ลิขิตฟ้าะตาดิน ตอนที่ 11
บัญชาถือโทรศัพท์ รอสัญญาณอยู่บนเตียง ส่วนในอีกมุมหนึ่งนายเด่นกำลังพูดโทรศัพท์เสียงเบาๆ หน้าตาเครียด และอีกด้าน ดวงยิหวายืนพูดโทรศัพท์อยู่ที่ริมระเบียง สีหน้าจริงจัง
ฟ้ากระจ่างนั่งดูคนนั้นที คนนี้ที พลอยลุ้นตามไปด้วย
บัญชาวางหูก่อน “ไม่รับสาย..ไม่มีใครรับสายชั้นเลย”
เสียงนายเด่นยังคุยสายอยู่ “อือๆ เข้าใจๆๆ” พูดกับอีกสาย แล้ววางหันมา “บริษัทของเฮียวินก็ติดงาน 3 งานครับ แล้วงานเราด่วนไป เค้ารับไม่ได้จริงๆ”
ดวงยิหวาคุยจบเช่นกัน “ค่ะ..ค่ะ..ขอบคุณค่ะ” วางสาย เดินเข้ามา “ในจังหวัดเรา..ไม่เหลือใครจริงๆ ค่ะ เราก็มีกันอยู่ไม่กี่คนแค่นี้ เป็นใครบ้างก็รู้ๆ กันอยู่”
“แต่คนที่แน่นอนที่สุด..ก็คือจุ้ยกะปุ่น..ถ้าพวกมันมีปัญหากะเรา..คนอื่นก็มือไม่ถึง..พอที่จะมาเทียบระดับงานกะพวกนี้ได้ บุรีมันบ้าอะไรของมัน” บัญชาสงสัยไม่เลิก
“แต่ถ้าเค้าเรียกเพิ่มจากที่ตกลงหนแรกเป็นแสน นายหัวจะยอมหรือครับ” นายเด่นว่า
“หรือว่า..” แววตาบัญชากร้าว “พวกมันเห็นชั้นเป็นแบบนี้..ก็เลยหมดความเกรงใจกันแล้ว
“ผมว่า..ใจเย็นๆ กันก่อนดีไหมครับ..วันนี้เขาอาจเพิ่งทะเลาะกับคุณบุรีสดๆ ร้อนๆ..เขาเลยไม่รับโทรศัพท์นายหัว แต่พรุ่งนี้..สถานการณ์อาจเปลี่ยนไปก็ได้ หรือคุณบุรีอาจจะกลับใจ”
ฟังที่ฟ้ากระจ่างบอก ทุกคนมองหน้ากัน พูดไม่ออก มองฟ้ากระจ่างแบบประเมินว่าอ่อนหัด ด้อยประสบการณ์ ถึงพูดจาเพ้อๆ เช่นนี้
เวลาต่อมาดวงยิหวามองจ้องหน้าเกียรติบดินทร์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วอึ้งไป “อะไรนะคะ”
“เล่ามา..ว่านายหัวมีแผนยังไง แล้วไอ้จ้าง..มันจะแก้ปัญหายังไง” เกียรติบดินทร์ซัก
“คุณดิน..ทำไม..คุณทำเหมือนกับ..สนุก..ที่เห็นบริษัทตัวเองมีอุปสรรค”ดวงยิหวาไม่พอใจ
“ใครบอก..ชั้น..เป็นห่วง ลุ้น เอาใจช่วยนายหัวตังหากล่ะ” เกียรติบดินทร์ว่า
“คุณไม่ชอบคุณจ้าง..ชั้นเข้าใจ..แต่ถ้าเกลียดเค้า จนถึงกับอยากให้ธุรกิจของครอบครัวพัง..ชั้นว่ามันไม่ใช่ละ” ดวงยิหวาชักสีหน้า
“บ้า ชั้นไม่เลวอย่างนั้นหรอกน่า..เธอบอกชั้นมาเถอะ ถ้าชั้นช่วยอะไรได้ ชั้นก็จะช่วย” เกียรติบดินทร์พูดจริง
ดวงยิหวามองจ้องหน้า แล้วถาม “จริงเหรอคะ”
“จริง..ชั้นคุ้นเคยกับเพื่อนๆ อาบุรีบางคน เค้าอาจจะยอมรับฟังชั้นก็ได้ ใครจะไปรู้” เกียรติบดินทร์พูดเป็นนัย
“นายหัวกับคุณบุรี ยังทำไมได้ แล้วคุณดินจะทำได้หรือคะ” ดวงยิหวารู้จักเกียรติบดินทร์ดี
“นี่แปลว่า..เธอคิดว่าไอ้จ้างจะทำได้..งั้นสิ เธอเห็นมันเป็นเทพแล้วใช่ไหม”
“ชั้นกำลังกลัว..ว่าคุณจ้างจะแย่มากกว่า เค้าไม่รู้จักใคร แล้วเค้าก็ไม่รู้จักธุรกิจนี้ยิ่งกว่าคุณเข้าไปอีก”
เกียรติบดินทร์จับมือดวงยิหวาถามคาดคั้น
“ดวง..ระหว่างผม..กับไอ้จ้าง..คุณอยากให้ใครชนะกันแน่”
“คุณดิน..ชั้นไม่ต้องการให้ใครแพ้หรือชนะทั้งนั้น ชั้นทำทุกอย่าง..ที่เป็นหน้าที่ของชั้น ตาม
คำสั่งนายหัว”
“สาบานได้ไหมล่ะ” เกียรติบดินทร์ถามย้ำ
ดวงยิหวาอึ้ง พยายามดึงมือออก
ทั้งสองคนไม่รู้ว่าในอีกมุมนึง ทรายทองโผล่มาเห็นภาพนั้น รีบหลบแอบ และออกอาการหมั่นไส้เล็กๆ จากนั้น ก็สะบัดเดินเลี่ยงไป ไม่อยากดู
สุดท้าย ดวงยิหวาก็ดึงมือออกมาได้
“คนสาบาน คือคนโกหก จำไว้นะ คุณดิน”
ดวงยิหวาพูดพลางมองดุใส่ เกียรติบดินทร์ เซ็ง
วันต่อมา นายเด่นกับดวงยิหวา และฟ้ากระจ่าง มาหานายจุ้ยผู้รับเหมาถึงที่บ้าน ซึ่งเมียออกมารับหน้า และทำหน้าอึดอัดอยู่เวลานี้
“พี่จุ้ยไม่อยู่ค่ะ ไปบริษัท” เมียนายจุ้ยบอก
“เราเพิ่งไปหานายจุ้ยที่บริษัทมา เด็กบอกว่า วันนี้นายจุ้ยไม่เข้าบริษัท แต่อยู่บ้าน” นายเด่นดักคอ
“อ้าว เหรอคะ..งั้นสงสัยคงสวนกัน พี่จุ้ยเพิ่งออกไปตะกี้” เมียนายจุ้ยบอกอีก
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่านายจุ้ยมีเบอร์โทรศัพท์อื่นไหมคะ เพราะเบอร์โทร.ที่หนูมี โทร.ไป
ที่ไร ก็เหมือนปิดเครื่องตลอดเลยค่ะ” ดวงยิหวาเอ่ยขึ้น
“อ๋อ โทรศัพท์เค้าหายค่ะ กำลังจะซื้อเครื่องใหม่ แล้วเค้าเปิดใช้เมื่อไหร่ จะให้เค้าโทหานาย
เด่นก็แล้วกันนะ” เมียแถต่อ
ฟ้ากระจ่างฟังอยู่นาน จึงหยิบนามบัตรตัวเองออกมา
“รบกวนให้คุณจุ้ยโทมาหาผมดีกว่าครับ เรียนคุณจุ้ยว่าผม..ฟ้ากระจ่าง ลูกชายคนโตของ
นายหัว จะเป็นคนรับผิดชอบโครงการแทนอาบุรี เงื่อนไขอะไรที่คุณจุ้ยตกลงกับอาบุรีไม่ได้ ผมยินดีทบทวนใหม่ทั้งหมด ขอให้คุณจุ้ยกรุณาติดต่อผมด่วนนะครับ..คุณพี่..” ฟ้ากระจ่างยิ้มแบบขอร้อง อ้อนวอน อย่างจริงใจสุดๆ
เมียนายจุ้ยมอง อย่างทึ่ง ในขณะที่นายเด่น กับดวงยิหวามองบทบาทของฟ้ากระจ่าง
แล้วมองหน้ากันด้วยความสงสาร
ช่วงกลางวัน ในวันต่อมา ฟ้ากระจ่างนั่งกินกาแฟ หน้าตากังวล พลางดูข้อมูลจากแล็ปท็อป ดวงยิหวาเดินเข้ามา ชะเง้อมอง พอเห็น ก็เดินเข้ามาหา
“นายจุ้ยโทร.มาหาคุณพ่อคุณรึยัง” ฟ้ากระจ่างถามอย่างร้อนใจ
“ยังค่ะ เมื่อกี๊ดวงก็ลองแวะไปดูที่บริษัทอีก เค้าก็บอกว่า วันนี้นายจุ้ยไปต่างจังหวัด”ดวงยิหวาบอก
ฟ้ากระจ่างหันโน้ตบุคไปดวงยิหวาให้ดู “นี่คือตารางการทำงานของเรา..ถ้าระบบไฟฟ้าไม่
เริ่มงานภายในเดือนนี้ อาคารก็จะไม่เสร็จตามสัญญาที่เราทำกับทางองค์การบริหารส่วนจังหวัด แล้วเราต้องโดนปรับตามสัญญา”
“พ่อดวงไประนองแต่เช้าแล้วค่ะ”
“ไประนอง..ไปทำไม”
“พ่อมีเพื่อนทำบริษัทรับเหมาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่นั่นค่ะ พ่อจะลองขอให้เพื่อนมาช่วย
เรา”
“เรื่องนายจุ้ย..ผมว่า..เขาเหมือนจงใจจะแกล้งเรา เขาไม่คิดจะต่อรองราคาอะไรหรอก..แต่
เหมือนเค้าป่วนเรามากกว่า” ฟ้ากระจ่างพูดเสียงจริงจัง
ดวงยิหวาถอนหายใจ สายตาห่วงใย
“พี่จ้าง..เพิ่งรู้สึกเหรอคะ ดวงว่า..งานแรกที่พี่รับผิดชอบ ..เจอตอเข้าแล้วล่ะค่ะ”
“พี่ก็ไม่เคยคิด ว่าจะได้เจอของง่ายๆ หรอก” ฟ้ากระจ่างบอก
เสียงโทรศัพท์ดวงยิหวาดัง ดวงมองเบอร์ แล้วอึ้ง
“พ่อ..” รีบกดรับ “ค่ะ พ่อ..” นิ่งฟังนิดหนึ่ง สีหน้าผิดหวัง แล้ววางลง “เพื่อนที่ระนองไม่รับงานค่ะ บอกว่า..ไม่ว่างจริงๆ
ฟ้ากระจ่างถึงกับอึ้ง
ดวงยิหวามองหน้า แล้วเห็นใจจนลืมตัว เอื้อมมือมาแตะมือฟ้ากระจ่าง “พี่จ้างอย่าเพิ่งท้อนะคะ ดวงกับพ่อ..จะต้องช่วยพี่จ้างแก้ปัญหาให้ได้”
ฟ้ากระจ่างมองมือตัวเอง แล้วมองหน้าดวงยิหวา ดวงยิหวามองตอบ ให้กำลังใจ ฟ้ากระจ่างพลิกมือมากำมือดวงยิหวาไว้ มองตาอย่างซึ้งใจ
ทรายทองเดินเข้ามา เห็นภาพนั้นเข้า ตาเบิกกว้าง ปรี๊ดสุดขีด
ครู่ต่อมาดวงยิหวาเดินมาที่รถ กดรีโมทเปิดรถ กำลังจะขึ้นไปเพื่อกลับบ้าน ทรายทองรีบเดินเข้ามาขวาง
“ดวง ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
ดวงยิหวาชะงัก หันมา “คุณทราย”
“เธอนี่ ดูๆ ก็เหมือนคนไม่แรด ไม่เปรี้ยวอะไร..แต่ทำไม..ไวไฟจนนึกไม่ถึงเลย” ทรายทองใส่ทันที
“คุณทราย..คุณพูดอะไรของคุณ” ดวงยิหวางง
“เธอคิดจะรวบตึงพี่ชายชั้นทั้ง 2 คนเลยเหรอ มันจะไม่แรงเกินไปหน่อยเหรอจ๊ะ”
“คุณทราย..คุณเข้าใจอะไรผิดไปแล้วหรือเปล่า”
“เธอจะเป็นแฟนกะพี่ดินชั้นไม่ว่าหรอกนะ แต่เธอมาอ่อยพี่จ้างเพื่ออะไร แล้วเธอมีดีอะไร
เหรอ ใช้วิธีอะไรน่ะ แค่รู้จักเค้าไม่กี่วัน เค้าถึงได้ย้วยกะเธอซะขนาดนั้น”
ดวงยิหวาปากคอสั่น ด้วยความโกรธ “ชั้นไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”
“อย่ามาโกหก ผู้หญิงที่คบผู้ชายหลายๆ คนเอาไว้เผื่อเลือกน่ะ ชั้นพอจะเข้าใจนะ แต่อ่อยพี่ที อ่อยน้องที..ภายในบ้านหลังเดียวกัน ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเค้าไม่ค่อยจะถูกกันน่ะ มันไม่ไร้คุณธรรมมากไปหน่อยเหรอ”
ดวงยิหวาซีด พูดไม่ออก เพราะจริงอย่างที่ทรายทองว่า
“อย่ายุ่งกะพี่จ้าง ไม่งั้นชั้นจะฟ้องพี่ดิน แล้วเธอจะรู้..ว่าคำว่าระเบิดลงน่ะ มันแปลว่าอะไร”
ทรายทองมองหัวจรดเท้า ทำหน้าดูถูก แล้วเดินเชิดจากไป
ดวงยิหวาซีด อึ้ง คาที่
คืนนั้นบัญชาโทรศัพท์คุยกับนายเด่น หน้าเครียด
“ยังติดต่อใครไม่ได้อีกเหรอ” บัญชาถาม
“ไม่ได้ครับ ทุกคนใช้วิธีหลีกเลี่ยงเราอย่างเห็นได้ชัด”
“ไอ้บุรีมันไปทำอะไรไว้ พวกนี้มันถึงกล้าทำแบบนี้ได้”
“ผมก็ไม่ทราบ”
“ไอ้พวกชั่วเอ๊ย ถ้าชั้นไม่เป็นแบบนี้ จะตามเช็คบิลพวกมันให้ถึงห้องนอนเลย ไอ้บุรีก็
หายไปเลย ทิ้งทุ่นมาให้พวกเราแก้ปัญหาเอง แล้วอย่างไอ้เจ้าจ้าง มันจะมีปัญญาไปทำอะไรได้”
น้ำเสียงบัญชาหงุดหงิดเอามากๆ
ดารากานต์เข้ามาพอดี ได้ยิน ชะงัก
นายเด่นยังอยู่ในสาย “ผมจะพยายามตามให้เจอตัวพวกนั้นให้ได้ครับ”
“เจอตัวพวกมันแล้ว ..ใครเสนอราคามาเท่าไหร่ เราก็ต้องสู้ ขาดทุนดีกว่าเสียค่าปรับกับ
ทางราชการ เพราะมันหมายถึงเครดิต และชื่อเสียงของบริษัทเรา ที่จะต้องไปประมูลงานราชการสู้กับคู่แข่งในวันหน้าอีก”
“ครับ ครับ ครับนายหัว”
ช่วงที่นายเด่นวางสาย ดวงยิหวาเดินเข้ามาพอดี หน้าเครียด หมอง เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำเย็นออกมา แล้วหมดแรง นั่งถือขวดน้ำเย็น นั่งซึม
นายเด่นวางโทรศัพท์ หันมาเห็นอาการลูกสาว มองอย่างสงสัย
น้ำเสียงดารากานต์กังวลมาก
“งานของจ้างมันยุ่งยากลำบากมากเลยเหรอคะ แล้วจ้างทำไงล่ะคะ”
บัญชาชะงัก ปรายตามองขุ่นๆ
“มันไม่ได้แก้ปัญหาอยู่คนเดียวหรอก มีคนรองมือรองตีนรอบตัว คุณไม่ต้องไปห่วงจนเกิน
เหตุ”
“แต่จ้างไม่มีประสบการณ์เลย เค้าจะไหวเหรอคะ”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ผมเจออะไรมายิ่งกว่านี้ ผมยังผ่านมาได้”
“จ้างยังเด็กนะคะ คุณต้องช่วยเค้า”
“ผมต้องช่วยแน่ คุณไม่ต้องกลัว จ้างจะต้องประสบความสำเร็จไปจนกว่าจะถึงจุดที่ผมตั้งใจ..ที่จะจัดไว้..เพื่อมอบให้คุณ..กับเค้า” บัญชาพูดเน้นคำเป็นนัย
“คุณบัญชาคะ..” ดารากานต์ซึ้งใจ เข้ามาจับมือ “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ..ทุกอย่างที่คุณทำให้จ้าง..ทำให้ชั้น คุณคือพ่อพระ คือผู้มีพระคุณ ที่ชั้นจะรับใช้ไปจนชั่วชีวิต”
ดารากานต์จูบมือบัญชาอย่างบูชา บัญชามอง ด้วยแววตาปวดร้าว
เวลาเดียวกันนายเด่นเอามือตบหัวลูกเบาๆ ขณะพูด “เหนื่อยเหรอ ดวง”
“เปล่าค่ะ”
“หรือหิว อย่าเพิ่งกินอะไรนะ”
“ทำไมคะ” ดวงยิหวางง
“คืนนี้เราจะออกไปกินข้าวข้างนอกกัน”
มีเสียงรถแล่นมาจอด
“มาแล้ว”
ดวงยิหวาอึ้ง จำเสียงรถได้ “เสียงรถเหมือน...”
“คุณจ้าง” นายเด่นเฉลย
ดวงยิหวาอึ้งอีก
คนงานชาย เดินนำฟ้ากระจ่างเข้ามา
“เชิญครับ คุณผู้ชาย”
“ขอบใจนะ” ฟ้ากระจ่างหันมา ยิ้มนิดๆ พยักหน้าให้ดวงยิหวา แล้วไหว้เด่น “คุณเด่น แน่ใจเหรอครับ ว่าเราจะเจอ”
“ก็ต้องไปลุ้นกันล่ะครับ..มีคนบอกผมว่าคืนนี้ เฮียแกอาจจะไปที่นี่”
ดวงยิหวา งงๆ “อะไรกันคะ”
“เฮียปุ่น..พ่อสืบมาได้ ว่าแกนัดคนกินอาหารที่ร้านหมูกระทะ เราจะไปดัก” นายเด่นอธิบาย
ฟ้ากระจ่างกระตือรือร้นขึ้นมา
“ถ้าเรายอมจ่ายราคาตามที่พวกเค้าเรียกร้องทุกอย่าง เค้าจะมีเหตุผลอะไร ที่จะปฏิเสธ
งานเรา”
ดวงยิหวาอึ้งนิดๆ “ชั้น..ไม่ไปนะคะ” รีบพูดรวดเร็ว “พ่อไปกะคุณจ้าง 2 คนนะจ๊ะ ดวงไม่ไป”
“อ้าว ทำไมล่ะ” ฟ้ากระจ่างงง
“พรุ่งนี้ดวงต้องไปที่ไซด์งานเขื่อนริมทะเลแต่เช้ามืดค่ะ เผื่อเดี๋ยวอยู่กันดึก ดวงขี้เกียจไปนั่ง
หาว”
“ที่บ้านไม่มีอะไรกินนะดวง” ผู้เป็นพ่อท้วง
“ดวงไม่หิวเท่าไหร่ เดี๋ยวกินอะไรนิดเดียวก็พอแล้วค่ะ ตามสบายนะคะ”
ดวงยิหวารีบวิ่งหนีขึ้นบ้าน ไม่รอการคัดค้าน
ฟ้ากระจ่างอึ้งๆ
ดวงยิหวาเดินเข้ามาในห้อง แล้วยืนอึ้ง เห็นตุ๊กตาโดราเอม่อนนอนหงายบนเตียง
ดวงยิหวายืนที่ประตู มองตุ๊กตาอย่างสับสน
นึกถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับฟ้ากระจ่างมากมาย ทั้งตอนเจอกันครั้งแรกที่มหา’ลัย แล้วฟ้ากระจ่างเรียกดวงยิหวาว่าพี่
ตอนดวงยิหวาถ่ายวิดีโอสารคดี ที่ฟ้ากระจ่างพยายามดำงมช่วยชีวิตเด็กจากแม่น้ำ
ตอนนี้ ที่ฟ้ากระจ่างจับมือ สบตากัน
และนึกถึงตอนที่ทรายทองพูดประชด “เธอจะเป็นแฟนกะพี่ดินชั้นไม่ว่าหรอกนะ แต่เธอมาอ่อยพี่จ้างเพื่ออะไร แล้วเธอมีดีอะไรเหรอ ใช้วิธีอะไรน่ะ แค่รู้จักเค้าไม่กี่วัน เค้าถึงได้ย้วยกะเธอซะขนาดนั้น”
ดวงยิหวาคับแค้นเคืองใจ เดินไปที่เตียง แล้วเอามือปัดโดราเอม่อนกระเด็น
“ใครอยากได้ก็เอาไปเลย ชั้นไม่เห็นจะสนใจ”
ไม่นานหลังจากนั้น ฟ้ากระจ่างกับนายเด่นคีบหมูกินกันอยู่ที่ร้านหมูกระทะ
ฟ้ากระจ่างกังวลเรื่องดวงยิหวา
“ทำไมดวงยิหวาเค้าดูแปลกจังครับ เมื่อกลางวัน ยังดูดีๆอยู่เลย”
นายเด่นมองหน้า แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ช่างมันเถอะครับ ไอ้ดวงมันก็บ้าๆ บอๆ แบบนี้แหละ เฮ้อ..ผมสงสารนายหัวจัง”
ทันใดนั้น นายเด่นชะงัก วางตะเกียบ ฟ้ากระจ่างหันไปตามสายตาเด่น แล้วชะงัก หันมามองหน้าเด่นด้วยแววตาคำถาม
นายจุ้ย เฮียปุ่น และนักเลง 2 คนเดินเข้ามาในร้าน
“คุณจ้าง..อยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ”
นายเด่นเดินเข้าไป แล้วทำเป็นเห็น2คนนั้นโดยบังเอิญ
ฟ้ากระจ่างวางมือจากการกิน ดื่มน้ำ เช็ดปาก รอดูเหตุการณ์ไปเงียบๆ
“อ้าว เฮียปุ่น เฮียจุ้ย โชคดีจริงๆ มาเจอพี่ทั้งสองคนที่นี่”
ทั้งสองคนนั้นอึ้ง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
จุ้ย“เอ่อ..เฮียเด่น สบายดีนะ” นายจุ้ยถามกลับ
เด่น“สบายดี ผมพยายามโทหาเฮีย แต่เฮียไม่รับ”
จุ้ย“อ๋อ พอดี โทรศัพท์เสีย”
“ผมอยากคุยกะเฮียมากเลย เชิญที่โต๊ะโน้นหน่อยดีไหมครับ จะได้กินกันไป คุยกันไป นั่น
คุณจ้าง ลูกชายคนโตของนายหัวไงครับ”
นายเด่นชี้ไปฟ้ากระจ่างมองตรงมา สีหน้าเป็นมิตร จุ้ยกับปุ่น มองสบตากัน
“เฮียเด่น อย่าหาว่างั้นงี้เลยนะ ผมคงไม่คุยกะเฮียเด่น หรือใครหรอก เราจะคุยกะบุรี
เท่านั้น” นายจุ้ยออกตัว
“ขอเชิญไปพบคุณจ้างหน่อยเถอะนะครับ รับรองว่า..คุณจ้างจะรับฟังพวกเฮียเป็นอย่างดี
แล้วถ้าอยากได้อะไร คุณจ้างก็ยินดีจะตกลง” นายเด่นออกปาก
“เราไม่คุยกับเด็ก” นายจุ้ยบอกอีก
“เฮียกรุณาให้เกียรตินายหัวด้วย นายหัวเป็นคนมอบหมายให้คุณจ้างเป็นคนเจรจากับ
พวกเฮียแทนนะครับ” นายเด่นว่า
“แล้วนายหัวส่งเด็กเมื่อวานซืนมาแบบนี้ นายหัวให้เกียรติพวกเราแค่ไหนกัน” เฮียปุ่นเยาะ
ฟ้ากระจ่างมองมาจากไกลๆ ไม่ได้ยินว่าพูดอะไรกัน แต่เห็นสีหน้าท่าทางของเด่นแล้ว รู้สึกห่วงๆ
“อ้าว..ทำไมเฮียปุ่นพูดแบบนี้ละครับ เฮียก็รู้ ว่านายหัวไม่สบาย คนเรา เคยรักๆ กันชอบกัน น่าจะมีน้ำใจกันบ้าง” นายเด่นโน้มน้าวต่อ
“นายเด่นอย่างี่เง่าดีกว่า เป็นลูกน้อง อย่าสะเออะ หลีก!” เฮียปุ่นผลักอก นายเด่นเซเกือบล้ม
ฟ้ากระจ่างลุกพรวด รีบก้าวยาวๆ เข้าไป
“เฮียปุ่น..ผมไม่คิดอยากมีเรื่องกะพวกเฮีย”
ทันใด นักเลงสองคนก็ปรี่เข้าหาเด่น ควงหมัดมาแต่ไกล หมัดของนักเลงคนหนึ่ง กำลังจะพุ่งเข้าใส่
แต่สันมือของฟ้ากระจ่างมาขวาง นักเลงหันขวับตกใจ งงๆว่าใครวะ
สันมือฟ้ากระจ่างอีกข้าง ฟาดลงที่คอนักเลงจนร่างทรุดฮวบ นายเด่นหันมามอง อย่างตกใจ
นักเลงอีกคนถลันเข้าหา ฟ้ากระจ่างหลบด้วยการก้าวเบี่ยงเพียงก้าวเดียว นักเลงพุ่งเสียหลัก ล้มลงไป
ฟ้ากระจ่างจับข้อมือเด่น แล้วดึง “นายเด่น ไป!” ฉุดจะพาหนีไปที่รถ
นักเลงคนที่ล้มอยู่เจ็บมาก แต่กัดฟัน ควักปืนออกมา ฟ้ากระจ่างเหลือบไปเห็นพอดี สะบัดเท้าเตะโดนข้อมือนักเลง จนปืนกระเด็น
ฟ้ากระจ่างหมุนตัวอีกรอบ เตะตัดคางนักเลงคนนั้นสลบคาที่ เฮียปุ่นและนายจุ้ยมองกัน อ้าปากค้าง นักเลงอีกคนตั้งสติได้ ควักปืนออกมา
ฟ้ากระจ่างรีบพาเด่น วิ่งหนีสุดฤทธิ์
เวลาเดียวกันที่สนามบาส ดวงไฟเปิดสว่างจ้า บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงลูกบาสดังสะท้อนกึกก้องทั้งบริเวณ
เกียรติบดินทร์กำลังซ้อมชู้ตบาสอยู่คนเดียว แต่ละลูก ยิงลงอย่างแม่นเป๊ะ
พอรู้สึกเหนื่อย เกียรติบดินทร์เดินไปหยิบขวดน้ำเกลือแร่มาดื่ม พลางหยิบผ้าขนหนูมาเช็ด
ทันใดนั้น มีเสียงมือถือดังขึ้น เกียรติบดินทร์หยิบมาดู แล้วรีบกดรับ “อาบุรี!”
บุรี ที่นั่งกินอาหารอยู่ขณะรอฟ้าใส
“น้องดิน ไอ้เด่นมันโง่ พาไอ้จ้างไปติดกับดักของอาเรียบร้อยแล้ว”
เกียรติบดินทร์ตื่นเต้น “ยังไงนะครับ”
“เอาเป็นว่า..ตอนนี้ มันพลาด มันทำให้โอกาสของการเจรจากับพวกรับเหมาทำระบบไฟฟ้าของพวกมันพังไปแล้ว”
“ทำไมหรือครับ มันทำอะไร”
“เพิ่งรู้..ว่าไอ้จ้างนี่มันก็มีฝีมือทางการชกต่อยไม่น้อย แต่ไอ้ลีลาการต่อสู้ของมันนี่แหละ ที่เป็นดาบสองคม..ทำลายตัวมันเอง เวลาของเรามาถึงแล้ว..พรุ่งนี้เช้า น้องดินเข้าไปหานายหัวเลยนะ แล้วรับอาสาไปขอโทษและคืนดีพวกไอ้จุ้ย ไอ้ปุ่น พวกมันจะเปิดไฟเขียวให้น้องดินแน่นอน
“แจ่มมากแลยครับอา..” เกียรติบดินทร์ดีใจ
“แค่นี้นะ” บุรีวางหู มองไปที่ทางเดินในร้าน
เห็นฟ้าใส แต่งตัวสวยสุด เดินมองหา ท่าทีลังเล เข้ามาในร้าน บุรียกมือให้เห็น แล้วลุกขึ้น
รับ
ฟ้าใสไหว้ รีบเข้ามาหา “คุณบุรี...”
“ท่านนายกอ.บ.ต.เผลอเหรอ..คุณถึงมาเจอผมได้” บุรีแซว
ฟ้าใสทำท่าเริดๆ เชิดๆ “ฟ้าใสไปพูดกับเค้าดีๆ..ตามที่คุณบุรีสอน..ผลปรากฏว่า..เราเลิกกันแล้วค่ะ”..
บุรียิ้ม อิ่มเอมใจ
ฟ้ากระจ่าง กับนายเด่น เดินมาด้วยกันรีบร้อน เข้ามา กดไฟเปิด แล้วมองหน้ากัน
“โทษทีนะ นายเด่น ที่ผมต้องพาคุณหนี เพราะดูแล้ว พวกมันมีมากกว่าเรา” ฟ้ากระจ่างเอ่ยขึ้น
นายเด่นมองหน้า แล้วอดยิ้มไม่ได้
“ดูเหมือนคุณจ้างก็รู้กฏเกณฑ์ของนักเลงข้างถนนดีนะ”
“ถ้าพวกเราน้อยกว่า ต้องชิงลงมือก่อน แล้วเผ่นทันที” ฟ้ากระจ่างหัวเราะ
สองคนหัวเราะกัน แล้วสักพัก สีหน้านายเด่นค่อยซีดลง แล้วเงียบไป
“เราพลาดแล้วล่ะ” นายเด่นว่า
“พลาดยังไง คุณไม่ได้เจ็บอะไรไม่ใช่เหรอ” ฟ้ากระจ่างไม่เก็ต กวาดตามอง อย่างห่วงใย
“แต่เราทำคนของมันเจ็บ..พูดตรงๆ ก็..คุณจ้าง..ทำคนของนายปุ่นเจ็บ”
ฟ้ากระจ่างอึ้งไปเก็ตทันที “มันจะใช้เป็นเหตุ..ไม่ยอมกลับมาทำงานกับเราอีก..ใช่ไหม”
นายเด่นถอนใจ
“เรากลายเป็นฝ่ายผู้ร้ายไปแล้วครับ..ชื่อเสียงคุณดิน..ก็นับว่าเลือดร้อน ชอบต่อยตีอยู่แล้ว แล้วถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊เป็นข่าวออกไป มันก็จะออกมาว่า..คุณจ้าง..ที่เป็นลูกคนโต..ก็ไม่ใช่ว่าพฤติกรรมจะแตกต่างกัน”
ฟ้ากระจ่างทรุดตัวลงนั่ง “จริงด้วย..ผมขอโทษจริงๆ นายเด่น”
นายเด่นมองจ้องหน้า อย่างจริงใจ
“คุณจ้าง..ผมรู้ ว่าคุณลงมือ เพราะพวกมันเล่นผมก่อน..ถ้าผมเป็นคุณ..ผมก็จะทำอย่างคุณ..เพราะพวกมันหยามนายหัว แล้วก็หยามพวกเราเกินไปจริงๆ แล้วถ้านายหัวเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด นายหัวก็จะไม่ตำหนิคุณเลย”
“แต่ตอนนี้ เราคงไม่มีทางไปเจรจาอะไรกะพวกมันได้อีกแล้ว”
มีเสียงกุกกักที่บันได ทั้งสองมองไป เห็นดวงยิหวาในชุดนอน เสื้อทีเชิ้ตกับขาสั้น เดิน
ย่องๆ ลงมา มองอย่างสงสัย ฟ้ากระจ่างชะงัก มองอย่างลืมตัว
“อ้าว ดวง พ่อคุยกันเสียงดัง เลยทำลูกตื่นเลยเหรอลูก”
ดวงยิหวากอดอก เดินลงมาอีกนิด “มีอะไรหรือเปล่าคะ พ่อ ท่าทาง..เหมือนมีเรื่อง”
ฟ้ากระจ่าง และนายเด่น มองหน้ากัน
“เรามีเรื่องจริงๆลูก..แล้วนี่..เราก็ยังไม่ได้กินข่าวเย็นกันเลย”
ดวงยิหวาสีหน้าเป็นกังวล “เกิดอะไรขึ้นคะ”
ฟ้ากระจ่างตอบแทน “เราตีกับพวกมันมา”
“จริงหรือคะ พ่อ”
“ดวงหาอะไรให้พวกพ่อกินหน่อยก่อนดีกว่า..มีบะหมี่ซอง หรือไข่ ไส้กรอกอะไรก็ได้ มีไหม”
“เดี๋ยวดวงดูให้ค่ะ” ดวงยิหวารีบจะเดินไปครัว
ฟ้ากระจ่างเรียกไว้ “เดี๋ยว”
ดวงยิหวาชะงัก เด่นมองหน้า
“ผมขออนุญาตเข้าครัวเองดีกว่า ผมมีพรสวรรค์..เรื่องทำอาหารเร็ว แล้วก็อร่อยใช้ได้ ผม
ว่า ผมน่าจะทำได้ดีกว่าดวงมาก” ฟ้ากระจ่างรีบเดินเข้าไปที่ครัว
ดวงยิหวากับพ่อ ยืนมองหน้ากัน อย่างอึ้งๆ
อ่านต่อหน้า 2
ลิขิตฟ้าะตาดิน ตอนที่ 11 (ต่อ)
สิ่งที่นายเด่นกังวล ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด เพราะไม่นานหลังจากนั้นที่ห้องอาหารในโรงแรม ริมหน้าผา เสียงมือถือชิงชัยดังขึ้นมา ว่ามีไฟล์คลิปวิดีโอส่งเข้ามา ในขณะที่บริกรกำลังเสิร์ฟของหวาน อาหารสไตล์ซิตดาวน์ดินเนอร์ พวกเค้ก ผลไม้ ไอติม กาแฟ
ทั้ง 4 คน... ชิงชัย มาดามพิณ ปีเตอร์ และเทเรซ่านั่งกินด้วยกัน ชิงชัยยิ้มเป็นเชิงขออนุญาตทุกคน กดดูคลิปหน้าจอ แล้วทำหน้าอึ้งๆ อยู่สักพัก สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น
“โอ้โห..คุณฟ้ากระจ่าง..ว้าว เด็ดจริงๆ ดูสิครับ..แม่”
ชิงชัยว่าพลางยื่นมือถือให้มาดามพิณดู ปีเตอร์ กับเทเรซ่า ต่างมองหน้ากัน รู้สึกสนใจขึ้นมา
เทเรซ่าดู แล้วทำตาโต จากนั้นจึงส่งให้ปีเตอร์
“กดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งสิคะ คุณปีเตอร์”
ปีเตอร์กดดูตามที่มาดามพิณบอก แล้วนิ่งไป
ปีเตอร์ มองคลิปภาพการต่อสู้ตรงประตูทางเข้าร้านหมูกระทะ เป็นภาพจากมุมสูงเหมือนถ่ายจากอาคารสูงกว่าร้านแห่งนั้น และถ่ายจากอีกฝั่งถนน เห็นชัดว่าฟ้ากระจ่างต่อสู้กับพวกสมุนเฮียปุ่น
ปีเตอร์อึ้งๆ เทเรซ่าชะโงกมาดูด้วย
ปีเตอร์ เทเรซ่า ดูภาพในคลิป จนถึงตอนที่ฟ้ากระจ่างกับนายเด่น วิ่งหนีไป เทเรซ่ามองหน้าพ่อ สีหน้าแววตาดูไม่สบายใจนัก
สักพักหนึ่ง ปีเตอร์กดดูซ้ำอีกที เทเรซ่าก็ดูไปด้วย อย่างอึ้งๆ
ชิงชัยหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันออกมา
“สรุปว่า นายฟ้ากระจ่างกับนายเกียรติบดินทร์น้องชายนี่ เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆนะ อันธพาลทั้งคู่”
คืนเดียวกัน ปีเตอร์จิบกาแฟเอสเพรซโซ่ในถ้วยเล็กๆ สีหน้าไม่สบายใจ
“คนพวกนั้น คือพวกผู้รับเหมารายย่อย ที่ทำงานกับบริษัทเค้าเองนะคะ คุณปีเตอร์ น่าขำจัง ไม่รู้มี
ปัญหาภายในอะไรกัน ถึงกับส่งลูกชายไปลงไม้ลงมือ นายหัวบัญชานี่..ขนาดตัวเองพิการไปแล้ว แทนที่จะรู้สำนึก...” มาดามพิณยิ้มขณะพูด
“ที่แท้..จ้างเป็นคนยังไงกันแน่” ปีเตอร์พูดแทรกขึ้นเป็นเชิงถาม
“ให้พูดจากใจจริงไหมคะ” มาดามพิณถามย้อนกลับ
“คุณคิดว่าไง” ปีเตอร์ถามซ้ำ
มาดามพิณตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นายฟ้ากระจ่างคนนี้..เป็นมืออาชีพมากๆ ถึงจะเป็นเพียงลูกนอกสมรส แต่ก็สมเป็นทายาทนาย
หัวบัญชายิ่งกว่าน้องชายมาก ชั้นว่าเค้าเป็นคนที่น่ากลัว ที่เราต้องระวังจริงๆ”
“แต่ผมอยากรู้จักเค้าให้มากกว่านี้”
มาดามพิณอึ้งกับคำพูดของปีเตอร์ มองแบบแอบขัดเคืองใจ
เวลาเดียวกันชิงชัยถอนหายใจแบบเสแสร้ง ขณะคุยอยู่กับเทเรซ่า ในสวนสวยของโรงแรม
“ผมรู้นะ ว่าคุณถูกชะตากับเค้ามาก..น่าสงสารเค้านะครับ คลิปนี่แพร่ไปทั่วจังหวัดแบบนี้ ใครจะอยากทำธุรกิจอะไรกับบริษัทนายหัวบัญชาอีก”
เทเรซ่าอึ้ง มีสีหน้าตกใจ “จริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ คุณเทเรซ่า แต่คุณน่าจะดีใจนะครับ ที่ได้เห็นธาตุแท้ของเค้าซะแต่เนิ่นๆ แสดงบทเป็นคุณชายแสนดียังไม่ทันไรเลย ตัวตนถ่อยๆ เถื่อนๆ ก็ออกมาให้คนเห็นกันทั่ว”
“ที่จริง..เรายังไม่รู้ซะหน่อย ว่าเรื่องราวทั้งหมด..มันเป็นยังไงมายังไง” เทเรซ่าว่า
“แหม..เห็นแค่นี้ก็ชัดแล้ว ว่ามันเป็นคนชอบใช้ความรุนแรง แต่.. โอเคครับ ถ้าคุณเทเรซ่าอยากรู้เรื่องโดยละเอียด ผมจะไปสืบมาให้” ชิงชัยขยี้ทันที
“เทเรซ่าไม่ได้อยากรู้...”
“แต่ผมอยาก..เพราะผม..เป็นห่วงคุณ” ชิงชัยเริ่มหยอด
“เกี่ยวอะไรกับเทเรซ่าด้วยล่ะคะ”
“เกี่ยวสิครับ..ก็นายฟ้ากระจ่างคนนี้..มันจีบคุณเห็นๆ..ผมไม่อยากให้คุณผิดหวัง ถ้าเกิดไปหลงเชื่อมันเข้า”
“คุณชิงชัย...”
“ผมไม่ดูดีอย่างมัน ผมไม่สามารถทำให้คุณเทเรซ่าประทับใจได้..แต่ผมจริงใจกับคุณนะครับ”
ชิงชัยตัดพ้อ เหมือนน้อยเนื้อต่ำใจนักหนา ทำเอาเทเรซ่าอึ้งไป
เวลาเดียวกัน นายเด่นกำลังจ้องข้าวต้มปลาในชามฝีมือฟ้ากระจ่าง อย่างทึ่งๆ
“ข้าวต้มปลาทูน่ากระป๋อง” นายเด่นเอ่ยขึ้น
“ใส่ไข่ด้วยครับ ผักชี ต้นหอม คึ่นไช่ นี่ก็เอามาจากในตู้เย็นทั้งนั้น” ฟ้ากระจ่างบอกยิ้มๆ
“หน้าตามันดูดี เป็นข้าวต้มโปรเฟสชันนั่ลมากเลย ยังกะซื้อมาจากร้านข้าวต้ม”
“นั่นเพราะกระเทียมเจียว กับตั้งไฉ่ครับ” ฟ้ากระจ่างว่า
“ผมชิมล่ะนะ” นายเด่นตักมาเป่าๆ แล้วเอาใส่เข้าปาก ลิ้มรส “อร่อย..เหมือนข้าวต้มปลาจริงๆ ด้วย”
ฟ้ากระจ่างยิ้มแต้ “ก็มันคือข้าวต้มปลาจริงๆนี่ครับ”
ดวงยิหวารีบคีบกินบ้าง “อร่อยจริงๆด้วย”
“สูตรของป๊าผมเอง” ฟ้ากระจ่างบอกอย่างภูมิใจ ลองกินบ้าง แล้วอึ้งๆไป “ผมไม่ได้คุยกับป๊ามา
หลายวันแล้ว”
“หมายถึงอาหึ่งเหรอคะ” ดวงยิหวาถาม
จ้าง“ใช่...” ฟ้ากระจ่างพยักหน้ารับ
นายเด่นมองหน้าสองคน “ดวงพูดยังกับเป็นคนที่ดวงรู้จัก
“ดวงก็รู้จักน่ะสิคะ..” ดวงยิหวาคิดว่าไหนๆ พูดไปแล้ว จึงตัดสินใจ บอกพ่อ “พ่อ..ก็ที่ดวงไป
ต่างจังหวัด ไปถ่ายทำสารคดีส่งอาจารย์ตอนนั้น..ที่จริง..ก็คือไปถ่ายการทำงานของพี่จ้าง..เอ๊ย..คุณจ้างนี่แหละ”
“อะไรนะ” นายเด่นอึ้งไป
ฟ้ากระจ่างถอนหายใจ “อาจารย์ผมเป็นเพื่อนกับอาจารย์ดวงครับ..พอดี..ตอนนั้นเราไปหาสปอนเซอร์..ไปขอหลอดไฟแบบหลอดตะเกียบมาเปลี่ยนให้ที่ตลาดบ้านผมทั้งตลาด เป็นการปลุกจิตสำนึกให้คนเข้าใจว่าเราสามารถช่วยกันลดโลกร้อนได้ ถ้าทุกบ้านเลิกใช้หลอดไส้แบบเก่า ที่ทั้งร้อน ทั้งกินไฟฟ้า แต่ชาวบ้านเค้าเสียดาย ที่จะถอดของเก่าทิ้ง แล้วก็หาว่าของใหม่แพง.. อาจารย์ดวงเค้าก็เลยให้พวกดวงไปถ่ายสารคดี..การทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของมูลนิธิฯศาลเจ้า ร่วมกับแผนกไฟฟ้าที่วิทยาลัยผม”
ดวงยิหวาชะงัก มองหน้าฟ้ากระจ่าง เลิกกิน หน้าตาเหมือนนึกไอเดียได้ เสียงดัง “ฮึ้ย!!..พี่จ้าง!!”
ฟ้ากระจ่าง นายเด่น ตกใจ หันมามองเป็นตาเดียว
“อะไร...” ฟ้ากระจ่างถาม
“พี่จ้างเรียนจบวิชาชีพ..เป็นช่างไฟฟ้ามา ไม่ใช่เหรอ”
ฟ้ากระจ่างชะงัก อึ้ง มองหน้าดวงยิหวาเหมือนเห็นของแปลก วางชามข้าวลง “จริงด้วย!!”
ฟ้ากระจ่าง ลุกพรวด วิ่งไป สวมรองเท้าแบบรีบเร่ง
“นายเด่น ดวงยิหวา ผม..ผมไปก่อนนะ” ฟ้ากระจ่าง วิ่งตื๋อไปเลย สักพักมีเสียงสตาร์ทรถออกไป
สองพ่อลูกงง มือยังถือชามข้าวต้ม เหวอกันทั้งคู่
รุ่งเช้า ดารากานต์เดินลงบันไดมาแล้วชะงัก มองมุมที่เป็นห้องทำงานบัญชา เห็นไฟเปิดสว่างอยู่ ดารากานต์เดินไปดูแล้วแปลกใจ เห็นฟ้ากระจ่างนั่งอยู่หน้าคอมพ์ฯ หน้าตาง่วน และจริงจัง ยังใส่ชุดเดิม หน้ามัน ผมยุ่ง
ดารากานต์งงๆ ป้าบัวเดินมาข้างหลังดารากานต์ เข้ามาแตะ
ดารากานต์หันมาถาม “ป้าบัว”
ป้าบัวกระซิบ “ของใส่บาตรเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ของหวาน..นายหญิงจะใส่ผลไม้ หรือขนมปังสังขยาคะ”
“ขนมปังสังขยาก็แล้วกัน..แล้วนี่...” ดารากานต์พยักเพยิดไปทางลูกชาย “เขาตื่นมานานแล้วเหรอป้าบัว”
ป้าบัว มองแบบค้อนนิดๆ ไม่ถูกชะตา
“ตื่นมาอะไรกันคะ ยังไม่ได้นอนค่ะ ไม่รู้ออนไลน์อะไร..กันนักกันหนา สงสัยจะทำตัวขยันขันแข็งอวดให้เราดู”
ดารากานต์สั่งป้าบัว “ป้าไปใส่บาตรแทนชั้นหน่อย..ไป”
“อะไรนะคะ” ป้าบัวงง
“เก็บขนมปังสังขยาไว้ให้ลูกชายคนโตชั้นด้วยก็แล้วกัน” ดารากานต์เดินเข้าไปหาฟ้ากระจ่าง
ป้าบัวมองตาม ค้อนปะหลับปะเหลือก
ดารากานต์พูดทักเสียงอ่อนหวาน “อาจ้าง..ยังไม่ได้นอนเหรอ..ลูก ทำอะไร...” ยังไม่ทันขาดคำ
ฟ้ากระจ่างทำบางอย่างเสร็จลงพอดี กดรีเจ็คแผ่นดิสก์ออกมา หยิบมาถือ “คุณแม่..” ยิ้มขรึมๆ ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า อย่างคนไฟแรงจัด “เสร็จพอดีเลยครับ..ขอตัวนะครับ”
ฟ้ากระจ่างถือแผ่นดิสก์นั้น เดินแทบจะเป็นวิ่งไปทางห้องนายหัวบัญชา ดารากานต์มองตาม อึ้งๆ
บัญชากำลังกินยาหลายขนาน ที่นายน้อมเป็นผู้จัดมา
ฟ้ากระจ่างเคาะห้องถี่ยิบ แล้วเปิดพรวดพราดเข้ามาเลย
“นายหัวครับ..ผมจะทำเองครับ ผม..ผมขอทำเอง ได้ไหมครับ”
บัญชางง “ทำอะไรเอง”
นายน้อมมองอย่างงงๆ เช่นกัน
“ไฟฟ้าครับ..ระบบไฟ..ของอาคารราชการที่เรากำลังมีปัญหาอยู่..ผมจะทำเอง”
“อะไรนะ” บัญชาอึ้ง
ฟ้ากระจ่างชูแผ่นซีดี ซึ่งหลั่งไหลออกมาเป็นชุด
“ผมเข้าไปแก้..จากแบบที่เค้าออกแบบไว้ในเอกสารอันเดิมหมดแล้วครับ ผมดูรายละเอียดทั้งหมดแล้ว..มันง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไรเลย..แล้วยังมีอะไรๆที่เค้าสเป็คไว้เกินความจำเป็นมาตั้งหลายอย่าง..ทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่ที่ เราไม่ต้องง้อใครหรอกครับนายหัว ผมขอรับทำเอง รับรอง ว่าเสร็จทันเวลา ไม่ผิดสัญญา ไม่ต้องจ่ายค่าปรับด้วย”
“จริงสินะ..เธอเรียนมาทางนี้นี่นา” บัญชาอดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ เพราะเพิ่งนึกออก แล้วชะงัก “แล้วพวกสิ่งของ..กับทีมงานล่ะ เธอจะหามาจากไหน”
จังหวะนั้นดารากานต์เปิดเข้ามา ด้วยหน้าตากระตือรือร้น และอยากมีส่วนร่วม
“นายหัว..มีอะไรให้ชั้นช่วยไหม จ้าง..ลูกมีปัญหาอะไร บอกแม่ได้นะจ๊ะ ถ้าแม่พอจะทำอะไรได้”
ฟ้ากระจ่างไม่ได้สนใจฟังแม่พูด “นายหัวครับ..ผมคิดไว้แล้วครับ ผมหาได้แน่ๆ ครับ”
“จ้าง..เรื่องอะไรกันเหรอจ๊ะลูก” ดารากานต์ถาม
แต่ดูเหมือนว่าฟ้ากระจ่างไม่สนที่แม่พูดเลย ใจจดจ่อแต่กับนายหัวบัญชา
“ผมขอแค่นายหัวอนุญาต ให้ผมจัดการทำได้ทันที”
บัญชาไม่สนใจดารากานต์เช่นกัน
“แล้วทำไมชั้นจะไม่อนุญาต งานนี้ไอ้บุรีมันบ้าบอ ทิ้งทุ่นไปหน้าตาเฉย เธอคือคนที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้เธอยอมรับผลของมันก็แล้วกัน” บัญชาบอก
“ขอบคุณครับ นายหัว” ฟ้ากระจ่างดีใจมาก “งั้น..ผมดำเนินการเลยทันทีนะครับ” แล้วรีบออกไปแบบไฟแรงล้น
นายน้อมมองตามไป อย่างห่วงใย
ดารากานต์ออกอาการห่วงลูกจนคนดูเว่อร์ หันมาหน้าตาวิตก
“แต่จ้างยังไม่มีประสบการณ์อะไรเลยนะคะ ยังไงๆคุณก็ควรจะต้องช่วยจ้างด้วย”
บัญชามองแบบขวางๆ
“อ้าว..คุณไม่เคยสนใจเรื่องงานของผมไม่ใช่เหรอ เราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ว่าเรื่องของงานบริษัท คุณจะไม่ขอเกี่ยวข้องหรือรับรู้ไงล่ะ”
“ชั้นห่วงลูก..คุณบุรีทำอะไรหรือคะ แล้วทำไมคุณต้องให้จ้างรับผิดชอบอะไรใหญ่โต”
บุญชาปรี๊ด อยากอาละวาด แต่พยายามข่มใจ “ผมรู้น่า..ว่าผมควรทำอะไร และทำอย่างไร”
“เมื่อคืน..จ้างทำงานตลอด ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน แล้วก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยด้วย..ฝากนายหัวด้วยนะ นายน้อม เดี๋ยวชั้นไปดูจ้างเอง” ดารากานต์พูดจบก็รีบผลุนผลันออกไป
นายน้อมจะรับคำ แต่ไม่ทัน หันมาแอบมองบัญชาแบบลุ้นๆ ว่าจะเหวี่ยงรึเปล่า บัญชามองตามไป แววตาหมั่นไส้มาก
ในขณะที่เกียรติบดินทร์นอนหลับอยู่บนเตียง ทันใดนั้น มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เกียรติบดินทร์พลิกตัว อย่างงัวเงีย ควานมือไปหาโทรศัพท์มากดรับ “ฮาโหล”
บุรียืนอยู่บนระเบียงรีสอร์ท มองเห็นวิวสวยสุดสายตา เป็นคนโทร.มา
“นายหัวว่าไง” บุรีถามขึ้นถึงสถานการณ์
เกียรติบดินทร์มึนๆ “ว่าไงเรื่องไรเหรอครับอาบุรี”
“ก็บอกแล้วไง ว่าวันนี้ให้ไปบอกนายหัว ว่าดินจะทำแทนอาไง”
เกียรติบดินทร์ลุกมา ยังสะลืมสะลืออยู่ เอามือขยี้หัว “อ้อ..ครับ”
“อะไรเนี่ย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว น้องดิน..แอ็คทีฟหน่อยสิ เอ๊อ ..อ้อ แล้วเดี๋ยวอาส่งคลิปไอ้จ้างให้ ป่านนี้คลิปนี้คนเค้าดูกันทั้งเมืองแล้ว ดินเอาไปเปิดให้นายหัวดูด้วยละกัน แค่นี้นะ แล้วไอ้ความว่าไง รีบบอกอา” บุรีชักฉุน
“ครับๆๆ” เกียรติบดินทร์วางหูไป
บุรีส่ายหัว กดวางสาย กดเสิร์ชหาคลิป แล้วกดส่ง
ฟ้าใส อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ เดินออกมาจากในห้อง พร้อมถาดเครื่องดื่มเบียร์แช่เย็นเจี๊ยบ กับกับแกล้มประเภทถั่วต่างๆ ในถ้วยเล็กๆ หลายใบ
“พี่บุรีขา..มาแล้วค่ะ เย็นเป็นวุ้น..” ฟ้าใสชะโงกดูหน้าจอโทรศัพท์ มองอย่างสงสัย “ทำงานหรือคะ อะไรกัน เรามาพักผ่อนนะคะ ยังจะทำงานอีก”
“แหม..ก็นิดหน่อยเอง..แค่งานเบาๆ..” รีบปิดโทรศัพท์ หันมาคว้าเอวหมับ “ไหน อะไรเย็นๆ ป้อนพี่หน่อยสิคะ คนสวย..”
ฟ้าใสหัวเราะคิกคัก เย้าหยอกบุรีไปมา
คลิปชกต่อยของฟ้ากระจ่างในโทรศัพท์ของเกียรติบดินทร์ อยู่ในมือบัญชาเวลานี้ บัญชาดูแล้ว ขรึม อึ้ง ทึ่ง จากนั้น ส่งโทรศัพท์คืนให้เกียรติบดินทร์
“เป็นไงล่ะครับ นายหัว คนที่นายหัวไว้ใจว่าเก่ง ดี..เหมาะสมทุกอย่าง..เอาเข้าจริง ก็ไม่ได้เป็นคนดีกว่าผมที่ตรงไหน” เกียรติบดินทร์เยาะอยู่ในที
“ขอทรายดูบ้างๆ” ทรายทองอยากรู้
เกียรติบดินทร์ยื่นส่งให้
“อ่ะ..เก่งไม่เบาเลยนะ พี่ชายของพวกเรา” จากนั้นก็หัวเราะหยันๆ แล้วหันมาหาบัญชา “ผมคุยกับอาบุรีแล้ว อาบุรีบอกว่า เพื่อนๆ ของเค้า..พวกอาปุ่น อาจุ้ย โมโหนายฟ้ากระจ่างมากๆ ฝากมาบอกนายหัวว่า..อย่าส่งคนๆ นี้มาหาพวกเค้าอีก”
“ทรายว่า..ในเมื่อพวกเค้ากล้ายึกยักกะพ่อทราย แล้วยังมาเล่นตัวสารพัดโดยไม่เกรงใจนายหัวเลย..ก็สมแล้ว ที่โดนพี่จ้างทำแบบนี้...”
เกียรติบดินทร์ฉุนหันมาทางทรายทอง “แกเงียบไปเลย ยัยทราย..ไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องออกความเห็น” แล้วหันมา ทำน้ำเสียงประจบประแจงผู้เป็นพ่อ “นายหัวไม่ต้องวิตกครับ ผมจะไปเจรจากะอาจุ้ย อาปุ่นเอง ผมจะใจเย็นๆ ค่อยๆพูดให้กล่อมให้เค้าเข้าใจเรา ผมจะพยายามเคลียร์ให้เรียบร้อยให้ได้ คนพวกนั้นเคยเห็นผมมาแต่เล็กๆ อย่างน้อย เค้าก็น่าจะมีความเมตตาเอ็นดูผม หลงเหลืออยู่ในใจบ้าง นายหัวจะให้ผมลองดู..ได้ไหมครับ”
บัญชามองหน้าลูกชาย แววตาเนือยๆ อ่อนอกอ่อนใจ “ไม่ต้อง”
เกียรติบดินทร์งง “อะไรนะครับ..นี่..นายหัวยังคิดว่าผมจะไปทำอะไรแย่ๆใช่ไหม ผมรับรอง..ว่าผมจะเป็นคน”
บัญชายกมือห้าม “จ้างเขาจัดการไปแล้ว”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง นายหัวครับ อาบุรีเค้าบอกว่า...” เกียรติบดินทร์เกือบเผลอหลุดปาก
“น้องดิน..อย่าวุ่นวายน่ะ มันไม่ใช่กิจของน้องดิน มันเป็นกิจของจ้าง!”
“ผมทำได้ นายหัวเชื่อผมบ้างสิ ผมอยากช่วยนายหัว ผมจะพิสูจน์ให้พ่อเห็น”
“น้องดิน..ฟังพ่อ..น้องดินไม่ต้องพิสูจน์อะไรหรอกลูก..น้องดินไม่ต้องทำอะไร เข้าใจไหม” บัญชาพยายามเน้นคำพูดให้เกียรติบดินทร์อยู่เฉย
ทรายทองมองสองพ่อลูก รู้สึกเครียด
สุดท้ายเกียรติบดินทร์ก็ยังไม่ยอมเข้าใจ
“แล้วนายหัวจะต้องเสียใจ ไอ้จ้างมันทำไม่ได้หรอก มันเป็นของปลอม เฟคทุกอย่าง..ไม่มีเครดิตอะไรเลย ใครเค้าจะร่วมงานกะมัน”
“พ่อก็รอดูอยู่นี่แหละ ว่าใครของจริง แล้วใครของปลอม” บัญชาพูดเหมือนรู้ทันเกม
เกียรติบดินทร์น้อยใจ พูดไม่ออก มองหน้าพ่อ
ทรายมองสองคนสลับกัน ใจคอไม่ดี
ช่วงบ่าย บริเวณริมถนนสายนั้น เกียรติบดินทร์ สวมแว่นตาดำ ยืนรออย่างหงุดหงิด ท่าทีร้อนรน สักพัก รถบุรีแล่นมาจอดฝั่งตรงข้าม ในรถบุรี มีฟ้าใส นั่งสวมแว่นดำอยู่ บุรีหันไปสั่งฟ้าใสให้รอในรถ ก่อนจะเปิดรถ เดินลงไป
ฟ้าใสเห็นบุรีเดินข้ามถนน ไปหาเกียรติบดินทร์ ด้วยท่าทางเครียดจัด ฟ้าใสถอดแว่นออก มองเกียรติบดินทร์อย่างตั้งใจ
เกียรติบดินทร์มองมาที่รถบุรีแว่บนึง แล้วกลับเมินไป เชิดๆเริดๆ แบบไม่ใส่ใจ
“มันอะไรกันนักหนา น้องดิน” บุรีฉุนนิดๆ
“ก็อะไรๆมันเป็นไปตามแผนของอาบุรีซะที่ไหนล่ะ มันพลิกล็อกไปหมดแล้ว ไอ้จ้างมันมีคนมารับงานแทนแล้ว อารู้ไว้ซะด้วย”
“เฮ้ย ได้ไง ไม่มีทางหรอก อากะเพื่อนๆ ล็อคพวกผู้รับเหมาทำระบบไฟฟ้าทุกเจ้าไว้หมดแล้ว รับรอง ว่าไม่มีใครกล้ารับทำงานกับมันแน่นอน ชัวร์” บุรีมั่นใจมาก
“ชัวร์หรือมั่วนิ่มกันแน่..อาบุรี ผมว่าอาบุรีไปเช็คใหม่ดีกว่านะ”
“อย่าว่าแต่พวกไอ้จุ้ย ไอ้ปุ่นเล้ย คนที่ระนอง ประจวบ ชุมพร ที่เป็นสายเรา อาก็คุยหมดแล้ว ทุกคนเป็นพวกอาทั้งนั้น คนมั่วนิ่มน่ะ..ไอ้จ้าง ไม่ใช่อา..มันนึกว่ามันจะเอาใครมารับงานนี้ได้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ จะไม่มีใครโอเคกับบริษัทนายหัวทั้งนั้น จนกว่าน้องดินจะเป็นคนติดต่อเอง จำไว้”
เกียรติบดินทร์ถอนหายใจอย่างกังวล “แน่ใจนะอา..อาจจะมีใครทรยศอาหรือเปล่า
บุรีตบบ่าปลอบหลานชาย “ใจเย็นๆ น่า น้องดิน..อาไม่มันใจ อาไม่เล่นเกมนี้หรอก ถ้าพลาด คนซวยคืออาเองนะเว้ย..ไม่ใช่น้องดิน อาจะยอมได้ไงล่า”
เกียรติบดินทร์มีท่าทางโล่งใจนิดหน่อย ส่วนภายในรถบุรี ฟ้าใสมองเกียรติบดินทร์ไล่สายตาจับจ้อง
ไปตามสัดส่วนที่ดูเร้าใจทั่วตัว
ฟ้าใสทำหน้าหมายมั่นปั้นมือ จะเอาให้ได้
บ่ายวันนั้น เด็กนักศึกษาอาชีวะรุ่นน้องฟ้ากระจ่าง กำลังฝึกมวยไทเก๊ก มีนักบวชตงรำมวยนำอยู่ข้างหน้า สมหมาย หมีใหญ่ และปักเป้า ทำหน้าที่ผู้ช่วยครูฝึกอย่างเบื่อๆ ซังกะตาย คอยเดินไปจับมือ เตะขา บอกท่าที่ถูกต้องกับพวกเด็ก
อาหึ่งนั่งเด็ดยอดผักพลางดูเด็กๆ ไปพลางอยู่ที่มุมหนึ่ง ส่วนสารภีนั่งแทะเม็ดแตงโมอยู่อีกมุม
“อะไรกันวะ ทำไมมันเหยาะแหยะกันอย่างเนี้ย” กู๋เหลียงบ่นเสียงดัง
“พวกมันคงเหนื่อยมั้ง อากาศก็ร้อน” อาม่าสาลี่ว่า
“อากาศร้อนไป อากาศหนาวไป ฝนตก แดดออก..” กู๋เหลียงส่ายหน้า “ทำไมจะต้องมีข้ออ้างตลอดๆ..นี่ถ้าอาจ้างอยู่..” นึกได้ว่างอนอยู่ ก็รีบเงียบ
ระหว่างนั้นมอเตอร์ไซค์ที่มีคนขับคนซ้อนใส่หมวกกันน็อคทั้งคู่ แล่นเข้ามา พวกเด็กๆ หันไปสนใจ
“เฮ้ยๆๆๆ ยังไม่ได้บอกให้พัก ดูอะไร หา..ดูอะไร” ปักเป้าเล่นบทพี่โหดใส่
“เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว ตั้งใจกันหน่อยเว้ย เฮ้ย” สมหมายผสมโรง
“หันมาทางนี้ แข็งขันๆๆ มุ่งมั่นๆๆ เข้าใจป่าววะ” หมีใหญ่รับไม้ต่อ
พวกเด็กๆหันมาซ้อมกันต่อ
มอเตอร์ไซค์จอดลง ทั้งสองคนก้าวลงมา พอถอดหมวกกันน็อคออก ปรากฏว่าเป็นอาจารย์ของฟ้ากระจ่าง เดินเข้ามาหากู๋เหลียงกับอาม่าสาลี่ แล้วยกมือไหว้
“มาควบคุมลูกศิษย์เหรอ อาจารย์ ไอ้เด็กรุ่นนี้มันใกล้จบแล้ว แต่ยังง้องแง้งๆ กันอยู่เล้ย น่าเป็นห่วงมากนะ” กู๋เหลียงรายงาน
“หึๆๆ ผมว่าจะยกก๊วนมันไปฝึกงานที่ปักษ์ใต้กันซะหน่อยครับ” อาจารย์หนึ่งในสองบอกขึ้น
“ว่าจะมาถามผู้หลักผู้ใหญ่ที่นี่ด้วย ว่าใครอยากจะไปเยี่ยมจ้างบ้าง” อีกคนถาม
“ใคร ใครจะไปเยี่ยมอาจ้าง” อาหึ่งทวนคำถาม
“ผมนี่แหละครับ” อาจารย์คนแรกยกมือซะงั้น
“จ้างเค้าอีเมล์มาหาผมแต่เช้ามืด ส่งโปรเจ็คท์งานใหญ่มาให้ ไอ้นี่มันแปลกๆ จะเอาพวกอาจารย์ กับรุ่นน้อง ไปช่วยกันลงแขกงานติดตั้งระบบไฟฟ้าในอาคารที่พ่อบุญธรรมของเค้ารับเหมาก่อสร้าง” อาจารย์อีกคนเล่า
“เมื่อเช้าผมก็ตื่นเพราะจ้างโทร.มาปลุก คุยกันยาวเป็นชั่วโมง..สรุปว่า..ไงๆ พวกเราก็ต้องช่วยมัน ถ้าไม่ช่วย มันบอกมันตายหยังเขียดแน่ๆ” อาจารย์คนที่สองสรุป
“จ้างมันโทร.มาหาพวกอาจารย์หราคะ ทำไมทีกะอาจารย์ มันโทร.หาได้ ทีพวกเรา มันไม่ยอมโทร. ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆ” สารภีโวยวายตามประสา
ครู่ต่อมาพวกนักศึกษา ยืน นั่งระเกะระกะพักกินน้ำ และผลไม้ สัปปะรด แตงโมกันเป็นของว่าง ส่วนอาจารย์และพวกผู้ใหญ่ล้อมวงปรึกษากัน อยู่ในมุมแดดร่มลมตกของศาลเจ้า
“แปลว่า อาจ้างมันกำลังเจออุปสรรคใหญ่หลวงเลยหรือครับ อาจารย์” นักบวชตงถามแทนใจคนอื่นๆ
“ผมเดาว่า ตัวงานจริงๆ น่ะ ไม่ยากหรอกครับ แต่คงมีคนงี่เง่าไม่กี่คน ที่ทำเรื่องให้เป็นเรื่อง” อาจารย์คนหนึ่งบอก
“พ่อบุญธรรมของอาจ้าง คงไม่ได้คิดเอามันไปทะนุบำรุงให้มันสุขสบายหรอก แล้วสิ่งที่จ้างไปเจอ คงไม่ใช่เรื่องหวานหมูแน่ๆ” อาหึ่งเป็นห่วงลูกชาย
“แบบนี้เราต้องเอาตัวอาจ้างกลับมา เราอุตส่าห์เลี้ยงมันมา คนที่ควรจะได้ใช้งานมันให้หลังแอ่นคือพวกเราไม่ใช่คนที่ไม่เคยเลี้ยง แล้วมาชุบมือเปิบ” สารภีโวยวาย
“นังสารภี ไปนั่งกินตรงนั้นไป อย่าปล่อยให้ปากว่าง สักแต่ว่าผีเจาะปากมา ก็พูดไปเรื่อย” อาหึ่งดุ
“มิน่า ที่จ้างมันไม่โทร.มา เพราะมันคงมีเรื่องหนักใจ เลยไม่อยากให้เราถาม เพราะมันก็คงไม่อยากโกหกเรา ว่ามันอยู่ดีมีสุข” กู๋เหลียงปรารภ
“โธ่ๆๆ ไอ้เราก็นิสัยไม่ดี ไปคิดน้อยใจกับมันได้ไงก็ไม่รู้” อาม่าพึมพำสงสารฟ้ากระจ่าง
“เอ่อ ทุกคนครับ อย่าเพิ่งคิดมากกันเลยครับ ให้เราได้ไปเจอของจริงก่อนดีกว่า เพราะจ้างเค้าก็ไม่ได้บ่นอะไร นอกจาก..ขอให้เราไปช่วยทำงานให้เสร็จเท่านั้นเอง” อาจารย์อีกคนบอก
“ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล อาจารย์ต้องรีบส่งข่าวเลยนะครับ” ปักเป้าขอร้อง
“เอสโอเอสมาทันทีเลยนะครับ รับรอง พวกผมจะตามไปสบทบทันที” หมีใหญ่บอก
“บอกจ้างด้วยนะครับ..ว่า..โปรดจงรู้ว่ามี..อยู่ตรงนี้อีกคน..กับชีวิตที่วกวน จะมีผู้คนกี่คนที่เป็นมิตรแท้...” สมหมายพูดชวนซึ้ง
“ขอเพียงแต่เขียนมา..ขอเพียงส่งเสียงมา” ปักเป้าครวญขึ้นเป็นเพลง
“จะ..ไป..หา” หมีใหญ่ครวญเพลงด้วยรักและผูกพันของพี่เบิร์ดต่อ
“พอเถอะ..นี่ไม่ใช่มิวสิเคิลนะ” กู๋เหลียงแซว
ทุกคนอึ้งๆ กันไป
อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้ เวลา 9.00 น.
ลิขิตฟ้าะตาดิน ตอนที่ 11 (ต่อ)
ดวงยิหวาคุยโทรศัพท์อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านบัญชา ด้วยสีหน้ารื่นเริง ดีใจสุดๆ
“อาจารย์สบายใจได้เลยค่ะ ดวงจะต้อนรับขับสู้อาจารย์ให้ดีที่สุด รับรองว่าเลี้ยงดูปูเสื่อเต็มที่” ดวงยิหวาฟังอาจารย์พูด แล้วก็หัวเราะร่า “โห..จะมากันเป็นคาราวานเลยเหรอคะ..อะไรนะคะ..เป็นรถทอดผ้าป่าเลยเหรอคะ ได้เลยค่ะ ค่ะ ค่ะ..พี่จ้างเตรียมทุกอย่างไว้แล้วค่ะ” ฟังด้วยสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมาบ้าง “ค่ะ..อาจารย์ได้รับเงินที่พี่จ้างโอนไปแล้วนะคะ ค่ะ ค่ะ..สวัสดีค่ะ ค่ะพูดกะพี่จ้างต่อนะคะ” หันมา มองหน้าฟ้ากระจ่าง ยิ้มแล้วส่งโทรศัพท์ให้
ฟ้ากระจ่างที่ยืนดูอยู่ ยิ้มๆ รอฟังอยู่ข้างๆ ตั้งแต่แรก รับโทรศัพท์มาพูดต่อ
“ครับ อาจารย์ครับ ทุกอย่างเรียบร้อย ใช่ไหมครับ ครับ..ผมได้รับไฟล์เอกสารอันล่าสุดที่อาจารย์ส่งมาเมื่อกี๊แล้วครับ ได้ครับ..ผมสั่งของทั้งหมดไปแล้วครับ ของจะมาถึงก่อนอาจารย์ประมาณ1อาทิตย์ครับผม ครับๆ ตกลงครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ” กดวางสาย หันมาถอนหายใจยาวยืดอย่างโล่งอก แล้วยิ้มกับดวงยิหวา และนายเด่น “เฮ้อ..ผ่านไปได้อีกด่านนึงแล้วเรา”
“ผมหวังว่า คุณจ้าง พวกอาจารย์ กับนักเรียน จะทำงานแบบมืออาชีพได้ดี” นายเด่นให้กำลังใจ
“คุณเด่นต้องช่วยชี้แนะผมอีกมากเลยครับ” ฟ้ากระจ่างถ่อมตัว
“ผมไม่ทิ้งคุณอยู่แล้ว ไม่งั้น นายหัวผมก็แย่ คุณก็สู้ให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน” นายเด่นบอก
“ผมสู้แน่ คุณเด่นไม่ต้องกลัวเลย จะสอน จะดุว่ายังไง ก็ใส่เต็มที่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ เพื่อให้ได้งานที่ดีที่สุด ผมยินดีเปิดรับทุกๆ คำสั่งสอน” ฟ้ากระจ่างพนมมือ ไหว้นายเด่น “ยังไงๆ ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
นายเด่นอดไม่ได้ที่จะเข้ามาจับเนื้อจับตัวอย่างยินดี
“โห..คุณจ้าง..เราลงเรือลำเดียวกันแล้วครับ ยังไงๆเราก็ต้องร่วมหัวจมท้ายกันให้ตลอดรอดฝั่งแหละครับ”
ทรายทองเดินโผล่มาเห็น แล้วชะงัก ภาพที่เห็น คือฟ้ากระจ่างอยู่ตรงกลาง นายเด่นโอบๆ จับหลัง
จับไหล่ โดยมีดวงยิหวายืนประกบอีกข้าง เป็นภาพครอบครัวที่ดูชื่นมื่นสุขสันต์ ยิ้มแย้ม ใส่กัน
“นี่พ่อลูกคู่นี้มันทำงานกันเป็นทีมเลยนี่ เลวที่สุด ขอร้องแล้วไม่ฟังใช่ไหม ยัยดวง”
ทรายทองหันกลับมา สีหน้าอาฆาตมาดร้าย
ช่วงเวลาตอนกลางวัน ชิงชัยพาปีเตอร์และเทเรซ่ามาเลือกชมบ้าน และกำลังเดินออกมาจากตัวบ้านหรูสไตล์มินิมั่ลโมเดิร์นหลังนั้น
“ชอบไหมครับ คุณปีเตอร์”ชิงชัยถามความเห็น
“ใหญ่ไปหน่อย สำหรับที่จะอยู่กันสองคนพ่อลูก”
“แต่ถ้าบ้านที่เล็กกว่านี้ หรือด้อยกว่านี้ มันก็จะไม่สมฐานะคุณนะครับ” ชิงชัยท้วง
“เราอยากได้แค่บ้านเล็กๆ ริมทะเล หรืออยู่บนเนินเขาก็ได้ ขอให้สบาย เงียบสงบ ไม่ใช่ห้องสี่เหลี่ยม อย่างห้องตามโรงแรม หรือคอนโดมีเนี่ยม เท่านั้นก็พอ” เทเรซ่าว่า
“คุณก็แบบนี้ทุกที เทเรซ่า ไม่เคยรู้ตัว ว่าอะไรที่คู่ควรกับคุณ หรือคุณ..คู่ควรกับอะไร” ชิงชัยตำหนิอยู่ในที
“เทเรซ่าคู่ควรกับสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ คุณชิงชัย” ปีเตอร์พูดเป็นเชิงเตือนชิงชัย แล้วหัวเราะเบาๆ
ชิงชัยพูดจาอ่อนน้อมลง “ขอโทษครับ ผมไม่เจตนาที่จะตำหนิน้อง..แต่..คุณคือซีอีโอของเรา แล้วเรากำลังจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อให้ลูกค้า..หรือใครก็ตาม ไม่ว่ามิตร หรือศัตรู เห็นว่าเราดูดีที่สุด..ในทุกๆด้านครับ ผู้คนถึงจะยอมรับนับถือ”
“คุณพูดถูก..ชิงชัย..ผมเข้าใจ”
ชิงชัยมีสีหน้าสดใสขึ้นทันที “คุณปีเตอร์ ..ตกลงที่จะซื้อบ้านนี้..หรือครับ”
“ผมตกลง” ปีเตอร์บอก
“แดดดี้?” เทเรซ่าท้วง
“เราคงไม่อยู่กันแค่สองคน..ตลอดไปหรอก..ไม่ใช่เหรอลูก”
เทเรซ่าฟังแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
“แดดดี้นี่ร้ายจริง แอบมีแผนอะไรอยู่หรือคะ หรือไปได้เบาะแสสาวไทยแสนสวยในอดีตคนนั้นเข้าแล้ว”
“ใครบอกล่ะ แดดดี้อยากจะให้บ้านเราเหมาะกับจะเป็นที่รับแขก..เพื่อนๆ ใหม่ๆ ดีๆ ของเทเรซ่าตะหาก”
สองพ่อลูกยิ้มกันอ่อนโยน ชิงชัยลอบมอง แล้วแอบทำหน้ามีหวังเล็กๆ
เช้าวันต่อมาเกียรติบดินทร์เดินจะออกจากบ้าน มองไปที่โต๊ะนั่งเล่น เห็นดวงยิหวานั่งก้มหน้า พิมพ์อะไรง่วนที่จอคอมพ์อย่างจดจ่อก็ชะงัก
เกียรติบดินทร์นึกสนุก ค่อยๆ ย่องไปแอบดูข้างหลัง ดวงยิหวาไม่รู้ตัว กำลังเพ่งสมาธิอยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำ
เกียรติบดินทร์ยิ้มขำๆ ที่ดวงยิหวาไม่รู้ตัว จนมาอยู่ใกล้มากพอควร
เกียรติบดินทร์มองผ่านด้านหลัง เห็นในจอคอมพ์ฯ ว่าดวงยิหวากำลังตรวจบัญชีรายการของที่จะใช้ในการวางระบบไฟฟ้า เช่น สายไฟ สวิทช์ ปลั๊ก หลอดไฟ ฯลฯ.
เกียรติบดินทร์มองที่จอ แล้วชะงัก ครั้นพอแอบอ่าน แล้วต้องผงะ หน้าเครียดขึ้นมาทันที
“นี่มันอะไร” เกียรติบดินทร์ถามขึ้นลอยๆ
ดวงยิหวาสะดุ้ง หันมาตามเสียง “คุณดิน..โอ๊ย ตกใจหมดเลย เล่นอะไรกันคะ คนกำลังใช้สมาธินะ” หน้าตาดวงยิหวายังดูอารมณ์ดี ไม่ได้โกรธอะไร แค่ตกใจ
เกียรติบดินทร์รีบดันเก้าอี้แบบล้อเลื่อนที่ดวงยิหวานั่งอยู่ให้พ้นทาง ก้มลงอ่านรายละเอียดลิสท์นั้น และหัวกระดาษต่างๆ แล้วอึ้ง หันมา ชี้ที่จอ
“ดวง คุณทำอะไร”
“เช็ครายการของที่จะใช้ติดตั้งในอาคารหน่วยราชการ ที่คุณบุรีลาพักงานไปไงคะ”
“นี่..คุณดูแลเรื่องการติดตั้งระบบไฟฟ้าด้วยเหรอ” เกียรติบดินทร์ประหลาดใจ
“แค่เช็คลิสท์ ดูราคา..ให้พี่..เอ่อ..คุณจ้างน่ะค่ะ” ดวงยิหวาบอก
“หมายความว่าไง ไอ้จ้างมันหาคนมารับเหมาทำงานนี้ได้แล้วเหรอ”
“ก็เพราะหาไม่ได้ ไม่มีใครรับทำน่ะสิคะ คุณจ้างเลยรับทำเองค่ะ”
“อะไรนะ บ้า! เป็นไปไม่ได้” น้ำเสียงเกียรติบดินทร์หงุดหงิด
“เป็นไปแล้วค่ะ”
“แล้ว..นายหัว..ยอมให้มันทำด้วยเหรอ” เกียรติบดินทร์งง สงสัย
“ค่ะ”
“แล้วช่างล่ะ คนงานล่ะ วัสดุอุปกรณ์ล่ะ” เกียรติบดินทร์ถามเป็นชุด
“วัสดุอุปกรณ์..ก็..ที่คุณจ้างสั่งมานี่ไงคะ ส่วนช่าง..คนงาน คุณจ้างเค้าก็หามาเองค่ะ”
“มันไปหามาจากไหน ไหนว่าอาบุรีบอกว่า..ไม่มีใครรับงานมันแน่ ชัวร์!” เกียรติบดินทร์เผลอหลุดปาก
ดวงยิหวาผงะ จ้องหน้า ถามคาดคั้น “คุณจ้าง..คุณหมายความว่า..คุณบุรี?? ยังไงกันแน่”
เกียรติบดินทร์หน้าซีด “เปล่าๆ”
ดวงยิหวาเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “ตะกี๊..คุณบอกว่า..คุณบุรีบอก..ว่าไม่มีใครรับงานมันชัวร์”
เกียรติบดินทร์ลนลาน ปากคอสั่น “ก็ใช่ไง ก็..พวกเพื่อนๆ อาบุรีเค้ามีปัญหากับบริษัทเราไม่ใช่เหรอ กับอาบุรี พวกนั้นยังไม่ยอมคุยด้วย แล้วไอ้จ้างมันเป็นใคร พวกนั้นถึงจะได้รับงานมันล่ะ”
เกียรติบดินทร์กลายเป็นฝ่ายหลบตา แล้วรีบเดินหนีไป
ดวงยิหวายิ่งสงสัย รีบตามไป
เกียรติบดินทร์เดินร้อนรนมา หามุมสงบ แล้วควักมือถือมากดเบอร์บุรี
พร้อมกันนั้นมือถือบุรีซึ่งยังอยู่ที่รีสอร์ทก็ดังขึ้น มือของฟ้าใสมาหยิบโทรศัพท์ไป ดูหน้าจอ เห็นรูปเกียรติบดินทร์ ดี๊ด๊า รีบกดรับ
“เฮ้ลโหลววว..”
เกียรติบดินทร์เสียงขุ่น “นั่นใครพูด”
“จะพูดกะใครล่ะคะ” ฟ้าใสย้อนถาม
“อาบุรีอยู่ไหน ผมมีเรื่องด่วนจะพูดกับเค้า”
ดวงยิหวาตามมา และทันได้ยินพอดี ดวงยิหวาอึ้งหนัก เกียรติบดินทร์หันหน้ากลับมา เผชิญกับดวงยิหวา เกียรติบดินทร์ซีดเข้าไปใหญ่ รีบกดปิดการสนทนา
“คุณดิน..” ฟ้าใสเรียกแต่ได้ยินการวางสาย “คุณดินๆ...อะไรวะ สายหลุดรึไง” ฟ้าใสมองโทรศัพท์อย่างขัดเคืองใจ
เกียรติบดินทร์รีบเก็บโทรศัพท์ มองดวงยิหวาแบบพาลๆ “ดวง..มีอะไร”
“คุณดิน...คุณรู้เห็นเป็นใจกับคุณบุรี กับพวก…”
เกียรติบดินทร์รีบถลาเข้ามา ดึงตัวดวงยิหวามา เอามือปิดปาก “ไม่ใช่นะ ดวง ดวงอย่าพูด..” มองรอบๆ กลัวคนมาเห็นหรือได้ยิน “อย่าไปบอกใครเด็ดขาด ถ้านายหัวรู้ ผมตายแน่”
ดวงยิหวาดิ้นจนหลุดออกมาจากการกอด แต่ไม่หนีไปไหน มองหน้าเกียรติบดินทร์อย่างเอาเรื่อง ลดเสียงพูดกระซิบ
“คุณดินทำแบบนี้ทำไม คุณดินบ้าไปแล้วเหรอ”
“ชั้นไม่ได้ทำอะไร เธออย่ามาใส่ร้ายชั้นนะดวง” เกียรติบดินทร์ปฏิเสธ
ดวงยิหวารู้สึกเสียใจและผิดหวังมาก
“คุณดิน..ชั้นผิดหวังในตัวคุณจริงๆ คุณหลงเข้ารกเข้าพงกันไปใหญ่แล้ว ไม่ว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ ดวงขอร้อง..ให้คุณหยุดเดี๋ยวนี้ คุณต้องเลิกอิจฉาคุณจ้าง เลิกต่อต้านเค้า คุณต้องรีบกลับตัวกลับใจเดี๋ยวนี่”
“ดวง..นี่เธอเห็นชั้นเป็นผู้ร้าย เป็นศัตรูของเธอไปแล้วเหรอ” เกียรติบดินทร์โวย
“คุณดิน” ดวงยิหวาจับมือเกียรติบดินทร์ขึ้นมา “ดวงเห็นคุณเป็นเพื่อน ดวงห่วงคุณ หวังดีกะคุณนะคะ ดวงอยากให้คุณกับครอบครัวรักกัน ดีกัน ช่วยเหลือกัน เพื่อตัวคุณ เพื่อพ่อแม่พี่น้องคุณ...”
เกียรติบดินทร์สวนออกมา “ชั้นไม่มีพี่น้อง”
ดวงยิหวาพูดด้วยน้ำเสียงวิวอน “คุณดิน..ดวงขอร้อง ดวงขอร้อง”
ดวงยิหวาจับแขนเกียรติบดินทร์เขย่าๆ
ดารากานต์เดินเข้ามา เห็นภาพนั้นพอดี ชะงัก มองอยู่
เกียรติบดินทร์กับดวงยิหวา กระซิบกระซาบกัน ดูคาดคั้น ร้อนรน เหมือนดวงยิหวาจับมือเกียรติบดินทร์เขย่าๆ กำลังขอร้องอ้อนวอน หรือตื๊อบางอย่าง แล้วเกียรติบดินทร์ดูเหมือนกำลังงอแง เล่นตัว
ดารากานต์อึ้งๆ แต่ก็อยากรู้อยากเห็น ทรายทองเข้ามาประกบหลัง
ทรายทองเจตนาจะแกล้งเป่าหู
“นายหญิง..ดูสิคะ..สองคนนี้เค้ารักกันจะตายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เค้ามีปัญหาระหองระแหงกัน เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ เลยค่ะ”
“ทำไมล่ะ มีอะไร” ดารากานต์ถามอย่างสนใจ
“ก็ดวงยิหวาเค้าต้องช่วยงานพ่อเค้าไงคะ แล้วงานมันก็มีปัญหาเยอะแยะ ดวงยิหวาก็เลยต้องคอยช่วยพี่จ้าง แล้วก็ต้องห่างๆ พี่ดินไป พี่ดินเค้าเลยน้อยใจ” ทรายทองบอก
“อ้าว..แบบนี้ก็แย่สิ น้องดินเค้ายิ่งอิจฉาๆ จ้างอยู่แล้วด้วย ไม่ได้นะ ลูกๆ ชั้นต้องรักกัน จะมาระหองระแหงเพราะผู้หญิงได้ไง” ดารากานต์หลงกลเข้าให้
“นั่นสิคะ สีหน้าแววตาทรายทองลุ้น แล้วเปลี่ยนเป็นสะใจสุดๆ
บรรยากาศในร้านกาแฟในช่วงบ่ายดูคึกคัก คนขายเอากาแฟ ถือจานปาท่องโก๋ที่ดูน่ากิน เดินเสิร์ฟตามโต๊ะที่สั่ง นายเด่นเดินเข้ามา มองหา เห็นดารากานต์นั่งกินกาแฟ รออยู่ นายเด่นรีบเดินเข้าไป ยกมือไหว้ ดารากานต์ไหว้ตอบ
“นายเด่น เชิญค่ะ เชิญๆๆ”
“นายหญิง..มานานแล้วหรือครับ”
“พอดีฉันมาเร็วไปหน่อย นายเด่นทานอะไรดี”
“อ๋อ โกพงษ์เค้าทราบดีครับ พอเห็นหน้าผม เดี๋ยวเค้าก็จัดมาเอง”
ดารากานต์เริ่มต้นพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเกรงใจ
“ฉันมีเรื่องต้องรบกวนนายเด่นหน่อย เกรงใจจังเลย..คือ..ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก แต่ชั้นอยากจะกันไว้ ดีกว่าแก้”
“อะไรหรือครับ ว่ามาเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจเลย”
“เรื่อง..หนูดวงยิหวา”
“ดวงยิหวา..” นายเด่นถามกลับอย่างร้อนใจ “มีอะไรหรือครับ”
“คือ..พูดกันตรงๆ เลยก็แล้วกัน ฉันไม่อยากให้ดวงยิหวามาทำงานใกล้ชิดกับจ้างเกินไป”
“นายหญิง..เรื่องนี้” นายเด่นทำท่าจะอธิบาย แต่อึ้งไป ดารากานต์พูดแทรกขึ้นมา
“คือ..ฉันรู้ว่าหนูดวงยิหวา เป็นคนดี ไม่มีอะไร แล้วจ้างเค้าก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่มีอะไรเหมือนกัน แต่..เรื่องของเรื่องคือ..น้องดิน..เขาชอบหนูดวงยิหวามาก..นายเด่นก็คงจะรู้ ถึงมันจะเป็นแค่เรื่องของเด็กๆ ยังไม่มีอะไรแน่นอน แต่ฉันก็ไม่อยากให้พี่ชายน้องชายต้องมาหมางใจกัน..เพราะ..อะไรที่มัน..จุกจิกหยุมหยิมแบบนี้ เพราะฉะนั้น..ก่อนที่มันจะเกิดปัญหา เรามาตัดไฟแต่ต้นลมกันดีไหม..ไม่งั้น มันจะกลายเป็นวัวหายล้อมคอก..ฉันรักลูกๆ ของฉันมาก..หวังว่านายเด่นคงจะเข้าใจ”
ฟังดารากานต์อธิบายอย่างมีเหตุผล เด่นยิ้มนิดๆ ด้วยสีหน้าอ่อนโยน
เวลาต่อมาดารากานต์กับป้าบัว เดินถือตะกร้าจ่ายกับข้าวกันมา พอดีเดินผ่านหน้าร้านดอกไม้ที่อยู่อีกฝั่ง
“ซื้อดอกไม้หน่อยดีกว่า ป้าบัว เอาไปจัดให้บ้านสดชื่นๆ ซะนิดท่าจะดี”
“นายหญิงไปรอที่รถไหมคะ เดี๋ยวดิฉันจะข้ามไปซื้อให้ นายหญิงอยากได้ดอกอะไรคะ”
พอดีเทเรซ่าเดินออกมาจากร้านดอกไม้แห่งนั้น ก่อนจะออก มีชาย 2 คนเดินนำมา ครั้นพอเทเรซ่าออกมา มีชายอีก 2 ประกบหลัง เทเรซ่าถือดอกไม้หอบใหญ่ สีขาวล้วน
ดารากานต์เห็นชะงัก มองดู “เอ๊ะ..เด็กคนนั้น”
“ใครหรือคะ” ป้าบัวถาม
“สวยน่ารักจัง ป้าบัวว่าไหม” ดารากานต์ถามกลับ
“ค่ะ สวยค่ะ ลูกใครคะ” ป้าบัวถามกลับอีก
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่าทางจะเป็นคนใหญ่คนโต เป็นผู้ดีมีสกุลแน่ๆ”
“อุ๊ย นายหญิงพูดยังกับคนโบราณ”
“มา..รีบข้ามถนนมาเร้ว” ดารากานต์รีบข้ามนำไป
ป้าบัวรีบตาม ดารากานต์จงใจ เดินไปเพื่อให้เจอกับเทเรซ่า พอเทเรซ่าหันมาเห็นดารากานต์ ก็จำได้ ตาโต
ดารากานต์เดินฝ่าบอดี้การ์ดเข้าไปแบบไม่ใส่ใจ แต่พวกนั้นก็แหวกให้ เพราะมาดและหน้าตาที่สวยงามสง่าขนาดนั้น
เทเรซ่าร้องทักทายอย่างดีใจ “โอวว..มาดาม”
“อ้าว หนูนี่เอง เจอกันอีกแล้ว”
เทเรซ่าส่งดอกไม้ในมือไปให้บอดี้การ์ดถือ แล้วไหว้แบบไทยๆ “สวัสดีค่ะ มาดาม สบายดีนะคะ”
“สบายดีจ้ะ” ดารากานต์ยิ้มกว้าง “ดอกไม้ของหนูสวยจริง”
เทเรซ่ายิ้มให้ขณะตอบ “เทเรซ่าเพิ่งมีบ้านค่ะ เลยอยากจะจัดดอกไม้ซะหน่อย”
“เพิ่งมีบ้าน?” ดารากานต์สงสัย
“แดดดี้เพิ่งซื้อบ้านที่นี่น่ะค่ะ เราย้ายเข้ามาอยู่ได้2วัน บ้านว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย”
“หรือจ๊ะ แล้วบ้านหนูอยู่ที่ไหนจ๊ะ”
“อยู่ที่ถนนชื่อประชาสันติค่ะ เลขที่11” เทเรซ่าจำแม่น
“ประชาสันติ เลขที่11” ดารากานต์ทวน แล้วยิ้มอย่างเอ็นดู “ขอโทษทีเถอะ เทเรซ่าหนูมาจากประเทศอะไรคะ คุณพ่อคุณแม่เป็นใคร”
“หนูมาจากสิงคโปร์ค่ะ พ่อแม่หนูคือมาดามและมิสเตอร์จ้าว” เทเรซ่าออกเสียงชื่อแซ่พ่อแบบจีนแมนดาริน “แดดดี้ตั้งชื่อหนูตามชื่อแม่ชีเทเรซ่าแห่งกัลกัตตาค่ะ” ยิ้มอย่างภูมิใจ
“แสดงว่าแดดดี้ของหนูเป็นสุภาพบุรุษที่มีจิตใจใฝ่ถึงความดีงามมากจ้ะ”
ดารากานต์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังชมคนที่เคยเกือบฆ่าเธอทั้งชีวิต
“แล้ว..มาดามล่ะคะ ชื่ออะไร”
ดารากานต์กำลังจะตอบ พอดีโทรศัพท์เทเรซ่าดัง
“อุปส์ ซอรี่นะคะ มาดาม” เทเรซ่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วยิ้มขอตัวกับดารากานต์ “แดดดี้เทเรซ่าโทรมาค่ะ ขอโทษนะคะ”
“ตามสบายจ้ะ หนู โชคดีนะคะ” ดารากานต์ยิ้มให้ แล้วเดินเข้าร้านไป
ป้าบัวจับตามองอยู่ตลอดเวลา รีบตามไป
“แดดดี้..ว่าไงคะ”
เทเรซ่าเดินพูดโทรศัพท์ห่างออกไป โดยมีบอดี้การ์ดตามประกบติดตลอดเว
ดารากานต์หันกลับมาแอบชะเง้อมองตาม “เทเรซ่า สวย น่ารัก ดูดีนะ” แล้วหันมาขอความเห็นป้าบัว “ป้าบัวว่า..จ้างเค้าจะชอบไหม”
ป้าบัวมองหน้า อึ้งไป
เช้าวันต่อมานายเด่นนั่งกุมแก้วกาแฟ หน้าขรึม มองจับสังเกต และที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกินข้าว ดวงยิหวาก็นั่งกุมแก้วตัวเอง สีหน้าขรึมเช่นกัน
นายเด่นมองอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจจะพูด “ดวง”
ดวงยิหวาใจลอย ถึงกับสะดุ้ง “หะ..คะ..พ่อ”
“ไอ้งานอาคารราชการที่คุณบุรีแกชิ่งไปเนี่ย..พ่อว่า ดวงปล่อยวางได้แล้ว ให้คุณจ้างแกทำของแกไป ดวงกลับไปปิดจ็อบงานเขื่อนริมฝั่งอย่างเดียว ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาดีกว่า” นายเด่นบอกขึ้น
ดวงยิหวาอึ้งไปนิด “แต่ดวงคุยกะอาจารย์ไว้..ว่าดวงจะดูแลเรื่อง”
นายเด่นรีบพูดตัดบท “พ่อจะเทคแคร์อาจารย์คุณจ้างเอง ดวงอย่าลำบากดีกว่า ตอนนี้งานมันไม่เป็นระบบเลย มันกลายเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปหมด”
“แต่มันก็คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจริงๆ นี่คะ เราทุกคนก็ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ..เท่าที่จะทำได้” ดวงยิหวาแย้ง
“นั่นแหละ ที่ผ่านมา ดวงทำดีมากแล้วลูก..ดวงไม่ได้บกพร่องอะไร แต่ดวงกลับไปประจำไซด์งานเดิมดีกว่า พ่อไปแอบๆดูแล้ว ดวงไม่อยู่ งานมันช้าลงไปนิด”
ดวงยิหวาไม่แน่ใจ “เหรอคะ”
“ดวงไม่ต้องห่วง พ่อรับรอง ว่าคุณจ้างกะอาจารย์ของเค้าจะได้รับการอำนวยความสะดวกมากที่สุด เท่าที่พ่อจะจัดให้ได้”
ดวงยิหวาอึ้งไปนิดหนึ่ง ออกอาการเขินหน่อยๆ “แหม..พ่อก็..ดวงก็ไม่ได้ห่วงอะไรขนาดนั้นหรอกค่า”
นายเด่นแอบมองลูกสาว เห็นดวงยิหวาจิบกาแฟต่อ หน้าตากังวลใจเรื่องที่รู้จากเกียรติบดินทร์ รู้สึกห่วงฟ้ากระจ่าง นายเด่นแอบถอนหายใจ ห่วงลูกสาว แต่ไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรแน่
วันต่อมาฟ้ากระจ่าง นายเด่น และอาจารย์ทั้งสองคนเดินออกมาจากอาคารที่สร้างเสร็จ แต่ยังไม่เรียบร้อย นัก ยังมีคนงานบางส่วนเก็บรายละเอียดงานอยู่อีก
“ไม่หนักใจ ใช่ไหมครับ อาจารย์” ฟ้ากระจ่างถามขึ้น
“ไม่เท่าไหร่ๆ พอไหว” อาจารย์หนึ่งในสองบอกยิ้มๆ
“เสร็จทันตามกำหนดแน่ แล้วก็รับรอง ว่าจะตรงตามสเป็ค นายไม่โดนปรับแน่ๆ” อาจารย์อีกคนว่า
“เฮ้อ..ค่อยยังชั่ว งั้นเดี๋ยวว่างๆ ผมมาเป็นคนงานของอาจารย์ด้วยนะครับ”
“เป็นเถ้าแก่แล้ว จะมาเป็นกรรมกรได้ไง จ้าง” อาจารย์แซวเอา
“อ้าว ไม่แปลกหรอกครับ ตอนนายหัวบัญชาหนุ่มๆ บางที ถ้าจำเป็น ท่านก็ลงลุยงานกรรมกรบ่อยๆ เหมือนกัน” นายเด่นเสริม
ทุกคนหันมาสนใจฟังกัน
ระหว่างนั้น มีกล้องส่องทางไกลจากมุมสูงบนตึกฝั่งตรงข้าม มองมายังกลุ่มฟ้ากระจ่างที่เดินคุยกันมา ท่าทีร่าเริงกันแม้แต่นายเด่น ก็พลอยสนิทสนม คุยจ้อ ภาพซูมใบหน้าไล่ดูทีละคนๆ แล้วมาหยุดที่ฟ้ากระจ่าง ซึ่งกำลังพูดคุย ยิ้ม หัว ฟัง และสนใจทุกๆ คน
สีหน้าบุรี ที่กำลังดูภาพผ่านกล้องส่องทางไกลที่มีเลนส์ซูมกำลังสูง ลดกล้องลง ดุจจะกระอักเลือด
จากบริเวณหน้าตึกฟ้ากระจ่างเดินนำมาที่รถ ทุกคนตามมา ฟ้ากระจ่างบริการจัดการเปิดรถให้ โดยอาสาจะขับรถเอง
“เออ แล้วดวงยิหวาล่ะ ไหนว่าจะมารับพวกเรา” อาจารย์คนหนึ่งถามหา
ฟ้ากระจ่างทำหน้าอึ้ง เพราะตัวเองก็อยากรู้เหมือนกัน
นายเด่นรีบชิงตอบ “อ๋อ ตอนนี้ งานสร้างเขื่อนริมถนนของผมกำลังจะเสร็จแล้วครับ ขณะที่งานนี้มีปัญหา งานโน้นก็กำลังจะปิดจ็อบเหมือนกัน ก็เลยต้องแบ่งหน้าที่ แบ่งเวลาให้ดีครับ วันนี้ผมมาที่นี่ ลูกก็เลยต้องไปที่โน่น”
“อ้าว..คุณเด่นนี่คือคุณพ่อของดวงเองเหรอ” อาจารย์คนเดิมกระแอม “อะแฮ้มๆ” แอบมองหน้าฟ้ากระจ่างล้อๆ
ฟ้ากระจ่างทำหน้าตาย ไม่รับมุก
อาจารย์อีกคนรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อ๊ะแอ้มๆๆ เอ้อๆๆนี่ๆๆ...ที่พักของไอ้พวกนั้นล่ะ มันจะมาถึงวันจันทร์นะ”
สีหน้านายเด่นเคร่งขรึมขณะพูด “อาจารย์ไม่ต้องห่วงครับ คุณจ้างเค้าเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว” นายเด่นลอบสังเกตสีหน้าฟ้ากระจ่างด้วย
ฟ้ากระจ่างเปิดรถ สีหน้าสงบ ดูไม่ออกว่าคิดอะไร
เกียรติบดินทร์ บัญชา และบุรี นั่งอยู่ที่โต๊อาหาร โดยมีนายน้อมคอยดูแล บุรีสีหน้าเคร่งขรึม
“นายหัว..นายหัวคิดอะไรอยู่ แบบนี้มันก็หายนะกันหมดเท่านั้น”
บัญชาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “หายนะยังไงไม่ทราบ”
นายน้อมกำลังเตรียมของว่าง จัดวางทุกอย่าง ลงที่โต๊ะ หน้าบัญชา
“มันเอาช่างบ้าบอที่ไหนไม่รู้ มาทำงานแทนพวกไอ้จุ้ย ไอ้ปุ่น” บุรีว่า
“สงสัย จะเป็นพวกมาจากศาลเจ้าด้วยกันนั่นแหละครับ” เกียรติบดินทร์เย้ยหยัน
นายน้อมแอบมองสองอาหลาน สีหน้ากลุ้มๆ
“แบบนี้ตอนส่งมอบงาน เราอาจโดนทางราชการฟ้องเละเลยก็ได้” บุรีเสริม
แต่บัญชาขัดขึ้นน้ำเสียงประชด “ดูเหมือนนายจะลืมไปนะ บุรี..ว่าต้นเหตุของมัน..คืออะไร”
บุรีไม่สำนึกยังแถไปหน้าด้านๆ
“ที่ผมเหมือนหายๆไปน่ะ ผมก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ผมก็กำลังพยายามต่อรองกะไอ้พวกนั้นอยู่ แต่ไอ้จ้างกับนายเด่นกลับทำทุกอย่างวุ่นวาย เที่ยวไปอวดเบ่ง ก่อเรื่องก็ราวกะพวกมัน ผมก็ต้องตามเคลียร์อีก”
“อ้าว..แล้วชั้นจะไปรู้ไหมล่ะ” บัญชาสวน
“ผมก็พยายามจะช่วยอีกทาง แต่นายหัวก็ไม่ใยดี” เกียรติบดินทร์เสริม
“แต่ยังไม่สายเกินไปนะครับ นายหัวบอกไอ้จ้าง..ว่าให้มันหยุดซะตอนนี้ แล้วผมจะล็อคคอไอ้พวกนั้นมันกลับมาเอง” บุรีทำตัวแสนดี หวังจะพลิกเกมที่ตัวเองเริ่ม
นายน้อมมีอาการคันปากยิกๆ ได้แต่ถอนหายใจ หันไปซ่อนสีหน้า
“อ้าว..แล้วทำยังไง พวกเพื่อนๆนายถึงจะกลับมา หรือว่า อยู่ๆ ก็คืนดีกันซะงั้น” บัญชาเยาะ
“แหม..ก็เพื่อนรักกัน ยังไงๆมันก็ตัดกันไม่ตาย ขายกันไม่ขาดหรอกครับ” บัญชาบอก
“นายหัวอย่าเสี่ยงดีกว่าครับ คนที่เรารู้จักมานาน น่าจะไว้วางใจได้ มากกว่าคนแปลกหน้า” เกียรติบดินทร์ว่า
“โอ๊ย..มันก็ไม่แน่หร้อก” นายน้อมทนไม่ไหวจริงๆ
ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
“คือ ..แบบว่า..อยากให้นายหัวรับประทานของว่างก่อนนะครับ ไม่อยากปล่อยให้เย็น เพราะเดี๋ยวพอเย็นแล้ว ไม่แน่ว่าจะอร่อยหร้อกครับ”
ฟ้ากระจ่างเดินขึ้นมาพอดี สะพายกระเป๋าแล็ปท็อป พอเห็นทุกคน ก็ชะงักนิดๆ
บัญชา“จ้าง..เชิญที่นี่หน่อยซิ” บัญชาเรียกไว้
ฟ้ากระจ่างยกมือไหว้บุรี “คุณบุรี”
“วันนี้เธอไปรับช่างที่จะมาทำไฟที่อาคารนั่น ใช่ไหม” บัญชาถาม
“ครับ..เดี๋ยวเย็นๆ พวกเค้าจะมาพบนายหัวที่นี่ครับ”
“ไปรับมาจากไหนล่ะ พี่จ้าง..แอร์พอร์ทเหรอ” เกียรติบดินทร์ทำเสียงซื่อๆ
“เปล่าครับ..รับที่สถานีรถไฟ”
“อ้อ..เดินทางมาจากที่ไหนกันล่ะ”
“บ้านผมเองครับ ลำพูน จังหวัดผม”
บัญชาลงมือกิน ฟังไปในท่าทีเงียบๆ นายน้อมฟังอย่างลุ้นจัด
“อ๋อเหรอ..แล้ว..พวกเค้าเป็นใคร เป็นช่างไฟประจำจังหวัดเธอหรือไง” บุรีแกล้งซัก
“สงสัยจะเป็นช่างประจำศาลเจ้า” เกียรติบดินทร์เยาะ
ท่าทีฟ้ากระจ่างยังดูสุขุม แต่แอบกวน “ใช่ครับ ถูกทุกข้อ”
นายน้อมมองๆ
“แล้วเค้าจะทำงานขนาดใหญ่แบบนี้ได้เหรอ” บุรีพยายามจะหักหน้า
“ก็น่าจะได้นะครับ” ฟ้ากระจ่างบอก
“โทษทีนะ แต่อาคารสำนักงานของหน่วยราชการตึกนี้ มันได้ออกแบบไว้ให้เป็นออฟฟิศที่ไฮเธค สเป็คเดิมของเรา..มันไม่ได้ออกแบบมาอย่างบ้านๆ ง่ายๆ หรือตึกแถวตามตลาด มันต้องใช้คนที่นอกจากจะชำนาญ..เป็นมือเก๋าแล้ว ก็ต้องตามทันเทคโนโลยี่ใหม่ๆ ด้วย” บุรีทั้งเย้ยทั้งหยันอย่างดูแคลน
“อ๋อ..ผมดูแบบ ดูสเป็ค แล้วก็ดูฟังชั่นของงานเก่าที่ออกแบบไว้ละเอียดดีแล้วครับ ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเท่าไหร่ มีบางตัวทำให้เปลืองไฟ ฟุ่มเฟือย สิ้นเปลืองด้วยซ้ำ” ฟ้ากระจ่างตอบและตอกบุรี
“อะไรนะ” บุรีฉุนมากยิ่งขึ้น
“โอ้โห..พี่ชายผม เก่งหลายอย่างจริงๆ คอมเม้นท์งานวางระบบไฟฟ้าอาคารใหญ่ๆ ได้ด้วย” เกียรติบดินทร์เยาะอยู่ในที
“อ๋อ พอดี ผมเรียนเป็นช่างไฟมาพอดีน่ะครับ ถ้าเป็นงานระบบประปา ผมคงไม่กระดิกหูเหมือนกัน แต่นี่ ช่วยไม่ได้ ที่มันบังเอิญเป็นงานตรงสายกับที่ผมจบมาพอดี” ฟ้ากระจ่างว่า
บัญชาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ขณะเอาผ้ามาซับปาก
“จ้าง..เธอบอกมาดีกว่า ว่านายช่างที่เธอเอามานี่เป็นใคร พูดจาอ้อมค้อมกันไปมาอยู่ได้”
ฟ้ากระจ่างเปิดกระเป๋า หยิบเอกสารออกมา
“ได้ครับ นี่เป็นเอกสารที่ผมเตรียมมาสำหรับยื่นให้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพอดีโปรไฟล์..คุณสมบัติของช่างของผม..ท่านทั้งสองเป็นอาจารย์ของผมเองครับ หัวหน้าและรองหัวหน้าภาควิชาช่างไฟฟ้า โรงเรียนเทคนิคประจำจังหวัดผม..โอ๊ะ..โทษทีครับ..ผมติดเรียกชื่อเก่าไป..ตอนนี้เค้าเลื่อนขึ้นมาเป็นวิทยาเขต ของมหาวิทยาลัยสถาบันเทคโนโลยีประจำจังหวัดแล้วครับ” ส่งให้บัญชา กับบุรี คนละแผ่น
บัญชารับไปดู นายน้อม รีบเอาแว่นอ่านหนังสือมาเปลี่ยนให้ ด้วยหน้าตาสะใจ
บุรีอ่านแล้วอึ้ง สบตากับเกียรติบดินทร์ ต่างคนต่างซีด
ฟ้ากระจ่างแอบสะใจ หันไปสบตากับนายน้อม แล้วอยู่ๆ ก็แอบหลิ่วตาให้นายน้อมแว่บหนึ่ง นายน้อมสะดุ้งโหยง
บัญชาเงยหน้าขึ้นมองอย่างทึ่งๆ ฟ้ากระจ่างทำท่าสงบเสงี่ยม และขรึมเคร่ง ในขณะที่นายน้อมแอบยักคิ้วให้
อ่านต่อตอนที่ 12