ขุนเดช ตอนที่ 8
ที่ไซต์งานก่อสร้างถนน จ่าแท่นกับยงยุทธช่วยกันพยุงตำรวจที่ยงยุทธส่งมาเฝ้าพื้นที่และได้รับบาดเจ็บให้มานั่งพัก
“ผมขอโทษครับหมวด ผมพยายามขวางแล้วแต่พวกมันมากันหลายคน ขนเครื่องไม้เครื่องมือมาเต็มไปหมด”
“คนของนายประดับแน่เลยครับหมวด ท่าทางมันจะไม่ยอมไปจากที่นี่”
“ผมได้ยินพวกมันพูดกันอยู่เหมือนกันว่ามีบางอย่างที่มันต้องการอยู่ในที่แถวนี้”
“แต่เท่าที่ชั้นกับทีมสำรวจตรวจดู ที่นี่ไม่น่าจะมีวัตถุโบราณที่มีค่ามากพอที่พวกนั้นจะต้องกลับมาขุดอีก”
“มันต้องมีสิดารา...ไอ้คนพวกนี้มันคงไม่กล้าท้าทายกฏหมายหรอก ถ้าของที่พวกมัน ตามหาไม่มีค่าพอที่จะเสี่ยง” ดาราหันมาสีหน้าสงสัย ยงยุทธเตรียมปืนพร้อมแล้วหันไปกำชับจ่าแท่น “ผมจะตามรอยพวกมันเข้าไป จ่าพาอาจารย์ดาราไปอยู่ที่ในที่ปลอดภัยด้วย”
ดารารีบจับมือยงยุทธ
“ยงยุทธให้ชั้นไปด้วยนะ”
“อย่าเลย...ถ้าคุณไปด้วย ผมจะพะวงห่วงแต่คุณ”
ยงยุทธแกะมือดาราแล้วรีบเข้าไป ดารามองตามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับอาจารย์ ผมวิทยุเรียกกำลังมาช่วยแล้ว” จ่าแท่นบอก
“จ่า...ก่อนที่จ่าจะพาหมวดมา ขุนเดชก็มาที่นี่เหมือนกัน” ตำรวจบอก
“ขุนเดชรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ”
ดาราทำหน้าแปลกใจ
ขณะนั้นลูกน้องกำนันบุญพาพวกคนงานเข้ามาขุดหาปืนคาบศิลาเหล็กไหลในบริเวณพื้นที่ซากปรักพักพังโบราณ
“หาให้เจอนะเว้ย เห็นตรงไหนที่มันหน้าสงสัยขุดลงไปเลย ถ้าใครขุดเจอก่อน พ่อกำนันมีรางวัลให้อย่างงาม
พวกคนงานพากันถือจอบถือเสียมแยกย้ายกันไปขุดหากัน”
คนงานคนหนึ่งเข้ามาขุดที่ใกล้ๆ กำแพงอิฐเก่า เท้าคู่หนึ่งก้าวเข้ามา คนงานเงยหน้าไปเห็นขุนเดชยืนจ้องหน้าถมึงถึง
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของพวกเอ็ง...ออกไปให้พ้น”
คนงานไม่ฟังมันเงื้อจอบจะฟาดใส่ แต่ขุนเดชใช้มือเดียวรับด้ามจอบเอาไว้ด้วยแรงที่มากกว่า มันออกแรงกด เต็มที่แต่ขุนเดชก็รับได้สบายแล้วยิ้มร้ายใส่อีก
คนงานที่จะเล่นงานขุนเดชถูกถีบกระเด็นกลิ้งมาแทบเท้าไอ้นะ ลุกน้องของสัมฤทธิ์ มันหันขวับไปเห็นขุนเดชยืนเอาเรื่อง
“ไอ้ขุนเดช...แส่อีกแล้วนะมึง เฮ้ย...จัดการไอ้ขุนเดชก่อน กระทืบมันให้น่วมแล้วฝังมันไว้ที่นี่เลย”
พวกคนงาน ไม่ต่ำกว่า 3 หันมาล้อมกรอบขุนเดช พวกมันงัดเอาของมีคมที่พกติดตัวออกมา ทั้งอีดาบ อีโต้ และเชือกผูกเคียว แต่ละอย่างกะเอาขุนเดชถึงตาย ขุนเดชกำหมัดแน่นเตรียมพร้อมรับมือ
“ลุย”
ไอ้นะสั่งเสียงดังพวกมันกรูกันเข้าไปเล่นงานพร้อมกัน ขุนเดชเปิดฉากรับมือ หมัดเข่าศอกเล่นงานแบบต่อเนื่อง ไม่หยุด ไอ้นะชักปืนออกมาพยายามเล็งแต่พวกคนงานบังทางปืน
“เฮ้ย...รีบๆ ซัดมันให้หมอบสิวะ ข้าอยากจะยิงแสกหน้ามันเต็มแก่แล้ว”
ไอ้นะเล็งซ้ายเล็งขวา จังหวะนั้นขุนเดชพลาดถูกคนงานใช้อีดาบฟัน ไอ้นะเห็นสบโอกาสลั่นไกทันที...เปรี้ยง
กระสุนพุ่งเข้าหา แต่ขุนเดชกระโจนหลบกระสุนเลยพุ่งไปโดนพวกคนงานเอง
“โธ่เว้ย...เกะกะชิบเป๋ง” ไอ้นะขึ้นไกเล็งจะยิงอีก แต่ขุนเดชรีบลากตัวคนงานที่ถูกยิงเอามาเป็นตัวบังกระสุนแล้วถอยออกไป “อย่าให้มันหนีไปได้...ตามไป”
ขุนเดชลากตัวคนงานที่ถูกยิงเข้ามาแล้วจัดการทุบต้นคอมันจนสลบ จากนั้นก็หันมาดูแขนตัวเองที่พลาดถูกอีดาบฟันจนได้แผล จังหวะนั้นได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ขุนเดชหันขวับพร้อมต่อยแต่เป็นยงยุทธ
“ยงยุทธ”
“ชั้นได้ยินเสียงปืน นึกสงสัยอยู่ พวกมันกำลังเล่นงานใคร ถ้าไม่ใช่แกก็ต้องเป็น วีรบุรุษบาปหรือไม่ก็ทั้งคู่”
“แกมีสิทธิ์สงสัยอะไรชั้นก็ได้ แต่ชั้นไม่มีเวลามาฟังแกสอบปากคำ ชั้นรับปากอาจารย์ประทีปว่าจะเข้ามาดูแลไม่ให้พวกมันมาขุดทำลายสมบัติของชาติ”
ขุนเดชบอกยงยุทธแล้วจะออกไป แต่ยงยุทธไม่หายสงสัย
“เดี๋ยว...พวกมันพยายามกลับมาที่นี่ทั้งๆ ที่ชั้นสั่งห้าม แกรู้รึเปล่าว่าพวกมันต้องการอะไร”
ขุนเดชนิ่งไปไม่ทันจะพูดอะไร ไอ้นะกับพวกคนงานก็ตามเข้ามาพร้อมกับยิงปืนใส่...เปรี้ยงๆๆๆ ลูกกระสุนเฉี่ยวหัวปลิวว่อน ขุนเดชกับยยงยุทธต้องรีบวิ่งหลบกระสุน
ไอ้นะกับพวกคนงานตามเข้ามาและพยายามหาตัวขุนเดชกับยงยุทธ
“เฮ้ย...ไปดูทางโน้นสิ”
คนงานเดินไปดูตามที่สั่ง ทันใดนั้นขุนเดชก็กระโดดมาจากบนต้นไม้แล้วเล่นงานมัน ไอ้นะชักปืนจะยิงใส่แต่ยงยุทธเข้ามายืนข้างหลังพร้อมกับปืนจี้หลัง
“ทิ้งปืน”
“หมวด”
“บอกให้ทิ้งปืน”
ไอ้นะเจ็บใจยอมโยนปืนทิ้งไป ยงยุทธกำลังจะเอากุญแจมือออกมาจับมัน แต่ไอ้นะศอกกลับใส่ทำให้ปืนยงยุทธหลุดจากมือ ไอ้นะเตะปืนยงยุทธทิ้งแล้วชกหมัดเข้าหน้ายงยุทธเต็มๆ ยงยุทธเช็ดเลือดที่กบปากแล้วลุยเข้าไปเปิดฉากมวยมือเปล่ากับไอ้นะ ส่วนขุนเดชก็ลุยอยู่กับพวกคนงานที่มารุม
ขุนเดชเล่นงานพวกคนงานไปได้หมด ส่วนยงยุทธกับไอ้นะซัดแลกหมัดกันมันส์หยด แต่ไอ้นะก็สู้ยงยุทธไม่ได้โดนหมัดฟ้าฟาดซัดเข้าไปจนโงนเงน ยงยุทธเข้าไปกระชากคอมันขึ้นมา
“พวกแกมาขุดหาอะไรที่นี่...บอกมา”
“หึๆๆๆ
ไอ้นะไม่ยอมบอกแต่กลับหัวเราะลงคอกวนๆ ยงยุทธโมโหเลยชกเปรี้ยงเข้าหน้าอีกที ไอ้นะเลือดกบปากแต่ก็ไม่ยอมพูดมันเอาแต่หัวเราะ
“ผมจะบอกให้นะหมวด...คุณประดับเขาฝากให้ผมมาบอกหมวด”
“ไอ้ประดับ...มันทำไม”
“เขาให้ผมมาบอกหมวดว่า...กฏหมายในมือหมวดไม่มีวันทำอะไรเขาได้”
ยงยุทธชะงัก ไอ้นะเลยได้โอกาสใช้หัวกระแทกยงยุทธจนผงะ มันรีบชิงโอกาสวิ่งหนีออกไปทันที
“ไอ้สารเลวเอ้ย”
ยงยุทธจะตามแต่ขุนเดชเข้ามาห้าม
“ชั้นว่าแกไม่ต้องตามมันไปหรอก”
“ทำไม”
“เพราะที่มันพูดมาเมื่อกี้ ไอ้ประดับคงไม่ส่งมันมาแค่ขู่แน่”
ยงยุทธมองหน้าขุนเดชอย่างสงสัย
ขณะนั้นดารารอยงยุทธอยู่ที่โรงพักกับจ่าแท่น
“ยังไม่กลับมาอีกเหรอคะจ่า”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับอาจารย์ เดี๋ยวหมวดก็มา”
ดารายังอดเป็นห่วงไม่ได้ระหว่างนั้นจ่าแท่นหันไปเห็นจเรตำรวจกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่โรงพัก จ่าแท่นมองอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอคะจ่า”
“รอผมอยู่ที่นี่สักครู่นะครับอาจารย์”
ดารามองตามจ่าแท่นที่เดินเข้าไปคุยกับจเรตำรวจกลุ่มนั้น ท่าทางจ่าแท่นดูตกใจและพยายามชี้แจงแต่ดูไม่ เป็นผลเพราะจเรตำรวจกลุ่มนั้นไม่ฟัง จนจ่าแท่นเดินกลับมาที่ดาราอย่างหน้าเครียดๆ
“มีเรื่องอะไรเหรอคะจ่า”
“หมวดยงยุทธเดือดร้อนแล้วครับอาจารย์ มีคนร้องเรียนไปว่าหมวดซุกซ่อนวัตถุโบราณที่เป็นสมบัติของชาติไว้ที่บ้านตัวเอง”
“เป็นไปได้ยังไงคะจ่า”
ดาราตกใจ ระหว่างนั้นจ่าแท่นกับดาราเห็นพวกจเรตำรวจรีบออกไปจากโรงพักก็ยิ่งสงสัย
ดารากับจ่าแท่นรีบวิ่งออกมาหน้าโรงพักแล้วก็ต้องตกใจเพราะเห็นจเรตำรวจจับยงยุทธใส่กุญแจมือ ทั้งๆ ที่ยงยุทธเพิ่งมาถึงพร้อมกับขุนเดช
“ไม่จริง...หมวดยงยุทธไม่ได้ซุกซ่อนสมบัติของชาติไว้ที่บ้าน เขาถูกกล่าวหา”
ดาราพยายามร้องห้าม แต่ถูกจเรตำรวจกันตัวเอาไว้
“ผมถูกกลั่นแกล้ง คนอย่างผมไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด”
“พวกเราทำตามหน้าที่ตามที่มีคนร้องเรียนมา”
“ผมว่าพวกคุณควรจะไปค้นดูที่บ้านหมวดให้แน่ใจก่อนที่จะมาจับเขาใส่กุญแจมือ”
ขุนเดชบอก จเรตำรวจหันมามองขุนเดช
ที่บ้านพักยงยุทธ จเรตำรวจทยอยขนวัตุโบราณที่ค้นพบในบ้านพักของยงยุทธออกมา ทุกคนต่างตกใจ
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ นั่นไม่ใช่ของผม...ผมไม่เคยซุกซ่อนสมบัติของชาติไว้”
“แต่หลักฐานที่เห็นมันมัดตัวหมวดไว้หมดแล้ว เชิญครับหมวด”
ตำรวจคุมตัวยงยุทธแล้วพาตัวไปขึ้นรถ
“ยงยุทธ...ยงยุทธ”
“ไม่ต้องห่วงผมนะดารา...ผมเคยบอกคุณแล้วไง ความยุติธรรมจะเป็นเกราะป้องกันผม”
ยงยุทธหันมาบอกให้ดาราสบายใจก่อนจะยอมตามจเรตำรวจที่คุมตัวเขาออกไป
“ยงยุทธ”
ดาราจะวิ่งตามแต่ขุนเดชเข้ามาจับแขนเอาไว้
“ขุนเดช...เธอต้องช่วยยงยุทธนะ”
ขุนเดชนิ่งขบกรามแน่นจนขึ้นสัน แววตาเจ็บใจเป็นอย่างมากที่เห็นเพื่อนรักกำลังถูกความอยุติธรรมเล่นงาน
จบตอน 16
ขุนเดช ตอน 17.1
กำนันบุญหัวเราะชอบใจหลังจากที่ลูกน้องมารายงานเรื่องยงยุทธ
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดไอ้หมวดยงยุทธก็ต้องโดนสั่งสอนด้วยกฏหมายที่มันภูมิใจนักหนา”
“หลักฐานที่ผมเอาไปซ่อนไว้ที่บ้านมันทนโท่แบบนั้น งานนี้มันดิ้นไม่หลุดแน่ครับ”
“ดี...ทีนี้จะได้ไม่มีใครมาขวางทาง”
“แล้วจะให้ผมโทรเลขไปบอกคุณประดับเลยมั้ยครับ”
กำนันบุญมีสีหน้าครุ่นคิดเดินออกไปมองที่นอกระเบียงเห็นผกากำลังนั่งชื่นชมแหวนพลอยที่กำนันบุญหามาให้
“ยัง...ไว้หาปืนคาบศิลาเหล็กไหลให้ได้ก่อน คุณประดับเขายังมีธุระให้ต้องทำอีกเยอะ”
กำนันบุญสั่งลูกน้องไปก็ยิ้มให้กับผกาที่หันมาส่งยิ้มให้กำนันบุญด้วยความพอใจที่ได้แหวนพลอยถูกใจ
ที่คฤหาสน์ปราชญ์ ประดับลุกขึ้นแต่งตัวติดกระดุมหลังจากบำเรอความสุขให้คุณหญิงจนหนำใจ
“จะไปแล้วเหรอ อยู่ต่ออีกหน่อยสิวันนี้เขาไม่กลับบ้านหรอก”
“แต่ผมรับปากทำงานให้ท่านไว้ ถ้างานไม่เสร็จผมจะถูกท่านว่า”
“ชั้นจะบอกเขาเองว่าชั้นใช้เธอให้ไปทำธุระให้” คุณหญิงโอบกอดลูบไล้ประดับอย่างหวนแหน “เธอทำให้ชั้นมีความสุขมากนะประดับ...อยู่กับชั้นต่อนะ”
ประดับจับมือคุณหญิงให้หยุด
“ผมสัญญาครับว่าผมจะรับใช้คุณหญิงอย่างเต็มที่ แต่ผมไม่อยากให้ท่านรู้เรื่องของเรา”
“เชื่อชั้นเถอะ ยังไงเขาก็ไม่มีทางรู้...เว้นแต่ว่าที่เธอจะรีบไปเพราะเธอมีนัดกับผู้หญิงอื่น”
ประดับนิ่งไปครู่ คุณหญิงมองอย่างสงสัย ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณแม่...คุณแม่คะ”
คุณหญิงกับประดับหันมามองหน้ากันผงะไป
คุณหญิงมาเปิดประตูห้องทั้งๆ ที่ยังสวมชุดคลุมสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่
“มีอะไรด่วนนักหนาหายัยปา เคาะเรียกอยู่ได้”
“ปาจะมาขอเงิน จะออกไปเที่ยว”
“อะไรกัน...ที่ให้ไปใช้หมดแล้วเหรอ”
“แม่อย่าบ่นหน่อยได้มั้ย อยากให้ปาขายหน้าลูกคุณหญิงลักษมีเหรอ”
คุณหญิงชะงัก
“รอชั้นเดี๋ยว”
คุณหญิงเดินเข้าไปหยิบเงินในกระเป๋า ปารมีมองอย่างสงสัยเมื่อเห็นสภาพเตียงยับยู่ยี่ เสื้อผ้าของแม่กองอยู่ที่พื้น
“ก่อนปาจะมาที่นี่ แม่ทำอะไรอยู่เหรอ”
คุณหญิงกำลังหยิบเงินอยู่ถึงกับชะงัก
“แกถามชั้นอย่างนี้ หมายความว่ายังไง”
“ทำไมเหรอคะแม่ ปาถามแค่นี้ทำไมแม่ต้องทำหน้าตกใจด้วย”
คุณหญิงรีบยัดเงินใส่มือลูก
“แกไม่ต้องมาจุ้นจ้านกับชั้น จะไปไหนก็ไป ชั้นจะอาบน้ำ..ไป”
ปารมีรับเงินแล้วเชิดหน้าเชอะออกไป คุณหญิงหันไปมองที่หน้าต่างห้องซึ่งเปิดค้างเอาไว้แล้วเป่าปาก
ประดับเดินเข้ามาในห้องรับแขก รีบยัดเสื้อเข้ากางเกงอย่างลวกๆ แต่มาสะดุ้งเพราะเสียงของปารมี
“พี่ประดับ”
“คุณปา”
“พี่ประดับไปไหนมา ปาหาจนทั่วบ้านเลย”
“เอ่อ...พี่...พี่ไปเข้าห้องน้ำมา”
ปารมีมองประดับอย่างสงสัย
“ไม่ใช่แอบไปโทรศัพท์หาผู้หญิงอื่นนะ หึ...อย่าให้ปารู้นะว่าพี่คิดนอกใจปา ไม่งั้นล่ะก็ปาเอาเรื่องพี่แน่”
“ไม่หรอกจ้ะ...พี่รักปา พี่ไม่มีทางมองผู้หญิงอื่นแน่นอน ไว้ปาเรียนจบเมื่อไหร่ พี่จะพูดเรื่องของเรากับท่าน พี่สัญญา”
ประดับดึงปารมีมาโอบลูบหัวจนปารมีไว้ใจ แต่สีหน้าของประดับกลับส่อความร้ายกาจคิดแผนชั่วร้ายบางอย่าง
จ่าแท่นกลับมาที่บ้านพักยงยุทธพร้อมกับอาจารย์ประทีป ดาราที่รออยู่กับขุนเดชรีบเข้าไปถามทันที
“เป็นยังไงบ้างคะจ่า”
“ผู้หมวดยังถูกคุมตัวอยู่ครับ”
“แต่ยงยุทธถูกกลั่นแกล้ง...ทุกคนก็รู้”
“ใจเย็นๆ อาจารย์ ถึงจะมีหลักฐานมามัดตัวหมวด แต่ผมคิดว่าหลังจากมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว ความดีที่หมวดเคยทำไว้จะพิสูจน์ว่าหมวดไม่ใช่คนผิด”
“แต่กว่าจะพิสูจน์ว่ายงยุทธถูกกลั่นแกล้ง พวกมันก็คงลักขุดสมบัติจนไม่เหลืออะไรให้ขุดแล้ว”
“ครับ ขุนเดชพูดถูก พวกมันจงใจใส่ร้ายหมวดเพื่อจะกันไม่ให้หมวดไปขวางทาง แต่พวกมันคิดผิด...ถึงหมวดจะถูกอิทธิพลมืดเล่นงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าศรีสัชนาลัยจะขาดคนกล้า ผมนี่แหละจะปกป้องสมบัติแทนหมวดเอง”
จ่าแท่นพูดเสร็จก็หุนหันออกไปอย่างเดือดดาล
จ่าแท่นรีบออกมาที่รถจี๊ป แต่ต้องชะงักเมื่อเจอตำรวจในโรงพัก 3-4 คนยืนรออยู่อย่างเตรียมพร้อมด้วยอาวุธครบมือ
“นี่พวกเรา”
“จ่าจะสั่งให้เราไปลุยยังไงก็บอกมาได้เลย พวกเราพร้อมสู้เพื่อหมวดแล้วครับ”
“ดี...ไปประกาศความกล้าหาญของเราให้พวกมันรู้ว่ามีแต่พระอาทิตย์เท่านั้นที่อยู่เหนือหัวพวกเราได้ ไม่ใช่อิทธิพลของพวกมัน”
ระหว่างนั้นดารา ขุนเดชและอาจารย์ประทีปตามออกมามองจ่าแท่นที่ขับรถออกไปพร้อมกับตำรวจอย่างมุ่งมั่น แต่อยู่ๆ ดาราก็เกิดหน้ามืดเป็นลม ขุนดชรีบประคองดาราเอาไว้
“ดารา”
หน้าไซต์งานก่อสร้าง ไอ้นะพาคนงานเกือบสิบคนพร้อมอุปกรณ์ครบมือเข้ามา พวกมันเฮโลกันพังแผงไม้ และเชือกที่กั้นเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าไปในพื้นที่ สาลี่กับฮวดพร้อมชาวบ้านรีบเข้ามาห้าม
“เฮ้ย...อย่านะเว้ย ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ พวกลื้อจะมาขุดได้ตามใจชอบ ไอ้พวกหัวขโมย”
ไอ้นะกระชากคอเสื้อฮวดมาตะคอกใส่หน้า
“ไอ้ฮวด...อย่ามาทำอวดเก่ง พาพวกเอ็งออกไป ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะเว้ย”
“แต่ที่นี่ราชการอายัดไว้แล้ว พวกลื้อไม่มีสิทธิ์”
ไอ้นะหัวเราะ
“สงสัยเอ็งจะตกข่าว ไอ้หมวดยงยุทธถูกจับข้อหาลักสมบัติชาติ เพราะฉะนั้นที่นี่เป็นที่ก่อสร้างถนนเหมือนเดิมแล้วเว้ย”
ไอ้นะผลักฮวดจนกระเด็นล้มก้นจ้ำ สาลี่รีบเข้าไปประคอง
“เจ็บมั้ยอาฮวด... ไอ้พวกชิงนรกมาเกิด ข้ามศพพวกเราไปก่อนเถอะพวกแกถึงจะ ได้เข้าไป”
สาลี่กับพวกชาวบ้านจะลุกฮือ แต่โดนไอ้เน ลูกน้องอีกคนชักปืนขึ้นมายิงขู่ขึ้นฟ้า...เปรี้ยง สาลี่กับพวกชาวบ้านชะงักตัวแข็ง
“กล้าก็เข้ามา ถ้าพวกเอ็งยังไม่เข็ด คราวนี้รับรองว่าจะไม่ใช่แค่เลือดตกยางออกแน่”
สาลี่กับพวกชาวบ้านกลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความกลัว ชาวบ้านรีบทิ้งจอบเสียมหนีเอาตัวรอด เหลือสาลี่ที่ช่วย ประคองฮวดขึ้นมา
“ว่าไง...หรือเอ็งสองคนจะอยากตายอยู่ที่นี่” สาลี่รีบส่ายหน้ากลัว “ฮ่าๆๆๆ แต่ถ้าคิดอยากจะหืออีก...ก็ไปบอกให้ไอ้วีรบุรุษบาปมันโผล่หัวมา ฮ่าๆๆๆ”
ไอ้เนกับพรรคพวกพากันบุกเข้าไปในไซต์งาน ฮวดได้แต่ยืนน้ำตาคลอเสียใจ
“เวงกรรม...เวงกรรมประเทศชาติ...ฮือๆๆๆ”
ดารานอนหมดสติอยู่ที่เตียง หมอน้อยดูอาการให้แล้วก็เดินมาคุยกับขุนเดช
“ที่อาจารย์ดาราหมดสติไปเพราะพักผ่อนน้อยแล้วก็เครียดมาก อาหมออยากให้นอนพักอยู่ที่นี่ไปก่อน”
“ดาราเขาเป็นห่วงยงยุทธ ถ้าพิสูจน์ความจริงไม่ได้ว่าโดนกลั่นแกล้ง เห็นทีอาชีพตำรวจของยงยุทธคงต้องจบแค่นี้”
“อาไม่คิดเลยว่าอิทธิพลของพวกมันจะมากมายขนาดนี้ ขนาดตำรวจเก่งๆ อย่างหมวดยงยุทธ ยังพลาดท่าให้พวกมันจนได้”
“เพราะอย่างนี้ไงครับอาหมอ...ถึงจำเป็นต้องมีวีรบุรุษบาป”
หมอน้อยมองขุนเดชอย่างเข้าใจและตบบ่าให้กำลังใจ
“นับวันพวกมันยิ่งหนักข้อขึ้นทุกวัน...อย่าประมาทเด็ดขาดนะขุนเดช”
ขุนเดชยกมือไหว้หมอน้อย
“ครับอาหมอ”
หมอน้อยพยักหน้ารับ ขุนเดชกำลังจะออกไปแต่เป็นจังหวะที่บัวทองเข้ามาพอดี
“พี่ขุนเดช...ชั้นได้ยินว่าอาจารย์ดาราเป็นลม”
“อาหมอช่วยดูให้แล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
“แล้วพี่จะไปไหน”
“พี่มีธุระต้องทำ ฝากบัวทองดูแลดาราให้พี่ด้วยนะ”
ขุนเดชสั่งบัวทองแล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าดุดันเอาจริง บัวทองมองตามด้วยสีหน้าสงสัยกับท่าทางกร้าวแข็ง ดุดันเหมือนจะไปมีเรื่องมีราวของขุนเดช และระหว่างนั้นอยู่ๆ บัวทองก็เห็นขุนเดชเดินออกไปโดยไม่มี...เงาหัว
“พี่ขุนเดช”
บัวทองตกใจมากจะตามไป แต่หมอน้อยมาจับบ่าบัวทองบีบเบาๆ ให้บัวทองคลายความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกบัวทอง ขุนเดชไปทำธุระแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมา”
บัวทองนิ่งไปมองหมอน้อยด้วยสีหน้าที่อดแปลกใจในภาพที่ตัวเองเห็นไปเมื่อกี้ไม่ได้
ยงยุทธเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดอยู่ในห้องขัง ระหว่างนั้นกำนันบุญกับเดินเข้ามาพร้อมกับผกา
“เป็นไงบ้างครับหมวดคนเก่ง”
“กำนัน มาทำอะไรที่นี่”
“ทางราชการเขาเชิญให้ผมมาให้ปากคำเกี่ยวกับการทำงานของหมวด เพราะเห็นว่าผมเป็นคนพื้นที่หน้าที่พลเมืองดีแบบนี้ ปฏิเสธก็คงเสียดายแย่”
ยงยุทธเจ็บใจและโกรธมาก กระแทกลูกกรงเสียงดังจะเอาเรื่อง
“ไอ้กำนัน ถ้าชั้นออกไปได้เมื่อไหร่...ชั้นจะกวาดล้างพวกแกให้หมด”
“หึ...ตัวเองจะติดคุกหัวโตอยู่แล้วยังอวดเก่งอีกนะคะผู้หมวด มิน่าล่ะประดับเขาถึงได้หมายหัวหัวหมวดไว้เป็นอันดับหนึ่ง”
“งั้นเธอก็ไปบอกมันให้รู้ไว้ด้วย ถ้ามันคิดว่าคุกแค่นี้จะหยุดชั้นได้...มันคิดผิด”
“เชอะ...ปากเก่งไปเถอะ หมวดเข้าไปอยู่ในคุกเมื่อไหร่ พวกที่มันอยากแก้แค้นหมวดรอเสียบหมวดกันเต็ม หมวดได้ตายอยู่ในคุกแน่”
ผกาสะบัดหน้าใส่แล้วเดินออกไป ยงยุทธขบกรามเจ็บใจ
“รักษาตัวให้ดีนะหมวด กว่าจะได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกทีคงอีกนาน...ฮ่าๆๆๆ”
กำนันบุญตามผกาออกไป ยงยุทธกำหมัดแน่นแล้วถีบลูกกรงอย่างแรงระเบิดอารมณ์โกรธ
“โธ่เว้ย”
ขุนเดชกลับมาที่กระท่อมและหยิบดาบดำออกมาจากที่ซ่อน ขุนเดชชักดาบดำออกมาแววตาจับจ้องที่คมดาบอันคมกริบ ผ้าขาวหน้าพันหน้าเป็นวีรบุรุษบาปพร้อมออกเข่นฆ่าพวกคนใจบาป
เสียงคำรามของแจ็คดังออกมาจากห้องพักฟื้นที่แจ็คนอนรักษาตัวแผลที่เกิดจากการต่อสู้กับยงยุทธและวีรบุรุษบาปเมื่อคราวก่อน ประตูห้องถูกเปิดออกมาอย่างแรง แจ็คเดินออกมาท่อนบนไม่ได้สวมเสื้อมีผ้าพันแผลพัน
แจ็คฉีกผ้าพันแผลขาดกระจุยเห็นแผลเย็บยังแดงๆ อยู่ ไม่หายดี
“แกอย่าเพิ่งไปเลย นายอยากให้รักษาตัวให้หายดีก่อน”
เบิ้มพยายามห้ามเพราะเห็นว่าแจ็คยังไม่หายดี แต่แจ็คกลับกระชากคอเสื้อเบิ้มมาจ้องหน้าดุดัน เบิ้มเหวอ
เบิ้มโดนแจ็คเหวี่ยงกระเด็นกลิ้งมาล้มลงใกล้ๆ กับเท้าของกำนันบุญกับผกาที่กลับมาที่บ้านพอดี แจ็คมุ่งหน้าออกจากบ้านกำนันบุญไปหมายมั่นว่าต้องจัดการกับวีรบุรุษบาปให้ได้ กำนันบุญไม่ขวางเปิดทางให้ไป
“แจ็ค...ถ้าแกจัดการกับวีรบุรุษบาปได้ นอกจากคุณประดับจะมีรางวัลให้แกแล้ว ชั้นจะให้เพิ่มเป็นสองเท่า ขอแค่ให้มันได้ตายอย่างทรมานที่สุด”
แจ็คหันมายิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจก่อนจะเดินออกไป
บริเวณไซต์งานก่อสร้างถนนจ่าแท่นกับพวกตำรวจกำลังยิงอย่างดุเดือดอยู่กับพวกไอ้นะไอ้เน
“จับพวกมันให้ได้ อิฐก้อนเดียวก็อย่าให้พวกมันได้กลับไป”
จ่าแท่นเริ่มบ้าดีเดือดยิงใส่พวกไอ้นะไอ้เนไม่หยุด กระสุนจากจ่าแท่นโดนเข้าไปที่พวกคนงาน
“ไอ้จ่าแท่น...มันไปกินดีหมีอะไรมาวะ”
ไอ้นะพยายามยิงสวนกลับแต่ก็โดนพวกตำรวจยิงตอบโต้จนเหมือนพวกมันจะสู้ไม่ได้
“ก็แค่ไอ้จ่าแก่ๆ บ้าดีเดือดได้ไม่เท่าไหร่หรอก เจอของจริงเข้าไปขี้คร้านจะหางจุกตูด ข้าจะจัดการเอง เอ็งพาพวกที่เหลือไปขุดหาปืนคาบศิลาเหล็กไหลให้เจอ”
ไอ้นะพาพวกออกไป ไอ้เนยิ้มร้ายแล้วหยิบระเบิดมือขึ้นมา ถอดสลักโยนใส่ไปที่พวกจ่าแท่น
ตูม...ระเบิดดังสนั่น ควันคละคลุ้ง จ่าแท่นรอดจากรัศมีระเบิดได้หวุดหวิดเพราะกระโดดหลบทัน แต่ตำรวจ ที่มาด้วยกันนอนร้องครวญครางบาดเจ็บได้เลือดกันไปตามกันๆ จ่าแท่นเจ็บใจจะคว้าปืนที่หลุดมือซึ่งตกอยู่ที่พื้น แต่ไอ้เนเข้ามาเตะปืนทิ้งกระเด็น
“ใจสู้ไม่ใช่เล่นนะจ่า แต่อย่าพยายามเลย เพราะสังขารมันไม่ให้แล้ว”
ไอ้เนเตะเสยคางทีเดียวจ่าแท่นหงายหลังเลือดกบปาก แต่จ่าแท่นก็ยังใจสู้อยู่เช็ดเลือดแล้วลุกขึ้น
“เอ็งมันรู้จักข้าน้อยไปแล้ว เลือดคนศรีสัชนาลัยอย่างข้า ไม่มีคำว่ายอมแพ้เว้ย”
จ่าแท่นปรี่เข้าไปชกหน้าไอ้เนจังๆ หนักๆ ไอ้เนถึงกับหน้าหัน ได้เลือดจากปากเหมือนกัน
“ไอ้จ่า...เผลอให้หน่อยเดียวซัดซะได้เลือดเลย”
“ทีเด็ดมากกว่านี้ข้าก็ยังมีนะเว้ย”
จ่าแท่นเข้าไปชกอีกทีแต่คราวนี้ไอ้เนเอามือเปล่ารับหมัดแล้วบิดแขนก่อนจะถีบจ่าแท่นกระเด็น จ่าแท่นรีบคลานไปหยิบปืนยิงสวน ไอ้เนรีบวิ่งหนี
ติดตามอ่านขุนเดช ตอนที่ 8 (ต่อ) เวลา 17.00 น.
ขุนเดช ตอนที่ 8 (ต่อ)
จ่าแท่นถือปืนเข้ามามองหาไอ้เน มันซ่อนตัวรอจังหวะพอจ่าแท่นเผลอก็รีบกระโจนออกมาพร้อมกับเอาพลั้ว ฟาดมือ ปืนจ่าแท่นกระเด็นและกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ โดนไอ้เนระดมหมัดเข่าศอกประเคนเข้าใส่จนโงนเงน
“เป็นตำรวจไล่จับพวกเล่นหวยเล่นโปไม่ต้องเหนื่อยไม่ชอบ อยากหาเรื่องเจ็บตัวชั้นก็เลยต้องจัดให้หนักหน่อยนะจ่า”
ไอ้เนจิกหัวจ่าแท่นขึ้นมาเตรียมจะซัดให้หมอบ แต่เสียงชักดาบออกจากฟักดังมาจากข้างหลังไอ้เนหันขวับ
“วีรบุรุษบาป”
วีรบุรุษบาปถือดาบดำยืนจังก้า คมดาบสะท้อนแสงแดดเข้าตาไอ้เนจนต้องยกมือกัน ไอ้เนรู้ว่าสู้ไม่ได้รีบปล่อยจ่าแท่น
“โชคดีไปนะจ่า”
ไอ้เนรีบวิ่งหนีเอาตัวรอด จ่าแท่นทรุดฮวบแทบหมดแรง วีรบุรุษบาปเข้ามายืนมองก่อนจะยื่นมือเข้าไปช่วยให้ จ่าแท่นพยุงตัวลุกขึ้นยืน
“วีรบุรุษบาป”
วีรบุรุษบาปปล่อยมือหันหลังให้และไล่ตามไอ้เนไป จ่าแท่นได้แต่ยืนมองตามตาปริบๆ
ดารารู้สึกตัว บัวทองรีบดูแล
“อาจารย์คะ เป็นยังไงบ้าง”
“บัวทอง...นี่ชั้น...” ดารามองไปรอบๆ แปลกใจว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“อาหมอบอกว่าอาจารย์เป็นห่วงหมวดยงยุทธมากจนไม่ได้พักผ่อนก็เลยเป็นลมหมดสติ”
“แล้วยงยุทธล่ะ เขาถูกปล่อยตัวกลับมารึยัง”
บัวทองนิ่งไปครู่
“ยังเลยค่ะอาจารย์” ดาราเป็นกังวลยงยุทธรีบลุกจากเตียงจะออกไป แต่บัวทองรีบห้าม “อาจารย์ยังต้องพักผ่อนอยู่ที่นี่นะคะ”
“แต่เราจะปล่อยให้ยงยุทธถูกเข้าใจผิดไม่ได้นะบัวทอง ถ้ากฏหมายยังปกป้องคนดีไม่ได้แล้วต่อไปจะมีใครอยากทำดีอีกล่ะ”
“บัวทองเข้าใจค่ะ แต่ตอนนี้อาหมอต้องการให้อาจารย์พักผ่อน ถ้าอาจารย์ล้มไปอีกคนหมวดคงต้องเป็นห่วงอาจารย์จนคิดหาทางสู้กับอิทธิพลไม่ได้แน่” ดารานิ่งไป บัวทองเข้าไปช่วยประคองกลับมาที่เตียง “ตอนนี้พี่ขุนเดชคงกำลังไปหาทางช่วยหมวดอยู่ คงไม่ปล่อยให้เพื่อนรักต้องติดคุกแน่”
ดารามองบัวทองแล้วพยักหน้ารับ แต่บัวทองแอบมีสีหน้ากังวลเป็นห่วงขุนเดช
ที่ไซต์งานก่อสร้างถนน ไอ้นะสั่งคนงานให้เร่งมือขุดหาปืนคาบศิลาเหล็กไหล
“เอ้า...เร็วเข้า...อย่าอู้....หาให้เจอ ตรงไหนสงสัยว่ามีก็ขุดมันเข้าไป”
“ขุดเจอปืนคาบศิลาเหล็กไหลรึยังวะ” ไอ้เนเข้ามาถาม
“ยังเลย”
“บอกพวกมันเร่งมือเข้า...ไอ้วีรบุรุษบาปโผล่หัวมาแล้ว”
พวกคนงานได้ยินชื่อวีรบุรุษบาปก็พากันชะงักเริ่มมีท่าทาหวาดกลัว ไอ้นะเห็นก็ไม่พอใจ
“พวกเอ็งจะกลัวมันทำไม มันไม่ใช่ผีสักหน่อย”
พวกคนงานบางส่วนก็ยังไม่กล้าแสดงความกลัววีรบุรุษบาปออกมา ไอ้เนเลยชักปืนยิงขึ้นฟ้า...เปรี้ยง
“เลือกเอาระหว่างโดนไอ้วีรบุรุษบาปเล่นงานหรือจะโดนข้ายิงหัวกบาล”
“แล้วถ้าใครอยากรวยก็ตามข้าไปจัดการกับมัน”
พวกคนงานบางส่วนหันมามองหน้ากัน ความโลภอยากได้เงินทำให้พวกมัน 2-3 คนเอาด้วยกับไอ้นะไอ้เน ตามกันออกไปจัดการกับวีรบุรุษบาป
ยงยุทธเดินไปเดินมาในห้องขังอย่างเป็นกังวลและเครียด ระหว่างนั้นตำรวจพาผู้ต้องหาคนหนึ่งเป็นชายร่างใหญ่มีรอยสักเต็มตัวเข้ามาขังรวมกับยงยุทธ ท่าทางของมันแข็งแรงและมีฝีมือ ตำรวจทิ้งให้ผู้ต้องหาอยู่ในห้องขังกับยงยุทธ มันมองมาที่ยงยุทธด้วยแววตาไม่น่าไว้วางใจ สัญชาติญาณของยงยุทธรู้สึกได้ว่ามันไม่น่าไว้วางใจ
ก่อนหน้านี้กำนันบุญยื่นเงินค่าจ้างให้ผู้ต้องหาคนเดียวกับที่ถูกตำรวจจับส่งเข้าคุกกับยงยุทธ
“จัดการให้เรียบร้อยด้วย ให้มันตายคาคุกนั่นแหละ” ผู้ต้องหาพยักหน้ารับแล้วกำเงินออกไป กำนันบุญหันมาที่ผกา “แผนการของคุณเข้าท่าจริงๆ สมกับที่เป็นคนรู้ใจของคุณประดับ”
“ชั้นก็แค่หมั่นไส้ไอ้ผู้หมวดนั่น ทำปากเก่งอวดดีกับ...เชอะ ให้มันได้เจอของจริงซะบ้าง จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร”
ผกากอดอกเชิดหน้าร้ายกาจ
ไอ้นะกับไอ้เนพาคนงานพร้อมอาวุธครบมือเข้ามา
“มันน่าจะอยู่แถวนี้แหละ...ระวังตัวด้วย”
ไอ้เนกำชับทุกคน ระหว่างนั้นวีรบุรุษบาปค่อยๆ โผล่เข้ามายืนข้างหลังคนงานคนหนึ่งอย่างเงียบกริบ ไม่มีใครรู้ตัว เหมือนผีที่โผล่มาข้างหลัง พอมันรู้ตัวอีกทีคนงานก็โดนขุนเดชใช้สองมือหักคอดัง...กร่อบ
ไอ้นะไอ้เนพร้อมคนงานยังไม่รู้ตัวว่าวีรบุรุษบาปได้ย่างกรายเข้ามาเล่นงาน คนงานอีกคนก็ที่เดินตามหลังก็โดนวีรบุรุษบาปใช้ดาบดำแทงทะลุงอกเอามือปิดปาก มันดิ้นพราดๆ ตายคาที่ ไอ้นะหันมาเห็นพอดี
“เฮ้ย...มันอยู่นั่น”
ไอ้นะไอ้เนพร้อมพวกคนงานที่เหลืออยู่รีบชักปืนยิงใส่...เปรี้ยงๆๆๆ ควันปืนคละคลุ้ง แต่วีรบุรุษบาปหายตัวไป
คนงานเริ่มหน้าเครียดถอยหลังชนกัน คนหนึ่งเห็นวีรุบุรุษบาปโผล่มาพร้อมกับพุ่งหลาวไม้เสียบกลางอก...ฉึก คนงานที่เหลืออยู่คนเดียวเหวอตกใจกลัวสุดขีด
“ไม่เอาแล้ว...กลัวแล้ว มันเป็นเพชรฆาต...ข้าไม่อยากตาย”
คนงานรีบวิ่งหนีหางจุกตูดเอาตัวรอดสุดฤทธิ์ ไอ้นะไอ้เนหันมามองหน้ากันเจ็บใจ ไอ้เนหันปากกระบอกปืนไป ยิงใส่คนงานที่พยายามหนี...เปรี้ยง คนงานตายคาที่
ยงยุทธเกาะลูกกรงเดินไปเดินมาพยายามคิดหาทางจะให้พ้นจากข้อกล่าวหาได้ยังไง ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ถูกส่งมาเล่นงานยงยุทธทำทีเป็นก้มไปผูกเชือกรองเท้า แต่ที่จริงมันเตรียมมีดพกสั้นไว้ในถุงเท้า ยงยุทธหันหลังให้มันจึงไม่ทันระวังตัว มันกระโจนเข้ามาเล่นงานแต่ยงยุทธฉากหลบได้อย่างหวุดหวิด มีดสั้นปาดโดนที่แขนเสื้อขาด ผู้ต้องหาร่างยักษ์ไม่รอให้ยงยุทธตั้งตัวได้ มันตามเข้าไปจ้วงแทง ยงยุทธเอามือรับไว้และต้องออกแรงงัดกับมันอย่างสุดกำลัง เรี่ยวแรงของมันไม่ใช่น้อยๆ เพราะตัวใหญ่ยักษ์กว่าคมมีดสั้นห่างจากหน้ายงยุทธไปไม่เท่าไหร่ ยงยุทธเลยต้องออกแรงเต็มที่จับมือมันบิดข้อมือจนมีดหลุดจากมือ
ผู้ต้องหาร่างยักษ์เจ็บใจเลยเอาหัวโขกใส่หน้ายงยุทธเต็มๆ จนผงะถอย มันตามไปเล่นงานด้วยมือเปล่าประเคนหมัดใส่ไม่ยั้ง ต้อนจนยงยุทธติดมุมโดนรุมหนัก
อีกด้านหนึ่งที่ไซต์งานก่อสร้าง ไอ้นะวิ่งตามวีรบุรุษบาปเข้ามาพร้อมปืน ไอ้นะกับไอ้เนแยกย้ายกันสำรวจรอบๆซึ่งมีอุปกรณ์ก่อสร้างทั้งเครื่องผสมปูน และเครื่องไม้เครื่องมือกองเต็ม ไอ้นะเห็นวีรบุรุษบาปหายไปไวๆ ที่กองเครื่องมือ มันรีบยิงใส่ไม่ยั้ง สิ้นเสียงปืนไอ้นะเข้าไปดูเพราะคิดว่าน่าจะยิงโดนแต่ไม่เจอใครอยู่ตรงนั้น มันหันขวับเมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามาข้างหลังซึ่งก็คือวีรบุรุษบาปนั่นเอง มันหันปากกระบอกปืนใส่แต่วีรบุรุษบาปเอามือบีบที่ลูกโม่ทำให้ปืนยิงไม่ได้
ไอ้นะหน้าเสียเพราะแววตาของวีรบุรุษบาปเอาจริง มันโดนชกหน้าด้วยหมัดจั๋งๆ ทีเดียวสลบเหมือด
ส่วนที่ห้องขังยงยุทธโดนผู้ต้องหาร่างยักษ์เล่นงานซะเลือดกบปากฝีมือแทบจะสู้มันไม่ได้ มันเห็นยงยุทธทรุดก็เลยชะล่าใจหันไปหยิบมีดสั้นที่พื้นขึ้นมาหวังจะจัดการให้ตายคาที่แต่พอมันเอามีดสั้นเข้ามาใกล้ ยงยุทธก็อาศัยจังหวะถีบเข้าที่หน้าแข้งมันจนทรุดแล้วรีบแย่งมีดสั้นจากมือมันมาเสียบเข้าพุงมันทันที...ฉึก
ผู้ต้องหาร่างยักษ์สะดุ้งเฮือก ยงยุทธผลักมันจนกระเด็นแล้วหันมาเป่าปากโล่งอกเจ็บยอกไปทั้งตัว
“เกือบไปแล้วเรา”
แต่ยงยุทธก็โล่งอกไปได้แค่แป๊บเดียว เพราะไอ้ยักษ์ที่โดนมีดตัวเองเสียบพุงไปยังไม่สิ้นฤทธิ์ มันลุกขึ้นมาอีก
“เฮ้ย”
ไอ้ยักษ์ชักมีดออกจากพุง เลือดไหลออกมาจากท้องมันไม่หยุดแต่ไม่ได้ทำให้มันเจ็บเลยสักนิด
ที่ไซต์งานก่อสร้างถนน คนงานกลุ่มหนึ่งซึ่งยังขุดหาปืนคาบศิลาอยู่ตามคำสั่งได้ขุดเจออะไรบางอย่างในหลุมที่กำลังขุดอยู่ พวกมันรีบช่วยกันขุดจนพบกล่องใส่ปืนโบราณลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ มีกุญแจเหล็กโบราณล้อคแน่นหนา พวกมันช่วยกันเอากล่องปืนขึ้นมาเตรียมจะเอาชะแลงงัดกุญแจ แต่แจ็คโผล่เข้ามาผลักพวกมันกระเด็นแล้วใช้มือเปล่ากระชากกุญแจพังอย่างง่ายดาย
แจ็คเปิดกล่องออกมาก็พบปืนคาบศิลาเหล็กไหลที่มีการลงยันต์อักขระโบราณที่ลำกล้อง พร้อมกระสุนปืนที่ทำ มาจากเหล็กไหลซึ่งเรียงรายอยู่ในตลับ ทั้งปืนและลูกปืนยังถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีแจ็คหยิบปืนขึ้นมาแล้วยิ้มร้ายๆ
ยงยุทธถูกไอ้ยักษ์ชกใส่หน้าหมัดแล้วหมัดเล่า จนต้องยกการ์ดขึ้นมาตั้งรับแล้วสวนหมัดกลับไป หมัดโดนเข้าหน้ามันไม่ค่อยสะทกสะท้าน ยงยุทธเลยเปลี่ยนมาใช้หมัดฮุคเข้าที่ท้องเน้นๆ ตรงที่แผลที่มันโดนแทง คราวนี้ได้ผลไอ้ยักษ์แสดงอาการเจ็บสะดุ้งเฮือก ยงยุทธเลยรัวหมัดเข้าที่พุงมันจนเลือดมันติดมือก่อนจะจบด้วยหมัดไม้ตาย
“หมัดฟ้าฟาด”
ไอ้ยักษ์โดนหมัดฟ้าฟาดเข้าไปก็แน่นิ่งหมดฤทธิ์ กว่าจะคว่ำมันได้เล่นเอายงยุทธถึงกับเหนื่อยแทบหมดแรง ระหว่างนั้นตำรวจเข้ามาเห็นพอดีก็รีบชักปืนขู่ทันที
“หยุด...ยกมือขึ้น”
ยงยุทธชะงักจำเป็นต้องชูมือขึ้นเหนือหัวแล้วคุกเข่าเอามือประสานหัว ยงยุทธชำเลืองมองที่กุญแจมือที่เหน็บ อยู่ข้างเอวและตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
ตำรวจถูกจับใส่กุญแจมือมีผ้าปิดปากและถูกขังเอาไว้ ส่วนยงยุธได้แหกคุกหนีออกไปแล้ว
ไอ้เนตามเข้ามาเจอไอ้นะหมดสติถูกจับมัดอยู่กับเครื่องผสมปูน วีรบุรุษบาปรออยู่แล้วไอ้เนเลยเดือดเข้าไปสู้
วีรบุรุษบาปกับไอ้เนแลกหมัดกันแต่ไอ้เนสู้ไม่ได้โดนเล่นงานหนักและเกือบจะโดนวีรบุรุษบาปตัดสินโทษด้วยดาบดำ เงื้อเตรียมจะฟันอยู่แล้ว แต่ไอ้แจ็คโผล่เข้ามา
วีรบุรุษบาปผละจากไอ้เนแล้วเข้าไปสู้กับไอ้แจ็คด้วยมือเปล่า คราวนี้ไอ้แจ็คมาพร้อมกับความแค้นที่สั่งสมเลย เล่นงานด้วยจระเข้ฟาดหาง วีรบุรุษบาปหมุนคว้างแล้วกลิ้งไปหลายตลบลุกขึ้นมาได้ก็เจ็บจุก แจ็คพยักหน้าให้ไอ้เนพาไอ้นะออกไป เพราะมันพร้อมจะจัดการกับวีรบุรุษบาปแล้ว สองคนจ้องหน้ากันเอาเป็นเอาตายถึงขั้นตัดสินว่าต้องมีคนตายสักคนหนึ่งสำหรับการปะทะครั้งนี้
ยงยุทธออกมาที่นอกถนนเดินปะปนกับพวกชาวบ้าน ระหว่างนั้นตำรวจที่ไล่ตามยงยุทธมาเห็นก็ยิงปืนขึ้นฟ้า ชาวบ้านแตกตื่นก้มหัวหลบกันจ้าละหวั่น ยงยุทธรีบอาศัยจังหวะชุลมุนวิ่งหนี ตำรวจจะยิงแต่ชาวบ้านเข้ามาขวาง ยงยุทธเห็นมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ข้างทางเลยรีบเข้าไปลักใช้ ขับบิดหนีดงกระสุนที่ตำรวจระดมยิงใส่ไปได้อย่างหวุดหวิด
วีรบุรุษบาปกับแจ็คจรดๆ จ้องๆ ลองเชิงก่อนจะลุยเข้าแลกหมัด เข่า ศอก สารพัดเชิงมวย แต่แจ็ครับมือได้หมดทุกเชิงมวยของวีรบุรุษบาป ซ้ำยังเล่นงานจนวีรบุรุษบาปรับมือไม่ได้ วีรบุรุษบาปใช้ดาบดำฟัน จ้วง แทง สองสามเพลงดาบแรกแจ็คหลบได้แต่ก็พลาดท่าโดนฟันเลือดซิบ แจ็คโมโหหันไปงัดเอาเหล็กแท่งจากอุปกรณ์ก่อสร้างด้วยแรงมหาศาลออกมาและใช้เป็นอาวุธรับมือกับดาบดำ ประกายไฟแล่บแปล๊บปลาบ วีบุรุษบาปกับแจ็คช่วงชิงความได้เปรียบด้วยเชิงดาบ เมื่อแจ็คพลาดท่าถูกศอกกลับหลังเข้าหน้าจนเสียงเชิง วีรบุรุษบาปจึงตัดสินใจจบการต่อสู้
ขุนเดชฟ้า...ดิน...เป็นพยาน...ดาบ...เดือน...ดับ
แจ็คยืนตัวแข็งนิ่ง วีรบุรุษบาปมั่นใจว่าคราวนี้เพลงดาบเดือนดับได้ตัดสินโทษไอ้แจ็คอย่างสาสม แต่ทว่า...แจ็คกลับหัวเราะเสียงดังลั่น ขุนเดชหันไปเห็นรอบแผลที่ฟันตรงคอแจ็คค่อยๆ ผสานกลับมาเป็นปกติอย่างอัศจรรย์ ขุนเดชถึงกับอึ้ง
“เป็นไปไม่ได้”
แจ็คยิ้มร้ายก่อนจะแบมือให้ขุนเดชดูบางอย่าง...กระสุนปืนเหล็กไหลที่ถูกขุดพบนั่นเอง
“กระสุนปืนเหล็กไหล...พวกแกเจอปืนคาบศิลาเหล็กไหลแล้ว”
แจ็คหัวเราะข่มแล้วกำกระสุนปืนเหล็กไหลไว้ในหมัด สันนิ้วนูนขึ้นมาเป็นสามเหลี่ยม
“หมัด...สั่ง...ตาย”
ที่อนามัยบัวทองทำแก้วน้ำตกแตก...เพล้ง ระหว่างที่กำลังเอาน้ำมาให้ดารา
“เป็นอะไรรึเปล่าบัวทอง”
“เอ่อ...ไม่เป็นอะไรค่ะอาจารย์”
บัวทองรีบเก็บเศษแก้วที่พื้น ดาราเข้ามาช่วย
“แต่ชั้นดูเธอเหม่อๆ นะ ไม่สบายใจอะไรอยู่รึเปล่า”
บัวทองนิ่งไป ดาราแตะไหล่อย่างเป็นห่วง บัวทองเลยเล่าให้ฟัง
“บัวทองมีลางสังหรณ์ไม่ดี กลัวว่าพี่ขุนเดชเขาจะมีอันตราย”
บัวทองพูดไปก็น้ำตาคลอด้วยความเป็นห่วง ดาราดึงบัวทองมาโอบปลอบใจ
“ขุนเดชเป็นคนดี พระย่อมคุ้มครอง”
วีรบุรุษบาปโดนแจ็คซัดหมัดสั่งตายเข้าหน้าลำตัวและตามอีกหลายหมัดจนโงนเงนกลายเป็นฝ่ายถอยโดนไล่ต้อนจนไปยืนหมิ่นเหม่ที่ปากหลุมซึ่งถูกขุดเอาไว้ลึกพอที่จะฝังคนได้...ทั้งเป็น แจ็คเห็นวีรบุรุษบาปหมดแรงแล้วเลยฮุคเข้าที่ช่องท้องแรงๆ อีกที วีรบุรุษบาปเข่าทรุดไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นมาตอบโต้แม้แต่น้อย
แจ็คเดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมเล็งวีรบุรุษบาปด้วยปืนคาบศิลาเหล็กไหลที่ใส่กระสุนเหล็กไหลพร้อมยิง วีรบุรุษบาปพยายามฮึดปักดาบดำกับพื้นยันตัวขึ้น แต่นั่นก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะแจ็คสับนกลั่นไก...เปรี้ยง กระสุนปืนเหล็กไหลพุ่งเข้าใส่ที่หัวไหล่ทำให้วีรบุรุษบาปตกลงไปในหลุม แจ็คเข้ามายืนที่ปากหลุมมองสภาพของวีรบุรุษบาปที่สิ้นฤทธิ์เดช
วีรบุรุษบาปมองไปที่ปากหลุม ตาพร่าลางเลือนเห็นแจ็คค่อยๆ โกยเอาดินถมลงมาที่ร่างพร้อมกับนึกถึงคำพูดของอาจารย์ประทีป
“...ว่ากันว่าผู้ที่โดนยิงด้วยกระสุนเหล็กไหล อาถรรพ์จะทำให้วิญญาณไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เป็นผีโหงพรายทนทุกทรมานไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
วีรบุรุษบาปถูกดินกลบจนปิดหน้ามิด...ภาพดำมืด
จ่าแท่นซึ่งตามมาเห็นเหตุการณ์วีรบุรุษบาปถูกแจ็คฆ่าแล้วฝังกลบ จ่าแท่นถึงกับหน้าสลด
ที่ระเบียงอนามัย บัวทองชะเง้อคอรอว่าเมื่อไหร่ขุนเดชจะกลับมา บัวทองเริ่มกระวนกระวายใจเป็นห่วงมาก
“ขุนเดชยังไม่กลับมาอีกเหรอบัวทอง”
“ยังเลยค่ะอาหมอ” หมอน้อยนิ่งไปแววหน้าเริ่มมีความกังวล “อาหมอคะ...พี่ขุนเดชได้บอกอาหมอรึเปล่าคะว่าไปทำธุระอะไร ที่ไหน”
“เปล่า”
“บัวทองสังหรณ์ใจไม่ดีเลยค่ะ ก่อนที่พี่ขุนเดชจะออกไป บัวทองรู้สึก...”
บัวทองมีสีหน้าหนักใจไม่กล้าพูดออกมา ระห่างนั้นจ่าแท่นพาตำรวจที่ไปด้วยและได้รับบาดเจ็บมาส่งอนามัย
“เป็นอะไรกันมาน่ะจ่า” หมอน้อยถาม
“พวกผมปะทะกับคนของกำนันครับ โชคดีที่วีรบุรุษบาปมาช่วยไว้”
“ผมว่ารีบพาคนเจ็บไปรักษาแผลก่อนดีกว่า” หมอน้อยหันไปเรียกพยาบาลกับชาวบ้านแถวนั้นให้ช่วยกันพยุงตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บพาเข้าไปด้านใน “แล้ววีรบุรุษบาปล่ะจ่า”
จ่าแท่นหน้าเครียด
“วีรบุรุษบาป...ตายแล้วครับ”
ดารากำลังวิตกกังวลอยู่ในห้องพัก ยงยุทธแอบเข้ามาหา
“ดารา”
“ยงยุทธ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ดาราถามอย่างแปลกใจ
“ชู่ว์...ผมหนีออกมา”
“หนี...เธอทำอย่างนี้ทำไม เธอควรจะต้องพิสูจน์ความจริงว่าเธอบริสุทธิ์ไม่ใช่ทำให้ทุกคนคิดว่าเธอผิดจริงๆ”
“ผมรู้...แต่ผมจำเป็นต้องออกมา เพราะพวกมันส่งคนเข้าไปเล่นงาน ถ้าผมยังอยู่คงไม่พ้นต้องตายอยู่ในคุก” ดาราตกใจ
อีกมุมของอนามัย หมอน้อยไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่จ่าแท่นบอก
“แน่ใจเหรอจ่า จ่าเห็นกับตาจริงๆ นะ”
“ครับหมอ...มันยิงวีรบุรุษบาปจนแน่นิ่งแล้วเอาดินกลบหน้า ฝังดินจะๆ คาตาผมเลย”
หมอน้อยหน้าเสีย แข้งขาอ่อน
“วีรบุรุษบาป”
บัวทองรีบประคองหมอน้อย
“อาหมอคะ”
“บัวทอง...วีรบุรุษบาปเป็นคนดี เราจะปล่อยให้เขาจากเราไปไม่ได้” หมอน้อยบอกบัวทอง
“อาหมอรู้จักวีรบุรุษบาปเหรอคะ”
หมอน้อยมองบัวทองหน้าเครียดเหมือนกำลังจะบอก แต่ระหว่างนั้นรถตำรวจขับเข้ามาพร้อมกับกำลังตำรวจ หลายนายและอาวุธครบมือ
“มีอะไรกันครับ” จ่าแท่นถามอย่างแปลกใจ
“หมวดยงยุทธหนีจากการคุมขัง เราสงสัยว่าเขาจะหลบหนีมาอยู่ที่นี่” ตำรวจบอกจ่าแท่นแล้วก็หันไปสั่งให้ตำรวจที่มาด้วยกันเข้าตรวจค้นทันที “ค้นให้ทั่ว”
ขณะนั้นดาราพยายามพูดกับยงยุทธให้เปลี่ยนใจ
“เราต้องแจ้งเรื่องที่มีคนลอบเข้าไปทำร้ายเธอให้ผู้ใหญ่รู้”
“ไม่ได้หรอกดารา ผมไม่รู้ว่าพวกมันมีเส้นสายเป็นใครบ้าง”
“แต่ถ้าเธอยังหนี เธอจะกลายเป็นคนผิด หนทางพิสูจน์ความจริงจะไม่เหลือให้เธอพิสูจน์อีก” ดาราเข้าไปแตะแขนยงยุทธ “ยงยุทธ...ชั้นไม่อยากเห็นเธอต้องหนีไปจนชั่วชีวิตนะ”
ดาราเข้าไปสวมกอดยงยุทธเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง
“ดารา”
“อย่าจากชั้นไป...ชั้นขอได้มั้ย”
ยงยุทธกับดาราสบตากัน ระหว่างนั้นจ่าแท่นรีบเข้ามา
“หมวด หมวดมาที่นี่จริงๆ ด้วย ตอนนี้เขาตามหมวดมาถึงที่นี่แล้วนะครับ”
ยงยุทธหน้าเครียดจะผละจากดาราไป แต่ดาราจับมือรั้งไว้
“ยงยุทธ ชั้นรู้ว่าถ้าเธอไป ชีวิตเธอที่เหลือจะไม่ต่างจากวีรบุรุษบาป เธอจะเป็นคนนอกกฏหมาย ทำผิดในสิ่งที่เธอเคยลั่นวาจา”
ยงยุทธนิ่งไป
“หมวดครับ...ผมเห็นวีรบุรุษบาปถูกพวกมันฆ่าตาย” จ่าแท่นบอก
“ว่าไงนะจ่า”
“พวกมันเพิ่งฝังวีรบุรุษบาปไป ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง...ความยุติธรรมก็จะหายไปจากแผ่นดิน ไม่มีทางเรียกกลับมาได้อีก”
ยงยุทธนิ่งสีหน้าเครียด ครุ่นคิดตัดสินใจอย่างหนัก มองดาราที่กุมมือเขาแน่น
อ่านต่อหน้าที่ 3
ขุนเดช ตอนที่ 8 (ต่อ)
ตำรวจกำลังค้นทั่วอนามัยและกำลังมาถึงห้องที่ดาราพัก ระหว่างนั้นจ่าแท่นเดินเข้ามาเหมือนจะขวางทางไม่ให้เข้าไปตรวจค้น
“จ่า...ถ้าจ่าขัดขืนการปฏิบัติงาน จ่าจะมีความผิดไปด้วย”
จ่าแท่นนิ่งไปก่อนจะขยับตัวเปิดทางให้กลุ่มตำรวจไปเปิดประตูห้องพักของดารา ภายในในห้องยงยุทธไม่ได้หนีไปหน เขายังยืนรอมอบตัวโดยชูมือให้เห็นว่าไม่มีอาวุธ ตำรวจรีบกรูกันเข้าไปเอาปืนขู่ยงยุทธคุกเข่าเอามือประสานหัวยอมให้จับแต่โดยดี ตำรวจจับยงยุทธใส่กุญแจมือแล้วจะคุมตัวพาออกไป
“เดี๋ยวค่ะ”
ดารารีบเข้าไปหายงยุทธพร้อมกับดึงเขามากอดแน่นเหมือนต้องการให้กำลังใจ
“ห้ามยอมแพ้อีกนะ...สัญญากับชั้น”
ยงยุทธพยักหน้ารับ
“ผมจะไม่ยอมแพ้...เพื่อความยุติธรรม...และเพื่อคุณ”
ดาราดีใจจนน้ำตารื้น ตำรวจต้องเข้ามากันตัวดาราออกแล้วพายงยุทธออกไป ท่ามกลางสายตาอาวรณ์ของดารา
ด้วยความเป็นห่วงขุนเดช หมอน้อยเข้ามาจุดธูปเทียนบูชาพระเพชรทอง หมอน้อยพนมมือวิงวอน
“กราบพระพุทธองค์ ขุนเดชมีเจตนาบริสุทธิ์ปกป้องพระพุทธศาสนาและสมบัติของแผ่นดินมิให้ใครมาย่ำยี แม้ขุนเดชทำบาปด้วยการจองเวรคนชั่วและยอมถวายวิญญาณเพื่อชดใช้กรรม แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่ขุนเดชควรจะไปได้โปรดละเว้นขุนเดชด้วย”
หมอน้อยก้มลงกราบพระเพชรทองระหว่างนั้นเองที่เหลียวไปข้างๆ เห็นขุนเดชคุกเข้าพนมมือไหว้องค์พระ
“ขุนเดช”
ขุนเดชหันมาที่หมอน้อยแววตาเศร้า
“ช่วยผมด้วยครับอาหมอ”
ขุนเดชพูดจบก็หายตัวไป หมอน้อยรีบลุกขึ้นด้วยอาการตื่นตระหนก
“ขุนเดช”
หมอน้อยหันไปมองที่องค์พระแล้วครุ่นคิด
หมอน้อยรีบเข้ามาที่รถกระบะพร้อมกับขนเอาอุปกรณ์พวกจอบพวกเสียมสำหรับขุดดินมาใส่ที่ท้ายรถแล้วรีบขับออกไปอย่างรีบร้อน บัวทองตามเข้ามาเห็นหมอน้อยรีบร้อนออกไปก็สงสัยและคิดว่าต้องตามไป
บริเวณไซต์งานก่อสร้างถนน หมอน้อยหอบเอาอุปกรณ์ขุดดินพร้อมกับไฟฉายเข้ามาค้นหาบริเวณขุนเดชถูกฝัง
“ขุนเดช...ขุนเดช”
หมอน้อยพยายามร้องเรียกแต่ทุกอย่างเงียบกริบ หมอน้อยไม่รู้ว่าขุนเดชถูกฝังอยู่ที่ไหนเกือบจะถอดใจอยู่แล้ว
“ขุนเดช...เธออยู่ที่ไหน”
เปรยได้ครู่ หมอน้อยก็เหลือบไปเห็นหลวงพ่อสุขยืนสงบนิ่งอยู่ไกลๆ หมอน้อยแปลกใจแต่ก็รีบเดินตามหมอน้อยเดินตามหลวงพ่อสุขมาได้ครู่ หลวงพ่อสุขก็หายไปต่อหน้าต่อตา หมอน้อยแปลกใจสงสัยเป็นอย่างมาก ก่อนจะเห็นเนินดินที่เหมือนหลุมศพ หมอน้อยจึงลงมือขุดทันที
บัวทองถือตะเกียงเจ้าพายุเข้ามาตามหาหมอน้อยที่ไซต์งานก่อสร้างถนน
“อาหมอ...อาหมอคะ”
บัวทองพยายามมองหาแต่อยู่ๆ ลมก็พัดเข้ามาเหมือนกรรโชกใส่เธออย่างแรงทำให้ดวงไฟในตะเกียงดับวูบไป
หมอน้อยขุดหลุมลงไปได้ลึกพอประมาณ ก่อนจะใช้มือขุดคุ้ยดินขึ้นมาอย่างรีบร้อน ขุดไปได้อีกสักครู่ หมอน้อยก็เจอ
“ขุนเดช”
หมอน้อยรีบโกยดินที่ฝังทับร่างของขุนเดชออกให้มากที่สุด จนในที่สุดก็เห็นขุนเดชนอนแน่นิ่งในสภาพมือ
กำลังพนมเป็นดอกบัวตูมอยู่กลางหน้าอก หมอน้อยรีบเอาผ้าขาวม้าที่พันหน้าอยู่ออกและเช็คลมหายใจพบว่าขุนเดช หายใจรวยรินเต็มที
บัวทองพยายามจะจุดไฟในตะเกียงเจ้าพายุอีกครั้งและจุดจนไฟติด บัวทองยกตะเกียงส่องหาทางจะไปตามหาหมอน้อย แต่ระหว่างนั้นสิ่งที่บัวทองเห็นอยู่ตรงหน้ากลับเป็นดาบดำของวีรบุรุษบาปที่ปักดินอยู่ บัวทองแปลกใจเป็นอย่างมากที่พบดาบดำจึงดึงมันขึ้นจากพื้นและหยิบปลอกดาบที่ตกอยู่ใกล้ๆ กันขึ้นมา
หมอน้อยพาขุนเดชมาที่ถ้ำศิลา หมอน้อยจัดการใช้กรรไกรตัดเสื้อขุนเดชออกจนพบว่าที่หัวไหล่มีรอยถูกยิง และแปลกประหลาดกว่าแผลถูกยิง ทั่วไปเพราะรอบๆ แผล เส้นเลือดกลายเป็นสีดำอย่างชัดเจน หมอน้อยเอามีดผ่าตัดออกมาเพื่อช่วยผ่ากระสุนที่ฝังอยู่แต่มีดกลับไม่กินเนื้อขุนเดชจนหมอน้อยแปลกใจ
“ขุนเดชพวกมันยิงเธอด้วยอะไร ถ้ามีดของชั้นผ่าเอากระสุนออกมาไม่ได้ ชั้นก็ช่วยชีวิตเธอไม่ได้”
ขุนเดชหายใจรวยรินหน้าเริ่มซีด หมอน้อยได้แต่พนมมือไหว้พระศิลาที่เหลือแต่เศียร
“คุณพระคุณเจ้า...ได้โปรดช่วยขุนเดชด้วย”
ขุนเดชซึ่งหลับตาอยู่ลืมตาขึ้นมา ขุนเดชพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางซากโบราณสถานอันวังเวง หมอกควันจางๆ ปกคลุมไปทั่ว เสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัวดังกึก้องไปทั่วราวกับเสียงของภูติผีปีศาจ ขุนเดชพยายามจะเดินออกไป แต่ก้าวไปทางไหนไม่ว่าจะซ้ายขวาหน้าหลังก็ปรากฏมีแนวไฟลุกโชนขึ้นมาขวาง
ขุนเดชยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของแนวไฟอันร้อนแรง เสมือนว่าขุนเดชกำลังถูกไฟแผดเผา ขุนเดชได้แต่ยกมือขึ้นกันความร้อนและมองผ่านเปลวไฟตรงหน้าเห็นหลวงพ่อสุขยืนอยู่
“หลวงพ่อ”
หมอน้อยไหว้พระศิลาเสร็จก็จรดมีดผ่าตัดลงที่แผลถูกยิงของขุนเดช คราวนี้เหมือนจะได้ผล หมอน้อย สามารถกรีดลงไปที่เนื้อเพื่อเปิดปากแผลได้ หมอน้อยมีสีหน้าดีใจรีบลงมือผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก
“อดทนอีกหน่อยนะขุนเดช อาไม่ยอมให้เธอตายเด็ดขาดหน้าที่ของวีรบุรุษบาปยังไม่จบ เธอคือทหารของพระร่วงเจ้า เธอกลับมาสู้เพื่อแผ่นดิน”
หมอน้อยหน้าดำคร่ำเคร่งผ่าตัด ในขณะที่เสียงหัวใจของขุนเดชเต้นแผ่วเบาลง...ตึก...ตึก...ตึก
ขุนเดชอยู่ในวงล้อมของไฟอันร้อนแรงจนแทบจะถูกเผาพลาญ
“หลวงพ่อ...ถึงเวลาที่ผมต้องชดใช้กรรมที่ผมก่อแล้วเหรอครับ อาถรรพ์ของกระสุนเหล็กไหลทำให้ไฟในนรกแผดเผาวิญญาณของผมอยู่ใช่มั้ยครับ”
“ข้าเคยเตือนเอ็งแล้ว ว่าถ้าเอ็งเลือกทางนี้สุดท้ายเอ็งก็ต้องชดใช้กรรมที่เอ็งก่อ”
“ผมทราบครับหลวงพ่อ ศรัทธาต่อพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ทำให้กลัวบาปกรรม แต่ผมไม่กลัวความทุกข์ทรมาน”
“แต่เอ็งจะต้องอยู่กับมันไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
ระหว่างนั้นไฟได้ลุกกระพือโหมเข้าใส่ ขุนเดชยิ่งรู้สึกทุกข์ร้อนทรมาน
“อ๊ากกกกกกก”
ขุนเดชหายใจรวยริน เสียงหัวใจเต้นช้าลงจนเกือบจะหยุด หมอน้อยเหงื่อแตกเต็มหน้าเพราะพยายามช่วยผ่าเอาหัวกระสุนเหล็กไหลออกมาแต่ก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน
“อย่าตายนะขุนเดช ห้ามตายเด็ดขาด”
หมอน้อยพูดไปก็ยังไม่หยุดความพยายาม จนในที่สุดก็ผ่าจนพบหัวกระสุนเหล็กไหลฝังอยู่ในเนื้อ
ขุนเดชโดนความร้อนจากไฟนรกจนแทบหมดเรี่ยวแรงคุกเข่าพนมมือไหว้หลวงพ่อสุข
“หลวงพ่อครับ...ถึงผมจะต้องทนอยู่กับความทุกข์ทรมานที่ผมได้รับจากการทำบาปกรรม ถึงผมจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดเป็นผีโหงผีพรายไปชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่ผมก็พร้อมจะยอมสละ ถ้าเพียงแต่วิญญาณบาปของผมได้ช่วยกำจัดพวกใจบาปให้หมดไปจากแผ่นดิน”
ไฟลุกโหมเข้าใส่อีก ขุนเดชร้องครวญครางทรมาน แต่ขุนเดชก็ยังฝืนความทรมานพนมมือน้ำตาคลอมุ่นมั่น
“สาธุ...ข้าน้อยนี้ขอเคารพนบไหว้ พระไตรรัตน์ดวงประเสริฐ พระสยามเทวาธิราช พระมหาราชแต่อดีตจนปัจจุบัน ไหว้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงทั้งสิ้น ไหว้พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ ข้าน้อยนามขุนเดช...ไหว้แผ่นดินพระร่วงเจ้า”
สิ้นคำถวายปฏิญาณ น้ำตาของขุนเดชไหลอาบสองแก้มอย่างน่าเวทนาสงสาร
หมอน้อยเย็บปากแผลที่ช่วยผ่าเอาหัวกระสุนเหล็กไหลออกมาจนเสร็จแล้วหยิบหัวกระสุนเหล็กไหลมาวางบนฝ่ามือมองด้วยความสงสัย หัวกระสุนเหล็กไหลค่อยๆ หลอมตัวเองกลายเป็นของเหลวคล้ายปรอทมีชีวิตแล้วเคลื่อนตัวลงจากฝ่ามือหมอน้อยวิ่งเข้าไปที่ผนังถ้ำก่อนจะกลืนหายไปอย่างน่าอัศจรรย์
เสียงหัวใจเต้นของขุนเดชดังช้าลง...ช้าลงเรื่อยๆ...จนหยุดนิ่ง
“ขุนเดช”
จบตอน 17
ขุนเดช ตอน 18.2
บัวทองกลับมาบ้านเอาดาบดำที่พบมานั่งดูอย่างสงสัย ระหว่างนั้นเสียงเรียกของคำปันดังเข้ามา
“บัวทอง...บัวทอง” บัวทองสะดุ้งตกใจมองดาบดำเอาไงดี เลยตัดสินใจเอาผ้าห่อไว้แล้วซุกไว้ข้างเตียง ทันเวลาที่คำปันเข้ามาพอดี “ทำอะไรอยู่น่ะ แม่เรียกไม่ตอบ”
“เอ่อ...ชั้น...ชั้นกำลังทวนท่ารำอยู่จ้ะแม่”
“ค่ำมืดแล้วเนี่ยนะ” คำปันมองลูกสาวอย่างสงสัย “อย่ามาโกหกแม่ดีกว่า แม่เห็นรองเท้าเราเปื้อนดินโคลนมา” คำปันบอกแล้วรีบเข้าไปดูที่ขา “นั่นไง ดินยังเลอะที่เท้าอยู่เลย บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ...ไปไหนมา”
“ชั้น...ชั้นไม่ได้ไปไหนมาหรอกแม่ ชั้นจะรีบกลับมาบ้านเลยลัดทุ่งนายายปริกมา”
“บัวทอง แม่ไม่ชอบคนโกหก”
“ก็ได้จ้ะแม่...ชั้นได้ยินมาว่าวีรบุรุษบาปถูกฆ่าตายแล้ว ชั้นก็เลยจะไปดูให้เห็นกับตา ว่า...ว่าวีรบุรุษบาปถูกฆ่าตายจริงรึเปล่า” บัวทองพูดไปก็หน้าสลด
ที่ถ้ำศิลาหมอน้อยหน้าเสียเมื่อฟังเสียงหัวใจของขุนเดชแล้วพบว่าหัวใจหยุดเต้น
“ไม่...เธอจะตายไม่ได้เด็ดขาดนะขุนเดช...พ่อเธอเสียสละชีวิตเพื่อพระศิลาไปแล้ว อาจะไม่ยอมให้เธอต้องมีจุดจบอย่างพ่อเธอเด็ดขาด” หมอน้อยไม่ยอมแพ้ตัดสินใจเข้าไปช่วยปั๊มหัวใจให้ขุนเดชอย่างสุดกำลัง “กลับมาสิขุนเดช...กลับมา...เธอต้องกลับมา”
หมอน้อยยังพยายามปั๊มหัวใจต่อไม่หยุด
คำปันเอาไม้เรียวหวดก้นบัวทองเพื่อสั่งสอน
“โอ๊ย...ชั้นเจ็บนะแม่ แม่ตีชั้นทำไม”
“ตีให้จำน่ะสิ แม่เตือนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปยุ่งกับเรื่องนี้”
“แต่วีรบุรุษบาปเขาเคยช่วยชีวิตชั้นนะแม่”
“แม่ไม่รู้ล่ะ ยังไงเขาก็ควงดาบไล่ฆ่าคน วันดีคืนดีอาจจะหันมาทำร้ายเราก็ได้”
“ไม่...บัวทองไม่เชื่อว่าวีรบุรุษบาปจะทำร้ายคนดี ดาบดำของเขามีไว้เพื่อจัดการกับคนใจบาปเท่านั้น”
“เราจะมั่นใจได้ยังไงบัวทอง กี่ศพแล้วที่เขาฆ่าอย่างโหดเหี้ยม”
“ถึงการกระทำของเขาจะดูโหดเหี้ยมไร้ความปราณี แต่บัวทองก็มั่นใจ ดาบดำของวีรบุรุษบาปไม่ใช่อาวุธสังหารคนดี เขาจะต้องมีชีวิตรอด...เขาจะต้องไม่ตาย”
บัวทองพูดไปก็น้ำตาเอ่อ คำปันมองลูกสาวอย่างแปลกใจ บัวทองปาดน้ำตาที่ไหลออกมาแล้วหันไปคว้าดาบดำที่พันผ้าเอาไว้และซุกไว้ข้างเตียงวิ่งออกจากห้องไปทันที
ขุนเดชพยายามจะหาทางออกจากองไฟไปทางขวาไฟก็พุ่งเข้าใส่ไปทางซ้ายไฟก็โหมเข้าหา จนขุนเดชมีแต่ความเจ็บปวดทรมานร้อนรุ่ม
บัวทองนำดาบดำของวีรบุรุษบาปเข้ามาวางที่หน้าองค์พระเพชรทอง พระประธานในโบสถ์ บัวทองพนมมือเสียงสั่น
“คุณพระคุณเจ้า...แม้วีรบุรุษบาปจะเป็นฆาตกร แม้การกระทำของเขาจะเป็นบาปมหันต์ แต่ลูกก็ขอกราบวิงวอน อุทิศส่วนกุศลที่ลูกได้ทำในชาตินี้ให้กับเขา ขอให้เขารอดปลอดภัยด้วย”
บัวทองก้มกราบพระประธานอย่างตั้งใจ
ขุนเดชยกมือขึ้นกันความร้อนจากไฟที่ใกล้จะเผาผลาญเขาเต็มที จนไม่มีทางที่จะหนีออกไปได้ ขุนเดชเลยคุกเข่าพนมมือยอมรับที่จะถูกไฟนรกเผา
“ถ้าเป็นประสงค์ที่ต้องการให้ข้าสิ้นบุญสิ้นกรรมในชาตินี้...ข้าก็พร้อมยอมพลี”
ขุนเดชพนมมือหลับตา ทันใดนั้นไฟที่ลุกโหมใส่ก็ค่อยๆ จางหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ขุนเดชแปลกใจสงสัยก่อน จะได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังแว่วมาแต่ไกล
“พี่ขุนเดช....พี่ขุนเดช”
ขุนเดชมีสีหน้าแปลกใจสงสัย
ขณะนั้นดาราก็กำลังนั่งพนมมือหน้านิ่งอยู่ที่เตียงคนไข้
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ในสากลโลก ขอจงช่วยปกป้องคนทำดี รักษาความดีให้ยังคงอยู่บนโลกนี้ เพื่อคนดีจะได้มีกำลังใจในการทำความดีด้วยเถิด”
ดารากราบหมอน แววตาเป็นห่วงยงยุทธ
ยงยุทธถูกจับกุมอยู่ในห้องขัง มือเกาะลูกกรงสีหน้ามุ่งมั่น
“วีรบุรุษบาป...ถึงแกจะเป็นฆาตกร แต่ก็ไม่ควรจะต้องตายเพราะฝีมือพวกโจร ชั้นไม่เชื่อว่าแกจะถูกพวกมันฆ่า เรายังมีเรื่องที่ต้องสะสางกันอีก คนที่จะจับแกเข้าคุกมีแค่ชั้นคนเดียวเท่านั้น” ยงยุทธย้ำหนักแน่น “ชั้นคนเดียวเท่านั้น”
ยงยุทธกำหมัดแน่นสีหน้าจริง ระหว่างนั้นตำรวจ 2 นายพานายตำรวจยศชั้นพลตำรวจตรีมีตำแหน่งเป็นถึงผู้บังคับการตำรวจจังหวัดเข้ามา ยงยุทธเห็นหน้าก็รู้จักรีบทำความเคารพ
“ท่านผู้การฯ”
“หมวดยงยุทธ ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว น่าเสียดายทั้งๆ ที่คุณเป็นคนเก่ง รู้ตัวมั้ยว่าความผิดของคุณจะทำให้คุณหมดอนาคต”
“ถ้าผมผิดจริง ที่นี่ก็สมควรขังผมแล้ว แต่ในเมื่อผมถูกใส่ร้าย ผมก็ควรจะต้องได้รับความยุติธรรมครับท่าน”
ผู้การทรงยศหน้าตึง
“หมวด หลักฐานมัดตัวคุณขนาดนั้น ยังกล้าพูดกับผมแบบนี้อีกเหรอ”
“ความกล้าที่จะสู้กับอิทธิพลทำให้ผมไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้นครับท่าน”
ยงยุทธเชิดหน้าแววตาจริงจัง ผู้การทรงยศถึงกับมองหมวดยงยุทธไม่วางตาเหมือนจะไม่พอใจ
หมอน้อยปั๊มหัวใจให้ขุนเดชจนแทบหมดแรง แต่ขุนเดชก็ยังนิ่งไม่ไหวติง หมอน้อยเริ่มหมดหวัง
“ขุนเดช...อาช่วยเธอไม่ได้...ในเมื่อทั้งเธอ ทั้งหมวดยงยุทธยังถูกอิทธิพลเล่นงาน แล้วพวกเราที่เหลือล่ะ พวกเราจะมีชีวิตอยู่กันได้ยังไง” หมอน้อยกำหมัดเจ็บใจ ระหว่างนั้นเองนิ้วของขุนเดชขยับเล็กน้อย หมอน้อยหันไปเห็นเข้าพอดี “ขุนเดช”
ขุนเดชเริ่มมีอาการรู้สึกตัวรอดพ้นจากความตาย หมอน้อยดีใจเป็นอย่างมากรีบยกมือขึ้นพนมไหว้พระศิลา
วันต่อมาที่บ้านกำนันบุญ ประดับไม่พอใจกระชากแขนผกามาบีบ
“ไอ้เรื่องส่งคนเข้าไปเล่นงานหมวดยงยุทธถึงในคุก เป็นความคิดของเธอเหรอผกา”
“ชะ...ใช่...ก็...ก็ชั้นไม่ชอบนั่งรอเธออยู่ที่นี่เฉยๆ ชั้นก็เลยช่วยเธอจัดการไอ้หมวด ปากเก่งนั่น”
“แส่ ...แส่ไม่เข้าเรื่อง”
ประดับตบหน้าผกาแล้วผลักกระเด็น กำนันบุญเข้ามาเห็นพอดีก็รีบเข้าไปประคองผกา
“มีเรื่องอะไรกันคุณประดับ”
“เวลาชั้นวางแผนอะไรไว้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่สั่ง ไม่ใช่มาสะเออะทำให้แผนเสีย”
กำนันบุญมองผกาเลยเข้าใจ
“แต่ผกาเขาหวังดี”
“หวังดีเหรอ...หวังดีช่วยให้ไอ้ยงยุทธหลุดจากข้อหาน่ะสิ...โธ่...มันน่านัก”
ประดับจะเข้าไปตบซ้ำ ผการีบหลบหลังกำนันบุญ
“ผมขอล่ะครับคุณประดับ...ยังไงก็พวกเดียวกัน ที่ทำไปก็เพราะอยากจัดการกับพวกมันกันทั้งนั้น คราวนี้ผมจะยอมรับผิดแทนเอง”
ประดับนิ่งไปครู่มองกำนันบุญอย่างสงสัย
“กำนัน...นี่กำนันอยากกินของเหลือเดนชั้นเหรอ”
ผกาถึงกับอึ้ง
“ประดับ”
“หึ...ถ้าอยากได้ ชั้นก็ให้เป็นรางวัล ตอบแทนที่กำนันหาปืนคาบศิลาเหล็กไหลมาให้ก็แล้วกัน”
ประดับบอกเสร็จก็เดินออกไป ผกาเจ็บปวดและโกรธแค้นมากรีบลุกจะตาม
“ประดับ...เธอทำกับชั้นแบบนี้ไม่ได้นะ...ประดับ กลับมา...ถ้าไม่ใช่นังโสเภณีคนนี้เคยช่วยเธอ เธอจะมีวันนี้เหรอ..ประดับ”
กำนันบุญจับมือผกาไว้
“คุณผกา...เวลานี้คุณไปเรียกร้องอะไรจากเขาไม่ได้หรอก...เชื่อผม อย่าหาเรื่องให้ตัวเองต้องเจ็บตัวมากไปกว่านี้เลย”
ผกานิ่งไปแล้วหันมามองกำนันบุญที่มองเธอด้วยสายตาต้องการตัวเธอเป็นอย่างมาก
ภายในสถานีตำรวจ จ่าแท่นเดินไปเดินมาหน้าตาเคร่งเครียด ระหว่างนั้นดาราเดินเข้ามา
“จ่าคะ”
“อาจารย์...อาจารย์มาที่นี่ทำไมครับ น่าจะพักอยู่ที่อนามัยก่อน”
“ชั้นไม่เป็นอะไรแล้วค่ะจ่า ห่วงยงยุทธ อยากรู้ว่าคณะกรรมการเขาจะสอบสวนออกมา ว่ายังไง”
“ผมก็รอฟังผลสอบอยู่เหมือนกันครับ นี่อาจารย์ประทีปไปช่วยให้ปากคำยืนยันความบริสุทธิ์ให้ด้วย ถ้าทางนั้นฟังอาจารย์ หมวดก็คงรอด”
“แล้วถ้าไม่ล่ะคะ”
จ่าแท่นหน้าเครียด
“หมวดคงไม่มีโอกาสได้เป็นตำรวจอีก แถมยังต้องติดคุกหัวโต”
ดาราชะงักหน้าเสีย
บัวทองเข้ามาเรียกขุนเดชที่กระท่อม
“พี่ขุนเดช...พี่ขุนเดช”
บัวทองเรียกหาแต่เงียบเชียบไม่มีวี่แววของขุนเดชอยู่เลย ระหว่างนั้นบัวทองเห็น ‘ดาบดำหัก’ ที่ขุนเดชมักพก ติดตัวไปไหนมาไหนด้วยแขวนอยู่ที่ข้างฝา บัวทองหยิบมาดูแล้วสีหน้าสงสัย
ติดตามอ่านขุนเดช ตอนที่ 8 (จบตอน) เวลา 17.00 น.
ขุนเดช ตอนที่ 8 (ต่อ)
บัวทองมาหาหมอน้อยที่อนามัย
“อาหมอเจอพี่ขุนเดชเหรอคะ…เมื่อไหร่คะ” บัวทองถามอย่างแปลกใจ
“เมื่อคืนนี้ อาหมอแวะไปหาหลวงลุงก็เลยเจอกัน”
“แต่บัวทองก็ไปรอพี่ขุนเดชที่กระท่อมมา ทำไมบัวทองไม่เห็น”
“ขุนเดชเขาว่ามีธุระต้องรีบไปต่อ เห็นว่าจะไปช่วยงานเพื่อนที่ลำปาง”
“แต่ตอนนี้หมวดยงยุทธกำลังเดือดร้อน อาจารย์ดาราก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร บัวทองไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพี่ขุนเดชจะไปโดยไม่อยู่ดูแลคนที่นี่”
“อาหมอก็ไม่รู้ บางทีอาจจะเป็นธุระที่ขุนเดชทิ้งไม่ได้ บัวทองมีอะไรกับขุนเดชเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่สงสัย เพราะปกติพี่ขุนเดชไปไหนมาไหนจะพกดาบหักของพ่อติดตัว เสมอ แต่นี่บัวทองยังเห็นอยู่ที่กระท่อมเลย”
หมอน้อยนิ่งไป
“ขุนเดชคงรีบจนลืมน่ะ”
หมอน้อยอ้างไป แต่สีหน้าดาราดูยังไม่หายสงสัย จนหมอน้อยสังเกตได้
ดารายืนกอดอกหน้าเครียดๆ อยู่ที่สถานีตำรวจจนจ่าแท่นเอากาแฟมาให้
“ยังติดต่อทางนั้นไม่ได้เหรอคะจ่า”
“ครับ…เมื่อคืนมีฝนตกหนัก สายโทรศัพท์ก็เลยเสีย ยังใช้งานไม่ได้เลย”
“เมื่อคืนชั้นพยายามสวดมนต์อ้อนวอน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครองไม่ให้ความชั่วร้ายทำลายความดี ถ้าสิ่งศักดิ์มีจริงก็ขอให้ยงยุทธได้กลับมา”
“ขอบใจนะดารา ที่ยังเชื่อมั่นในตัวผม”
ดาราชะงักไปแทบไม่เชื่อหู หันไปจึงเห็นยงยุทธที่กลับมาพร้อมกับอาจารย์ประทีป
“ยงยุทธ!”
ดาราดีใจโผเข้าไปหา ยงยุทธรีบดึงเธอมากอดไว้ทันที
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณฉุดรั้งผมไว้ไม่ให้เลือกทางผิด ผมก็คงไม่ได้รับโอกาสอีก”
ดารากับยงยุทธสบตากันซึ้ง ดาราน้ำตาคลอด้วยความดีใจ ยงยุทธปาดน้ำตาให้ดูหวานรักกันจนจ่าแท่นต้อง กระแอมขัด ทั้งคู่จึงผละออกจากกันอย่างเขินๆ
“ขอโทษด้วยครับหมวด ไม่ได้คิดอยากจะขัด แต่ผมสงสัยว่าโอกาสอีกครั้งของหมวด หมายความว่ายังไงครับ”
ดารามีสีหน้าแปลกใจกับสิ่งที่ยงยุทธเล่า
“ผู้การทรงยศ ?”
“พันตำรวจตรีทรงยศ ท่านเป็นผู้บังคับการตำรวจจังหวัด”
“ผมเคยได้ยินมาว่าท่านผู้การคนนี้ทำงานตรงไปตรงมา มีนโยบายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นชนิดไม่ไว้หน้าใคร เพราะท่านนี่เองหมวดถึงได้รอดจากการถูกกล่าวหา”
“ที่จริงผมก็ต้องขอบคุณอาจารย์ประทีปด้วยที่ช่วยให้ข้อมูลยืนยันความบริสุทธิ์ของผม”
“ไม่ใช่แค่เพราะผมหรอกครับ เพราะเรื่องที่พวกนั้นท้าทายอำนาจตำรวจส่งคนเข้าไปจัดการหมวดถึงในคุก ท่านผู้การคงตรวจสอบแล้วพบว่าอิทธิพลของพวกมันกำลังแผ่ขยาย ท่านถึงต้องการให้หมวดออกมาจัดการกับพวกมัน”
“ชั้นดีใจด้วยนะยงยุทธ ในที่สุดก็มีคนเห็นความตั้งใจของเธอ”
“ถ้ามีท่านผู้การคอยสนับสนุนหมวดแบบนี้ ต่อไปนี้พวกมันก็คงไม่กล้าเล่นวิธีสกปรกกับ หมวดอีก” จ่าแท่นชกหมัดอย่างสะใจ “ได้ลุยกันเละไปข้างแน่”
“ใจเย็นๆ ก่อนจ่า ยังไงเราก็ต้องทำตามกฏหมาย หาหลักฐานสาวไปให้ถึงตัวใหญ่จริงๆ” ยงยุทธนิ่งไปครู่ก่อนจะก้าวออกมาถอนใจเฮือกใหญ่ “ผมต้องถอนรากถอนโคนพวกมันให้เกลี้ยงได้ ต่อไปจะได้ไม่ต้องมีคนอย่างวีรบุรุษบาปออกมาอีก จ่า…ผมอยากรู้ว่าวีรบุรุษบาปเป็นใคร จ่าช่วยพาผมไปดูศพเขาหน่อย”
“ได้ครับหมวด”
ขุนเดชยังรักษาตัวอยู่ที่ถ้ำศิลา หมอน้อยช่วยดูแผลกระสุนให้ขุนเดช ทำการล้างแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้อย่างดี
“ขอบคุณครับอาหมอ”
“เห็นเธอปลอดภัยแบบนี้แล้ว อาหมอดีใจจริงๆ นึกว่าจะต้องเสียเธอไปซะแล้ว”
“ผมเองยังไม่คิดว่าจะรอดได้ครับ เห็นตัวเองอยู่ท่ามกลางไฟนรก มันทั้งร้อนทั้งทรมาน”
“อาหมอเองก็ไม่เคยเชื่อเรื่องอาถรรพ์ของเหล็กไหล แต่หลังจากเมื่อคืนนี้ได้เห็นกับตา โชคดีของเธอจริงๆ ขุนเดช
“คนบาปอย่างผมโชคไม่ได้ช่วยให้รอดชีวิตมาได้หรอกครับอาหมอ ที่จริง...ผมควรจะตายไปแล้วต่างหาก”
หมอน้อยชะงักแปลกใจ ขุนเดชหันไปมองที่พระศิลาที่ไร้เศียร “วิญญาณของผมควรจะต้องถูกแผดเผาด้วยบาปที่ได้ทำไว้ แต่เพราะยังมีคนที่รักผม อุทิศส่วนกุศลของเขาให้กับผมและหลวงพ่อที่มาพบผม เพื่อให้ผมได้มีโอกาสร้องขออีกครั้ง”
“โอกาส ?”
จ่าแท่นพายงยุทธเข้ามาบริเวณที่เห็นวีรบุรุษบาปถูกแจ็คฝังเป็นครั้งสุด้าย
“ผมเห็นวีรบุรุษบาปถูกพวกมันฆ่าแล้วฝังแถวนี้แหละรับหมวด”
ยงยุทธเข้ามาเดินดูรอบๆ ก่อนจะเห็นหลุมดินที่ถูกขุดทิ้งไว้ ในหลุมนั้นว่างเปล่า
“หลุมนี่รึเปล่าจ่า”
“ครับหมวด” จ่าแท่นบอกแล้วต้องตกใจ “อ้าว...ใครมาขุดศพวีรบุรุษบาปไปแล้วล่ะ”
“จ่าแน่ใจเหรอคะว่าเห็นเขาถูกฆ่าตายจริงๆ”
“ผมเห็นเขาถูกยิงกับตาเลยครับอาจารย์ วีรบุรุษบาปตกลงไปในหลุมแล้วมันก็เอาดินฝังกลบ”
“แต่ศพคนตายคงไม่มีทางลุกขึ้นจากหลุมได้หรอกนะจ่า” อาจารย์ประทีปบอก จ่าแท่นถึงกับสะดุ้ง
“อาจารย์ประทีปพูดซะผมเสียววาบเลย ถ้าลุกออกจากหลุมได้ก็แสดงว่า..เฮี้ยน”
“วีรบุรุษบาปไม่ใช่ผีเฮี้ยนลุกออกจากหลุมหรอกจ่า แต่มันยังไม่ตายต่างหาก”
“เธอรู้ได้ยังไงยงยุทธ”
“ก็รอยเท้าสองรอยที่ย่ำอยู่รอบๆ นี่ไง มีคนมาช่วยวีรบุรุษบาปไปแล้ว”
ยงยุทธพูดไปสีหน้าครุ่นคิดสงสัยว่าใครกันที่ช่วยชีวิตวีรบุรุษบาป
ขุนเดชพยายามลุกขึ้นเดิน หมอน้อยรีบประคอง
“อย่าเพิ่งไปเลยนะขุนเดช อาจะหาทางปิดเรื่องเธอไม่ให้ใครรู้จนกว่าเธอจะหายดี”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับอาหมอ ผมร้องขอโอกาสให้ได้กลับมาแล้ว ผมจะต้องไม่ใช้เวลาให้เปล่าประโยชน์”
“ขุนเดช”
“ในเมื่อคนใจบาปกว่าผมอย่างพวกมัน...ยังไม่ถูกกวาดล้าง ผมก็ยังตายไม่ได้ พวกมันจะต้องลงนรกไปพร้อมกับผม”
ดวงตาของขุนเดชแข็งกร้าวแล้วเจ็บออกจากถ้ำศิลา หมอน้อยมองตามอย่างเป็นห่วง
ยงยุทธเข้ามาตามหาขุนเดชที่วัดเกาะน้อย
“ขุนเดช...ขุนเดช”
“ยงยุทธ...เธอมาตามหาขุนเดชทำไม” ดาราถามอย่างแปลกใจ
“ดารา...คุณก็รู้ว่าทำไม” ดารานิ่งไป “คนที่เราสงสัยที่สุดมักจะหายตัวไปทุกครั้งเวลาที่เกิดเรื่องกับวีรบุรุษบาป ดารา...นี่เป็น โอกาสที่เราจะได้รู้ความจริง” ยงยุทธจะไปตามหาต่อแต่ดารารีบจับมือยงยุทธรั้งไว้ “ดารา”
“ยงยุทธ...ชั้น...”
“ผมรู้คุณกลัว ถ้าวีรบุรุษบาปคือขุนเดช...แต่ถ้าเพื่อนของเราทำเรื่องผิด เราจะยังปล่อยให้เขาทำผิดอยู่อีกเหรอ เราต้องช่วยเขาสิดารา”
ดารานิ่งไปแล้วค่อยๆ ปล่อยมือให้ยงยุทธมุ่งหน้าไปที่โบสถ์
ยงยุทธเข้ามาในโบสถ์เห็นขุนเดชกำลังกราบพระอยู่กับหมอน้อย ยงยุทธแปลกใจ
“ขุนเดช...แกอยู่ที่นี่เหรอ”
“ถามอะไรแปลกๆ ไม่ให้อยู่ที่นี่แล้วจะให้ชั้นไปไหน”
“แต่...”
ยงยทธนิ่งไปมองอย่างสงสัย
“ขุนเดช เธอรู้เรื่องที่วีรบุรุษบาปถูกฆ่าตายรึเปล่า” ดาราถามขึ้นมา
“อาหมอเล่าให้ผมฟังแล้ว” ขุนเดชบอกแล้วหันไปที่ยงยุทธ “ต่อไปนี้แกจะได้ไม่ต้องเหนื่อยแล้วนะ”
“แต่ชั้นไม่เชื่อว่ามันจะใจเสาะตายง่ายๆ แบบนั้น มีคนช่วยชีวิตมันเอาไว้ ตอนนี้มันอาจจะบาดเจ็บหนัก หลบไปอยู่ที่ไหนสักที่”
ยงยุทธพูดไปก็จ้องเขม็งไปที่ขุนเดช หมอน้อยเริ่มมีท่าทีหนักใจเพราะเห็นยงยุทธเพ่งเล็งขุนเดช
“แกเพิ่งจะพ้นจากข้อกล่าวหามานะยงยุทธ ชั้นว่าแกควรจะหันไปตามล่าวัตถุโบราณที่พวกมันขโมยไปดีกว่า จะได้กอบกู้ชื่อเสียงแกกลับคืนมา”
“เรื่องนั้นชั้นตามแน่ แต่การกระชากหน้ากากวีรบุรุษบาปก็เป็นงานที่ชั้นปล่อยไว้ไม่ได้”
“งั้นแกก็อย่ามาเสียเวลากับชั้นเลย ไปกันเถอะครับอาหมอ”
ขุนเดชจะเดินออกไป แต่ยงยุทธรีบไปจับไหล่ขุนเดชรั้งไว้ จงใจบีบแรงจิกลงไป
“เดี๋ยว!”
ขุนเดชชะงักอึ้งเพราะเจ็บแผลที่ถูกยิงตรงที่ยงยุทธบีบแต่ต้องฝืนเจ็บไม่แสดงอาการ หมอน้อยรู้ว่าขุนเดชเจ็บ
บัวทองกลับมาบ้านเจอคำปันรออยู่
“บัวทอง”
คำปันเรียกลูกสาวเสียงเข้มจนบัวทองตกใจ
“แม่...เรียกซะตกใจหมดเลย” คำปันมองตาดุใส่ลูกสาวจนบัวทองรู้สึกใจคอไม่ดี “แม่มองชั้นแบบนี้ ชั้นไม่ได้ทำผิดอะไรเลยนะแม่ ชั้นทำงานบ้าน ซ้อมรำ ทำทุกอย่างที่แม่ บอกแล้วนะ”
“แล้วนี่ล่ะ แม่บอกให้เราเก็บเอาไว้เหรอบัวทอง”
คำปันเอาดาบดำที่บัวทองใช้ผ้าหุ้มเอาไว้ยื่นให้ดู บัวทองตกใจนึกว่าซ่อนพ้นจากสายตาแม่ได้แล้ว
“แม่! แม่ไปเอาของชั้นออกมาทำไม”
“แต่นี่มันอาวุธของฆาตกร ของอันตรายแบบนี้ แม่ไม่ยอมให้เราเอามาเก็บไว้ในบ้านเด็ดขาด”
คำปันถือดาบดำจะออกไป บัวทองรีบขวาง
“แม่จะเอาไปไหน”
“เอาไปให้หมวดยงยุทธ”
“ไม่ได้นะแม่...นี่เป็นของวีรบุรุษบาป ชั้นจะเก็บเอาไว้คืนให้เขา”
“บัวทอง...แม่ไม่มีวันยอมให้เราไปเกี่ยวข้องกับฆาตกรนั่นเด็ดขาด”
คำปันไม่ฟังลูก ถือดาบดำเดินออกไปทันที
“แม่!”
ขุนเดชเจ็บแผลที่หัวไหล่ที่โดนยงยุทธตั้งใจบีบอย่างแรง
“ชั้นอยากรู้ว่า ตอนที่เกิดเรื่องกับชั้นกับวีรบุรุษบาป แกหายหัวไปไหนมา”
“ชั้นมีธุระที่ลำปาง”
“ธุระอะไร”
ขุนเดชมีสีหน้าเจ็บมาก หมอน้อยกลัวความลับของขุนเดชแตกเลยรีบช่วย
“ขุนเดชไปทำธุระให้ผมเองครับหมวด พอดีว่าเขาจะต้องไปช่วยงานเพื่อนที่ลำปาง ผมก็เลยฝากยาไปให้แม่ยายผม เพิ่งจะกลับมาตอนที่หมวดมานี่แหละ”
ยงยุทธยังบีบไหล่ขุนเดชอยู่ จนหมอน้อยต้องจับมือยงยุทธให้ปล่อยมือจากขุนเดช ยงยุทธจึงยอมถอย
“หมอน้อยยืนยันแล้ว คงไม่ใช่อย่างที่สงสัยแล้วล่ะยงยุทธ” ดาราบอก
“งั้นก็หมดธุระกับชั้นแล้วใช่มั้ย”
ยงยุทธนิ่งไม่ตอบ ขุนเดชจะออกไปกับหมอน้อยแต่คำปันก็รีบเข้ามาซะก่อน
“หมวดคะ...หมวดยงยุทธ”
บัวทองรีบตามเข้ามาห้าม
“อย่านะแม่...ชั้นขอร้องล่ะ”
“ไม่ต้องยุ่งนะบัวทอง ถ้าเขาเป็นคนดีจริงๆ เขาก็ต้องเลือกทำดีวิธีอื่นไม่ใช่การทำบาป”
“มีอะไรกันเหรอจ๊ะน้าคำปัน”
“บัวทองไปเจอดาบของวีรบุรุษบาป น้าไม่อยากให้เก็บเอาไว้ก็เลยเอามาให้ผู้หมวดค่ะ”
คำปันรีบยื่นดาบดำให้ ยงยุทธรีบรับมาดู ขุนเดชกับกับหมอน้อยมีท่าทีนิดนึง ยงยุทธชักดาบดำออกมาจากฝักเห็นคมดาบและตัวดาบที่สวยงามและแฝงด้วยอันตราย
“ขอบคุณมากครับน้าคำปัน นี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะทำให้ผมสืบหาตัวตนที่แท้จริงของวีรบุรุษบาปได้” ยงยุทธพูดไปก็หันไปมองขุนเดชอย่างจงใจพูดให้รู้ “ถ้าวีรบุรุษบาปยังไม่ตาย มันต้องหาทางมาเอาดาบของมันคืนแน่นอน”
ยงยุทธเก็บดาบเข้าฝักแล้วออกไป ดาราออกไปกับยงยุทธ
“แม่นะแม่...เมื่อไหร่แม่จะเลิกกล่าวหาว่าวีรบุรุษบาปเป็นคนเลวซะที”
บัวทองเสียใจน้ำตาซึมออกไป คำปันถอนใจแล้วตามบัวทองออกไปอีกคน เหลือขุนเดชกับหมอน้อย ขุนเดชหน้าเครียดที่อาวุธธสำคัญของตัวเองตกไปอยู่ในมือยงยุทธ เลือดจากแผลค่อยๆ ไหลหยดมาตามแขน
“ขุนเดช...เรื่องดาบของเธอค่อยคิดกันว่าจะทำยังไง ตอนนี้ให้อาทำแผลให้ใหม่ดีกว่า”
“ครับอาหมอ”
ที่คฤหาสน์ของปราชญ์ ปราชญ์หันมาต่อว่าประดับอย่างไม่พอใจ
“ชั้นนึกว่าแกจะทำให้ชั้นไว้ใจได้ แต่กลับปล่อยให้ไอ้หมวดนั่นรอดคุก แถมไอ้ผู้การทรงยศยังมาหนุนหลังมันอีก ระวังให้ดีเถอะ...สักวันแกจะสลัดมันไม่หลุด”
“ผมขอโทษครับท่าน แต่ท่านไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการไม่ให้มีเรื่องมาถึงท่านแน่”
“ให้มันได้อย่างที่พูดเถอะ แล้วของที่ชั้นให้ไปหามาล่ะ”
ประดับหันไปที่เบิ้มซึ่งเอากล่องใส่ปืนคาบศิลาเหล็กไหลเข้ามา ก้องเกียรติเอาปืนคาบศิลาเหล็กไหลออกจากกล่องมาตรวจดูอย่างพิจารณาพร้อมชุดกระสุนเหล็กไหล
“ปืนชุดนี้ ไอ้แจ็คใช้สังหารวีรบุรุษบาปมาแล้วผลการทำงานของมันประสบความสำเร็จ ผมก็เลยตบรางวัลให้มันไปอย่างงาม”
“แล้วตอนนี้มันไปไหน”
“ได้เงินไปมากอยู่ เลยไปหาที่ใช้เงินครับท่าน แต่มันฝากบอกมาว่าถ้าท่านต้องการเรียกใช้เมื่อไหร่ มันก็พร้อมจะกลับมารับใช้ท่าน”
ปราชญ์พยักหน้ารับ
“ว่าไงอาจารย์ ทุกอย่างเรียบร้อย”
“ครับท่าน”
“งั้นก็เริ่มพิธีให้ชั้นได้เลยสิอาจารย์”
คืนนั้นปารมีเข้ามาถามคุณหญิงที่กำลังเอาลิปสติคสีแดงจัดมาลองทาปากอยู่หน้ากระจกในห้องนอน
“ปาเห็นรถพี่ประดับจอดอยู่หน้าบ้าน พี่ประดับมาเหรอแม่”
“ถามถึงประดับทำไม”
“ไม่มีอะไรหรอก ปาไม่ได้เจอพี่ประดับหลายวันก็เลยถามถึงเฉยๆ”
คุณหญิงหันมาจิกตามองลูกสาวอย่างสงสัย
“พักหลังมาเนี่ยชั้นเห็นแกพูดถึงประดับบ่อยๆ แล้วก็ดูจะสนิทสนมกันมากเกินไปแล้วนะยัยปา”
“แม่พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะว่าแกชอบชวนเขาไปเที่ยวไนท์คลับด้วยกันบ่อยๆ แกเป็นลูกสาวรัฐมนตรี ทำอะไรหัดไว้หน้าพ่อแม่มั่ง”
“ก่อนที่แม่จะเตือนปา ช่วยบอกปาหน่อยได้มั้ยคะว่าเวลาที่พ่อไม่อยู่ แม่ทาปากแดง แต่งตัวโป๊ๆ ไปล่อเสือล่อตะเข้ที่ไหนบ่อยๆ”
“ยัยปา” คุณหญิงเข้าไปตบหน้าลูกสาวทันที...เพี๊ยะ ปารมีหน้าหันแล้วหันกลับมามองแม่ตาขวางก่อนจะสะบัดหน้าน้อยใจวิ่งออกไป “ยัยปา”
คุณหญิงไม่ทันจะตามลูกสาวไป ระหว่างนั้นเองที่อยู่ๆ ไฟในห้องก็ติดๆ ดับๆ เหมือนมีพลังงานบางอย่างกำลังแผ่ขยายไปทั่วคฤหาสน์ คุณหญิงมีสีหน้าแปลกใจ
ในห้องเก็บสมบัติของปราชญ์ ปืนคาบศิลาเหล็กไหลถูกนำไปวางไว้ที่ทิศตะวันตก ก้องเกียรติสวดคาถาทำพิธีสัตตโลหะบุรุษเรียกพลังแห่งบารมีจากโลหะธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้มารวมอยู่ในตัวปราชญ์ จนเป็นต้นเหตุให้ไฟติดดับๆ
ปราชญ์หัวเราะเสียงดังลั่นห้องด้วยความพอใจสุดๆ หลังก้องเกียรติทำพิธีจบลง...ประดับมองด้วยแววตามาดร้ายจ้องจะหักหลังเมื่อโอกาสมาถึง
ปารมีวิ่งมาอาเจียนในห้องน้ำโอ้กอ้ากเสียงดัง
“ยัยปา...เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”
คุณหญิงตามเข้ามาถาม
“แม่ไม่ต้องมายุ่งกับปา ปาเกลียดแม่”
ปารมีพูดไปก็รู้สึกอยากจะอาเจียนอีก เลยปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าคุณหญิง
“ยัยปา...ยัยปา”
คุณหญิงพยายามเคาะประตูเรียก แต่ปารมีก็ไม่ยอมเปิดประตู มีแต่เสียงอาเจียนโอ้กอ้ากดังออกมาไม่หยุดจน คุณหญิงชักสงสัย
จบตอนที่ 8
ติดตามอ่านขุนเดช ตอนต่อไปพรุ่งนี้