาแล้ว ยังถูกวางบนพื้น ปิ่นอนงค์นั่งบนแคร่พิงข้างฝา เหม่อไปที่หน้าต่างไม่ยอมแตะต้องข้าวปลาอาหาร 
สักครู่หนึ่งใหญ่หน้าเข้ม ผลักประตูเข้ามา สบตากับปิ่นอนงค์ที่ชะงักหันมามอง ก่อนจะหันกลับไปทางเดิม ใหญ่มองอาหารบนพื้น เห็นข้าวและกับยังไม่โดนแตะต้อง
แวบหนึ่งใหญ่มองปิ่นอนงค์ด้วยตาแววตาห่วงใย แล้วค่อยกลายเป็นโกรธขึ้ง
ใหญ่เค้นเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอ “จะเรียกร้องความสนใจด้วยการอดอาหารประท้วง คิดว่าชั้นจะเห็นใจปล่อยเธอเหรอ ไม่มีทาง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ไม่กินก็คือไม่กิน ให้มันตายๆไปซะ จะได้จบเรื่อง คุณใหญ่จะได้หายแค้น”
ใหญ่เข้าไปนั่งปลายเตียงมองจ้องหน้า “ชั้นไม่เชื่อว่าเธอจะคิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่ต้องมาเล่นละครเป็นนางเอกแสนซื่อน่าสงสารกับชั้นอีกแล้ว ปิ่นอนงค์”
ปิ่นอนงค์รำคาญลุกไปเอาปิ่นโตใส่เถา จะเดินเอาออกจากกระท่อม
ใหญ่ถามทันที “จะเอาไปไหน”
“เอาไปทิ้งให้หมูหมากาไก่กิน”
ใหญ่ลุกพรวดเข้าไปกระชากแขนปิ่นอนงค์อย่างแรง จนปิ่นโตหลุดมือหกเรี่ยราด ปิ่นอนงค์ตกใจ ใหญ่เองก็ตกใจแล้วพาลเป็นโกรธ
ใหญ่มองกองอาหาร และปิ่นโต แล้วค่อยๆ เหลือบมองปิ่นอนงค์
“นี่จะประชด ท้าทายชั้นเหรอปิ่นอนงค์ ได้ ... ชั้นจะป้อนข้าวให้เธอกินเอง”
ใหญ่กระชากแขนให้ปิ่นอนงค์ลงนั่งกับพื้น เอามือโกยอาหาร ยัดใส่ปาก ปิ่นอนงค์เม้มปากสุดฤทธิ์ใหญ่บังคับ “กิน กินเข้าไป เพื่อเด็กในท้องของเธอ ชั้นไม่ใจร้ายกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยหรอก กิน ... กิน”
สุดท้ายข้าวเข้าปากปิ่นอนงค์จนได้ ใหญ่อุดปากไว้ ปิ่นอนงค์ดิ้นไปมา ตาเหลือก ปิ่นอนงค์สำลัก ข้าวติดหลอดลม เอามือกุมคอ อีกมือกำมือใหญ่ จิกแน่น
ใหญ่ตกใจ รีบปล่อยมือ ปิ่นอนงค์สำลัก ไอติดๆ ขัดๆ ยกมือกุมคอทั้งสองมือ
ปิ่นอนงค์เอนลงนอนกับพื้น ใหญ่ตกใจ ระล่ำระลักถาม “ปิ่น เธอ ... หายใจไม่ออกใช่มั้ย”
ปิ่นอนงค์พยายามพยักหน้า ใหญ่รีบลุกดึงปิ่นอนงค์ขึ้นมาปฐมพยาบาล
ในที่สุดปิ่นอนงค์ก็หายจากอาการสำลักข้าวติดคอ ทรุดลงไปกับพื้นอย่างอ่อนแรง
 
ใหญ่รีบรับร่างปิ่นอนงค์ในวงแขนด้วยความห่วงใย

เวลาผ่านไป จากบ่ายคล้อยเป็นเย็นย่ำ ปิ่นอนงค์นอนหายใจหอบ ยังมีอาการเหนื่อยอยู่เล็กน้อย ใหญ่ยืนกอดอกพิงข้างฝากระท่อม มองเยาะเย้ย

“ดีขึ้นแล้วก็ลุกขึ้นมา อย่ามาทำเป็นสำออยอยู่ เก็บกวาดเศษอาหารพวกนี้ให้เกลี้ยง อย่าให้เหลือ เดี๋ยวมด หนูแมลงสาบมันจะโผล่มาเยี่ยม”
ปิ่นอนงค์ทั้งฉุนทั้งรำคาญใหญ่ จึงรีบลุก ฝืนสังขารเต็มที่ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีแรง
“ปิ่นจะทำให้เดี๋ยวนี้ แม้แต่กลิ่น ก็ไม่ให้หลงเหลือ”
ใหญ่หงุดหงิด “อวดดี”
ปิ่นอนงค์ลุกแล้วเซเสียหลักไปเกาะข้างฝา “ระวังหน่อย”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ไหว”
“ฉันไม่ได้ห่วงว่าเธอไหวหรือเปล่า ฉันห่วงฝากระท่อมพังมันยิ่งไม่แข็งแรงอยู่” พูดแล้วยื่นหน้ายิ้มยั่ว กวนโทสะ “ระวังด้วยก็แล้วกัน จะไม่มีที่ซุกหัวนอน”
ปิ่นอนงค์ค่อยๆ พยุงตัว เอามือแตะๆ ข้างฝาเดินไปที่มุมกระท่อม มีไม้กวาดเก่าๆ กับที่โกยขยะวางอยู่ ปิ่นอนงค์หยิบที่โกยขยะมาแล้วนั่งลง เก็บปิ่นโตใส่เถา เอามือกวาดเศษข้าว เศษอาหารใส่ที่โกยขยะ ใหญ่มองยิ้มเยาะสะใจ
แสงจากตะเกียงสลัวลางยามค่ำคืน ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงม เวลาเคลื่อนคล้อย ใกล้จะพ้นค่ำคืนแห่งความทุกข์ขมในชีวิตปิ่นอนงค์กับใหญ่ อีกแล้วหนึ่งวัน

เช้าวันต่อมา ปานเทพขับรถเข้ามาจอด ลงจากรถเดินเข้าโรงพัก จังหวะนั้นพงษ์ซึ่งมีผ้าคล้องไหล่เพราะบาดเจ็บจากโดนจอมยิง หลบอยู่ไม่กล้าตามเข้าไปในโรงพักเพราะมีหมายจับ พงษ์จ้องปานเทพจนลับตา

ปานเทพยืนเกาะลูกกรงคั่นกลางกับปลอด เหลียวระวังกลัวคนได้ยิน ขณะกระซิบบอกพ่อ
“ไอ้คุณใหญ่ยังไม่ตาย อยู่ที่เหมือง”
ปลอดดีใจ น้ำตาคลอเบ้า แต่รีบกลั้นไว้
ปลอดจับมือปานเทพแน่น พูดเบาๆ
“รับปากพ่อ อย่าให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับคุณใหญ่อีก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่าทิ้งคุณใหญ่”
เห็นพ่อห่วงแต่ใหญ่ จนปานเทพโมโห “พ่อน่าจะห่วงตัวเองก่อน กินข้าวบ้างสิพ่อ ป่วยไข้ไปจะทำยังไง”
“แกไม่ต้องสนว่าฉันจะเป็นยังไง ทำตามที่ฉันสั่งพอ”
ปานเทพเสียงแข็ง “ผมต้องสน พ่อนั่นแหละอยู่เฉยๆ แล้วดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีตอนนี้ผมพยายามเจรจาขอประกันพ่ออยู่ พ่อต้องได้ออกไป”
ปลอดมองหน้าลูกสีหน้าปลื้มใจแวบหนึ่ง แต่ยังรักษาฟอร์มตีหน้าขรึม
“แล้วน้าเพ็ญของแกล่ะ เป็นยังไงบ้าง เขาบ่นอะไรพ่อหรือเปล่า”
“บ่นจนผมแทบจะเอาสำลีอุดหู พ่อกลับไป โดนหนักแน่” ปานเทพแกล้งขู่
ปลอดรีบบอก “บอกเขา ไม่ต้องมาเยี่ยมฉัน ดูแลคนงานให้ดีที่สุดเหมือนตอนที่ฉันอยู่”

ปานเทพเคาะประตูเปิดเข้ามาในห้องร้อยเวร ท่าทีนอบน้อม ร้อยเวร นั่งประสานมือ ข้อศอกเท้าโต๊ะทำงาน มองปานเทพ มองเจ้าทุกข์ที่นั่งตรงข้าม
“เรื่องมันยากกว่าเดิมแล้ว คุณปานเทพ”
“หลักทรัพย์ไม่พอเหรอครับ”
ร้อยเวรพูดต่อ “คดีเดิมก็ร่วมกันพยายามฆ่า ปล้นทรัพย์ บุกรุก มีอาวุธและก่อเหตุในยามวิกาล”
เจ้าทุกข์ซึ่งครองสุขจ้างมาเริ่มเล่นละคร “ผมจำหน้านายปลอดได้ครับ จากข่าวโทรทัศน์ จากหน้าหนังสือพิมพ์ เสือปลอด ปาดังเบซาร์ นี่แหละที่เคยปล้น ข่มขืนเมียผม เมื่อตอนต้นปี สมุนอีกห้าหกคน”
ปานเทพลืมตัวลุกยืน ถลันเข้าไปขยุ้มคอเสื้อเจ้าทุกข์
“แกพูดเท็จทั้งหมด ใครใช้แกมา นังแม่มดครองสุข หรือไอ้เสี่ยตง มันจ้างแกเท่าไหร่”
เจ้าทุกข์ทำท่าคิ้วขมวด ชี้หน้าปานเทพ “เอ ... คุณนี่ คุ้นๆ หน้าเหมือนกันนะ มันพวกเดียวกันนี่หว่า”
เจ้าทุกข์ผลักปานเทพออกบอกตำรวจ “จับมันเลยครับ ไอ้โจรห้าร้อยเนี่ยมันข่มขู่ผม กล่าวหาผมนิสัยอันธพาลเหมือนไอ้เสือปลอดหัวหน้าแก๊งมันไม่มีผิด”
ปานเทพแค้นปล่อยหมัดเข้าหน้าเจ้าทุกข์จังๆ “แกด่าพ่อฉันหรือ”
เจ้าทุกข์แกล้งเซล้มยั่วต่อทำเป็นกลัวสุดๆ “ช่วยด้วยครับ มันจะฆ่าผม มันจะปิดปากพยาน”
ปานเทพเข้าไปหมายลุยจะเตะ ร้อยเวรเป่านกหวีด ตำรวจเข้ามารวบปานเทพจับใส่กุญแจมือ ชุลมุนวุ่นวาย เจ้าทุกข์แอบยิ้ม ยักคิ้วให้ปานเทพทั้งๆ ที่ปากแตก เลือดกำเดาไหล
ร้อยเวรมองปานเทพแล้วส่ายหน้าเพราะดันทำเรื่องให้เลวร้ายกว่าเดิม

ขณะที่ที่ริมหน้าต่างเวลานั้น พงษ์แอบมองอยู่อย่างกระวนกระวายใจ สีหน้าครุ่นคิดหนัก

เวลาเดียวกันครองสุขแทงไฮโลสบายใจเฉิบที่บ่อนเสี่ยตง มีโต๊ะไพ่อีกสองวง ตั้งอยู่ห่างพอประมาณ พร้อมนักพนันชายหญิงราว 15 คน

เสียงเจ้ามือเขย่าถ้วยเสียงเต๋าดังกราว ลูกขา 4 คน ลุ้นฟังเสียงลูกเต๋า
เสี่ยตงเดินเข้ามากระซิบ “ตามแผน ไอ้ปานโดนสั่งขังแล้ว”
ครองสุขมองเจ้ามือ “ดี สมน้ำหน้าในความโง่ของพวกมัน”
เสี่ยตงบอกต่อ “เด็กฉันมันรายงานว่าไอ้พงษ์มันโผล่มาอีกคน จะเอายังไง เก็บเลยมั้ย”
ครองสุขลุกยืน เดินห่างออกมาจากวงไฮโล เสี่ยตงเดินตาม
“อย่าเพิ่ง ถ้ามือขวาของไอ้ปลอดมันรู้ว่าไอ้ปานโดนจับอีกคน มันต้องไม่อยู่เฉยแน่”
ครองสุขยิ้มเจ้าเล่ห์ “จะฆ่าปลวกมดพวกนี้ ต้องฆ่าแบบยกรัง ล้างรังมันให้หมดไม่ให้ย้อนกลับมาเล่นงานเราได้อีก เอียงแก้มให้ฉันหน่อยสิจ๊ะเสี่ย”
ครองสุขยิ้ม เสี่ยตงยิ้มหื่นเอียงแก้มให้ ครองสุขกระซิบเล่าแผนการ

ที่ถนนหน้าโรงพักลูกน้องเสี่ยตง 8 คน เตรียมพร้อมอยู่ในรถตู้ ลูกสมุนเสี่ยตงคนที่ครองสุขสั่งไว้ให้คอยจับตาพงษ์ นั่งอยู่ในรถ พูดโทรศัพท์กับเสี่ย
“เข้าใจแล้วครับเสี่ย เสี่ยให้คนโทร.แจ้งเบาะแสไอ้พงษ์กับตำรวจได้เลย ผมจะคอยแจ้งตำแหน่งมันเป็นระยะ”
สมุนหัวโจก มองไปข้างหน้า เห็นรถพงษ์ขับออกไปพร้อมลูกน้องราว 6 คน ให้สัญญาณมือลูกน้อง ขับตามไป

ที่กระท่อมท้ายเหมืองเวลานั้น เปี๊ยก หวาน น้อย แวะมาหาปิ่นอนงค์ สามคนนั่งอยู่กับพื้นมีปิ่นโต ถุงเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัววางตรงหน้า ปิ่นอนงค์นั่งซึมอยู่บนแคร่ เปี๊ยกอธิบายวุ่นวาย
“ต้องแอบถามทางพวกคนงานนะ ถึงได้ข่าวว่า กระท่อมปิ่นอยู่ตรงไหน”
เปี๊ยกหน้าเครียดส่ายหน้า อธิบายต่อ หวานคอนแปลซับไทยให้อีกที
“นี่ปิ่นโตมื้อสุดท้าย คุณใหญ่จะเอาข้าวสารอาหารแห้งมาให้ปิ่นทำกินเอง”
เปี๊ยกเอาถุงห่อหมูแดดเดียวยื่นให้ ปิ่นอนงค์รับมางงๆ
“หมูแดดเดียวทอดแล้ว เก็บไว้กินได้หลายวัน ไอ้เปี๊ยกมันอุตส่าห์แอบทำมาให้”
ปิ่นอนงค์ซึ้งใจยกมือไหว้เปี๊ยก เปี๊ยกเช็ดน้ำตารับไหว้
“อ่อนลงบ้างเถอะ พี่ปิ่น ขอความเห็นใจจากคุณใหญ่ อย่างน้อยก็เคยได้เสียเป็นผัวเป็นเมียกันมา ไปต่อต้านเค้ามีแต่จะโดนหนักขึ้นนะ” น้อยขอร้อง เพราะเห็นสภาพอล้วสงสารปิ่นอนงค์
“ปิ่นไม่ได้ต่อต้านอะไร ปิ่นตั้งใจให้คุณใหญ่ทรมานจนกว่าจะสมใจเค้า เค้าจะได้หายแค้น จะได้หยุดไปก่อกรรมทำเข็ญกับคนอื่นเค้า”
หวานสะกิดน้อย เกาหัวแกรกๆ “ปิ่นมันบ้าหรือโง่วะ อีน้อย”
น้อยงง “ชั้นโง่กว่า ฟังแล้วงง ไม่เข้าใจเท่าไหร่”
ใหญ่เปิดประตูเข้ามา กวาดสายตามองหมู่มวล สายตาดุ เปี๊ยก น้อย หวาน ขยับไปรวมกัน
“กล้าดียังไง แอบมาเยี่ยมปิ่นกัน ถ้าคิดจะช่วยเหลือพากันหนี ชั้นจะจับทุกคนมัดใส่ถังน้ำมันส่งไปให้คุณนายที่ไร่”
คำขู่ของใหญ่ได้ผลทันควัน เปี๊ยกทะยานลุกไปยืนข้างใหญ่ ชี้ด่าปิ่นอนงค์วุ่นวาย หวานตามไปเกาะแขนเปี๊ยก
หวานเปลี่ยนข้างตามผัวเอาตัวรอด “ปิ่นมันปันใจให้ไอ้จอม หวานไม่เข้าข้างมันหรอก”
น้อยโผไปยืนอีกข้างของใหญ่ ยื่นหน้าใส่ปิ่นอนงค์ แถมเกาะแขนใหญ่
“น้อยก็เหมือนกัน ถ้าให้เลือกข้าง ก็ขอยืนข้างคุณใหญ่ตลอดกาล เหอๆ ปลอดภัยไว้ก่อน”
“ดี จริงใจกับชั้นอย่างนี้ ก็อยู่ด้วยกันได้”
ใหญ่กอดอก ยิ้มเยาะปิ่นอนงค์วางท่ากวนอย่างน่าหมั่นไส้
บริเวณทางเข้าเหมืองเย็นวันนั้น พงษ์และลูกน้อง อีก 6 คน อยู่ในรถตู้ โดยไม่รู้ว่าถูกลูกน้องเสี่ยตง 8 คน สะกดรอยตามมา
“ขับไปใกล้ๆ ให้มันรู้ตัว” สมุนหัวโจกสั่งการ
พงษ์มองกระจกหลัง รู้สึกว่ารถตู้ที่วิ่งตามมาห่างๆ มีพิรุธ
“มีปัญหาแล้ว เหยียบให้เต็มที่ ไปทางลัดอย่าให้มันตามทัน”

ลูกน้องพงษ์ทำตาม รถตู้เลี้ยวไปอีกทาง รถตู้สมนุนเสี่ยตงก็เร่งตามติด พงษ์หันไปมองสีหน้ากังวลรีบกดมือถือโทร.ออกทันที


ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 15 (ต่อ) 

ปิ่นอนงค์สวมชุดผ้าถุง ใส่เสื้อแขนกระบอกเหมือนสาวชาวบ้าน กำลังกางมุ้งอยู่ มีใหญ่นั่งดูไม่ยอมขยับไปไหน
 
“คุณใหญ่กลับไปได้แล้วค่ะ ปิ่นจะนอนแล้ว”
“อยากนอนก็นอนไปสิ เกี่ยวอะไรกับชั้นด้วย”
เสียงรถเบรกดังเอี๊ยดจอดหน้ากระท่อม สองคนตกใจ
เพ็ญกะเปี๊ยกลงจากรถ ใหญ่กับปิ่นอนงค์วิ่งออกมา
“คุณใหญ่เกิดเรื่องแล้ว นายพงษ์โทร.มาบอกว่าถูกพวกไอ้เสี่ยตงสะกดรอยตามมาถึงเหมือง คุณใหญ่อย่าออกไปที่เหมืองเด็ดขาด ให้หลบอยู่ที่นี่ก่อน”
“แล้วไอ้ปานล่ะครับกลับมาพร้อมพี่พงษ์หรือเปล่า”
“นายปานถูกตำรวจจับเพราะไปทำร้ายร่างกายคนที่มาแจ้งความเท็จใส่ร้ายพี่ปลอด”
ใหญ่โกรธจัด “ไอ้พวกนรก มันต้องเจอกับผม”
ใหญ่หมายจะไป เพ็ญรีบดึงไว้“ไปไม่ได้นะคะ นายพงษ์กำชับว่าอย่าห่วง จะล่อพวกมันไปที่อื่น จะให้มันเห็นคุณใหญ่ไม่ได้”
ใหญ่ไม่ยอม “ผมไม่ใช่เต่าหัวหด ทิ้งให้ลูกน้องรับหน้า ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน”
เพ็ญหันมาทางปิ่นอนงค์ “ปิ่นช่วยกันหน่อย เปี๊ยกล็อคประตู”
ปิ่นอนงค์พยักหน้ากอดใหญ่ไว้ เพ็ญกะเปี๊ยกวิ่งไปล็อคประตู
“ขอโทษค่ะ ถ้าไม่ทำแบบนี้ ก็คงหยุดคุณใหญ่ไม่ได้”
ใหญ่โกรธบันดาลโทสะ สลัดปิ่นอนงค์จนร่างกระเด็นไป ทุบประตู ในขณะที่ปิ่นอนงค์จุกอยู่ใกล้ๆ
“เปิดน้าเพ็ญ ไอ้เปี๊ยก”
ใหญ่หันไปเล่นงานปิ่นอนงค์ ชี้หน้า “เพราะเธอ”
ปิ่นอนงค์แกล้งทำหน้าเจ็บ ใหญ่เป็นห่วง “เป็นอะไร เจ็บมากมั้ย”
ใหญ่กุลีกุจอ ไปประคอง แล้วสบตาปิ่นอนงค์ ก่อนจะโกรธขึ้นมาอีก ปล่อยปิ่นอนงค์แล้วหันไปเตะประตูกระท่อมอย่างพาลๆ

ลูกน้องเสี่ยตงทั้งหมดแกล้งเดินมามองหาพวกพงษ์ว่าหายไปไหน จู่ๆ พวกพงษ์ออกมาล้อมกรอบ ลูกน้องเสี่ยตงอยู่กลางวงล้อมโดยไม่มีปืน เพราะตั้งใจไม่เอาปืนมา
พวกพงษ์เล็งปืนใส่ พวกลูกน้องเสี่ยถอยมายืนพิงกัน บรรยากาศตึงเครียด
“พวกแกมาติดกับฉัน อย่าคิดว่าจะมีชีวิตกลับไปได้อีก”
สมุนหัวโจกบอก “แกคิดว่าฉันมีคนเท่าที่แกเห็นตอนนี้หรือ” หัวเราะเยาะ “คนของเสี่ยล้อมบริเวณนี้ไว้หมดแล้ว ส่วนเมียของไอ้ปลอด กับคนในบ้านมันทั้งหมด โดนเสี่ยส่งตัวขึ้นสวรรค์เป็นที่เรียบร้อย”
พงษ์หลงกลตกใจมาก “แกโกหก”
“ไม่ใช่แค่นั้น ระหว่างที่แกมาที่นี่ ไอ้ปลอดกับลูกของมันโดนวางยาในห้องขังนอนตายน้ำลายฟูมปากในสภาพสุดอนาถ ตอนนี้ก็เหลือแต่แกคนเดียว”
พงษ์สติแตกตะโกนลั่น “ไม่จริง แกตาย”
พงษ์ยิงออกไป สมุนหัวโจกกลิ้งหลบ พงษ์แค้นจัดไล่ยิงสมุนเสี่ยตงโดนไหล่ ล้มลงถอยไปพิงต้นไม้ พงษ์แค้น
“ฉันจะแก้แค้นแทนนายหัว แทนทุกคน”
พงษ์จะยิงเสียงตำรวจตะโกนก้อง “หยุด”
แต่สมุนหัวโจก โกหกพงษ์ ทำเป็นตะโกนเรียกเสี่ยตง “เสี่ย ช่วยด้วย”
พงษ์คิดว่าเสี่ยตงมาข้างหลัง รีบหันกลับไปยิงปืนออกไปทันทีเพื่อป้องกันตัว เปรี้ยง!
ปรากฎว่าคนที่พงษ์ยิงคือตำรวจที่วิ่งนำกำลังออกมาจากป่าทึบ กระสุนโดนไหล่ ตำรวจล้มลง
พงษ์ช็อก ตำรวจที่วิ่งตามมาระดมยิงใส่พงษ์ทำวิสามัญฆาตกรรม พงษ์โดนยิงหลายนัด ตาค้าง ล้มตึง
เพ็ญถือปืนยาว เปี๊ยกกับคนงานถือปืนสั้นวิ่งตามกันมา
เพ็ญแทบล้มทั้งยืน เห็นพงษ์นอนตายต่อหน้าต่อตา “นายพงษ์!”
สมุนเสี่ยตงรีบยกมือมอบตัว บอกตำรวจ “เห็นมั้ยครับคุณตำรวจ พวกมันรอดักเล่นงานพวกผมจริงๆ”
ตำรวจเดินเข้ามาหาเพ็ญ “ผมคงต้องขอค้นเหมือง เราสงสัยว่าที่นี่จะเป็นที่ซ่องสุมอาวุธของเสือปลอด”
เพ็ญอึ้งคาดไม่ถึง

ดูเหมือนว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนร้ายของครองสุขเป๊ะๆ

รุ่งเช้า...เสียงไก่ขันดังเป็นระยะ ปลุกทุกชีวิตในเหมืองชนบทแห่งนั้นให้ตื่นขึ้นมาสู้ชีวิตกันต่อ ปิ่นอนงค์นั่งหลับอยู่ในกระทุ่อมขยับตัวลืมตาตื่น ส่วนใหญ่ยังนั่งหลับอยู่

ปิ่นอนงค์ลุกยืน แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ทุกอย่างเงียบสงบ พอหันกลับมาเห็นว่าปืนพกของใหญ่ตกที่พื้น ปิ่นอนงค์ตั้งใจจะไปเก็บปืนให้ใหญ่ จึงก้มลงเก็บปืน
ใหญ่ได้สติหยีตาสู้แสง ก่อนจะยกมือลูบท้ายทอย สะบัดหัวไปมา เป็นจังหวะที่ปิ่นอนงค์ถือปืนลุกขึ้นมายืน ใหญ่หยีตามอง
ปิ่นอนงค์เดินเข้าไปชิดแคร่จะวางปืนไว้ให้บนแคร่ ใหญ่ตบมือปิ่นอนงค์ปึ้ง ปืนกระเด็นไป ปิ่นอนงค์ตกใจ
“ปิ่นอนงค์ เธอ ... คิดจะเล่นงานฉันทีเผลอเหรอ”
ปิ่นอนงค์โบกมือวุ่นวาย “ไม่ใช่นะคะ ปิ่นเห็นปืนตกอยู่ก็เลย....” แล้วนึกโมโหใหญ่ขึ้นมาเลยเปลี่ยนใจประชดส่ง “ค่ะ จะยิงคุณใหญ่ให้ตาย
ใหญ่ลุกเดินเข้าหา “ใจร้ายเหลือเกินนะ”
หนุ่มเจ้าอารมณ์ทำท่าจะจับปิ่นเหวี่ยง นึกขึ้นได้ว่าปิ่นอนงค์ท้อง เลยชะงัก
“ถ้าไม่ห่วงเด็ก เธอโดนไปแล้ว”
ประตูกระท่อมเปิดออก เพ็ญเข้ามาสีหน้าเครียด ใหญ่สังเกตเห็น รู้ว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่
“น้าเพ็ญ”

ใหญ่กับปิ่นอนงค์ ตามเพ็ญกลับมาที่บ้านพักช็อกเมื่อรู้เรื่องที่พงษ์ตายจากปากเพ็ญ ส่วนเพ็ญนั่งซึมอยู่บนโซฟา พวกหวานนั่งเศร้าที่พื้นไม่มีใครปริปากคุยกัน
“พี่พงษ์ ไม่น่าเลย” ใหญ่ครวญ
“พวกเสี่ยตงร่วมมือกับตำรวจ สะกดรอยตามพงษ์มาที่นี่ แล้วก็ล่อให้ตำรวจฆ่าพงษ์” เพ็ญเล่าหน้าเศร้า
หวานเอ่ยขึ้น “เหมืองก็โดนปิดด้วยค่ะ เพราะตำรวจเจอปืนที่ยังไม่ได้ขอใบอนุญาตหลายกระบอกในเรือนคนงาน”
ใหญ่ตะลึงค่อยๆ เหลียวมามองปิ่นอนงค์แววตากร้าว พาลใส่ปิ่นอนงค์อีกจนได้ “เพราะเธอคนเดียวปิ่นอนงค์ เธอเป็นต้นเหตุ ทำให้ฉันไปช่วยพี่พงษ์ไม่ทัน”
ปิ่นอนงค์ทั้งตกใจ เสียใจ ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ พูดไม่ออก น้ำตาคลอ
ใหญ่โกรธจัดจับร่างปิ่นอนงค์เขย่าๆ “นิ่งทำไมล่ะ”
เพ็ญลุกยืนร้องเตือน “คุณใหญ่!”
ใหญ่มองไปทางเปี๊ยก “เปี๊ยก ไปกับชั้น นังครองสุขต้องตายวันนี้ เราจะไปเผาพวกมันให้ราบสาบสูญจากไร่ไพศาล”
ใหญ่กระชากแขนเปี๊ยกจะพากันไป เพ็ญสวมบทโหดเข้าขวางหน้าดุ ผลักอกใหญ่
“พอได้แล้วคุณใหญ่ อย่าทำให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้ได้มั้ย ตอนนี้พี่ปลอดกับนายปานก็ถูกขังอยู่ในตะราง จะไม่ให้พวกเค้าได้ออกมาหรือยังไง ทุกอย่างอยู่ที่คุณใหญ่คนเดียว มีสติบ้างสิคะ นายพงษ์ก็ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องคุณใหญ่ อย่าทำให้ความห่วงใยของนายพงษ์ไร้ความหมายสิคะ”
ใหญ่นิ่งหลบตาเพ็ญ เหลียวไปชี้หน้าปิ่นอนงค์เป็นเชิงบอกว่า...เพราะเธอ
ปิ่นอนงค์เครียดหนัก “เธอต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้ ปิ่นอนงค์”

ที่โรงพักเวลานั้น อาจารย์ซึ่งมักคุ้นสนิทสนมตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยของปานเทพ วัยราว 60 ปี มาดแน่วนิ่งดูสุขุมเยือกเย็น และน่าเชื่อถือ มาประพันตัวปานเทพ เวลานั้นนั่งอยู่ที่เก้าอี้ชุดรับแขกบนโรงพัก ส่วนปานเทพนอบน้อมนั่งคุกเข่ากราบที่เข่าอาจารย์
ปานเทพเศร้ามาก รู้เรื่องพงษ์ตายแล้ว “กราบขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งที่กรุณามาประกันตัวผม”
อาจารย์ตบหัวปานเทพเบาๆ “เสียชื่อจริงๆ เกียรตินิยมทางกฎหมายกลับมาเสียท่าเค้าได้”
ปานเทพลุกไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว “มันขาดสติจริงๆ ครับ ทีหน้าทีหลังผมจะระมัดระวังให้มากกว่านี้”
อาจารย์แนะนำ “คดีนายปลอดพ่อเธอมันยาก พยานหลักฐานเค้าแน่นหนา ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องเจตนาให้ได้ก่อน ว่านายปลอดเจตนาไปช่วยนายชาลิตหรือคุณใหญ่ของเธอจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาอื่น ไม่ต้องห่วง ชั้นช่วยคนถูกเพื่อความยุติธรรมอยู่แล้ว”
อาจารย์ลุกจะไป ปานเทพลุกพนมมือไหว้ “อาจารย์อย่าบอกพ่อผมเรื่องพี่พงษ์นะครับ”
อาจารย์ตบไหล่ปานเทพเบาๆ “เสียใจด้วยเรื่องนายพงษ์ ลูกน้องพ่อเธอ ตำรวจเค้าทำตามหน้าที่จริงๆ”
พออาจารย์ออกไป ปานเทพขบกรามยกมือปาดเช็ดน้ำตา
อาจารย์เดินสวนกับถวิลที่ปลอมตัวมา ปานเทพเดินออกมา ถวิลก้มหน้าแกล้งชนไหล่ปานเทพ ปานเทพชะงักมองหน้าถวิล ขมวดคิ้ว คุ้นๆ หน้า

เหตุการณ์ที่ไร่ไพศาล ครองสุขสีหน้าระรื่นรับฟังข่าวดี หันกลับมาทางเสี่ยตง “ไอ้ปลอดมันไม่เหลือสมุนเป็นมือเท้ามันอีก เราก็นอนหลับได้สบายใจ”
สองคนอยู่ที่กลางไร่มองออกไปเห็นลูกน้องเสี่ยตงยืนคุมเชิงอยู่โดยรอบไร่
“ยังเหลือไอ้ปานที่จะช่วยพ่อมันต่อสู้คดี” เสี่ยตงว่า
“ก็ให้มันไปวุ่นอยู่กับพ่อมัน ส่วนเราก็ตักตวงผลประโยชน์อยู่ทางนี้ได้สบายๆ ไม่มีใครคอยมาจับผิดเราได้อีก”
ครองสุขมองไร่ สูดอากาศลึกๆ เข้าปอด “วันนี้เป็นวันที่ฉันสูดอากาศในไร่ไพศาลได้อย่างเต็มปอด สบายอารมณ์มีความสุขจริงๆ”
ประไพผู้จัดการส่วนรีสอร์ตเดินรีบร้อนเข้ามา ลูกน้องเสี่ยตงมายืนขวาง
“มีอะไร อย่ามากวนใจคุณนาย” เสี่ยตงเสียงเข้ม

ประไพมองครองสุขเหมือนมีเรื่องบางอย่างจะบอก ครองสุขหันมา

ขวดเหล้าเอย ขวดโซดาเอย อีกทั้งจานกับแกล้มระเนระนาดอยู่บนโต๊ะในห้องรับแขกที่บ้านพักรีสอร์ต ทรรศนะนอนพะอืดพะอมอยู่ที่โซฟา

ครองสุขเดินเข้ามา ทรรศนะกวักมือไม่ทันลืมตามอง คิดว่าเป็นประไพ ส่งเสียงอ้อแอ้
“คุณประไพ เอามาอีกสองขวด ไม่เอาๆ ยกมาทั้งโหลเลยดีกว่า”
ครองสุขตรงเข้ามานั่ง เอาแก้วน้ำสาดหน้า
ทรรศนะลุกนั่งลูบหน้าลูบตา แต่ยังนั่งโงนเงน “อ้าว ... คุณน้า”
ครองสุขตำหนิลูกชาย “นี่มันกี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว เมาอย่างนี้แล้วเช้าจะตื่นทำงานได้ยังไง”
“ก็ตื่นมากินเหล้าอีก” ทรรศนะประชด
ครองสุขฉุนกึก “นะเป็นเจ้าของไร่ ทำตัวอย่างนี้ ใครเค้าจะเชื่อถือ ลืมๆ มันซะอดีต คิดถึงอนาคตบ้างสิ”
อรสอางค์ กับจิ๋วเครียดเข้ามา ได้ยินทรรศนะโวยวายพร่ำเพ้อถึงแต่ปิ่นอนงค์เข้าพอดี
“อนาคตช่างมัน ไม่มีปิ่นอนงค์ก็เหมือนไม่มีอนาคตอีกแล้ว”
ครองสุขหันมาเจอลุกพรวดเอาเรื่องอรสอางค์
“หายหัวไปไหนมา อรสอางค์ หัดดูแลผัวของเธอบ้าง เป็นเมียภาษาอะไร”
ครองสุขออกไป อรสอางค์เข้าไปหาทรรศนะ ซึ่งโงนเงนลุกยืน อรสอางค์จับแขนทรรศนะมาประคอง“ไปค่ะ เดี๋ยวอรจะพานะกลับไปนอนที่เรือนใหญ่”
จิ๋วเข้าลุ้น หมายจะช่วย ทรรศนะสะบัดแขนอรสอางค์จนผงะไป
“ไม่ไป ตื๊ออยู่ได้น่ารำคาญ”
อรสอางค์ของขึ้น “คุณนะเหลืออรคนเดียวเท่านั้น จะพร่ำเพ้อหานังปิ่นไป มันก็เปล่าประโยชน์ นังหน้าด้านมันตายโหงไปแล้ว”
ทรรศนะชี้หน้าอย่างมีอารมณ์ “อย่าพูดถึงปิ่นแบบนั้น”
อรสอางค์ลอยหน้าลอยตา “ทำไมพูดไม่ได้ มันไร้ยางอาย มีผัวทีเดียวถึง 3 คน ยังงมโข่งรักมันเข้าไปได้”
ทรรศนะบันดาลโทสะ ตบอรสอางค์จนกระเด็นไป จิ๋วตาค้างร้องกรี๊ด
อรสอางค์ร้องไห้โฮ จับแก้มตัวเองอย่างตกใจ
“คุณนะ ... คุณตบอร คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง”
“ทำไมจะทำไม่ได้ ถ้าด่าปิ่นอีกก็จะโดนอีก ลองดูสิ”
ทรรศนะเดินเซเข้าหาอรสอางค์ จิ๋วเข้าผลักทรรศนะกระเด็น ล้มลงไปกับพื้น
“อย่ามาทำร้ายคุณหนูของชั้นอีก ผู้ชายอะไร มีภรรยาอยู่ทั้งคนยังปันใจไปให้ผู้หญิงคนอื่น ใจคอคุณไม่เคยรู้สึกผิดสักนิดเลยหรือ ถึงหมดรักกันแล้ว ก็น่าจะให้เกียรติกันบ้าง คุณมีหัวใจ คุณหนูก็มีหัวใจเหมือนกัน ไปค่ะคุณหนู”
อรสอางค์มองทรรศนะ แววตาปวดร้าว ทั้งเจ็บใจ และผิดหวัง

บริเวณฟาร์มเลี้ยงแพะซึ่งอยู่ติดกับไร่ไพศาล ถวิลซึ่งปลอมตัวพรางตน กำลังต้อนแพะเข้าโรงเลี้ยง ปานเทพยืนมองงงๆ
“ผมแอบมาเป็นคนงานอยู่ที่นี่ เพราะฟาร์มนี้มีเขตติดกับไร่ไพศาล เผื่อจะเข้าไปสืบความเคลื่อนไหวของคุณนายครองสุขได้บ้าง”
ปานเทพเดินเข้าไหว้ถวิล “ผมขอบคุณนายหวินมาก ที่ไม่ทิ้งพ่อผม ทั้งที่ไอ้จอมมันเป็นพวกเดียวกับคุณนาย”
ถวิลหน้าหมองลงแววตาเจ็บปวด “ผมต้องหยุดคุณนาย ไอ้จอมมันจะได้ไม่ไปไกลกว่านี้”
สีหน้าถวิลมุ่งมั่นมาก ปานเทพเข้าใจ
“แล้วผมจะคอยติดต่อกับนายหวินอยู่เรื่อยๆ ผมคงต้องรีบกลับไปหาน้าเพ็ญก่อน”
“ฝากบอกคุณใหญ่ด้วยนะครับ ไม่ต้องห่วงทางนี้ผมจะคอยหาข่าวช่วยอีกทาง”
ปานเทพพยักหน้า

บนถนนเส้นทางที่จะตรงไปยังไร่ไพศาล ทัศนีย์ขับรถออกมาจากไร่ เหยียบคันเร่งมิดเพิ่มความเร็ว
ส่วนปานเทพเพิ่งขับรถออกจากฟาร์มแพะที่ถวิลไปทำงาน
ที่ถนนตรงหน้าทัศนีย์ มีรถอีแต๋นของชาวบ้านขับช้าๆ อยู่ข้างหน้า ทัศนีย์บีบแตรไล่ แล้วขับแซงขึ้นไป
เป็นจังหวะเดียวกับที่ปานเทพขับออกมาเพื่อเข้าสู่ถนนสายหลัก รถทัศนีย์วิ่งมาเร็วมาก เห็นรถปานเทพพุ่งออกมา ทัศนีย์บีบแตรยาวขอทาง แต่แล้วต่างคนต่างเบรกตัวโก่ง ทัศนีย์จอดรถเข้าข้างทาง เปิดประตูออกมาด่ายังไม่รู้ว่าเป็นปานเทพ
“แกตาบอดหรือยังไง ขับออกมาทำไมไม่ดูรถมาทางตรง”
ปานเทพเห็นทัศนีย์ ก็ขอขึ้น เกิดอารมณ์แค้นเรื่องพ่อกับเรื่องพงษ์ ปานเทพลงจากรถ ทัศนีย์ตกใจ ผงะ“นายนี่เอง นายตั้งใจจะขับรถชนฉันใช่มั้ยเนี่ย”
ทัศนีย์ก้าวฉับๆ เข้าไปหา เชิดหน้าใส่ “ฉันจะแจ้งตำรวจจับนาย ข้อหาพยายามฆ่า”
ปานเทพตาลุกวาวกำมือแน่น “ทำไม ไม่ต้องมาทำเป็นอยากจะบีบคอฉัน นายไม่ใช่ผู้จัดการไร่ไพศาล หมดอำนาจที่จะมาข่มขู่ฉันอีกต่อไป ไอ้ผู้ชายห่วยแตก”
ปานเทพแสยะยิ้ม “แน่ใจหรือว่าฉันทำอะไรเธอไม่ได้”
ปานเทพกระชากแขนทัศนีย์ แล้วดันทัศนีย์เข้ารถไป ทัศนีย์ร้องตะโกนโวยวายเสียงดังลั่น

“อ๊าย อะไรกันเนี่ย นายจะทำอะไรฉัน ช่วยด้วยๆ”

โปรดติดตาม "ปิ่นอนงค์" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น