สูตินรีแพทย์เตือนให้หญิงไทยลุกขึ้นมาป้องกันตนเองจากภัยมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและนักเรียนนักศึกษาที่พบการติดเชื้อเอชพีวีสูงสุด พร้อมเตือนผู้หญิงที่มีสามีเดียวก็เสี่ยง แนะตรวจแปปสเมียร์ ร่วมกับฉีดวัคซีน
ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์ เปิดเผยในงานเสวนา “มะเร็งปากมดลูก รู้ทันป้องกันได้” ซึ่งโครงการผู้หญิงปกป้องผู้หญิงจากภัยมะเร็งปากมดลูก ได้จัดขึ้นเพื่อรณรงค์และให้ความรู้ถึงอันตรายของมะเร็งปากมดลูกแก่นักศึกษาพยาบาล ณ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ในขณะที่ปัญหาน้ำท่วมยังวิกฤตสำหรับคนกรุงเทพฯ และมีโรคร้ายมากมายที่มากับน้ำท่วม แต่ยังมีอีกหลายโรคที่ไม่ได้มากับน้ำท่วมและไม่ควรมองข้าม หนึ่งในนั้นคือ โรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นมะเร็งที่ทำให้หญิงไทยเสียชีวิตมากที่สุด โดยจากสถิติพบว่าทุกๆ วันจะมีหญิงไทยเสียชีวิตด้วยโรคนี้ถึง 14 คน หรือในขณะที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ 30 วัน ก็จะมีผู้หญิงไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกสูงถึง 420 คน ดังนั้นจึงอยากให้ผู้หญิงทุกคนลุกมาขึ้นป้องกันตัวเองจากมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่วันนี้
ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของมะเร็งปากมดลูก 99% มาจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีซึ่งติดต่อได้ง่ายมากทางเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% เนื่องจากเชื้อชนิดนี้สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสผิวหนังภายนอกด้วย ดังนั้น ผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์จึงถือเป็นกลุ่มเสี่ยงรวมถึงผู้ที่มีสามีเดียว ซึ่งเป็นที่น่าวิตกว่าปัจจุบันผู้หญิงไทยเราเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุต่ำกว่าชาวตะวันตก โดยในอดีตผู้หญิงไทยจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุ 16 ปี เด็กฝรั่งเริ่มมีตอนอายุ 13 ปี แต่ปัจจุบันสลับกับวัยรุ่นฝรั่ง คือ หญิงไทยเริ่มมีตั้งแต่ 13 ปี ขณะที่เด็กฝรั่งเริ่มมีตอน 16 ปี อีกทั้งผู้หญิงส่วนใหญ่มีความเชื่อว่า “เมื่อรักกันได้ มีเพศสัมพันธ์ได้ ก็เลิกกันได้ และหารักใหม่ได้เช่นกัน” ทำให้ผู้หญิงไทยมีความเสี่ยงและเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้นเรื่อยๆ
จะเห็นได้ว่า การมีเพศสัมพันธ์แม้เพียงครั้งเดียวก็มีความเสี่ยงในการรับเชื้อเอชพีวีแล้ว ฉะนั้น การเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากมะเร็งปากมดลูกหรือลดโอกาสเสี่ยง จากการติดเชื้อเอชพีวีเป็นเรื่องสำคัญของผู้หญิง คือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ (เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก), การมีคู่นอนหลายคน (มีกิ๊ก), การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ได้ ผู้หญิงก็ต้องรู้จักป้องกันตัวเอง ซึ่งการป้องกันที่ดีที่สุดควรทำ 2 วิธีร่วมกัน คือ 1) การตรวจคัดกรอง (แพ็ปสเมียร์) เป็นการ ตรวจดูผลที่เกิดจากอดีต นั่นคือ ดูเซลล์ปากมดลูกซึ่งอาจมีความผิดปกติจากการติดเชื้อเอชพีวีมาจากในอดีต หากตรวจพบก็ต้องรีบรักษาเพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่เซลล์ที่ผิดปกตินั้นจะเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง และ 2) การฉีดวัคซีนเอชพีวี เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเอชพีวีเข้าสู่เซลล์ปากมดลูก เป็นการป้องกันเพื่ออนาคต เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีชนิดก่อมะเร็งสายพันธุ์หลัก 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุ 70% ของเชื้อเอชพีวีที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
“มะเร็งปากมดลูกนั้นจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะถึงระยะลุกลาม และผู้หญิงไม่สามารถตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ด้วยตัวเองเหมือนมะเร็งเต้านม เพราะปากมดลูกอยู่ข้างในไม่สามารถมองเห็นได้ เมื่อไม่มีอาการหรือสัญญาณอันตรายใดๆ ทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่มักชะล่าใจ ละเลยการตรวจโรค รวมถึงอายที่จะไปตรวจ ส่งผลให้มะเร็งปากมดลูก มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดของมะเร็งในสตรี มากกว่ามะเร็งเต้านมที่แม้จะพบผู้ป่วยมาก แต่อัตราการเสียชีวิตน้อยกว่ามะเร็งปากมดลูกการ ตรวจแพปสเมียร์อย่างสม่ำเสมอร่วมกับฉีดวัคซีน จึงมีความจำเป็นสำหรับผู้หญิงทุกคน ถึงแม้ว่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงก็ตาม เริ่มป้องกันเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อตัวคุณและคนที่คุณรักจะได้ไม่ต้องกลายเป็นหนึ่งในสถิติของผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก” ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์กล่าว