บ่วง ตอนที่ 9
กล้าลงไปนั่งในเรือ กำลังเตรียมพาย บัวสวรรค์เดินมาหา
“พี่กล้า...”
“คุณบัว มาถึงนี่มีอะไรให้รับใช้ครับ”
“เวลานี้ ยังมีแก่ใจจะไปพายเรือเล่นหรือ”
“พรุ่งนี้จะกลับบ้าน ไปหาแม่ครับ แม่ชอบสายบัว ก็เลยจะเก็บไปให้ท่าน”
“ไปหาแม่หรือคะ”
“แม่ผมเป็นบ่าวในเรือนของคุณหลวง เป็นคนสนิทของคุณหญิงเนื่องแม่คุณหลวง ผมอยากเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปปรึกษาแม่ ว่าจะทำอย่างไรดี”
“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง งั้นบัวช่วยเก็บนะคะ บัวชักอยากกินแกงสายบัวขึ้นมาแล้ว”
บัวสวรรค์เดินไปใกล้ ทำท่าจะลงเรือ กล้ารีบถาม
“เอ้อ ว่ายน้ำเป็นไหมครับ”
“เอ้า...ทำไมคะ”
“ก็แค่จะถามดู พาคุณพายเรือออกไป ถ้าคุณบัวตกน้ำตกท่าไป ผมหัวขาดแน่”
“โธ่นึกว่าอะไร บัวก็...”
บัวสวรรค์กำลังจะอธิบาย นวลเดินเร็วมาจากไหนไม่รู้ เดินเร็วตัดหน้าชนบัวสวรรค์จนเซเล็กๆน้อยๆ แล้วลงเรือที่กล้านั่ง บัวสวรรค์ไม่มีที่นั่งเหลือ เพราะเป็นเรือเล็กๆ
“คุณบัวจะว่ายน้ำเป็นไหม ยังไงก็ไม่ควรลงเรือไปสองต่อสองกับพี่กล้าหรอกเจ้าค่ะ เรื่องเก็บสายบัว นวลจะไปกับพี่กล้าเองค่ะ”
กล้าอึ้ง
“นังนวล...อะไรของเอ็งเนี่ย”
“พี่กล้าเป็นบ่าว ถึงจะเป็นทหารยศนายสิบแล้ว แต่ก็ยังเป็นบ่าว บ่าวมันก็ต้องคู่กับบ่าว ไม่สมควรที่คุณหนูสูงส่งอย่างคุณบัวจะลงมาเกลือกกลั้วด้วย หรือว่าอยากจะลงคะ...คุณบัวสวรรค์”
นวลจิกสายตาเยาะ บัวสวรรค์หน้าเสียไป เหมือนถูกบ่าวตีแสกหน้าเอาตรงๆ
“เอ้อคือ...”
“นังนวล...พูดอะไรระวังหน่อย!” กล้าดุ
“คุณบัวสวรรค์เป็นนาย นั่งรออยู่ตรงริมตลิ่งเถอะเจ้าค่ะ บ่าวอย่างพี่กล้าและนวลจะเอาสายบัวมาให้ คุณบัวแค่รับไว้แล้วขอบคุณ ไม่ควรต้องโอภาปราศรัยให้มากกว่านั้น เพราะมันไม่งาม เรื่องพวกนี้คุณบัวรู้ใช่ไหมคะ”
บัวสวรรค์หน้าซีดแล้วซีดอีก จนแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความอาย กล้าโมโห
“นังนวล จะหยุดหรือไม่หยุด”
“อยากให้หยุดก็พายเรือออกไปสิเจ้าคะ สายแล้ว แดดจะร้อนนะ เอาล่ะไม่พาย ฉันพายเอง”
นวลจับพายแล้วเริ่มจ้ำพาย จนเรือเคลื่อนออกจากตลิ่ง ไม่ให้กล้ากระโดดขึ้นฝั่ง
“นี่...หยุดเดี๋ยวนี้ คุณบัวท่านจะไปเก็บด้วยตัวเอง ขึ้นไปซะ หลีกทางให้คุณบัว เร็วสิ”
บัวสวรรค์เสียงแข็ง งอนอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ท่าทางนวลเขาจะอยากไปมากกว่า พี่กล้าพาเขาไปเถอะจ้ะ”
บัวสวรรค์เดินงอนไป
“คุณบัว”
กล้าจะกระโดดแต่ไม่ทันแล้วเรือออกมาห่างแล้ว นวลส่งเสียงดุ
“ไปเร็วเข้า ไปๆ รีบพายเร็วๆ”
กล้าเซ็ง มองตามบัวสวรรค์อย่างกังวลมาก
ทั้งสองพายเรือไปเก็บสายบัว ท่ามกลางกอบัวในสระน้ำ นวลเก็บสายบัวใส่ในเรือกับกล้า นวลยิ้มแย้ม แต่กล้าไม่ยิ้มหน้าบูดเก็บสายบัวแบบไม่เต็มใจ
“อุ๊ยสวยจัง พี่กล้า เก็บดอกบัวดอกใหญ่นั้นให้หน่อยสิจ๊ะ”
กล้าหันหนีทำเป็นไม่ได้ยิน
“พี่กล้า เก็บดอกบัวให้หน่อย ไม่ได้ยินหรือ”
กล้าจำใจต้องเก็บแล้วยื่นให้ นวลยิ้มแย้มดีใจ
“ขอบใจจ้ะ”
สักพักกล้าทำหน้าตกใจจับคอของตนเองที่ท้ายทอย
“เอ๊ะ ทำไมเจ็บๆ...เฮ้ย นี่ปลิงนี่นา”
กล้าแกล้งนวลทำเนียนเฉยๆ
“ปลิงอะไรที่ไหน จะมาอยู่แถวนี้ ไหนดูซิ”
นวลจะขอดูท้ายทอย ขยับเข้ามาใกล้ กล้าเลยโวยวายชี้ที่หลังของนวลบริเวณคอเหมือนกัน นวลพยายามหันดูหลัง แต่มองไม่เห็น จับออกไม่ได้
“เดี๋ยวหยุดๆ ที่เสื้อของนวลก็มี ตรงแถวๆคอนั่นไง”
“อ๊าย จริงหรือ อยู่ไหนอ่ะ อยู่ไหน”
“ปลิงน้ำจืด...สงสัยมันมาจากบัวที่เราเก็บ มันดูดเลือดด้วยนะ กระโดด
ลงน้ำกันเถอะ”
นวลโวยวาย พยายามหันมองหาเอามือปัดๆอย่างกลัวๆ
“อี๊ๆๆ แล้วโดดน้ำมันหายหรือ”
“หายสิจ๊ะ มันจะได้ลอยไปกับน้ำไง โดดกันเถอะเร็วเข้า”
กล้าขยับจะโดด นวลขยับตาม
“จ๊ะๆ โดดเลยจ๊ะ...”
“1 2 3”
สิ้นเสียงนับของกล้า นวลโดดตูมลงไป แต่กล้าไม่โดด หลอกให้นวลตกน้ำคนเดียว นวลลงไปเปียกปอน มึนงงอยู่ในน้ำ
“เอ๊า...ทำไมพี่ให้ฉันโดดคนเดียวล่ะ”
“พี่มาคิดดูอีกที ไม่น่าใช่ปลิง ถ้าปลิงมันต้องเจ็บถูกไหม”
“เอ๊าแล้วของฉันล่ะ”
นวลหันหลังให้ กล้ามองๆ
“เอ๊า...เศษใบไม้ มองผิด...โฮ้ยพี่นี่ กระต่ายตื่นตูมแท้ๆ ดีนะ คิดได้ก่อนกระโดด ไม่งั้นเปียกแย่”
นวลอึ้ง
“เอ๊า...แล้วฉันล่ะ...แล้วฉันล่ะ”
“เอ๊าตายจริง นวลลงไปแล้วหรือ ลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลย”
นวลแทบกรี๊ดชี้หน้าด่า
“อ๊าย...ไอ้พี่กล้าบ้า แกล้งฉันนี่นา...ฮือ เปียกหมดเลย นี่แน่ะนี่”
กล้าสาดน้ำใส่แอบขำสะใจที่ได้แกล้งนวล
บัวสวรรค์กำลังทำความสะอาดม้า กล้าเร่งรีบมาหาร้อนใจเพราะกลัวเธอเข้าใจผิดตน ท่าทางของเขาแคร์เธอมาก
“คุณบัว”
บัวสวรรค์ตอบไม่มองหน้า งอนๆ
“ได้สายบัวมาแล้วหรือคะ”
“เอาไปให้เขาที่ครัวแล้ว บอกเขาแล้วว่า คุณบัวอยากทานแกงสายบัว”
“สนุกไหมคะ ไปพายเรือกับคนสวยๆอย่างนวล”
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ”
กล้าพยายามเอาใจเดินตามบัวสวรรค์ ช่วยหยิบจับข้าวของช่วยทำความสะอาดม้า
“ก็เห็นนวลเขาบอก บ่าวต้องคู่กับบ่าว พี่กล้าก็หล่อ นวลก็สวย สมกันดี จริงด้วยค่ะ”
“นวลเขาพูดของเขาเอง ฟังได้ที่ไหนกัน”
กล้าพยายามแย่งถังเหล็กใส่น้ำมาทำให้ เพราะอยากช่วยเหลือ อยากเอาใจ บัวสวรรค์พยายามแย่งคืน
“นี่เอาคืนมานะ บัวทำเอง พี่กล้าจะไปไหนก็ไปเลยไป”
“ผมช่วยไง ทุกทีก็เคยช่วยกันนี่”
“ก็บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าก็จะมาว่าบัวใฝ่ต่ำลงไปสุงสิงกับพี่อีก เอามานี่”
ทั้งสองแย่งถังน้ำกันไปมา ยื้อกันอยู่กับถังใบเดียว
“ก็บอกว่าผมช่วย ไม่มีใครเขาว่าคุณสักหน่อย ไปฟังนังนวลมันทำไม”
“ก็บอกว่าไม่ต้อง เอาคืนมานะ”
“ก็บอกว่าจะช่วยไง”
“ได้...งั้นเอาเลย”
แต่แล้วจู่ๆบัวสวรรค์ก็ปล่อย ถังเหล็กร่วงลงโดนเท้ากล้าเปรี้ยง กล้าสะดุ้งร้องจ๊ากน้ำตาแทบเล็ด เจ็บมาก
“โอ๊ย คุณบัว ผมเจ็บ”
“สมน้ำหน้า คนเจ้าชู้ ฮึ”
บัวสวรรค์งอนจากไป กล้าจะตามก็เจ็บเท้า ได้แต่มองตามแล้วคิด
“คุณบัวเดี๋ยวสิครับ...แย่แล้วเรา เอาไงดีวะ”
บัวสวรรค์เดินงอนมานั่งเศร้า กล้าหายเจ็บเท้าแล้ว ถือบางอย่างไว้ข้างหลังเดินมาหา
“ตามมาทำไมอีก ต่อไปนี้ บัวจะอยู่ห่างๆพี่กล้าแล้วนะ เดี๋ยวแม่นวลเขาไม่พอใจ เขาจะมาว่าบัวอีก”
“ขอยืนยันอีกครั้ง ผมไม่เคยสุงสิงกับนวล”
“แต่ท่าทางนวลเขาจะอยากสุงสิงกับพี่กล้า”
กล้ามองหน้าเธอ น้ำเสียงจริงจัง สายตามั่นคง
“ผมคงไม่มีวันสุงสิงกับบ่าวคนไหน เพราะผมมันนิสัยเสีย ทะเยอทะยานหมายปองของสูงเสียแล้ว”
“อะไรนะ”
กล้านั่งลงห่างๆจากบัวสวรรค์ในท่าทางสงบเสงี่ยม ยังสำนึกว่าเป็นบ่าว มีทีท่าสำรวมไม่ต้องการให้บัวสวรรค์เสื่อมเสีย เขามองด้วยสายตาจริงใจ จริงจัง
“ผมเกิดเป็นลูกบ่าวในเรือนคุณหลวง คุณหลวงไม่มีพี่น้อง ตั้งแต่เล็กผมจึงเป็นเพื่อนเล่นของคุณหลวง คุณหญิงแม่คุณหลวงเมตตาให้การศึกษา ให้ผมได้เป็นทหารมียศมีตำแหน่ง แค่นี้ก็ได้ดีเกินหน้าบ่าวคนอื่นไปมาก”
“ฉันรู้เรื่องพวกนี้มาตั้งนานแล้ว พี่พูดขึ้นมาทำไม”
กล้าเอาแก้วใส่น้ำใสใบเล็กที่ใส่ดอกบัวงามดอกหนึ่งออกมาจากข้างหลัง บัวสวรรค์มองดอกบัวนั้นงุนงง
“ถ้าไม่พบบัวจากสวรรค์ดอกหนึ่ง ผมก็คงพอใจแค่นี้ แต่เมื่อพบแล้ว ผมก็เกิดทะเยอทะยาน จะเอาให้ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ผมกำลังจะสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยที่ยากแสนยาก เพื่อผู้หญิงคนนั้น”
บัวสวรรค์หัวใจพองฟู ตกใจ ดีใจ
“พี่กล้า”
“ดอกบัวบริสุทธิ์ดอกนี้ ผมเก็บมาให้คุณบัวสวรรค์"
บัวสวรรค์เขินอาย
“ดอกบัวเขาเอาไว้ไหว้พระ ไม่ใช่เอาไว้ให้ผู้หญิงซักหน่อย”
“คุณก็เหมือนพระของผม คุณทำให้ผมเป็นคนที่ดีกว่าเดิม ทำให้ผมอยากไปอยู่ที่สูง ทำให้ผมต้องอ่านหนังสือทุกคืนไปสอบ ทั้งหมดนั่นผมจะทำ เพื่อให้ดีพอเสมอกับคุณ”
กล้ายื่นแก้วให้ บัวสวรรค์ยื่นมือมารับ เขาใช้ทั้งสองมือจับมือของเธอ แล้วก้มลงบรรจงจูบลงไปที่ดอกบัว
“พี่กล้า...”
บัวสวรรค์ยิ้ม ซาบซึ้ง เขินอาย
“หากผมสอบเข้าได้ ผมจะเป็นทหารสัญญาบัตร มีศักดิ์ศรีและเกียรติยศเพียงพอ ผมจะขออาจเอื้อมเด็ดบัวสวรรค์ดอกนี้ แต่หากไม่ ก็จงลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้วจดจำแค่ว่าตลอดชีวิตจากนี้ไป ไอ้กล้าจะเป็นบ่าวที่จงรักภักดีกับคุณเสมอ”
กล้าปล่อยมือแล้วถอยลงมานั่งห่างๆ รักษาระยะห่างไว้อย่างเจียมตัวต่อไป นั่งมองบัวสวรรค์ยิ้มให้ด้วยความรัก บัวสวรรค์ดีใจหยิบดอกไม้มาเชยชม อายๆ
พึ่งทำครัวอยู่ มีติ่งเป็นคนช่วย นวลเพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินหน้าบูดมาเข้ามา
“เอ๊า ไหนบอกไปหาพี่กล้า” ติ่งมองหัวจรดเท้า “อาบน้ำแต่งตัวใหม่หรือ ทำไมล่ะ”
“อย่าถามได้ไหม อารมณ์เสีย พี่กล้านะพี่กล้า”
ติ่งแอบขำนวล แบบนี้แสดงว่านวลจับกล้าไม่สำเร็จ เพ็ญเดินเข้ามาพอดี พึ่งทำงานครัวขยันขันแข็งและทำทุกอย่างเหมือนเดิม
“ข้าวเสร็จแล้วนะพี่เพ็ญ พี่เพ็ญจะกินก็ได้เลยจ้ะ”
เพ็ญหมั่นไส้ แดกดัน
“แม่ยายคุณหลวง มาทำครัวทำไมตรงนี้ล่ะเจ้าค้า”
“โธ่พี่เพ็ญ อย่าพูดอย่างนี้สิจ๊ะ บาปของลูกส่งถึงพ่อแม่ บาปของพ่อแม่ตกถึงลูก แค่นี้ฉันก็กลุ้มใจจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
นวลมองสำรับที่จัดไว้ให้เจ้านายที่พึ่งจัดใส่ถาดไว้เรียบร้อยอยู่มุมหนึ่ง
“เอ้า...สำรับนี้ของใครอีกล่ะ ของคุณชื่น กับคุณหญิง นังติ่งยกไปนานแล้วนี่”
“ของคุณหลวงกับ...” พึ่งมองเพ็ญเกรงใจ “ของอีแพง...อีนวล วานยกไปที่เรือนเล็กให้หน่อยเถอะ น้าไม่อยากเห็นหน้ามัน”
นวลพยักหน้า แล้วยกออกไป
“คุณหลวงไม่ได้ไปทำงานอีกแล้วหรือวันนี้ เมื่อวานก็ไม่ได้ไปใช่ไหม”
“ก็หลายวันแล้วจ้ะ”
“ฮึ วันๆ ก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน อดอยากปากแห้งกันมาจากไหน ตะกละตะกราม มูมมามไม่รู้จักพอ...ฮึ่ย !บ้านก็ไม่ใช่บ้านของตัว เอ๊ะ”
เพ็ญเพิ่งนึกได้ว่าควรจัดการเรื่องนี้ พึมพำเบาๆ แอบมองพึ่งเห็นว่าคงไม่ได้ยิน
“ไปบอกคุณหญิงดีกว่า”
หลวงภักดีกับแพงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง แพงนั่งดูพวกเครื่องประดับที่ตนซื้อมาอย่างชื่นชม เอามาใส่เล่นที่คอที่แขน ส่วนหลวงภักดีเอาแต่ชื่นชมหลงใหลร่างกายของเธอ
“สวยไหมคะคุณหลวง”
แพงโชว์สร้อยลูกปัด
“สวยจ้ะ สวยมาก สวยไปทั้งตัว”
แพงจูบที่แขน ที่หลัง ทำท่าจะเริ่มเกมอีก
“อื้อ...แพงขอลองสร้อยพวกนี้ก่อนนะเจ้าคะ”
แพงหยิบมาใส่แล้วมองในกระจก
“เฮ้อ...มันก็สวยอยู่หรอกนะ แต่มันก็แค่ลูกปัด ไม่ใช่ทองจริงๆ ชั่วชีวิตของแพง ขัดล้างเครื่องทองเครื่องเงินเป็นหน้าที่ แต่ไม่เคยมีเป็นสมบัติสักชิ้น”
หลวงภักดีสงสาร เลยถอดแหวนทองคำแท้ที่ใส่นิ้วก้อยของตนใส่ให้
“ใส่ได้พอดีเลย”
แพงตื่นเต้น
“คุณหลวงจะให้แพงหรือเจ้าคะ”
หลวงภักดียิ้มๆ
“ทำไมล่ะ”
“แพงเป็นบ่าว บ่าวกับทองหยอง...คุณหลวงเจ้าขา แพงรักคุณหลวง”
แพงน้ำตาคลอ
“แหวนวงเล็กๆแค่นี้ ร้องไห้เชียวรึ”
“แพงยินดีตกนรกหมกไหม้ ทุกภพทุกชาติ เพื่อให้ได้อยู่ในอ้อมกอดของคุณหลวง เพื่อให้มีค่าในสายตาของใครสักคน แพงยินดีเป็นผีห่า เป็นสัตว์นรก ในสายตาของคนทั้งโลก เพื่อให้เป็นที่รักของชายที่อยู่ตรงหน้าเพียงคนเดียว”
แพงเข้าไปกอดรักใคร่ หลวงภักดียิ้มให้ จูบหน้าผากแล้วกอดตอบแพง
เมื่อนวลยกถาดอาหารมาให้ แพงกับหลวงภักดีมองสำรับอาหารที่ถูกยกมาวางบนโต๊ะ
“แกงสายบัวหรือ ทำไมไม่เป็นแกงคั่วล่ะ ฉันบอกนังติ่งไปแล้ว ว่าฉันอยากกินแกงคั่ว ให้บอกแม่ด้วย”
“โฮ้ย...กินๆไปเหอะ”
“อีนวล!”
นวลจำใจประชด
“บอกแล้วเจ้าค่ะคุณแพง แต่คุณแม่ของคุณแพงบอกว่า วันนี้ต้องทำแกงสายบัวให้คุณบัวสวรรค์ เลยไม่ว่างทำแกงคั่ว”
แพงไม่พอใจ
“ฉันจะกินแกงคั่ว ถ้าแม่ไม่ทำ แกก็ไปบอกให้นังติ่งมันทำ ถ้านังติ่งไม่ทำ แกก็ต้องทำ”
นวลตกใจ
“หา!”
“หรืออยากจะถูกไล่ออก คุณหลวงเจ้าขา พวกบ่าวมันกระด้างกระเดื่องกับแพงอีกแล้ว”
หลวงภักดีหันมาดุนวลทันที
“มันอะไรกันนักหนานะพวกเอ็งนี่ แพงเขาบอกอะไรก็ไปทำสิกับอีแค่แกงคั่วถ้วยเดียว”
นวลมีทีท่าไม่เต็มใจไป เพราะยังทำใจลงให้แพงไม่ได้ในทันที เพ็ญเดินนำคุณหญิงอบเชยเข้ามา
“นังนวล ไม่ต้องไป เอ็งเป็นบ่าวคุณหญิงอบเชย ไม่ใช่ของอีนังสวะชั้นต่ำคนนี้”
นวลยิ้มสะใจ มีคนมาช่วยให้ท้ายแล้ว แพงกับหลวงภักดีหนาวๆร้อนๆ คุณหญิงอบเชยเดินมาอย่างมีอำนาจ แพงลุกขึ้นสู้ไม่ถอย
“คุณหญิง...มีเรื่องกันทีไร คุณชื่นกลิ่นหน้าซีดแล้วซีดอีก นี่ยังกล้ามาเรือนนี้อีก ไม่กลัวลูกสาวตรอมใจตายหรือไง”
คุณหญิงใจเย็นเดินมามองสำรับข้าว
“ข้าวบ้านข้า ไม่รู้บ่าวไปซื้อมาจากตลาดไหน คนกินหน้ามันถึงไม่มียางไม่รู้คุณ อกตัญญูนัก แบบนี้ก็อย่ากินมันเลย”
คุณหญิงสาดข้าวใส่หน้า แพงหลบแต่ก็โดนอยู่บ้าง
“หนอย !”
แพงไม่พอใจ จะเอาเรื่องบัวสวรรค์เดินมากับกล้ารีบเข้ามาห้าม
“คุณอา มาอยู่ตรงนี้นี่เอง อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ”
คุณหญิงมองหน้าบัวสวรรค์
“หล่อนนี่ยังไงกันแม่บัว ถูกเขาไล่ออกจากบ้านต้องหนีไปนอนเรือนใหญ่หลายวันแล้ว ไม่โกรธไม่แค้นบ้างหรือไง”
เพ็ญรีบเสริม
“คุณบัว เรือนหลังเล็กนี้ คุณหญิงท่านสร้างให้คุณบัวนะคะ เป็นของขวัญจากอาให้หลาน จู่ๆคนพวกนี้ก็มายึดเอาไป วันนี้ท่านจะมาจัดการให้ ปล่อยท่านเถอะเจ้าค่ะ เชิญมาอยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ”
เพ็ญดึงมือบัวมาอยู่ข้างๆตน คุณหญิงจ้องหน้าแพง
“ในเมื่อจะอยู่บ้านข้า ก็ไปอยู่เรือนคนใช้โน่น ไม่มีสิทธิ์มาอยู่ที่เรือนเล็กนี้”
หลวงภักดีตกใจ
“เรือนคนใช้!”
“อยู่ที่สูง ไม่ชอบ ชอบอยู่ที่ต่ำ ก็ต่ำให้สาแก่ใจไปเลยดีไหมคะคุณหลวง”
แพงหันไปอ้อนหลวงภักดี
“เห็นไหมเจ้าคะ บอกแล้วว่าให้กลับบ้านคุณหลวง ที่นี่ไม่น่าอยู่สักนิด”
“เอ้อ คุณหญิงครับ...ไหนว่าเราจะทำตามที่คุณชื่นต้องการ”
กล้ากลัวจะเป็นเรื่องใหญ่รีบแย้ง
“ก็นี่ไง...ให้คุณหลวงอยู่ตามที่แม่ชื่นเขาขอ แต่ต้องไปอยู่ที่เรือนคนใช้...ว่าไง คุณหลวง จะไปอยู่เรือนคนใช้ไหม”
“กระผมคงไปอยูที่นั่นไม่ได้”
ทั้งหมดเงียบ หายใจไม่ทั่วท้อง ลุ้นว่าคุณหญิงจะอาละวาดไปทางไหน
“ก็ดี...ไม่ไปใช่ไหม...ไม่ไปก็ไม่ไป...ไป แม่บัว กลับ”
ผลออกมาพลิกล็อค ทุกคนงง บัวสวรรค์อึ้ง
“อ่ะหา...กลับหรือเจ้าคะ”
“ใช่สิ กลับ”
คุณหญิงเดินนำไป เพ็ญกับบัวรีบตาม
“คุณหญิง เดี๋ยวสิเจ้าคะคุณหญิง”
คุณหญิงเดินจ้ำมาตามทางเดินในสวน เพ็ญรีบตามมาถาม
“คุณหญิงเจ้าขา...เดี๋ยวก่อน อย่าหาว่าอีเพ็ญอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะเจ้าคะ เมื่อกี๊ก็ขู่เขาดิบดี มาตอนนี้ ไหงล่าถอยมาง่ายๆล่ะเจ้าคะ”
“ใครบอกว่าล่าถอยล่ะ”
คุณหญิงกระซิบสั่งให้ไปจัดการตัดน้ำตัดไฟ เพ็ญยิ้มกว้าง พยักหน้าเข้าใจ
“ฮู้ย ได้เลย เข้าใจแล้ว ขอเวลาชั่วอึดใจเดียวเจ้าค่ะ”
เพ็ญเดินจากไป บัวสวรรค์ที่เดินตามมาด้วยเข้ามาบอก
“ที่บัวไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะบัวเชื่อว่าสักวัน คุณหลวงก็ต้องเลิกเห่อนังแพง หันมาสนใจพี่ชื่นเหมือนเดิม บ้านของบัวมันอยู่ที่เดิมของมัน มันไม่ไปไหนเสียหรอกค่ะ”
“แต่มันเป็นของที่ฉันยกให้หล่อน ฉันยอมไม่ได้ ฉันรับปากแม่ชื่นว่าจะไม่ไล่คุณหลวง แต่นังแพง ไม่มีใครอยากเอามันไว้ ฉันจะอยู่กับมันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน อย่าหวังว่าเลยว่ามันจะมีความสุข”
“แล้วนี่คุณอาให้เพ็ญไปทำอะไรคะ”
คุณหญิงยิ้มร้าย
อ่านต่อหน้า 2
บ่วง ตอนที่ 9 (ต่อ)
ค่ำนั้น มิ่งจัดการเอาแม่กุญแจคล้องมิเตอร์ประปาหน้าเรือนเล็กแล้วล็อกไว้ ใครจะเปิดต้องใช้กุญแจ
“เรียบร้อย!”
เพ็ญยืนมองพอใจ
“ตู้ไฟฟ้าอยู่ไหน ไปจัดการซะ”
มิ่งพยักหน้า เดินไปจัดการ เพ็ญพอใจมาก ขณะเดียวกัน แพงอาบน้ำอยู่ จู่ๆ น้ำที่ฝักบัวก็หยุดไหล
“น้ำ...ทำไมไม่มีน้ำ”
หลวงภักดีเดินออกมา ไฟของเรือนหลังเล็กดับลงทั้งหลัง
“ไฟดับรึนี่”
คุณหญิงยืนมองทางหน้าต่าง ยิ้มทันที บัวสวรรค์เดินออกมาดู
“เอ๊ะไฟดับ ทำไมดับแต่เรือนเล็ก”
เพ็ญเดินเข้ามา
“เรียบร้อยเจ้าค่ะ”
“อะไรเรียบร้อยน่ะ แม่เพ็ญไปทำอะไรมา” บัวสวรรค์ถามอย่างสงสัย
“ตัดน้ำตัดไฟเรือนเล็กเจ้าค่ะ”
บัวสวรรค์ตกใจ
“หา!”
คุณหญิงหัวเราะลั่น
“ฮะฮะฮ่า...สะใจ !”
วันต่อมา แพงกับหลวงภักดีนั่งอยู่ในบ้าน แพงกลุ้มใจร้อนมาก เดินไปเดินมาพร้อมพัดในมือ คอยพัดตัวเอง กล้าเพิ่งบอกเสร็จ หลังจากตรวจสอบทั่วบ้านตามคำสั่ง แพงกับหลวงภักดีเพิ่งรู้เรื่องจากกล้า แพงบ่นอุบ
“หา...ตัดน้ำตัดไฟ...เมื่อคืนฉันนอนร้อนทั้งคืน น้ำท่าก็ไม่ได้อาบ ตัดน้ำตัดไฟแล้วฉันกับคุณหลวงจะอยู่ยังไง”
หลวงภักดีหันไปถามกล้า
“ทำอะไรได้บ้างไหม ไปจัดการให้ที”
“เขาเอาแม่กุญแจล็อกทั้งตู้ไฟและตู้น้ำ ผมทำอะไรไม่ได้ ต้องขอกุญแจจากเขา”
แพงแค้นใจมาก
“อีคุณหญิง...อีคนชั่ว”
หลวงภักดีเริ่มหิว
“แล้วนี่สายป่านนี้แล้ว ยังไม่มีใครยกสำรับมาอีก”
กล้าหน้ากลุ้มๆ
“ผมเดินผ่านครัว ได้ยินเขาคุยกันว่า เขาจะไม่มีอาหารให้ที่เรือนนี้แล้ว”
แพงหน้าตื่น
“ไม่มีไฟ ไม่มีน้ำ แล้วยังไม่มีข้าวอีกหรือ”
กล้าพยักหน้า
แพงเดินตรงเข้ามา จะเข้าบ้านมาเอาเรื่องคุณหญิงอบเชยที่มองตรงมาอยู่ในบ้าน แต่เพ็ญปิดประตูไว้ก่อน เพ็ญล็อค ลงกลอน แพงได้แต่ตีประตู เพราะถลาเข้ามาไม่ทัน
“หนอย เปิดนะ เปิด...ฮึ แค่นี้หรือจะขวางอีแพงได้”
แพงโมโหจัด หาทางเข้าบ้านตามที่ต่างๆ แต่เหมือนเพ็ญจะรู้ล่วงหน้า ส่งคนไปดักไว้ทุกทางเข้า ทันเวลาพอดี ทุกมุมไป แพงมองไปที่หน้าต่าง คิดจะปีน นวลโผล่มาผลักหัวแพง หงายเงิบ แล้วปิดหน้าต่าง
“อีนวล หนอย”
แพงเดินมาที่ประตูด้านหลังหน้าตาเอาเรื่อง เพ็ญปิดประตูหลังบ้าน ก่อนแพงมาถึงหวุดหวิด เธอเข้าไปทุบประตู ก่อนจะเดินรี่ไปหามุมอื่น แต่ก็เข้าไม่ได้ แพงหงุดหงิดมาก
“โธ่โว้ย”
แพงวิ่งกลับมาที่หน้าบ้าน โกรธสุดขีด คุณหญิงโผล่มาที่เฉลียงมองลงมาที่หน้าบ้าน กอดอกเยาะ แพงเห็นชี้หน้าด่า
“คุณหญิงอบเชย แกจะเอายังไงกับฉันหา”
“ข้างบนนี่มีผู้หญิงคนหนึ่งเจ็บปวดร้องไห้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับเพราะความมักมากของคนสองคน คนหนึ่งคือผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบ ส่วนอีกคนโลภมาก ด้วยสันดานต่ำๆของมันเอง”
เพ็ญเดินมาสมทบ แพงตะโกนเถียง
“ไม่ใช่เพราะสันดาน แต่เพราะฉันไม่เคยมี ฉันถูกคนเห็นแก่ตัวอย่างแกแย่งชิง คนที่มีแล้วอย่างแก ไม่เข้าใจหรอก”
“อย่าอ้าง...คนจนส่วนใหญ่ เขาไม่เหมือนแก เขาเป็นคน มีศักดิ์ศรี...ศักดิ์ศรีของคนคืออะไรรู้ไหม คนจะไม่เอาของๆคนอื่น ไม่ว่าในที่แจ้งหรือที่ลับ ส่วนไอ้พวกที่มันเอาของคนอื่นหน้าด้านๆน่ะ มันก็ไม่ต่างจากโน่น...”
คุณหญิงชี้ไปที่มุมหนึ่งห่างไป บังเอิญมีหมาเดินมากินกระดูก แพงหน้าเสีย เพ็ญหัวเราะร่า
“ฮะ ฮะ ฮ่า”
แล้วก็บังเอิญอีกครั้งเมื่อหมาอีกตัว เดินมาแย่งกระดูก ทั้งสองขู่กันทะเลาะกัน เพื่อแย่งกระดูก แพงได้ทีรีบย้อนอย่างเย้ยหยัน
“เอ๊ะตรงนั้นมีสองตัว กัดกันด้วย ก็ไม่เห็นจะต่างไปจากเราสองคนนี่”
คราวนี้กลายเป็นคุณหญิงที่หน้าเสีย
“อีแพง”
“ตกลงจะตัดน้ำตัดไฟ ตัดข้าวปลาอาหารแน่แล้วใช่ไหม”
“ใช่...เอ็งคนเดียวออกไปจากบ้านข้า อีพึ่ง ในฐานะที่มันยังจงรักภักดี ข้าจะให้มันอยู่ต่อ ส่วนคุณหลวงต้องขึ้นมาอยู่เรือนใหญ่นี่ ส่วนเรือนหลังเล็กต้องคืนแก่เจ้าของที่แท้จริงคือคุณบัวสวรรค์”
“ฉันไม่ไป !”
คุณหญิงส่งสายตาดุ
“แกต้องไป”
แพงยิ้มร้าย มีแผนในใจ
“แกชอบด่าว่าฉันเป็นคนชั้นต่ำ ก็เพราะฉันเป็นคนชั้นต่ำนี่ล่ะ ฉันถึงไม่มีหัวโขน ไม่ต้องแบกศักดิ์ศรี และที่สำคัญ ฉันหน้าหนากว่าแก”
คุณหญิงเอะใจ
“แกหมายความว่าไง แกจะทำอะไร”
แพงเดินถอยไปสองสามก้าว แล้วป้องปากตะโกนกะให้ข้างบ้านได้ยิน ใช้วิธีประจานให้คนอื่นรู้ เพื่อให้พวกของคุณหญิงได้อาย
“เจ้าข้าเอ๊ย ฮู้ฮู้ ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาที่ท่าเรือ คนข้างๆบ้านคุณหญิงอบเชย ทั้งข้างซ้าย ข้างขวา มาฟังทางนี้ ข้างบนนั่น คือคุณชื่นกลิ่น เมียที่ป่วย ร้องไห้ตรอมใจ ใกล้จะตายอยู่รอมร่อ”
คุณหญิงและเพ็ญตกใจที่แพงมาไม้นี้ กล้าที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง เห็นแล้วเช่นกัน รีบวิ่งออกไปตามหลวงภักดี บัวสวรรค์อ่านหนังสืออยู่เป็นเพื่อนชื่นกลิ่นที่นอนงีบพักผ่อนอยู่บนเตียง เสียงของแพงดังแทรกเข้ามา
“เจ้าข้าเอ๊ย ได้ยินกันไหม”
“แย่แล้ว”
บัวสวรรค์ยืนขึ้นทันที ชื่นกลิ่นงัวเงียตื่น
“เสียงอะไรน่ะ”
บัวสวรรค์รีบวิ่งออกไป ขณะที่คุณหญิงตวาดลั่น
“อีแพงมึงจะตะโกนทำไม”
แพงไม่สนตะโกนต่อ
“ข้างบนนั่น...อีเมียน่าเบื่อผัวไม่เอา แทนที่มันจะโทษตัวเอง มันกลับส่งแม่แก่ๆของมันมารังแกชาวบ้าน ยอมรับเสียทีอีชื่นกลิ่น ผัวของแกน่ะไม่มีวันกลับไปสนใจแกหรอก เมื่อไหร่จะยอมรับเสียที ว่าแกน่ะมันของที่เขาโละทิ้งแล้ว”
ชื่นกลิ่นได้ยินหมดแล้ว ตกใจ เอามือปิดหู กลัวสุดขีด
“ไม่...ไม่ คุณแม่...คุณแม่ คุณแม่อยู่ไหน คุณแม่ ช่วยลูกด้วย”
คุณหญิงโมโหตวาดลั่น
“อีแพง หยุด บอกให้หยุดเดี๋ยวนี้”
บัวสวรรค์วิ่งมาสมทบกับเพ็ญ
“เสียงดังไปถึงในห้อง พี่ชื่นได้ยินหมดแล้ว”
ชื่นกลิ่นร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็กๆ ที่เรียกหาแม่ เพราะไม่รู้จะทำยังไงได้
“คุณแม่...คุณแม่ขา”
แพงตะโกนขึ้นมาอีก
“ว่าไงจะยอมต่อน้ำต่อไฟให้ได้หรือยัง ถ้าไม่ยอม กูจะยืนด่าอยู่ตรงนี้ทั้งวันทั้งคืน จะไปที่ตลาด จะไปยืนด่าโพทนาให้มันรู้กันไปให้หมด ว่ามันเกิดเรื่องอัปรีย์อะไรที่บ้านหลังนี้ คนอย่างกูน่ะไม่มีอะไรจะเสีย กูไม่อายหรอก แต่พวกหน้าบางอย่างมึงนั่นแหล่ะ ทนได้ไหม ฮะ ฮะ ฮ่า”
“อีแพง กูจะฆ่ามึง กูจะฆ่ามึง”
คุณหญิงวิ่งเข้าไปด้านในหยิบมีดปอกผลไม้ ที่วางอยู่ข้างๆจานผลไม้ จะออกไปแทงแพงให้ตาย
“อีแพง วันนี้มึงตาย”
บัวสวรรค์เห็นเข้าร้องกรี๊ดเข้าไปจับตัวไว้ คุณหญิงถือมีด จะไปให้ได้
“อ๊าย...ไม่เจ้าค่ะ...ไม่ เพ็ญมาช่วยกันสิ”
เพ็ญเข้าไปกอดอีกคน คุณหญิงดิ้นพราด อย่างโทสะถึงขีดสุด...แพงยังตะโกนต่อไป
“คุณชื่น คุณชื่นอยู่ไหน แม่คุณกำลังจะอกแตกตายอยู่แล้ว คุณจะไม่โผล่มาหน่อยหรือ หนอย ตัวเองทำหน้าที่เมียไม่ดี พอผัวเขาทิ้งไปมีใหม่ ก็ทำเป็นนอนป่วยรอผัวกลับมา ถุย...แผนเรียกร้องความสนใจตื้นๆ แน่จริงก็ตายๆไปเลยสิวะ”
ชื่นกลิ่นร้องไห้เอามือปิดหูอยู่บนเตียง สายตามองหาแม่เหมือนเด็กเล็กๆที่ต้องการแม่เพื่อความอบอุ่น
“ฮือ คุณแม่ขา คุณแม่ช่วยลูกด้วย คุณแม่อยู่ไหน”
หลวงภักดีเดินตามหาแพงอยู่ในบ้าน กล้าวิ่งเข้ามาหา
“แพงๆ อยู่ไหนน่ะ”
“คุณหลวงมานี่เร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มานี่”
“แพงอยู่ไหน กล้าเห็นแพงไหม”
“มาเถอะครับ”
กล้าลากหลวงภักดี วิ่งไปด้วยกัน
แพงตะโกนต่อ
“คุณชื่นเจ้าขา ตกลงจะไม่โผล่หน้ามาแบ่งสมบัติผัวกับบ่าวคนนี้หรือเจ้าคะ ถ้าตัดใจไม่ได้จริงๆ แพงจะเห็นแก่ไมตรีที่มีต่อกัน แพงแบ่งผัวให้คุณชื่นอาทิตย์ละวันครึ่งวันก็ได้นะเจ้าคะ แพงน่ะไม่อะไรหรอก แต่คุณหลวงนี่สิเจ้าคะ เขาจะยอมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดูเหมือนว่าตอนนี้ ห่างแพงแค่ชั่วโมงยังไม่ยอมเลยค่ะ”
ชื่นกลิ่นปิดหู ร้องไห้
“ไม่...อย่าไปฟัง...อย่าไปฟังฮือ”
คุณหญิงอบเชยดิ้นพร่าน
“ปล่อย...ฉันจะฆ่ามัน...ปล่อย”
บัวสวรรค์จับไว้แน่น
“ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณอาต้องตั้งสติเอาไว้ ก็เหมือนที่มันบอก มันไม่กลัวตายด้วยซ้ำ มันสิ้นคิดขนาดนั้น แต่เราไม่ใช่ เราจะกลายเป็นฆาตกร จะตกต่ำไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ...ตั้งสติไว้ อีแพงกำลังใช้ความต่ำของมัน ล่อจิตใจชั้นต่ำของเราออกมา ถ้าเราฆ่ามัน มันก็ตาย มันตายก็จบ แต่เรานี่สิคะ”
เสียงตะโกนของชื่นกลิ่นดังมาเข้าหูคุณหญิง
“แม่ขา...คุณแม่ขา ช่วยชื่นด้วย”
คุณหญิงหันไป น้ำตาริน
“ฮือ...ลูกแม่...ลูกชื่นของแม่”
คุณหญิงร้องไห้โฮออกมา
“พี่ชื่นนอนร้องไห้อยู่ เธอเหมือนนกน้อยที่ขาดแม่ไม่ได้ ถ้าคุณอาเป็นฆาตกร นกเล็กๆที่อ่อนแอ คงถูกทอดทิ้งให้ตายคารังแน่นอน”
“ฮือ...นี่มันกรรมมันเวรอะไรของฉัน ฮือ...อีแพง...อีแพง...กูจะตามอาฆาตมึงทุกชาติไป ฮือ”
คุณหญิงคร่ำครวญเสียงดัง เจ็บปวด ทุกคำพูดเต็มไปด้วยความแค้นล้นหัวใจ คุณหญิงทรุดลงกับพื้น ยอมปล่อยมีด บัวสวรรค์รีบดึงมีดออกไป โยนไปห่างๆ คุณหญิงร้องไห้อย่างหนัก เพ็ญกับบัวสวรรค์กอดเอาไว้ แทบจะร้องไห้ตามไปด้วย
แพงตะโกนเยาะเสียงดัง
“คุณชื่น...คุณชื่นอยู่ไหน ตกลงว่ายังไง จะเอายังไงเรื่องผัวของเรา ออกมาคุยกันตามประสาเมียๆสิเจ้าคะ”
กล้าลากหลวงภักดีมาดูแพง
“แพงมายืนอาละวาดโวยวายอยู่พักใหญ่แล้วครับ คุณต้องจัดการนะครับ”
แพงหันมาเจอ
“คุณหลวงมาแล้วหรือคะ มาหาเมียตรงนี้สิคะ”
หลวงภักดีจะเดินไป กล้ารีบดึงตัวเอาไว้
“อย่าเพิ่งไป บอกผมก่อนว่าจะทำยังไง”
“คุณหลวง !” แพงเรียกเสียงเข้ม
หลวงภักดีหงอทันที
“จ้ะๆ มาแล้วจ้ะ”
หลวงภักดีสะบัดแขนจากกล้า เดินไปยืนข้างแพง ด้วยท่าทางยอมอ่อนข้อเป็นอย่างมาก จนกล้าหัวเสีย
“โธ่โว้ย...เป็นอะไร เขาเรียกก็ต้องคลานไปหาเขาอย่างนี้เลยรึ ไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่นา”
แพงฟ้องทันที
“คุณหลวง...เขาจะกดดันให้แพงออกไปจากบ้าน เขาจะให้คุณกลับมาอยู่เรือนใหญ่ บอกเขาไปสิคะ ว่าคุณไม่ยอม สั่งเขาไป บังคับเขาให้ต่อน้ำต่อไฟ เดี๋ยวนี้...สั่งเลยค่ะ”
“สั่งเหรอ...เอ้อ”
กล้ารีบเข้ามาบอก
“คุณอบเชยต้องการบ้านหลังเล็กคืน เพราะมันเป็นของคุณบัวสวรรค์ ยังไงคุณหลวงก็ต้องคืนท่านไป ให้ท่านไปเถอะครับ เอาอย่างนี้ ถ้าจะเอาอีนี่เป็นเมียจริงๆ ก็ออกไปเช่าบ้านหลังเล็กอยู่ที่อื่นอย่าจองเวรจองกรรมกับคนบ้านนี้อีกเลย เขาจะตายกันทั้งบ้านเพราะนังคนนี้แล้ว”
แพงค้อน กล้าไม่สนมองตอบแพงด้วยความเกลียด หลวงภักดีลังเล บัวสวรรค์เดินออกมาบอก
“บ้านหลังเล็กอะไรนั่น บัวไม่เอาแล้ว อยากจะให้ต่อน้ำต่อไฟอะไรก็จะทำให้ ขอแค่ให้พี่กล้า เอาผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ออกไปจากตรงนี้ พวกเราทนมันไม่ไหวแล้ว เอ้านี่ค่ะกุญแจ สำหรับต่อน้ำต่อไฟ”
บัวสวรรค์โยนกุญแจลงมาให้จากเฉลียง และยังคงยืนรอฟังอยู่ เพ็ญที่แทบจะร้องไห้ ยังประคองคุณหญิงที่ยังนั่งร้องไห้อยู่กับพื้น
“ไปหาคุณชื่นกันนะคะ คุณหญิง”
เพ็ญประคองคุณหญิงไปหาชื่นกลิ่นที่ห้อง ยอมรามือจากแพง...แพงเดินไปหยิบกุญแจที่บัวสวรรค์โยนลงมาให้ยิ้มสะใจ
“ฮะฮ่า ในที่สุดมันก็แพ้ เจออีแพงเข้าไป หน้าหงายกันไปเป็นแถบๆ”
“ถึงเขาจะยอมแล้ว แต่เราก็ต้องคืนเรือนเล็กให้คุณบัวไปนะครับคุณหลวง คุณบัวไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ของชิ้นไหนเป็นของคุณบัว คุณหลวงต้องคืนไป”กล้ารีบบอก
แพงหันมาตวาดกล้าทันที
“เอ๊ะ พี่กล้า จะให้ฉันกับคุณหลวงย้ายไปอยู่เรือนคนใช้แบบที่มันสั่งหรือไงหา”
กล้ากระตุกมือหลวงภักดีที่ยืนโง่ๆ ลังเลอยู่ นับวันดูจะโง่เขลาลงเรื่อยๆ
“คุณหลวง หมู่นี้คุณเป็นอะไรไป คุณเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่เล็ก คุณรักความถูกต้อง เข้มแข็งเด็ดขาดเสมอ คุณต้องตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยความยุติธรรมนะครับ”
แพงกระตุกแขนอีกข้างของหลวงภักดี
“อีแพงไม่ไปอยู่บ้านเช่าหลังเล็กๆนะ ถ้าไม่ใช่บ้านเดิมของคุณหลวง ก็ต้องเป็นเรือนเล็ก แพงจะอยู่สองที่นี้เท่านั้น ฮึ...ที่จริงแพงชอบเรือนเล็กนั่นยิ่งกว่าบ้านไหนๆเสียอีก อยู่จองเวรจองกรรมกับคุณหญิงอบเชย คาตาคาใจมันอยู่อย่างนี้ สะใจดี”
กล้าไม่ยอมพยายามเตือนสติ
“คุณหลวงครับ คิดถึงคุณชื่นไว้ คุณเคยรักคุณชื่นกลิ่นขนาดไหนจำได้ไหมครับ”
หลวงภักดีนิ่งคิด ภาพในอดีตความน่ารักของชื่นกลิ่นแว่บเข้ามา ทันทีที่คิดถึงชื่นกลิ่น เขาก็ปวดหัวทันที
“โอ๊ย...ปวดหัว”
กล้าตกใจ
“คุณหลวงครับ”
หลวงภักดีบอกบัวสวรรค์ที่ยังยืนอยู่ที่เฉลียง
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ที่ดินที่อยู่ข้างๆเรือนใหญ่ตรงโน้น พี่เคยซื้อเอาไว้ก่อนแต่งงาน เพราะตอนแรกคิดว่าจะขยายบ้านไปทางโน้น พี่จะยกที่ดินตรงนั้นให้คุณบัว ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกับเรือนหลังเล็ก”
กล้ายิ้มพอใจ แพงโวยต่อ
“คุณหลวงเคยซื้อที่ดินไว้หรือคะ แพงไหม แพงกว่าเรือนเล็กหรือเปล่า”
กล้าไม่พอใจ
“จะแพงหรือจะถูก ก็ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง คุณหลวงแน่ใจนะครับว่าจะยกให้คุณบัว”
หลวงภักดีพยักหน้า
“ตกลงแพงหรือถูกล่ะเจ้าคะ” แพงคาดคั้น
กล้ารีบชิงเจรจาต่อ
“คุณบัวตกลงและยินดีไหมครับ สำหรับผม ผมคิดว่าที่ตรงนั้น ถึงแม้จะยังเป็นที่ดินเปล่าๆ แต่ก็ผืนใหญ่กว่า ผมว่าคุณบัวควรรับไว้”
บัวสวรรค์คิดแล้วพยักหน้า
“ก็ได้ค่ะ ขอเพียงอย่างเดียว อย่าให้ผู้หญิงข้างถนนคนนั้นมาเกะกะระรานคนที่นี่อีก บัวยินดีทุกอย่าง”
“ผมจะเตรียมเอกสารพรุ่งนี้ แล้วจัดการให้คุณหลวงเซ็นทันที คุณบัวไม่ต้องห่วง แพง...กลับบ้านของเอ็งไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะให้คนไปจัดการเรื่องน้ำไฟและเรื่องข้าวปลามาให้”
แพงค้อน
“พี่กล้านี่...ลำเอียงจริง”
กล้าถอนใจ
“คุณหลวง ไปเถอะครับ พาแพงกลับไป ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาระรานคนที่นี่อีกเลย สงสารคุณชื่นกลิ่นบ้างเถอะ”
“ไปเถอะแพง มาเถอะ”
หลวงภักดีลากแพงไป กล้ามองหน้าบัวสวรรค์ทั้งสองกลุ้มใจ
คุณหญิงอบเชยนอนกอดปลอบชื่นกลิ่นอยู่บนเตียง ทั้งสองยังคงร้องไห้เศร้าเสียใจ
“คุณแม่ขา...คุณหลวงไม่ต้องการชื่นแล้วจริงๆหรือเจ้าคะ เขารังเกียจชื่นจริงๆหรือเจ้าคะ ฮือ...”
“อีแพง...กูจะไม่รามือแค่นี้ ชีวิตมึงจะมีกูจองเวรจองกรรมทุกชาติ คอยดูไปเถอะ”
คุณหญิงอาฆาตแค้นตั้งอธิษฐานจิตข้ามภพข้ามชาติโดยไม่รู้ตัว
วันต่อมา กล้าให้หลวงภักดีเซ็นเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการยกที่ดินให้บัวสวรรค์แลกกับเรือนเล็ก แพงนั่งมองอยู่ข้างๆ
“เซ็นตรงนี้ครับ...อืม เป็นอันว่าเรือนหลังเล็กเป็นของคุณหลวง ส่วนที่ดินข้างๆเรือนใหญ่เป็นของคุณบัวสวรรค์”
“ไม่ใช่ของคุณหลวง ของแพงต่างหาก คุณหลวงจะยกบ้านนี้ให้แพง คุณหลวงจะพูดอย่างนี้ใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ ฉันจะยกบ้านหลังนี้ให้แพง”
กล้าค้อนแพง เกลียดขี้หน้าเก็บเอกสารต่างๆใส่ซอง หลวงภักดีหันไปหาสำรับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า
“กินข้าวกันนะแพง ป่านนี้แล้วแพงคงหิวแย่ ฉันตักข้าวให้นะ”
หลวงภักดีกุลีกุจอตักข้าวให้ แพงยิ้มรอเป็นคุณนาย กล้าหันไปดุ
“นั่งยิ้มอะไรอยู่ แทนที่จะเป็นฝ่ายตักข้าวให้คุณหลวง นั่งยิ้มอยู่ได้”
“คิดถึงหน้านังอบเชยเมื่อวานแล้วสะใจ ตอนฉันตะโกนด่านังชื่นกลิ่นน่ะ อีคุณหญิงอบเชยหน้าซีดแล้วซีดอีก หนีเข้าไปข้างในเลยพี่กล้ามาทันเห็นไหม”
บัวสวรรค์เดินเข้ามาในบ้าน พูดเสียงดังไม่กลัวแพง
“คนเลว แม้ทำเรื่องเลวก็ยังมีความสุข คนดีแม้ถูกเขาทำร้ายจนเจ็บปวดก็ยังไม่ยอมทอดทิ้งความดี”
“มาทำไม ไม่ให้ฉันไปเรือนโน้น ก็อย่ามาเรือนนี้สิ”
“คุณบัวมาทำไมครับ เอกสารนี่ ผมบอกแล้วว่าผมจะเป็นคนเอาไปให้เอง” กล้าถามอย่างสงสัย
“ฉันมาเก็บของ ในเมื่อบ้านนี้จะไม่ใช่ของฉันแล้ว ฉันก็เลยเอาคนมาช่วยขนของ”
พึ่งกับติ่ง จะเดินเข้าไปเก็บของของบัวสวรรค์ข้างบน แพงเดินมาขวางพึ่ง
“แม่ ไม่ต้องไปช่วย...ของๆใคร ใครก็เก็บเองสิ”
พึ่งไม่ยอมแม้แต่มองหน้าลูกสาว หันมาถามบัวสวรรค์
“อยู่ข้างบนใช่ไหมเจ้าคะ...ไป...อีติ่ง”
พึ่งเดินไปกับติ่ง แพงได้แต่ด่าตามหลัง
“แม่นี่...ทำไมชอบนักนะเป็นคนใช้เขาเนี่ย”
บัวสวรรค์เดินเข้ามาหาแพงไม่กลัว ด่าแพงต่อ
“เรื่องเมื่อวานเธอคงคิดสินะว่าเธอเป็นคนชนะ”
“ฉันได้บ้าน ได้ครอบครองคุณหลวง ได้สะใจที่แก้แค้น ไม่เรียกชนะแล้วเรียกว่าอะไร”
“คนที่ใช้กำลัง วี้ดๆ ข่มขู่ข่มเหงคนอื่น ไม่เคยชนะจริงๆหรอก คนที่เขายอมให้ บางทีแค่จำใจยอม หรือแค่อยากตัดความรำคาญ คนที่กระทำคนอื่นนั่นต่างหาก ยืนอยู่บนชัยชนะจอมปลอมที่น่าสมเพช”
“น่าสมเพชยังไง”
“ครั้งนี้คุณอาแค่ยอมให้ แต่คุณอาจะไม่ยอมแพ้ คุณหลวงของเธอก็เหมือนกัน ชั่วข้ามคืนมาหลงใหลเธอ แล้วรู้ได้ไงว่าชั่วข้ามคืนจะไม่กลับไปหลงใหลพี่ชื่น เธอผูกมัดคุณหลวงไว้ด้วยอะไรล่ะ”
แพงชะงักนึกถึงตอนที่อาจารย์ชูเสกหุ่นให้ เธอมีสีหน้าประหวั่นเล็กน้อย บัวสวรรค์เดินเข้ามาใกล้
“สิ่งนั้นมั่นคงแค่ไหน เธอมั่นใจในสิ่งที่ผูกมัดนั้นแค่ไหน...ว่ามันจะยั่งยืนไปกว่าความรักบริสุทธิ์ที่คุณชื่นมีกับคุณหลวง”
“พูดมากจริง จะชนะด้วยอะไร...แต่ฉันก็ชนะแล้วกัน”
“เพราะมีความมืด จึงมีแสงสว่าง เพราะมีคนเลวจึงมีวีรบุรุษ เพราะมีความหลงใหลจอมปลอมอย่างเธอ จึงมีความรักแท้ ฉันเชื่อเสมอ คุณหลวงจะกลับไปเป็นของๆพี่ชื่น...ชัยชนะของความชั่วจะอยู่ชั่วคราว แต่ความดี คนดี คือชัยชนะที่ยั่งยืน คอยดูไปเถอะ”
บัวสวรรค์มองหน้าแพง ไม่กลัว มั่นใจในความเชื่อของตนจนแพงกลายเป็นฝ่ายกลัวอยู่ลึกๆชั่วขณะหนึ่ง จากนั้น บัวสวรรค์เดินออกไป แพงค่อยทำหน้าเยาะไม่เชื่อ กล้า พอใจที่บัวยังคงเข้มแข็งและเชื่อมั่นในความรักแท้ของคุณหลวง เพราะกล้าก็เชื่ออย่างนั้น
อ่านต่อ หน้า 3
บ่วง ตอนที่ 9 (ต่อ)
ที่เรือนเล็ก...แพงเดินออกมาเจอ นิยมทหารชั้นผู้น้อยมานั่งรออยู่
“นี่คุณเป็นใคร”
“ผมมาจากค่ายทหาร เห็นคุณหลวง ไม่ไปทำงานหลายวัน ท่านไม่สบายหรือขอรับ” นิยมถามอย่างนอบน้อม
“เปล่า ท่านเป็นถึงคุณหลวง ต้องเข้าทำงานทุกวันด้วยรึ”
“ช่วยไปเรียนท่านหน่อยว่ากระผม...นายนิยมมาหา”
แพงหันไปเห็นบ่าวจากเรือนอาจารย์ชูลับๆล่อๆอยู่ ไม่กล้าเข้ามา
“เอ๊ะนั่น”
แพงรีบเดินไปหา ไม่ค่อยสนใจนิยมเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่ธุระของตน สนใจแต่บ่าวที่ตัวเองคุ้นหน้า
“เดี๋ยวสิครับ จะไปไหน ผมมีราชการด่วนจริงๆ ช่วยกรุณาไปเรียนภริยาของท่านสักหน่อยเถิด”
แพงหันมาแหวใส่
“ตาต่ำ ฉันนี่ไงภรรยาท่าน ไม่ใช่บ่าวที่แกจะมาจิกใช้เอาใช้เอานะ ชื่อนิยมใช่ไหม ดีล่ะวันไหนจะให้คุณหลวงไล่แกออก ไป ไป๊ วันไหนคุณหลวงอยากไปทำงานก็ไปเองแหละ เรื่องมากจริง”
นิยมหน้าจ๋อย ได้แต่ยืนหน้าเสียไม่รู้จะทำยังไงต่ออยู่ที่เดิม เพราะแพงสนใจแต่บ่าวของอาจารย์ชูมากกว่า เดินตรงไปถาม
“เอ็งมาทำไม”
“อาจารย์ชูให้มาถาม ไหนสัญญาว่าจะไปทำงานรับใช้ท่าน หายมาหลายวันแบบนี้ ท่านก็เลยให้มาตาม”
“อาจารย์ชูรึ!”
แพงกังวล…กลัวมีคนเห็น มองซ้ายมองขวาอยู่
อาจารย์ชูหาตำราไสยเวทย์ที่หายไป รื้อค้นในกำปั่นที่เคยเก็บตำราไสยเวทย์ แต่ก็ไม่พบ แพงเดินมาหา มานั่งอยู่ห่างไป
“อยู่ไหนของมันวะ” อาจารย์ชูหันมาเจอ “เอ๊ามาแล้วรึ”
แพงยกมือไหว้
“หาอะไรจ๊ะ”
“ตำราไสยเวทย์ของข้า เอ็งเห็นไหม”
แพงรีบส่ายหน้า พยายามจะไม่ให้มีพิรุธ
“ไม่นี่...ไม่เห็น!”
“หายหัวไปเลยนะ นังตัวดี ไหนสัญญาดิบดีว่าจะมาทำงานรับใช้ข้า พอได้ดิบได้ดีมีผัวก็ลืมข้าเลย”
“ลืมที่ไหนกัน อ่ะนี่ ฉันหยิบจากกระเป๋าคุณหลวงมาให้แล้ว คงต้องจ่ายเป็นค่าจ้างแล้วล่ะอาจารย์ จะมาที่นี่บ่อยๆคงไม่ได้ ผัวฉันน่ะ ไม่ยอมให้ฉันไปไหนเลย ไปตลาดซื้อของที ยังต้องรีบไปรีบกลับ”
แพงยื่นเงินเป็นแบงก์หนึ่งปึกใหญ่
“เขาหลงเอ็งมากสิท่า” อาจารย์ชู “นับเงินที่แพงให้ พอใจ “เฮอะ ก็ยังดี นึกว่าลืมกันแล้ว นี่กะว่าถ้าเอ็งหายหัว ข้าจะปั้นหุ่น ดลใจเอ็งเอาให้มาอยู่ใต้ตีนข้านี่เลยทีเดียว”
แพงคิดไปถึงตำราที่เคยอ่าน อยากใช้บ้าง
“ปั้นหุ่นดลใจ...ที่ใช้บังคับคนให้อยู่ในโอวาทใช่ไหม”
“ก็เออสิ...เอ็งนี่มันชอบถามเรื่องคาถาอาคมเสียจริงนะ”
“เอ้อ ก็อยากรู้ไปงั้นเอง วันนี้ฉันลาล่ะ อาจารย์ขาดเหลืออะไรก็ส่งคนไปบอกนะ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง จะเอาเงินมาให้อีก ฉันไปล่ะ”
แพงเดินไป อาจารย์ชูพูดขึ้น พูดตามเสียงดังจงใจให้ได้ยิน เพราะในใจสงสัยว่าแพงเป็นคนเอาไปมากที่สุด
“เฮ้อ หนังสือไสยเวทย์ของข้า ท่าจะโดนขโมยไปเสียแล้ว ไม่เป็นไร ไอ้อีคนไหนที่มันบังอาจเรียนโดยไม่มีครู ประเดี๋ยวเถิดมันต้องฉิบหายไม่ได้ผุดได้เกิด!”
อาจารย์ชูพูดโดยสายตามองมาที่แพงที่ยิ้มแห้งให้ยกมือไหว้ รีบคลานออกไป พอเดินออกมาได้ หันกลับไปมองบ้านอาจารย์ชู บ่นพึมพำอย่างไม่เชื่อ
“ฮึ มาทำเป็นขู่... หวงวิชาล่ะสิ ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่กลัวหรอกโว้ย!”
ชื่นกลิ่นออกมานั่งทานอาหารเอง เพราะไม่อยากให้ใครๆเป็นห่วง จึงพยายามทำตัวให้หายป่วย คุณหญิงอบเชยและบัวสวรรค์คอยดูแล
“ลองกินเสียหน่อยนะลูก”
ชื่นกลิ่นตักอาหารใส่ปาก เคี้ยวไปได้หน่อย อาเจียนออกมา
“เป็นอย่างนี้ทุกที กินอะไรก็อาเจียนออกมาหมด” บัวสวรรค์บอกอย่างทุกข์ใจ
“โธ่ลูกเอ๊ย!” คุณหญิงจับหัว จับมือห่วงใย
ขณะเดียวกัน นิยมเดินมาหา ไหว้นอบน้อม
“มาหาใครคะ” บัวสวรรค์หันไปถาม
“ผมมาจากในค่ายทหาร ต้องการมาพบคุณหลวงภักดีบทมาลย์ ท่านไม่ได้ไปทำงานหลายวัน มีเอกสารด่วนให้เซ็นหลายฉบับขอรับ”
คุณหญิงแหว ทันที !
“มันไปอยู่เรือนหลังเล็ก...ไม่มีใครบอกรึ”
“มีคนบอกแล้วขอรับ เมื่อวานรอที่โถงเรือนหลังเล็ก เมียของท่านก็ออกมาไล่”
ชื่นกลิ่นที่ถือช้อนค้างอยู่ ทำช้อนหล่น หน้าเสียจะร้องไห้ คุณหญิงเห็นเข้าเลยส่งเสียงดังดุออกไป
“นั่นใช่เมียที่ไหน! เมียคนเดียวของคุณหลวงนั่งอยู่นี่! ที่คุณเจอน่ะ เขาเรียกนังโสเภณี”
นิยมสะดุ้ง ตกใจ ก้มหน้า
“เอ้อ…ขอรับ”
“คุณว่าคุณมีเอกสารด่วนจะให้เซ็นรึ” บัวสวรรค์ถาม
“ในเมื่อคุณหลวงท่านไม่ออกมา คงต้องรบกวนให้คุณๆ เอาไปให้ท่านเซ็นเอกสารสำคัญต้องใช้เร่งด่วนจริงๆขอรับ”
“พวกเราก็ไม่มีใครอยากไปเหยียบเรือนนั้นเหมือนกัน เสนียดจัญไรมันจะกระเด็นมาถึงตัว ดูเอาเถิด ไปเสพสมกับคนชั้นต่ำไม่เท่าไหร่ ก็ตกต่ำตามมันไปแล้วงานการไม่รู้จักทำ... นี่พ่อคุณ วานไปทูลเสด็จในกรมที ให้ไล่มันออกไปเลย”
เสียงกร้าวๆของคุณหญิงอบเชย ทำให้เสมียนสะดุ้ง ก้มหน้าอีก
“คุณแม่เจ้าขา” ชื่นกลิ่นจับมือแม่ ส่ายหน้าขอร้องว่าอย่าทำอย่างนั้น
คุณหญิงสะบัดหน้า รำคาญชื่นกลิ่นที่ไม่ได้ดังใจ นิยมเห็นสถานแล้วกลุ้ม บัวสวรรค์ก็กลุ้ม กลุ้มกันไปหมด ไม่รู้จะทำยังไง
“ธรรมชาติของคนย่อมไหลไปกับสิ่งรอบข้าง มีเมียดีย่อมไปสู่ที่เจริญ มีเมียเลวย่อมไหลไปสู่ที่ต่ำ สักวันหนึ่งเถิด คุณหลวงจะต้องหมดอนาคตเพราะนังสวะนั่น!”
คุณหญิงบอกทุกคนอย่างเครียดๆ
ขณะที่หลวงภักดีบทมาลย์นอนหลับอยู่ข้างๆ แพงนั่งคิดถึงคำด่าของบัวสวรรค์ ชักกังวลเพราะที่จริงก็กลัว
‘ครั้งนี้คุณอาแค่ยอมให้ แต่คุณอาจะไม่ยอมแพ้ คุณหลวงของเธอก็เหมือนกัน ชั่วข้ามคืนมาหลงใหลเธอ แล้วรู้ได้ไงว่าชั่วข้ามคืนจะไม่กลับไปหลงใหลพี่ชื่น เธอผูกมัดคุณหลวงไว้ด้วยอะไรล่ะ’
แพงคลำไปใต้ที่นอน หยิบห่อผ้าออกมาห่อหนึ่ง เมื่อเปิดห่อผ้าออกหุ่นรูปรอยที่ทำพิธีไว้ ซ่อนอยู่ตรงนั้น แพงหยิบออกมาดู
‘สิ่งนั้นมั่นคงแค่ไหน เธอมั่นใจในสิ่งที่ผูกมัดนั้นแค่ไหน...ว่ามันจะยั่งยืนไปกว่าความรักบริสุทธิ์ที่คุณชื่นมีกับคุณหลวง’
แพงครุ่นคิด ซ่อนหุ่นไว้เหมือนเดิม แล้วลุกขึ้นยืน
“เราต้องศึกษาวิชาคุณไสยเอาไว้ไม่ทอดทิ้ง”
แพงเดินออกไปทันทีหยิบตำรามานั่งอ่าน แล้วทดลองวิชา ด้วยการ ยกมือพนม หลับตา
“โอม ท่านพระพายจงเมตตา จงพัดมา จงพัดมา...”
แพงสวดด้วยภาษาเขมร เป็นบทสวดเรียกลม สักพักร่างของแพงเรืองแสงขึ้นด้วยอำนาจคุณไสย ทันใดต้นไม้ต่างๆในสวนเริ่มโบกแรงขึ้น จู่ๆ เกิดลมพัดแรงขึ้นในสวน แพงลืมตาขึ้นมอง
“เราทำได้แล้ว ลมพัดมาจริงๆด้วย”
ห่างไป...นวลยกสำรับอาหารเข้าไปในบ้าน เอามาให้ตามเวลา นวลมองซ้ายมองขวา แพงมองเห็นนวลแล้ว แต่นวลมองไม่เห็นแพง
“เอ็งเคยทำอะไรกับคุณชื่นกลิ่นไว้ ข้าจะทำอย่างนั้นกับเอ็ง”
นวลเปิดฝาโถใส่แกง ถุยน้ำลายใส่แกงถ้วยนั้นแล้วหัวเราะขำ แล้วเดินออกไป”
แพงลุกขึ้นทันที เดินออกไปเตรียมไปตบ
“หนอยอีนวล มึงเจอกู”
แพงหยุดเดินเพราะนึกอะไรได้ มองตำราไสยเวทย์
“ฮึ เรื่องอะไรจะต้องเปลืองแรง!”
วันต่อมา...
แพงจัดห้องหนึ่งในบ้าน เป็นห้องพิธีกรรมของตนแล้ว มีโต๊ะหมู่ มีของทำคุณไสยจำนวนหนึ่งไม่มากนัก เพราะยังเป็นมือสมัครเล่น แพงนั่งบริกรรมอยู่
ลมพัดด้านนอกไหวเอน มีเมฆทะมึนลอยมาบดบังแสงอาทิตย์ ลมพัดเข้ามาในห้อง ม่านไหวเอน แพงลืมตา มีเงาวาบๆ ของเจ้าแม่ที่เป็นองค์ประทับซ้อนร่างของแพงอยู่ แพงเข้าทรงแล้ว มีแววตากล้าแข็งเปลี่ยนไปจากปกติ แพงหยิบหุ่นดินที่อยู่บนพานข้างหน้าขึ้นมา หุ่นนี้เป็นตัวแทนของนวล
“หุ่นปั้นจากดินเจ็ดป่าช้า ใส่เส้นผมของอีนวลลงไป ลงวันเดือนปีเกิด”
แพงเอาเข็มใหญ่มา เขียนอักขระลงบนหุ่น ควันดำเริ่มลอยมาอยู่รอบๆ หุ่นนั้น แพงวางกลับไว้บนพาน เริ่มบริกรรมอีก
“โอม เจ้านางหอมจันทน์ผู้มีฤทธิ์ ผีป่า ผีป่วง ผีห่า ทั้งปวง ขอให้มันจงรักภักดีขอให้มันยอมเป็นทาสี ขอให้มันพลีจิตวิญญาณแก่ข้า!”
ควันดำลอยเข้ามาที่หุ่นหนาแน่นขึ้น
นวลที่กำลังซักผ้าอยู่ จู่ๆ สะดุ้งขึ้น ตาโตแข็งขึ้นมา หมดสิ้นความเป็นตัวเอง ทิ้งเสื้อผ้ากองไว้ เดินไปหาแพงทันที
แพงนั่งท่องมนต์อยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณแพง...คุณแพง...”
แพงเดินออกมา แล้วรีบปิดประตู ไม่ให้ใครเห็นห้องเล็กของตน นวลยืนรออยู่
“คุณแพง คุณเรียกฉันหรือคะ”
“คุณแพง งั้นหรือ”
แพงยังไม่แน่ใจว่าสำเร็จไหม นวลมีวี่แววนอบน้อมต่อแพง เปลี่ยนเป็นคนละคน ดวงตานวลแบบคนโดนของ
“ต้องการอะไรเจ้าคะ”
“เอ็งยินดีรับใช้ข้ารึ”
นวลพยักหน้า
“ทุกอย่างเจ้าค่ะ ต้องการอะไร อีนวลจะไปจัดการมาให้”
“ข้าอยากได้...”
แพงคิดถึงข้าวของแล้วเปลี่ยนใจ
“ไม่สิ เอ็งถุยน้ำลายใส่อาหารข้ามากี่หนแล้ว หา!”
นวลตกใจทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ยกมือไหว้ ขอโทษ ตัวสั่นกลัว
“อีนวลขอโทษ อย่าลงโทษนวลเลยนะคะ ทีหลังจะไม่ทำอีกแล้ว”
“ลงโทษตัวเอง เอาหัวโขกเสานั่น!”
นวลพยักหน้าทันที เดินไปนั่งที่เสาแล้วเริ่มโขกหัวกับเสา เสียงดังโป๊กๆ สีหน้าตาลอยเหมือนไม่เจ็บไม่ปวด
“โขกอีก!”
นวลนั่งหัวโขกเสา ปักๆๆๆ จนหน้าผากแดงก็ยังโขกอยู่อย่างนั้น สีหน้าเฉยเมยเหมือนเครื่องยนต์ แพงเดินมานั่งดู แล้วหัวเราะ
“ฮะ ฮะ ฮ่า ตำรานี้บอกว่าคุณไสยจะได้ผลกับคนสามชนิด หนึ่งคนที่มีกรรมเวรอยู่เดิมต้องชดใช้ สอง คนที่กำลังดวงตก จิตใจหดหู่เศร้าหมอง ติดอยู่ในกระแสอกุศล และสามคนที่ไม่มีศีลธรรม เพราะคนเหล่านี้ไม่มีเทวดาคุ้มครอง หรือเรียกว่าคนจิตอ่อน เอ็งเป็นคนจิตอ่อนขนาดนี้เชียวหรือนังนวล ฮะ ฮะ ฮ่า”
นวลยังคงนั่งบ้า โขกหัวกับเสาต่อไป ดวงตาแข็งทื่อ
ปัจจุบัน...ศามนนอนหลับอยู่ แพงท่องบทสวดกำกับ เดือนแรมที่โดนมนต์สะกด เดินเข้ามาในห้อง แพงหันไปยิ้มให้เดือนแรมที่เดินเข้ามาเหมือนต้องมนต์ เดือนแรมเดินเข้ามานั่งเอนตัวพิงศามนที่หลับไปแล้ว แพงมองทั้งสองที่อยู่ในอำนาจของตนหัวเราะสะใจ
“โอม เจ้านางหอมจันทน์ผู้มีฤทธิ์ ผีป่า ผีป่วง ผีห่า ทั้งปวง จงประทานอำนาจให้ข้า ด้วยมนต์ตราแห่งท่าน ข้าจะอยู่เหนือคนทั้งปวง ฮะ ฮะ ฮ่า...”
ขณะเดียวกัน โทรศัพท์มือถือของศามนมีสัญญาณวาบๆ แต่ไม่มีใครรับสาย อนุกูลซึ่งเฝ้าดูแลรัมภาที่หลับอยู่ในโรงพยาบาล ลองโทรอีกครั้ง
“เฮ้อ ไม่รับสาย ป่านนี้แล้วยังไม่มาอีก เมียเจ็บขนาดนี้ ไม่คิดจะมาดูหรือไงนะ”
อนุกูลถอนใจ เดินเข้าไปห่มผ้าให้รัมภา มองอย่างห่วงใย
วันใหม่...อนุกูลหลับอยู่บนโซฟา ตกใจตื่นมองออกไปที่หน้าต่าง
“เฮ้ยเช้าแล้วนี่หว่า”
อนุกูลมองไปรอบๆ
“ไม่มาจริงหรือนี่”
หันไปเจอรัมภา ก็มองอย่างตกใจ
“คุณรัมภา ตื่นนานแล้วหรือครับ”
อนุกูลเห็นรัมภากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่นานแล้ว ดวงตาเหม่อลอย อาการซึมเศร้าแบบ เหม่อ ไม่รับรู้ รัมภามองเมิน ไม่สนใจ ไม่ตอบ เขาจึงเดินเข้าไปหา
“หิวหรือยัง อยากได้อะไรไหมครับ...นี่คุณได้ยินผมไหมเนี่ย”
รัมภาถอนใจไม่ตอบอีก จริงๆก็ได้ยิน แต่ขี้เกียจตอบ ขี้เกียจมีชีวิตด้วยซ้ำไป เลยทำเหมือนไม่ได้ยิน อนุกูลถอนใจสงสารอย่างรู้ว่าเป็นอาการเริ่มต้นของโรคจิตซึมเศร้า หลังการช็อคทางจิตใจ เขาจึงได้แต่เอาโทรศัพท์มือถือมากดอีก
ที่เรือนเล็ก...เดือนแรมกับศามน นอนด้วยกันเมื่อคืนด้วยฤทธิ์ของแพง ยังไม่ตื่น กอดกันอยู่บนเตียง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นปลุกให้เดือนแรมตื่น แต่ศามนไม่ตื่น
“โฮ้ย ไอ้โทรศัพท์บ้านี่ คนจะนอน”
เดือนแรมหงุดหงิดลุกมาเก็บมือถือ เปิดฝาหยิบซิมโทรศัพท์ออกมา แล้วตรงไปที่ห้องน้ำ หยิบเอาซิมมาใส่ในโถส้วม กดชักโครก
“นี่แน่ะ ไม่มีซิม ก็ไม่ต้องรับสาย ไม่ต้องโทร”
เดือนแรมยิ้มร้ายสะใจ มองมือถือ ขณะที่อนุกูลถอนใจ โทรไม่ติด
“ปิดมือถือ...อะไรของเขาวะ”
ดีดี้นำโจ๊กใส่ชาม มาส่งอาหารเช้าให้เดือนแรมตามคำสั่ง
“มีผู้ชายมาให้นอนกอดตั้งหลายคืน สบายตัวเลยสิ”
“ใส่ไข่ลวกลงไปสอง!”
ทั้งสองปิดปาก ขำคิกๆ สะใจ
“นี่ๆ วันนี้ดีดี้มีของดีมาให้ดู แต่ต้องมีรางวัลให้ฉันนะ”
“ถ้าดีจริง จ่ายอยู่แล้ว”
“งั้นเตรียมจ่ายหนักได้เลย ดูนี่”
ดีดี้กดมือถือของตนให้ดู เป็นภาพอนุกูลถอดเสื้ออยู่กับรัมภาในห้องนอน เดือนแรมยิ้มเกือบหัวเราะ สะใจมาก
“โอ๊ยตายแล้ว...นังรัมภากับเพื่อนคุณศามน นี่มันเป็นกิ๊กกันหรือ โฮะๆ แล้วมาแอ๊บแบ๊วทำหน้าสวยแสนดีอยู่ได้ โถนังสตอเบอแหล”
ทั้งสองหัวเราะกันใหญ่ เดือนแรมตีโต๊ะสะใจ
“ชอบๆ โดนโว้ยโดน”
ดีดี้ยื่นมือมา ทำสีหน้าขอเงิน เดือนแรมเอาเงินใส่มือให้หนึ่งพัน ดีดี้เซ็งทันที
“คุณนายขา หลักฐานชิ้นนี้ ถ้าคุณศามนได้เห็น รับรองเลิกกับนังรัมภาแน่ ได้ผัวดีๆมาทั้งคน จ่ายแค่เนี้ย”
เดือนแรมยอมจ่ายให้อีกพัน ดีดี้จูบเงิน
“ค่อยยังชั่ว...”
“ขอให้ข้าได้คุณศามนมาจริงๆเถอะ ข้าจะปิดตลาดเลี้ยงโต๊ะจีน จะจุดพลุฉลองสามวันเจ็ดวัน ข้าจะให้รางวัลเอ็งให้มากกว่านี้อีก “
เดือนแรมยิ้ม เอามือถือของดีดี้มาดูรูปอีกครั้งอย่างพอใจ
พัชนีกำลังแต่งตัวจะออกจากบ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอกดรับเมื่อเห็นเป็นเบอร์อนุกูล
“ค่ะ คุณนุ”
“คุณรัมภาอยู่โรงพยาบาล”
“คะ...เกิดเรื่องอีกแล้วหรือคะ...แล้วเธอเป็นอะไรมากไหมคะ”
“เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้ไปที่คอนโดผมเอาเสื้อผ้ากับของส่วนตัวผมมาที ผมจะโทรไปบอกร.ป.ภ.ที่คอนโดให้ ผมไม่อยากทิ้งคุณรัมภาไว้คนเดียวน่ะ อีกอย่างตอนเย็นต้องไปรับเด็กแฝดด้วย เขาไปเรียนพิเศษ”
“วันนี้หรือคะ”
“ทำไมไม่สะดวกหรือ ช่วงเช้าคุณวรรณไม่อยู่เดี๋ยวเขามาเย็นๆ ขอให้เธอช่วยแค่นี้ไม่ได้หรือไง”
“พอดีวันนี้มีเพื่อนมาจากเมืองนอก ต้องเทคแคร์เขาน่ะค่ะ”
“คนอย่างเธอมีเพื่อนเป็นคนด้วยหรือ นึกว่ามีเพื่อนเป็นแค่พระกับชี”
พัชนีงอนๆ
“เพื่อนใหม่ เจอกันในเน็ตน่ะค่ะ เขาเป็นคนไทยแต่ไม่มีบ้านอยู่เมืองไทย เลยไปไหนไม่ค่อยถูก ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวไปเอาเสื้อผ้าให้คุณก่อน แค่นี้นะคะ จะได้รีบออกไป”
พัชนีวางสาย อนุกูลเซ็ง โมโหจี๊ดๆขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก
“ยายนี่ เพื่อนที่ไหนวะ หรือว่าเป็นเพื่อนผู้ชาย หนอยริอ่านมีแฟนไม่บอกฉัน!”
คำ หล้า และบุญสืบ เปิดประตูเรือนเล็ก ถืออาหารเข้ามาสำรับหนึ่ง หล้าตะโกนเรียก
“คุณศามนครับ คุณศามน”
เดือนแรมเดินเฉิดฉายออกมา ทั้งสามตกใจมาก
“นี่คุณนายมาตั้งแต่เมื่อไหร่” บุญสืบถามไม่พอใจ
เดือนแรมเชิ่ด
“เมื่อคืนฉันค้างที่นี่ ก็เหมือนคืนก่อนๆ ยังไม่ชินกันอีกหรือ ทำตัวให้ชินกันได้แล้วนะ”
คำไม่พอใจ
“คนเลวสิ ถึงชินกับความเลว คนทั่วไป เขาไม่ชินกันหรอก”
“เอ๊ะอีพวกนี้ เอาข้าวมาให้ใช่ไหม วางลงแล้วไสหัวไปได้ ทีหลังไม่ต้องมาแล้วนะ ฉันจะดูแลคุณศามน ดูแลข้าว ดูแลบ้านหลังนี้เอง”
“คุณศามนเป็นนายเรา ไม่ใช่คุณ ให้คุณศามนเขามาสั่งเราเองเถอะ” หล้าบอก
“นั่นสิ…ไปเถอะ ไม่ต้องไปสนใจ ไปทำความสะอาดซะให้เสร็จ”
คำเดินนำหล้ากับลูกชายจะเข้าไปในบ้านเอาอุปกรณ์ทำความสะอาด คำเดินแล้วหยุด เหมือนมีของชิ้นใหญ่มาวางแทบเท้าทำให้ขยับเท้าต่อไม่ได้
“เอ้าแม่ หยุดทำไมอ่ะ”
คำมองลงไป สะดุ้งโหยง ร่างผีแพงคุดคู้ก้มหน้าอยู่ที่พื้น ขวางทางเดินอยู่ !! คำตกใจเอามือปิดตา
“มีอะไรแม่” บุญสืบแปลกใจ
คำเปิดตา ผีไม่มีแล้ว พื้นตรงหน้าโล่ง
“ขออีกทีซิ”
คำปิดตา แล้วเปิดตาออกมา แพงคุดคู้ใหม่ คราวนี้ หัวของแพงค่อยๆหันมามองคำ แววตาสีเลือดมองมาที่คำดูน่ากลัวมาก! คำสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว
หล้ากระตุกแขน
“เฮ้ย เอ็งเป็นอะไรวะ”
คำล่าถอย พร้อมดึงมือบุญสืบกับหล้าถอยมาด้วยกัน
“มันอยากทำบ้านเอง ก็ให้มันทำไป เราไม่ต้องไปทำ กลับบ้านเถอะ”
คำพูดเสร็จหันหนี บุญสืบงง
“เอ๊ากลับเลยหรือ ทีเมื่อเช้าเร่งเอาๆ”
“บอกให้กลับก็กลับสิโว้ย”
บุญสืบกับหล้า เดินตามงงๆ เดือนแรมยิ้มพอใจ ไม่อยากให้ใครมายุ่ง
ขณะที่ทั้งสามเดินมากำลังจะตรงกลับเรือนใหญ่ บุญสืบบ่นอีก
“อะไรของแม่เนี่ย ไหนบ่นมาตั้งแต่เช้าว่าบ้านสกปรกให้มาช่วยกัน”
“ข้าเห็น เอ้อ เห็นพี่!”
ค่ำจะพูดว่าผี แต่เสียงมันหลงๆ เพราะความกลัว
“เห็นพี่...เอ้าป้ามาหรือ”
คำตบหัวบุญสืบหน้าคว่ำเปรี้ยง!”
“ป้าแกไหนเล่า เห็นผี” คำเสียงดังฟังชัด
บุญสืบกับหล้าสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย ตะโกนซะดัง”
“เอ็งตาฝาดหรือเปล่า กลางวันแสกๆ ผีที่เรือนหลังเล็กเนี่ยนะ”
หล้าหันไปมองแบบไม่ได้ตั้งใจ แล้วเห็นร่างหม่นซีดของแพงยืนนิ่งเป็นผีอยู่ที่มุมหนึ่ง เป็นสีขาวดำที่ตัดกับสีสันอื่นๆ ไม่เหมือนคนแม้สักนิดเดียว ดูหน้าสยองเกล้าแบบเย็นๆ นิ่งๆ
“ไม่น่ามี”
หล้าหันไปเจอ รีบหันกลับ
“เอ้อ...”
หล้ากลืนน้ำลาย ติดอ่าง ไม่กล้าหันไปมองอีก
“มะ....มี...มี...”
“เอ้า พ่อเป็นอะไรไปอีกคน ตัวสั่นเชียว”
หล้ายืนนิ่งไม่ยอมหันไปอีก
“อืม นังคำ แม่มหาจำเริญ หันไปดูทีซิ แล้วช่วยบอกข้าด้วยว่าข้าน่ะมันแก่แล้ว หูตามันไม่ดี”
“ดูอะไรล่ะตาหล้า”
คำหันไปเห็นภาพเดียวกัน สะดุ้งโหยงแล้วรีบหันกลับเพราะผีแพงยังอยู่ตรงนั้น คำมายืนชิดบอกหล้าตัวสั่นเช่นกัน
“อ้อ เอ้อ...ทำใจดีๆไว้ เราแก่แล้ว ตาไม่ดี แต่แข้งขายังดี ไม่เป็นไรนะพอวิ่งไหว”
บุญสืบงงจัด
“อะไรเนี่ย พ่อกับแม่ เป็นอะไร”
หล้ารีบบอก
“อืม สองยังไม่แน่ เอาสามเลยดีกว่า ไอ้สืบ หันไปดูซิ”
“หันไปดู ไปดูอะไร ไม่เห็นมีอะไรนี่”
บุญสืบหันไป คราวนี้ไม่เจอ
“ที่หน้าเรือนเล็กน่ะ ไม่มีอะไรรึ” หล้าถาม
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่พ่อ”
บุญสืบมองหา นาทีนั้นผีแพงลุกขึ้นยืนหน้าประชิดหน้า บุญสืบช็อคค้าง!!
“ไม่มีจริงๆหรือวะ”
“เอ้อ หน้าเรือนเล็กน่ะไม่มีจริงๆ แต่หน้าฉันน่ะ เต็มๆเลย! อ๊าย ผีๆๆๆ”
บุญสืบตะโกนลั่น ทั้งสามคนวิ่งกระจายกันออกไป แพงหัวเราะชอบใจ
“ฮะ ฮะ ฮ่า ดี! ไปแล้วไปเลยนะ อย่ามายุ่งที่เรือนข้าอีก อย่ามาอีกนะโว้ย ข้าจะอยู่กับผัวข้า ไม่ให้ใครมายุ่งทั้งนั้น!”
ที่เรือนเล็ก...ศามนงัวเงียตื่นขึ้น...
“นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย”
“เที่ยงกว่าแล้วค่ะ กำลังจะมาปลุกไปทานข้าวพอดี”
ศามนตกใจรีบลุก
“เที่ยงแล้ว นอนเข้าไปได้ยังไงตั้งสิบกว่าชั่วโมง...” ศามลนึกถึงรัมภาขึ้นมาได้ “คุณภา มีคนโทรมาไหม โทรศัพท์ผมอยู่ไหน”
เดือนแรมหยิบมาให้ดู
“อยู่นี่ ไม่เห็นมีใครโทรมานี่คะ”
“ผมจะออกไปข้างนอก”
ศามนลุกเดินไป ควันสีดำลอยเข้ามา พร้อมบทสวด ผีของแพงพุ่งเข้ามา ประจัญหน้าศามน ออกคำสั่ง สีหน้าดุ
“หยุดนะ ท่านไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ทุกครั้งที่ท่านคิดถึงนังนั่น จะออกไปหานังนั่น ท่านจะเจ็บปวด จนทำอะไรไม่ได้”
ศามนเอามือกุมขมับ จนต้องนั่งลง
“โอ๊ยปวดหัว”
“ตายจริงปวดหัวหรือคะ งั้นนอนลงก่อนค่ะ พักผ่อนก่อน ปวดหัวแบบนี้จะไปไหนได้ กินข้าวกินยาก่อนนะคะ เดี๋ยวเดือนไปเอามาให้”
เดือนแรมกระดี๊กระด๊า รีบไปเอาของมา ศามนจำต้องนอนลง ปวดหัวจนไปไหนไม่ไหว จับหัว กุมขมับก็ไม่ช่วยอะไร ได้แต่นอนหลับตา
อ่านต่อหน้า 4 เวลา 17.00น.
บ่วง ตอนที่ 9 (ต่อ)
ที่โรงพยาบาล...รัมภานอนหลับไปแล้ว พัชนีเตรียมอาหารอยู่ อนุกูลเพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่พัชนีเอามาให้
“ฉันซื้อข้าวมาฝากคุณด้วย อุ่นวางให้แล้ว ไข่พะโล้ทานได้ใช่ไหมคะ พี่วรรณเคยบอกว่าคุณชอบ”
“ขอบใจ” อนุกูลพยักหน้าให้
เสียงมือถือพัชดังขึ้น พัชนีรีบกดปิดเสียง ปิดไม่รับสาย กลัวรัมภาตื่น พัชนียกมือถือดู
“เพื่อนโทรมาน่ะค่ะ...คุณภาน่าสงสารจังเลยนะคะ คนเดี๋ยวนี้ร้ายจริงๆเป็นเมียน้อยยังไม่รู้จักอาย แล้วนี่ต้องอยู่ถึงเมื่อไหร่คะ”
“นี่เพิ่งหลับไป ตื่นมาตั้งแต่เช้าเอาแต่เหม่อ ไม่ร้องไห้ ไม่พูดไม่จา ถ้ากลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติไม่ได้ หมอคงไม่ยอมให้ออกจากโรงพยาบาล”
พัชนีพยักหน้า มือถือสั่น เพราะมีสายเข้า พัชมองมือถือ
“เพื่อนโทรมาตามอีกแล้ว เขารออยู่ที่โรงแรมเกือบชั่วโมงแล้ว ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนเย็น จะไปรับเด็กแฝดที่โรงเรียนให้ ไม่ต้องห่วงค่ะ”
พัชรีบหยิบกระเป๋าออกไป อนุกูลรีบตาม
“นี่เดี๋ยวสิ...ยายชี ยายชี”
อนุกูลรีบตามมาดักพัชนี
“นี่ คุณชี...คนอย่างเธอ คิดจะมีแฟนด้วยหรือ”
“หา...” พัชนีงง
“ผู้หญิงจืดๆ เชยๆ เอาแต่ไปวัด สวดมนต์ ผู้ชายเดี๋ยวนี้เขาไม่ชอบหรอก”
“อ๋อค่ะ...จะด่าอะไรก็เก็บไว้วันหลังแล้วกันนะคะ วันนี้ฉันรีบจริงๆ”
พัชนีไม่สนใจอะไรมากเพราะชินกับปากอนุกูลแล้ว วันนี้รีบไปยิ่งไม่สนใหญ่ แต่พอจะไป อนุกูลก็ดักหน้าดักหลังวุ่นวาย ดูอนุกูลร้อนรนเสียจริง
“ระวังนะ...จะโดนเขาหลอกเอา ควงเล่นๆแล้วก็ทิ้ง ไปแต่งกับคนอื่น ซื่อๆโง่ๆ อย่างเธอเนี่ยหลอกง่าย”
“โอเคค่ะ...จะจำไว้ค่ะ แต่ตอนนี้ต้องไปก่อน”
พัชนีเบี่ยงตัวหลบไปจนได้
“นี่อุตส่าห์สอน ยังไม่ฟังอีก เอ๊ะนี่ อย่าเพิ่งไป มานี่ก่อน!”
อนุกูลตามไม่ลดละ
พัชนีมากดลิฟต์ อนุกูลตามมาขวางไม่ให้เข้าอีก
“นี่เดี๋ยว”
“เอ้อ วันนี้ต้องขอตัวจริงๆนะคะ”
“ผู้หญิงที่ไม่มีคนสนใจอย่างเธอ พอเหงาก็เข้าเน็ต แล้วก็ได้เพื่อนจากในเน็ต คนพวกนั้นไว้ใจได้ที่ไหน ไม่เคยดูข่าวหรือที่เขาหลอกเอาเงิน หลอกไปฆ่าน่ะ”
“คนนี้ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันมั่นใจ”
อนุกูลไม่พอใจ
“มั่นใจ...เอาอะไรมามั่นใจ อ่อนต่อโลกอย่างเธอ ก็เหมือนหมูในอวยให้เขาหลอก”
“ลิฟต์มาแล้ว! หลีกหน่อยค่ะ”
คนมารอหน้าลิฟต์ อนุกูลให้คนอื่นไป แต่คอยขวางคอยดันพัชนีไว้ไม่ให้ไป แล้วบอกคนอื่น
“เข้าไปเลยครับ ผมมีเรื่องต้องคุย”
“เอ๊ะคุณนี่...”
“ฟังนะ ฉันน่ะรู้จักผู้หญิงอย่างเธอ พวกไร้เดียงสา ไม่ทันโลก คนพวกนี้น่ะ เสียตัวเร็ว เสียตัวง่าย เสียตัวเสร็จก็คิดมากเสียคนไปเลย ฉันถึงเบื่อผู้หญิงแบบนี้ไง”
พัชนีมองลิฟต์กลัวมันปิดมาก เผลอพูดอะไรงงๆ พยายามจะเข้าลิฟต์ให้ทันท่าเดียว
“รู้แล้วค่ะ จะไม่ยอมเสียตัว เอ๊ย จะจำไว้ค่ะ เอ้านี่ค่ะ กินซะ จะได้เลิกบ่นเสียที พูดมากจริง ไปล่ะ”
พัชนีหันไปคว้าดอกไม้ประดิษฐ์จากแจกันแถวนั้นยัดใส่ปากอนุกูล ทำให้อนุกูลเสียจังหวะ พัชนีหนีเข้าไปในลิฟต์ก่อนลิฟต์ปิด เข้าได้เป็นคนสุดท้าย ก่อนประตูจะปิดพอดี
“แหวะถุย...หนอยยายชี นี่บ้าผู้ชายขนาดนี้เลยหรือเนี่ยหา โธ่โว้ย”
อนุกูลตามไม่ทัน เพราะมัวแต่จัดการกับดอกไม้ในปาก ยืนเซ็ง ลิฟต์ไปแล้ว
ในห้องคนไข้...พยาบาลช่วยป้อนข้าวให้รัมภาที่กินน้อย ไม่เต็มใจ ไม่อยากพูด ไม่อยากคุยเหมือนเดิม ท่าทางซึมสลับกับเหม่อ อนุกูลเดินไปเดินมาคอยมองรัมภาเป็นห่วง แล้วแอบเอามือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาพัชนี
พัชนีที่นั่งในรถแท็กซี่ กดมือถืออ่านข้อความ...
“ผู้หญิงหลอกง่าย ก็เหมือนควายโง่ๆ”
พัชนีงง
“จู่ๆพิมพ์อะไรมาเนี่ย”
ขณะเดียวกัน อนุกูลที่พิมพ์ต่อยิกๆ ด้วยอารมณ์หึงหวงภายในไม่รู้ตัว
“ยัง ยังไม่ตอบกลับอีก ดี !...จะพิมพ์มันอยู่อย่างนี้แหละ”
มือถือของพัชนีส่งเสียงอีก พัชนีกดเปิดออกอ่าน
“ไม่อยากถูกฟันแล้วทิ้ง โทรกลับมาด่วน”
พัชนีเบ้ปาก
“คนบ้า ฮึ...เรื่องอะไรจะโทร”
อนุกูลงึดงัด เป็นบ้าอยู่คนเดียว
“ยัง...ยังไม่โทรกลับใช่ไหม ดีล่ะ”
อนุกูลพิมพ์ส่งไปอีก โทรศัพท์พัชนีส่งเสียงอีก พัชนีกดเปิดอ่าน
“สาวออฟฟิศถูกฆ่าหมกศพ ตายเพราะเพื่อนชายในเน็ต!”
พัชนีงง
“โฮ้ย...อะไรของเขาเนี่ย”
ที่โรงเรียนอนุบาล...รัสตี้ กับไลล่า เล่นเครื่องเล่น รอคนมารับที่สนามเด็กเล่น อนุกูลมาถึงโวยทันที
“เอ้า ป่านนี้...น้าพัชยังไม่มารับอีกหรือ”
“ยังไม่เห็นนี่ครับ” รัสตี้บอก
“หายไปไหนของเขา บ้าผู้ชายขนาดนี้เลยหรือ”
พัชนีกระหืดกระหอบมาถึง
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว ขอโทษที รถติดมากเลย”
“ไปไหนกันมา” อนุกูลถามเสียงเข้ม
“ไปเที่ยวมาค่ะ สนุกมากเลย”
“สนุกมากเลยเนี่ยนะ โลกเป็นสีชมพูขนาดนั้น ไม่สนเลยใช่ไหมว่าเด็กๆเขาจะรอนานแค่ไหน นี่ดีนะที่ฉันมาทัน ไม่งั้นสองคนนี้คงหิวตาย”
พัชหันไปหาเด็กๆ
“น้าพัชทิ้งเพื่อนไว้ที่ร้านไอศรีมข้างๆนี่ เพราะรู้ว่าหนูๆคงหิวเราไปกินไอศกรีมกันนะ”
“เดี๋ยวค่ะ รอครูก่อน ครูบอกว่าผู้ปกครองที่มารับแทนคุณพ่อคุณแม่ ต้องอยู่เซ็นเอกสาร”
“อ๋อได้ค่ะ!”
พัชนีวางกระเป๋านั่งลงรออนุกูล เดินห่างมา ชักอยากเห็นหน้าแฟนพัชนี พึมพำ
“ร้านไอศรีมหรือ ไหนดูซิ แฟนหล่อนหน้าตายังไง”
อนุกูลแอบเดินไปคนเดียว ทิ้งพัชนีให้รอครูที่เดิมกับเด็กแฝด
อนุกูลเดินเข้ามามองที่หน้าประตูร้านไอศรีมเล็กๆ มีผู้ชายนั่งอยู่โต๊ะหนึ่ง อีกโต๊ะห่างไป มีเพื่อนหญิงของพัชนีนั่งอ่านแม็กกาซีนรอพัชนี มีแค่สองคนนี้เท่านั้น อนุกูลไม่สนผู้หญิงมองชายทันที มั่นใจมากว่าเพื่อนพัชนีเป็นผู้ชาย เพราะมีแก้วน้ำเปล่าสองแก้ววางอยู่ ชายคนนั้นกำลังเปิดน้ำรินใส่แก้วของเขา และภรรยาที่ไปเข้าห้องน้ำ
“มีผู้ชายอยู่คนเดียว มีแก้วน้ำสองใบ เฮอะ หน้าตาก็ไม่เท่าไหร่ สู้เราก็ไม่ได้ชอบไปได้ไงวะ”
อนุกูลบ่น ขณะที่ผู้ชายคนนั้นมองซ้ายมองขวาอย่างมีพิรุธ แล้วหยิบซองยาจากกระเป๋าเสื้อ เทยาซองลงไป อนุกูลตาโต
“ยาอะไรวะ...เอ๊า ไอ้ชั่ว! แบบนี้ก็สวย”
อนุกูลโมโห เดินเข้าไปด่าทันที
“คุณเทยาอะไรลงไป”
“หา...” ชายคนนั้นมองอนุกูลงงๆ
“นี่แก้วแฟนคุณใช่ไหม”
“ใช่...ผมรอเขาอยู่”
“คิดจะใส่ยานอนหลับผู้หญิงหรือ ไอ้คนชั่ว นี่แน่ะ”
อนุกูล หึงหน้ามืดต่อยหน้าชายคนนั้นไปเปรี้ยง เซไป พัชนีพาเด็กแฝดเดินเข้ามาพอดี
“คุณนุ อะไรกันคะ”
“บอกแล้ว ผิดปากที่ไหน แฟนเธอน่ะใส่ยานอนหลับลงไปในน้ำเธอแล้วรู้ไหม”
เพื่อนหญิงของพัชนีเดินมาเกาะแขนพัช ชักกลัว
“มีอะไรกันหรือพัช”
“เจ้านายพัช สงสัยมีเรื่องอีกแล้ว เปิ้ลกับเด็กๆ ไปอยู่ห่างๆนะ เดี๋ยวพัชจัดการก่อน”
เพื่อนพยักหน้าดึงรัสตี้ไลล่า ออกไปที่มุมหนึ่ง พัชนีกะอยู่ช่วยอนุกูลแล้วเปลี่ยนใจ ชิ่งหนีดีกว่า หันไปบอกชายหน้าดุ
“เราทั้งหมดไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะคะ กรรมของใครก็รับวิบากกรรมเอาเอง”
พัชนีถอยกับไปกองรวมกับเพื่อนและเด็กแฝด ทิ้งอนุกูลให้เผชิญหน้ากับชายหน้าดุ ที่กำลังแยกเขี้ยวใส่อนุกูล ยืนงง ทำไมพัชบอกไม่ยุ่ง
“เอ๊า จะไปไหน มานี่ มาเคลียร์กันเลยมานี่”
อนุกูลเรียก พัชนีส่ายหน้าดิ๊กๆ ภรรยาชายคนนั้นเดินออกมา จะมานั่งที่เก้าอี้ของตน
“มีอะไรหรือคะคุณ”
“ก็ไอ้นี่อ่ะสิ มันหาว่าผมใส่ยานอนหลับคุณ นอนกันมาสิบปี มีลูกสอง ไม่ต้องใส่หรอกยานอนหลับ เจอหน้ากันก็หลับแล้ว แบบนี้หาเรื่องกันนี่หว่า”
“เอ๊า นี่ไม่ใช่เพื่อนเธอหรือ” อนุกูลงง
“เพื่อนฉัน อ๋อ...ก็ยายเปิ้ลนี่ไง คนนั้นฉันไม่รู้จัก”
อนุกูลตะลึง
“ไม่รู้จัก...ซวยแล้ว”
อนุกูลหน้าซีดมองชายคนนั้นยิ้มแห้งๆ
“ฉันให้แฟนฉันใส่ยาลดกรด ยายนอนหลับที่ไหนกัน นี่ไง ฉลากยายังอยู่นี่”
ภรรยาหยิบให้ดู อนุกูลยิ่งเครียด
“ยาลดกรด...แหะ”
ชายคนนั้นคลำปากตัวเอง
“ฮึ่ย...เจ็บโว้ย...กูไม่ชอบมีเรื่องถึงตำรวจ ขอเอาคืนทีเดียวแล้วกัน”
ชายคนนั้น ต่อยอนุกูลลงไปกองเปรี้ยง! พัชนีกับเปิ้ลร้องว้าย อนุกูลเซลงสลบเหมือดทันที!
อนกูลหน้าบูด มุมปากเขียวเป็นแผล ขับรถพาเด็กแฝด พัชนีและเปิ้ลมาส่งหน้าโรงแรม
“ขอบคุณนะคะคุณนุ แล้วเจอกันใหม่”
อนุกูล ไม่อยากพูดด้วย อายอยู่ ทำหน้าบึ้งแบบเออๆ ไปเหอะ”
พัชนีเดินตามลงไป ยืนคุยกัน
“เดินทางมาเหนื่อยๆพักผ่อนซะนะ แล้วโทรคุยกัน”
เปิ้ลเสียงเบาได้ยินกันสองคน
“เจ้านายคนนี้ดูยังไงๆอยู่นะ”
“ยังไงเหรอ”
“ที่มีเรื่องกันวันนี้ก็เพราะเขาห่วงเธอ เหมือนจะหึงๆ คิดว่าเธอมีเพื่อนเป็นผู้ชายอะไรแบบนั้น”
“โฮ้ย เป็นไปไม่ได้หรอก เขาเกลียดฉันจะตาย ด่าฉันทุกวันว่าฉันไม่ได้เรื่อง”
“ฮึๆ คอยดูไปเถอะ ขอบใจมากนะสำหรับวันนี้ แล้วค่อยโทรคุยกัน”
พัชนีพยักหน้าขึ้นรถไป
ในห้องคนไข้ รัมภานั่งเหม่ออยู่ วรรณศิกาอ่านหนังสือเฝ้าไข้ รัมภาจู่ๆก็พูดขึ้น คล้ายจะนึกได้นานๆที
“รัสตี้ ไลล่า”
วรรณศิกาดีใจมาก เพราะเป็นคำแรกที่ได้ยินรีบเดินไปหา
“ยอมพูดแล้ว คุณนุกับหนูพัชดูแลเด็กๆให้แล้วค่ะ”
รัมภาถอนใจเหนื่อยอ่อน โล่งใจ
“วันนี้ทั้งวันคุณไม่พูดอะไรเลย เราเคยโทรคุยกันได้เป็นชั่วโมง คุณเป็นอะไรไป ไม่มีอะไรคุยกับวรรณแล้วหรือคะ”
รัมภาเบือนหน้าหนี ไม่อยากตอบ หลับตาทำเหมือนจะหลับ วรรณศิกามองอย่างสงสาร
ที่เรือนใหญ่...อนุกูลนั่งเล่น พัชนีเดินมาหาพร้อมหลอดยา
“แต้มยาไหมคะ คุณมีแผลที่มุมปากตรงนี้”
พัชนียื่นยาให้ อนุกูลยังเซ็งไม่หาย
“อื้อ...ทำให้ด้วย ขี้เกียจเดินไปดูกระจก”
พัชนีนั่งลงข้างๆ แต้มยาให้ ในหัวพัชนีนึกไปเรื่องอนุกูลโดนต่อย เลยหลุดขำออกมาไม่มีเหตุผล
“หัวเราะอะไร เดี๋ยวเถอะ”
“ก็นึกถึงตอนที่คุณโดนต่อย...แล้วมันขำ”
ยิ่งนึกยิ่งขำ หัวเราะออกมาอีก
“หยุดหัวเราะได้แล้ว เอ๊ะจะหยุดหรือไม่หยุด ไม่หยุด โดนปากดปากนะ จะลองไหม” อนุกูลขู่
“หา…”
พัชนีเบรคพรืด หน้าเสียทันที อนุกูลเลยนึกสนุก
“แหม หน้าซีดเลย ซื่อๆอย่างเธอ โดนสักที มีหวังเป็นลมตาย ชีวิตนี้ เคยไหมจูจุ๊บน่ะ เคยอ๊ะยังไหนบอกหน่อย จุ๊บๆๆ”
อนุกูลดึงแขนทั้งสองของพัชนีเข้ามาหาตน แกล้งเล่น เอาหน้ามาใกล้ๆ ทำปากจู๋ พัชนีร้องวี้ด
“นี่อย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะคะ ไม่ตลกนะ นี่ปล่อย”
เด็กทั้งสองเดินเข้ามา พร้อมถาดเครื่องดื่ม ไม่ได้สนใจนัก วางให้แล้วเดินไปเล่นของเล่นของตนที่วางอยู่ อนุกูลมองเด็ก พัชนีเลยเตะหน้าแข้งอนุกูล แก้แค้นเปรี้ยง แล้วรีบลุกหนี
“โอ๊ย หนอย เดี๋ยวนี้ มีเตะด้วย ชักจะมากไปแล้วนะ”
“ก็คุณน่ะเล่นอะไรก็ไม่รู้ ไม่กลัวฉันแจ้งตำรวจจับข้อหาละเมิดทางเพศในที่ทำงานหรือไงนะ ว่าฉันให้ระวังคนอื่น ฮึ่ย ก็มีแต่คุณเนี่ยแหละ”
อนุกูลหัวเราะสนุก
“เออๆ ขอโทษๆ ไม่เล่นแบบนี้ก็ได้ แล้วนี่ ตกลงมีแต่เพื่อนผู้หญิงไม่มีเพื่อนผู้ชายใช่ไหม”
พัชนีส่ายหน้า
“แล้วแฟนล่ะมีไหม”
พัชนีส่ายหน้าอีก
“ไม่มีหรอก คุณนี่ วันนี้เป็นอะไรของคุณนะ”
“ดีมาก! เธอต้องเชื่อฉันนะ ต้องรู้จักยอมรับ ในเมื่อไม่สวย ไม่เซ็กซี่ ไม่ฉลาดก็ต้องรู้ไว้ เวลาคนมาบอกว่าหลงเราชอบเรา จะได้ไม่คล้อยตามไปง่ายๆ”
ไลล่าเล่นอยู่ ปากพูดลอยๆ จนอนุกูลสะดุ้งเฮือก
“เฮ้อ พวกปากไม่ตรงกับใจ น่ารำคาญ!”
“หา อะไรนะ...ไลล่าพูดว่าอะไรนะคะ”
“รัสตี้น่ะ ชอบว่าน้องแนนว่าเฉาก๊วย ด่าน้องแนนว่าดำอย่างโน้นอย่างนี้”
รัสตี้สวน
“ก็น้องแนนดำจริงๆนี่”
“ก็ทำไมต้องด่าเช้าด่าเย็นด้วยล่ะ ไม่ชอบก็อยู่ห่างๆสิ นี่อะไรทำงานฝีมือก็ต้องไปนั่งด่าเขาอยู่ข้างหลัง ที่อื่นมีเยอะแยะไม่นั่ง”
“ไลล่า...พูดมาก”
“เออนั่นสิ...ว่ารัสตี้ก็ว่ารัสตี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับอาซักหน่อย”
“รัสตี้ชอบแอบมองน้องแนน อานุชอบแอบมองน้าพัช หนูเห็น”
“เฮ้ยไม่ใช่”
สองหนุ่มโวยพร้อมกันขึ้นมาทันที อนุกูลมองหน้าพัชนีอย่างอายๆ พัชนีก้มหน้าอายเหมือนกัน ไลล่าพูดต่อ...
“ชอบแอบมองแล้วก็แอบยิ้ม ทั้งสองคนเลย”
อนุกูลกับรัสตี้ร้องออกมาพร้อมกันอีก
“เฮ้ยไม่ใช่”
ไลล่าทำหน้าเหม็นเบื่อผู้ชายเดินไปลากพัชนี
“เฮอะผู้ชาย ไปกันเถอะค่ะน้าพัช อย่าได้แคร์”
ไลล่าเชิด แล้วสะบัดใส่สองหนุ่มพรืด แล้วลากพัชนีออกไป
ค่ำคืนนั้น...บุญสืบนั่งดูโทรทัศน์ ขณะที่รัสตี้นั่งเล่นเกมกด พัชนีนั่งกดโทรศัพท์หาศามน ส่วนไลล่านอนเล่นดูทีวีบนตักของอนุกูล
“โทรเจอไหม”อนุกูลหันมาถาม
พัชนีส่ายหน้า
“คุณศามนไม่รับสายค่ะ”
“แดดดี้อยู่เรือนเล็กแค่นี้ ทำไมไม่มาหาเรา” ไลล่าถาม
อนุกูลหันไปถามบุญสืบ
“ไปดูคุณมนบ้างไหมวันนี้”
บุญสืบยิ้มแห้งเมื่อคิดเรื่องผี
“ไปแล้วครับ คุณมนฝากคนบอกว่า ไม่ให้ไปรบกวน เอ้อ มีอะไรโทรไปดีกว่านะครับ อย่าให้ผมไปเรือนเล็กอีกเลย ไหว้ล่ะครับ”
“งั้นเราไปหาแด็ดดี้กันไหมรัสตี้” ไลล่าหันไปถามรัสตี้
บุญสืบรีบห้าม
“ไปไม่ได้นะครับ ที่นั่นน่ะมีทั้งที่เป็นคนแล้วก็ไม่ใช่คน”
“หมายความว่าไง” อนุกูลงง
บุญสืบเข้าไปกระซิบอนุกูล ไม่ให้เด็กๆได้ยิน
“คุณเดือนแรมมาค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน”
“หา…”
อนุกูลร้องอย่างตกใจ พัชนีก็ได้ยิน ตกใจไปด้วย แต่เด็กๆไม่ได้ยิน
“ไปกันเถอะรัสตี้”
ไลล่าลุกขึ้น อนุกูลรีบบอก
“เอ้อ อย่าไป อาขอสั่งเลยนะ ห้ามไปเรือนเล็กเด็ดขาด ไว้รอให้แดดดี้เขามาหาเอง ต้องเชื่ออานะครับ ว่าไงครับรัสตี้”
รัสตี้จ๋อย
“ครับ ไม่ไปก็ไม่ไป”
อนุกูลหันไปหาไลล่า
“ไลล่า”
“ค่ะ” ไลล่าจำใจ
รัสตี้ไม่สบายใจ
“แด๊ดดี้ก็ไม่มา หม่ามี้ก็ไม่สบายอยู่โรงพยาบาล ไปเยี่ยมก็ไม่ได้”
พัชนีรีบบอก
“แค่ไม่กี่วัน เดี๋ยวทุกอย่างก็เหมือนเดิม ระหว่างนี้ น้าจะมาหาหนูทุกวันโอเคไหมคะ”
“แด๊ดดี้กับหม่ามี้ ทะเลาะกัน ไลล่าคิดถึงแด๊ดดี้ หม่ามี้”
ไลล่านั่งเศร้า จนผู้ใหญ่พลอยสงสาร
จบตอน ที่ 9
อ่านต่อตอนที่ 10 พรุ่งนี้