xs
xsm
sm
md
lg

กระบือบาล ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กระบือบาล  ตอนที่ 10

เช้าวันต่อมา ภายในห้องประชุมบริษัทคาบาตี้ สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ สมพล ณวัต ภิภพ และผู้บริหารคนอื่นๆ ร่วมประชุมกันพร้อมหน้า

ภาพบนจอภายในห้องประชุมเวลานั้น กำลังโชว์กราฟสินค้าตัวต่างๆ ของบริษัท โดยแยกเป็นแต่ละตัว ผู้บริหารท่านหนึ่งกำลังพรีเซนต์อยู่ด้านหน้า
“ตอนนี้ยอดขายของเราโตขึ้นจากปีที่แล้วสิบห้าเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว...ทั้งหมดนี้...ผมว่าคนที่น่าจะได้เสียงปรบมือน่าจะเป็นคุณสมพล...กรรมบริหารของเราที่มีวิสัยทัศน์เฉียบคม...ถึงได้ทำให้คาบาตี้มีกำไรสวนทางกับเศรษฐกิจของประเทศในเวลานี้”
พอผู้บริหารคนแรกพูดจบ เสียงตบมือดังสนั่นทั้งห้องประชุม สมพลค้อมศีรษะรับ ส่วนณวัตก็เอาแต่เล่นบีบีไม่สนใจอะไร
“เราโชคดีจริงๆ ที่ได้คุณสมพลมาบริหาร...ไม่ต้องห่วงนะ...ปีหน้าผมเลือกคุณอีกแน่”
“ขอบคุณที่ให้เกียรติครับ...ที่จริงแล้ว...ผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ไว้วางใจให้ผมบริหารบริษัทคาบาตี้แทนพวกท่าน...ผมรับรองว่าผมจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังแน่นอน”
ระหว่างนั้นภิภพผู้บริหารอีกคนเหล่มองด้วยความหมั่นไส้
“โทษนะครับ...ผมอยากจะรู้ว่ายอดขายที่คุณบอกนี่...รวมที่หนองระบือหรือยัง”
ทุกคนเงียบกริบลงทันที สมพลชะงักเหล่มอง ขณะที่ณวัตเองก็หยุดเล่นบีบีแล้วมองภิภพเอาเรื่อง ภิภพพูดต่อ
“แหม...เงียบกันขนาดนี้...คงไม่ได้รวมละซิ...ผมว่าถ้าที่หนองระบือมันไม่เวิร์คก็น่าจะยุบมันทิ้งไปเลยเป็นไง...ดีกว่าเอากำไรทั้งบริษัทไปจมอยู่ตรงนั้น”
“คุณภิภพ...เราตกลงกันว่าจะให้เวลาคุณสรนุชหนึ่งเดือนไม่ใช่เหรอ” สมพลกล่าว
“แต่นี่มันก็ใกล้จะครบเดือนแล้วนะครับ...ผมยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรเลย..” ภิภพหันมาพูดกับณวัต “หรือว่าไงครับคุณณวัต”
“เอ่อ...” ณวัตอึกอักพูดไม่ออก
“อ๋อ...ลืมไปว่าคุณณวัตคงกำลังยุ่งกับการปิดปากนักข่าวเรื่องเลขานั่น...แหม...ถ้าเอาเงินก้อนนั้นไปอุดที่หนองระบือ...ผมว่ามันน่าจะมีประโยชน์กว่านะครับ”
ทันใดนั้นณวัตก็ตบโต๊ะปัง! ลุกขึ้นยืนเอาเรื่อง
“เอาไว้อุดปากแกเถอะ”
ณวัตพูดพร้อมกับกระโจนเข้าไปหาภิภพ ทุกคนต้องรีบดึงณวัตเอาไว้
สมพลปรามเสียงดัง “ไอ้วัต”
“ปล่อย...ฉันบอกให้ปล่อยไงเล่า”
ภิภพแสยะยิ้มลุกขึ้นขยับเสื้อสูทโดยไม่ตื่นเต้นตกใจอะไร
“ค่าทำขวัญของผมมันแพงนะคุณวัต...ผมว่าเก็บเงินคุณเอาไว้ปิดเรื่องฉาวๆของคุณเถอะ” ภิภพยิ้มเยาะหันหลังจะเดินออก นึกได้ก่อนจะหันมา “อ้อ...แล้วก็อย่าลืมสัญญาของคุณละ...ถ้าคุณสรนุชไม่สามารถขายรถไถได้ภายในหนึ่งเดือนละก็…”
ภิภพเว้นจังหวะ แล้วนิ่งไม่พูดต่อ แต่มองไปที่เก้าอี้ของณวัตอย่างสื่อความหมาย ก่อนที่ภิภพจะเดินหัวเราะออกไป
ณวัตที่ถูกทุกคนจับเอาไว้มองตามด้วยความแค้น

เวลาต่อมาณวัตตกใจเมื่อได้ยินที่สมพลบอก “พ่อจะให้ผมไปหนองระบือ”
สมพลหันมาสีหน้าเครียด “ใช่...!”
“เอ่อ...ไหน...ไหนบอกว่าเราจะรอดูแผนของนุชไงพ่อ”
“แกจะรอดูแผนของหนูนุชหรือจะรอให้ไอ้ภิภพมันมาถอนหงอกฉันอีก”
“พ่อจะไปกลัวอะไรมัน...ถ้ามันมีปัญหามากก็ไล่มันออกก็สิ้นเรื่อง”
“ไล่ออก ! แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบวิธีที่มันง่ายอย่างนั้น...ไอ้ภิภพมันต้องการเก้าอี้ของแก...ถ้าแกสามารถทำยอดขายที่หนองระบือได้...เก้าอี้ของแกก็ปลอดภัย...ส่วนไอ้ภิภพมันก็ต้องนั่งจุกอกมองแกไปอีกกี่ปี...” สมพลฉายแววตาเหี้ยมออกมา “ให้มันตายช้าๆอย่างทรมานมันสะใจกว่าไม่ใช่หรือไง”
ณวัตหนักใจมาก “แต่ว่า...”
สมพลรีบพูดตัดบท “ไม่มีแต่อีกแล้ว...ฉันไม่สนว่าแกจะใช้วิธีอะไร...ฉันต้องการเห็นยอดขายที่หนองระบือ”
สมพลเสียงกร้าวก่อนจะเดินออกจากห้องไป ณวัตหน้าเครียดเพราะไม่รู้จะทำยังไง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาสรนุช
“เฮ้อ...มือถือก็ไม่เปิด...แล้วจะรู้มั้ยว่าแผนของเธอมันคือะไร”
ณวัตหงุดหงิด แต่แล้วณวัตก็นึกวิธีขึ้นมาได้


ชิดชัยอยู่ที่สำนักงานคาบาตี้ สุรินทร์ กำลังเอาแหนบดึงเสี้ยนที่มือออก
“หาไม้ยังไงให้มีเสี้ยนวะ” ชิดชัยบ่น พร้อมกับโวยใส่ลูกน้องคนเมื่อคืนนี้
ระหว่างนั้นเสียงมือถือของชิดชัยดังขึ้น ชิดชัยมองเบอร์แล้วก็แปลกใจ
ชิดชัยรีบกดรับสาย “สวัสดีครับ...ณวัต...ณวัตไหนไม่รู้จัก” พอฟังแล้วตกใจสะดุ้งพรวดลุกขึ้นยืนตรง “สวัสดีครับ...ยินดีที่ท่านให้เกรียติโทร.มาหาผมครับ”
ณวัตโทร.จากห้องทำงานที่กรุงเทพฯ “ฉันมีเรื่องอยากให้แกทำ”
ชิดชัยทำหน้าสงสัย “หาแฟนคุณวัตเหรอครับ...ได้ครับ...ยินดีรับใช้ครับผม...ชื่ออะไรนะครับ...สรนุช...แหม...แค่ฟังชื่อก็รู้ว่าเธอสวยเลอเลิศคู่ควร”
แต่แล้วชิดชัยก็ต้องสะดุ้งเพราะอยู่ๆ ณวัตก็วางสายไป
“อะไรวะ” ชิดชัยหงุดหงิด
เพียงไม่นานเสียงข้อความภาพก็ดังขึ้นที่โทรศัพท์ ชิดชัยรีบหยิบโทรศัพท์มากดดู ทันใดนั้นชิดชัยก็ต้องตกใจ อ้าปากค้างเมื่อเห็นเป็นภาพของสรนุชในมือถือตน
ระหว่างนั้นเอง สรนุชก็เปิดประตูห้องของชิดชัยออก โดยมีลูกน้องพยายามห้ามเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ...เข้าไม่ได้นะคุณ”
“หลีกไป”
ชิดชัยถึงกับไม่เชื่อตาตัวเอง มองรูปในมือถือแล้วก็มองตัวจริงสลับกันไปมา
“ยาม ! ยามไปไหนหมดวะ...มาเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปที” ลูกน้องตะโกน
“เฮ้ย ! ปล่อยคุณสรนุชเดี๋ยวนี้”
ลูกน้องของชิดชัยถึงกับชะงัก สรนุชเองก็แปลกใจเมื่อเห็นกริยาอาการของชิดชัย
“พวกแกรู้จักฉันหรือไง”
“ทำไมจะไม่รู้จักละครับ...คุณสรนุชคือคู่หมั้นของคุณณวัตไงครับ”
สรนุชอึ้งไปเมื่อชิดชัยล่วงรู้ความลับของเธอ
“ว่าไงนะพี่”
ชิดชัยตบปากลูกน้องทันที ก่อนจะรีบเข้ามาพินอบพิเทาแทบเท้าสรนุช
“แหม...ผมดีใจจริงๆ ครับได้มีโอกาสพบกับคุณสรนุช...คือ...อันที่จริงแล้ว”
สรนุชยกมือขึ้นเพื่อไม่ให้ชิดชัยพูดต่อ “...ในเมื่อรู้ความจริงก็ดีแล้ว...ฉันจะได้พูดอะไรได้สะดวกหน่อย”
“ดีเลยครับ...บอกมาเลยครับว่าแผนของคุณนุชเป็นยังไง”
ชิดชัยหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะรีบเข้ามาใกล้สรนุช สรนุชรีบผลักชิดชัยออก
“ถอยไปไกลๆเลย...ฉันไม่ได้มีแผนอะไรทั้งนั้น...ที่ฉันมาที่นี่...เพื่อจะบอกนายว่า...ฉันไม่ชอบวิธีที่นายทำกับนายใจเด็ดเมื่อคืน”
ชิดชัยออกอาการงงๆ “แต่ไอ้หมอนั่นมันคือศัตรูตัวฉกาจของเราเลยนะครับ”
“ฉันต้องการสู้กันแบบแฟร์ๆ...ไม่ใช่เหมือนหมาลอบกัดอย่างนี้”
ชิดชัยสะดุ้งเมื่อโดนด่า แล้วแอบบ่น “หึ...อย่างกับวิธีตัวเองแฟร์นักนี่”
“บ่นอะไร”
“เอ่อ...เปล่าครับ...คุณนุชครับ...ที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อ...”
สรนุชตัดบท “ถ้าขืนนายพูดอีกคำเดียว...ฉันจะให้วัตเขาไล่นายออก”
สรนุชจ้องหน้าเอาเรื่องก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ชิดชัยกับลูกน้องค้อมหัวส่งอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับ...เดินทางปลอดภัยนะครับ”
ครั้นพอสรนุชปิดประตูเท่านั้นแหละ ชิดชัยก็หยิบแฟ้มปาไปที่ประตูระเบิดอารมณ์ จนลูกน้องต้องสะดุ้ง
“โธ่เว้ย...นังคางคกขึ้นวอ! คิดจะไล่ฉันออกเหรอ...มันไม่ง่ายนักหรอก”

เวลาต่อมาณวัตเดินมาที่รถสปอร์ตที่จอดอยู่ลานจอดรถบริษัท ระหว่างนั้นเสียงมือถือดังขึ้น ณวัตมองเบอร์ แล้วกดรับ “ได้เรื่องมั้ย”
ชิดชัยกำลังเล่นละครร้องไห้ฟูมฟาย
“คุณวัตต้องช่วยผมนะครับ...ผมไม่อยากโดนย้ายมาที่นี่”
“ย้าย..? ใครย้ายแก”
“นี่คุณนุชยังไม่โทร.ไปบอกคุณวัตอีกเหรอครับ”
“แกพูดอะไรให้มันเข้าใจหน่อยได้มั้ย...เจอคู่หมั้นฉันแล้วใช่มั้ย”
ชิดชัยผุดยิ้มร้ายตรงมุมปาก เริ่มพูดเข้าแผนทันที
“ถ้าผมบอกคุณวัตไปแล้ว...คุณวัตอย่าโกรธผมนะครับ”
ณวัตหรี่ตาลงด้วยความสงสัยทันที

ถูกชิดชัยเป่าหู ไม่นานต่อมาณวัตกำลังขับรถด้วยความเร็วสูงมาตามถนน ออกจากกรุงเทพฯ หน้าตาโกรธขึ้งสุดขีด
“เห็นไอ้พวกบ้านนอกดีกว่าฉันได้ยังไง...ฮึ่ยย์”
รถสปอร์ตของณวัตขับแล่นมุ่งหน้าตรงไปทางสระบุรี ผ่านโคราช และแน่นอนว่าปลายทางคือ...สุรินทร์

ณวัตขับรถแทบจะเป็นบิน มุ่งหน้าสู่จังหวัดสุรินทร์ เพราะอยากรู้เรื่องที่ชิดชัยพูดทิ้งท้ายไว้
เพียงไม่กี่ชั่วโมงถัดมาณวัตก็มาถึงบริษัทคาบาตี้ สาขาสุรินทร์ ตรงเข้าไปหาชิดชัยอย่างมีโมโห
“มีอะไรก็พูดมาซิวะ...”
“เอ่อ...ใจเย็นก่อนครับคุณวัต”
ชิดชัยบอกแล้วเล่าต่อ “ก่อนอื่นผมต้องถามก่อนว่า...คุณสรนุชมาทำอะไรที่สุรินทร์ครับ”
“เห็นบอกว่าจะไปดูเรื่องตลาด...เพื่อปรับแผนที่จะสู้กับไอ้พวกเลี้ยงควายอะไรนั่น”
“แต่ที่ผมเห็นไม่ใช่อย่างนั้นน่ะครับ” ณวัตอึ้งสีหน้าสงสัยขึ้นมาทันที ชิดชัยพ่นไฟต่อ “รู้มั้ยครับว่าทำไมผมกลัวคุณนุชถึงสั่งย้ายผม...เพราะผมเห็นคุณนุชกับไอ้พวกกระบือบาลกำลังอี๋อ๋อกันครับคุณวัต”
“อะไรนะ” ณวัตไม่อยากเชื่อ
“จริงๆ นะครับ...เท่าที่เห็น...ผมว่า...ตอนนี้คุณนุชกำลังหลงไอ้หนุ่มเลี้ยงควายนั่นหัวปักหัวปำเลยครับ”

ณวัต ขับรถพุ่งทะยานตรงไปยังโรงพยาบาล ตามหาสรนุช พบว่าอยู่กับใจเด็ด จึงตรงเข้าไปหมายจะเอาเรื่องใจเด็ด แต่ถูกสุบิน อรอนงค์ โดยเฉพาะสรนุช ห้ามไว้ เพราะกลัวความลับจะแตก แต่สรนุชทนไม่ไหวที่ณวัตด่าว่าเธอ จึงไล่ให้ณวัต กลับกรุงเทพฯ ไป

นึกมาถึงตรงนี้ณวัตถึงกับทุบพวงมาลัยรถด้วยความโมโห
“ฮึ่ยย์...คุณจะต้องเสียใจที่คิดจะทิ้งผมไปหาไอ้บ้านนอกนั่น”

พอณวัตกลับไปสรนุชกับโชคชัยเดินมาด้วยกันที่สวนหย่อมของโรงพยาบาล จังหวะหนึ่งโชคชัยหยุดเดินก่อนจะหันมามองสรนุชด้วยแววตาจริงจัง สรนุชแปลกใจจนต้องถาม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ...วันนี้คุณโชคชัยดูแปลกๆ นะคะ”
“ผมอยากจะขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็...ผมเป็นคนที่ทำให้คุณนุชกับแฟนต้อง...ต้องเลิกกัน”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ...ดีซะอีก...ที่ทำให้นุชตาสว่างได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น...แล้วคนที่ควรจะขอโทษ...ไม่ใช่คุณโชค...แต่เป็นฉัน...คุณโชคต้องมาเจ็บตัวก็เพราะฉัน...ขอโทษนะคะ”
โชคชัยสบตาสรนุชนิ่ง
“ผมยินดีที่จะเจ็บมากกว่านี้...ร้อยเท่า..พันเท่า...ถ้ามันจะแบ่งความเจ็บปวดจากคุณนุชได้บ้าง”
สรนุชอึ้งไปกับคำพูดและท่าทางของโชคชัย สรนุชรีบเฉทำขำไปเพราะรู้ว่าโชคชัยคิดอะไร
“แหม...คุณโชคอย่าพูดเหมือนตัวเองเป็นซุปเปอร์แมนซิคะ...น่าอิจฉาชาวหนองระบือนะคะที่มีนายกคอยดูแลเอาใจใส่อย่างนี้”
“ผมไม่ได้ห่วงคุณนุชเพราะความเป็นนายกอบต.ที่นี่...แต่ผมเป็นห่วงคุณนุช...ในฐานะของผู้ชายคนนึง...ที่อยากจะดูแลคุณนุชให้ดีกว่านี้”
“คุณโชค...”
สรนุชไม่คิดว่าโชคชัยจะพูดตรงๆ กับเธอแบบนี้ ชั่วเพียงความคิดสรนุชรู้ว่าต้องบอกความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองบ้างแล้ว
“เอ่อ...คือ...ฉัน”
“คุณนุชยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้ครับ”
โชคชัยรีบพูดขึ้นเพราะเขาเองก็กลัวความผิดหวังเช่นกัน
“ผมรู้ว่าคุณนุชเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มา...ผมแค่อยากจะบอกคุณนุชว่า...ถ้าหัวใจของคุณนุชพร้อมเมื่อไหร่...ผมก็อยากจะเป็นคนแรกที่คุณนุชหันมอง”
สรนุชนิ่งไปเหมือนไม่ทันได้ตั้งตัว

ด้านเจนจิรากำลังป้อนข้าวต้มให้กับใจเด็ด ทั้งสองต่างคนต่างเงียบไม่พูดไม่จา ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
เจนจิราป้อนข้าวให้กับใจเด็ด แต่ใจเด็ดกลับส่ายหน้า “พี่อิ่มแล้ว”
เจนจิราชะงักไปก่อนจะค่อยๆตักข้าวขึ้นมาใหม่
“เจนขอโทษนะคะที่ทำให้พี่เด็ดทานข้าวไม่ลง...แต่ยังไงพี่เด็ดก็ต้องทานอะไรซักหน่อย...พี่เด็ดไม่อยากหายแล้วกลับไปอยู่กับพวกเราเร็วๆ เหรอคะ”
ใจเด็ดนิ่งไม่ยอมอ้าปาก เจนจิรารู้ว่าตอนนี้ใจเด็ดรู้สึกอะไร
“เจนรู้ว่าตอนนี้พี่เด็ดกำลังสับสนเรื่องคุณนุช...แต่ที่เจนต้องพูด...เพราะเจนหวังดีกับพี่จริงๆ”
เจนจิราจ่อช้อนให้ใจเด็ด ใจเด็ดหน้านิ่วเริ่มไม่พอใจนิดๆ
“พี่อิ่มแล้ว”
เจนจิราไม่สน ยังคงยื่นช้อนให้ “งั้นคำสุดท้ายก็ได้คะ”
“พี่บอกว่าพี่อิ่มแล้ว”
ใจเด็ดเผลอผลักแขนของเจนจิราออกเต็มแรง จนทำให้ช้อนและชามข้าวต้มหล่นลงไปกับพื้น เจนจิรารู้สึกเจ็บแปล้บขึ้นมาในใจ
“เอ่อ...พี่ขอโทษ” ใจเด็ดรู้สึกตัวว่าทำเกินไป
เจนจิรานิ่งไปก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บชาม ช้อนที่พื้น
“เจน..”
เจนจิราหันมา มองจ้องหน้ารอฟัง
“พี่อยากอยู่คนเดียว”
เจนจิราอึ้งไป ริ้วสะอื้นค่อยๆ ก้อตัว หัวใจของเธอกำลังร้องไห้
“พี่เด็ดไม่เคยเป็นอย่างนี้...”
เจนจิราพูดจบก็เดินออกไปจากห้องทันที ใจเด็ดสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที

เจนจิราเปิดประตูออกมาจากห้อง แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเจอกับสุบิน เจนจิราไม่อยากคุยกับสุบินเลยเลือกที่จะเดินหนีไป แต่สุบินก็ไม่วายปากสุนัขใส่
“อ้าว...คุณเจน...ทำไมทำหน้าเหมือนคนอกหักอย่างนั้นละ...นี่...ผมเรียกหมอให้เอามั้ย”
เจนจิราหยุดกึก ก่อนจะหันหลังกลับมาแล้วเดินเข้ามาหาพูดตอกหน้าสุบิน
“ที่ทุกอย่างมันวุ่นวายอย่างนี้ก็เพราะนาย...เพราะเพื่อนของนาย”
“อ้าว...เป็นไรคุณ...ผมแซวคุณเล่น...ไม่ต้องจริงจังก็ได้น่า” สุบินอึ้ง แต่ยังปากดีต่อ
“ที่นี่ไม่ใช่ของเล่นของพวกนาย...ก่อนที่พวกนายจะมาที่นี่ไม่เคยมีปัญหาอะไร...จนกระทั่งนายกับเพื่อนของนายมาที่นี่”
“ปัญหาอะไร...ผมไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย”
“แล้วไอ้ที่แฟนของเพื่อนนายมาก่อเรื่องอาละวาดที่นี่...มันไม่ใช่หรือไง...ถ้านายบอกซักคำว่าเพื่อนนายมีแฟน...คนที่นี่หลายๆ คนจะได้ไม่เสียใจ”
“เฮ้ย...ที่ผมไม่บอกเพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม...จำเป็นด้วยเหรอที่ทุกคนต้องรู้ว่าผมมีแฟนกี่คน...คนไหนชื่ออะไร...รสนิยมทางเพศผมเป็นยังไง...บ้าแล้ว...ผมจะบอกให้ฟังนะว่าคนที่มีปัญหาไม่ใช่พวกผม...แต่เป็นคุณ”
“ฉันมีปัญหาอะไร”
“ก็คุณมันไม่ยอมรับความจริงไง...ความจริงที่คุณใจเด็ดไม่ได้ชอบคุณ”
ทันใดนั้นเจนจิราก็ตบหน้าสุบินดัง เผียะ! ก่อนที่หยดน้ำตาของเจนจิราค่อยๆ ไหลริน เจนจิราเดินหนีไปจากตรงนั้นทันที
“อ้าว...เรื่องอะไรมาตบหน้าผมละ...เดี๋ยวก่อนซิคุณ”


ชิดชัย ชาญณรงค์ ช่อผกาและลูกน้องมายืนรอส่งณวัตที่หน้า บริษัทคาบาตี้ สาขาสุรินทร์

“แหม...ไม่น่ารีบกลับเลยเนอะ...ทำไมไม่อยู่เที่ยวอีกสองสามวันละ”
“เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะครับ...พอดีผมมีธุระจริงๆ”
“ธุระหรือว่าแฟนโทร.ตามครับ” ช่อผกาถามอย่างมีจริต
“ถ้าอยากรู้...ทำไมไม่ไปด้วยกันละครับ” ณวัตหยอดหวาน
ชาญณรงค์ได้ยินอย่างนั้นก็หูผึ่ง ขยับไปอีก “นั่นซิ...ไปมั้ยเดี๋ยวพ่อกลับไปจัดกระเป๋าให้เดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ละคะ...พอดีผกาไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย...แล้วอีกอย่าง...ผกาไม่ไปจะได้ให้คุณวัตคิดถึงที่นี่ไงคะ...รับรองว่าคราวหน้าผกาจะทำให้คุณวัตมาถึงสุรินทร์จริงๆ”
ช่อผกาส่งสายตาหว่านเสน่ห์ให้ณวัต ณวัตยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน
“แหม...คุยกันถูกคออย่างนี้ สงสัยอนาคตคงได้ร่วมมือกันทำอะไรซักอย่างแน่ๆ” ชิดชัยว่า
“เรื่องนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเวลา...เอาไว้ผมจะกลับมาใหม่นะครับ”
ทุกคนล่ำลาเสร็จ ณวัตขึ้นสปอร์ตแล้วขับออกไป ชาญณรงค์รีบเข้ามาว่าช่อผกา
“แกนี่โง่หรือไง...เขาชวนไปด้วยทำไมไม่ไป...ขับรถอย่างนั้นคิดดูซิว่าที่บ้านจะมีเงินขนาดไหน”
“พ่อ...หนูก็เล่นไปอย่างนั้นแหละ...ยังไงพี่เด็ดก็เป็นคนที่หนูจะแต่งงานด้วยเพียงคนเดียว”
“แหม...แล้วผู้จัดการคาบาตี้อนาคตไกล...จะไม่รับพิจารณาบ้างเหรอครับ” ชิดชัยทำท่ากะลิ้มกะเหรี่ยใส่
ช่อผกาหันมองชิดชัยด้วยหางตา ก่อนจะยื่นขาออกให้ชิดชัยดู “เห็นอะไรมั้ย”
ชิดชัยมองแล้วส่ายหน้า “ไม่เห็นอะไรนี่ครับ”
“ก็ใช่ไง...แม้แต่ขนหน้าแข้งฉัน...แกก็อย่าหวังว่าจะได้เห็น”
ช่อผกาพูดเสร็จก็เดินเชิดออกไป ชาญณรงค์ร่ำลากับชิดชัยแล้วรีบเดินตามช่อผกาไปอีกคน
ลูกน้องเข้ามาถามชิดชัยด้วยความสงสัย
“สงสัยจริงๆเนอะลูกพี่ว่าไอ้ใจเด็ดมันมีดีอะไรนักหนา...ผู้หญิงถึงได้ชอบมันจัง”
“ใช่...ที่ฉันไม่มีเมียจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมัน...แกลองคิดดูซิ...ถ้าไม่มีไอ้ใจเด็ดอยู่ที่นี่ทั้งคน...มันจะเป็นยังไง”
ชิดชัยหรี่ตาลงอย่างร้ายกาจ

สรนุชเดินเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะมองกระจกคิดถึงคำพูดของโชคชัย สรนุชมองสำรวจตัวเองในกระจกแล้วแปลกใจ
“ก็ดีแล้วนี่มีคนมาชอบ...” สรนุช นิ่งไป ชักสงสัยตัวเอง “แต่ทำไมเราไม่รู้สึกดีใจเลยละ”
ขณะที่สรนุชกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีป้าลึกลับคนหนึ่งออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับคุยมือถือไปด้วย
“ถึงแล้วใช่มั้ย...รออยู่ข้างหน้าแหละ...งานนี้เราจะพลาดไม่ได้...ต้องแน่ใจว่าของถึงมือหัวหน้าใจเด็ดจริงๆ”
สรนุชได้ยินชื่อใจเด็ดก็สนใจขึ้นมาทันที ก่อนจะแอบมองตามป้าท่าทางแปลกๆ ที่เดินออกไป
“แค่มาเยี่ยม...ทำไมต้องพูดซะลึกลับขนาดนั้นด้วย”
สรนุชมองตามป้าไปด้วยความแปลกใจ

สรนุชรีบล้างมือล้างไม้ออกมาจากห้องน้ำ แต่แล้วสรนุชต้องชะงักเมื่อเห็นป้าคนนั้นกับชายอีกคนที่ดูแล้วไม่ใช่คนดี ยืนคุยกันอย่างมีลับลมคนใน
“งานนี้ห้ามพลาดเข้าใจมั้ย” ป้ากำชับ
“ป้าก็รู้นี่ครับว่าผมทำงานไม่เคยพลาด”
“ให้มันเรียบร้อยก่อนเถอะแล้วค่อยคุย...แล้วทำอย่างที่สั่งหรือเปล่า” ชายลึกลับเปิดกล่องในมือให้ป้าดู
ป้าทำหน้าบู้บี้ปิดจมูกด้วยความเหม็น
“อื้อฮือ...นี่ทำมากกว่าที่สั่งนี่”
“ก็ผมกลัวไม่ชัวร์นี่...ป้าก็รู้ว่าวงการนี้ข่าวมันเร็วแค่ไหน...ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาชื่อเราก็เสียไปด้วย...ไม่ต้องห่วง...รับรองแค่คำเดียวจะรู้ว่านรกมีจริง...หึๆ”
“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย...ฉันจะมีรางวัลพิเศษให้แก”
ชายลึกลับคนนั้นยิ้มหน้าเหี้ยม “รอฟังข่าวดีได้เลย”
ระหว่างนั้นเห็นพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามา ป้าจากที่หน้าเหี้ยมอยู่ก็ปั้นหน้ายิ้มถามพยาบาล
“หนู...หนู” ป้าเรียก พยาบาลหยุดหันมามอง “หัวหน้าใจเด็ดอยู่ห้องไหนเหรอหนู”
“ห้องนี้ ค่ะ” พยาบาลบอกเลขห้อง
“ขอบใจนะหนู” พยาบาลเดินออกไป ป้าหันมองชายลึกลับคนนั้น “ได้ยินแล้วใช่มั้ย”
ชายลึกลับถือกล่องปริศนาเดินออกไป สรนุชนึกตอนที่ชายคนนั้นถือกล่องเดินผ่านไป แล้วนึกไปถึงคำพูดของโชคชัย
“ตอนนี้...เห็นว่าทางตำรวจอาจจะส่งคนมาเฝ้า...เพราะเกรงว่าพวกนั้นจะกลับมาทำร้ายใจเด็ดอีก”
สรนุชหน้าตาตื่นขึ้นมาทันที
“อาหาร? หรือว่า...ไอ้พวกนั้นจะส่งคนมา” สรนุชตกใจ “แย่แล้ว”

เวลานั้นใจเด็ดกำลังนอนอยู่บนเตียง ระหว่างนั้นสรนุชผลักประตูห้องเข้ามาหน้าตาตื่น
สรนุชเหนื่อยจนหอบแฮ่กๆ “ยะ..แย่แล้ว”
ใจเด็ดหันมองสรนุชที่โผล่เข้ามาด้วยความแปลกใจ สรนุชรีบวิ่งเข้ามาบอกใจเด็ด
“มีอะไร”
“นายต้องรีบหนีเดี๋ยวนี้เลย”
“เดี๋ยวๆ...คุณใจเย็นๆ...แล้วบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้น”
“มีคนจะฆ่านาย”
“อะไรนะ” ใจเด็ดตกตะลึง
“เดี๋ยวฉันอธิบายให้ฟัง...ไปเร็ว”
อะดินาลีนของสรนุชทำงานทันที สรนุชรีบเข้าไปพยุงใจเด็ดให้ลุกขึ้นก่อนจะรีบพากันออกไปจากห้อง

สรนุชพยุงใจเด็ดออกมาที่ตรงทางเดิน ใจเด็ดยื้อเอาไว้
“นี่เป็นวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของเธอหรือไง”
“เบี่ยงเบนความสนใจ...เรื่องอะไร..?”
“ก็เรื่อง...เรื่องที่เธอออกไปกับนายกไง” ใจเด็ดฉุนเรื่องนั้นไม่หาย
“หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้...นายยังจะกัดฉันอีกเหรอ”
สรนุชหน้าขึ้งขึ้นมาทันที ขณะที่ใจเด็ดเสียงแข็ง
“ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่าเธอจะบอกว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
“เมื่อกี้ฉันได้ยินผู้หญิงกับผู้ชายคุยกันว่า...พวกเขาจะ...จะ...”
“จะอะไรก็พูดมาซิ” ใจเด็ดคาดคั้น
“จะฆ่านาย!”
ใจเด็ดอึ้งมองหน้าสรนุช ก่อนจะหัวเราะออกมา
“จะฆ่าผม...เรื่องอะไร...แล้วทำไมพวกเขาต้องทำอย่างนั้น”
“ฉันไม่รู้...ก็ฉันได้ยินมาอย่างนี้...บางที...อาจจะเป็นไอ้พวกที่ตีหัวนายใช้พวกนั้นมาก็ได้”
ใจเด็ดมองหน้าสรนุชนิ่ง
สรนุชเร่งท่าทีร้อนใจสุดๆ “เร็วซิ”
สรนุชพยายามเร่งใจเด็ด แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้วเมื่อชายลึกลับคนนั้นเดินเข้ามาที่ทางเดิน แล้วเห็นใจเด็ดกับสรนุช
“อยู่นี่เอง”
สรนุชกับใจเด็ดหันมาก็เห็นชายคนนั้น
สรนุชตกใจ “คนนั้นไง...หนีเร็ว”
ว่าแล้วสรนุชก็รีบดึงใจเด็ดออกวิ่งทันที ชายลึกลับรีบวิ่งตามเช่นกัน

สรนุชพาใจเด็ดหนีมาตามทาง ใจเด็ดวิ่งไม่ค่อยไหวเพราะยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ จังหวะหนึ่งใจเด็ดซวนเซทำท่าจะล้ม สรนุชต้องรีบเข้ามาประคอง
“อดทนหน่อย”
ชายลึกลับวิ่งตามมาข้างหลัง “หยุดนะ”

สรนุชกับใจเด็ดหันไปเห็นชายลึกลับวิ่งเข้าก็รีบวิ่งหนีทันที ชายลึกลับวิ่งจี้ตามไปติดๆ อย่างไม่ลดละ

อ่านต่อหน้า 2 เวลา 17.00 น.




กระบือบาล  ตอนที่ 10 (ต่อ)

ใจเด็ดกับสรนุชวิ่งวนกลับมาที่หน้าห้องใจเด็ด สรนุชนั้นถึงกับหอบแฮ่กๆ ดึงรั้งใจเด็ดเอาไว้

“ไม่ไหวแล้ว...พักหน่อยนะ”
ระหว่างนั้น ร่างของชายลึกลับวิ่งพ้นมุมกำลังเข้ามาที่ทั้งคู่ สรนุชกับใจเด็ดหันไปเห็น
“ไปเร็ว”
สรนุชกับใจเด็ดหันหลังกลับจะวิ่งหนีต่อ แต่แล้วทั้งสองก็ต้องชะงัก เพราะด้านหลังเป็นทางตัน
ชายลึกลับคนนั้นเดินย่างสามขุมเข้ามาหา สรนุชกับใจเด็ดค่อยๆ ถดตัวถอยหนี
ชายลึกลับคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สรนุชตัดสินใจเข้ามายืนบังร่างใจเด็ดเอาไว้
“ฉันรู้นะว่าใครสั่งแกมา”
“รู้ตอนนี้แล้วพวกแกจะทำอะไรได้”
ชายลึกลับเปิดกล่องที่อยู่ในมือ สรนุชหันไปกอดใจเด็ดแล้วหลับตาปี๋
“ไม่”
แล้วใจเด็ดกับสรนุชก็ต้องนิ่งงันไปด้วยความสงสัย เพราะไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น สรนุชค่อยๆ ลืมตาหันมากลับเห็นว่าชายลึกลับคนนั้นกำลังส่งถุงส้มตำมาให้ใจเด็ด
“อะไรน่ะ” สรนุชอึ้ง
“ก็ส้มตำไงคุณ...ผมเป็นพนักงานส่งที่ร้านป้าชื่นครับ”
ใจเด็ดกับสรนุชหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจทันที

ใจเด็ดหัวเราะขำก๊าก พร้อมกับเทกับข้าวกับปลา อาหารอีสานรสแซบประดามีออกจากกล่อง
“ยาพิษ! คุณคิดว่าจะมีคนวางยาพิษในอาหารผมเหรอ”
สรนุชก้มหน้างุดด้วยความอาย
“ก็ใครจะไปรู้ละ....ถ้านายได้ยินอย่างฉัน...นายก็ต้องคิดเหมือนกันนั่นแหละ...แล้วอีกอย่างฉันก็ต้องคิดในแง่ร้ายไว้ก่อน...ใครจะไปรู้ว่าไอ้คนตีหัวนายพอรู้ว่านายไม่เป็นไร...มันอาจจะกลับมาจัดการนายอีกทีก็ได้”
ใจเด็ดเหล่มองรู้ซึ้งถึงความเป็นห่วงซ่อนอยู่ในคำพูดประโยคนั้น
“ก็ได้...ผมขอโทษที่ผมไม่เห็นความเป็นห่วงของคุณ”
สรนุชชะงัก อดเขินไม่ได้ แต่รีบพูดกลบเกลื่อนซะงั้น “ใครห่วงนาย...ฉันก็แค่กลัวว่าพรรคพวกนายจะโทษฉันต่างหาก”
ใจเด็ดยิ้มก่อนจะส่งห่อข้าวเหนียวให้กับสรนุช “ไม่ทานเหรอคุณ”
“ไม่ ! เขาเอามาเยี่ยมนาย...ไม่ได้มาเยี่ยมฉัน”
ใจเด็ดมองข้าวเหนียวก่อนจะหยิบมันมาปั้นแล้วจิ้มกินกับส้มตำทานอย่างอร่อย
“ตามใจ...ขอบอกว่าส้มตำป้าชื่นนี่อร่อยที่สุดในประเทศแล้ว”
สรนุชเหล่มองแล้วแอบกลืนน้ำลายเอื้อก จังหวะนั้นใจเด็ดก็รู้ถึงความผิดปกติขึ้นมาทันที
“อ้าก”
สรนุชตกใจ “เป็นอะไร”
ใจเด็ดจับคอตัวเอง ดิ้นทุรนทุราย “ส้มตำ...ส้มตำมัน”
สรนุชยิ่งตกใจกระโดดพรวดเข้ามาหาใจเด็ดทันที
“มันมียาพิษเหรอ”
ใจเด็ดพูดทำเป็นเสียงติดๆ ขัดๆ “มั...น....อร่อย...มาก”
สรนุชชะงักไป ก่อนจะเห็นใจเด็ดยิ้มแป้น
“นายหลอกฉันเหรอ”
“เอ้า...ก็ผมเห็นคุณเครียดอยู่ก็อยากให้อารมณ์ดีไง”
“อารมณ์ดี” สรนุชนึกหมั่นไส้ “อยากให้ฉันอารมณ์ดีใช่มั้ย”
ว่าแล้วสรนุชก็ระดมตีไปที่ใจเด็ด
“โอ๊ย ! คุณ...ตีผมทำไม”
“ก็นายอยากให้ฉันอารมณ์ดีไง...แล้วฉันจะอารมณ์ดีได้มันก็ต้องมีการระบาย”
ระหว่างนั้นใจเด็ดจับมือของสรนุชที่กำลังระดมตีไม่ยั้งไว้ พอเนื้อสัมผัสเนื้อก็เกิดการสปาร์คทันที
สรนุชกับใจเด็ดสบตากันนิ่ง ก่อนที่สรนุชจะหลบตาแล้วลุกกลับไปนั่งที่เดิม
ใจเด็ดอมยิ้มก่อนจะหันไปมองใบบัวบกที่เป็นผักแกล้มแล้วส่งให้สรนุช
“ลองทานผักนี่กับส้มตำซิ...อร่อยมากนะ”
ใจเด็ดโบกผักยั่วสรนุช สรนุชรับเป็นรับมางอนๆ
“ถ้าไม่อร่อยมีเรื่องแน่”
ว่าแล้วสรนุชก็ตักส้มตำทานทาน ก่อนจะตามด้วยผักที่ใจเด็ดส่งให้ แล้วสรนุชก็อึ้งไป
“อร่อยจริงๆ ด้วย...ผักอะไรเหรอ”
“ใบบัวบกน่ะ...ผมว่าตอนนี้คุณเหมาะที่จะกินมันมากที่สุด” ใจเด็ดบอกอย่างจริงใจ
สรนุชชะงักไปเพราะรู้ว่าใจเด็ดอยากจะบอกว่ามันรักษาอาการช้ำในช้ำรัก
“นี่...”
สรนุชกำลังจะว่าใจเด็ด แต่แล้วสรนุชก็ต้องอึ้งอีกเมื่อใจเด็ดหยิบใบบัวบกขึ้นมาแล้วทัดหูให้กับสรนุชอีกใบ
“เหน็บเอาไว้อย่างนี้แล้วกัน...เมื่อไหร่ที่หัวใจของคุณหายดีแล้ว...คุณก็ไม่ต้องใช้มันอีก”
ใจเด็ดทอดยิ้มส่งให้อย่างอบอุ่น สรนุชเองก็รู้สึกใจเต้นตูมตามกับความรู้สึกห่วงใยที่ใจเด็ดส่งผ่านมาให้

ใจเด็ดกับสรนุชเดินมาตามทาง สรนุชเดินนำหน้าเพราะไม่อยากให้ใจเด็ดรู้เห็นว่าเธอกำลังเขิน
“ขอบคุณนะ”
สรนุชหันมามองสีหน้างง
“ก็ขอบคุณที่ทำให้ผมหายเบื่อไง...” ใจเด็ดอ้าง
“เอ่อ...ไม่เป็นไร...นายก็เลี้ยงส้มตำฉันแล้วไง” สรนุชว่า
ขณะที่ใจเด็ดมองจ้องที่ใบหน้าของสรนุช สรนุชเองก็เหมือนโดนสะกดให้หยุดนิ่ง จู่ๆ ใจเด็ดถามขึ้นทำลายบรรยากาศซึ้งๆ นั้น
“แล้วใบบัวบกละคุณ”
“ฉันก็ทิ้งไปแล้วซิ...จะให้ฉันทัดหูทำไม...ฉันไม่ใช่คนบ้านะ”
ใจเด็ดยิ้ม “ผมแค่รู้สึกว่ามันทำให้คุณดูดีไปอีกแบบ...อืม...ถ้างั้น...ผมเข้าห้องก่อนนะ”
สรนุชอึกอัก “เอ่อ...ฉันเองก็จะไปเหมือนกัน”
ใจเด็ดอึกอัก รู้สึกเขินๆ เหมือนกัน “งั้น...ผมไปนะ”
“ฉันก็ไปนะ”
ใจเด็ดกับสรนุชสบตากันอีกครั้ง ก่อนที่ใจเด็ดจะเปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง พอใจเด็ดเข้าห้องไปสรนุชถึงกับเป่าปากระบายความอึดอัด
“เป็นไรเนี่ยเรา”
แล้วสรนุชก็นึกขึ้นมาได้ เลยหยิบใบบัวบกออกจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดู ก่อนจะเอามาทัดหูอีกครั้ง
“ดูดีจริงเหรอ”
สรนุชจะหันหากระจกประตูห้องผู้ป่วย แต่แล้วสรนุชก็ต้องอึ้งไปเมื่อเห็นอรอนงค์ยืนอยู่
“อร”
“ไปไหนมายัยนุช”
สรนุชหน้าเจื่อนขึ้นมาทันที

สีหน้าสุบินอึ้งๆ หลังทราบเรื่องชุลมุนเมื่อครู่
“ไม่อยากจะเชื่อ...! ฉันไม่สบายขนาดนี้ แกยังมีกะจิตกะใจไปนั่งทานส้มตำกับคุณใจเด็ดอีกเหรอ”
“เอ้า...แล้วมันผิดตรงไหน...แกจะให้ฉันนั่งเฝ้าแกไม่เห็นเดือนเห็นตะวันหรือไง...ฉันไม่อยากเป็นง่อยตามแกนะ”
“อ้าว...ฉันไม่ได้บอกว่าแกผิด...แต่ฉันสงสัยว่าแกเพิ่งเลิกกับไอ้ณวัต...แกไม่เสียใจหรือไง” สุบินถาม
“เสียใจซิ”
“แต่แกเหมือนไม่เสียใจเลยนะ” อรอนงค์คาดคั้น
สรนุชอ้อมแอ้มบอกออกมา “ก็...มันหายแล้วนี่”
อรอนงค์กับสุบินถึงกับมองหน้ากัน
“อะไรนะ...หายแล้วเหรอ” สุบินไม่อยากเชื่อ
สรนุชพยักหน้ารับ
“เห็นมั้ยฉันว่าแล้ว”
“ว่าแล้วอะไร” สรนุชนึกสงสัย
“เอ้า...ก็ว่าแล้วว่าแกไม่ได้รักไอ้หมอนั่น...ไม่อย่างนั้นแกจะหายเร็วอย่างนี้ได้ยังไง”
สุบินเริ่มรุกถามคาดคั้นสรนุชที่ชะงักไป “หรือไม่...แกกำลังพบรักใหม่”
สรนุชอ้ำอึ้ง “เอ่อ...รักใหม่อะไรของแก”
สุบินยิงตรงประเด็นทันที “ก็คุณใจเด็ดไง”
สรนุชถึงกับพูดไม่ออก
“จริงเหรอนุช” อรอนงค์ซักต่อ
“จริงอะไรเล่า...”
“แล้วแกไปทานข้าว...เดินเล่น...นอนเฝ้าคุณใจเด็ดทำไม”
“เอ่อ...ฉันก็กลัวเขาจะเป็นไรไง...คิดดูซิถ้าเขาเป็นไรไป...ตำรวจก็ต้องสืบหาคนร้าย...แล้วถ้าเขารู้ว่าคนร้ายเป็นใคร...พวกเราก็อาจจะโดนไปด้วย”
สรนุชทำเป็นพูดแล้วสู้สายตากับสุบินและอรอนงค์เพื่อไม่ให้มีพิรุธ
“เดี๋ยวฉันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
สุบินไม่ยอม “เดี๋ยวก่อน...ฉันยังถามไม่จบเลย”
ทันทีที่สุบินพูดจบ สรนุชก็ซัดโครมเข้าให้
“แกจะถามอะไรอีก...ฉันไม่ใช่นักโทษของแกนะ”
ว่าแล้วสรนุชก็เดินออกไปเลย สุบินถึงกับชะงักกระตุกเพราะโดนแผลเก่า

ที่สำนักงานใหญ่บริษัทคาบาตี้ กรุงเทพฯ สมพลกำลังเซ็นเอกสารอยู่ในห้องทำงาน มีเลขายืนรอเอกสารอยู่
สมพลพลิกหน้าต่อไปอ่านเพื่อเซ็นแล้วสมพลก็ต้องสงสัย
“นี่มันอะไร...ก็เรื่องอนุมัติซื้อที่ดินทำโรงซ่อมบำรุงใหม่ฉันเซ็นไปแล้วนี่”
“คะ...แต่ดิฉันเพิ่งทราบว่าตอนนี้...ทุกเรื่องที่คุณสมพลเซ็นจะต้องได้รับการอนุมัติจากคุณภิภพก่อน”
“ภิภพ..! แล้วมันมาเกี่ยวอะไร”
“คุณภิภพถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นผู้ตรวจสอบเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ...หนังสือแจ้งให้ทราบอยู่หน้าถัดไปค่ะท่าน”
สมพลพลิกไปอ่าน ก่อนจะกำหมัดแน่นด้วยความโมโห

ที่คอนโดณวัต เสียงกริ่งประตูหน้าห้องของณวัตดังลอดเข้ามาในห้องนอน เสียงกริ่งนั้นยังดังอย่างต่อเนื่อง ณวัตค่อยๆ เดินหัวยุ่งออกมา
“มาแล้วๆ...ใครวะ” ณวัตเดินมาเปิดประตูอย่างหัวเสีย
“จะกดอะไร” แล้วก็ต้องตาสว่างเมื่อเห็นสมพลยืนอยู่ “พ่อ”
สมพลไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินปรี่เข้ามาในห้องของณวัต ณวัตมองตามด้วยความแปลกใจ
“พ่อ...หาอะไร...ไม่มีใครหรอกพ่อ”
“แล้วหนูนุชละ”
ณวัตชะงักไป “เอ่อ...” รีบเปลี่ยนเรื่อง “มีอะไรเหรอพ่อ...เกิดอะไรขึ้น”
“จะเกิดอะไร...ไอ้ภิภพมันไปปะเหลาะผู้ถือหุ้น...จนตอนนี้มันมีอำนาจเท่าฉันแล้ว”
ณวัตตกใจ “ห๊า”
“หนูนุชไม่อยู่นี่...ก็แสดงว่าอยู่ที่บ้านใช่มั้ย...ไอ้วัต...แกรีบไปแต่งตัวแล้วไปกับฉัน”
“เอ่อ...นุชเขายังอยู่สุรินทร์”
สมพลแปลกใจ “แล้วกัน...ไหนบอกว่าคุยกันเรียบร้อยแล้วไง...แล้วไอ้ที่แกบอกว่าเรียบร้อยมันคืออะไร”
“เอ่อ...ก็...ก็ผมเลิกกับนุชเขาเรียบร้อยไงพ่อ”
“ว่าไงนะ”
สมพลถึงกับช๊อก ก่อนจะไล่ตีณวัตไม่ยั้ง ณวัตตกใจรีบวิ่งหนี สมพลหาอะไรใกล้มือปาใส่
“แกรู้มั้ยว่าพ่อของหนูนุชเขาสนิทกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเรา...ห๊า ! ทางเดียวที่ฉันจะได้ทุกอย่างกลับมา...ก็ต้องให้พ่อหนูนุชเขาช่วย”
“พ่อ ! ก็ผมกับนุชไปกันไม่ได้...ถึงแต่งไปก็ต้องเลิกกันอยู่ดี”
“แต่ไม่ใช่เวลานี่เว้ย ! ไอ้นี่...ไอ้...ฉันไม่รู้จะด่าแกว่าอะไรดี”
จังหวะนั้นสมพลหันไปหยิบโคมไฟตั้งโต๊ะจะปาใส่ลูกชายแสบ ณวัตเห็นอย่างนั้นก็อยู่ไม่ได้รีบวิ่งแจ้นออกจากห้องไปทันที
สมพลหายใจหอบเหนื่อย “ไอ้ลูกเวร ! เคยทำอะไรให้ฉันดีใจมั่งมั้ย”
สมพลพยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนที่สมพลจะบางอย่างขึ้นมาได้

ในเวลาเดียวกัน ที่บริษัทคาบาตี้ สาขาสุรินทร์ชิดชัยกำลังจ้องมองโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ โดยมีลูกน้องอยู่ลุ้นด้วยข้างๆ
“พี่แน่ใจเหรอครับว่าสาขาใหญ่จะโทร.มา” ลูกน้องถาม
“บาทนึงกับขี้หมากองเดียวม่ะ...โธ่...ถามแปลกๆ...ฉันบริการคุณวัตขนาดนั้น...ดีไม่ดี...ฉันอาจจะถูกเรียกตัวเข้ากรุงเทพฯ ไปรับตำแหน่งใหม่วันนี้ก็ได้”
ระหว่างนั้นเสียงมือถือของชิดชัยดังขึ้น
“มาแล้วพี่” ลูกน้องบอก
ชิดชัยรีบเข้าไปดู แปลกใจ “ไม่ใช่เว้ย...เบอร์ใครวะ” แล้วกดรับ “ฮัลโหล...สมพล...สมพลไหน” พอฟังแล้วตกใจสะดุ้งพรวดยืนตรง “ครับผม...ได้ครับ...ครับ...เอ่อ...ได้ครับ...ครับ...ไม่ต้องห่วงครับ...ผมจะอย่างสุดความสามารถครับ”
ชิดชัยกดวางสาย ลูกน้องเข้ามาอย่างรู้ทัน พูดสอพลอทันที
“สาขาใหญ่โทรมาเลื่อนตำแหน่งให้พี่เหรอ”
“เลื่อนตำแหน่งอะไรเล่า ! คุณสมพลผู้บริหารใหญ่โทรมาบอกให้ฉันไปบอกนังนั่นให้โทรกลับคุณสมพลเดี๋ยวนี้ต่างหาก”
“นังนั่นของพี่...มันใครเหรอ”
“ก็แฟนคุณวัตไง...บ้าเอ๊ย...ไอ้ผู้หญิงคนนี้มันมีดีอะไรวะ”
ชิดชัยสีหน้าเครียดลง

อรอนงค์กำลังเคาะประตูเรียกสรนุช “เสร็จยังนุช...สุบินมันรอแย่แล้ว”
เสียงสรนุชตะโกนดังออกมาจากในห้อง “แกห้ามหัวเราะฉันนะ”
อรอนงค์แปลกใจ “ทำไม...มีอะไรเหรอนุช”
สรนุชเปิดประตูออกมา อรอนงค์ถึงกับหน้าแปลกใจเพราะสรนุชอยู่ในชุดกระโปรง ดูสวยไปอีกแบบ
“เอ่อ...ตลกเหรอ” สรนุชเสียเซ้ลฟ์
“ตลกอะไร...สวยออก...ฉันเพิ่งเคยเห็นแกใส่กระโปรงก็วันนี้แหละ...” อรอนงค์สงสัย “แล้วทำไมแกถึง…”
สรนุชรีบตอบเหมือนมีพิรุธ “อ๋อ...ก็...กางเกงฉันซักหมดน่ะ...ฉันก็ลืมไปว่าวันนี้ต้องไปรับสุบินด้วย...ไม่มีอะไรหรอก...ไปเถอะ”
สรนุชจะเดินนำอรอนงค์ลงเรือนรับรอง แต่แล้วสรนุชก็ต้องชะงักไปเมื่อโชคชัยเดินขึ้นมาพอดี
“คุณโชคชัย”
โชคชัยเห็นสรนุชในชุดกระโปรงก็ถึงกับอึ้งในความสวยของสรนุช
“สวัสดีค่ะคุณโชคชัย...มาแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่าคะ” อรอนงค์ทักขึ้น
“คือ...”
โชคชัยลำบากใจที่จะพูดเพราะความเขิน อรอนงค์รู้ดีว่าโชคชัยรู้สึกยังไง
“นุช...แกอยู่คุยกับคุณโชคชัยก่อนแล้วกัน...เดี๋ยวเรื่องสุบินฉันจัดการเอง...ไปก่อนนะคะคุณโชคชัย”
“อ้าว...เดี๋ยวก่อนซิอร”
อรอนงค์พูดจบก็เดินออกไปเลย
“คุณนุชลำบากใจอะไรหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ...เปล่าหรอกค่ะ...แล้วคุณโชคมีอะไรหรือเปล่าคะ”
โชคชัยนิ่งไป

ใจเด็ดกำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง ตาก็แอบชำเลืองมองไปที่ประตู โดยไม่รู้ว่าเจนจิราที่กำลังเก็บเสื้อผ้าใจเด็ดใส่กระเป๋าก็แอบชำเลืองมองใจเด็ดเช่นกัน
ใจเด็ดมองไปที่ประตูหวังใจว่าสรนุชจะมารับเขา ระหว่างนั้นเจนจิราพูดขึ้นให้ใจเด็ดรู้สึกตัว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“อืม...”
เจนจิราสังเกตเห็นหน้าของใจเด็ดดูเศร้าๆ ก็รู้ว่าใจเด็ดกำลังรอสรนุชอยู่
“พี่เด็ดรอแป๊ปนึงนะคะ...ขอเจนไปถามคุณสุบินก่อนว่าจะกลับด้วยกันมั้ย”
ใจเด็ดดีใจที่จะได้พบกับสรนุช “เอาซิ”
เจนจิราเห็นสีหน้าของใจเด็ดก็อดเหน็บไม่ได้ “ดีนะคะที่คุณอรมารับคุณสุบินคนเดียว...เพราะถ้าคุณสรนุชมาด้วย...คงต้องเบียดกันแย่เลย”
เจนจิราทำท่าจะเดินออกไป ใจเด็ดสงสัยในคำพูดของเจนจิราขึ้นมาทันที
ในใจของใจเด็ดอยากถามถึงสรนุช แต่กลัวเจนจิรารู้สึก “คุณอรมาคนเดียวเหรอ”
“ค่ะ...เห็นคุณอรบอกว่าคุณนุชไปกับนายก” เจนจิราเจาะจงพูดให้รู้ว่าสรนุชไปกับโชคชัยจึงมารับไม่ได้
ใจเด็ดได้ยินอย่างนั้นจากหัวใจที่ฟูฟ่องก็แฟ่บลงทันที
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ...พี่เด็ดจะได้ไม่ต้องเจอกับข้อหามือที่สาม...แล้วอีกอย่าง...เจนว่าคุณนุชคงต้องคิดอะไรกับนายก...ไม่อย่างนั้นจะยอมไปไหนด้วยกันสองต่อสอง...พี่เด็ดว่าจริงมั้ยคะ”
ใจเด็ดรู้สึกขมที่คอขึ้นมาทันที

โชคชัยชวนสรนุชมาคุยกันที่ร้านไอศกรีมในตลาด บนโต๊ะที่ทั้งคู่นั่งอยู่มีไอศกรีมที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แบบบ้านๆ วางอยู่ตรงหน้า มีวัยรุ่นนั่งทานไอศกรีมเป็นคู่ๆ
“คุณโชคชอบทานไอติมเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ...นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมานั่งร้านนี้”
“แล้วพาฉันมานี่ทำไมคะ”
สรนุชมองไอศกรีมบนโต๊ะแปลกใจ
“ผมคิดว่าคุณนุชน่าจะชอบ”
สรนุชรู้ทันทีว่าโชคชัยกำลังจีบ “แหม...แต่ชอบยังไง...คุณโชคก็ไม่น่าจะสั่งมาเยอะขนาดนี้”
“ที่จริงผมเองก็ทานไม่หมดหรอกครับ”
“อ้าว...แล้วสั่งมาทำไม”
“เพราะผมอยากจะอยู่กับคุณนานๆ ไงครับ”
สรนุชได้ยินที่โชคชัยพูดก็ชะงักทำหน้าไม่ถูก
“วันนี้คุณดูแปลกๆ นะคะ” สรนุชว่า
“คุณนุชจำเรื่องที่ผมพูดกับคุณที่โรงพยาบาลได้มั้ยครับ”
สรนุชนึกได้ “เอ่อ...”
“ผมรู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา...แต่ผมไม่สามารถเก็บความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณไว้ได้อีกต่อไป”
สรนุชทำเป็นจะตักไอติมกิน “เราทานกันก่อนมั้ยคะ...เอาไว้ทานเสร็จแล้วเราค่อยคุยกัน”
โชคชัยไม่รอช้า เอื้อมมือไปจับมือของสรนุชเอาไว้ ก่อนจะบอกความในใจ
“คุณนุช...ผมชอบคุณ”
สรนุชอึ้งทำหน้าไม่ถูก

เวลาเดียวกันชิดชัยกับลูกน้องกำลังเดินอยู่ในตลาด
“พี่...พวกนั้นจะมาที่ตลาดทำไม”
“แล้วฉันจะรู้มั้ย...ก็ไอ้คนงานที่สถานีมันบอกอย่างนี้นี่หว่า”
ลูกน้องพยักหน้ารับทราบ ระหว่างนั้นลูกน้องหันไปเห็นบางอย่างที่ร้านร้านไอศกรีมฝั่งตรงข้าม จึงรีบเรียกชิดชัย
“พี่ๆ”
“อะไรอีกวะ...รีบอยู่เห็นมั้ยเนี่ย”
“โน่นน่ะพี่”
ลูกน้องบุ้ยปากให้ชิดชัยดู ชิดชัยหันมองตามแล้วก็เห็นว่าสรนุชนั่งอยู่กับโชคชัยในร้านไอศกรีม
ชิดชัยครุ่นคิดแผนการขึ้นมาทันที

สรนุชอึ้งทำหน้าไม่ถูก หลังจากที่ถูกโชคชัยสารภาพรัก
“แล้ว...คุณนุชคิดยังไงกับผมครับ”
“ผู้ชายที่แสนดีอย่างคุณโชคชัย...มาบอกชอบฉันอย่างนี้...ฉันก็ต้องดีใจซิคะ”
โชคชัยยิ้มดีใจที่คิดว่าสรนุชยอมรับความรักของเขา สรนุชนิ่งไปก่อนจะตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจมาบอกเหมือนกัน
“แต่...ฉันคงชอบคุณไม่ได้”
โชคชัยชะงักทันที “ทำไม...ทำไมคุณชอบผมไม่ได้”
“เพราะ...เพราะฉันไม่ได้ชอบคุณ...ขอโทษนะที่ฉันต้องพูดตรงๆ อย่างนี้”
โชคชัยรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกแตกสลายลงตรงหน้า
สรนุชกังวล “คุณไม่โกรธใช่มั้ยคะ”
โชคชัยยิ้มขมๆ “ผมจะโกรธหัวใจคุณได้ยังไง”
ระหว่างนั้นพนักงานร้านไอศกรีมเดินเข้ามา
“ขอโทษครับ...มีคนฝากโน้ตนี่ให้คุณครับ”
สรนุชหยิบโน้ตขึ้นมาอ่านก่อนจะเห็นสีหน้าของสรนุชเครียดลง
“เอ่อ...ฉันขอตัวก่อนได้มั้ยคะ...พอดีมีเรื่องสำคัญ”
“ครับ”
สรนุชมองโชคชัยด้วยความลำบากใจ ก่อนจะตัดใจลุกขึ้นแล้วเดินจากมาปล่อยโชคชัยให้นั่งอยู่กับความเศร้าเพียงลำพัง


ที่สถานีบำรุงพันธุ์สัตว์ ใจเด็ดกลับจากโรงพยาบาล กำลังเดินมากับเจนจิรา เจนจิราช่วยหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า ส่วนอรอนงค์ก็เดินมากับสุบิน จังหวะนั้นภิรมย์ สมหญิงพร้อมกับคนงานอีกจำนวนหนึ่งวิ่งออกมาจากสำนักงานสถานี
“หัวหน้ามาแล้ว” สมหญิงตะโกน
“หัวหน้า...ผมคิดถึงหัวหน้าจะแย่...ขอกอดทีนะครับ”
ภิรมย์ทำท่าจะโผเข้าไปกอดใจเด็ด แต่เกริกไกรเข้ามาขวางเอาไว้
“น้อยๆหน่อย...หัวแตกไม่ใช่ไปเสริมเต้า...ฉันขนลุกแทน...ไอ้เด็ด...โทษทีไม่ได้ไปรับ...พอดีฉันยุ่งๆทางนี้อยู่”
“ดีแล้ว...ขอบใจที่แกช่วยดูแลที่นี่ตอนที่ฉันไม่อยู่”
ใจเด็ดตบบ่าเกริกไกรอย่างซี้ปึ้ก ก่อนจะรู้สึกใจแป้วเมื่อเห็นสรนุชยังไม่กลับ แล้วเสียงสุบินก็ดังขึ้น
“อะไรวะ...ยัยนุชนี่ยังไง...เพื่อนออกจากโรงพยาบาลทั้งที...แทนที่จะรอต้อนรับ”
“เอ้า...ยัยนุชอาจจะมีธุระไปทำกับคุณโชคชัยก็ได้” อรอนงค์บอก
“ธุระอะไร...ฉันไม่เห็นว่าจะมีธุระอะไรสำคัญไปกว่าฉัน” สุบินว่า
เจนจิราแอบชำเลืองมองใจเด็ดเพื่อสังเกตอาการ
“ไปพักก่อนดีกว่าค่ะ...เจนกับสมหญิงจัดที่จัดทางให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ใจเด็ดเอาแต่มองไปทางอื่น จนทำให้ไม่ได้สนใจเจนจิรา
“หัวหน้าคะ...” สมหญิงเรียก
ใจเด็ดรู้สึกตัว “เอ่อ...ว่าไงสมหญิง”
“หัวหน้าหาอะไรเหรอคะ” สมหญิงถาม
“เปล่าหรอก...เมื่อกี้เจนว่าอะไรนะ”
“รีบไปพักเถอะค่ะ”
“พี่ว่าพี่จะไปดูควายก่อน...ไม่ได้เจอพวกมันหลายวันแล้ว”
ใจเด็ดพูดจบก็เดินออกไป เจนจิรามองตาม สมหญิงพูดขึ้นโดยไม่รู้เรื่องอะไร
“แหม...ไอ้เราก็นึกว่าหัวหน้ามองหาอะไร...ที่แท้ก็คิดถึงควาย”
เจนจิรานิ่งเงียบเพราะรู้ว่าใจเด็ดคิดถึงสรนุชต่างหาก


สรนุชเดินหยุดหน้าตู้โทรศัพท์สาธารณะ ลังเลว่าจะเอายังไง ก่อนที่จะหยิบกระดาษโน้ตของชิดชัยขึ้นดู สรนุชครุ่นคิดหน้าเครียด

สมพลกำลังเดินไปเดินมาอยู่ภายในบ้าน สายตาจับจ้องมือถือที่วางบนโต๊ะด้วยความร้อนใจ ระหว่างนั้นเสียงมือถือของสมพลก็ดังขึ้น สมพลรีบพุ่งมารับแล้วมองเบอร์
“เบอร์ต่างจังหวัด” สมพลนิ่งคิด “หนูนุช” รีบกดรับ “หนูนุช”

สรนุชอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ
“รู้ได้ยังไงคะว่าเป็นดิฉัน”
“เอ่อ...ก็ไอ้วัตมันบอกว่าหนูยังอยู่ที่สุรินทร์”
“ถ้าอย่างนั้นวัตคงจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วใช่มั้ยคะ”
“จ้ะ...หนูนุช...พ่อต้องขอโทษแทนไอ้วัตมันด้วยนะ...ไอ้นี่มันโง่...มันไม่รู้ว่าอะไรเป็นเพชรอะไรเป็นอิฐ”
“ที่คุณสมพลให้ดิฉันโทรกลับ...เพื่อจะบอกแค่นี้หรือเปล่าคะ”
สมพลชะงักไปเพราะสัมผัสได้ถึงความเหินห่าง
“คือ...พ่ออยากจะบอกให้หนูนุชใจเย็นๆ...ชีวิตคู่มันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง...ดูอย่างพ่อกับแม่ไอ้วัตมันซิ...แต่ก่อนรักกันที่ไหน...แต่พออยู่ๆไป...ความรักความผูกพันมันก็มาเอง”
สรนุชเอาหูโทรศัพท์ออกเพราะขี้เกียจฟัง
“ให้โอกาสไอ้วัตมันอีกครั้งนะ...คราวนี้พ่อจะดูมันเอง...เมื่อไหร่ที่มันทำให้หนูนุชเจ็บ...พ่อจะทำให้มันเจ็บกว่าเป็นร้อยเท่า” สมพลต้องแปลกใจเมื่อสรนุชเงียบไป “ฮัลโหล...ฮัลโหล..หนูนุชฟังพ่ออยู่หรือเปล่า”
สรนุชได้ยินเสียงสมพลดังแว่วๆ ออกมาจากหูโทรศัพท์จึงกลับไปพูดเหมือนเดิม
“เอ่อ...ขอโทษนะคะคุณสมพล...พอดีเหรียญของดิฉันหมดแล้ว...แต่ดิฉันขอบอกคุณสมพลตอนนี้ก็ได้คะว่าดิฉันกับคุณณวัตคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก...แค่นี้นะคะ”
“เดี๋ยวก่อนซิหนูนุช...หนูนุช...โธ่เว้ย”
สรนุชเป่าปากฟู่ใหญ่ เหมือนยกภูเขาออกจากอก

สมพลพยายามกดโทรศัพท์กลับไปที่เบอร์ที่สรนุชโทร.กลับมา แต่ก็เป็นสัญญาณที่ติดต่อไม่ได้
“อวดดี! ถ้าพ่อแกไม่ได้เป็นนายพลคิดว่าฉันจะง้อผู้หญิงอย่างเธอหรือไง”
สมพลลงนั่งด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะกดโทรศัพท์หาชิดชัยอีกครั้ง สมพลพูดกรอกสายเสียงกร้าว

“ชิดชัย...ฉันมีเรื่องให้แกทำ”

อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.




กระบือบาล  ตอนที่ 10 (ต่อ)

ปลดพันธนาการได้ทั้งเรื่องโชคชัย และเรื่องณวัต เย็นวันนั้นสรนุชเดินลั้นลายิ้มอย่างสบายใจมาตามทางในสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์ ระหว่างนั้นใจเด็ดเพิ่งเดินกลับมาจากคอกควายมาทางนั้นพอดี ทั้งคู่เห็นกัน ใจเด็ดเห็นสรนุชยิ้มร่าก็ยิ่งปวดใจ จึงทำเป็นจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง สรนุชเห็นก็รีบเรียกเอาไว้

“นี่...” สรนุชรีบวิ่งเข้ามาขวางใจเด็ด
“เป็นไรของนาย...ทำไมเห็นหน้าฉันแล้วต้องเดินหนีด้วย”
ใจเด็ดพูดงอนๆ “เปล่า...ผมจะไปทางลัด”
“ไม่ต้องเลย...ก็เห็นๆ อยู่...ทำไม...นายโกรธฉันเรื่องอะไร”
“ผมจะไปมีสิทธิโกรธคุณได้ยังไง”
“นายพูดอย่างนี้แสดงว่าโกรธฉันแน่นอน”
ใจเด็ดไม่ยอมตอบแต่ทำท่าจะเดินเลี่ยงไป สรนุชไม่ยอมขยับตัวขวางไว้ ใจเด็ดขยับไปอีกทาง สรนุชก็ขยับขวางทางอีก
“วันนี้คุณไปทำอะไรกับนายกมา” ใจเด็ดตัดสินใจถาม
“อ๋อ...นึกว่าเรื่องอะไร...แล้วทำไมนายถึงอยากรู้ละ”
ใจเด็ดถอนหายใจเซ็งก่อนจะทำท่าจะเดินออกไป สรนุชรีบเอ่ยขึ้น
“คุณโชคชัยเขาบอกว่าชอบฉัน”
ใจเด็ดชะงักก่อนจะหันกลับมามองสรนุช หัวใจของใจเด็ดเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
“มิน่า...คุณถึงได้ดูสบายใจ”
“ใช่” ได้ฟังใจเด็ดยิ่งเศร้าลงถนัด สรนุชพูดต่อ “แต่ที่ฉันสบายใจ...เพราะฉันบอกเขาไปว่า...ฉันไม่ได้ชอบเขา”
ใจเด็ดอึ้ง รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงเพราะอยากรู้ “แต่นายกก็เป็นคนดี”
“คนดีกับคนรักมันไม่เหมือนกันซักหน่อย...ถ้าเป็นนาย...นายจะบังคับความรู้สึกตัวเองให้ชอบคนที่ไม่ได้ชอบได้หรือเปล่าละ”
ใจเด็ดได้ยินอย่างนั้นก็เผลอตัวยิ้มออกมาด้วยความดีใจ สรนุชเห็นรอยยิ้มของใจเด็ดก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกันว่าใจเด็ดคงจะหึง
ใจเด็ดเห็นสรนุชมองมาก็หุบยิ้ม
“แล้วอีกอย่าง...ฉันคิดว่าถ้าฉันจะมีความรักอีกครั้ง...ฉันก็อยากเจอผู้ชายที่เป็นเหมือนควาย”
“เหมือนควาย..?” ใจเด็ดฉงน
“ก็สามารถรักฉันโดยไม่มีเงื่อนไขไงละ”
ใจเด็ดถึงกับนิ่งงันไป ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าสรนุชหมายถึงเขา
“ไม่อยากรู้อะไรอีกแล้วใช่มั้ย...ฉันจะได้กลับเรือนรับรอง”
“เอ่อ...อืม”
สรนุชหันหลังเดินออกไป ใจเด็ดมองตามพลางอมยิ้ม จังหวะนั้นจู่ๆ สรนุชก็หยุดกึก ใจเด็ดเห็นก็รีบหลังกลับ สรนุชหันมาทางใจเด็ดก่อนจะพูดขึ้นอีก
“แล้วถ้านายเจอผู้ชายที่เหมือนควาย...ช่วยบอกฉันด้วยนะ”
พูดจบสรนุชพูดก็เดินออกไป โดยไม่รู้เลยว่าใจเด็ดนั้นกำลังยิ้มหน้าบานอยู่

ค่ำคืนนั้นสรนุชเอาแต่นั่งมองใบบัวบกในมือแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ระหว่างนั้นสรนุชได้ยินเสียงหินก้อนเล็กๆ มาโดนกระจกหน้าต่าง กิ๊ก !
สรนุชหันไปมองอย่างไม่แน่ใจ จึงเดินไปที่หน้าต่างเปิดออก ก่อนจะเห็นหินอีกก้อนห่อกระดาษหล่นเข้ามาในห้อง
สรนุชหยิบมาอ่าน “พบกันที่หน้าสถานี”
สรนุชอมยิ้มอย่างเขินๆ “นายเจอผู้ชายคนนั้นแล้วเหรอ”
สรนุชหัวใจพองขึ้นมาทันที

ด้านเจนจิราเดินออกมาจากบ้านพัก เพราะนอนไม่หลับ ลงมานั่งที่บันไดหน้าบ้าน ระหว่างนั้นเจนจิรามองเห็นแสงไฟห่างออกไปไม่ไกล และเห็นว่าแสงไฟนั่นค่อยๆ เคลื่อนเดินเข้ามา เจนจิราเขม้นมองด้วยความสงสัยก่อนจะเห็นว่าเจ้าของไฟฉายนั้นเป็นสรนุชนั่นเอง
“ดึกขนาดนี้จะไปไหนอีก”
เจนจิราครุ่นคิด ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินตามสรนุชไป

สรนุชเดินเข้ามายังบริเวณที่นัดเอาไว้ตามกระดาษโน้ต
“นายอยู่ไหน...ฉันมาแล้ว”
ระหว่างนั้นสรนุชได้ยินเสียงสวบสาบดังมาจากทางด้านหลัง สรนุชอมยิ้มก่อนจะปั้นหน้านิ่งแล้วหันไปด้วยหัวใจที่พองโต
แต่แล้วสรนุชก็ต้องอึ้งไป เพราะคนที่ยืนอยู่ไม่ใช่ใจเด็ด แต่เป็นชิดชัย
“แก”
“จะตกใจทำไม...ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นฉันไม่ใช่เหรอ”
ในอีกมุมหนึ่ง เจนจิราเองก็อึ้งไป เมื่อเห็นว่าคนที่สรนุชแอบมาพบคือชิดชัย
“พวกคาบาตี้...ทำไมสองคนนั่นถึงได้”
เจนจิราคิดไปคิดมา ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆ ย่องออกไป

เจนจิราเคาะประตูใจเด็ดเสียงดัง “พี่เด็ด...พี่เด็ด”
เสียงของเกริกไกรขานรับมาจากข้างใน
“มาแล้ว...มาแล้ว”
เกริกไกรเปิดประตูออกก่อนจะมองเจนจิราอย่างแปลกใจ
“มีอะไรกัน...ควายที่ไหนเจ็บท้องหรือไง”
ใจเด็ดเดินตามออกมา “มีเรื่องอะไรเจน”
“คุณสรนุชเป็นสายลับให้พวกคาบาตี้ค่ะ” เจนจิราบอกอย่างมั่นใจในสิ่งที่เห็น
ใจเด็ดฟังแล้วอึ้งไป “เจน...พี่ว่ามันเกินไปแล้วนะ”
“เจนไม่ได้กล่าวหาคุณสรนุชลอยๆ นะคะ...ถ้าพี่เด็ดอยากรู้ความจริงก็รีบไปกับเจนตอนนี้...เพราะคุณสรนุชกำลังคุยอยู่กับผู้จัดการของคาบาตี้”
ใจเด็ดสีหน้าเครียดลงทันที

เวลาดียวกันสรนุชกำลังคุยกับชิดชัย สีหน้าเครียด
“ฉันคุยกับสมพลเรียบร้อยแล้ว...ทำไมฉันต้องโทร.ไปหาอีก”
“โธ่...ถ้าเรียบร้อยจริง...ทำไมคุณสมพลต้องให้โทร.กลับอีกเล่า” ชิดชัยเยาะ
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้...แต่แกกลับไปได้แล้ว”
“ไม่กลับ...จนกว่าเธอจะโทร.หาคุณสมพล”
“ฉันไม่โทร....จะไปมั้ย”
“ไม่”
สรนุชหันไปมองรอบตัวก่อนจะหยิบกิ่งไม้ขนาดเหมาะมือขึ้นมา
“ไป๊”
“คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง...ถ้าเธอไม่ยอมโทร.หาคุณสมพล...ฉันก็ต้องเอาตัวเธอไป”
ว่าแล้วชิดชัยก็ขยับเข้ามาประชิดตัวสรนุชทันที สรนุชฟาดไม้ในมือใส่ แต่ชิดชัยคว้าไว้ได้ ก่อนที่ชิดชัยจะเหวี่ยงสรนุชล้มลง แล้วโยนไม้ที่แย่งมาได้ทิ้ง
“ก็แค่นี้”
ชิดชัยโผจะเข้าไปจับสรนุช แต่ทันใดนั้นใจเด็ดก็กระโดดเข้ามาแล้วถีบยอดอกชิดชัยจนเซล้มหงายหลัง
“แกจะทำอะไร”
“ไอ้พวกกระบือบาล” ชิดชัยตกใจมาก
ใจเด็ดเดินเข้ามา เกริกไกรก้มลงหยิบไม้กระชับในมือ ชิดชัยเห็นท่าไม่ดี เลยหันหลังแล้ววิ่งออกไปทันที
พอชิดชัยไปใจเด็ดก็รีบเข้ามาหาสรนุชทันที “เป็นไรมั้ยคุณ”
ใจเด็ดประคองสรนุชลุกขึ้น บาดตาเจนจิรานัก ทันใดนั้นเจนจิราก็เข้ามาทันที เสียงขุ่นเขียว
“เธอคุยอะไรกับพวกมัน”
“เอ่อ...”
“เจน...คุณนุชโดนมันทำร้าย...เธอไม่เห็นหรือไง” ใจเด็ดหันมาเอ็ดเจนจิราที่ไม่รู้กาลเทศะ
“พี่เด็ดอาจจะมาเห็นตอนนั้นพอดี...แต่ก่อนหน้านี่พี่เด็ดไม่เห็นนี่คะ...” เจนจิราพูดพลางเดินเข้าไปหาสรนุช “บอกมาว่าเธอคุยอะไร” เจอคาดคั้นแบบนี้สรนุชถึงอึ้งๆ “เธอเป็นพวกเดียวกับมันใช่มั้ย” เจนจิราเขย่าตัวสรนุชอย่างเคืองแค้น “ใช่มั้ย...ใช่มั้ย”
ใจเด็ดเห็นอย่างนั้นก็รีบเข้าไปขวางเจนจิราทันที “พอได้แล้วเจน”
“พี่เด็ด...พี่เด็ดไม่เชื่อเจนเหรอคะ” เจนจิราโวยวาย
“พี่เชื่อในสิ่งที่พี่เห็น” ใจเด็ดตัดบท “หมอ...ฉันฝากพาเจนกลับไปที่บ้านด้วย” หันมาพูดกับสรนุช “เดี๋ยวผมไปส่ง”
ใจเด็ดดึงสรนุชออกไป เจนจิรามองตามด้วยความเจ็บใจที่ตัวเองกลายเป็นคนโกหกไปซะงั้น

ครู่ต่อมาใจเด็ดเดินนำสรนุชมาตามทาง สรนุชเดินครุ่นคิดตามมาข้างหลัง
“นายไม่น่าว่าเจนเขาอย่างนั้น”
ใจเด็ดหยุดเดินทันที “ทำไม...หรือคุณจะบอกว่าคุณเป็นพวกคาบาตี้อย่างที่เจนว่างั้นเหรอ”
สรนุชนิ่งไปคิดในใจว่าจะเอายังไง ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับใจเด็ด
สรนุชกำลังจะอ้าปากบอก ใจเด็ดสวนออกมาทันที“ผมไม่เชื่อ”
สรนุชชะงักอ้าปากค้าง
“ผมไม่มีทางเชื่อว่าคุณจะเป็นพวกเดียวกับคาบาตี้...ผมรู้ว่าที่เจนพูดออกมาอย่างนั้น เพราะเขาไม่ค่อยชอบคุณ”
“แต่...แต่นายยังไม่รู้จักฉันดีเลยนะ” สรนุชท้วง
“แต่ก็ดีพอที่จะรู้ว่าคุณยอมเสี่ยงชีวิตช่วยผม” ใจเด็ดบอก
ทั้งคู่เดินเดินมาจนถึงเรือนรับรอง สรนุชทำท่าจะเดินขึ้นเรือนรับรอง ก่อนจะตัดสินใจหันมาบอกกับใจเด็ดที่ยืนรออยู่
“เอ่อ...ฉันมีเรื่องจะบอกนาย”
“ผมเองก็มีเรื่องจะบอกคุณเหมือนกัน...พรุ่งนี้คุณไปพบผมที่ลำธารที่เราเคยไปได้มั้ย”
“ทำไมต้องไปที่นั่นด้วย” สรนุชงง
“พรุ่งนี้คุณก็จะรู้เอง”
สรนุชมองตามใจเด็ดด้วยความสงสัย

เวลาผ่านไปจนดึกดื่น...สามคนสามหัวใจอยู่ในอาการแตกต่างกัน
สรนุชนอนไม่หลับ นั่งครุ่นคิดสงสัยไปมาว่าใจเด็ดจะบอกอะไรเธอ ส่วนที่บ้านพักของใจเด็ด...ใจเด็ดหยิบเสื้อที่เคยคิดจะมอบให้สรนุชขึ้นมาดู ใจเด็ดมองมันแล้วยิ้มเป็นสุข แตกต่างจากเจนจิราที่กำลังนอนร้องไห้ด้วยความชอกช้ำใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น สรนุชตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดสวยกำลังส่องกระจกด้วยสีหน้าสุขใจ
ระหว่างนั้นเสียงคนงานดังขึ้นที่หน้าเรือนรับรอง
“คุณนุชคะ คุณนุช”
สรนุชหันมองไปทางเสียง พอเดินออกมาจากห้องก่อนจะเห็นคนงานยืนอยู่
“คะ”
“หัวหน้าใจเด็ดฝากเสื้อนี่มาให้คุณค่ะ”
สรนุชรับมาด้วยความแปลกใจ “ขอบคุณคะ”
คนงานเดินจากไป สรนุชคลี่เสื้อออกดูพร้อมกับเห็นกระดาษโน้ตร่วงออกจากเสื้อ
สรนุชหยิบมันขึ้นมาอ่าน “ที่ลำธารอากาศเย็น ผมอยากให้คุณใส่เสื้อตัวไป”
สรนุชยิ้มอย่างมีความสุข ระหว่างนั้นเสียงสุบินดังขึ้น
“ไหน...ใครเอาอะไรมาให้หรือไง”
สรนุชหันไปเห็นสุบินเดินคอตั้งใส่เฝือกคอ ออกมา
“ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรได้ไง...ก็นั่นไง...เสื้อใคร”
สุบินพยายามจะเดินเข้ามาดูเสื้อในมือสรนุช ระหว่างนั้นอรอนงค์วิ่งพรวดพราดหน้าตาตื่นขึ้นมาบนบ้าน
“นุช...นุช”
“อะไร”
“พ่อเธอโทร.มา”
สรนุชนิ่วหน้าด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด

สรนุชรีบมารับสายภายในสำนักงาน
“สวัสดีค่ะ..” นิ่งฟัง “คะพ่อ” สีหน้าแปลกใจเปลี่ยนเป็นช็อก “อะไรนะคะ”
อรอนงค์กับสุบินก็พลอยตกใจไปกับอาการของสรนุชด้วย

ไม่นานหลังจากนั้นรถของสรนุชขับมาตามทางด้วยความเร็วสูง ภายในรถ...เห็นว่าอรอนงค์เป็นคนขับ สุบินนั่งอยู่ข้างหลัง สรนุชนั่งอยู่ข้างๆ ร้อนใจ
“ขับเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรออร”
“นี่ก็เร็วแล้วนะนุช...เอาน่า...แม่เธอต้องไม่เป็นไร”
อรอนงค์กุมมือสรนุชให้กำลังใจ เช่นเดียวกับสุบินที่ตบไหล่ให้กำลังใจสรนุชที่ดูกระวนกระวายเช่นกัน

ตอนสายวันนั้นใจเด็ดยืนอยู่ริมลำธาร รอคอยสรนุชอย่างเป็นสุข

บ่ายวันเดียวกันนั้นรถของสถานีแล่นเข้ามาจอดก่อนที่จะเห็นเกริกไกร เจนจิรา ภิรมย์ สมหญิงและคนงานทยอยลงจากรถ
“ดีนะที่พวกเราไปถึงทันเวลา...ไม่อย่างนั้นมีหวังได้ตายคาท่อแน่” เกริกไกรเอ่ยขึ้น
“ทำไมควายมันถึงได้ตกท่อคะหมอ” สมหญิงงงไม่หาย
“เอ...ถามแปลกๆ...ควายมันรู้จักท่อมั้ยละ...ถ้ามันรู้จักมันก็คงไม่ตกหรอก” ภิรมย์หยัน
เกริกไกรหันไปหยิบของฝากออกมาจากท้ายรถกระบะ
“โห...ไหนว่าช่วยควายไม่หวังผลตอบแทนไงหมอ”
“ฉันไม่ได้เอามากินเองซะหน่อย...ฉันเอามาให้คุณอร...ฉันฝากเก็บเครื่องมือด้วยนะ”
เกริกไกรรีบถือของฝากเดินออกไปทางเรือนรับรองทันที เจนจิรามีสีหน้าไม่พอใจ

เกริกไกรถือวิสาสะเดินขึ้นมาบนเรือนรับรอง “คุณอรครับ...คุณอร”
เกริกไกรทำหน้าแปลกใจเมื่อไม่พบใครจึงตะโกนเรียกอีก “ไปไหนกันหมด...คุณนุช...คุณสุบิน”
จังหวะนั้นเกริกไกรผลักประตูเข้าไปในห้องนอนของอรอนงค์ แล้วเกริกไกรก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าในตู้หายไป
เกริกไกรกำลังจะเดินออกพ้นประตูห้อง แล้วเกริกไกรก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นกระดาษโน้ตติดอยู่ที่ประตู
เกริกไกรดึงกระดาษโน้ตมาอ่านก่อนจะมีสีหน้าตกใจ

ตั้งแต่สาย เวลาบ่ายคล้อย จนเวลานี้เย็นย่ำ วันนั้นทั้งวันใจเด็ดรอการมาของสรนุชอย่างกระวนกระวาย
“ทำไมช้าจัง...หรือว่าจะหลง”
ใจเด็ดมองไปทางราวป่าด้วยความเป็นห่วง
เวลาผ่านไป...พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ แสงรายรอบตัวใจเด็ดเริ่มมืดลง แต่ใจเด็ดยังคงนั่งรออยู่บนโขดหินที่เดิม
ค่ำคืนนั้นชาวกระบือบาลทุกคนนั่งรวมกลุ่มต่างคนต่างอารมณ์ เกริกไกรดูยังช็อกไม่หาย ภิรมย์กับสมหญิงหน้าเศร้าๆ ขณะที่เจนจิราดูไม่รู้สึกรู้สมอะไร
ระหว่างนั้นใจเด็ดเดินกลับเข้ามา เอ่ยถามขึ้น “ทุกคนมานั่งทำอะไรกันตรงนี้”
ทุกคนได้ยินเสียงใจเด็ดต่างก็กรูกันเข้ามา
“มีอะไร...หรือว่ามีควายล้ม”
“ไม่ใช่เรื่องควายหรอกไอ้เด็ด”
เกริกไกรพูดแล้วก็นิ่งไปเหมือนจุกที่ลำคอ เจนจิราพูดต่อทันที
“คุณสรนุชกลับกรุงเทพฯไปแล้วค่ะ”
“ว่าไงนะ...ไม่จริง...เจน...เลิกเล่นได้แล้ว”
“เจนไม่ได้เล่นค่ะ...ถ้าพี่เด็ดไม่เชื่อก็ไปดูเองได้”
ใจเด็ดหุนหันจะวิ่งออกไป แต่เกริกไกรเรียกเอาไว้ “แกไม่ต้องไปหรอก”
ใจเด็ดชะงัก แล้วหันกลับมาจึงเห็นเกริกไกรเดินเข้ามาพร้อมกับส่งกระดาษโน้ตให้
ใจเด็ดรับมาอ่าน “ฉันมีธุระด่วนต้องกรุงเทพเดี๋ยวนี้ ขอโทษทุกๆ คนด้วย...สรนุช”
ใจเด็ดถึงกับอึ้งไป

กลางดึกคืนนั้น รถของสรนุชแล่นปราดเข้ามาจอดที่ด้านหน้า สรนุชรีบเปิดประตูแล้ววิ่งพรวดลงจากรถไป สุบินกับอรอนงค์ ตามลงมา
ภายในบ้านเวลานั้น...พลเอกสรยุทธนั่งหัวเราะอยู่กับคุณหญิงเลิศหล้า โดยมีสมพล และณวัตร่วมวงอยู่ด้วย คุณหญิงเลิศหล้าไม่มีทีท่าของคนเจ็บป่วยแต่อย่างใด
สรยุทธมองไวน์ในมืออย่างชื่นชม
“ไวน์ทุกขวดมันก็มีเรื่องราวของตัวมันเอง...ประหลาดนะคุณสมพล...ถ้าเรารู้เรื่องราวของมันก่อนที่ดื่ม...มันจะทำให้รสชาติของมันดีขึ้นอีกเยอะเลย”
“ขอบคุณครับท่าน...ผมเองก็เพิ่งรู้วันนี้นี่เอง...และหวังว่าเรื่องราวของไวน์ขวดนี้จะทำให้ท่านไม่ผิดหวัง” สมพลปะเหลาะ
ระหว่างนั้นสรนุชวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องรับแขก “แม่”
ทุกคนหันไปก็ตกใจ เมื่อเห็นสรนุชยืนอยู่ สรนุชเองก็อึ้งไปเพราะคุณหญิงเลิศหล้าดูสบายดี
“ยัยนุช” สรยุทธอุทาน
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรเหรอคะ”
ทุกคนทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้จะพูดยังไง โดยเฉพาะณวัตที่หลบตาไม่กล้าสู้ สรนุชเห็นทุกอย่างก็เดาออกได้ทันที
“ทุกคนรวมหัวกันหลอกนุชใช่มั้ยคะ”
สรนุชนิ่งไป ด้วยความโกรธ

ระหว่างนั้นสุบินกับอรอนงค์วิ่งเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงบ้า..”สุบินหันไปมองรอบห้อง “อุ้ย...!”
แล้วสุบินกับอรอนงค์ก็ถึงกับชะงักไปเมื่อเห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อรอนงค์รีบเข้าไปหาคุณหญิงเลิศหล้า
“เป็นไงบ้างคะคุณแม่...ไปโรงพยาบาลมั้ยคะ”
“อร...สุบิน...แกสองคนไปรอข้างนอกก่อนไป” สรนุชสั่ง
“อ้าว...ทำไมละ...แกไม่พาแม่ไปส่งโรงพยาบาลก่อนเหรอ”
“แม่ฉันไม่ได้เป็นไร...ไปรอข้างนอกก่อนไป”
สุบินรู้ทางลมจึงเข้ามาดึงอรอนงค์ให้เดินออกไป ทั้งคู่ยกมือไหว้เลิศหล้ากับสรยุทธ ไม่ยอมไหว้ สมพล ก่อนจะเดินออกไป
สมพลเมื่อเห็นสรนุชโกรธจัด ก็ลุกขึ้นมาจะอธิบาย
“ลูกนุชฟังพ่อก่อนนะ”
“ทุกคนอยากให้หนูกลับมาก็บอกกันตรงๆ ก็ได้...ทำไมต้องมาแช่งให้แม่ไม่สบายด้วย” สรนุชเสียงแข็ง
สมพลรีบปฏิเสธทันที “ใครบอก...พวกเราไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นเลย”
“รู้มั้ยว่าหนูรีบขับมาเท่าไหร่...ดีที่หนูไม่ตายเพราะรถคว่ำก่อน”
แต่ยังไม่ทันที่สมพลจะเข้ามาพูดกับสรนุช สรยุทธผู้เป็นพ่อก็สวนขึ้น
“พอได้แล้ว...มันจะอะไรนักหนา...คุณสมพลเขาเป็นผู้ใหญ่...ลูกพูดกับคุณสมพลอย่างนั้นได้ยังไง”
“ผู้ใหญ่ก็ควรทำตัวให้น่านับถือแบบผู้ใหญ่ซิคะ” สรนุชตอกกลับอย่างไม่ยี่หระ
สมพลถึงกับสะดุ้งหันมองหน้ากับณวัตกันเลิ่กลั่ก
“พ่อเป็นคนคิดเรื่องทุกอย่างขึ้นมาเอง...ถ้าพ่อไม่ทำอย่างนี้แล้วแกจะยอมกลับมามั้ย” สรยุทธบอก
“แม่คิดถึงลูกนะ...ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่ค่อยแข็งแรง...สามวันดีสี่วันไข้...จะเป็นอะไรขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้...กลับมาอยู่บ้านเรานะลูก” คุณหญิงผสมโรง
สรนุชมองเลิศหล้าด้วยความรู้สึกผิดเช่นกัน
สมพลรีบสอดขึ้นเมื่อเห็นสรนุชอ่อนลง “ไม่ต้องห่วงที่สุรินทร์นะลูกนุช...พ่อกำลังหาคนไปทำหน้าที่แทนลูกอยู่...ตอนนี้ลูกนุชจะได้กลับมาดูแลคุณหญิง...แล้วอีกอย่างจะได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับงานหมั้นด้วยไง”
“หมั้น..? !!” สรนุชฉงนภายในใจ
สมพลเห็นสรนุชทำหน้าประหลาดใจ ก็รีบเหยียบเท้าส่งซิกให้กับณวัต
ณวัตร้องลั่น “โอ้ย” พอหันไปเห็นสมพลส่งซิกให้ณวัตพูดอย่างที่เตี๊ยมกันมา “ใช่จ้ะ...นุช...คุณก็รู้ว่าผมอยากจะแต่งงานกับคุณ...แต่ถ้าคุณไปอยู่สุรินทร์อย่างนี้แล้วเมื่อไหร่เราจะแต่งงานกันละครับ”
สรนุชงง อึ้งกับสิ่งที่ณวัตพูด “แต่งงานอะไร...ก็ในเมื่อคุณกับฉัน”
ณวัตรีบสอดขึ้นเพราะกลัวสรนุชพูดออกมาเรื่องที่ตัวเองบอกเลิก และไปอาละวาดที่สุรินทร์มา
“ผมเองก็ไม่ได้อยากเร่งเร้าอะไรนุชหรอก...แต่คุณแม่คุณซิ...บอกว่าอยากอุ้มหลานเร็วๆ”
เลิศหล้ารีบเสริมทันที “ใช่จ้ะ...แม่คุยกับคุณสมพลแล้ว...ว่าให้หาตำแหน่งอะไรที่มันสบายๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก...นะ...ทำเพื่อแม่สักครั้งนะลูก”
สรนุชนิ่งไปไม่อยากพูดอะไรเพราะกลัวทำให้เลิศหล้าไม่สบายใจ ก่อนจะมองไปที่ณวัตด้วยแววตารังเกียจ

ทางด้านสุบินกับอรอนงค์นั่งรอสรนุชอยู่ที่สนาม
“นี่ฉันงงไปหมดแล้ว...ตกลงแม่นุชสบายหรือไม่สบายกันแน่”
“แค่นี้แกดูไม่ออกหรือไง...ร้อยเอาบาท...ฉันว่ามันต้องเป็นแผนของไอ้ณวัตแน่นอน”
ระหว่างนั้นสรนุชเดินเข้ามา
“นุช...” อรอนงค์เดินเข้าไปหา “ทั้งหมดเป็นแผนของณวัตเหรอ”
“พวกแกกลับไปก่อน...แล้วฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง”
สุบินกับอรอนงค์เห็นสรนุชสีหน้าเครียดก็ชักจะเป็นห่วง ระหว่างนั้นเสียงณวัตดังขึ้น
“นุช”
ณวัตเดินออกมาแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสรนุชอยู่กับสุบินและอรอนงค์ สุบินพอเห็นณวัตก็ของขึ้นทันที
“หนอย...ขอเอาคืนหน่อยเถอะวะ”
สุบินปรี่เข้าไปจะเอาเรื่องณวัต สรนุชกับอรอนงค์รีบห้าม
“อย่า...เดี๋ยวก็ได้หนักกว่าเก่าหรอก” อรอนงค์บอก
“ไม่สนเว้ย...ฉันไม่ยอมให้มันทำฉันฝ่ายเดียวหรอก”
ณวัตเดินเข้ามาแล้วทำหน้าท้าทาย
“ก็ดี...คราวที่แล้วฉันเบามือไปหน่อย...คราวนี้แกอยากให้ตรงไหนหักละ”
“ดั้งแกไง...หน้าตัวเมียอย่างแกถ้าไม่เล่นทีเผลอไม่มีทางชนะฉันหรอกเว้ย”
“แกว่าใครหน้าตัวเมีย”
“ก็ใครที่มันตบหน้ายัยนุชละ”
สรนุชเสียงดังขึ้นห้าม “สุบิน...!” สุบินยอมหยุด “ฉันขอร้อง...กลับไปก่อนนะ”
สุบินมองหน้าสรนุชที่ดูขึงขังจริงจัง จึงต้องยอมอ่อนลง
“ไปอร”
สุบินเดินฮึดฮัดออกไป อรอนงค์หันมาบอกสรนุชด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไรรีบโทรหาพวกฉันนะ” สรนุชพยักหน้าให้อรอนงค์ “ฉันไปก่อนนะ”
อรอนงค์รีบวิ่งตามสุบินออกไป ณวัตเดินเข้ามาหาสรนุช
“วัตนึกว่านุชจะเข้าข้างไอ้พวกนั้นมากกว่าวัตซะอีก” ณวัตยิ้มเดินเข้ามาหาสรนุช
“คุณอย่าเข้าใจผิด...ฉันไม่อยากให้มีเรื่องมีราวในบ้านฉัน”
สรนุชจะเดินหนี ณวัตดึงแขนสรนุชเอาไว้
“นุชยังโกรธวัตอยู่อีกเหรอ”
“ปล่อย” สรนุชเสียงกร้าว
“ไม่...นุช...ผมขอโทษ...ผมรู้ว่าผมทำรุนแรงไปหน่อย...แต่ที่ผมทำลงไปก็เพราะว่าผมหึงคุณนะ...นุช...เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ...คุณไม่เสียดายผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างผมหรือไง”
สรนุชแค่นยิ้มออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “คุณนี่ชอบทำอะไรที่ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ”
“วัตรู้ว่านุชชอบเซอร์ไพรส์ไง” ณวัตยังไม้รู้ตัว
“ใช่...คุณทำเซอร์ไพรส์ฉันหลายๆ อย่าง...ทั้งด่า...ทั้งตบ...แล้วก็บอกเลิก...แถมตอนนี้...คุณยังมาขอคืนดี...เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน...ฉันถามจริงๆ เถอะ...คุณทำได้ยังไง”
ณวัตชะงักหน้าเจื่อนรู้ว่าถูกสรนุชกัด แต่ณวัตก็ทำเป็นแกล้งโง่
“ก็เพราะว่าวัตรักนุชไง”
สรนุชสะบัดมือของณวัตออก “คุณมันน่าขยะแขยงที่สุด”
สรนุชพูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านทันที ณวัตพยายามเรียกเอาไว้
“นุช...นุช”
เพียงชั่วพริบตาแล้วณวัตก็เปลี่ยนสีหน้าแววตาเป็นร้ายกาจขึ้นมา
“ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อเธอ...คิดว่าฉันจะสนผู้หญิงอย่างเธอหรือไง...หึ!”

เวลาเดียวกันนั้นใจเด็ดมาสุมไฟไล่ยุงให้ควายที่คอกควายในสถานี แล้วนั่งคิดถึงสรนุช ด้วยความไม่เข้าใจหลายอย่าง

ขณะเดียวกัน ข้าวของต่างๆ ที่สรนุชรื้อออกมาจากกระเป๋า วางเกลื่อนพื้นห้อง แต่แล้วสรนุชก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นเสื้อที่ใจเด็ดมอบให้เธอ สรนุชค่อยๆหยิบมันขึ้นมา คิดไปถึงใจเด็ด
“ฉันขอโทษ...ฉันไม่มีโอกาสพูดกับความจริงกับคุณ แต่รอฉันนะ...ฉันจะกลับไป...ไปสารภาพทุกอย่างกับคุณ”
สรนุชมองเสื้อที่ใจเด็ดมอบให้ด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งคิดถึง รู้สึกผิด สับสนไปหมด
เป็นเวลาเดียวกับที่ใจเด็ดยังนั่งเหม่อที่คอกควาย ใจเด็ดถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น แต่แล้วทันใดนั้นใจเด็ดก็รู้สึกปวดหนึบขึ้นมาที่แผล
ใจเด็ดกุมแผลที่ศรีษะแล้วเซไปพักที่คอกควาย ใจเด็ดกัดฟันทนความเจ็บ ระหว่างนั้นควายเข้ามาดุนๆ ที่หลังใจเด็ดด้วยความเป็นห่วง ใจเด็ดหันมองไปที่ควายแล้วยกมือขึ้นลูบหัว
“ไม่เป็นไรหรอกน่า”

ใจเด็ดตบหัวควายเบาๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะรู้สึกว่าความเจ็บปวดที่ศีรษะเริ่มทุเลาลงแล้ว


อ่านต่อหน้า 4




กระบือบาล  ตอนที่ 10 (ต่อ)

ตอนเช้าวันต่อมา สมพลกำลังคุยโทรศัพท์กับผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง ภายในห้องทำงานที่คาบาตี้สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

“ใช่ครับ...พลเอกสรยุทธ...เลิศพิทักษ์...ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด...ผมคงจะเชิญท่านมารับตำแหน่งสำคัญที่นี่...แล้วคิดดูซิครับว่าถ้าเป็นอย่างนั้น...บริษัทรถไถอื่นๆ ที่คิดจะแข่งกับเราก็คงต้องคิดหนักเหมือนกัน..” สมพลเงียบฟัง “แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยน...ผู้ถือหุ้นทุกคนจะต้องให้ผมมีอำนาจเต็มในการจัดการทุกอย่างที่นี่เหมือนเดิม”
ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะเห็นสรนุชเดินเข้ามาภายในห้อง สมพลพอเห็นสรนุชก็ตกใจแต่เก็บอาการได้
“ยังไง...เดี๋ยวผมจะโทรไปฟังคำตอบอีกทีนะครับ”
สมพลรีบวางสายไปเพราะกลัวสรนุชจะได้ยินอะไร ก่อนจะหันมายิ้มให้กับสรนุช
“สวัสดีลูกนุช...พ่อนึกว่าลูกจะพักให้หายเหนื่อยก่อนซะอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...หนูไม่ได้เหนื่อยอะไร”
“เออ...มาก็ดีแล้ว...เมื่อกี้พ่อคุยกับผู้ถือหุ้น...เขาบอกว่าเขาได้อ่านรายละเอียดของยุทธศาสตร์ดาวเปื้อนดินแล้ว...เขาชอบมากที่ลูกหาข้อมูลได้ลึกขนาดนั้น...แล้วลูกมานี่มีอะไรหรือเปล่า...หรือว่าไอ้วัตมันก่อเรื่องอะไรอีก”
สรนุชนิ่งไปก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้น “หนูมาลาออกค่ะ”
สมพลได้ยินอย่างนั้นถึงกับอึ้งไป
“เอ่อ...อะไรนะ...เมื่อกี้พ่อได้ยินไม่ชัด...ลูกมาลาพักใช่มั้ย”
สรนุชย้ำชัด “ลาออกค่ะ”
“พ่อรู้ว่าลูกเพิ่งกลับมาอาจจะยังเหนื่อย...เอาอย่างนี้...พ่ออนุญาตให้ลาพักไม่มีกำหนด...แล้วถ้าจะชวนอรอนงค์ไปด้วยก็ได้...พ่อไม่ว่าอะไรเลย”
“แต่ว่า...”
“ไม่พอเหรอ...เอาไอ้วัตไปด้วยอีกคนมั้ย...พ่ออนุญาตให้เราใช้งานมันได้เต็มที่”
สมพลพูดพร้อมกับจะหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาลูกชายแสบ แต่สรนุชพูดขัดขึ้น
“หนูตั้งใจไว้แล้วค่ะ...ที่หนูมาบอกคุณพ่อวันนี้เพราะอยากจะแจ้งให้ทราบก่อน...ส่วนหนังสือลาออก...หนูจะทำมาให้อย่างเป็นทางการอีกที...หนูไม่รบกวนเวลาของคุณพ่อแล้วค่ะ”
สรนุชยกมือไหว้สมพลก่อนจะลุกเดินออกไป สมพลถึงกับชะงัก อ้าปากค้าง
“หนูนุช...หนูนุช ! โธ่เว้ย...อะไรนักหนาวะ”
สมพลทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิดขณะที่เริ่มคิดทันทีว่าจะทำยังไงต่อไป


เวลาเดียวกันนั้นเกริกไกรกำลังกดโทรศัพท์สำนักงานโทรออกก่อนจะรอสาย เกริกไกรกดวางสายแล้วกดใหม่อีกครั้ง แต่ก็ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม
ใจเด็ดแอบมองเกริกไกรเผลอลุ้นไปในตัว ขณะที่เจนจิราเองที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเกริกไกรกดโทรศัพท์ก็สุดจะทน
“พอได้แล้วหมอ...ก็เห็นอยู่ว่าพวกเขาปิดเครื่อง”
“หรือไม่ก็...ตอนนี้คุณอรอาจจะอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณก็ได้”
เกริกไกรกดโทรศัพท์อีกครั้ง แต่แล้วเจนจิราก็กดที่พักหูเพื่อตัดสาย
“แล้วหมอแน่ใจได้ยังไงว่าเบอร์ที่พวกเขาให้มาจะเป็นเบอร์ที่ติดต่อพวกเขาได้จริง” เจนจิราเยาะ
“หมายความว่าไง”
“ไม่รู้ซิ...บางทีพวกเขาอาจจะไม่ให้พวกเราโทร.ไปตั้งแต่แรกแล้วก็ได้”
“ไม่...คุณอรไม่ใช่คนอย่างนั้น...ไอ้เด็ด...แกไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง” เกริกไกรหันมาทางใจเด็ด
“สิ่งที่ฉันทำได้...แกก็กำลังทำอยู่นั่นไง...ไม่ต้องห่วงน่าหมอ...เดี๋ยวพวกเขาต้องติดต่อมาเอง”
“แต่ฉันสังหรณ์ใจว่ามันจะไม่ใช่อย่างนั้นซิวะ”
คำพูดของเกริกไกรทำให้ใจเด็ดเองก็นิ่งไปเช่นกัน
“นี่หมอกับพี่เด็ดเป็นอะไร...ทำไมถึงได้เป็นเดือนเป็นร้อนนักหนา...แต่ก่อนตอนที่พวกนั้นยังไม่มา...เจนก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไร”
“เจน...เธอไม่เข้าใจหรอกว่าความรักมันเป็นยังไง...มันทรมานแค่ไหนที่เราไม่ได้หน้าคนที่เรารัก” เกริกไกรเริ่มเพ้ออีก
“แต่สำหรับเจน...การได้เห็นหน้าคนที่เราแอบรักทุกวัน...แต่รู้ว่าเขาไม่รักเรามันเจ็บกว่าค่ะ”
เจนจิราตั้งใจจะพูดเพื่อกระทบกระเทียบให้ใจเด็ดได้รู้ แต่ใจเด็ดเองกลับไม่ได้คิดอะไร
“หมายความว่าไง”
เจนจิรารีบเสพูดไปเป็นเรื่องของเกริกไกร “ก็หมายความว่า...เจนไม่อยากให้หมอรออย่างไม่มีความหวัง...พวกเขาก็มีชีวิตของพวกเขา...บางทีหมออาจจะไม่รู้ว่าคุณอรอาจจะมีแฟนอยู่ที่กรุงเทพฯเหมือนคุณสรนุชก็ได้”
คำพูดของเจนจิราทำให้ทั้งใจเด็ดและเกริกไกรต่างก็นิ่งไปด้วยความเศร้า

เวลาต่อมาใจเด็ดเดินออกมาที่หน้าสำนักงาน ก่อนจะหยุดคิดถึงคำพูดของเจนจิรา
“ก็หมายความว่า...เจนไม่อยากให้หมอรออย่างไม่มีความหวัง...พวกเขาก็มีชีวิตของพวกเขา...บางทีหมออาจจะไม่รู้ว่าคุณอรอาจจะมีแฟนอยู่ที่กรุงเทพเหมือนคุณสรนุชก็ได้”
ใจเด็ดพยายามสลัดความคิดออกแล้วเดินต่อ แต่ใจเด็ดก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นโชคชัยเดินเข้ามาพอดี
“ใจเด็ด”
“นายกมาทำอะไรครับ” ใจเด็ดเอ่ยทัก
โชคชัยเดินเข้ามาประจันหน้ากับใจเด็ด
“นายติดต่อคุณนุชได้หรือยัง”
ใจเด็ดชะงักไปด้วยความหึง “ยังครับ...”
โชคชัยสีหน้าเครียดลง ใจเด็ดเห็นอย่างนั้นก็พูดขึ้นเหมือนต้องการจะบอกบางอย่างกับโชคชัย
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับนายก...ยังไงคุณนุชก็ต้องกลับมา...เธอยังมีเรื่องที่ไม่ได้ทำ”
“เรื่องที่ยังไม่ได้ทำ..? หมายความว่าไง” โชคชัยงง
“เอ่อ...ก็คงเป็นสารคดีที่เธอยังถ่ายไม่จบ”
โชคชัยนิ่งไปก่อนจะพูดขึ้นตามความรู้สึกของตนเอง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี...ถ้าคุณนุชกลับมาที่นี่...ฉันจะไม่ยอมเสียเธอไปอีก”
ใจเด็ดชะงักไปเพราะไม่รู้ว่าโชคชัยหมายความว่าไง แต่เขาเองก็รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวด้วยความหึงขึ้นมาทันที

บ่ายวันเดียวกันนั้นเสียงกริ่งดังลอดเข้ามาในห้องที่คอนโดสุบิน
สุบินเปิดประตูห้องออกมา แล้วสุบินก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสรนุชกับอรอนงค์ยืนอยู่
“เฮ้ย!”
สรนุชกับอรอนงค์สงสัยกับอาการของสุบิน
“เป็นไร...ทำไมต้องตกใจอย่างนั้นด้วย”
“เปล่า...แล้วแกสองคนมาทำอะไร”
“ก็มาหาแกไง” แล้วยกข้าวของที่ซื้อมาฝากให้ดู “นี่...”
สุบินเหล่มองเข้าไปในห้องอย่างมีพิรุธ
“เอ่อ...ฉันว่าเอาไว้วันหลังก็ได้...พอดีวันนี้ฉันไม่ค่อยว่าง”
“ไม่ว่าง...” อรอนงค์เห็นอาการของสุบินก็ยิ่งสงสัย “ทำไม...มีใครอยู่ในห้องหรือไง”
อรอนงค์ทำท่าจะเดินเข้าไป สุบินรีบเอาตัวมาขวางทันที
“เฮ้ย...ไม่มีอะไร”
แต่แล้วอรอนงค์กับสรนุชก็รวมพลังกันดึงสุบินออก ก่อนที่ทั้งสองจะรีบเข้าไปในห้อง
“เฮ้ย ! แย่แล้ว..” สุบินรีบตามเข้าไปทันที

สรนุชกับอรอนงค์พากันสำรวจทุกซอกมุมภายในห้องของสุบิน สุบินเดินตามเข้ามา
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร...ไม่เชื่อหรือไง”
“เอ้า...ไม่มีอะไรแล้วทำไมไม่อยากให้พวกฉันเข้าห้องละ”
ระหว่างนั้นสรนุชเหลือบไปเห็นกระดาษปากกาที่สุบินเขียนเอาไว้ที่โต๊ะทำงาน สรนุชเดินเข้าไปหยิบดูด้วยความสงสัย
“ทำอะไรน่ะ”
สุบินเห็นสรนุชเดินไปหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านก็ตกใจ จะเข้าไปแย่ง
“เฮ้ย ! อย่าอ่านนะเว้ย...ยัยนุช”
สรนุชยื้อแย่งกับสุบิน ก่อนจะอ่านออกเสียงให้กับอรอนงค์ฟัง
“กระบือบาล..! ตัวละครสำคัญ...หัวหน้าใจเด็ด...นี่มันอะไร”
สรนุชหันมองสุบิน
สุบินดึงคืนพลางบอกออกมา “เรื่องย่อละครใหม่...ฉันกำลังจะเอาไปเสนอผู้จัด”
อรอนงค์สงสัยไม่หาย “แล้วทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย”
“นี่แกสองคนไม่โกรธเหรอ” สุบินฉงนในใจ
“ทำไมต้องโกรธด้วย”
“อ้าว...แกสองคนลืมไปแล้วหรือไงว่าแกทำงานที่คาบาตี้...”
สรนุชนิ่งไปก่อนจะพูดขึ้น “แต่ฉันเพิ่งไปลาออกวันนี้”
สุบินกับอรอนงค์ประสานเสียง “ลาออก”
สรนุชพยักหน้าให้สองเพื่อนซี้
“เยส...เยส ! มันต้องอย่างนี้ซิเพื่อนฉัน” สุบินระรื่น ชอบใจ
“ดีใจอะไร...หมายความว่าไงนุช...นี่แกจะทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวหรือไง” อรอนงค์หน้าง้ำเริ่มนอยด์
“ไม่รู้ซิ...ฉันรู้สึกเบื่อๆ ยังไงไม่รู้” สรนุชบอก
“ฉันรู้ว่าไอ้ความรู้สึกเบื่อๆ ของแกมันคืออะไร” สุบินพูด สรนุชค่อยๆ หันมองสุบินเหมือนอยากรู้เช่นกัน “แกรู้สึกผิดกับเรื่องที่หนองระบือไง”
สรนุชถึงกับนิ่งไปเมื่อสุบินยิงเข้ากลางแสกหน้า
“แกรู้สึกผิดกับชาวบ้าน...รู้สึกผิดกับควาย...แล้วที่สำคัญ...แกรู้สึกผิดกับคุณใจเด็ด! ...นุช...ไหนๆแกก็ลาออกจากคาบาตี้แล้ว...แกไม่คิดจะกลับไปบอกความจริงกับพวกเขาหน่อยเหรอวะ”
สรนุชนิ่งไปนาน จนสุบินและอรอนงค์ไม่รู้ว่าสรนุชคิดอะไรอยู่

ขณะนั้น ภิรมย์ และสมหญิงกำลังช่วยกันต้อนควายให้ขึ้นตาชั่ง โดยมีเจนจิราคอยจดบันทึกน้ำหนัก เจนจิรามองตาชั่งแล้วสีหน้าเครียดลง ใจเด็ดที่คอยจับควายบนตาชั่งเห็นท่าทางของเจนจิราก็สงสัย
“เป็นอะไรหรือเปล่าเจน”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ”
เจนจิราพูดแล้วพยายามหันไปทำงานต่อ ใจเด็ดสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างจึงเข้าไปดู
“ขอพี่ดูสมุดหน่อย”
“พี่เด็ดอย่าดูเลยคะ...ลายมือเจนพี่เด็ดคงอ่านไม่ออก”
ใจเด็ดแบมือนิ่งไม่พูดอะไร จึงทำให้เจนจิราค่อยๆ ยื่นสมุดให้ใจเด็ด ใจเด็ดรับสมุดมาเปิดๆๆดู
“ทำไม...ควายน้ำหนักลงทุกตัวอย่างนี้”
เจนจิรา สมหญิง และภิรมย์ต่างสบตากันไม่มีใครบอกใจเด็ด
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ใจเด็ดคาดคั้น
เกริกไกรเห็นทุกคนไม่กล้าจึงพูดขึ้น
“เพราะตอนนี้เราไม่มีเงินซื้ออาหารเสริมให้มันไง”
“ว่าไงนะ...เรื่องสำคัญอย่างนี้ทำไมไม่มีใครบอกฉัน”
“เพราะพวกเราไม่อยากให้พี่เหนื่อยไง” ใจเด็ดชะงักไป เจนจิราพูดต่อ “พวกเรารู้ว่าตอนนี้พี่ไม่มีเงิน...พวกเราก็ทำเท่าที่จะทำได้” เข้าไปจับมือสมหญิงให้ดู “พี่เด็ดเห็นมั้ยว่านี่อะไร...สมหญิงกับภิรมย์ต้องตัดหญ้าเพิ่มจนมือแตกอย่างนี้ก็เพราะว่าทุกคนเขาอยากช่วยพี่”
ใจเด็ดสีหน้าเครียดลงก่อนจะเดินออกไป เจนจิราทำท่าจะเดินตาม แต่เกริกไกรจับไหล่เจนจิราเอาไว้
“เดี๋ยวฉันไปดูเอง”
เกริกไกรหันมองหน้าทุกคนเป็นเชิงบอกให้สบายใจก่อนจะเดินตามใจเด็ดออกไป

ใจเด็ดเปิดประตูเข้ามาในบ้านพัก ตรงมาเปิดลิ้นชักหยิบสมุดบัญชีขึ้นดู ใจเด็ดต้องอึ้งไปเพราะเงินในสมุดบัญชีเหลือเพียงแค่หมื่นกว่าบาทเท่านั้น ทันใดนั้นอาการปวดหัวของใจเด็ดก็กำเริบขึ้น
“โอ๊ย”
ใจเด็ดถึงกับต้องปล่อยสมุดบัญชีลง มือไขว่คว้าหาที่ยึดสะเปะสะปะไปชนข้าวของหล่นกระจัดกระจาย ระหว่างนั้นเกริกไกรตามขึ้นมาบนบ้านพอดี
“ไอ้เด็ด! เป็นไร”
ใจเด็ดเอาแต่ร้องโอดโอยปวดหัวด้วยความทรมาน
“แกรอนี่นะ...เดี๋ยวฉันจะให้ภิรมย์มันเอารถออก”
เกริกไกรทำท่าจะวิ่งออกไป แต่แล้วมือของใจเด็ดก็คว้าแขนเกริกไกรเอาไว้
“ไม่...ฉันไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรอะไร...แกปวดหัวขนาดนี้...ฉันว่าไปให้หมอเขาตรวจดีกว่า”
ใจเด็ดดึงรั้งเอาไว้ “อย่า...ฉันไม่อยากให้ทุกคนรู้เรื่องนี้”
ใจเด็ดที่สายตาพร่ามัวหันมองไปที่สมุดบัญชีที่หล่นอยู่ ใจเด็ดค่อยๆ เอามือไปควานจนหยิบมันขึ้นมาได้
“ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องของฉัน”
ใจเด็ดพยายามฝืนทนอาการปวดหัวเอาไว้ เกริกไกรมองใจเด็ดด้วยความเป็นห่วง

เหตุการณ์ที่คอนโดณวัตในกรุงเทพฯ ณวัตเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องที่มืดสนิท ทันทีที่ณวัตเปิดไฟ เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสมพลนั่งอยู่ที่โซฟา
“พ่อ”
สมพลค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาณวัต
“พ่อมาทำอะไรในห้องผม...แล้วทำไมไม่เปิดไฟละพ่อ”
สมพลเขกหัวเข้าให้ “นี่...ถ้าฉันเปิดไฟแกก็รู้ซิว่าฉันอยู่ในห้อง...ไอ้นี่...แล้วทำไมวันนี้ไม่ไปทำงาน...ห๊ะ”
ณวัตพูดดักคอ “ผมรู้ว่าพ่อคงไม่ได้มาหาผมเพราะเรื่องแค่นี้หรอก”
“ไม่ต้องมาต่อปากต่อคำ...แกง้อหนูนุชภาษาอะไร...ทำไมวันนี้หนูนุชถึงได้มาขอลาออกกับฉัน”
“ลาออก..?” ณวัตตกใจ
“เออซิวะ...แล้วคราวนี้จะทำยังไง...แกก็รู้ว่าถ้าไม่มีหนูนุช...ฉันโดนไอ้พวกผู้ถือหุ้นนั่นมันปลดไปนานแล้ว”
“โธ่พ่อ...ถ้ามันลำบากมากนัก...ทำไมพ่อไม่แต่งกับพลเอกสุรยุทธไปเลยละ” ณวัตประชดส่ง
“ไอ้...ไอ้ลูกเวร...ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก...แกต้องง้อหนูนุชให้รีบแต่งงานกับแกให้เร็วที่สุด...ไม่อย่างนั้น...ฉันจะเอาทุกอย่างไปจากแก”
สมพลชี้หน้าคาดโทษก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยความหงุดหงิด ณวัตสีหน้าเครียดอย่างเป็นกังวล


ใจเด็ดนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในสถานี ดูควายทั้งฝูงกำลังกินหญ้าอยู่ในทุ่ง ระหว่างนั้นมีควายตัวหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ใจเด็ด ใจเด็ดเห็นก็อดนึกถึงสรนุชไม่ได้
“ผู้ชายที่เป็นเหมือนควายเหรอ”
ระหว่างนั้นภิรมย์วิ่งเข้ามา “หัวหน้าครับหัวหน้า”
ใจเด็ดหันไปก็เห็นภิรมย์วิ่งเข้ามาพร้อมกับจดหมายในมือ
“มีจดหมายมาถึงหัวหน้าน่ะครับ”
ใจเด็ดรีบดึงมาดูทันที ภิรมย์แอบเหล่สังเกตอาการ
“จดหมายจากคุณสรนุชหรือเปล่าครับ”
ใจเด็ดเปิดจดหมายขึ้นอ่านก่อนจะเห็นว่าสีหน้าของใจเด็ดเปลี่ยนไป

สรนุชอยู่ในห้องนอนที่บ้าน กำลังดูรูปที่เธอแอบถ่ายใจเด็ดเพื่อเก็บเป็นข้อมูล แต่ยิ่งดูสรนุชก็ยิ่งรู้สึกคิดถึงใจเด็ดมากยิ่งขึ้น ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น สรนุชรีบคลิกเพื่อปิดภาพทันที
“คะ”
“อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะคุณนุช” เด็กรับใช้บอก
“ได้...เดี๋ยวฉันลงไป”
สรนุชพูดจบก็นั่งทบทวนความรู้สึกตัวเอง ก่อนที่เธอจะลุกเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อที่ใจเด็ดมอบให้เธอเอามาใส่
สรนุชเดินมาหน้ากระจกแล้วสัญญากับตัวเอง
“รอฉันนะ...ฉันจะใส่เสื้อตัวนี้ไปบอกความจริงกับนาย”

ที่สถานีเวลาเดียวกัน เกริกไกรอ่านจดหมายเสร็จพอดี
“กรมเขาเรียกฉันไปอบรมเรื่องการป้องกันเชื้อวัวบ้าสายพันธุ์ใหม่ที่กรุงเทพฯน่ะ”
เกริกไกรพูดแล้วสังเกตกริยาใจเด็ดที่เอาแต่นิ่งเฉยไม่พูดไม่จา
“นี่แกไม่รู้สึกอะไรหรือไง”
“รู้สึกอะไร...ก็กรมเขาเรียกแกไม่ได้เรียกฉัน”
“แต่นี่มันเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เข้ากรุงเทพฯ นะเว้ย...พวกเราจะได้ไปตามหาคุณอรไง”
“ฉันไม่ทิ้งที่นี่ไปเพราะเรื่องแค่นั้นหรอก” ใจเด็ดว่า
“โอเคๆ...ฉันพูดผิด...ที่จริงแล้ว...ฉันอยากให้แกไปตรวจไอ้หัวของแกที่อยู่ๆมันก็ปวดขึ้นมาต่างหาก...ที่กรุงเทพฯ มีเครื่องไม้เครื่องมือ...ฉันว่าเขาต้องรู้ว่าแกเป็นอะไร”
ใจเด็ดนิ่งไปอย่างครุ่นคิด เกริกไกรเข้ามาตบไหล่
“ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว...เดี๋ยวฉันไปเก็บเสื้อผ้าก่อน...แกก็เหมือนกัน”
เกริกไกรเดินออกไป ใจเด็ดหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดูแล้วคิดว่าต้องทำอะไรซักอย่าง

ทางด้านสรนุชกำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“ฉันไม่ได้โทร.มาชวน...ฉันแค่โทร.มาบอกว่าฉันจะไปหนองระบือพรุ่งนี้”
คนที่สรนุชโทร.คุยคืออรอนงค์ที่กำลังตกใจมากมายอยู่ตอนนี้
“พรุ่งนี้” พนักงานคนอื่นหันมองจนทำให้อรอนงค์ต้องลดเสียงเบาลง “นี่แกจะบ้าเหรอยัยนุช...กลับมาก้นยังไม่ทันหายร้อนเลย...แกจะกลับไปอีกแล้วเหรอ”
สรนุชเองก็มีสีหน้าเครียดลง “ฉันว่าฉันอาจจะรู้สึกผิดอย่างที่สุบินมันว่าจริงๆ”
“แล้วไง...แกไปคนเดียว...พอบอกความจริงเสร็จ...แกไม่โดนประชาทัณฑ์หรือไง”
“แต่มันก็ยังดีกว่าที่ฉันรู้สึกอยู่ตอนนี้...ฉันไม่อยากโกหกอีกต่อไปแล้ว”
สายตาของสรนุชเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง

เจนจิราอุทานออกมาเมื่อรู้เรื่อง “จะเข้ากรุงเทพฯเหรอคะ”
“ใช่...พี่จะไปกับหมอซักสามสี่วัน...แต่ถ้าพี่ไปนานกว่านั้น...ยังไงพี่ฝากดูที่นี่ด้วย”
เจนจิราได้ยินอย่างนั้นก็เหมือนฟางเส้นสุดท้าย จึงโพล่งออกมา น้ำเสียงไม่พอใจ
“พี่จะไปตามหาคุณสรนุชทำไม...แค่นี้พี่ยังเจ็บไม่พออีกเหรอ”
ใจเด็ดอึ้งไปที่เจนจิราพูดออกมาอย่างนั้น
“เจน...ฟังพี่ก่อน”
“พี่รู้มั้ยว่าพี่เปลี่ยนไปตั้งแต่พวกนั้นมาที่นี่...เจนรู้ว่าพี่คิดยังไงกับคุณสรนุช...แต่พี่หยุดได้มั้ย...หยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ได้มั้ย” เจนจิราใส่เป็นชุด
ใจเด็ดพยายามพูดปรามเพื่อห้าม “เจน...” แต่ไม่ได้ผล
“ถ้าพี่เป็นห่วงสถานีเหมือนที่เป็นห่วงคุณสรนุชซักครึ่งนึง...ที่นี่คงไม่ต้องเจอกับปัญหาอย่างนี้”
“เจน...พี่รู้ว่าเจนเป็นห่วงพี่...แต่พี่ไม่ได้จะเข้าไปตามหาคุณสรนุชอย่างที่เจนคิด”
เจนจิราได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ “อะไรนะคะ...เอ่อ...แล้ว...”
“พี่จะเข้าไปขายที่...เพื่อเอาเงินมาทำให้สถานีนี่อยู่ต่อไปได้”
เจนจิราได้ยินอย่างนั้นก็พูดไม่ออก

คืนนั้นสมพล กับณวัต นัด สุรยุทธ คุณหญิงเลิศหล้า ที่ร้านอาหารหรู เป็นภัตตาคารจีนมีระดับ อาหารวางเรียงรายเต็มโต๊ะ สมพล ณวัต นั่งอีกฝั่ง ขณะที่สุรยุทธและเลิศหล้านั่งตรงกันข้าม
“อาหารจีนที่นี่ขึ้นชื่อมากเลยนะครับ” สมพลรีบปะเหลาะ
“นี่...ทีหลังไม่ต้องเปลืองเงินเปลืองกินอาหารแพงๆ อย่างนี้หรอก...ถ้ามีอะไรก็ไปหาผมที่กองพันก็ได้” สรยุทธยิ้มให้
“นั่นซิ...เลี้ยงพวกเราบ่อยๆ...ระวังจะเคยตัวนะคะ”
สมพลกับณวัตหัวเราะ ก่อนที่ทั้งวงจะพากันหัวเราะเช่นกัน
“คุณสมพลนัดพวกเรามาวันนี้...คงไม่ได้จะมาคุยเรื่องงานหมั้นของยัยหนูหรอกนะคะ” เลิศหล้ากระเซ้า
“แหม...เรื่องนั้นคงต้องให้เจ้าวัตกับหนูนุชคุยกันเอง...แต่ที่ผมนัดท่านกับคุณหญิงมาในวันนี้...เพราะมีเรื่องสำคัญที่จะรบกวนท่านครับ” สมพลว่า
“ไม่มีปัญหา...เรามันคนกันเองอยู่แล้ว...เรื่องอะไรละ” สรยุทธบอก
สมพลกับณวัตแอบยิ้มให้กันที่สุรยุทธเปิดทางสะดวก
“แต่ก่อนที่เราจะคุยเรื่องสำคัญ...ผมอยากขอให้ท่านกับคุณหญิงช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ...โดยเฉพาะนุช...ผมไม่อยากให้เธอรู้เรื่องนี้ครับ”
สุรยุทธกับเลิศหล้าแปลกใจ ขณะที่ณวัตยิ้มเย็นเยือก

สรนุชนั่งรอสุรยุทธกับคุณหญิงเลิศหล้าที่ห้องรับแขก สรนุชมองนาฬิกาแล้วแปลกใจ
“วันนี้ไม่ได้มีงานเลี้ยงอะไร...แล้วทำไมกลับดึกอย่างนี้นี่”
ทันใดนั้นเสียงรถของสุรยุทธก็ขับเข้ามาพอดี สรนุชรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่างก่อนจะกระแอมเตรียมพร้อม
“โอเค...พร้อม”
ระหว่างนั้นสุรยุทธกับเลิศหล้าเดินเข้ามาในห้องรับแขก พอเห็นสรนุชก็แปลกใจ
“อ้าว...ยังไม่นอนอีกเหรอลูก”
“ค่ะ...พ่อกับแม่ไปไหนมาคะ”
“เอ่อ...” เลิศหล้าอึกอัก เหล่มองสุรยุทธว่าจะเอายังไง
“ก็...ไปกินเลี้ยงนิดหน่อย...เออ...เจอเราก็ดีแล้ว...พ่อว่ามีเรื่องจะคุยกับเราเหมือนกัน”
“หนูก็มีเรื่องจะบอกพ่อกับแม่เหมือนกันค่ะ”
“ฮือ...เรื่องอะไร” คุณหญิงถาม
สรนุชสะอึก รู้สึกกลัวพ่อกับแม่จะเสียใจนิดๆ จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ่อ...พ่อบอกเรื่องของพ่อก่อนก็ได้คะ”
“ไม่มีอะไร...พอดีมีบริษัทเอกชน...เขาเชิญพ่อไปเป็นที่ปรึกษาที่นั่น...แล้วพรุ่งนี้เพื่อนพ่อเขาจะเลี้ยงรับตำแหน่งใหม่ให้...พ่อก็อยากให้เราไปงานด้วย”
“นะ...ไปเป็นเพื่อนแม่นะลูก” เลิศหล้าคะยั้นคะยอ
“แต่หนูไม่ค่อยชอบงานพวกนี้น่ะค่ะ” สรนุชบ่ายเบี่ยง
“แล้วหนูจะให้แม่นั่งคนเดียวหรือไง...ลูกก็รู้เวลาพ่อเราพาแม่ไปงานอย่างนี้ทีไรก็ทิ้งแม่ไปคุยกับเพื่อนเป็นนานสองนานทุกที...นะ...ไปกับแม่นะลูก”
สรนุชได้ยินอย่างนั้นก็มีสีหน้าหนักใจ ก่อนจะตัดสินใจเมื่อเห็นเลิศหล้าเว้าวอน
“ได้ค่ะ...เอ่อ...ดึกแล้ว...พ่อกับแม่ไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
สุรยุทธกับเลิศหล้าพากันเดินออกไป สรนุชมองตามหน้าเศร้า พึมพำถึงใจเด็ด
“รอฉันอีกวันเดียวนะ...นายใจเด็ด”
เช้าวันต่อมา ใจเด็ดถือกระเป๋าเดินออกมาจากบ้านพัก ขณะกำลังจะเดินออกไป เจนจิราก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้
“เจน...”
เจนจิราไม่พูดอะไร เดินเข้ามาหาใจเด็ดเงียบๆ
“เจนขอโทษคะที่เข้าใจพี่เด็ดผิดไป”
“ไม่เป็นไร...พี่เข้าใจว่าเจนห่วงพี่...” พอเห็นเจนจิราสีหน้าเครียดใจเด็ดจึงสงสัย “เป็นไร...จะไม่ยิ้มให้พี่ก่อนที่พี่จะไปหรือไง”
ใจเด็ดเอามือไปลูบหัวเจนจิรา
“จะให้เจนยิ้มออกได้ยังไงคะ...ก็ในเมื่อพี่เด็ดทำทุกอย่างจนตัวเองเหนื่อยขนาดนี้”
“นั่นแหละ...เราถึงต้องยิ้มไง...เพราะแค่พี่เห็นรอยยิ้มของเรา...ก็ทำให้พี่หายเหนื่อยแล้ว”
จู่ๆ เจนจิราก็โผเข้ากอดใจเด็ด ใจเด็ดชะงักทันที
“พี่เด็ดดูแลเจนมาตลอด...ต่อไปนี้...ให้เจนดูแลพี่เด็ดได้มั้ยคะ”
ใจเด็ดอึ้ง “เจน..”
“ที่เจนไม่อยากให้พี่ไปกรุงเทพ...เพราะเจนกลัวว่าพี่จะเจอกับคุณนุช...เจนไม่อยากให้พี่ต้องเสียใจ...สัญญานะคะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...พี่ต้องกลับมาหาเจน...แล้วเจนจะไม่ทำให้พี่ต้องเสียใจเหมือนผู้หญิงคนนั้น”
เจนจิราคลายวงแขนแล้วสบตาใจเด็ด ใจเด็ดถึงกับอึ้งไปเมื่อรู้ว่าเจนจิรารู้สึกยังไงกับเขา
“เจน...เอ่อ...คือพี่”
ยังไม่ทันที่ใจเด็ดจะอธิบาย เสียงของเกริกไกรก็ดังขึ้น
“ไอ้เด็ด...ไอ้เด็ด”
ใจเด็ดกับเจนจิราต่างผละออกจากกัน
“เอ้า...สั่งลากันเสร็จหรือยัง...เดี๋ยวก็ไปถึงค่ำพอดี”
ใจเด็ดชำเลืองมองเจนจิราที่มองมาที่เขาอย่างอาวรณ์ แล้วรีบทำหน้าปกติเหมือนไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะรีบเดินตามเกริกไกรออกไป
เจนจิรามองตามด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ได้บอกความรู้สึกของตนที่เก็บมานาน

ภิรมย์ สมหญิงกำลังยืนอยู่กับหลวงพ่อ เกริกไกรกับใจเด็ดเดินเข้ามา
ใจเด็ดยกมือขึ้นไหว้ “นมัสการครับหลวงพ่อ...เอ่อ...หลวงพ่อมีกิจอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก...ก็โยมเกริกไกรเขามานิมนต์อาตมาให้มาอวยพรก่อนที่จะเดินทาง...อาตมาเห็นว่ามันเป็นเรื่องดี...ก็เท่านั้นแหละ”
ระหว่างนั้นเห็นเจนจิราเดินมาหลบมุมหลังต้นไม้ สายตาจับจ้องที่ใจเด็ดตลอดเวลา
“เขาเรียกว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง...อย่าเสียเวลาเลยครับหลวงพ่อ...เริ่มเลยครับ”
ว่าแล้วก็เห็นภิรมย์ถือบาตรน้ำมนต์มาใกล้ๆ หลวงพ่อ หลวงพ่อเริ่มพรมน้ำมนต์
“เอ้า...ไปดีมาดี...คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา...ขอจงปลอดภัยในทุกที่ทุกสถาน...พุทธังแคล้วคลาด...ธัมมังแคล้วคลาด...สังฆังแคล้วคลาด”
ทุกคนยกมือขึ้นจบอิ่มบุญกันถ้วนหน้า ใจเด็ดลุกขึ้น หลวงพ่อเดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษให้กับใจเด็ด
“เอ่อ...คาถาคุ้มครองเหรอครับ”
“หือ...รายการของที่อาตมาฝากซื้อน่ะ”
ใจเด็ดมีสีหน้าเจื่อน ขณะที่คนอื่นๆ ถึงกับเซกันเป็นแถว
“ไป...เดี๋ยวจะมืดแล้วจะขับรถลำบาก” เกริกไกรบอก
“ฉันฝากด้วยนะทุกคน” ใจเด็ดว่า
“ขอให้เจอคุณนุชนะคะหัวหน้า” สมหญิงพูดพาซื่อ
ใจเด็ดสะอึกเพราะเห็นสมหญิงทำหน้ากรุ่มกริ่ม ระหว่างนั้นใจเด็ดก็เหลือบไปเห็นเจนจิราอยู่มุมหนึ่ง
ใจเด็ดมองสบตาเจนจิราที่ส่งสายตาสื่อความนัยมาให้ ใจเด็ดทำหน้านิ่งก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป

ถนนสายนั้นรถราวิ่งกันน้อยคัน สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้า ระหว่างนั้นใจเด็ดยืนรออยู่ข้างรถ พลางดูนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนใจ  ไม่นานนัก เกริกไกรเดินรูดซิปขึ้นมาจากริมถนน
“เฮ้ย ! แวะยิงกระต่ายแป๊ปเดียวมันไม่เสียเวลามากนักหรอกน่า”
“ฉันกลัวว่าจะไปไม่ทันนัด”
ใจเด็ดหันหลังกลับจะเดินไปขึ้นรถ เกริกไกรเดินเข้าไปขวาง
“ถึงแกจะไปทัน...แกแน่ใจเหรอว่าเขาจะซื้อที่แก...แล้วถ้าเขาซื้อ...แกจะมีปัญญาเอาโฉนดมาจากพ่อแกได้ยังไง”

สีหน้าของใจเด็ดเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด

อ่านต่อตอนที่ 11



กำลังโหลดความคิดเห็น