ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 14
แพรวไพลินสตาร์ทรถกำลังจะออก แต่แล้วนับดาวก็เอามือมาแปะกระจกด้านข้างฝั่งเธอพอดี แพรวไพลินตกใจสะดุ้งโหยง
“อีบ้า...แกทำอะไรของแกน่ะ”
นับดาวไม่พูดพร่ำทำเพลงหอบสังขารทุลักทุเลเข้ามานั่งเบาะข้างคนขับทันที เธอพูดไม่ชัด
“ฉัน ไม่ ปล่อย เธอ ไป หรอก”
“นี่ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคิดจะทำอะไรคนอย่างฉัน ลงจากรถฉันไปเดี๋ยวนี้”
นับดาวนั่งนิ่ง
“ได้”
แพรวไพลินลงจากรถเพื่อจะไปเปิดประตูอีกข้างแล้วลากนับดาวลง นับดาวขยับตัวไม่ได้ทิ้งตัวล้มพับอยู่บนรถ แพรวไพลินพยายามจะลากออกจากรถก็ไม่ไหว
“นางบ้านี่...ออกไปนะ”
บังเอิญว่ามีทีมงานคอนเสิร์ตเดินผ่านมาพอดี แพรวไพลินจึงรีบปิดประตู เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอรีบเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ แล้วขับออกไปทันที ทีมงานมองงงๆ
ยูกิค่อยๆ รู้สึกตัว เป็นไทดีใจ
“ยูกิ เป็นไงบ้าง”
องอาจยิ้มกว้าง
“จำพวกเราได้มั้ย สมองเสื่อมไปแล้วรึเปล่า”
ยูกิลืมตามองเป็นไทกับองอาจ นิ่ง องอาจร้องเพลงของยูกิ
“คอนเสิร์ตไง จำได้มั้ย”
ยูกิยังงงๆ
“ฉันเป็นอะไรไป”
“ที่คอนเสิร์ต ตอนร้องเพลงจบ คุณ...”
เป็นไทยังพูดไม่จบหมอเดินเข้ามาพอดี องอาจรีบถาม
“ตกลงอาการเป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“จากผลเอ็กซเรย์เนี่ย ไม่ได้เป็นอะไรมากนะ พัก 1 วันดูอาการก็น่าจะไปซ้อมต่อได้”
องอาจดีใจ
“จริงเหรอครับ แต่เหมือนยูกิจะเบลอๆ ยังไงไม่รู้นะครับ”
“เพิ่งฟื้นขึ้นมาจะงงๆแบบนี้ละครับ เดี๋ยวซักพักก็ดีเอง” หมอหันถามยูกิ “โอเคมั้ยครับ คุณยูกิ“
“ค่ะ”
องอาจกับเป็นไท มองกันโล่งใจ
แพรวไพลินขับรถไปโดยมีนับดาวนั่งพับอยู่ข้างๆ
“โอ๊ย...จะพาไปไหนดีวะเนี่ย“
แพรวไพลินมองหน้า นับดาวพูดไม่ชัด
“เธอ ทำ อะ ไร ฉัน เนี่ย ฉีด โบ ท็อก รึ ไง”
“ถามอะไรงี่เง่าอยู่ได้ น่ารำคาญ เดี๋ยวฉันจะโยนแกทิ้งโค้งหน้าคอยดูนังยูกิ”
“ไม่ ได้ นะ”
“ไม่รู้ล่ะ”
แพรวไพลินขับไปใกล้โค้ง เจอด่านตำรวจพอดี แพรวไพลินเซ็งเลย
“ให้มันได้อย่างนี้สิ...”
นับดาวเห็นตำรวจอยากจะยิ้ม แต่บังคับกล้ามเนื้อบนหน้าไม่ได้ แพรวไพลินจอดรถเอื้อมไปเอาเซฟตี้เบลล์มาคาดนับดาว ตำรวจเดินมาพอดี
“จะไปไหนครับเนี่ย”
“พาเพื่อนไปส่งบ้านค่ะ”
ตำรวจมองนับดาว
“นี่เพื่อนเหรอ ดูไม่ค่อยเป็นมิตรนะ”
แพรวไพลินชะงักแล้วรีบบอก
“สติไม่ค่อยดีค่ะ”
นับดาวออกมาอย่างไม่ค่อยชัด
“ไม่ ใช่ เพื่อน”
ตำรวจแปลกใจ
“หมายความว่าไง ไม่ใช่เพื่อน”
“เป็นแบบนี้แหละค่ะ เพ้อทั้งวัน น่าสงสาร”
“เสียดายนะ หน้าตาก็ดี ไม่น่าเป็นบ้า ไปได้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
นับดาวพยามบอก
“เดี๋ยว”
แพรวไพลินขับรถออกไปจากตำรวจทันที ก่อนจะหันมาตวาดนับดาว
“หุบปากได้แล้ว”
ยูกิจิบน้ำก่อนที่จะเอนหลังไปที่เตียง มีเป็นไทกับองอาจเฝ้าอยู่ไม่ห่าง องอาจยังงงไม่หายว่าเกิดอะไรขึ้น
“ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับเนี่ย”
“พอสเตจมันเลื่อนลงมา นับดาวก็รอรับฉันอยู่ แต่เธอบอกว่าเธอมีไม่มีแรงเลย เธอพยายามจะส่งมือมาช่วยฉัน แต่มันวุ่นวายไปหมด ฉันก็เลยตกลงไป”
องอาจตบขาฉาด
“นั่นไง เพราะนับดาวจริงๆด้วย”
“อย่าโทษนับดาวเลย เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มันเป็นอุบัติเหตุมากกว่า ฉันว่าเธอเป็นคนดีกว่าที่จะทำอะไรแบบนั้น”
เป็นไทชักสงสัย
“ไม่มีแรงเหรอ...มันเกี่ยวกับที่เธอล้มบนเวทีรึเปล่า”
“ผมก็ไม่รู้ เห็น backstage บอกมืออ่อนขาอ่อน ซุ่มซ่ามไปหมด ให้ถือไมค์ก็ร่วงเดินก็ล้ม”
ยูกิสงสัย
“อาจจะมีอะไรผิดปกติรึเปล่า”
เป็นไทนึกถึงตอนที่แพรวไพลินพูดตอนที่ยืนข้างเขาที่สงสัยว่าทำไมยูกิยังเดินได้ แล้วนึกไปถึงตอนที่แพรวไพลินมาป้วนเปี้ยนแถวแก้วน้ำของยูกิ ที่เขาเห็น และตอนที่นับดาวขนมปังติดคอ แล้วกินน้ำยูกิหมดแก้ว
“ผมพอจะลำดับอะไรได้บ้างแล้วล่ะ ผมขอตัวก่อนนะ”
เป็นไทรีบออกไป ทิ้งองอาจกับยูกิงงๆ ไม่เข้าใจด้วย
“เข้าใจคนเดียวตลอด” องอาจบ่นงึมงำ
สังวรณ์มองนับดาว ที่นอนหลับไม่ได้สติบนรถของแพรวไพลิน
“ใครให้เธอลักพาตัวยูกิมาเนี่ย ผมติดคุกฟรีไปครั้งก่อนนี่ยังไม่พออีกใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้อยากพามา แต่ยายนี่ไม่ยอมปล่อยให้ฉันหนีมานี่”
“ดีนี่ ก็เลยพามาเจอตัวบงการเลยว่างั้น ท่าจะฉลาดนะ”
“ก็ให้ฉันทำไงล่ะ”
สังวรณ์กังวลใจ
“ตาย...แบบนี้ก็ตายกันหมด”
“แล้วนี่ยามันจะหมดฤทธิ์เมื่อไหร่เนี่ย”
“ก็คงอีกซัก 2 ชั่วโมงมั้ง”
“แล้วนี่จะให้มันนอนเปลี้ยในรถฉันอีก 2 ชั่วโมงเนี่ยนะ ขยับตัวก็ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง ยกก็ไม่ไหว”
สังวรณ์หันไปมองนับดาวที่หลับสนิท ไม่รู้เรื่อง มองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นเนื้อขาวๆนวลๆ กับชุดที่ดูเซ็กซี่ไม่น้อย สังวรณ์ก็หื่นขึ้นมาทันที
“เออๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พาไปห้องทำงานผมก่อนละกัน ไว้ที่แบบนี้เดี๋ยวคนก็เห็นกันพอดี”
สังวรณ์แววตาเจ้าเล่ห์
ยูกินอนอยู่ในห้องพักฟื้นไข้ จู่ๆยามาดะก็พรวดเข้ามา
“ไม่มีใครบอกผมเลย ทำไมคุณเป็นแบบนี้”
“คือ...”
ยูกิยังไม่ทันตอบ ไคคุงก็พรวดตามเข้ามาอีกคน
“ยูกิ...ใครทำคุณเป็นแบบนี้ ผมจะไปจัดการมัน”
“ไม่มีใครทำอะไรหรอก อุบัติเหตุน่ะค่ะ”
ไคคุงหันไปมองยามาดะ
“แล้วก็บอกว่าจะดูแลยูกิอย่างดี ไหนล่ะ ดูแลยังไง ยูกิถึงได้เป็นแบบนี้”
“แล้วทำไมคุณไม่ดูแลล่ะ เก่งนักไม่ใช่เหรอ”
องอาจเซ็งเลยที่เห็นสองคนเริ่มเถียงกัน
“เอาละ มันเริ่มกันอีกละ”
ไคคุงมองหน้ายามาดะ
“ฉันไปทำงานมา ทำงานเพื่อยูกิจะได้สบาย”
“งั้นก็อย่าบอกว่าจะดูแลยูกิได้ตลอดเวลา”
“แกสิ หายไปไหนมา งานการก็ไม่มีทำ มีธุระมาอ้างด้วยเหรอ”
ยามาดะเดินไปหยิบช่อดอกไม้ดอกใหญ่มาจากหน้าห้อง
“นี่สำหรับคุณนะยูกิ ตอนแรก ผมจะให้เนื่องในโอกาสแสดงความยินดีกับคอนเสิร์ต ไม่คิดว่าจะต้องเอามาเยี่ยมไข้”
ยูกิรับมายิ้มแย้มดีใจ
“ขอบคุณค่ะ”
ยามาดะหันไปเย้ยไคคุง
“มีรึเปล่า มีแบบนี้รึเปล่า ถ้าไม่มีก็ออกไป”
ไคคุงหยิบหาดูของในกระเป๋า ไม่มีอะไรน่าสนใจ เขาเดินจ๋อยออกไป...ไคคุงไม่พอใจยามาดะ หยิบโทรศัพท์โทรออกหาสมุนทันที
“แกรีบมาหาฉันที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะให้แกฆ่าไอ้ยามาดะให้ตายไปซะที ฉันทนมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
ไคคุงวางหูโทรศัพท์ โกรธจัดที่ถูกยามาดะหยาม
เป็นไทกลับมาที่เวทีคอนเสิร์ต เขาวิ่งหานับดาวไปทุกที่
“นับดาว อยู่ที่นี่รึเปล่าน่ะ นับดาว”
แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว
“นับดาว เธออยู่ที่มั้ย...นับดาว”
เงียบไม่มีวี่แววของเธอเลย เป็นไทวิ่งไปหาไปทั่วแต่ก็ไม่มี เขาวิ่งไปมองหาตามเก้าอี้นั่ง
“นับดาว อยู่นี่รึเปล่า...นับดาว”
เป็นไทเริ่มท้อ ขณะเดียวกันนั้น มีทีมงานเดินมาพอดี
“คุณไทหานับดาวอยู่เหรอ”
“ใช่...มีใครเห็นบ้างมั้ย”
“ผมเห็นว่าออกไปกับคุณแพรวไพลินตั้งแต่ตอนเย็นแล้วนะครับ”
เป็นไทชะงักอึ้ง
“แพรวไพลิน! ไปไหนพอจะรู้มั้ย”
“ไม่รู้หรอกครับ เห็นแค่เขาขึ้นรถไปด้วยกัน”
“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”
เป็นไทเป็นกังวลมากขึ้น เมื่อรู้ว่าเธออยู่กับแพรวไพลิน
นับดาวนอนอยู่บนโซฟาห้องทำงานสังวรณ์ ร่างกายเธอขยับไม่ได้ เธอลืมตามองสังวรณ์ที่จ้องมองเธอตาไม่กระพริบ
“ยูกิ คุณรู้มั้ยว่าผมน่ะหลงใหลคุณมากแค่ไหน”
นับดาวชักเริ่มกลัว แต่ก็ขยับตัวหรือทำอะไรไม่ได้
“บ้านผมน่ะ มีรูปคุณอยู่เต็มไปหมด ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือกระทั่งห้องน้ำ...ผมหวังว่าคอนเสิร์ตคุณที่เมืองไทย ผมจะได้เป็นคนจัด เพื่อเราสองคนจะได้ใกล้ชิดกันแนบแน่น แต่ไอ้เป็นไทก็กลับชิงแย่งจัดงานไปซะก่อน คุณคงเข้าใจหัวอกผมนะยูกิ ไอ้เป็นไทมันแย่งของรักไปจากผม ผมก็ต้องโมโหเป็นธรรมดา แต่เอาเถอะ ยังไงวันนี้เราก็ได้มาใกล้ชิดกันจนได้ เหมือนกับที่โบราณเขาบอก คู่แล้วไม่แคล้วกัน”
สังวรณ์มองมาอย่างหื่นมาก
แพรวไพลินกำลังขับรถอยู่บนถนน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอเห็นชื่อเป็นไทก็รีบกดรับสาย
“ว่าไงคะพี่ไท โทรหาแพรวจนได้เลยนะ คิดถึงแล้วละสิ”
เป็นไทกำลังเดินไปที่รถ คุยโทรศัพท์กับแพรวไพลินไปด้วย
“นับดาวอยู่ไหน”
“นับดาวอะไร ฉันไม่รู้”
“คุณวางยาเธอ คิดว่าผมไม่รู้เหรอ”
“ยายนับดาวนั่น แพรวจะไปวางยามันทำไม แพรวลืมชื่อมันไปแล้วด้วยซ้ำ”
“อย่ามาโกหก ผมเห็นคุณมาทำอะไรกับแก้วน้ำ คุณเอายาใส่ลงไปใช่มั้ย”
แพรวไพลินหน้าตื่น
“เอ่อ...มันไม่เกี่ยวอะไรกับนับดาวเลยนะ”
“ผมไม่เคยรักคุณตั้งแต่แรกก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ ผมรู้อยู่แล้วว่าผมไม่มีวันจะรักคนอย่างคุณได้”
“พี่ไท ไม่มีสิทธิพูดแบบนี้ ยังไงพี่ไทก็ยังติดเงินแพรวอยู่ ไม่งั้นพี่ไทก็ไม่มีปัญญาจัดคอนเสิร์ตนี้หรอก”
“ผมไม่ลืมหนี้ของผมหรอก แต่ยังไงนับดาวก็ไม่เกี่ยว คุณไม่ควรลากคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
“แพรวไม่เคยสนใจยายนับดาวนั่น แพรวสนใจยูกิต่างหากที่มันแย่งพี่ไทไป”
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า แพรวทำให้ยูกิเป็นแบบนั้นเองล่ะ แล้วตอนนี้แพรวก็เอาไปโยนให้คนที่อยากได้มัน ที่กำลังหิวโซ ก็แค่นั้น”
เป็นไทอึ้งไปพูดพึพำคนเดียว
“นับดาว เธอยอมบอกว่าเธอเป็นยูกิเหรอเนี่ย” เป็นไทพูดกับแพรวไพลินด่อ “ใคร...”
“พี่ไทก็ลองคิดเองสิคะ”
“ไอ้สังวรณ์ใช่มั้ย มันใช่มั้ย”
แพรวไพลินนิ่ง ไม่ตอบ
“คุณนี่มันเลวกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ”
“พี่ไท...”
เป็นไทรีบวางโทรศัพท์ แล้วขับรถไปออฟฟิศสังวรณ์ทันที
แพรวไพลินเจ็บใจมากที่เป็นไทไม่สนใจเธอเลย
สังวรณ์เข้ามาใกล้นับดาวมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอกลัวพยายามขยับตัวหนีแต่ทำไม่ได้ นับดาวพยายามพูดออกมาแต่ไม่ชัด
“อย่า ทำ อะ ไร ฉัน นะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอกยูกิ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ปล่อยใจสบายๆ เพราะยังไงคุณก็หนีไปไหนไม่รอดด้วยสภาพนี้อยู่แล้ว”
“อย่า นะ”
“ตั้งแต่เห็นคุณขึ้นปกหนังสือเล่มแรก ผมก็รู้เลยว่าคุณเกิดมาเพื่อจะเป็นของผม”
สังวรณ์ยื่นหน้าเข้าไปดมนับดาวใกล้ๆ อย่างคนโรคจิต
เป็นไทขับรถไปบนถนนอย่างเร่งรีบ
“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยนับดาว ทำไมต้องยอมรับว่าเป็นยูกิด้วย”
เป็นไทร้อนใจ เหยียบคันเร่งเร็วขึ้นอีก
ยูกินอนอยู่บนเตียง ยามาดะยังทำท่านิ่งเฉย ไม่ค่อยสนใจเธอนัก
“นี่ยังไม่หายงอนอีกเหรอ”
ยามาดะยังนิ่ง
“คนเอาดอกไม้มาให้ ต้องหายงอนแล้วหรอก ไม่งั้นจะเอามาให้ทำไม”
ยามาดะนิ่งไม่พูดไม่จา
“อ๋อ...แค่จะเอาชนะไคคุงใช่มั้ย ฉันเสียใจนะ”
โดนว่าอย่างนั้น ยามาดะก็โพล่งออกมา
“ทำไมคุณไม่เลือก คุณจะกั๊กทุกคนไว้แบบนี้ทำไม ผมไม่รู้ว่าคุณจะเอายังไงกันแน่”
“คุณไม่เชื่อใจฉัน กลัวฉันไม่เลือกคุณงั้นเหรอ”
“ผมต้องการความชัดเจน”
ทั้งคู่ยังตกลงกันไม่ได้ ไคคุงก็พรวดเข้ามา
“ผมไม่ยอมหรอกนะยูกิ ผมรู้ว่ายังไงยูกิก็ต้องเลือกผมอยู่แล้ว ผมมีดีกว่ามันทุกอย่างหน้าที่การงานก็ดี ฐานะก็ดี มันไม่มีอะไรซักอย่าง ยูกิบอกมันไปเลยดีกว่า มันจะได้ไปพ้นจากยูกิซักที”
ยูกินิ่ง มองหน้าทั้งคู่
“ไคคุงคะ”
ยังไม่ทันที่ยูกิจะพูดอะไร แขกไม่ได้รับเชิญก็เดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีไคคุง ลืมฉันไปแล้วเหรอ”
ไคคุงหันไปตามเสียง ตกใจที่เห็นซีซี ยูกิกับยามาดะ เองก็ตกใจเช่นกัน
“เธอ...”
“อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะ เหล่าแบล็คลิสต์ของฉัน ”ซีซี หันหายามาดะ “โกงเงินฉันมาแล้วพานังยูกิหนีเนี่ย...ยังไม่ได้เคลียร์กันเลยนะ...ว่าม๊ะยูกิ”
ยูกิกับยามาดะไม่กล้าสบตาซีซี
“แต่ไม่ต้องกลัวหรอกว่าฉันจะมาทวงอะไรพวกเธอ วันนี้ฉันมาสะสางกับไคคุงเขามากกว่า”
ไคคุงอึ้งแปลกใจ
“ทำไมเธอยังอยู่”
ซีซียิ้มหยัน
“เหตุผลที่คุณจ้างคนไปฆ่าฉัน แล้วฉันยังไม่ตายน่ะเหรอ”
อ่านต่อหน้า 2
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ซีซีเล่าให้ทุกคนฟังถึงตอนที่เธอถูกสมุนไคคุงตามล่า เธอวิ่งหนีพวกมันเข้ามายังลานจอดรถ แล้วมาเจอกับอีกคนหนึ่งที่รอดักอยู่ เธอตกใจมาก เธอมองเห็นว่ารถเธออยู่ไม่ไกลนัก สมุนไคคุง 3 คนล้อมเธอ
สองคนกำลังจะมัดเชือกที่แขนซีซี คนหนึ่งโทรคุยกับไคคุง
“เรียบร้อยครับหัวหน้า ไม่ต้องเป็นห่วงเลย”
สมุนวางโทรศัพท์ มาสั่งงานต่อ
“เอาเร็ว ชักช้า เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้าพอดี”
ซีซีมองเห็นยามเดินอยู่ไกลๆ เธอเอามือกดรีโมทรถให้สัญญาณกันขโมยดังขึ้น ยามต่างกรูมาทางเธอ คนต่างก็หันมาดู จังหวะนั้นเองเธอก็ร้องให้คนช่วยทันที
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยค่ะ โจรกำลังจะทำร้ายร่างกายฉัน”
ยามจากทุกชั้นวิ่งลงมาดักสมุนทั้งสามไว้ หนีไม่รอด ผู้คนต่างก็มุงดูกัน
“คิดจะเล่นกับฉันแบบนี้เหรอไคคุง ได้...”
ซีซีแค้นจัดไม่ยอมง่ายๆ
ซีซีมาให้การที่โรงพักเธอเล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟัง
“ฉันกลัวมากเลยค่ะ พวกมันน่ะเป็นพวกแก๊งค้ายาข้ามชาติ บังเอิญว่าฉันไปรู้ความลับมัน มันเลยขู่จะเก็บฉัน”
“คุณพูดน่ะ คุณมีหลักฐานมั้ย”
“เรื่องค้ายาน่ะ ตำรวจสืบเองไม่ยากหรอกค่ะ แต่ฉันหาหลักฐานเรื่องจ้างวานฆ่าให้ได้ ฉันไม่เชื่อคนอย่างไคคุงน่ะ ไม่นานต้องกำจัดใครอีกแน่ๆ”
ซีซีบอกอย่างแค้นมากๆ...อีกด้าน ตำรวจกำลังสอบสวนจากสมุน
“คุณจะบอกว่าคุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับไคคุงว่างั้น ในเมื่อผู้เคราะห์ร้ายเขาบอกชัดเจนขนาดนั้น”
“ไม่รู้จักครับ ผมแค่อยากจะขโมยของผู้หญิงคนนั้น ก็แค่นั้น”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของสมุนดังขึ้น ซึ่งตอนนี้กลายเป็นของกลางแล้วตำรวจกดรับฟังเงียบๆไม่พูดอะไร เสียงจากปลายสายดังมา
“แกรีบมาหาฉันที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะให้แกฆ่าไอ้ยามาดะให้ตายไปซะที ฉันทนมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
ไคคุงวางสาย ตำรวจฟังนิ่ง แล้วมองหน้าสมุนยิ้มๆ
“นี่น่ะเหรอ ไม่เกี่ยวข้อง” ตำรวจยกวอขึ้นมาพูด “เดี๋ยวเตรียมกำลังเสริมไปโรงพยาบาลเลย”
ซีซีเล่าเสร็จหันมามองหน้าไคคุง
“คุณจะโทษฉันฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ เพราะคุณเองเป็นคนเรียกตำรวจให้มาที่นี่เอง”
ยามาดะมองหน้าไคคุงแค้นๆ
“นี่คิดจะฆ่าฉันเหรอ”
ยูกิช็อค
“ไคคุง คุณค้ายาโดยมีธุรกิจอาหารทะเลบังหน้าเหรอ นี่คุณหลอกฉันมาตลอด ทำไมคุณเป็นแบบนี้”
ไคคุงหน้าเสียพยายามจะอธิบาย
“ยูกิ... ผม...ฟังผม อย่าไปฟังยายซีซีนี่ มันต้องการจะให้เราเข้าใจผิดกัน อย่าไปฟังผมไม่เคยจะฆ่าใคร ผมไม่เคยค้ายา ผมไม่ใช่เจ้าพ่อที่ไหน ผมทำงานสุจริตนะ”
ไคคุงพยายามแก้ตัว
สังวรณ์ถอดเสื้อตัวเองออก จ้องมองที่นับดาวอย่างหื่นกระหาย
“จะมีใครซักกี่คนที่จะได้เป็นเจ้าของคุณอย่างสมบูรณ์แบบอย่างผมตอนนี้”
นับดาวกลัวสุดขีดแต่ขยับตัวไม่ได้ พูดก็ไม่ถนัด
“อย่า ทำ ฉัน เลย นะ”
เธอส่งสายตาวิงวอน
เสียงวอตำรวจข้างนอกดังแว่วมา ซีซียิ้มสะใจ
“จบให้สวยนะไคคุง...คุณมีเวลาไม่มาก ข้างนอกน่ะตำรวจทั้งนั้น”
ไคคุงแค้นมาก
“ซีซี...เธอทำฉันแสบมาก”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าลองดีกับฉัน” ซีซีหันไปหายูกิ “เป็นไง เจ็บปวดมากเลยสินะ คนรักต้องมากลายเป็นอาชญากรแบบนี้น่ะ ถึงฉันจะทำลายงานของเธอไม่ได้ ฉันก็ทำลายหัวใจของเธอสำเร็จจนได้”
ยูกิสุดทนโพล่งออกมา
“ฉันไม่รักไคคุง...เธอทำลายผิดคนแล้วซีซี”
ซีซีไม่เชื่อ
“ไม่จริงหรอก”
ไคคุงหน้าเสีย
“ไม่จริง...ยูกิคุณอย่าพูดแบบนี้เพราะแค่โกรธ เราคบกันมาเจ็ดปีนะ คุณจะบอกว่าคุณไม่รักผมได้ยังไง”
ยูกิมองหน้าไคคุง
“เพราะคุณดีกับฉัน ก็แค่นั้น ฉันไม่เคยรักคุณ ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
ซีซียังไม่เชื่อ
“ไม่จริงอ่ะ มันจะผิดคนได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก”
ตำรวจบุกเข้ามาจับตัว ขณะที่ไคคุงแทบคลั่ง รับไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน ซีซีก็เช่นกัน ตำรวจพาเธอไปด้วย ยามาดะกับยูกิจับมือกันแน่น
เป็นไทจอดรถที่หน้าบริษัทสังวรณ์ แล้วรีบวิ่งไปด้านใน
เวลาเดียวกันสังวรณ์ลูบไล้เนื้อตัวนับดาว ที่ไม่สามารถขัดขืนได้ น้ำตาเธอไหลออกมาแสดงความรู้สึกกลัว
สังวรณ์ปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกของเธออย่างหื่นกระหาย
สังวรณ์ลูบไล้เนื้อตัว นับดาวไม่สามารถขัดขืนได้ น้ำตาเธอไหลออกมาแสดงความรู้สึกกลัว สังวรณ์ปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกของเธอ
“ยูกิของฉัน”
ทางด้านเป็นไทวิ่งกระหืดกระหอบเพื่อไปช่วยนับดาว เขาวิ่งไปเปิดประตูห้องโน้นห้องนี้ไปตลอดทาง เพื่อดูว่านับดาวอยู่ห้องนั้นรึเปล่า
สังวรณ์ซุกไซร้ไม่ปราณี ด้วยคิดว่านับดาวเป็นยูกิ นับดาวน้ำตาไหลพรากทำอะไรไม่ได้ เป็นไทถีบประตูเข้ามาพอดี เขากระชากสังวรณ์ออกจากนับดาว แล้วชกเข้าหน้าเต็มแรง สังวรณ์เซถลาไป เป็นไทเข้าไปหานับดาวอย่างเป็นห่วง
“นับดาว...นับดาว เป็นอะไรรึเปล่า”
แต่ยังไม่ทันที่เป็นไทจะได้ดูว่านับดาวเป็นอะไรมั้ย สังวรณ์ที่ตั้งสติได้ก็มาชกเป็นไทกลับเต็มแรงเช่นกัน เป็นไทล้มไปกับพื้น สังวรณ์จะเข้ามาซ้ำ
“ยูกิเป็นของฉัน...” สังวรคิดได้ “เมื่อกี้แกเรียกยูกิว่าอะไรนะ”
“นับดาว”
“หมายความว่า...”
“ใช่...นี่มันนับดาว ไม่ใช่ยูกิ”
สังวรณ์ช็อค ถึงกับเข่าอ่อนลงไปนั่ง
“ไม่จริง...ไม่ งั้นที่ทำไปเมื่อกี้” สังวรลุกขึ้นจะเอาเรื่องนับดาวที่นอนอยู่ “เอาความเป็นชายชาตรีฉันคืนมานะ”
เป็นไทผลักสังวรณ์ออก
“นี่...คุณจะเลวไปถึงไหนเนี่ย ออกไปให้ห่างจากนับดาวเลยนะ”
“ยูกิของฉัน”
“ยูกิไม่ใช่ของคุณ แล้วก็ไม่ใช่ของใครทั้งนั้น คุณเลิกทำตัวแบบนี้ซะทีเถอะ ทุกคนต้องวุ่นวายเพราะพฤติกรรมของคุณ”
“แกนั่นแหละต้นเหตุทุกอย่าง ถ้าคอนเสิร์ตยูกิปล่อยให้ฉันได้ทำมันก็จบ”
“ตามใจ จะคิดยังไงผมไม่สนใจหรอก ผมจะพานับดาวไปแจ้งตำรวจ ให้ตำรวจจัดการคุณ”
สังวรณ์ตกใจ
“อย่าทำแบบนั้นนะ”
“ถ้าผมไม่ทำคุณก็จะวุ่นวายกับผมอยู่นั่น ข้อหาทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา แล้วก็ล่วงละเมิดทางเพศเนี่ย ไม่ธรรมดาเลยนะ”
สังวรณ์ไม่รู้จะทำยังไง วิ่งไปเปิดลิ้นชัก คว้าปืนออกมา เป็นไทยังไม่เห็น นับดาวตกใจ เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีกลิ้งตัวโดนเป็นไทล้มลง เพื่อป้องกันเขา เธอตะโกนออกมาแต่ไม่ชัด
“ระ วัง”
สังวรณ์เล็งปืนมาที่เป็นไท
“ไม่ต้องทำมาปกป้องกันหรอก ไหนๆมาถึงขั้นนี้ จะโดนอีกซักข้อหาจะเป็นไร”
เป็นไทหันมาเห็นปืนจ่อมาทางเขากับนับดาวก็ตกใจ เป็นไทตั้งสติ
“เอาสิ ยิงเลย”
นับดาวพูดไม่ชัด
“จะ...ท้า...ทำ...ไม”
เป็นไทมองอย่างไม่กลัว
“ถ้ายิง ยิงให้ตายนะ ไม่งั้นผมก็เอาเรื่องให้ถึงที่สุดเหมือนกัน”
สังวรณ์โมโห
“แกคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ...”
เป็นไทไม่สนใจ อุ้มนับดาวขึ้ยแล้วเดินหันหลังให้จะเดินออกไป สังวรณ์ตวาดลั่น
“อย่าออกไปนะ ไม่งั้นฉันยิงทั้งคู่แน่”
“ถ้าอยากจะยิงปืนน่ะ เปิดคู่มือหาวิธีปลดเซฟก่อนดีมั้ย”
เป็นไทเดินอุ้มนับดาวออกไปโดยไม่สนใจ สังวรณ์เจ็บใจที่ขู่เป็นไทไม่ได้ มองปืนในมืองงๆ
“เซฟมันอยู่ตรงไหนวะเนี่ย”
เป็นไทขับรถโดยมีนับดาวนั่งอยู่เบาะข้างคนขับหลับไม่ได้สติ เขานึกถึงนับดาวตอนที่สดใสร่าเริงต่างๆที่ทำให้เขาหัวเราะได้ เขายิ้มออกมาเอาเอื้อมมือไปลูบหัวนับดาวขณะขับรถ
เป็นไทพานับดาวมาที่บ้านรจนา อุ้มเธอไปนอนบนเตียง นับดาวยังหลับไม่ได้สติ เขานั่งมองเธอหลับ เอื้อมมือไปติดกระดุมเสื้อที่ถูกปลด มองเธออย่างเอ็นดู
เช้าวันใหม่...นับดาวสะดุ้งตื่นเด้งจากที่นอนมาทันที เธอสำรวจตัวเองพบว่าชุดถูกเปลี่ยน
“เฮ้ย...ชุดฉัน”
รจนาเดินเข้ามาในห้องเก็บเสื้อผ้าไปซัก
“ตื่นแล้วเหรอ”
นับดาวตกใจ
“ย่า”
รจนายิ้มให้
“ไม่ต้องตกใจหรอก ชุดน่ะ ย่าเปลี่ยนให้เอง”
วราพรรณลุกจากที่นอนข้างๆ
“ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นน่ะ”
“ฉันพูดได้ปกติแล้วนี่ แขนขา ขยับได้แล้ว”
วราพรรณงงๆ
“อะไรของแก”
“แล้วนี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
“ก็คุณเป็นไทเขาพาแกมาส่งน่ะสิ” รจนาบอก
วราพรรณส่ายหน้า
“หลับไม่รู้เรื่องมาเลย ตกใจแทบแย่ นึกว่าเป็นอะไร”
นับดาวนิ่งคิด
“คุณไท...”
วราพรรณมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย
“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”
นับดาวนึกถึงตอนที่เป็นไทว่าเธอที่ทำยูกิตกลงมา เธอหันไปถามเพื่อน
“นี่...แกมีงานอะไรให้ฉันทำรึเปล่า”
“จะบ้าเหรอ ฉันยังเอาตัวไม่รอดอยู่นี่”
รจนามองหน้าหลานสาว
“หน้าแบบนี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”
“ย่า หนูกลับมาเป็นผู้ช่วยย่าเหมือนเดิมได้มั้ย”
“สายไปแล้วล่ะ ตอนนี้ย่ายุ่งจนจ้างผู้จัดการมาดูแลแล้ว”
นับดาวจ๋อยไป
“อ้าว...”
วราพรรณมองเพื่อนอย่างสงสัย
“นี่แกลาออกจากคุณไทแล้วเหรอ”
“ไม่อยากทำแล้ว”
“ฉันบอกแล้วว่าอย่าทำ เสียเวลาเปล่า”
นับดาวสลดลง
“เสียเวลาน่ะไม่ใช่ประเด็นหรอก เสียความรู้สึกมากกว่า ต่อไปนี้ฉันไม่เจอเขาอีกฉันจะไม่ให้อภัยเขาอีกแล้ว”
“แล้วถ้ามันมีเหตุให้บังเอิญเจอกันละวะ”
“ถ้ามันบังเอิญแบบนั้นจริงๆ ฉันให้ 3 ครั้ง...แบบนั้นฉันถึงจะให้อภัยเขา”
“ชีวิตไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเว้ย จะเอาไปผูกกับชะตาบ้าบออะไรนี่ จะดีเหรอ”
นับดาวเหม่อมองไป ท้อกับอนาคตของตัวเอง
เป็นไทนั่งครุ่นคิดนึกถึงตอนที่นับดาว ทิ้งตัวกลิ้งมาช่วยเขาจากปืนของสังวรณ์ เขายิ้ม ขณะเดียวกันนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาดีใจ นึกว่าเป็นนับดาว
“เข้ามาสิ”
องอาจเปิดประตูเข้ามา เป็นไทผิดหวังเล็กน้อย
“อ้าว...องอาจเองเหรอ”
“ทำไม...นึกว่าใครล่ะ ยูกิหรือนับดาว”
“มีอะไรก็ว่ามา”
“คุณไทไม่ยอมอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อวาน สถานการณ์พลิกผันมันระเบิดมากเลย”
“เหรอ”
“เฮ้ย...แค่เหรอไม่ได้ มีตำรวจด้วยนะ”
“ผมได้ยินคนพูดกันทั้งออฟฟิศแล้ว นี่คุณเล่าให้คนอื่นฟังตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ เรื่องถึงได้ไวขนาดนั้น”
องอาจยิ้มแหยๆ
“เมื่อคืน...แล้วเรื่องคุณไทเป็นไงบ้าง ผมละงงไปหมดว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรหรอก ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก เป็นไทยิ้มแต้ แต่คนที่เปิดมากลับเป็นวราพรรณ เป็นไทผิดหวังอีก
“สวัสดีค่ะ”
องอาจยิ้มดีใจ
“อ้าวๆไม่คิดจะได้เจอกันอีก นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ”
“แหวะ”
วราพรรณเบ้หน้า เป็นไทรีบถาม
“แล้วนับดาวล่ะ”
“ตั้งแต่วันนี้ไป นับดาวขอให้ฉันมาทำงานแทนค่ะ”
องอาจดีใจอีก
“ก็ดีน่ะสิ”
เป็นไทหน้าเสีย
“หมายความว่าไง”
“นับดาวบอกว่าไม่สร้างความวุ่นวายให้พวกคุณอีก ส่วนเรื่องหนี้ที่ติดไว้ เธอจะส่งคืนคุณทุกเดือน”
“ทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
เป็นไทไม่พอใจ รีบหุนหันออกไปทันที เหลือองอาจกับวราพรรณอยู่ในห้องกันสองคน
“แบบนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ว่ามั้ย”
“ใครอยากรู้จักคุณ”
วราพรรณเดินออกจากห้อง
“อย่าเพิ่งไปสิ”
องอาจเดินตาม
อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 14 (ต่อ)
เป็นไทจอดรถที่หน้าบ้านรจนา แล้วเดินอาดๆเข้ามาในบ้าน เจอรจนากำลังทำความสะอาดบ้านพอดี
“จะรีบไปไหนกัน ที่นี่ไม่ใช่ท่าวินมอไซค์นะ” รจนาว่า
“นับดาวอยู่มั้ยครับ”
“ไม่อยู่หรอก ออกไปหางานทำ”
“ทำแบบนั้นได้ไง เธอเป็นพนักงานของผม”
“ไอ้นุ้ยมันไปทำแทนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“มันไม่ใช่ว่าจะให้ใครมาทำก็ทำได้หรอกนะ”
“อ๋อ...ห่วงเรื่องสแตนอินยูกิบนเวทีใช่มั้ย”
รจนาหยิบชุดคอนเสิร์ตดับเบิ้ลยูกิที่นับดาวใส่เมื่อวาน ซักรีดเรียบร้อยส่งให้
“อ่ะ นับดาวมันฝากคืน จริงๆแสตนอินบนเวที ก็ไม่จำเป็นต้องหน้าเหมือนกันก็ได้มั้ง ยังไงก็เห็นแค่หลัง งานมองไกลน่ะ ไอ้นุ้ยมันก็แสดงแทนได้”
เป็นไทเซ็งเลย
“มันไม่ใช่เรื่องพวกนี้ซักหน่อย นับดาวเขาเป็นอะไรของเขา ทำไมมาทำงานไม่ได้”
“คุณคงไม่ใช่คนใจร้ายนักหรอกใช่มั้ย...ถ้างั้นสงสารมันเถอะ อย่าให้มันต้องเจ็บไปมากกว่านี้เลย”
“แต่มัน...”
เป็นไทพูดไม่ออก กลุ้มใจ ไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น
นับดาวมาตรวจหูที่โรงพยาบาล หมอส่องดูหูของเธอ
“เป็นไปได้ไงเนี่ย หูดีขึ้นมาก ไปได้ยาดีที่ไหนมาเนี่ย”
“ไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”
“แบบนี้ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการฟังแล้วใช่มั้ย”
“ไม่ค่อยได้สังเกตน่ะค่ะ มีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่า”
“ก็คงไม่ต้องติดแล้วล่ะเครื่องช่วยฟังน่ะ แต่บางจุดมันเหมือนมีการอักเสบอยู่ ดูแลดีๆ เดี๋ยวจะกลับมาเป็นอีก”
“หมอรักษาโรคหัวใจด้วยมั้ยคะ”
หมอมองหน้านับดาวงงๆ
“หนูว่าเป็นแบบนี้...กลับไปหูตึงอย่างเดิมดีกว่า”
นับดาวมองหมอหน้าเศร้า
ยามาดะกำลังป้อนข้าวต้มให้ยูกิอย่างอ่อนโยน เธอกินแต่โดยดี
“จริงๆไม่ต้องป้อนก็ได้นะ”
“ไม่ได้หรอก คุณไม่สบายอยู่”
“ไม่ได้เป็นอะไรมาก จะออกจากโรงพยาบาลอยู่แล้ว”
“นั่นยิ่งต้องดูแลใหญ่เลย โลกข้างนอกอันตราย”
“พอดีว่าไม่ต้องทำอะไรพอดี”
ยูกิคิดถึงเรื่องของไคคุงขึ้นมา
“คิดเรื่องไคคุงแล้วก็น่าใจหายนะ คนเห็นหน้ากันมาแท้ๆ”
ยามาดะงอนๆ
“คิดถึงมันละสิ”
“มันทำใจไม่ได้ง่ายๆหรอก คนรู้จักกันตั้งหลายปีน่ะ...ไม่ต้องงอนหรอกน่า แค่ฉันชอบคุณยังไม่พออีกเหรอ”
ยามาดะจากหน้าบึ้งเป็นอมยิ้มขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะทั้งคู่ นับดาวเปิดประตูเข้ามา
“ฉันมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า”
“ไม่หรอก เข้ามาสิ”
“งั้นเดี๋ยวผมออกไปข้างนอกก่อนดีกว่า”
ยูกิส่งยิ้มให้ ยามาดะเดินออกไป
เป็นไทเดินขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่อย่างเหงาๆ รจนามองอย่างเวทนา ขณะเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์เขาดังขึ้น เป็นไทรับสาย
“อืม...ไม่ลืมหรอก...ไปรับยูกิจากโรงพยาบาล...ผมไปรับเอง...ขอบคุณมาก”
เป็นไทกดวางสาย
นับดาวนั่งอยู่ต่อหน้ายูกิ ไม่ค่อยกล้าสบตานัก
“ฉันมาขอโทษที่ทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้”
ยูกิยิ้มให้
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ”
“คุณรู้ได้ไง ฉันอาจตั้งใจก็ได้ ฉันยอมทิ้งทุกอย่างในชีวิตเพื่อไปยืนในจุดที่คุณยืนอยู่ เพื่อที่จะเป็นซุปเปอร์สตาร์เหมือนคุณ แต่ดูสิ่งที่ฉันเป็นสิ ก็แค่เป็นเงาของใครบางคน ทุกครั้งที่เห็นหน้าคุณ ฉันสงสัยทุกครั้งว่าฉันไปทำอะไรผิดตรงไหน ฉันกับคุณถึงต่างกันขนาดนี้ แค่คุณขยับตัวนิดเดียวก็เป็นข่าว ฉันเต้นแร้งเต้นกาเรียกร้องให้คนสนใจทั้งชีวิต ไม่มีใครคิดจะสนใจ แค่ขอร้องเพลงซักเพลงยังไม่มีใครฟังเลย เพราะบ้านฉันจนเหรอหรือเพราะฉันเป็นเด็กกำพร้า ไม่สิหรือเพราะฉันเกิดมาผิดประเทศตั้งแต่แรก ทำไมฉันได้แต่ดูคุณ ทำไมคุณไม่เป็นฉัน ทำไมอะไรๆถึงเป็นแบบนี้...นั่นไง ไอ้ฤทธิ์ยาบ้าๆนั่น ฉันอาจจะเอามาเป็นแค่ข้ออ้างในการพยายามแทนที่คุณก็ได้”
ยูกิจ้องหน้าแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจ
“ฉันเชื่อว่าเธอเป็นคนดี...เธอไม่ทำแบบนั้นหรอก แล้ววันหนึ่งเธอจะได้ผลตอบรับจากสิ่งที่เธอทำ...เวลาเธออยากจะไปให้ถึงดวงดาว เธอรู้มั้ยระยะทางมันไกลมากนะ ตั้งกี่ล้านปีแสงกว่าจะไปถึงตรงนั้น แต่ถ้าเธอไม่หยุดเดิน ยังไงวันนึงมันก็จะไปถึงจนได้แหละ”
นับดาวยิ้มเศร้าๆ
“ขอบคุณนะ สำหรับคำปลอบใจของความพยายาม...จริงๆแล้ววันนี้ฉันตั้งใจจะมาลาคุณด้วย”
ยูกิแปลกใจ
“ลา...จะไปไหน”
“ฉันสร้างความวุ่นวายไว้ในชีวิตคุณเยอะมากแล้ว ฉันควรจะไปดำรงชีวิตของฉันแบบที่ไม่ใช่เงาของคุณอีกต่อไป”
“ถ้าเธอตัดสินใจมาแล้ว ฉันก็ไม่ห้าม...ขอให้เธอโชคดีกับความฝัน”
นับดาวยิ้มเศร้า ยูกิส่งยิ้มอย่างเอื้ออารีให้
เป็นไทเดินเข้าโรงพยาบาลมาเจอกับยามาดะพอดี
“อ้าว...ทำไมมาอยู่ตรงนี้ ยูกิล่ะ”
“ยูกิคุยธุระอยู่”
เป็นไทแปลกใจ
“คุยธุระ...กับใคร”
ยามาดะยังไม่ทันบอก พยาบาลเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“คุณไทคะ เซ็นเอกสารค่าใช้จ่ายตรงนี้ด้วยค่ะ”
“อ๋อ...ครับ”
เป็นไทเซ็นเอกสาร พยาบาลยิ้มๆก่อนจะถาม
“บัตรคอนเสิร์ตยูกินี่ยังหาซื้อได้มั้ยคะ”
“ผมไม่แน่ใจนะ ลองดูในเว็บไซต์ครับ”
เป็นไทยื่นเอกสารคืนให้ พยาบาลรับมา
“ขอบคุณค่ะ สามารถรับคนไข้กลับได้เลยนะคะ”
เป็นไทพยักรับ พยาบาลเดินไป เป็นไทหันมาหายามาดะ
“ขอโทษทีครับ เมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนแล้วนะ”
นับดาวกับยูกิจับมือล่ำลากัน
“ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณเธอด้วยเหมือนกัน”
ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันเป็นครั้งสุดท้าย
เป็นไทหันมาคุยกับยามาดะ
“ถึงตอนที่ว่ายูกิคุยธุระอยู่”
“แล้วใครคุยกับยูกิอยู่”
“นับดาวน่ะ”
เป็นไทตาเหลือก
“ห๊า...แล้วทำไมเพิ่งบอก”
เป็นไทออกวิ่งทันที ยามาดะมองตามงงๆ
นับดาวเปิดประตูห้องออกมา หันไปเห็นเป็นไทวิ่งมาพอดี เธอตกใจรีบกลับเข้ามาในห้องทันที หน้าตาเลิ่กลั่ก หาทางออกทางอื่น ยูกิงงกับท่าทางนับดาว
“ลืมอะไรเหรอ”
“เปล่าหรอก”
นับดาวเปิดหน้าต่าง ก้มดู
“ดีนะอยู่ชั้นหนึ่ง” นับดาวหันมาบอกยูกิ “ไปจริงๆแล้วนะ”
นับดาวปีนออกทางหน้าต่างไป ยูกิงง ยังไม่ทันไร เป็นไทก็วิ่งพรวดเข้ามา
“นับดาวล่ะ”
“ไปแล้ว”
ยูกิมองหน้าต่าง เป็นไทรีบวิ่งไปมองเห็นนับดาวกำลังวิ่งหนีสุดชีวิต เธอหันมาสบตาแล้วรีบวิ่งต่อไป
“คิดจะหนีเหรอ”
เป็นไทรีบวิ่งออกจากห้องไปอีกทาง
นับดาววิ่งหนีไม่คิดชีวิต คนในโรงพยาบาลต่างมองเธอเป็นตาเดียว นับดาวครุ่นคิด
“คนมองแบบนี้ หนีไม่รอดแน่”
นับดาวหลบเข้าไปในตึก เป็นไทตามมาถึงจุดเดียวกันไม่นานนัก เขาถามคนแถวนั้น
“เห็นผู้หญิงวิ่งมาทางนี้มั้ยครับ”
คนไข้ชี้นิ้วเข้าไปในตึก เป็นไทตามเข้าไป
นับดาวเข้ามาในตึกเห็นรถเข็นที่มีชุดสำหรับให้คนป่วยเปลี่ยน เธอหยิบชุดคนป่วยติดมือมาด้วย เป็นไทวิ่งตามมาถึงจุดเดียวกันไม่เห็นใครแล้ว
นับดาวเดินออกมาจากตึกด้วยชุดคนไข้
“ดีนะเนี่ยที่ดูหนังมาเยอะ...นี่ความบังเอิญครั้งที่ 1 สินะ”
นับดาวเดินออกไป เป็นไทวิ่งออกมาจากตึก มองไปตามทางเดินไม่เห็นนับดาวเพราะเธอเดินปะปนกับคนไข้ออกไป เป็นไทผิดหวัง
เย็นนั้น...เป็นไทเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างซึมๆ นิ่งๆ องอาจเดินเข้ามากับวราพรรณ
“เป็นไงมั่งครับ”
เป็นไทนิ่งไม่ตอบ วราพรรณหันไปดุองอาจ
“เห็นมั้ย บอกแล้วว่าอย่าถาม”
“ก็ถามเรื่องงานทั่วๆไปเฉยๆ”
เป็นไทหงุดหงิดไม่มีอารมณ์
“ออกไปกันก่อนไป”
องอาจและวราพรรณพากันออกไป เป็นไทนั่งซึมอยู่คนเดียว ทางด้านนับดาวนั่งเหม่อเศร้าอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ป้ายโฆษณาคอนเสิร์ตยูกิแปะอยู่ไม่ไกล เธอมองแล้วถอนหายใจ
วันต่อมา...ยูกิซ้อมคอนเสิร์ตอยู่บนเวที เป็นไทดูเหม่อๆ องอาจกระซิบถาม
“เรื่องแสงหรือเสียง มีอะไรคอมเม้นท์มั้ยครับ”
เป็นไทไม่ได้ยิน
“ห๊า...ว่าไงนะ”
วราพรรณที่มองดูอยู่ไกลๆ ก็รู้สึกสงสาร
ค่ำนั้น...เป็นไทมานั่งหลับรอนับดาวอยู่ที่หน้าบ้าน รจนากลับมาเห็น ก็มองอย่างเวทนาจับใจ
“คุณไท ตื่นเถอะ” รจนาเขย่าตัว “คุณไท”
เป็นไทรู้สึกตัว
“นับดาว” เป็นไทเห็นหน้ารจนาก็จ๋อยไป “อ้าว...”
“เลิกทำแบบนี้เถอะ มันไม่มีประโยชน์หรอก นับดาวมันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว มันย้ายไปอยู่เองแล้ว”
“นี่เขาคิดจะทำอะไร จะไปไหน โดยไม่ลาผมซักคำเลยเหรอ”
รจนาได้แต่ถอนใจ
วันต่อมา...ยูกิเข้ามาปรึกษางานเป็นไทในห้อง เธอพูดหลายสิ่งแต่เป็นไทไม่ได้ฟังเธอเลย ได้ยินแต่ความเงียบและจ้องหน้าของเธอ ฝันไปไกลว่ายูกิคือนับดาว มานั่งทำท่าทางเพี้ยนๆ เต้นบ้าๆ บอๆตรงหน้าเขาแทน ยูกิมองงงๆ
“คุณไท...คุณไทคะ”
เป็นไทหลุดจากภวังค์
“ครับ”
“คุณไทฟังฉันอยู่รึเปล่า”
“ฟังสิครับ ฟัง...ไหนว่าไงนะ”
ยูกิจับพฤติกรรมแปลกๆของเขาได้
“ถ้าฉันทายไม่ผิด...คุณรักนับดาวใช่มั้ย”
เป็นไทสะดุ้งโดนใจดำ
“เฮ้ย...เอาอะไรมาพูด”
“ฉันเป็นผู้หญิง ฉันมองออก...คุณไม่จำเป็นต้องปิดฉันหรอก”
“แต่ผมก็ไม่เห็นว่าการพูดไปมันจะมีประโยชน์อะไร”
“การกล้าพูดสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมันมีอะไรไม่ดีด้วยเหรอ”
“ก็ถูกของคุณ”
“อยากให้ฉันช่วยอะไรมั้ย”
“ไม่มีใครช่วยได้หรอก ถ้าจะได้...คุณอย่ามาให้ผมเห็นหน้าได้มั้ยล่ะ ผมไม่อยากคิดถึงเขา”
ยูกิตกใจ เป็นไทยิ้มๆ
“ผมล้อเล่น...ยังไงผมก็ต้องผ่านมันไปให้ได้”
องอาจเปิดประตูเข้ามา
“คุณสังวรณ์มาขอเจรจาหย่าศึกครับ เขาไม่อยากให้เจ้านายแจ้งตำรวจเรื่องเขา”
เป็นไทถอนหายใจ
“คุณคุยได้เลยองอาจ ผมไม่อยากมีเรื่องกับใครแล้ว”
องอาจออกไปเจรจากับสังวรณ์ ยูกิมองเป็นไทออย่างเห็นใจ
อ่านต่อตอนที่ 15 อวสาน พรุ่งนี้