แก้วกลางดง ตอนที่ 1
ภายในงานอีเว้นท์ เปิดตัวโฆษณาแชมพูแบรนด์ดัง อัญชิสา นางแบบสาวสวย ก้าวลงจากรถหรู เดินกรีดกรายเฉิดฉายบนพรมแดง ยิ้มรับแสงไฟแฟลชที่วูบวาบตลอดเวลา จู่ๆ ชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งแทรกคนเข้ามาดึงมือกระชากเธอจะดึงไป อัญชิสาร้องลั่น
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
ชายหนุ่มอีกคนที่ใส่หน้ากาก กระโดดมา
“หยุดนะ”
ชายหนุ่มคนนั้นกระชากอัญชิสากลับมา ผมเธอปลิวไสวสวยงามมาหลบอยู่ข้างๆแล้วเขาก็ต่อยหนุ่มชุดดำจนหมอบไป ชายหนุ่มที่ใส่หน้ากากเดินมาหาอัญชิสา คุกเข่าลงแล้วจับมือเธอขึ้นจูบ อัญชิสาหันมามองผู้ชม
“ไม่ว่าสถานการณ์ไหน ผมหวาน ก็อยู่ทรงสวยได้เสมอค่ะ”
อัญชิสา สะบัดผมอีกครั้ง พร้อมเท้าสะเอวโพสท่า พิธีกรที่ยืนอยู่ อีกมุมประกาศขึ้น
“คุณหวาน...อัญชิสา เซเลบบริตี้รับเชิญของเราคะ”
ทุกคนตบมือ มองอย่างชื่นชม อัญชิสาเริดๆ เชิดๆ วางมาดอย่างราชินี หนุ่มๆ มองตาเป็นมัน อัญชิสา ทิ้งหางตาให้ แล้วกับมาเชิดนิดๆ ให้ดูมีค่า ขณะที่จินนี่ เพื่อนสาวคนสนิทมองเพื่อนอย่างรู้ทัน
เมื่อโชว์ผ่านพ้นไปด้วยดี อัญชิสามานั่งอยู่หลังเวที เช็คหน้า เช็ดผมตัวเองอยู่ จินนี่เดินเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น
“ยายหวาน เมื่อกี้ บรรดา เสือสิงห์กระทิงแร่ดหน้าเวทีมองแก ตาเป็นมัน”
“ถ้าไม่มองซิแปลก”
ขณะเดียวกันนั้นเธอเห็นดอกแคทลียาสีขาว ดอกใหญ่ดอกหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกระดาษจึงหยิบขึ้นมาดู
“แคทลียาถือเป็นราชินีแห่งกล้วยไม้ แต่เมื่อเทียบกับหวานแล้ว ผมว่าแคทลียาก็ยังหมอง”
จินนี่ดึงมาอ่านอย่างเร็ว
“ต๊าย...เก๋ซะ!”
อัญชิสารู้ทันที
“ทรงเผ่า!”
ทรงเผ่าเดินยิ้มเข้ามา อัญชิสาส่งยิ้มให้
“ชอบดอกไม้ผมมั้ยครับ ไวท์ ไดมอน สำหรับคุณหวาน”
“นึกว่าเผ่าจะไม่มาให้กำลังใจหวานเสียแล้ว”
“ต้องมาซิครับ พอดีรอคุยงานกับออฟฟิศทางโน้น ภาพชุดก่อน มีปัญหานิดหน่อย”
“เมื่อไหร่ เผ่าจะหันมาถ่ายรูปคน แทนพวกสิงสาราสัตว์ ต้นไม้ ดอกไม้ บ้างล่ะคะ”
“ถ่ายรูปผู้หญิงสวยๆผมไม่ถนัดหรอกครับ ชอบอยู่ใกล้ๆมากกว่า”
ทรงเผ่าส่งตาหวานใส่อัญชิสา
“ขอโทษนะคะ ทนดูไม่ไหวแล้ว ตาร้อนมาก ขอตัวไปประคบตาก่อนนะคะ”
จินนี่ออกไป สองคนหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข
“จริงซิ...แล้วคราวนี้ จะไปเมื่อไหร่คะ”
“พรุ่งนี้ครับ ผมนัดพรานเก่าฝีมือดีของคุณพ่อไว้แล้ว”
ทรงเผ่าบอกยิ้มๆ
ในป่ารกชื้นของวันใหม่...ทางเผ่าไปเดินผ่ากับจั่น ซึ่งเป็นนายพราน ลูกน้องเก่าของพ่อ ทรงเผ่าถ่ายรูปพวกมอส เห็ด ที่เกาะตามต้นไม้สวยๆหลายช็อต เขาเหลือบเห็นดอกกล้วยไม้ ป่าที่อยู่บนซอกเขา จึงตั้งท่าจะหันไปอีกทางแล้วเดินไป จั่นรีบห้ามไว้
“อย่าครับ คุณหนู”
ทรงเผ่าชะงัก จั่นยืนนิ่ง แต่ในมือมีมีดสั้นเตรียมปาค้างอยู่
“มีอะไร”
“อยู่เฉย ๆ แค่อย่าขยับตัวเท่านั้นครับ คุณหนู”
งูค่อยๆ เลื้อยผ่านเท้าเขาไป ทรงเผ่ามองหน้าจั่นกลั่นหายใจ บรรยากาศตึงเครียด แต่จั่นสบตาทรงเผ่าขอให้เชื่อมั่น จนงูเลื้อยผ่านเข้าพงไม้ไป ทรงเผ่าถอนหายใจโล่งอก
“สัตว์พวกนี้ ปกติมันไม่ทำร้ายคนหรอกครับ มีแต่เราที่ทำร้ายมันก่อน ถ้าเราอยู่เฉยๆ นิ่งๆ มันก็ไป”
“ฉันเห็น ช้างกระ อยู่ตรงโน้น นานๆ จะเห็นกล้วยไม้ป่า ใหญ่ขนาดนี้ สมบรูณ์มาก”
“เมียผมก็ชอบ เอามาเสียบผมให้นังกระแตประจำ”
“ลูกสาวตาจั่นชื่อกระแตเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ แต่มันเหมือนกระแตป่า แม่มันตามใจ พอแม่มันตาย ผมจะตีก็สงสาร มันเลยได้ใจ มันชื่อ เมียวดี”
“เมียวดี งั้นเหรอ! กี่ขวบแล้วหละถึงได้ซนนักนะ”
จั่นยิ้มตาพราว
ที่ธารน้ำตก...เมียวดีนั่งอยู่ริมน้ำตกดึงดอกกล้วยไม้ป่าสีขาว ที่ทัดไว้ที่มวยผมยุ่งๆ ออกมาดม ก่อนจะทิ้งลงน้ำอย่างเซ็ง สาวๆสองคนแช่อยู่ในน้ำร้องทัก
“อีเมียว ลงมาเร็วๆ”
“โอ๊ย ปีที่แล้วก็อาบแล้ว จะอาบทำไมอีก น้ำเย็นจะตาย”
“ปีหนึ่งอาบน้ำที ผู้ชายก็หนีหมดนะซิ แบบนี้เอ็งถึงยังไม่มีผัว”
“ข้าอยู่กับพ่อ ไม่เห็นต้องมีผัวเลย”
สองสาวหัวเราะกันคิกคัก
“มีผัวก็จะได้มีคนเลี้ยงไง...อย่าพูดมากเลย มาอาบน้ำเถอะ”
เมียวดีลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้...ขณะเดียวกันนั้น ฟ้าลั่นค่อยๆ แอบย่องดูอยู่ที่โขดหิน...ส่วนอีกมุมเหินฟ้าก็แอบย่องเข้ามาดูอยู่ที่โขดหินอีกก้อนเช่นกัน เมียวดีตั้งท่าจะปลดกระดุมเสื้อแต่ จู่ๆ ก็หันควับไปอีกทาง
“อ้าว จะหันไปไหนนะอีเมียว”
เหินฟ้าเสียดาย
“ปัดโธ่ น้องเมียว เสียจังหวะหมด”
เหินฟ้า กับฟ้าลั่นค่อยๆขยับ ถอยหลังกันมาเพื่อหามุม ตาก็ยังสอดส่ายดูเมียวดี ทำให้หลังชนกัน ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน
“เฮ้ย !”
ทั้งคู่หันหน้ามาเจอกัน
“ไอ้ฟ้าลั่น”
“ไอ้เหินฟ้า”
สองคนรีบจุ๊ปาก ห้ามเสียงดัง เมียวดีชะงักทันที ฟ้าลั่นโวยทันที
“เอ็งมาทำอะไรว่ะ อย่าบอกนะว่าเอ็ง...มาแอบดูอีเมียว”
เหินฟ้ารีบปิดปากฟ้าลั่น
“เอ็งจะแหกปากทำไม แล้วเอ็งล่ะ ที่เอ็งมา คง...” เหินฟ้าประชด “คงมาตกปลา ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่...ข้ามาดูอีเมียว เอ๊ย...ใช่...โอ๊ยไม่ใช่...ก็ เหมือนเอ็งนั้นแหละ เอาล่ะ วันนี้ ข้าจะยกให้เอ็งซักวันไอ้เหินฟ้า เพราะ ถ้าขืนพูดมากกว่านี้ เราจะอดกันทั้งคู่”
เหินฟ้ายอมพยักน้าสงบศึก สองคนค่อยๆเกาะโขดหิน เล็งสาวอาบน้ำกันต่อ เมียวดีหายไปแล้ว
“โอ๊ย...โอ๊ย...หัวใจไอ้ฟ้าลั่น จะหลุดออกมานอกเสื้อแล้ว”
“แม่คุณ เอ๊ย...” มีมือหนึ่งมาแตะไหล่เหินฟ้า “เฮ้ย อย่าสะกิดซิว่ะ”
มือหนึ่งแตะไหล่ฟ้าลั่นบ้าง
“ข้าไม่ได้ยุ่งกับเอ็ง เอ็งนั้นแหละ เอามือออกไป”
เหินฟ้ายกมือมาให้ดู
“มือข้าอยู่นี่”
ฟ้าลั่นยกมือบ้าง
“มือข้าก็อยู่นี่ ไม่ใช่ ของเอ็ง ของข้า แล้วของใคร”
“ของข้า แต่ไม่ใช่มือ ตีนข้าเอง”
เหินฟ้ากับ ฟ้าลั่นหันไป เห็นเมียวดียืนจังก้าอยู่ สองคนหน้าซีด
“ไอ้หมาลั่น ไอ้หมูฟ้า นี่เอ็งสองคนกล้ามาแอบดูข้าอาบน้ำเหรอ!”
เมียวดีถีบ ฟ้าลั่นกับเหินฟ้า หงายหลังลงน้ำไปทันที
เต็นท์ของทรงเผ่าตั้งอยู่ไม่ไกลหมู่บ้านนัก เขากำลังวุ่นอยู่กับการโหลดรูปจากในกล้องมาในโน๊ตบุ๊ค จั่นนั่งยองๆมองอยู่ตกใจ ถึงกับผงะล้มก้นกระแทก
“คุณหนูเล่นแร่แปรธาตุหรือเปล่า ทำไมรูปมันไปโผล่ในนี้ได้”
ทรงเผ่าหัวเราะ
“ฮะๆๆ ว่างั้นก็ได้ แล้วถ้าแถวนี้มีสัญญาณซักหน่อยนะ ฉันส่งรูปพวกนี้ไปให้คนดูทั่วโลกยังได้เลย เสียดายไม่งั้นฉันจะได้ส่งงานบางส่วนไปให้สตีฟดูก่อน”
จั่นงงๆ
“ให้ฝรั่งที่มาจ้างคุณหนูถ่ายรูปพวกนี้นะหรือครับ แล้วมันส่งไปทางไหน”
“ก็ไปตามอากาศนี่แหละ”
“คุณหนูล้อผมเล่นแล้ว เอ๊ะ...” จั่นทำจมูกฟุดฟิด “ใครมาเผาอะไร
แถวนี้”
“ฉันไม่ เห็นได้กลิ่นอะไรเลย”
“คุณหนูอยู่เหนือลม ไม่ได้กลิ่นหรอกครับ”
ทันใด เมียฟ้าลั่นสองคน วิ่งร้องไห้มา
“ตาจั่นๆ รีบไปดูเร็ว อีเมียวมันจะเผาผัวพวกเรา ฮือ ๆๆ”
เมียวดี นั่งอยู่บนต้นไม้แกว่งเท้า กินผลไม้ไปอย่างสบายอารมณ์ ฟ้าลั่นโดนบังคับก่อไฟ อยู่ เมียวดีเอาผลไม้ที่กินขว้างหัวฟ้าลั่น เหินฟ้าโดนจับมัดแขนมัดขาห้อยอยู่กับเสาเหมือนหมูหัน
“เอ๊า!...เร็วๆซิวะ ไอ้หมาลั่น จุดไฟแค่นี้ชักช้าอยู่ได้ แล้วเมื่อไหร่จะได้กินหมูย่าง หรือว่า จะให้ข้าย่างเอ็งแทนมัน ห๊า”
“ข้าผอมแห้ง เนื้อไม่แน่นเหมือนไอ้เหินฟ้าหรอก” ฟ้าลั่นร้องลั่น
“ไอ้ฟ้าลั่น หุบปากเลย...น้องเมียวจ๋า พี่เป็นลูกหัวหน้าหมู่บ้านนะ อย่าทำกับพี่ฟ้าแบบนี้เลย”
“ก็ได้ เห็นแก่พ่อเอ็ง ข้าจะย่างแค่ให้ตูดเอ็งดำ ก็พอ”
เมียวดีกระโดดลงมา เป่าไฟเอง ไฟเริ่มขึ้น เหินฟ้าตกใจหน้าตื่น
“ว๊าก พ่อๆจ๋า...ช่วยด้วย ๆ”
เหินฟ้าพยายามพลิกตัวตัวเองขึ้นมาข้างบนเสา หนีความร้อน พร้อมกับเป่าไฟให้ดับด้วย เมียวดีหัวเราะชอบใจ ฟ้าลั่น รีบฉวยโอกาสถอยหลังจะวิ่งหนี แต่เมียวดีไวคว้าคอไว้ได้
“เอ็งจะไปไหน”
ฟ้าลั่นโดนมัดไว้กับใต้ต้นไม้ เมียวดีถือรังมดแดงเดินมา ตามองที่กางเกง ฟ้าลั่นตื่นกลัวรู้ว่าเธอจะเอามดแดงใส่เข้าไป
“เฮ้ย...อีเมียว เอ็ง อย่านะ ข้ายังไม่มีเมียเลย ยังไงเราก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
“นี่ข้าก็จัดการเอ็งในฐานะพี่น้องไง ไม่งั้นข้าย่างเอ็งเป็นหมูย่างเหมือนไอ้หมูฟ้าไปแล้ว”
เมียวดีเดินเข้ามา ฟ้าลั่นร้องลั่น
“อย่า! ๆๆๆ”
“เมียวดี นั้น เอ็งทำอะไร”
จั่นเดินมาพร้อม เมียสองคน ของเหินฟ้า ทรงเผ่าตามมาเห็นสภาพถึงกับหัวเราะ แต่ก็ต้องเก็กหน้าขรึมเหมือนเดิม
“พ่อมาพอดีเลย ทันเห็นไอ้หมูฟ้าย่าง กับไอ้หมาลั่นมันชัก”
“ทำไมเล่นอะไรพิเรนแบบนี้” ทรงเผ่าดุ
เมียวดีจ้องหน้า
“ไม่ใช่เรื่อง อย่ามาเสือกยุ่ง”
“พูดจาแบบนี้ เป็นน้องเป็นนุ่งต้องจับตีก้นสั่งสอนกันแล้ว”
“ก็เอาชิ”
เมียวดีพ่นน้ำลายใส่ แถมก็หันมาโยนรังมดแดงใส่ ทรงเผ่าหลบแทบไม่ทัน รีบปัดมดแดงออก โดนมดกัดบ้าง จั่นตกใจ
“เฮ้ย...นังเมียว”
จั่นหันไปจะด่า ปรากฏว่าเมียวดี วิ่งหนีไปไกลแล้ว แถมหันมาแลบลิ้นใส่ทรงเผ่าอีก จั่นส่ายหัวรีบไหว้ขอโทษ
“ดูมัน...เห็นฤทธิ์นังกระแตป่าของผมหรือยัง ขอโทษแทนมันจริงๆครับคุณ”
ทรงเผ่ารีบรับไหว้
“ไม่เป็นไรหรอกตาจั่น” ทรงเผ่าแกะมดจากตัว “แสบไม่ใช่ย่อยนะ เมียวดี”
“จะคุยกันอีกนานมั้ย ฉันจะสุกอยู่แล้ว” เหินฟ้าโวยวาย
ทุกคนรีบเข้าไปช่วยเหินฟ้า
ค่ำนั้น...เมียวดีกอดอก คุกเข่า ตาคอยมองพ่ออยู่ที่หน้ากระท่อม จั่นถือไม้เรียวเดินไปมา เคาะข้างๆตัว แบบขู่ๆ
“โอ๊ย...เจ็บ”
เมียวดีทำเป็นร้องรู้ดีว่าพ่อไม่ตี
“ข้ายังไม่ได้ตีเอ็งสักเอะเลย นังเมียว ร้องทำไม”
“ก็ซ้อมร้องไว้ก่อน แต่พ่อจะตีฉันจริง ๆเหรอ รู้มั้ยว่าไอ้สองคนนั้น มันแอบดูฉันอาบน้ำ ฉันต้องก็สั่งสอนกันให้รู้จักเมียวดีกันบ้าง”
“แต่เอ็งทำมันเกินไป เกิดมันตายไปทำยังไง”
“เป็นลูกป่า ถ้าแก้เชือกยังไม่เป็น ก็ให้มันตายไปนะดีแล้ว”
“แล้วคุณล่ะ”
“คุณไหน”
เมียวดีแกล้งไม่รู้ จั่นตีไปข้างๆตัว
“ไม่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง รู้มั้ย ว่าพ่อของคุณ...เจ้านาย มีบุญคุณแค่ไหน ส่งเงินมาให้ข้าเป็นประจำ ถึงไม่ได้ทำงานกันแล้วแต่ก็ยังดูแลไม่เคยทอดทิ้ง...”
“ที่เอ็งโตมาได้ ก็เพราะเงินของเจ้านาย...พ่อพูดประจำ ฉันจำได้น่า” เมียวดีย้อน
“เออ ดี...” จั่นถอนหายใจ “นังเมียวเอ๊ย เมื่อไหร่จะเลิกเกเรเสียที ถ้าข้าเป็นอะไรไป เอ็งจะอยู่ไงคิดบ้างมั้ย ให้เอาผัวก็ไม่ยอม”
“ไม่คิดหรอกพ่อ เพราะพ่อยังอยู่อีกนาน หนังเหนียวขนาดนี้”
เมียวดีลุกขึ้นเข้าไปประจบ กอดพ่อจนจั่นอดหัวเราะไม่ได้
“พูดทีไร เอ็งก็เป็นเสียอย่างนี้”
จั่นถอนหายใจ เมียวดีมองพ่อขำๆ
“พ่อ...พ่อจะถือไม้มาทำไม ไม่เห็นเคยได้ใช้ เอาไปทำฟืนทุกที”
“ข้าก็ถือให้เอ็งกลัวบ้างนะซิวะ ไม่ต้องพูดมาก เดี๋ยวเอ็งเอายาสมุนไพรไปให้คุณด้วย”
“แค่มดแดงกัดตัวสองตัวเนี่ยนะ!ต้องทายา ผิวบางไปหน่อยมั่งพ่อ เป็นผู้ชายหรือเปล่า ฉันว่าน่าจะ...”
จั่นขัดขึ้นเสียงเข้ม ช้าๆ ชัดๆ
“เ มี ย วดี...นี่ พ่ อ สั่ ง !”
เมียวดีย่นจมูกไม่กล้าพูดอะไรอีก
เมียวดีถือกะลาใส่ยาสมุนไพรเดินมาในเต็นท์ทรงเผ่าอย่างหงุดหงิด ทรงเผ่านุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ พยายามทายาที่ตัวเองโดนมดกัด
“พ่อให้เอายามาให้”
ทรงเผ่ารีบหนีบผ้าเช็ดตัว
“เฮ้ยออกไป ไอ้หนู เอ๊ย...หนู”
เมียวดีมองหัวจรดเท้า ไม่แยแส
“ตอนไอ้เต้ยตาย มันโดนน้ำดูด เราลงไปช่วยพ่อลากศพมันขึ้นมา ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น เห็นมากกว่านี้อีก”
ทรงเผ่าส่งสายตาดุ
“ทะลึ่ง เป็นเด็กเป็นเล็ก พูดแบบนี้ได้ยังไง”
“เราพูดเรื่องจริง แล้วถ้าเราเป็นเด็ก พ่อจะให้เราเอาผัวได้เหรอ”
ทรงเผ่าสะอึกอีกรอบ ได้แต่ส่ายหน้า
“งั้นเป็นผู้หญิง ก็หัดพูดจาให้มันเพราะๆ หน่อยได้มั้ย เอาผง เอา...เอ่อ” ทรงเผ่ากระดาก “ผัวนี่ เค้าไม่พูดกัน”
“บ้านเราเค้าก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น ไม่เพราะตรงไหน” เมียวดียื่นกะลา “ตัวโตเท่าควายแล้ว แขนขาก็ครบ ทายาเองได้นะนาย”
เมียวดีวางกะลา หันหลังเดินออกไป ทรงเผ่าโกรธเข้ามาจับแขนเมียวดี
“เมียวดี”
เมียวดีสะบัด พร้อมศอกกลับอย่างว่องไว ทรงเผ่าหลบเกือบไม่ทัน เมียวดีควักมีดที่แหน็บหลังออกมาแล้วประชิดตัวจ่อมีดที่คอเขา
“เฮ้ย...เดี๋ยว ฉัน แค่จะอยากขอดูดอกกล้วยไม้ที่มวยผมเธอเท่านั้น”
“ผู้หญิง ผู้ชาย ยังไม่ได้แต่งาน ห้ามถูกกัน มันผิดผี”
“ฉันขอโทษ”
เมียวดียอมปล่อย เอามีดออก ทรงเผ่าโล่งใจ
“เธอเอามาจากไหน ตั้งแต่ฉันมา เข้าป่ากับพ่อเธอยังไม่เคยเจอเลย”
“อ๋อ ช้างเผือก”
“เป็นกล้วยไม้ป่า ตระกูลเดียวกับช้างกระ ในป่าโน้น มีเยอะแยะ”
ทรงเผ่าตาเป็นประกาย
“จริงๆเหรอ”
วันใหม่...อัญชิสา ซึ่งกำลังจะเข้าไปที่ร้านอาหารกับจินนี่ กดรับโทรศัพท์อย่างดีใจ
“เผ่า...โทรมาได้ไงค่ะไหนว่า ไม่มีสัญญาณ”
ทรงเผ่าอยู่ในร้านขายของชำ มือหนึ่งถือมือถือคุยไปอีกมือ ก็หยิบเงินจ่ายแม่ค้า
“ผมทนคิดถึงคุณหวานไม่ไหว เลยลงมาที่หมู่บ้านข้างล่างนะครับ พอมีสัญญาณบ้าง”
“งั้นก็รีบกลับมาซิค่ะ”
“ใจผมนะกลับไปหาคุณหวานตั้ง นานแล้ว”
อัญชิสาคุยอีกครู่หนึ่ง ก็กดวางโทรศัพท์ จินนี่ที่อยู่ด้วยกันมองหน้าเชิงถาม
“สรุปว่า...”
“ยังไม่กลับอีก ขออยู่ต่ออีก 2- 3วัน บอกว่าอยากเก็บภาพเพิ่ม” อัญชิสา ถอนหายใจอย่างเซ็ง “ทำยังกับเป็นกล้วยไม้วิเศษงั้นแหละ กะอีแค่กล้วยไม้ป่า”
“ก็มันงานเป็นของเค้านี่แก”
“เอ๊ะ...ตกลงแกเป็นเพื่อนใคร จินนี่”
“แหม...ฉันก็แค่พูดตามน้ำ ถ้าคิดถึงนักแล้วทำไมแกไม่ตามเค้าไปล่ะ”
“ตามไปป่าเนี่ยนะ แล้วฉันจะเช็คเฟสบุ๊คยังไง ใครจะเม้นรูปให้แกล่ะ”
จินนี่เห็นด้วย
“เออจริง”
อัญชิสา สะบัดหน้าเดินไปข้างใน กระแทกไหล่กับสาทิศ นักธุรกิจหนุ่ม
“ขอโทษครับ”
อัญชิสา ตั้งหน้าจะต่อว่า แต่สาทิศส่งตาหวานเข้ามาก่อน
“เดี๋ยวครับคุณ...”
“เราเคย รู้จักกันด้วยเหรอค่ะ ขอโทษค่ะ ฉันนึกไม่ออก”
“ก็ตอนนี้ไงครับ ที่เรารู้จักกันแล้ว ผมสาทิศ ครับ ทำโรงแรมแล้วก็ รีสอร์ท 2-3 แห่งอยู่ทางภาคเหนือ”
เมื่อสาทิศบอกอย่างนั้น อัญชิสาสนใจขึ้นมาทันที
ช่วงบ่าย...สาทิศขับรถมาส่งอัญชิสาที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณนะคะ ที่มาส่ง แหมช่างบังเอิญจริง ๆ รถยายจินนี่มาเสียพอดี ถ้าไม่ได้คุณสาทิศมาส่ง หวานคงต้องนั่งแท็กซี่กลับมาเอง”
“งั้น...จะไม่เลี้ยงกาแฟผมซักแก้วเหรอครับถือเป็นการตอบแทน”
อัญชิสายิ้ม
“อยากทำอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ แต่บังเอิญ บ้านหวานไม่มีใครทานกาแฟ”
“คุณหวานนะ...ใจร้าย”
สาทิศไม่ได้ต่อว่าจริงจัง อัญชิสา หัวเราะ มองเห็นโทรศัพท์ของเขาที่วางอยู่ในรถ หยิบขึ้นมากด
“เบอร์นี่คงพอแทนกันได้นะคะ”
อัญชิสา ลงจากรถไป สาทิศมองตาม ยิ้มอย่างพอใจที่เธอรับไมตรี อัญชิสา เดินเข้าบ้าน เจนนี่โทรมาเธอรับกดรับ
“เป็นไงย่ะ เหยื่อกินเบ็ดหรือยัง”
“อย่างฉัน มีเหรอจะพลาด”
ทรงเผ่าเดินถือถุงของเข้ามาที่เต็นท์ ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะเกราะแว่ว ๆ เขามองรอบๆดูบรรยากาศเงียบๆ
“ทำไม วันนี้ทั้งหมู่บ้านถึงดูเงียบจัง”
ทรงเผ่าเห็นเหมือนเงาคนเดินผ่านเตนท์ ได้ยินเสียงกรอบแกรบ รีบหยิบปืนที่เหน็บหลังอยู่อย่างรวดเร็ว พุ่งไปหลบทางข้างเตนท์ ก่อนจะชักปืนเตรียมยิง เล็งไปเต็มที่ปรากฏว่าเป็นฟ้าลั่นที่รีบยกมือ
“เฮ้ย...อย่ายิงนาย ฟ้าลั่นเอง”
ทรงเผ่าถอนหายใจโล่งอก เก็บปืน
“นายมาหาฉันเหรอ”
“ใช่...นาย ตาจั่นให้ฟ้าลั่นมาบอกนายว่า วันนี้จะพาเข้าป่าช้าหน่อย”
“งั้นเหรอ...เกี่ยวกับที่ฉันได้ยินเสียงเกราะหรือเปล่า ในหมู่บ้านมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”
“หัวหน้าหมู่บ้าน เรียกประชุมทุกคนนะ ก็...” ฟ้าลั่นตั้งท่าจะเล่าแล้วนึกได้ ต้องเกาปาก “คันปากจริงๆ แต่ เอาไว้ให้ตาจั่นบอกเองดีกว่า ตาจั่นสั่งมาแค่นี้ ถ้าพูดมากเดี๋ยวเดี๋ยวแกเขกกบาล ไปล่ะนาย”
ฟ้าลั่นวิ่งหายไป
“อ้าว เดี๋ยวซิ!”
ทรงเผ่าได้แต่สงสัย
อ่านต่อหน้า 2
แก้วกลางดง ตอนที่ 1 (จบตอน)
ทรงเผ่าถ่ายรูปต้นไม้แถวน้ำตกนั้นสองสามรูป เหลือบมองจั่นที่ถือปืนมองไปทั่ว อย่างระวังดูขรึมกว่าเดิม
“วันนี้ดู ตาจั่นเงียบๆ”
“คุณจะได้ทำงาน ผมก็จะได้ฟังเสียงป่า”
“เมียวดีบอกฉันว่าในป่าบนโน้น มีกล้วยไม้ป่าอีกเยอะแยะ ฉันเห็นดอกกล้วยไม้ที่ปักบนมวยผมเมียวดี สวยมาก ทำไมตาจั่นถึงไม่พาฉันเข้าไป”
“ไม่จำเป็นต้องเข้าไปป่าบนหรอก เชื่อผมเถอะ”
“แต่ถ้าฉันจบงานนี้ด้วยช้างเผือก กอโตๆ ฟอร์มสวยๆสมบรูณ์ๆ คงเยี่ยมมาก”
“ดอกไม้มันไม่ไปไหนหรอกคุณ ไว้คราวหลังดีกว่า”
“นี่...อย่าบอกนะพรานป่าฝีมือดีอย่างตาจั่นไม่กล้าที่จะเข้าไป ฉันไม่เชื่อหรอก เพราะเด็กผู้หญิงอย่างเมียวดียังเข้าไปได้”
จั่นมองทรงเผ่า
“อีเมียวมันเป็นลูกพรานป่า โตมากับป่า แต่...คุณหนู เป็นลูกนาย มันอันตรายเกินไป”
“อันตรายยังไง”
จั่นเงียบไม่ตอบ แต่เปลี่ยนเรื่อง
“ตะวันเลยหัวมากแล้ว คุณเร่งมือเถอะ ผมอยากให้ถึงที่พักก่อนตะวันตก”
จั่นตัดบท ทรงเผ่าได้แต่เก็บความสงสัยไว้
จั่นส่งพวกกระเป๋าใส่อุปกรณ์ถ่ายรูป ให้ทรงเผ่า
“ผมว่า ถ้าคุณถ่ายรูปพอแล้ว คุณควรกลับดีกว่า”
“นี่จะไล่ฉันกลับดื้อๆเลยเหรอ”ทรงเผ่างง
“ครับ”
ทรงเผ่าหน้าเหวอ
“เฮ้ย...สั้นๆ แค่นี้เหรอ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ มีอะไรก็พูดกับฉันได้”
จั่นยิ้มๆ
“คุณนะใหญ่แต่ตัว ลูกเมียยังไม่มี เอาไว้ทำพืชทำพันธ์ให้พ่อคุณเสียก่อน ดีกว่า” จั่นเปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า ผมจะลงไปส่งคุณในเมือง”
จั่น เดินออกไป ทรงเผ่าชักหงุดหงิด
“ลับลมคมในอะไรนัก”
ทรงเผ่าไม่ยอมแพ้ จะเดินตามไป แต่กลับมีเสียงลอยออกมา
“พ่อให้ทำยังไง นายก็ทำแบบนั้นเถอะ อย่าหาเรื่องเลย”
ทรงเผ่าปี๊ดทันทีมองไปข้างใน ก่อนจะเดินมาเปิดเต็นท์เข้ามาเห็นเมียวดีนอนไขว้ขากระดิกเท้าอยู่
“เธอ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร”
“โอ๊ย...หายใจดังขนาดนี้ แล้วยังไม่ได้ยิน หูหนักแบบนี้ใครเข้ามาหักคอคงไม่รู้”
ทรงเผ่าโมโห
“เธอว่าอะไรนะ”
เมียวดียักไหล่ไม่ตอบ แต่กลับมองไปรอบๆ เห็นข้าวของที่วางอยู่
“ของเยอะ เอามาทำไมตั้งมาก สงสัยพรุ่งนี้ก็ยังเก็บกลับไม่หมดหรอก”
“ใครบอกว่าฉันจะกลับ”
“ก็เราได้ยินเต็มสองหู...”
ทรงเผ่าโมโห เลยหาเรื่องว่าเรื่องอื่น
“นี่เธอเข้ามาค้นของๆฉันใช่มั้ย”
“เราจะค้นทำไมไม่เห็นมีอะไรมีแต่ของกระป๋อง อยู่ป่านะไม่ต้องกลัวอดตาย หรอก อะไรๆก็กินได้ทั้งนั้น...”
ทรงเผ่าโมโหที่เธอเกทับแต่ทำอะไรไม่ได้ เมียวดีเด้งตัวลุกขึ้น
“พ่อบอกว่านายถ่ายรูปลงหนังสือเหรอ คนเมืองก็แปลกนะชอบดูเงา แทนของจริง”
เมียวดีมองไปที่หนังสือ เดินไปเปิดพลิกดูอย่างสนใจ ทรงเผ่ามองแล้วก็รีบบอก
“นี่ ถ้าเธอชอบฉันยกให้ เอาไปเลย มีตั้งหลายเล่ม เอาไปให้หมดก็ได้”
เมียวดีแปลกใจ
“ยกให้เรา! จริงเหรอ”
“ใช่...แต่เธอพาฉันไปป่าบนได้มั้ย เอางี้เดี๋ยวฉันจะแถมเงินให้ด้วย เธออยากได้เท่าไหร่”
“เราอยู่ป่าไม่มีเงินก็ไม่อดตายหรอก ในเมื่อพ่อยังไม่พานายไป เรื่องอะไรเราจะพาไป แล้วก็ไม่ต้องถามต่ออีก ว่าทำไม ถ้าพ่ออยากให้รู้ คงบอกนายไปแล้ว”
เมียวดีโยนหนังสือคืนให้อย่างไม่แยแส ก่อนจะเดินออกไป ทรงเผ่าหงุดหงิด
“อะไรก็ไม่ได้ ไม่บอก ฮึ...ทั้งหมู่บ้านไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวหรอก”
ค่ำนั้น ฟ้าลั่นเดินมาตามทางเดินในหมู่บ้านแล้วก็ชะงักเมื่อ เห็นขวดใส่เหล้าที่เป็นขวดสแตนเลสแบนๆที่ใช้แบ่งใส่เวลาออกป่าตกอยู่ที่พื้น ฟ้าลั่นมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร
“ของมันอยู่กับพื้น ก็แปลว่าไม่มีเจ้าของ เมื่อฟ้าลั่นเจอมันก็เป็นของฟ้าลั่นเน้อ”
ฟ้าหลั่นหยิบมา เปิดฝาดมกลิ่นดู พอได้กลิ่นก็ตาวาว ทรงเผ่าที่แอบดูอยู่ยิ้มที่เป็นไปตามแผน ฟ้าลั่นเปิดขวดดื่มแล้วเช็ดปากกับเสื้อหน้าเหยเก ทรงเผ่าโผล่มาถาม
“เป็นไง”
ฟ้าลั่นสะดุ้ง
“นาย!...คือ มันตกอยู่ ฟ้าลั่นไม่ได้ลักมาน่า”
ทรงเผ่ายิ้มๆ
“ฉันทำหล่นเอง ไม่ใช่ความผิดนาย ไง...แรงไปเหรอ”
“จืดเหมือนน้ำเลยนาย”
ทรงเผ่าหน้าตื่น
“เฮ้ย...นี่ยังไม่แรงอีกเหรอ”
“ฮือ...สู้ที่ฟ้าลั่นต้มเองไม่ได้ กินแล้วมันวูบถึงท้อง จุดไฟติดเลยล่ะนาย”
“งั้นเหรอ เสียดายจังนะ ฉันว่าจะชวนนายไปดื่มเป็นเพื่อนอยู่พอดี แต่เหล้าฝรั่งมันอ่อนไปสำหรับนาย ก็ไม่เป็นไร ของแบบนี้ไม่ฝืนใจกัน”
ฟ้าลั่นตาวาว ทรงเผ่าแกล้งเดินไปเพื่อดูท่าที
“เดี๋ยวนาย...เพื่อนาย ฟ้าลั่นจะฝืนกินดูเป็นเพื่อนนายก็แล้วกัน...แต่นิดเดียวนะ”
ทรงเผ่ายิ้ม พอใจเข้าแผน
ฟ้าลั่นเมาได้ที่คุยโว ทรงเผ่าคอยหลอกล่อให้ฟ้าลั่นพูด
“โอ๊ย...อันตรายอะไรกัน กะอีแค่ไอ้ลายเท่านั้นแหละนาย”
ทรงเผ่าแปลกใจ
“เสือนะเหรอ”
“ฮือ...นั้นแหละ ไอ้อินมันไปเก็บหน่อไม้ที่ป่าบน เจอไอ้ลายไล่งับ เห็นเค้าว่ามันมาจากฝั่งโน้น”
ทรงเผ่าอึ้งไปนิดเพิ่งจะเข้าใจ
“เรื่องนี้ใช่มั้ย ที่เรียกประชุมกันทั้งหมู่บ้าน แล้วตาจั่นก็เร่งให้ฉันกลับนัก”
“คงงั้นแหละ แกเป็นห่วงนาย เพราะธรรมดาแล้วไอ้ลายมันไม่ค่อยมาป้วนเบี้ยนหรอก มันอยู่ในป่าลึกโน้น โอ๊ย...นี่ถ้าเป็นฟ้าลั่นนะ ฟ้าลั่นจะเอาหอกปักให้ตรงหน้าอกมัน แค่นี้ก็เสร็จแล้ว”
“ฟ้าลั่นเคยสู้กับมันมาแล้วเหรอ”
“ยัง!...แต่พ่อเคยสอน คงไม่อยากหรอก ฟ้าลั่นก็เป็นลูกพรานเหมือนกัน ไม่ใช่แต่อีเมียว”
“ไอ้ขี้โม้” เมียวดีเดินเข้ามา “เจอแค่รอยตีนเอ็งก็วิ่งหางจุกตูด แล้วไอ้หมาลั่น”
ฟ้าลั่นลุกขึ้นยืนทั้ง ๆที่โงนเงน
“นังกระแตปากตำแย เอ็งก็ไม่เคยเจอเหมือนกันล่ะ หน่อยๆทำเป็นเก่ง ดีแต่เห่าเหมือนกันละว๊า โฮ่งๆ”
ฟ้าลั่นทำเสียงเห่ายั่ว เมียวดีโมโห กระโดด เข้าข่วนหน้า
“โอ๊ย...อีนี่ เตะตายชักเลย”
ฟ้าลั่นเหวี่ยงมือผิดมือถูก เพราะเมา เมียวดีกระโดดเข้ากัดหู ฟ้าลั่นร้องลั่น
“โอ๊ย...อีหมาบ้า ปล่อยนะ”
ทรงเผ่าส่ายหัวเข้าไปห้าม ดึงเมียวดีออกมา
“พอแล้ว เลิกๆกันได้แล้ว”
ทรงเผ่าเอาแขนรัดเมียวดีไว้เพื่อดึงแยกออกมา เมียวดีกัดเข้าที่แขนทรงเผ่า
“โอ๊ย...เธอนี่มันหมาบ้าอย่างฟ้าลั่นว่าจริงๆ”
เมียวสะบัดหลุด ออกมายืนถ่มน้ำลายใส่ทั้งสองคนทรงเผ่ารีบยกมือบัง
“เฮ้ย!”
เมียวดีได้จังหวะวิ่งหนีไปแต่ก็ยังหันมาด่า
“กลับบ้านนายไปได้แล้ว ไป๊...เอ็งด้วยไอ้หมาลั่น ปากมาก เล่าโน้นเล่านี่ให้คนอื่นฟัง สักวันข้าจะฉีกปากเอ็งให้ถึงหู”
ทรงเผ่าถึงกับส่ายหน้ากับความปากจัดของเมียวดี
“ดูมันซินาย” ฟ้าลั่นตะโกนด่าตอบ “อีนังกระแตปากตำแย”
ทันใดนั้นท่อนไม้เล็กๆถูกขว้างเข้ามาในวง สองคนหลบกระเจิงกันไปคนละทาง
วันใหม่...ฟ้าลั่นนอนกรนสนั่นหวั่นไหว เท้าใครคนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดที่เขาใช้ ปลายปืนลูกซองเขี่ย ฟ้าลั่นปัดออกอย่างรำคาญ
“อย่ายุ่ง เดี๋ยวพ่อตบ”
ฟ้าลั่นหลับต่อ จั่นมอง เห็นขวดน้ำวางอยู่ หยิบเอามาเทใส่หน้า ฟ้าลั่นสะดุ้งตื่น ลุกขึ้น
“เฮ้ย!...น้าจั่น”
“เออ ข้าเอง...ไอ้ฟ้าลั่น นายอยู่ไหน”
“ก็นอนอยู่นั้นไงล่ะ น้า...”
ฟ้าลั่นชะงักมองไปที่เตียงสนามของทรงเผ่าปรากฏว่าว่างเปล่า เขากวาดตามองไปรอบๆ ก็ไม่มี จั่นหนักใจ
ทรงเผ่าทั้งแบกปืน ทั้งกล้องถ่ายรูป เต็มอัตรา เดินเข้ามาในป่าเหงื่อโทรมกาย แวะหยุดกินน้ำในกระติกที่พกติดตัวมา คอยมองรอบๆตัว อย่างไม่ประมาท ก่อนจะเดินต่อ ทรงเผ่าใช้กล้องส่องทางไกลเห็นช้างเผือกช่อใหญ่ ขึ้นอยู่บนต้นไม้ข้างหน้า เขาดีใจ รีบเดินต่อ
ขณะเดียวกันนั้น เขามีความรู้สึกเหมือนมีใครซุ่มมองจากพุ่มไม้ก็ชะงักแล้วรีบเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อย พร้อมกระชับปืน จากเดินเป็นวิ่ง ก่อนจะสะดุดหินล้มลง ปืนหลุดจากตัว ทันใดนั้นเหมือนมีบางอย่างพุ่งเข้ามาหา เขาตกใจหลับตาแน่นตามสัญชาตญาณคิดว่าโดดแน่ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเปิดตาเงยดูเห็นเป็นจั่นยืนอยู่พร้อมปืน
“คุณหนีออกมาคนเดียวแบบนี้ ไม่ดีเลยนะ”
ทรงเผ่าค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทรงเผ่าถ่ายรูปกล้วยไม้เสร็จเก็บกล้อง
“เห็นมั้ย แค่นี้งานฉันก็เรียบร้อย”
จั่นส่ายหน้า
“คุณนี้ดื้อไม่หาย...”
ทรงเผ่ายักไหล่
“ก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว อย่าลืมซิ ฉันก็เป็นลูกศิษย์ ตาจั่นเหมือนกัน” เขาชูปืนให้ดู “ตอนเรียนเมืองนอก ฉันได้เหรียญทองยิงปืนนะ ถ้าไอ้ลายมาฉันจัดการได้อยู่แล้ว”
ตาจั่นยิ้ม บอกนิ่งๆ
“ยิงเป้ามันง่าย มองแวบเดียว หลับสองตายังยิงถูกเลย แต่ยิงสัตว์มันไม่เหมือนกันหรอกครับ ไหนจะภูมิประเทศ แล้วต้องรู้จักสัญชาตญาณสัตว์”
“งั้นเดี๋ยวเจอ ฉันจะยิงให้ดู”
“โบราณบอกว่า เข้าป่าอย่าถามถึงเสือ เสร็จแล้ว งั้นก็กลับเถอะคุณ วันนี้ป่ามันเงียบเกินไป”
จั่นดูบรรยากาศรอบๆ เห็นแปลกๆ
“ป่าก็เหมือนเดิม...อีกหน่อยน่า ไหนๆก็มาแล้ว”
ทรงเผ่าเดินนำเข้าไปทันที จั่นส่ายหน้า ฉับพลันทรงเผ่าก็เห็นเหมือนพุ่มไม้เคลื่อนไหว จั่นร้องห้าม
“อย่า คุณ !”
แต่ไม่ทันแล้ว ทรงเผ่าประทับปืนยิงเข้าไปทันที
“เปี้ยง!”
เสือลายตัวใหญ่กระโจนออกมาจากพุ่มไม้ ยืนจังก้าต่อหน้าคำรามน่ากลัว
“โฮก”
“ถอย...คุณ”
จั่นตัดสินใจกระแทกทรงเผ่าออกไปอย่างแรง เสือผ่านตัวไปนิดเดียว ทรงเผ่าล้มกลิ้งลงไปตามทางลาด กลิ้งไปเรื่อยๆ ชนโน้นนี้ จั่นหันหลับมายกปืนขึ้นเล็งประจั่นหน้า เสือพุ่งเข้าใส่เสียงคำรามดังลั่น จั่นตกใจ
“ปัง!”
เสียงปืนดังก้องไปทั้งป่า ทรงเผ่ามาชนหยุดที่ต้นไม้ใหญ่พอดี
ทรงเผ่าเกาะพื้น พยุงตัวขึ้นมาจากทางลาดมองหา
“ตาจั่น...ตาจั่น”
เงียบไม่มีเสียงตอบ ทรงเผ่าตะโกนอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงเบาๆ
“คุณ....เป็นไง”
ทรงเผ่ามองหาต้นเสียง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นจั่นนอนซุกตัวอยู่ข้างก้อนหิน พยายามลุกขึ้นแต่ไม่สำเร็จ เลือดชุ่มทั่วตัว
“ตาจั่น”
เขารีบเข้าไปประคอง
“คุณ ไม่เป็นไรนะ เจ็บตรงไหนมั้ย”
“ฉันไม่เป็นไร...” ทรงเผ่ารู้สึกเสียใจที่จั่นยังห่วงเขามากกว่าตัวเอง “นี่ถ้าฉันไม่ดื้อ”
“คุณดื้อเสมอ ตั้งแต่เด็ก...”
จั่นเลือดทะลักออกมา
“ฉันเสียใจ ตาจั่น”
“แต่ผมไม่เสียใจ เพราะคุณปลอดภัย”
ทรงเผ่ารู้สึกจุกจนเกือบร้องไห้
“ฉันสัญญา ฉันจะเอาตัวมันมาให้ได้”
“อย่า!”
จั่นชี้ไป เห็นรอยเลือดเป็นทาง หยดอยู่ตามใบไม้เข้าไปในป่า
“เมือง เป็นถิ่นของคุณ ป่าเป็นถิ่นของมัน เสือลำบากจะร้ายขึ้นหลายเท่านัก แต่...ก็ทิ้งไว้ไม่ได้ บอกให้เมียวดีจัดการ”
“อย่าเพิ่งพูดมากเลย ฉันจะพาตาจั่นไปหาหมอ”
“เห็นจะไม่มีทาง ไม่ถึงแน่”
ทรงเผ่าไม่ฟังเสียงแบกจั่นขึ้นหลัง
“เสียแรงเปล่าๆ”
ทรงเผ่าไม่ฟังแบกเดินออกไป
ทรงเผ่าแบกจั่นเดินโซเซมาเลียบๆน้ำเขาหมดแรงแทบจะล้ม
“ทิ้งตาจั่นไว้ที่นี่เถอะคุณหนู เลียบหนองน้ำนี้ไป อีกพักก็พ้นแล้ว”
“ลืมไปแล้วเหรอ ตาจั่นเคยสอนฉันเอง กฎของป่า 1 ต้องไม่โกหก 2 ไม่ทอดทิ้งเพื่อนในยามยาก”
จั่นยิ้มทั้ง ๆ ที่อ่อนแรง
“ฉันจะไม่ทิ้งตาจั่นเด็ดขาด”
“งั้นก็ระวังนะคุณ เผื่อยังไงก็ฝากนังเมียวดีด้วย”
“ตาจั่นไม่เป็นอะไรหรอก อีกพักเดียวก็จะถึงแล้ว อดทนอีกหน่อยนะ”
ทรงเผ่ากัดฟันเดินต่อไปเหงื่อไหลเข้าตา แต่เขาก็ไม่สน จั่นที่อยู่บนหลังทรงเผ่าค่อยๆ ตาปิดลงอย่างสงบ
อีกด้าน...เมียวดีกระชากคอฟ้าลั่น
“เอ็งนี่เมาเหมือนหมา แล้วยังปากหมาอีก เอ็งเสือกบอกนายทำไมเรื่องไอ้แมวยักษ์”
“โอ๊ย...เรื่องนี้อีกแล้วเหรอ เมื่อเช้าน้าจั่นก็มาเอาเรื่องข้าทีหนึ่งแล้ว เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกนา น้าจั่นแกตามนายเข้าไปแล้ว เผลอ ๆถ้าเจอตัวมัน ก็จะได้จัดการเสียเลย ฝีมือพ่อเอ็งนะจัดการไอ้แมวยักษ์สบายมาก”
“เอ็งว่าไงนะ พ่อ เข้าป่าไปตามนายเหรอ”
“ฮือ...อ้าว นั้นไง นายมาแล้ว...”
ทรงเผ่าแบกตาจั่นมาไกล ๆเห็นแสงไฟจากระท่อมก็มองอย่างดีใจ
“ถึง...แล้ว...ตาจั่น...” ทรงเผ่าเดินเข้ามาที่ฟ้าลั่นกับเมียวดี
ฟ้าลั่นชะงักเมื่อเห็นจั่นอยู่บนหลัง เมียวดีมองเห็นพ่ออึ้งไป
“ไปตามหมอมาที...เร็วซิ เมียวดี ฟ้าลั่น” ทรงเผ่าสั่ง
ฟ้าลั่นส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่าจั่นตายแล้วน้ำตาคลอ เมียวดีเห็นสภาพพ่อก็พอรู้ น้ำตาไหล
“ยืนเฉยทำไม ไม่ได้ยินเหรอ”
ทรงเผ่าหมดแรง ทำจั่นร่วงกับพื้นนอนนิ่ง ทรงเผ่ารู้แน่ว่าจั่นตาย เมียวดีโผเข้าไปกอดพ่อ
“พ่อ...พ่อ ฮือ ๆ ๆ”
“ไม่จริง ตาจั่นยังไม่ตาย”
ทรงเผ่าค่อยๆ ล้มลงกับพื้นหมดสตินอนแผ่ไปอีกคน
จบตอนที่ 1 อ่านต่อตอนที่ 2 หน้า 3
แก้วกลางดง ตอนที่ 2
เช้าวันใหม่...ทรงเผ่านอนอยู่ในเต้นท์ลืมตาตื่น สะดุ้งลุกขึ้น
“ตาจั่น!”
เขามองไป เห็นฟ้าลั่นที่นั่งอยู่
“นาย...ฟื้นแล้วเหรอ”
ฟ้าลั่นดีใจรีบ ส่งน้ำให้
“ค่อยๆ จิบนะนาย”
“ตาจั่น ล่ะ ตาจั่นอยู่ไหน ยังไม่ตายใช่มั้ย”
ฟ้าลั่นเงียบหน้าสลด เปลี่ยนเรื่องอื่นยื่นน้ำให้อีกที
“นายจิบน้ำก่อนดีกว่า”
ทรงเผ่าปัดน้ำทิ้ง รวบรวมแรงจับคอเสื้อฟ้าลั่น
“ฉันถามว่า ตาจั่นอยู่ไหน...ปลอดภัยดีใช่มั้ย”
ฟ้าลั่นมองหน้าทรงเผ่า นิ่งตัดสินใจชั่วครู่ ก่อนจะบอก
“อีเมียว มันกำลังทำศพอยู่”
ทรงเผ่าเซซังออกไปทันที ฟ้าลั่นรีบตามไปอย่างเป็นห่วง
ที่ลานหน้าบ้านเมียวดี ทรงเผ่า เดินเข้ามา ฟ้าลั่นตามมาดึงมือเขาให้กลับ
“นาย!...กลับเถอะ”
ทรงเผ่าสะบัดมือ เดินเข้าไปที่ลานบ้าน เห็นชาวบ้าน เหินฟ้า ช่วยกันตัดไม้ไผ่ บ้างก็ช่วยเมียวดีมัดศพ เมียวดีไม่ร้องไห้ แต่เม้มปากแน่นอย่างใจแข็ง ทรงเผ่าเดินเข้ามาทุกคนเงียบกริบ หันไปดู เหินฟ้ารีบเข้าไปกระซิบฟ้าลั่น
“ไอ้ฟ้าลั่น ให้นายมาทำไม บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ให้ดูนายไว้อย่าให้มา”
เมียวดีชะงักนิดนึงแล้วก็ทำงานต่อเอาไม้ไผ่มากั้นสองข้าง แล้วเอาผ้าห่อเพื่อใส่ศพ ทรงเผ่ามองๆแล้วพูดขึ้น
“ฉันต้องมา ฉันอยากมาดูตาจั่น”
“มีอะไรต้องดู คนตายแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร พ่อตาย ก่อนจะมาถึงที่นี่เสียด้วยซ้ำ”
“สำหรับทางเธอ คนตายแล้ว อาจจะไม่มีประโยชน์ แต่สำหรับฉัน...ตาจั่นเป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่ เราเพิ่งผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันหยกๆ เพราะฉะนั้น ฉันอยากเห็นแกอีกครั้ง”
เมียวดียอมให้ทรงเผ่าเดินเข้ามาดูที่ศพ เขาดูอย่างสะเทือนใจ
“พ่อตายยังไง”
ทรงเผ่าเงียบ เมียวดีถามช้าๆอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันอยากรู้ ว่า พ่อตายยังไง”
“ฉันยิงมัน...ไอ้ลาย แต่พลาด"
ทรงเผ่า เล่าให้ เมียวดีฟังว่าพอเขายิงพลาด ตาจั่นก็กระโดดเข้ามาแทนที่เขาแล้วยิงเสือตัวนั้น”
เมียวดียิ้มมุมปากอย่างแค้นใจ เมื่อได้ยินการเล่าของทรงเผ่า
“หึ...ชั่วชีวิตพ่อยิงเสือมาไม่รู้เท่าไหร่ แล้วก็ไม่เคยพลาดสักครั้ง...ไม่มีพรานคนไหนหรอกที่จะโง่กระโดดเข้ามา เมื่ออีกฝ่ายพลาด”
เมียวดีสบตาทรงเผ่าเหมือนรู้ดีว่าพ่อทำแบบนั้นเพราะอะไร เหินฟ้าเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีรีบเข้ามาแทรก
“พรานคนไหน ก็พลาดกันได้ทั้งนั้น ไอ้แมวยักษ์มันดุนัก น้องเมียว ใจเย็นๆน่า ไหนๆตาจั่นแกก็ตายไปแล้ว”
“ถ้าเป็นพ่อ แกตายบ้าง แกจะพูดยังงี้มั้ย ไอ้เหินฟ้า”
เหินฟ้าจ๋อยไป ทรงเผ่าหน้าเครียด
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น นายเตรียมตัวกลับได้แล้ว งานนายก็เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกแล้ว กลับไปซะ”
เมียวดีเดินออกไป ทรงเผ่ารู้สึกทั้งเสียใจและ อับอาย กับเรื่องที่เกิดขึ้น ตะโกนบอก
“ฉันสัญญาไว้แล้ว ว่าฉันจะฆ่าเสือตัวนั้นให้ได้”
เมียวดีหันมายิ้มเยาะ ก่อนจะเดินออกไป
ค่ำนั้น...ทรงเผ่านอนหลับอยู่ในเต้น สักครู่เขาก็สะดุ้งตื่น เพราะน้ำตาตกลงหน้า พอลืมตาดู เห็นเมียวดียืนค้ำหัวอยู่เธอเช็ดน้ำตาอย่างเด็ดขาด ทรงเผ่าลุกขึ้นนั่ง
“เมียวดี!”
เมียวดีเช็ดน้ำตา ก่อนจะชี้มาที่เขาอย่างโกรธแค้น
“พ่อตาย เพราะความดันทุรังของนายคนเดียว พ่อตายแทนนาย...ตายแทนนาย”
ทันใดนั้น ศพจั่นโผล่เข้ามาหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด ก่อนจะล้มลงเหมือนจะทับตัวของเขา ทรงเผ่าร้องลั่น
“อ๊าก!”
ทรงเผ่าหลับตายกมือขึ้นหลบแล้วสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้า เขานอนไม่หลับอีกต่อไป จึงเดินออกมา
เช้ามืด...ทรงเผ่าเดินมาตามทางเดินในหมู่บ้านที่หมอกลงหนา เขาเพ่งมอง เห็นคบไฟอยู่เบื้องหน้า
“นั้นใคร!”
ทรงเผ่าเพ่งมองอีกครั้งเห็นเมียวดีถือคบไฟเดินนำมา
“คน ไม่ใช่ไอ้แมวยักษ์”
ฟ้าลั่นกลั่นหัวเราะ ทรงเผ่ารู้ทันที เดินเข้าใกล้
“เมียวดี!”
เมียวดีไม่ตอบแต่มองหน้าเฉยๆอย่างกวนๆ ทรงเผ่ามองไปเห็น ฟ้าลั่น กับชายในหมู่บ้าน ช่วยกันหามศพที่ห่อผ้าของจั่น มีชาวบ้านตามมาด้วยหลายคน
“เช้ามืดแบบนี้จะไปไหนกัน นั่นศพตาจั่นไม่ใช่เหรอ”
เมียวไม่ตอบ ฟ้าลั่นอดไม่ได้จึงตอบแทน
“จะเอาศพน้าจั่นไปฝั่งนาย”
เมียวดีตวาดทันที
“ไอ้หมาลั่น!”
ทรงเผ่ามองหน้าเมียวดี
“แล้วทำไมไม่บอกฉันด้วย เมียวดี...เธออาจจะโกรธฉัน แต่สำหรับฉันกับตาจั่น ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฝังศพกันไม่ได้”
“ก็มาเจอแล้วนี่ จะไปหรือไม่ไปล่ะ พูดมาก ชักช้าสายกันพอดี”
เมียวดีให้สัญญาณ เดินต่อไป ทรงเผ่าได้แต่ส่ายหน้าแล้วรีบเดินตามขึ้นไปสบทบข้างเมียวดี...ทรงเผ่าเดินรั้งท้ายแถว ที่เดินเรียงกัน เขาเริ่มหอบด้วยความเหนื่อย จนกระทั่งขบวนแห่ศพเดินขึ้นมาถึงตรงลานกว้างบริเวณหน้าผาที่มีซุ้มมะลิปลูกอยู่ เมียวดีให้สัญญาณหยุด
“จะฝังที่นี่เหรอ มีแต่หิน จะฝังยังไง” ทรงเผ่าถามอย่างสงสัย
“ก็ขุดไงนาย” ฟ้าลั่นบอก
“พ่อสั่งไว้ ถ้าตายให้มาฝังที่นี่...แม่อยู่นั้น”
เมียวดีชี้ไปที่กอมะลิ ทรงเผ่าเพิ่งเข้าใจ เมียวดีเริ่มลงมือขุดหินที่อยู่ด้านบน ทรงเผ่าเข้าช่วย
เมียวดีเอาก้อนหินก่อนสุดท้ายพูนที่หลุมศพ คนอื่นยืนดู เธอแอบเมินหน้าเช็ดน้ำตานิดเดียวก่อนจะตัดใจลุกขึ้นเข้มแข็งเหมือนเดิม ชาวบ้านทยอยกลับ ทรงเผ่ายืนมองงงๆ
“แค่นี้เหรอ...”
เขามองฟ้าลั่นเหมือนถาม ฟ้าลั่นพยักหน้า
“เสร็จแล้วนี่นาย...กลับเถอะ”
ฟ้าลั่นหันไปมองหลุมศพเหมือนลา ก่อนจะเดินออกไป ทรงเผ่ามองดูเมียวดีที่ยังยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย
“แล้ว...จะไม่หาดอกไม้มาวางหน่อยเหรอ”
“ทำไมต้องวาง”
“อ้าว ก็เป็นการคาราวะ เป็นการแสดงความรัก หรือไว้อาลัยไง”
“คนตายแล้วไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น รักกัน ชอบกัน เวลาอยู่ถึงจะรู้ ถ้าเคารพกันก็แสดงด้วยกิริยา ทำไมต้องบอก”
ทรงเผ่าถึงกับอึ้งกับปรัชญาชาวเขา
ทรงเผ่าเดินตามเมียวดีมาตามทางเดินที่เป็นหินบริเวณน้ำตก สักครู่เธอก็หันมาหยุดมองอย่างหงุดหงิด
“เดินเร็วหน่อยได้มั้ย หรือนายจะรอเจอไอ้แมวยักษ์”
ทรงเผ่าชะงัก แล้วก็คิดขึ้นได้
“เสือตัวนั้น ตาจั่นแกบอกว่าเธอจัดการได้”
เมียวดีที่ตั้งท่าจะเดินต่อถึงกับชะงัก
“พ่อ พูดแบบนั้นจริงๆเหรอ”
“เธอไม่เชื่อเหรอ นั้นซิ ฉันก็คิดว่าคงเป็นเพราะพ่อเธอเพ้อมากกว่า เธอยังเด็กนัก”
“เด็ก!” เมียวดีโกรธ “งั้นก็คอยดูเด็กบ้างซิ มันไม่เคยวิ่งหนีป่าราบให้ใครตายแทนหรอก”
“เธอคิดว่าฉันทำยังงั้นเหรอ”
เมียวดีท้าทาย
“นายทำหรือเปล่าล่ะ”
ทรงเผ่าโกรธมาก
“ถ้าเธอคิดแบบนั้น ฉันก็คงห้ามความคิดเธอไม่ได้แต่คนอย่างฉัน เมื่อสัญญาแล้วจะต้องทำ ฉันจะฆ่าเสือตัวนั้นให้ได้”
“ฮึ...นั้นมันสัญญาของนายไม่เกี่ยวอะไรกะเรา”
ขาดคำเมียวดี ก็กระโดดไปตามหินอย่างทะมัดทะแมง ทรงเผ่าเดินตาม แต่ทรงตัวไม่ค่อยดี เลยล้มกระแทกหิน เมียวดียืนดูไม่ช่วย
“กะอีแค่ก็เดินยังไม่ได้ความแล้วจะทำอะไรกิน ไปนุ่งซิ่นดีกว่า”
ทรงเผ่าชักโมโห
“เธอว่าอะไรนะ”
“หูไม่ดี ช่วยไม่ได้”
เมียวดียิ้มเย้ย แถมแลบลิ้นใส่ ล้อเลียน ทรงเผ่าฉุนขาด
“เมียวดี เดี๋ยวเถอะ!”
เมียวดีส่ายหน้า
“จะไปล่าแมวยักษ์ เอาไปด้วยก็เป็นภาระเปล่าๆ เฮ้อ...กลับเองนะนาย แต่ระวังหน่อย จะถูกตะครุบหนังหัวไม่รู้ตัว ฉันกลับล่ะ”
เมียวดีหายไปอย่างรวดเร็ว ทรงเผ่ามัวแต่พยุงตัวลุกขึ้นพอเงยหน้ามาเธอก็หายไปแล้ว
“เฮ้ย เดี๋ยวซิ เมียวดี...เด็กบ้าอะไรว่ะเนี่ย”
ทรงเผ่าชักระแวงตามคำของเมียวดี เขาค่อยๆเดินไปตามทางเดินในป่าปากก็เรียกหา
“เมียวดี”
เงียบไม่มีเสียงตอบ ทรงเผ่าเหนื่อยมากจนต้องหยุดหายใจ
“แล้วจะไปทางไหนต่อเนี่ย ทิศ เหนือ ทิศใต้ก็ไม่รู้”
ทรงเผ่ามองไปรอบ ๆ แล้วก็คิดขึ้นได้ ยกนาฬิกาข้อมือที่มีเข็มทิศเล็กๆ ติดอยู่มาดู แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อนึกถึงคำพูดของ จั่นที่เคยสอนเขาไว้
‘เข็มทิศ มันบอกได้แค่ทิศ แต่ถ้าคุณหัดสังเกต ใบไม้ ต้นหญ้า หรือ แม้แต่ก้อนหิน มันก็บอกอะไรได้เยอะแยะ’
ทรงเผ่าชะงักคิดออก หันไปมองรอบ ๆ อย่างสังเกต เห็นร่องรอย ต้นไม้เล็ก ๆ ถูกเหยียบ แล้วก็หักไว้
“มีคนเคยเดินผ่านทางนี้”
ทรงเผ่ายิ้มอย่างมีความหวัง
“ฉันกลับเองก็ได้ ไม่ง้อเธอหรอกเมียวดี”
ทรงเผ่าเดินตามแนวต้นไม้ที่ถูกหักไว้เรื่อยๆจนในที่สุด ก็วกมาที่เดิม
“เฮ้ย...ทำไมมันกลับมาที่เดิม...”
ทรงเผ่าเหนื่อยจนกลืนน้ำลายก็แทบไม่ไหว คอแห้งผาก นั่งลงพัก แล้วก็เหลือบเห็น มะขามป้อมสามสี่ลูกบรรจงวางเรียงกันบนใบไม้ คิดได้ทันทีว่าเป็นฝีมือใครก็โมโหมาก
“ถูกไอ้เด็กบ้านั้นหลอกจนได้ เมียวดี เธออยู่แถวนี้ใช่มั้ย ออกมานะ”
เงียบไม่มีเสียงตอบ
“คอยดูนะ ถ้าฉันออกไปได้...น่าดู”
ทันใดนั้นเสียงเมียวดีก็ดังขึ้น
“เอาเลย เราจะไปคอยดูนายที่หมู่บ้านแล้วกัน”
เมียวดีที่แอบซุ่มอยู่ในพุ่มไม้แอบหัวเราะ ทรงเผ่าโมโห
“เมียวดี ฉันบอกให้ออกมา”
“อย่าพูดมากเลยนาย กินมะข้ามป้อมก่อนก็ได้ แก้หิวน้ำดีนะ ฮะๆๆๆ”
เสียงหัวเราะของเมียวดีค่อยจางไป ทรงเผ่าหงุดหงิด
“เมียวดี...ยายเด็กบ้า!”
เงียบไม่มีเสียงตอบ ทรงเผ่ารู้แน่ว่าเมียวดีหายไปแล้วเขามองมะขามป้อมที่กระเด็นอยู่ แล้วเสียดายเลยตัดสินใจเดินไปเก็บมากิน แต่พอกัดไปได้หน่อยก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียง
“โฮ่ง!”
ทรงเผ่าหยุดนิ่ง ก่อนจะรีบเดินกึ่งวิ่ง ไปอีกทาง...เมียวดีป้องปากทำเสียงคำรามขู่
“โฮ่ง”
เธอแกล้งคำรามดักซ้าย-ขวาไปเรื่อย ๆ ทรงเผ่า วิ่งเต็มที่ลุยผ่านต้มไม้เกี่ยวเสื้อก็ไม่สนใจ วิ่งไม่คิดชีวิตออกมา
เมียวดีดักอยู่ที่ลานหมู่บ้าน เล่าให้ฟ้าลั่นกับเหินฟ้าและชาวบ้านฟังอย่างสนุกสนาน
“นายเค้าแยกไม่ออกเหรอ ว่าไหนเสียงไอ้แมวยักษ์หรือว่าเสียงน้องเมียว” เหินฟ้าถามอย่างแปลกใจ
ทรงเผ่าเดินโซเซเข้ามาได้ยิน ฟ้าลั่นพูดพอดี
“นายเค้าเป็นคนเมืองนะโว้ย จะหูดีอย่างเอ็งได้ไง”
“ไอ้หมาลั่น...นี่แน่ะ”
เมียวดีถีบฟ้าลั่นลงไปกองทันที พร้อมกับชี้หน้าทำนองขู่ไว้ ก่อนจะหันมาคุยโวต่อ
“ใช่แล้ว ประกาศเสียงดังว่าจะไปจับไอ้แมวยักษ์ แต่แค่ได้ยินเสียงมัน ก็วิ่งป่าราบ ฮ่า ๆๆๆๆ ขำว่ะ ฮ่าๆๆๆ”
เหินฟ้าก็ขำแต่พอหันไปเห็นทรงเผ่ายืนฟังอยู่ก็หยุดกึก พยายามส่งสัญญาณให้เมียวดี แต่เมียวดีไม่หยุด ทรงเผ่าโมโหมาก
“เมียวดี...เธอจงใจแกล้งฉัน”
“ทำไงถึงเรียกว่าแกล้ง”
“ไม่ต้องมาไก๋ ทั้งหมดวันนี้ในป่า เป็นฝีมือเธอ”
เมียวดียืดตัวหน้าตาจริงจัง ถือดี
“ถ้านายรู้จักป่าเหมือนฝ่ามือนาย นายจะไม่มีวันหลง...นายสัญญาว่านายจะล่าไอ้แมวยักษ์ให้พ่อ แต่จมูกนายไม่ได้กลิ่น หูนายไม่ไว แล้วตานายก็แยกไม่ออกว่าอะไร ไปก็ตาย ที่สำคัญ...” เมียวดียิ้มยาะ “นายยังกลัวมันเสียด้วย นายกลับไปเสียเถอะ เราจะจัดการกับมันเอง ฮะๆๆๆๆ”
ทรงเผ่าหน้าชา เมื่อเมียวดีพูดความจริง และหัวเราะใส่หน้า แต่ในตามุ่งมั่น
เช้า....วันใหม่ ที่บ้านทรงเผ่า...ทนงพ่อของทรงเผ่า กำลังนอนเคลิ้มเมื่อวงศ์ แม่บ้านเก่าแก่นวดให้
“เออ นั้นแหละ ๆๆ แม่วงศ์ อู๊ยยยย โอ๊ยๆ ๆ”
บัวคลี่ที่กำลังจะเดินเข้าประตูมา ได้ยินเสียงร้องก็เข้าใจผิด ผลักประตูเข้าไปทันที
“คุณพี่ ทำอะไรกัน...อุ๊ย!”
บัวคลี่ชะงักเมื่อเห็นว่าวงค์กำลังดัดหลัง แบบนวดไทย ใช้เท้าดันหลังดึงแขนให้ตึงจนอกแอ่น
“ทำอะไร ก็นวดอยู่นะซิ” ทนงเห็นหน้าบัวคลี่ “อ้อ ๆ” ทนงรู้สึกภูมิใจขึ้นมาที่
เมียหึง “รู้แล้ว นี่หึงฉันใช่มั้ยล่ะ”
บัวคลี่รีบแก้ตัว
“แหม...ดิฉันกลัวคุณพี่ปล้ำแม่วงศ์ต่างหาก ก็คุณพี่นะ หนุ่มๆเจ้าชู้ใช่ย่อยเสียเมื่อไร”
“โธ่ ๆๆ ผมนะมีเมียนางงามอยู่แล้ว จะไปคว้าสาวแก่อย่างแม่วงศ์มาทำไม”
วงค์ค้อนให้ทนงวงใหญ่
“เหมือนกันล่ะคะ คุณท่าน ถึงดิฉันจะโสดมาจนอายุขนาดนี้ แต่ดิฉันก็เลือกนะคะ คนหนุ่มๆที่เส้นไม่ยึดยังมีอีกตั้งเยอะ”
คราวนี้ทนงจ๋อยบ้าง บัวคลี่หัวเราะคิกคักขำแทน
“อย่างเจ้าเผ่าคนโปรดใช่มั้ย เช้าหอม เย็นหอม”
“ใช่ค่ะ...แต่ว่า ทำไมเที่ยวนี้ถึงไม่ยอมส่งข่าวมาเลยนะ เมื่อไรจะกลับก็ไม่บอก ปล่อยให้คนแก่คิดถึง”
เชอรี่ เด็กรับใช้ในบ้าน วิ่งเข้าหน้าตื่นเข้ามาพร้อมตะโกน
“คุณท่าน คุณท่านค่ะ”
“นี่ ฉันบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่า เวลาเข้ามาเรียนคุณท่าน กับคุณบัวคลี่ ให้นั่งลงก่อน แล้วค่อย ๆ บอก อย่าตะโกนแบบนี้ แม่ลำไย” วงค์ต่อว่า
“เชอรี่ค่ะ...หนูเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเชอรี่ตั้งนานแล้ว คุณแม่บ้านเรียกชื่อเก่าหนูทุกที”
ทนงมองหน้า
“แต่ ฉันก็งงนะ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเพิ่งจะ เปลี่ยนเป็นแอปเปิ้ลไม่ใช่เหรอ แต่...เอ๊า เชอรี่ก็เชอรี่ ว่ามา เชอรี่มีเรื่องอะไร”
“คุณทรงเผ่า โทรมาค่ะ บอกว่าเรื่องด่วน”
เชอรี่ส่งโทรศัพท์ให้ ทนงรับมาพูดสาย
“ว่าไงไอ้เสือ รู้มั้ยว่ามีคนแถวนี้เค้าคิดถึงแก”
วงศ์กับบัวคลี่ ชะเง้อคอยฟัง อยากรู้เหมือนกัน
ที่ร้านขายของชำนอกหมู่บ้าน แม่ค้าส่งถุงของให้ ฟ้าลั่นแอบจับมือส่งตาหวาน ทรงเผ่าคุยโทรศัพท์ยู่ไม่ไกลนัก
“ตาจั่น ตายแล้วครับพ่อ”
“ฮ้า!”ทนงตกใจ
บัวคลี่และวงศ์นั่งร้องไห้ ทนงส่ายหน้า
“เอ๊า...ทั้งสองคนจะร้องไห้ทำไม ไอ้เผ่ามันยังไม่ตาย มันแค่จะออกไปล่าเสือเท่านั้น”
“นั้นล่ะคะ คุณเผ่านะไม่ใช่พรานนะคะ ขนาดพรานฝีมือดีตาจั่นยัง...” บัวคลี่ไม่กล้าพูดต่อ “ถึงคุณเผ่าจะไม่ใช่ลูกดิฉัน แต่ดิฉันก็เลี้ยงของดิฉันมา เหมือนลูกคนหนึ่ง ในเมื่ออันตรายขนาดนี้จะให้ดิฉันสบายใจได้ยังไง”
วงศ์เห็นด้วย
“ใช่ค่ะ แล้วเสือในป่าไม่ได้มีแค่ตัวเดียวนะคะ จะรู้ได้ยังไงว่าตัวไหนที่ มันกัดพรานจั่น ตามคุณเผ่ากลับมาเถอะค่ะ”
ทนงถอนใจ
“พูดไปให้เปลืองน้ำลายเปล่า ไอ้เผ่ามันก็คงไม่เปลี่ยนใจหรอก เป็นลูกผู้ชาย เมื่อสัญญาก็ต้องรักษาสัญญา มันก็ทำถูกแล้วนะ”
บัวคลี่กับวงศ์ร้องขึ้นพร้อมกัน
“คุณพี่” / “คุณผู้ชาย”
“อ่ะน่า ฉันว่าทุกคนกังวลเกินไปแล้ว มันไม่ได้ไปสู้เสือมือเปล่านะ...ปืนไรเฟินอย่างดียิงช้างยังล้มเลย”
“เอามาจากไหนค่ะ” บัวคลี่ถามอย่างสงสัย
ทนงมั่วไป
“เดี๋ยวผมจะส่งไปให้เอง แถมมีพรานฝีมือดีไม่แพ้ตาจั่นคอยช่วยอีก โอเคนะ คิดบวกนะรู้จักมั้ย อย่าลืมซิ ไอ้เผ่านะมันลูกผม มันได้เชื้อความเก่งจากผม ไปเยอะ”
บัวคลี่กับวงศ์ค่อยสบายใจ พยักหน้า ทนงทำเป็นขำต่อ
“มางั้นชื่นใจที”
ทนงโอบบัวคลี่มากอดไว้ วงศ์ส่ายหน้ากับความสบายๆของทนง แต่จริงๆแล้วทนงแอบไม่สบายใจ เพราะคำพูดของทรงเผ่าที่คุยโทรศัพท์กับเขาเมื่อครู่
‘ผมอาจจะบาดเจ็บ หรือตาย ก็ได้นะครับพ่องานนี้ แต่ผมคิดว่า ตายอย่างลูกผู้ชาย ดีกว่าหน้าตัวเมีย ที่ไม่รักษาสัญญา ซึ่งจะทำให้พ่อ กับตาจั่น โดนคนในหมู่บ้านดูถูกไปด้วย’
บัวคลี่สะกิดเรียกทนงที่นิ่งไป
“คุณพี่คะ คุณพี่ แล้วคุณหวานล่ะคะ คุณเผ่าบอกเรื่องนี้กับคุณหวานหรือยัง”
ทนงส่ายหน้าว่าไม่รู้
อ่านต่อ ตอนที่ 2 หน้า 4
แก้วกลางดง ตอนที่ 2 (จบตอน)
ทรงเผ่ากดโทรศัพท์ค้นหาชื่ออัญชิสา สักครู่หน้าจอก็ขึ้นชื่อหวาน เขาตั้งท่าจะกดโทร. แต่ฟ้าลั่นเดินเข้ามาหาหน้าตาจริงจังเสียก่อน
“นาย! ธุระนายเสร็จหรือยัง”
“ทำไม นายจะขอต่อเวลาจีบแม่ค้าอีกหน่อยเหรอ ตามสบาย”
“คือ...ฟ้าลั่นได้ยินเหมือนเสียงกลอง ดังมาจากทางหมู่บ้านเรา”
ทรงเผ่าปิดโทรศัพท์ เดินออกไปกับฟ้าลั่นทันที
ทรงเผ่า กับฟ้าลั่นรีบเดินเข้ามาหน้ากระท่อม ชาวบ้านมุงอยู่ด้านล่างกระท่อม ฟ้าลั่นเข้าไปถามเหินฟ้า
“มีอะไร ข้าได้ยินเสียงกลอง”
“ไอ้ปัน มันเข้าไปตัดหน่อไม้ในป่าด้านหลังหมู่บ้าน เจอไอ้แมวยักษ์ มันไล่งับ แขนขาด”
ขาดคำของเหินฟ้า เสียงดังโหยหวนก็ดังมาจากในกระท่อม ทุกคนมองหน้ากัน
“แล้วตอนนี้เป็นไง” ทรงเผ่าถามอย่างเป็นห่วง
“พ่อข้ากำลังช่วยทำแผลให้มันอยู่” เหินฟ้าบอก
ทรงเผ่าเป็นห่วงคนเจ็บรีบอาสา
“ให้ฉันช่วยดีกว่า ฉันมียาดี ๆ ที่พกมาอยู่หลายตัว”
เมียวดีรีบห้าม
“ไม่ต้อง! สิ่งที่นายควรทำ คือรีบกลับไปให้เร็วที่สุด นายคงยังไม่รู้ ว่าไอ้ปันมันบอกว่า ตัวที่มันเห็นเดินขาหน้าเขยกเสียด้วย”
ฟ้าลั่นหน้าตื่น
“มันกล้าลงมาใกล้หมู่บ้านขนาดนี้เชียวเหรอ”
ทรงเผ่าครุ่นคิด
“ดูท่ามันจะกลายเป็นเสือลำบากเสียแล้ว ทำให้ คนในหมู่บ้านเดือดร้อนแบบนี้ ฉันยิ่งต้องรับผิดชอบ ฉันไม่ยอมทิ้งไปหรอก จะให้เด็กอย่างเธอจัดการได้ยังไง”
เมียวดีเชิดถือดี
“ถ้าพ่อคิดว่าเราเด็ก คงไม่บอกให้เราไปจัดการ...พ่อต้องเห็นว่าเราทำได้ดีกว่านาย”
ทรงเผ่าชักฉุน
“นี่เธอจะยั่วโมโหฉันทุกครั้งหรือไง เอาล่ะงั้น เธอทำตามคำสั่งพ่อเธอก็ได้ แต่ฉันจะทำตามสัญญาของฉัน”
“งั้น เราต่างคนต่างล่าไอ้แมวยักษ์ดีมั้ย”
“ได้...เธอล่าของเธอ ฉันล่าของฉัน”
เมียวเดินลอยหน้าออกไป พอผ่านหน้าทรงเผ่า ก็แกล้งถ่มน้ำลาย ผ่านหน้า
“แหม...น้ำลายติดคอพอดี”
ทรงเผ่า ได้แต่เข่นเขี้ยว
ค่ำนั้น...ทรงเผ่าเดินกลับมาที่เต้น ฟ้าลั่นเดินตามมาเรียกไว้
“นาย เอาจริงแน่เหรอ อีเมียวนะมันกระแตป่า ป่าคือบ้านมันนะ”
ทรงเผ่านิ่งไป ยังไม่ตอบ แต่ย้อนถาม
“ถ้าเป็นนายล่ะ นายกล้าสู้กับเมียวดีมั้ย”
“โอ๊ย...แน่นอนอยู่แล้ว นังเมียวถึงมันจะปราดเปรียว แต่มันก็เป็นผู้หญิง เรี่ยวแรงมันจะมาสู้ผู้ชายอย่างฟ้าลั่นได้ยังไง ที่ผ่านมาฟ้าลั่นก็ยอมมันไปงั้นแหละ”
“ฉันก็เชื่อว่าฝีมือนายไม่เป็นรองใคร”
ฟ้าลั่นยิ้มอย่างภูมิใจ
“แล้วถ้าเจอกับไอ้ลายล่ะ นายกล้ามั้ย ฉันหมายถึง นาย พอจะนำทางฉันไปล่าไอ้แมวยักษ์นั่นได้มั้ย!”
วันใหม่...ฟ้าลั่นกับเหินฟ้า นั่งคุยกันในหมู่บ้าน ทั้งสองพนันกันว่าระหว่าง เมียวดีกับทรงเผ่าใครจะล่าเสือได้สำเร็จ
“ข้าให้ไก่สามตัวเลยเอ๊า ยังไงน้องเมียวก็ชนะแน่นอนแล้วเอ็งล่ะไอ้ฟ้าลั่น เอ็งถือข้างใครว่ะ”
“จริง ข้าก็อยากถือข้างอีเมียว แต่...ข้ารับปากนำทางให้นายไว้ เอางี้ได้มั้ยว่ะ ข้าขออยู่ฝั่งเอ็ง แต่รับตังค์นาย”
“ไม่ได้โว้ย เอ็งจะเอาสองทางได้ไง ไอ้นกสองหัว”
“ทีเอ็งล่ะไอ้เหินฟ้า หน้ายังกับอีเห็นยังมีเมียตั้งสองคน เออ...ก็ได้ว่ะ ค่าแรงนำทางที่นายให้ซื้อไก่ได้ตั้งสิบ ๆ ตัว งั้นข้าถือข้างนายโว้ย”
เหินฟ้าตาลุกอยากได้เงินขึ้นมา
“ไอ้ฟ้าลั่น! นาย ให้ค่าจ้างดีจริงเหรอว่ะ งั้น นายยังรับอีกมั้ย”
เมียวดีเดินมาได้ยินก็ด่าทันที
“ไอ้หมูฟ้า ไอ้หมาลั่น เอ็งสองตัวมันหน้าเงิน เห็นเงินเข้าหน่อยก็ตาโต”
“ข้าไม่ได้เห็นแก่เงิน ข้าเห็นแก่นายต่างหาก เอ็งกลัวฝีมือแกะรอยของข้าละซิ เอาเถอะอีเมียว ถ้าเอ็งยอมกราบตีนข้าบางที ข้าอาจจะอ่อนข้อให้เอ็งบ้างก็ได้” ฟ้าลั่นพูดอย่างถือดี
“ข้าเนี่ยนะ กลัวเอ็ง ไอ้ขี้โม้ งั้นตอนนี้เลยก็ได้”
เมียวดีควักหนังสติ๊กที่เหน็บหลังออกมาหยิบกระสุนดินจากย่ามที่สะพาย มายิงใส่ไม่ยั้ง ฟ้าลั่นกระโจนหนีร้องลั่น
“โอ๊ย...อีเมียว เอ็งเล่นทีเผลอเหรอวะ”
เหินฟ้าโบกมือ
“น้องเมียว พี่เหินฟ้าไม่เกี่ยวนะ โอ๊ย”
สองหนุ่มหลบกันให้วุ่น ก่อนจะวิ่งกันขึ้นไปบนกระท่อม ทรงเผ่าวิ่งเข้ามา
“เมียวดี หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด”
เมียวดีหันมา
“หยุดเหรอนาย”
เมียวดีหันมาเล็งใส่
“เฮ้ย ๆ อย่า...อย่านะ”
ทรงเผ่ารีบวิ่งหนี เมียวดี แกล้งยิงให้โดน ใกล้ๆเท้า ทรงเผ่าวิ่งหลบขึ้นไปบนลานกระท่อม เมียวดีหัวเราะสะใจ
“ฮะๆ ๆ ๆ ใครอยู่ข้างบนเป็นลิงเป็นคาง ใครอยู่ข้างล่างขว้างได้ขว้างเอา”
“หยุดเล่นเป็นเด็กได้แล้วเมียวดี ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมตาจั่นถึงฝากเธอไว้กับฉัน”
ขาดคำของเขา เมียวดีถึงกับชะงัก ง้างหนังสติ๊กค้าง
“มีอีกข้อที่ฉันสัญญากับตาจั่น คือฉันจะดูแลเธอ”
ขาดคำ ก้อนหินก็โดนตรงหน้าผากทรงเผ่าพอดีเลือดไหลออกมา เมียวดีหยุดมองหน้าเขา
“เราโตแล้ว ปกครองตัวเองได้ไม่ต้องมีใครดูแล”
เมียวดี หายแว่บออกไป ฟ้าลั่นโผล่ออกมา
“เห็นฤทธิ์มันหรือยังนาย”
ทรงเผ่าได้แต่ส่ายหน้า
เมียวดีเอาดอกไม้เล็กๆวางลงบนหลุมศพพ่อ
“พ่อพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ”
เธอยืนนิ่งหน้าหลุมศพอย่างเนิ่นนานดูไม่ออกว่าคิดอะไร
วันต่อมาที่บ้านอัญชิสา...รำพามารดาของเธอ กับเพื่อนคุณนายอีกสามคน กำลังเล่นไพ่กันอยู่
“อุ๊ย...คุณน้องขา ทิ้งตัวนี้ คุณพี่ก็กินเรียบซิคะ ฮะๆๆๆ”
ทันใดนั้นเสียงกริ่งดังขึ้น รำพาที่กำลังทำไพ่หันไปถามคนใช้
“ใครนะนังน้อย”
น้อยเข้ามาลนลาน
“คุณนายขา มีตำรวจมาอยู่หน้าบ้านเราค่ะ”
“งั้นเหรอแกก็เปิดประตูให้เข้าเข้ามาซิ” รำพานึกได้ก็หน้าตื่น “ห๊า ตำรวจ!”
เหตุการณ์โกลาหลไปหมด รำพากับเพื่อนช่วยกันเก็บไพ่วิ่งหนีกันวุ่นวาย สักครู่รำพาก็หยุดหอบแล้วก็ตัดสินใจแอบมองทางผ้าม่านออกไปเห็นรถมอร์เตอร์ไซค์สายตรวจคุยอยู่กับบัวคลี่ โดยมีคนขับรถที่ดูป้ายทะเบียนท้ายรถกันอยู่
“ขอบคุณนะคะ คุณตำรวจ ที่อุตส่าห์ขับตามมาเตือน ไม่ทันสังเกตเลยว่าป้ายทะเบียนจะหลุด”
“ไม่เป็นไรครับ”
ตำรวจขับรถออกไป บัวคลี่หันมาสั่งคนขับรถ
“จัดการให้เรียบร้อยเสียนะ”
บัวคลี่เดินเลยมากดกริ่ง...รำพาที่แอบดูอยู่ถอนใจออกมาโล่งอก
“นั่นมันคุณบัวคลี่ แม่เลี้ยงคุณทรงเผ่านี่...ตำรวจที่ไหนกันนังน้อย”
รำพาเขกหัวคนใช้ ที่ทำให้วุ่นวาย
รำพาพาบัวคลี่เข้ามาในห้องรับแขก
“ลูกหวานไปงานที่สมาคมแทนดิฉันนะคะ พอดีดิฉันไม่สบาย”
รำพาทำเป็นกระแอมประมาณว่าเจ็บคอ
“อ้าว งั้นเหรอค่ะ ดิฉันเพิ่งกลับมาจากสมาคม ทำไมไม่เจอ”
“อุ๊ยตาย จำผิดค่ะ คุณพี่ แหมๆทำไมถึงเลอะเลือนแบบนี้ ลูกหวานบอกดิฉันแล้วติดงานเดินแบบไปงานสมาคมแทนไม่ได้”
“ดิฉันก็ร้อนใจนะคะ รู้ว่าไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง แต่เราเป็นผู้หญิง เข้าใจจิตใจผู้หญิงด้วยกัน ก็เลยต้องมาอธิบายเรื่องนี้ให้คุณหวานเข้าใจ”
“มีเรื่องอะไรเหรอค่ะ”
รำพาถามอย่างร้อนใจ
อัญชิสา อยู่ในชุดเพิ่งกลับจากข้างนอกยังสะพานกระเป๋าอยู่ ได้ยินสิ่งที่รำพาบอกก็ตกใจ
“คุณเผ่าไปล่าเสือ! จากถ่ายรูปกล้วยไม้ป่าไปล่าเสือได้ยังไงแล้วไอ้ล่าเสือเนี่ย มันผิดกฎหมายไม่ใช่เหรอ”
“ถามแม่เหรอจ๊ะ แม่ก็ไม่รู้หรอก ต้องถามกรมคุ้มครองสัตว์ป่า เดี๋ยวแม่จะให้เพื่อนๆที่สมาคมโทรถามให้”
“แม่ค่ะ...แม่ก็รู้นี่ว่าหนูไม่ได้ต้องการรู้จริง ๆ แต่ทำไมเรื่องสำคัญขนาดนี้ ทรงเผ่าถึงไม่โทรมาบอกหนูสักคำ”
“คุณบัวคลี่เค้าถึงต้องมาอธิบาย ที่ไม่บอกเพราะไม่อยากให้ลูกตกใจ”
“ตกลงเค้าจะทำงานอะไรกันแน่ค่ะ ช่างภาพ หรือว่าพราน”
“คงทั้งสองอย่างมั่งค่ะ ลูก จ็อบหลักเป็นช่างภาพหนังสือสารคดี แต่จ็อบรอง เป็นพรานป่า แม่ว่าก็เก๋ดีออกนะคะ แหมแต่อย่างคุณเผ่านะ ไม่ทำงานก็ยังได้”
“แล้วเมื่อไหร่จะกลับคะ”
“เออ ลูกขาไปล่าเสือนะคะ ไม่ใช่ไปเดินช้อปปิ้ง”
“หนูถึงเบื่อไงคะ คุณเผ่าก็เป็นแบบนี้ทุกที คราวที่แล้วไปกัวเตมาลา ก็หายไปเป็นเดือนๆเหมือนกัน ไม่มีอะไรแน่นอนเลย” อัญชิสา ถอนหายใจเซ็ง ๆ “หนูไปอาบน้ำดีกว่าเหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว”
รำพากระแอม
“หวานจ๊ะ ลูกลืม อะไรหรือเปล่า” รำพาแบมือ “แม่เกือบโดนคุณบัวคลี่ถอนหงอก เรื่องที่โกหกให้ลูกให้ว่าไปสมาคม แต่จริง ๆ ไปกินดินเนอร์กับ...”
อัญชิสา ควักเงินให้แม่อย่างเซ็งๆ
“หวานยังไม่ได้แต่งงาน หวานมีสิทธิเลือกคนที่ดีที่สุดนะคะ”
ทรงเผ่าเก็บข้าวของ รูปอัญชิสา ที่สอดไว้อยู่ในหนังสือหล่นเขาหยิบขึ้นมาดู
“ผมรู้ว่าคุณต้องเข้าใจ”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงฟ้าลั่นดังมา
“นาย!”
ทรงเผ่ารีบเก็บรูปสอดไว้เหมือนเดิม ฟ้าลั่นเข้ามา
“ฟ้าลั่นหาลูกหาบมาให้นายได้แล้วนะ”
“ดี...เดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าจ้างส่วนหนึ่งให้ก่อนจะได้เอาไว้ให้ลูกเมีย ส่วนที่เหลือหลังงานเสร็จ แล้วก็ถ้าเราล่าเสือได้ ฉันจะมีรางวัลเพิ่มให้อีก”
“ไม่ต้องหรอกนาย คนที่ไปก็คนที่พ่อนายเคยช่วยทั้งนั้น”
“ขอบใจนะ ฟ้าลั่น”
“แล้วนี่นายจะออกเดินทางเมื่อไหร่”
“ไปเร็วเท่าไหร่ ก็กลับเร็วเท่านั้น พรุ่งนี้เช้า...ถ้าทุกคนเตรียมตัวพร้อม”
ทรงเผ่าบอกอยางมุ่งมั่น
เย็นนั้น...ทรงเผ่าก้าวลงไปที่น้ำตกแช่น้ำเพื่อผ่อนคลาย เขานึกถึงตำพูดของฟ้าลั่นที่คุยกับเขาเมื่อบ่ายที่ผ่านมา
‘คนที่นี่พร้อมเสมอ นายนั้นแหละรีบนอนเถอะ พักผ่อนให้พอ เพราะเมื่อเข้าป่า นายจะไม่ได้นอนหลับสนิทอีก’
‘เพราะฉันแท้ๆที่ทำให้ยุ่ง ถ้าฉันไม่รั้นออกไป ตาจั่นก็คงจัดการมันได้หรืออย่างน้อย แกคง...ไม่ตาย’
‘มีใครไม่ตายบ้างนาย...สัตว์มันมีสิทธิล่าเรา เท่าๆกับที่เราล่ามัน ถ้าเราไม่ตายมันก็ตาย แค่นั้นเองแหละนาย’
ทรงเผ่ามุดหัวลงในน้ำ เหมือนอยากสลัดเรื่องทุกอย่าง
“นาย!”
ทรงเผ่าได้ยินเสียงเรียกแว่ว ๆ รีบโผล่ขึ้นมา หันไปดูเห็นเมียวดีนั่งชันเขาอยู่ริมโขดหิน หน้าตาเรียบเฉย ทรงเผ่าตกใจรีบเลื่อนตัวลงน้ำเพราะตนเองเปลือยอยู่
“เฮ้ย...ไปให้พ้น ฉันบอกแล้วไง อย่าเข้ามาแบบนี้ นี่ครั้งที่ 2 แล้วนะ”
เมียวดียักไหล่ไม่สน
“เรามาพนันกันมั้ยล่ะเรื่องไอ้แมวยักษ์”
“จะพนันอะไร ให้ฉันขึ้นจากน้ำก่อนได้มั้ย”
“ก็ขึ้นมาซิ”
“วะ! นี่เธอคิดว่าฉันไม่กล้าเดินขึ้นไปเหรอ”
“มันไม่เกี่ยวว่ากล้าหรือไม่กล้า แต่อยู่ที่ว่า...” เมียวดียิ้มเจ้าเล่ห์ “นายจะขึ้นมาเอาของเจอหรือเปล่า”
“เธอเอาเสื้อผ้าฉันไปไหน!”
เมียวดียิ้มเป็นต่อ
“ต้องพูดกันก่อนแล้วค่อยบอก”
ทรงเผ่าได้แต่โมโห เมียวดีท้าทาย
“เรามาพนันกันมั้ย ถ้าเราล่าไอ้ลายได้ก่อนนาย...”
“เธอจะให้ฉันอยู่ที่นี่กับเธอเหรอ”
“เหอะ อย่างนายเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ทำไร่ก็ไม่ไหว ให้หาของป่าก็คงวิ่งป่าราบ”
“แล้วจะเอายังไง ก็ว่ามา แช่น้ำแบบนี้ได้เป็นไข้ป่ากันพอดี”
“ถ้าเราล่าไอ้ลายได้ก่อน นายต้องกราบเรากลางหมู่บ้าน”
“เฮ้ย...มากไปแล้ว”
ทรงเผ่าเผลอตัวยื่น แล้วก็คิดได้ รีบมุดไปอีก
“ก็ตามใจ งั้นนายก็เดินเป็นชีเปลือยกลับหมู่บ้านไปก็แล้วกัน”
เมียวดีลุกขึ้นเดิน ทรงเผ่าหงุดหงิด แต่ต้องตัดสินใจ
“เดี๋ยวเมียวดี ก็ได้ ฉันตกลง”
“แน่นะ”
“แน่นอน”
เมียวดีหันกลับมายิ้มแป้น
“คราวนี้ ใครต่อใครจะได้ นับถือเมียวดีเป็นพรานใหญ่เหมือนพ่อ”
พูดจบก็หันหลังเดินไป ทรงเผ่าตกใจ
“เมียวดี แล้วเสื้อผ้าฉันล่ะ เดี๋ยวก่อน”
เมียวดีไม่หันกลับมา
“มันก็อยู่ที่เดิมนั้นแหละ มันมีตีนเสียที่ไหน ฮะ ๆๆๆๆ”
ทรงเผ่าได้แต่โมโห
“เสียท่าอีกจนได้”
เมียวดีเดินเล่นแถวบ้านของเธอเคี้ยวท่อนอ้อยกินเล่นอย่างอารมณ์ดี ทรงเผ่ายืนดักรออยู่
“หาเสื้อเจอแล้วนี่ มันเดินมาหาหรือนาย”
“ฉันเอาของที่ไม่จำเป็นบางอย่างมาฝากไว้บ้านเธอ ได้มั้ย”
“อืม...ก็เอามาวางไปแล้วนี่ งั้นก็...คงได้”
“เดี๋ยว เรื่องที่เธอพนันกับฉัน ยังไม่จบ”
“อ๋อ นี่นายจะเบี้ยวเหรอ ไหนว่ารักษาสัญญานักไง โธ่เอ๋ย คนเมืองก็แบบนี้ละว่ะ ขี้โม้ทั้งนั้น”
ทรงเผ่าขึ้นเสียงบ้าง
“นี่! ฟังก่อนได้มั้ย อย่าเพิ่งโวยวาย...เธอบอกแต่ว่า ถ้าเธอล่าได้ก่อนจะให้ฉันกราบเธอ แล้วถ้าฉันล่าได้ก่อนล่ะ จะทำยังไงเธอยังไม่ได้บอกเลย”
เมียวดีอึ้งไปนิด ก่อนตัดสินใจ
“เราจะยอมเป็นเมียนาย”
ทรงเผ่าสะดุ้ง
“เฮ้ย”
“อ้าว...ถ้าไม่เอาเป็นเมียแล้วเอาไปทำไม ก็ไหนนายว่าจะเอาเราไปด้วย ตามที่พ่อสั่งไว้”
ทรงเผ่าถอนหายใจกับความซื่อของคนในป่า
“ใช่...แต่ว่าไม่ใช่...” ทรงเผ่าถอนหายใจ “โอ๊ย...พูดกันไม่รู้เรื่อง เอาเป็นว่าถ้าเธอแพ้เธอต้องไปกับฉัน ตกลงมั้ย”
“ถ้านายรักษาคำมั่นสัญญาของนาย เราก็รักษาคำมั่นสัญญาของเรา”
เมียวดีมองหน้าทรงเผ่าอย่างจริงจัง ให้คำสัญญา
อ่านต่อตอนที่ 3 พรุ่งนี้