แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 22 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
รักประกาศิต ตอนที่ 13
นาฬิกาบนผนังที่สำนักงานของไร่สุพัฒนาบอกเวลาตีห้า วิทวัส เจ้าทิพย์ดารา เจมส์ นั่งเงียบ อยู่บนโซฟา สักพักวิทวัสก็ตัดสินใจเดินไปเปิดเซฟแล้วหยิบเงินสดมาใส่กระเป๋า เจมส์กับเจ้าทิพย์ดาราเดินมาดู
“คุณวัสจะยอมจ่ายเงินมันหรือคะ แต่เราแจ้งตำรวจแล้วนี่คะ” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“ตอนนี้เราต้องเตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างครับ” วิทวัสบอก
“แล้วพี่จะแน่ใจเหรอครับว่ามันจะรักษาคำพูด” เจมส์ถาม
“เราไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าจะต้องเสียเงินแล้วคุณเล็กกับคุณนิดปลอดภัย เราก็ต้องยอม”
ภูชิชย์ขับรถไปตามทางขึ้นเข้า นิพนธ์กับพิสุทธิ์นั่งอยู่ในรถ สักพักนิพนธ์ก็เอ่ยขึ้นมา
“เรามาตั้งไกลแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครขึ้นมาอยู่บนนี้เลยนะครับ”
“นั่นสิครับ ผมว่าเราลงเขากลับไปเถอะครับ” พิสุทธิ์เสนอ
ภูชิชย์หยุดรถแล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นแต่ความมืด
ผลนอนอยู่ข้างๆ บัวเกี๋ยงในกระท่อมหลังเล็ก สักพักผลก็ตื่นขึ้นมาแล้วลุกไปเตะลูกน้องสองคนให้ตื่น
“เฮ้ย....ตื่น ได้เวลาไปเอาเงินแล้ว”
บัวเกี๋ยงกับลูกน้องทั้งสองลุกขึ้น
“แล้วพี่จะไปยังไง” บัวเกี๋ยงถาม
“เดี๋ยวพี่ไปหาโทรศัพท์สาธารณะโทรหาพวกมัน เอ็งอยู่ที่นี่เฝ้านังสองคนไว้ก่อน ก่อนเที่ยงวันนี้พี่จะกลับมารับพร้อมเงิน ยี่สิบล้าน”
บัวเกี๋ยงยิ้มเมื่อคิดถึงเงิน
“นี่ฉันจะมีบุญได้ใช้เงินล้านเหรอเนี่ย” บัวเกี๋ยงดีใจ
สองผัวเมียหัวเราะด้วยความสะใจ
ผลเดินออกมาจากกระท่อม แล้วมานั่งมองสุพัฒนากับนริศราที่ยังคงถูกมัดอยู่ด้วยกัน บัวเกี๋ยงกับลูกน้องทั้งสองเดินตามออกมา
ผลยื่นมือไปจับแก้มนริศรา “โถ ยุงกัดแก้มเป็นรอยหมดเลย ไม่เป็นไรนะ ถ้าผมได้ค่าไถ่ตัวคุณทั้งสองแล้ว จะซื้อยามาทายาให้หน้าใสน่าหอมเหมือนเดิมนะครับ” ผลจ้องหน้าสุพัฒนา “ผัวไปหาเงินก่อนนะจ๊ะเมียจ๋า”
สุพัฒนาทำหน้ารังเกียจ แต่ผลยิ้มแล้วเดินไปที่รถกับลูกน้อง ทั้งสามกำลังจะขึ้นรถ บัวเกี๋ยงเงี่ยหูฟังคล้ายได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“พี่ผล ฉันว่าฉันได้ยินเสียงรถนะ” บัวเกี๋ยงบอก
“ใครมันจะมาบนนี้แต่เช้าวะ” พูดจบผลก็นึกได้ “หรือว่าไอ้ภูชิชย์”
นริศรากับสุพัฒนาเริ่มมีรอยยิ้ม
“ทำไงดีล่ะพี่ มันจะเอาตำรวจจับเราหรือเปล่า” บัวเกี๋ยงลนลาน
“ใจเย็นๆ มันคงไม่รู้ว่าเราเปลี่ยนรถ เดี๋ยวเราทำปกติ” ผลพูดกับลูกน้อง “ไปเอาอีสองตัวนั่นขึ้นรถ”
ลูกน้องทั้งสองรีบเดินไปแก้มัดแล้วจะลากนริศรากับสุพัฒนาขึ้นรถไปด้วยกัน แต่สองสาวไม่ยอม
“ไม่...ฉันไม่ไป.....ช่วยด้วย” สุพัฒนาแหกปาก
ผลชักมีดออกมาถือขู่
“หุบปาก ถ้าไม่อยากหน้าแหก”
สุพัฒนาหุบปากทันที ผลเข้ามากระชากร่างสองสาวแล้วผลักให้ขึ้นรถ บัวเกี๋ยงรีบขึ้นตาม ลูกน้องทั้งสองรีบปีนขึ้นกระบะท้าย
“บัวเกี๋ยง เอ็งคอยกดหัวนังสองนั่นไว้” ผลสั่ง
แล้วผลก็เอาหมวกมาใส่แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าบนภูเขาเริ่มสว่าง รถของภูชิชย์แล่นขึ้นเขามาเรื่อยๆ ตามทาง
“ถ้าเราขึ้นไปแล้วไม่มีอะไร ผมจะรีบกลับทันที” ภูชิชย์บอก
ทันใดนั้นนิพนธ์ก็เห็นรถแล่นลงมาตามทางลงจากเขา
“พ่อเลี้ยงครับ นั่นใช่รถพวกมันหรือเปล่า”
“ใช่ยิ่งกว่าใช่อีกครับ” พิสุทธิ์บอก
รถของผลขับลงมาจากภูเขา ภูชิชย์ตัดสินใจพุ่งตรงเข้าไปหมายจะชน แต่ผลหักหลบเอาท้ายชน ลูกน้องทั้งสองกระเด็นตกจากกระบะ
ภูชิชย์ นิพนธ์ พิสุทธิ์รีบลงจากรถมายืนขวางหน้ารถเอาไว้
“โธ่เว้ย....บัวเกี๋ยง พานังสองคนนี่ไปก่อน พี่จัดการมันเอง” พูดจบผลก็ส่งมีดให้บัวเกี๋ยง
บัวเกี๋ยงเปิดประตูรถลากทั้งสองลงไป
ผลกับลูกน้องรีบวิ่งมาขวางภูชิชย์ นิพนธ์ และพิสุทธิ์ ผลแย่งปืนจากลูกน้องมาตั้งท่าเตรียมยิงจนทั้งสามหนุ่มถึงกับชะงัก
บัวเกี๋ยงพยายามลากสองสาวมาตามทางในป่า
“บัวเกี๋ยง ยอมมอบตัวดีกว่า เธอไม่รอดหรอก” นริศณากล่อม
“พี่ภู ช่วยคุณเล็กด้วย” สุพัฒนาตะโกนเรียกพี่ชาย
“หุบปากแล้วไปกับฉัน” บัวเกี๋ยงตวาด
บัวเกี๋ยงออกแรงลากสองสาวให้ตามไป นริศราเหวี่ยงขาจะเตะแต่บัวเกี๋ยงไวกว่าเอามีดปาดแขนนริศราจนเลือดไหล
“โอ๊ย” นริศราร้อง
สุพัฒนาเห็นก็ร้องเสียงดัง “กรี๊ด”
“อย่ามาเล่นกับฉัน” บัวเกี๋ยงขู่
แล้วบัวเกี๋ยงก็ลากสองสาวไปต่อ
ผลยังคงยืนถือปืนเล็งไปที่ ภูชิชย์ นิพนธ์ และพิสุทธิ์อยู่
“ผล แกยังมีเวลาที่จะเปลี่ยนใจนะ” ภูชิชย์บอก
“มึงไม่ต้องมาสั่งกู ไหนเงิน” ผลตะคอก
“นายวัสเตรียมไว้แล้ว”
“มึงคิดจะหลอกกูใช่ไหม ไอ้ภูชิชย์”
พูดจบผลก็ยิงปืนใส่ทันที พวกภูชิชย์รีบหลบ
“ว่าไง...ตกลงมึงมีเงินมาไหม” ผลถามย้ำ
“ฉันจะโทรให้นายวัสเอามาเดี๋ยวนี้” ภูชิชย์บอก
“ไม่ต้อง มึงจะโทรหาตำรวจกูรู้ ในเมื่อมึงผิดคำพูดก่อน ก็อย่าหวังว่าจะได้ตัวน้องสาวกับแฟนมึงกลับเลยไอ้ภูชิชย์”
ผลทำท่าจะยิงปืนอีก แต่กระสุนหมดแล้ว “โธ่เว้ย”
ภูชิชย์รีบวิ่งจะไปทางที่บัวเกี๋ยงเดินไป แต่ผลกระชากตัวภูชิชย์แล้วก็ชกหน้าเขา ทั้งสองเปิดฉากแลกหมัดกันไม่ยั้ง ส่วนนิพนธ์กับพิสุทธิ์กระโจนเข้าต่อสู้กับลูกน้องทั้งสองคน
ผลผลักภูชิชย์กลิ้งไปชนต้นไม้แล้วรีบวิ่งตามบัวเกี๋ยงไป ภูชิชย์จะลุกวิ่งตาม แต่ลูกน้องคนหนึ่งถีบนิพนธ์จนกระเด็นแล้วมาชกกับภูชิชย์ นิพนธ์ลุกขึ้นได้ก็วิ่งเข้ามาล็อคคอลูกน้องคนนั้นไว้
“พ่อเลี้ยงรีบไปช่วยคุณนิดกับคุณเล็กเถอะครับ” นิพนธ์บอก
ภูชิชย์รีบวิ่งไป ลูกน้องศอกใส่นิพนธ์แล้วทั้งสองก็ตะลุมบอนกันต่อ พิสุทธิ์เสียหลักล้มลง ลูกน้องจะกระทืบแต่พิสุทธิ์หลบแล้วเตะขาจนลูกน้องล้มแล้วทั้งสองก็รัวหมัดใส่กันทันที
ผลพานริศรากับสุพัฒนาที่ถูกมัดมือติดกันอยู่และบัวเกี๋ยงหนีขึ้นไปบนเขา
ภูชิชย์วิ่งตามมาตะโกนเรียก “ไอ้ผล”
“พี่ภู ช่วยคุณเล็กด้วย” สุพัฒนาตะโกน
“พี่ผล มันตามมาแล้ว” บัวเกี๋ยงบอก
ผลมองหาไม้บนพื้น แล้วก็ฉวยไม้ท่อนใหญ่ขึ้นมาท่อนหนึ่ง
“หนังเหนียวนักใช่ไหมไอ้ภูชิชย์”
บัวเกี๋ยงรีบลากสองสาวไป
ผลวิ่งย้อนกลับไปหมายจะฟาดภูชิชย์ให้ตาย ทั้งสองจึงสู้กันอีกครั้ง
พิสุทธิ์กับนิพนธ์ซัดลูกน้องของผลทั้งสองคนจนเละไม่เป็นท่า ลูกน้องทั้งสองวิ่งหนีไป นิพนธ์จะวิ่งตามแต่พิสุทธิ์รีบดึงแขนไว้
“เรารีบไปช่วยพ่อเลี้ยงกันก่อนเถอะ”
พิสุทธิ์กับนิพนธ์รีบวิ่งตามไปสมทบกับภูชิชย์ทันที
บัวเกี๋ยงลากสองสาวมาถึงหน้าผาสูงชัน โดยที่นริศรากับสุพัฒนาพยายามขัดขืนมาตลอดทาง
“นังบัวเกี๋ยง ปล่อยฉันนะ” สุพัฒนาตวาด
“บัวเกี๋ยงปล่อยพวกฉันไปเถอะ” นริศราขอ
“ปล่อยพวกแกเหรอ ฝันไปเถอะ มาถึงขึ้นนี้แล้ว ยังไงฉันก็ต้องได้เงินจากพวกแก” บัวเกี๋ยงบอก
“พี่ภูมาแล้วเขาต้องช่วยฉัน แล้วก็เอาแกเข้าคุก” สุพัฒนาขู่
“ไม่...ฉันไม่ติดคุก”
“ทำไมจะไม่ติด แกทำความผิด ฉันนี่แหล่ะจะลากแกเข้าคุกเอง”
บัวเกี๋ยงตบหน้าสุพัฒนาเต็มแรง “คิดว่าแกจะมีชีวิตอยู่จนเอาอีบัวเกี๋ยงเข้าคุกเหรอ”
บัวเกี๋ยงจ้องหน้าสุพัฒนา สุพัฒนาเห็นก็เริ่มกลัว แล้วบัวเกี๋ยงก็เหวี่ยงสองสาวไปทางหน้าผาทันที
“บัวเกี๋ยงเธอจะทำอะไรน่ะ” นริศราเริ่มกลัว
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันไม่ปล่อยให้แกกลับไปเสวยสุขกันหรอก ถ้าจะตายก็ตายด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ” บัวเกี๋ยงพูด
“บัวเกี๋ยง เธอจะดันทุรังทำอย่างนี้ทำไม”
“ก็บอกแล้วไง ว่าฉันเกลียดพวกแก เกลียดๆๆๆ ฉันจะผลักพวกแกให้ตกเขา แล้วคิดซะว่าเป็นอุบัติเหตุก็แล้วกันนะ กว่าตำรวจจะเจอศพพวกแก ฉันก็หนีไปไกลแล้ว”
“บัวเกี๋ยง นี่แกคิดจะฆ่าฉันเหรอ” สุพัฒนาเริ่มร้องไห้ “เสียแรงฉันเห็นแกเป็นคนสนิทของฉัน”
“ถุย...คนสนิท” บัวเกี๋ยงพูดอย่างโมโห “แกเห็นฉันเป็นแค่ทาสของแกมากกว่า วันนี้ฉันจะอาจจะพลาดที่จับพ่อเลี้ยงไม่ได้ พลาดที่ไม่ได้เงินจากพวกแก แต่ฉันจะไม่พลาดที่จะดูพวกแกตายไปต่อหน้าต่อตาฉัน นังนิด แกก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีแกพ่อเลี้ยงก็ต้องเป็นของฉันสักวัน แต่เพราะแกๆมันตัวซวยทำลายทุกอย่าง วันนี้ฉันจะเอาคืนแก”
บัวเกี๋ยงเดินเข้ามาผลักสองสาว แต่นริศรากับสุพัฒนาก็ออกแรงสู้ขัดขืนไว้
“ฤทธิ์เยอะกันนักใช่ไหม”
พูดจบบัวเกี๋ยงก็หยิบมีดจะแทงแต่ก็ถูกปัดตก ทั้งสามคนนัวเนียกันจนล้มลงไปที่พื้นแล้วบัวเกี๋ยงก็ลื่นไถลตกจากเขา “กรี๊ด”
บัวเกี๋ยงไถลตกลงไปแล้วก็ดึงขาสุพัฒนาให้ตกลงไปด้วย นริศราถูกสุพัฒนาลากไปด้วยอีกคนแต่นริศรายังคว้าต้นไม้ที่หน้าผาเอาไว้ได้
นริศราพยายามออกแรงดึงสองสาวที่ห้อยอยู่ด้านล่างหน้าผา ทั้งๆ ที่แขนของเธอที่โดนมีดมีเลือดไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
อ่านต่อหน้าที่ 2
แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 14 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
รักประกาศิต ตอนที่ 13 (ต่อ)
ภูชิชย์กับผลได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวทั้งสามจนหยุดชะงักไป ผลอาศัยจังหวะที่ภูชิชย์เผลอใช้ไม้ฟาดภูชิชย์จนล้มลง แล้วจะกระหน่ำตีแต่พิสุทธิ์กับนิพนธ์เข้ามาดึงไว้ได้ทัน พิสุทธิ์เอาไม้ฟาดจนผลสลบ ไปแล้วเขาก็วิ่งไปพยุงภูชิชย์ขึ้นมา
บัวเกี๋ยงยังคงห้อยอยู่ที่หน้าผาและดึงขาสุพัฒนาอยู่ด้วย สุพัฒนากรี๊ดลั่นเพราะตกใจกลัว นริศราที่อยู่ด้านบนพยายามดึงสุพัฒนาไว้
“คุณเล็ก!” นริศราพยายามช่วย
“นิด ช่วยฉันด้วย นังบัวเกี๋ยงปล่อยฉันสิ” สุพัฒนาพยายามถีบบัวเกี๋ยง
“ไม่...คุณเล็กขา อย่าปล่อยบัวเกี๋ยงนะคะ” บัวเกี๋ยงอ้อนวอน
“คุณเล็ก จับไว้แน่นๆนะคะ อย่าปล่อยบัวเกี๋ยงด้วย” นริศราบอก
ทั้งสามหนุ่มรีบเข้าไปช่วยดึงขึ้นมา พิสุทธิ์ดึงตัวนริศราไว้ ส่วนนิพนธ์กับภูชิชย์ไปช่วยดึงแขนสุพัฒนาคนละข้าง พอจะดึงสุพัฒนาขึ้นมาได้ มือของบัวเกี๋ยงก็จะหลุดจากขาสุพัฒนา บัวเกี๋ยงร้องลั่นรีบคว้าขาสุพัฒนาแล้วดึงลงไปอีก นิพนธ์กับภูชิชย์เกือบตกหน้าผาจนต้องปล่อยมือสุพัฒนาคนละข้าไป คว้ากิ่งไม้ไว้ นริศราไถลไปเพราะแรงดึงพิสุทธิ์จึงรีบดึงไว้
“พี่ภู” สุพัฒนาร้องลั่น
ภูชิชย์และนิพนธ์ตั้งหลักได้ก็ปล่อยกิ่งไม้แล้วพยายามดึงสุพัฒนาขึ้นมา
“คุณเล็ก จับไว้แน่นๆ พี่จะไม่ปล่อยคุณเล็กแน่นอน” ภูชิชย์บอก
ในที่สุดสามหนุ่มก็ช่วยผู้หญิงทั้งสามคนขึ้นมาได้ทั้งหมด
“พี่ภู” สุพัฒนาโผเข้าไปกอดภูชิชย์ด้วยความดีใจจนร้องไห้ออกมา
“คุณเล็ก ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่อยู่นี่ รู้ไหมถ้าคุณเล็กเป็นอะไรไปพี่จะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต”
“พี่ภู” สุพัฒนาร่ำไห้
“น้องรักของพี่” ภูชิชย์โอบกอดน้องสาวเพื่อปลอบขวัญ
สองพี่น้องกอดกันร้องไห้ นริศรามองภาพดังกล่าวแล้วก็แล้วยิ้ม นิพนธ์มองสุพัฒนาที่ยิ้มอย่างมีความสุข พิสุทธิ์เดินมาหานริศราแล้วถาม
“นิดบาดเจ็บนี่”
“ไม่เป็นไรหรอก....โอ๊ย” นริศราลูบแขนตัวเองแล้วก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา
ภูชิชย์มองไปที่นริศรา แล้วหันกลับมามองสุพัฒนา
“พี่ภูมีผ้าเช็ดหน้าให้นิดทำแผลไหมคะ” สุพัฒนาถาม
ภูชิชย์กับนริศรามองสุพัฒนาอย่างอึ้งๆ แล้วภูชิชย์ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าไปพันแผลให้นริศรา
ผลค่อยๆ ได้สติลืมตาขึ้นแล้วก็พบว่าตัวเองขยับร่างกายไม่ได้เพราะถูกมัดอยู่ ใกล้ๆ กันบัวเกี๋ยงก็ถูกมัดอยู่เช่นกัน ส่วนภูชิชย์กำลังกอดสุพัฒนาที่ร้องไห้เพราะเสียขวัญอยู่ โดยมีนริศรา นิพนธ์ และพิสุทธิ์อยู่ใกล้ๆ สักพักนิพนธ์ก็เดินมาหาผล
“เมื่อยไหม...รอแป๊บนะ”
“พวกมึงจะทำอะไรกู” ผลเริ่มกลัว
พิสุทธิ์ยิ้มกวน “กูไม่ทำอะไรมึงหรอก แต่โน่น มาพอดีคนที่จะจัดการกับมึง”
รถตำรวจแล่นเข้ามาจอด ท้ายรถมีลูกน้องของผลที่ถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่ ตำรวจลงจากรถแล้วเดินมาทางกลุ่มภูชิชย์ บัวเกี๋ยงเห็นตำรวจก็ร้องไห้แล้วคุกเข่าขอโทษสุพัฒนาทันที
“คุณเล็กขา บัวเกี๋ยงขอโทษ บัวเกี๋ยงคิดไม่ดีกับคุณเล็ก บัวเกี๋ยงสำนึกผิดแล้ว คุณเล็กยกโทษให้บัวเกี๋ยงนะคะ”
สุพัฒนาไม่ตอบคำ เธอมองบัวเกี๋ยงแล้วพยายามกลั้นน้ำตาและความเจ็บใจเอาไว้
“เชิญเอาตัวไปเลย เดี๋ยวพวกผมจะตามไปให้ปากคำที่โรงพัก” ภูชิชย์บอกตำรวจ
ตำรวจพาคนร้ายทั้งหมดขึ้นรถไป
ทุกคนที่ไร่สุพัฒนาโห่ร้องด้วยความยินดีที่รู้ว่าเจ้านายทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย เจ้าทิพย์ดารา เจมส์ และวิทวัสยิ้มด้วยความยินดี
เจ้าทิพย์ดาราทำแผลให้นริศราเสร็จแล้วก็จับมือนริศราด้วยความดีใจ
“คุณนิดของน้อยนี่เก่งเสมอเลย”
“สถานการณ์มันบังคับน่ะค่ะ” นริศราถ่อมตัว
“ไม่หรอกครับ เป็นเพราะคุณนิดมีสติมากกว่า แต่ก็ยอมรับนะครับว่าเข้มแข็งด้วยเก่งจริงๆ” นิพนธ์ชม
“นึกไม่ถึงนะคะว่านายผลกับบัวเกี๋ยงจะกล้าทำเรื่องแบบนี้” เจ้าทิพย์ดาราพูด
“ทำไมจะไม่กล้าล่ะคะเจ้า พวกเราน่ะก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าไอ้ผลกับนังบัวเกี๋ยงมันต้องมีอะไรลึกซึ้ง ที่แท้ก็เป็นผัวเมียกันนี่เอง” แม่อุ้ยว่า
“ผัวเมียกันไม่เท่าไหร่ คิดมักใหญ่ใฝ่สูงแบบผิด อี๋...น่ารังเกียจ” พรพูดแล้วก็ทำท่ารังเกียจ
“เจอที่ไหนจะเอาขวานจามหน้ามันเลย” ลุงปั๋นบอก
“ทำแบบนั้นก็ผิดกฎหมายสิครับลุงปั๋น” เจมส์ทัก
“นั่นสิ เดี๋ยวก็ได้ไปตีกันในคุกอีกหรอก”
แล้วทุกคนก็หัวเราะออกมาด้วยกัน
“แต่สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดีนะ นริศรา ฉันขอบใจเธอจริงๆนะที่ไม่ทิ้งคุณเล็ก ทั้งๆที่คุณเล็กคิดจะเอ่อ...ทำร้ายเธอก่อน” ภูชิชย์บอก
“ลืมเรื่องเก่าๆเถอะค่ะ เอาเป็นว่าทุกคนปลอดภัยฉันก็ดีใจ” นริศรายิ้ม
“แหม..พี่นิดนี่ทั้งสวยทั้งใจดีอีกนะครับ ถ้าใครได้เป็นแฟนละสงสัยรักตายเลย” เจมส์แซวภูชิชย์
คนงานเฮรับกันดังลั่น ภูชิชย์กับนริศราเขิน
“เจมส์มาพูดอะไรน่ะ” นริศราเขิน
“น้องเขาพูดความจริงๆนี่ นิดจะเขินทำไม” พิสุทธิ์บอก
“ไม่เอาแล้ว” นริศรานึกขึ้นได้ “แล้วนี่คุณเล็กอยู่ไหนคะ นี่พวกเราทิ้งเธออีกแล้วนะคะ”
ภูชิชย์ยิ้ม “คุณเล็กขอนอนพักผ่อน”
“ยังไงพวกเราจะผลัดกันไปดูแลเธอก็ได้นะคะพ่อเลี้ยง” แม่อุ้ยเสนอ
“จริงเหรอ ผมนึกว่าทุกคนจะ....” วิทวัสแปลกใจ
“พวกเราอาจจะไม่ชอบที่คุณเล็กเจ้าอารมณ์ แต่พวกเราก็รักและเป็นห่วงเธอค่ะ” พรบอก
“ใช่ครับ คนอยู่ด้วยกันกินข้าวหม้อเดียวกัน ยังไงก็รักกันครับคุณวัส” ลุงปั๋นเสริม
“พี่ภู ผมดีใจที่ได้ยินแบบนี้นะ” วิทวัสซึ้งใจ
ภูชิชย์กับวิทวัสยิ้มให้กัน โดยที่ไม่รู้ว่าสุพัฒนากำลังแอบฟังอยู่อีกมุมหนึ่งพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย
นริศรามาส่งพิสุทธิ์กับเจ้าทิพย์ดาราขึ้นรถกลับ
“ขอบคุณนะโป๊ะที่ดีกับเรามาตลอด” นริศราพูดแล้วยิ้มให้
พิสุทธิ์แกล้งแซว “ก็เป็นได้แค่คนดีที่ไม่ใช่ รู้งี้มาบทโหดแบบพ่อเลี้ยงดีกว่า เผื่อจะโดนใจนิดบ้าง”
นริศราเขิน แล้วมองเจ้าทิพย์ดาราอย่างเกรงใจ “โป๊ะ อย่าแซวอย่างนี้น่ะ”
เจ้าทิพย์ดาราเห็นท่าทีของนริศราก็รีบพูด “น้อยยินดีมากๆเลย ที่คุณนิดกับภูรักกัน เขาว่าคนเราจะเห็นใจกันก็ตอนที่ลำบากนี่ล่ะ คุณนิดก็อย่าใจร้ายหนีภูไปอีกนะคะ”
นริศรายิ้มไม่ตอบอะไร
“ตอนที่นิดมีความสุข ไม่ต้องนึกถึงเราก็ได้ แต่ถ้านิดทุกข์เมื่อไหร่ ให้นึกถึงเราทันทีนะ เราจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนิดตลอดไป” พิสุทธิ์บอก
นริศรากับพิสุทธิ์สวมกอดกัน แล้วพิสุทธิ์กับเจ้าทิพย์ดาราก็ขึ้นรถขับออกไปโดยที่นริศรายืนโบกมือส่ง
เจ้าทิพย์ดารานั่งดูรูปสมัยที่ถ่ายกับภูชิชย์ซึ่งวางอยู่ในห้องนอนของเธอ สักพักเจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกาก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา
“คุณโป๊ะกลับไปแล้วเหรอลูก” เจ้าเทพมงคลถามขึ้น
“ค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราตอบ
เจ้าเทพมงคลมองไปที่รูป “อยากเอารูปพวกนี้ออกไหม พ่อจะให้เด็กมาจัดการ”
“เอาออกทำไมคะ” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“เผื่อมันจะทำให้ลูกรู้สึกดีขึ้นบ้างไงจ๊ะ” เจ้าดาระกาตอบ
เจ้าทิพย์ดารามองรูปแล้วยิ้ม “น้อยว่าน้อยรู้สึกดีกว่าถ้าเก็บไว้อย่างเดิม”
เจ้าดาระกาจับมือบุตรสาวเพื่อปลอบโยน “นี่แสดงว่าลูกยังรักพ่อเลี้ยงเหรอ”
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกามองหน้ากันแล้วส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
“เหตุการณ์ที่ภูพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนที่ภูรักมากทั้งคุณเล็กและคุณนิดมันทำให้น้อยรู้สึกว่าภูเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ค่ะ น้อยยังรักภูเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิม เพียงแต่น้อยแปรรูปไปเป็นแบบเพื่อนแล้วค่ะ และภูก็จะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและน้อยรักมากที่สุด” เจ้าทิพย์ดาราอธิบาย
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกามองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างปลาบปลื้มดีใจ
“พ่อดีใจนะที่ได้รู้ว่าลูกคิดแบบนี้” เจ้าเทพมงคลพูด
“งั้นต่อไปนี้เจ้าพ่อกับเจ้าแม่ก็เลิกโกรธภูเถอะนะคะ ถ้าไม่มีเรื่องของน้อย ไร่สุพัฒนาก็จะถือเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของเราไม่ใช่เหรอคะ”
“เอาละ ได้...พ่อกับแม่จะไม่โกรธไม่เกลียดพวกไร่โน้นอีก ถ้าลูกจะเปิดใจรับคนอื่น โดยเฉพาะกับคุณ....” เจ้าเทพมงคลยังพูดไม่จบ เจ้าทิพย์ดาราก็พูดสวนขึ้น “ตอนนี้น้อยขอคิดเรื่องเรียนต่อก่อนนะคะ”
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกาพูดพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ “เรียนต่อ”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความดีใจ
“ไปอเมริกาดีไหมลูก เห็นว่าคุณโป๊ะต้องกลับไปเรียนต่อ ให้เขาช่วยดูแลที่เรียนที่นั่นดีไหม” เจ้าดาระกาเชียร์
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “ทำไมจะอเมริกาคะ ก็เจ้าลุงอยู่อังกฤษแล้วน้อยก็เคยไปเรียนอังกฤษ น้อยควรจะกลับไปที่นั่นมากกว่าไม่ใช่เหรอะคะ”
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกามองหน้ากันอย่างเซ็งๆ
“ท่าจะเข็นไม่ขึ้นแล้วค่ะเจ้าพี่ฯ” เจ้าดาระกาบ่น
เจ้าทิพย์ดารายิ้มขำบิดาและมารดาของตัวเอง
สุพัฒนายืนอึ้งมองแปลงดอกไม้ที่ถูกซ่อมแซมขึ้นใหม่ นิพนธ์มายืนดูสุพัฒนา สักพักสุพัฒนาก็รู้ตัว
“เธอมาทำแปลงดอกไม้ให้ฉันใหม่ใช่ไหม” สุพัฒนาเอ่ยถาม
“ใช่ครับ” นิพนธ์บอก
สุพัฒนาถามเสียงเรียบ “ทำทำไม ฉันไม่อยากได้”
นิพนธ์ก้มหน้านิ่ง
“ฉันคิดแต่จะทำร้ายทุกคน ฉันไม่สมควรจะได้รับรางวัลจากใคร รื้อทิ้งไปเถอะ”
พูดจบสุพัฒนาก็จะเดินไป แต่นิพนธ์ดึงแขนเธอเอาไว้
“คุณเล็กครับ” นิพนธ์เรียก
“ปล่อยฉันเถอะ ฉันมันคนเลว ได้ยินไหมนิพนธ์ ฉันมันเลว เธออย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย ฉันไม่อยากทำร้ายใครอีกแล้ว”
พูดจบสุพัฒนาก็ร้องไห้วิ่งออกไป นิพนธ์วิ่งตามพร้อมกับตะโกนเรียกแต่สุพัฒนาก็ไม่ยอมหยุด วิ่ง นิพนธ์วิ่งตามไปจนทัน
“คุณเล็กใจเย็นๆก่อนสิครับ” นิพนธ์บอก
“ไม่ ปล่อยฉัน ฉันไม่อยากเจอหน้าใครอีก เธอเองก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก ปล่อยฉัน”
สุพัฒนาดิ้นไปดิ้นมานิพนธ์รั้งไม่ไหวเลยดึงมาจูบทันที สุพัฒนาช็อคจนยืนนิ่ง
“นิพนธ์!” สุพัฒนาอึ้ง
“ผมเข้าใจครับ ที่คุณเล็กทำไปทั้งหมดก็เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมาแย่งพ่อเลี้ยงไปจากคุณเล็ก แต่ถ้าคุณเล็กเปิดใจยอมรับคนอื่นบ้าง คุณเล็กจะเห็นว่าไม่มีใครแย่งพ่อเลี้ยงที่รักคุณเล็กมากไปจากคุณเล็กได้ และยังมีคนอีกมากที่เขารักคุณเล็ก รวมทั้งผมด้วย”
“เธอรักฉัน ?” สุพัฒนาถามย้ำแล้วจ้องหน้านิพนธ์นิ่ง นิพนธ์รู้สึกผิด
“ผมขอโทษที่คิดอะไรเกินฐานะ ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกครับ”
พูดจบนิพนธ์ก็เดินจากไป สุพัฒนามองตามแล้วตัดสินใจวิ่งตามไปดึงแขนนิพนธ์เอาไว้
“นิพนธ์”
“ผม...เอ่อ...ผม”
“ถ้าฉันขอให้เธอดูแลฉันแล้วก็แปลงดอกไม้ของเรา เธอจะทำไหม” สุพัฒนาขอ
นิพนธ์อึ้ง “คุณเล็ก”
สุพัฒนายิ้มให้นิพนธ์ยิ้มตอบ นิพนธ์จับมือสุพัฒนามาจูบแล้วทั้งสองก็กอดกัน
นริศรากับภูชิชย์ยืนดูต้นกาแฟท้ายไร่ที่เริ่มโต
“ไม่น่าเชื่อนะคะ ผ่านไปไม่นาน เจ้ากาแฟพวกนี้ก็เริ่มโตแล้ว” นริศราพูดขึ้น
“เหมือนความรู้สึกของฉันที่มีกับเธอไง ขนาดไม่ได้รับน้ำรับปุ๋ยจากเธอ มันก็ยังเติบโตอย่างดี” ภูชิชย์บอก
นริศราค้อน “นี่พูดเหมือนกับฉันใจร้ายกับคุณมาก อย่าลืมสิคะว่าคุณน่ะร้ายกับฉันก่อน ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันเลยนะจำได้ไหม”
“โอ้โห...นี่เธอจบโบราณคดีมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมขุดเก่งอย่างนี้ล่ะ”
“ก็มันจริงไหมล่ะ”
ภูชิชย์ได้ทีดึงนริศราเข้ามากอด
“นี่พ่อเลี้ยงคุณทำอะไรน่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันไม่ดีนะคะ”
“ทำไม ฉันกอดแฟนฉันมันผิดตรงไหน” ภูชิชย์พูดหน้าเป็น
“ใครเป็นแฟนคุณ ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกับคุณเลยนะ”
นริศราแกล้งดึงมือออกแล้วเดินหนี ภูชิชย์รีบดึงนริศรากลับมากอดไว้
“งั้นเธอก็ตกลงรับรักฉันสิ ฉันอยากให้เธออยู่ที่นี่กับฉันตลอดไป...ได้ไหมนริศรา”
“แล้วคุณเล็กล่ะคะ ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจ” นริศราบอก
“ถ้าฉันทำให้คุณเล็กยอมรับเธอได้ เธอจะไม่หนีฉันไปไหนอีกนะ”
ภูชิชย์กับนริศรายิ้มให้กันแล้วก็กอดกันมองไร่กาแฟอย่างมีความสุข
ภูชิชย์กับวิทวัสมาเคาะห้องของสุพัฒนา พอสุพัฒนาเปิดประตูออกมาสองหนุ่มก็ยิ้มรับ
“นายทหารองครักษ์ทั้งสองมารับเจ้าหญิงไปงานเลี้ยงต้อนรับกลับสู่บ้านเราแล้วครับ” ภูชิชย์พูด
สุพัฒนายิ้มเศร้า “คุณเล็กไม่ไปได้ไหมคะ”
วิทวัสแปลกใจ “ทำไมล่ะคุณเล็ก คนงานทุกคนเขาจัดงานนี้ให้คุณเล็กกับคุณนิดนะ”
“นั่นสิ ตั้งแต่กลับมาคนงานเขาอยากเจอคุณเล็กมากนะ ไปพบพวกเขาหน่อยเถอะ” ภูชิชย์บอก
“คุณเล็ก...เอ่อ....คุณเล็กยังไม่ค่อยสบายค่ะ พี่ภูกับพี่วัสไปเถอะ”
“เป็นอะไร ไปหาหมอไหมพี่จะพาไป” ภูชิชย์บอก
“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ภูไปร่วมงานเถอะ คุณเล็กแค่ปวดหัวนอนสักพักก็หาย”
“ถ้างั้นพี่จะให้คนเอาอาหารมาให้ที่นี่นะ” วิทวัสเสนอ
“ไม่ต้องค่ะ คุณเล็กขอตัวพักผ่อนนะคะ ฝากขอบคุณคนงานด้วยนะคะ...ที่อุตส่าห์คิดถึงคุณเล็ก”
พูดจบสุพัฒนาก็ปิดประตูห้องทันที
“คุณเล็กเดี๋ยวสิ” ภูชิชย์พยายามเรียก
“ปล่อยคุณเล็กเถอะครับพี่ภู”
ภูชิชย์พยักหน้ารับแล้วเดินไปกับวิทวัส พอสองหนุ่มเดินไปแล้วสุพัฒนาก็เปิดประตูออกมามองตามด้วยสายตาเศร้า
อ่านต่อหน้าที่ 3
แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 14 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
รักประกาศิต ตอนที่ 13 (ต่อ)
นริศราเดินมาตามทางเดินในไร่แล้วก็เจอนิพนธ์ที่กำลังเดินสวนมา
“อ้าว คุณนิพนธ์จะไปไหนคะ” นริศราถาม
“เอ่อ...คือ ผมจะไป...” นิพนธ์อ้ำอึ้ง
นริศรางง “เอ๊ะ...หรืองานเลี้ยงไม่ได้จัดที่โรงครัว งั้นนิดเดินไปด้วยนะคะ”
“งานยังจัดที่โรงครัวครับ”
“แล้วทำไมคุณนิพนธ์ไปทางนี้ล่ะ”
“ผมจะไปดูคุณเล็กครับ” นิพนธ์บอก
“คุณเล็กไม่สบายเหรอคะ” นริศราถาม
“ผมก็ไม่ทราบครับ แต่เธอโทรมาให้ไปหาที่ห้องรับแขกที่บ้าน เธอไม่อยากไปงานน่ะครับ...เอ่อ...คือเธอคงไม่สบาย”
นริศรายิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นก็ไปหาคุณเล็กเถอะค่ะ”
“แล้วถ้าคนอื่นถาม....เอ่อ...คือผมกลัวคุณเล็กจะเสื่อมเสียครับ จริงๆมันไม่มีอะไรนะครับ”
“จริงด้วยถ้าคนอื่นถามหาคุณนิพนธิ์จะตอบไงดีล่ะคะ” นริศราคิดไม่ตก
คนของไร่สุพัฒนาทุกคนนั่งรับประทานอาหารด้วยกันอยู่ที่โรงอาหาร
“อาหารมื้อนี้แม่อุ้ยทำสุดฝีมือเลยนะคะ เพื่อฉลองการกลับมาของคุณเล็กกับคุณนิด” แม่อุ้ยบอก
คนงานทุกคนปรบมือรับ
“เสียดายนะครับคุณเล็กน่าจะมาด้วย” ลุงปั๋นบอก
“ใช่ค่ะ เธอไม่สบายแบบนี้น่าจะให้พรไปอยู่เป็นเพื่อนก็ได้”
“ขอบใจมากพร แต่ให้คุณเล็กนอนพักผ่อนเถอะ” ภูชิชย์บอก
“เอ..แล้วนี่นิพนธ์หายไปไหนล่ะครับ” วิทวัสทักขึ้น
“จริงด้วย มีใครเห็นนิพนธ์บ้าง” ภูชิชย์ถาม
ทุกคนส่ายหน้าว่าไม่เห็น
“ผมไปเดินตามหาให้ก็ได้ครับ” เจมส์อาสา แล้วเขาก็จะลุกไปแต่นริศรารีบดึงไว้
“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกเจมส์ คือนิดเจอคุณนิพนธ์แล้วค่ะ”
“แล้วเขาไปไหน” ภูชิชย์ถาม
นริศรากุเรื่อง “เห็นว่าจะออกไปหาเพื่อนข้างนอก นิดขอโทษที่ลืมบอกทุกคนนะคะ”
ทุกคนพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปกินอาหารตามปกติ นริศราถอนใจด้วยความโล่งอกเจมส์ลุกขึ้นเอาส้อมเคาะแก้วให้เกิดเสียงดัง
“ทุกคนครับ รู้สึกไหมว่างานเลี้ยงวันนี้มันดูไม่เป็นงานเลี้ยงเลย”
คนงานทุกคนพูดพร้อมกัน “ใช่”
วิทวัสหันไปพูดกับภูชิชย์และนริศรา “ไอ้หมอนี่ตกลงมันเป็นฝรั่งพันธ์ไหนครับเนี่ย มาแป๊บเดียวกลมกลืนกับคนงานมากเลย”
ภูชิชย์กับนริศราหัวเราะขำ
พวกคนงานปรบมือ แล้วเจมส์ก็เดินไปเอากีตาร์ที่ซ่อนเอาไว้มาส่งให้ภูชิชย์ ภูชิชย์มองอย่างงงๆ
“วันเลี้ยงต้อนรับผมพ่อเลี้ยงกับพี่นิดร้องเพลงให้ฟัง มันทำให้บรรยากาศดีมากนะครับ วันนี้ร้องอีกสักเพลงนะครับ” เจมส์พูดกับคนงาน “ใครอยากฟังพ่อเลี้ยงกับพี่นิดร้องเพลงอีกครับ”
“นายนี่มันแสบขึ้นทุกวันๆนะนายเจมส์” ภูชิชย์พูดหยอก
เสียงคนงานปรบมือกันลั่น ภูชิชย์กับนริศราขึ้นไปนั่งบนโต๊ะแล้วเริ่มร้องเพลงและเล่นกีตาร์กัน
สุพัฒนาแอบมองกลุ่มคนงานในโรงอาหารจากระยะไกล เธอเห็นคนงานสนุกสนานกับการร้องเพลงของนริศราประกอบการเล่นกีตาร์ของภูชิชย์ สักพักนิพนธ์ก็เดินเอาแซนด์วิชกับเครื่องดื่มมาให้
“ที่จริงคุณเล็กน่าจะให้ผมไปเอาอาหารมาให้นะครับ ทานแซนด์วิชแค่นี้มันจะไม่ดี” นิพนธ์บอก
“ไม่เป็นไรหรอกนิพนธ์ คืนนี้มันไม่ได้สำคัญที่อาหารหรอก มันสำคัญที่ฉันมีความสุขต่างหาก”
ได้ยินเช่นนั้นนิพนธ์ก็ยิ้มด้วยความดีใจจนตาเป็นประกาย
“คุณเล็กมีความสุขจริงๆเหรอครับ” นิพนธ์ถาม
“ใช่ แค่ฉันเห็นทุกคนที่โรงอาหารมีรอยยิ้มมันก็ทำให้ฉันมีความสุขนะ”
นิพนธ์เซ็ง “อ้าว..นึกว่าสุขที่อยู่กับเรา”
สุพัฒนาค้อน “รู้ไหม ตั้งแต่ฉันถูกจับไป ฉันก็รู้สึกเลยว่าที่จริงแล้วทุกคนที่นี่ต่างหากที่ดีกับฉัน ฉันจะไม่ทำลายสิ่งดีๆเหล่านี้อีกแล้ว”
“งั้นทำไมคุณเล็กไม่ไปร่วมงานกับพวกเขาล่ะครับ”
สุพัฒนาส่ายหน้า “ฉันไม่อยากไปทำลายความสนุกของเขา ขอนั่งดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า”
นิพนธ์จ้องหน้า “นี่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดใช่ไหมครับ”
สุพัฒนาอึ้ง ก่อนจะตอบออกมา
“ฉันไม่กล้าสู้หน้านิด ทั้งที่ฉันเคยเกลียดเขามากจนอยากจะฆ่าเขา แต่เขากลับช่วยชีวิตฉัน ดูแลปกป้องฉัน ฉันไม่มีหน้าจะไปหาเขาหรอก”
“แต่การที่คุณเล็กหลบหน้าคุณนิดแบบนี้ คุณนิดก็จะไม่รู้ว่าคุณเล็กเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเธอนะครับ ถ้าคุณเล็กรู้สึกดีกับคุณนิดอย่างที่พูด คุณเล็กก็ต้องทำให้เธอรับรู้นะครับ”
สุพัฒนานั่งมองไปทางโรงอาหารแล้วก็คิดหนัก
ลัคนาซึ่งยังพักอยู่ที่ห้องในโรงแรมของพิสุทธิ์ต่อโทรศัพท์ไปหาณรงค์ เธอรอสายครู่หนึ่งแต่ก็ไม่มีใครรับ ลัคนาเริ่มหงุดหงิด
“โอ๊ย อะไรนักหนาเนี่ยคุณณะ ทำไมหายเงียบไปสองสามวันเลย หรือจะเรียนหนัก” ลัคนาต่อสายอีก “จะถึงหรือยังยัยวัน....มาเร็วๆหน่อยสิ พี่นัดร้าน”
ลัคนาวางมือถือลงแล้วโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น ลัคนามีสีหน้าแปลกใจแต่ก็เดินไปรับ
“ฮัลโหล....ใช่ค่ะฉันลัคนากำลังพูด.....มีแขกมารอพบฉัน....ใครคะ.........อ้าว...เขาไม่บอกชื่อแล้วฉันจะรู้ได้ไงคะ เกิดเป็นโจรมาจับตัวฉันไปจะว่าไง ฉันฟ้องคุณโป๊ะ..........เอาละๆไม่ต้องหรอก เอาเป็นว่าฉันจะลงไปแล้ว บอกให้แขกคนนั้นนั่งรอฉันที่ล้อบบี้ แล้วก็บอกซิเคียวริตี้โรงแรมให้มาอยู่ใกล้ๆฉันไว้ด้วยล่ะ”
ลัคนากระแทกหูโทรศัพท์แล้วคิดสงสัย
“ใครมาหาเราถึงที่นี่”
ลัคนาเดินออกมาจากลิฟท์ แล้วเดินไปดูในล้อบบี้โรงแรมแต่ก็ไม่เจอใครจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์รีเซพชั่นด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“โทษนะ...ไหนคะคนที่มาพบฉันน่ะ อย่าบอกว่าตามผิดคนล่ะ” ลัคนาโวยใส่พนักงาน
“ไม่ผิดหรอกนา” เสียงผู้ชายที่คุ้นหูลัคนาดังขึ้น
ลัคนารีบหันขวับกลับไปด้วยความตกใจคล้ายไม่เชื่อหูตัวเอง เธอเห็นณรงค์ยืนอยู่ไม่ห่าง
“คุณณะ!!! เอ่อ....นี่....นี่คุณมานี่ได้ไงคะ”
“ผมอยากรู้ความจริงเรื่องนิด” ณรงค์บอก
ลัคนาพยายามกลบเกลื่อน “เอ่อ....แหม...เรื่องนี้เองน่ะเหรอคะ ก็อย่างที่นา...”
ณรงค์พูดสวนขึ้นทันที “นา...ผมขอเรื่องจริงที่เป็นเรื่องจริง”
ณรงค์จ้องหน้าลัคนาด้วยสีหน้าเครียด ลัคนาเห็นก็ถึงกับอึ้ง
ลัคนานั่งร้องไห้ โดยที่ณรงค์นั่งจ้องภรรยาด้วยสีหน้านิ่งอยู่ที่เก้าอี้ริมสระน้ำของโรงแรม
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ค่ะ นาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายน้องนิดนะคะ” ลัคนาปล่อยโฮ
“นี่ถ้าผมไม่บังเอิญได้คุยกับวัน นาก็คงไม่ได้ตั้งใจจะปิดผมต่อไปจนผมกับน้องต้องตัดขาดกันไปโดยปริยายใช่ไหม”
“คุณณะ นาขอโทษ แต่นาผิดด้วยเหรอที่ปกป้องทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเรา นาไม่อยากให้ลูกของนาลำบาก”
“นา...รู้ไหมว่าการโกหกแค่ครั้งเดียวของนา มันทำลายความรักความไว้ใจในตัวนาหมดลงแล้ว”
“คุณณะหมายความว่าไงคะ” ลัคนาถาม
“ผมไม่อยากให้ลูกของผมมีแม่ที่เห็นแก่ตัวและไม่มีความจริงใจแบบนา”
“คุณณะ!”
“หลังจากที่เราหย่ากันเสร็จ ผมจะให้นิดกลับไปเรียนต่อ ส่วนลูกๆผมจะให้ไปเรียนที่สวีเดนกับผม” ณรงค์บอก
ลัคนารีบจับมือณรงค์แล้วอ้อนวอน “คุณณะ ให้โอกาสนะคะ”
“นาจะฟ้องร้องเรียกทุกอย่างที่นาต้องการก็ได้นะ แต่ถ้าเห็นแก่ลูกก็อย่าทำอะไรให้มันอื้อฉาวเลย”
ณรงค์แกะมือลัคนาออกแล้วลุกขึ้นเดินไป ลัคนานั่งช็อคพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด
ณรงค์เดินมาเจอกับลาวัลย์ที่ล็อบบี้ของโรงแรม
“อ้าวพี่ณะ กลับมาเมื่อไหร่คะ” ลาวัลย์แปลกใจ
“ก็ตั้งแต่วันที่คุยกับวัน พี่ก็จองตั๋วเลย” ณรงค์บอก
“รีบขนาดนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่ฝากดูแลนาด้วยนะ ยังไงวันก็ยังเป็นน้องของพี่และเป็นน้าของหลานๆอยู่นะ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ทำไมพี่ณะพูดเหมือนกับจะเลิกกับพี่นา”
“พี่ขอโทษนะ ต้องรีบไปหานิด”
ณรงค์เดินไปขึ้นรถลีมูซีน ลาวัลย์ยืนงงพอหันไปก็เห็นลัคนาเดินเข้ามา ลาวัลย์จึงรีบเดินไปหา
“พี่นานี่มัน”
ลัคนาโผเข้ากอดลาวัลย์แล้วร้องไห้แบบไม่อายใคร ลาวัลย์งงแต่ก็สวมกอดเพื่อปลอบใจลัคนา
ลัคนากลับมานั่งร้องไห้เสียใจอยู่ในห้องพัก ลาวัณย์ทราบเรื่องจากพี่สาวก็มีสีหน้าตกใจ
“พี่ณะขอหย่า!” ลาวัลย์ทวนคำ
“ใช่ เขาขอให้พี่พูดความจริงเรื่องนิด พี่ก็เลยต้องสารภาพไปจนหมด แล้วพี่ณะ..พี่ณะก็ขอหย่าทันทีเลย” ลัคนาร้องไห้โฮ
ลาวัณย์สงสารพี่สาว “พี่นาใจเย็นๆก่อน พี่ณะคงโกรธไม่นานหรอก ความจริงพี่ณะเขารักพี่นามาก แต่เรื่องนี้พี่นาคงต้องง้อพี่ณะหน่อยนะ”
“มันคงยากแล้วละวัน พี่ทำผิดมากเกินเขาจะอภัยให้”
“โธ่...พี่นา”
“คุณณะบอกแบ่งทรัพย์สินให้ แต่แปลกที่พี่กลับไม่อยากได้ พี่อยากได้ความรักพี่อยากได้ครอบครัวของพี่คืน พี่ไม่อยากได้เงินทองแล้ววัน วันพี่ผิดไปแล้ว” ลัคนาร้องไห้โฮ
ลาวัณย์จับมือปลอบใจพี่สาว “สมัยเด็กๆ ถึงพวกเราจะจน แต่พวกเราพี่น้องก็มีความสุขเพราะพ่อกับแม่ให้ความรักแทนเงินทอง แต่พอโตมาพี่นาพยายามดิ้นรนยกฐานะจนกลายเป็นคนหลงใหลวัตถุแล้วหลงลืมความรัก ถึงเวลาที่พี่นาจะเดินกลับไปหาความรักได้แล้วนะ”
ลาวัณย์กอดลัคนา พร้อมกับตบบ่าแล้วลูบหลังให้กำลังใจ
นิพนธ์พาสุพัฒนาออกมาเดินเล่นในไร่องุ่น สุพัฒนาเดินอย่างมีความสุข
“แย่จังเลยนะ ช่วงนี้ฉันไม่มีเพื่อนเลยต้องมาเกาะเธอ กวนเวลาทำงานหรือเปล่า” สุพัฒนาถาม
“ไม่หรอกครับ ผมเต็มใจ” นิพนธ์ตอบ
สักพักภูชิชย์ก็เดินมาเจอทั้งคู่
“คุณเล็ก มาอยู่ที่นี่เอง”
“พี่ภูมีอะไรหรือเปล่าคะ” สุพัฒนาถาม
“เปล่าหรอก พี่แค่เป็นห่วงว่าที่ไม่สบายหายหรือยัง” ภูชิชย์ถาม
สุพัฒนายิ้มเจื่อนๆ “ดีขึ้นแล้วค่ะ พรุ่งนี้คุณเล็กจะไปทำงานให้พี่ภูนะคะ”
“เรื่องพรุ่งนี้ไว้ก่อน เอาเรื่องวันนี้ดีกว่า” ภูชิชย์บอก
สุพัฒนางง “อะไรคะ”
“นริศราเขาฝากความเป็นห่วงมา”
“คุณเล็กก็ขอบคุณเขาด้วยนะคะ” สุพัฒนาพูด
“บอกกับเจ้าตัวเขาสิ”
พูดจบภูชิชย์ก็หันมองไปทางหนึ่ง สุพัฒนากับนิพนธ์หันมองตามไปก็เห็นนริศรากำลังเดินออกมาจากไร่องุ่นพร้อมกับส่งยิ้มให้สุพัฒนา
“เป็นยังไงบ้างคะคุณเล็ก” นริศราเอ่ยถาม
สุพัฒนาหลบตา “เอ่อ...เอ่อ...ก็ดี คุณเล็กขอตัวนะคะ”
สุพัฒนาก้มหน้าแล้วเดินหนี ทุกคนมองตามอย่างงงๆ
ภูชิชย์เรียกน้องสาว “คุณเล็กเดี๋ยวสิ”
สุพัฒนาก้มหน้าก้มตาวิ่งไปทันที
“ผมขอไปดูคุณเล็กนะครับ” นิพนธ์พูดแล้วรีบวิ่งตามไป
ภูชิชย์หันมาหานริศราแล้วก็หน้าเสีย นริศรายิ้มปลอบ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ มันยากสำหรับคุณเล็กที่จะเปิดใจรับฉัน”
“อย่าเพิ่งท้อนะนริศรา” ภูชิชย์บอก
ระหว่างนั้นลุงปั๋นก็ถีบจักรยานผ่านมา
“คุณนิดครับคุณนิด คุณวัสให้มาตามบอกมีแขกมาพบครับ”
“ใครเหรอ?” นริศราสงสัย
“เขาบอกว่าเป็นพี่ชายคุณนิดครับ ชื่อ...นะๆนี่แหล่ะครับ”
ลุงปั๋นบอก นริศรายิ้มด้วยความดีใจทันที
จบตอนที่ 13
ติดตามอ่านรักประกาศิต ตอนที่ 14 (อวสาน) พรุ่งนี้