กพร.เดินหน้าจัดอบรมยกระดับฝีมือแรงงาน หลังสำนักงบฯจัดสรรงบมาให้ 61 ล้าน ตามที่รัฐบาลอนุมัติ ยอดสมัครพุ่ง 2 พันคน ชี้ หลักสูตรที่สมัครมาก ทั้ง ช่างไฟฟ้า-ช่างยนต์-ช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักร รับสมัครถึงกลางเดือน มี.ค.นี้ ชี้ หากจำเป็นขยายโครงการถึงเดือน เม.ย.
วันนี้ (26 ม.ค.) นายประพันธ์ มนทการติวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยความคืบหน้าโครงการยกระดับฝีมือแรงงาน เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกจ้างและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ ว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณโครงการดังกล่าวจำนวน 61 ล้านบาท ตามที่รัฐบาลอนุมัติไว้มาให้แก่ กพร.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายจัดอบรมลูกจ้างให้ได้ 1.5 หมื่นคนโดยแบ่งเป็น 750 รุ่นแยกเป็นรุ่นละ 20 คน โดยจัดอบรมเป็นเวลา 10 วัน และได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 120 บาทต่อวัน
อธิบดี กพร.กล่าวอีกว่า กพร.ได้รวบรวมรายชื่อผู้สมัครเข้าร่วมโครงการผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางแรก ประสานไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ให้รวบรวมรายชื่อลูกจ้างในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และช่องทางที่ 2 ตนได้สั่งการให้ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดต่างๆ และสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาครวบรวมรายชื่อลูกจ้างที่ลงทะเบียนร่วมโครงการ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เริ่มเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการและจะเปิดรับสมัครไปจนถึงกลางเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งในการจัดอบรมนั้น กพร.ได้ร่วมกับสมาคมวิชาชีพและสถานประกอบการต่างๆ จัดอบรมประมาณ 20 หลักสูตร เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม ช่างยนต์ โดยแต่ละหลักสูตรยังได้จัดอบรม 9 พฤติกรรมสู่ความสำเร็จในการทำงาน โดยอบรมอย่างน้อย 1 พฤติกรรม เช่น ความขยัน ความมีวินัย เพื่อปรับพฤติกรรมแรงงาน ทั้งแรงงานที่มีอยู่เดิมและแรงงานเข้าใหม่ ให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมกับการทำงานมากขึ้น
“เบื้องต้นมีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมในหลักสูตร เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ ช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักร ช่างควบคุมเครื่องจักรกลในโรงงาน รวมทั้งสิ้นประมาณ 2 พันคน ขณะนี้เริ่มดำเนินการอบรมไปแล้วโดยให้ผู้เข้าร่วมโครงการไปอบรมและฝึกปฏิบัติงานในสถานประกอบการเพื่อที่หลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรม ผู้เข้าอบรมจะได้ทำงานได้จริงและตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอแนะของสมาคมวิชาชีพและสถานประกอบการ ซึ่งมั่นใจว่าจะมีผู้เข้าอบรมได้ครบตามจำนวนที่ตั้งเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะสิ้นสุดโครงการในเดือนมีนาคมนี้ แต่หากจำเป็นจริงๆ ก็จะขยายโครงการไปจนถึงสิ้นเดือน เม.ย.โดยจะทำหนังสือชี้แจงสำนักงบประมาณในภายหลัง เนื่องจาก กพร.เพิ่งได้รับจัดสรรงบประมาณโครงการมา อีกทั้งการจัดอบรมจะต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ การเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือในการอบรม จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ” อธิบดี กพร.กล่าว
วันนี้ (26 ม.ค.) นายประพันธ์ มนทการติวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยความคืบหน้าโครงการยกระดับฝีมือแรงงาน เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกจ้างและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ ว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณโครงการดังกล่าวจำนวน 61 ล้านบาท ตามที่รัฐบาลอนุมัติไว้มาให้แก่ กพร.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายจัดอบรมลูกจ้างให้ได้ 1.5 หมื่นคนโดยแบ่งเป็น 750 รุ่นแยกเป็นรุ่นละ 20 คน โดยจัดอบรมเป็นเวลา 10 วัน และได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 120 บาทต่อวัน
อธิบดี กพร.กล่าวอีกว่า กพร.ได้รวบรวมรายชื่อผู้สมัครเข้าร่วมโครงการผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางแรก ประสานไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ให้รวบรวมรายชื่อลูกจ้างในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และช่องทางที่ 2 ตนได้สั่งการให้ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดต่างๆ และสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาครวบรวมรายชื่อลูกจ้างที่ลงทะเบียนร่วมโครงการ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เริ่มเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการและจะเปิดรับสมัครไปจนถึงกลางเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งในการจัดอบรมนั้น กพร.ได้ร่วมกับสมาคมวิชาชีพและสถานประกอบการต่างๆ จัดอบรมประมาณ 20 หลักสูตร เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม ช่างยนต์ โดยแต่ละหลักสูตรยังได้จัดอบรม 9 พฤติกรรมสู่ความสำเร็จในการทำงาน โดยอบรมอย่างน้อย 1 พฤติกรรม เช่น ความขยัน ความมีวินัย เพื่อปรับพฤติกรรมแรงงาน ทั้งแรงงานที่มีอยู่เดิมและแรงงานเข้าใหม่ ให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมกับการทำงานมากขึ้น
“เบื้องต้นมีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมในหลักสูตร เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ ช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักร ช่างควบคุมเครื่องจักรกลในโรงงาน รวมทั้งสิ้นประมาณ 2 พันคน ขณะนี้เริ่มดำเนินการอบรมไปแล้วโดยให้ผู้เข้าร่วมโครงการไปอบรมและฝึกปฏิบัติงานในสถานประกอบการเพื่อที่หลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรม ผู้เข้าอบรมจะได้ทำงานได้จริงและตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอแนะของสมาคมวิชาชีพและสถานประกอบการ ซึ่งมั่นใจว่าจะมีผู้เข้าอบรมได้ครบตามจำนวนที่ตั้งเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะสิ้นสุดโครงการในเดือนมีนาคมนี้ แต่หากจำเป็นจริงๆ ก็จะขยายโครงการไปจนถึงสิ้นเดือน เม.ย.โดยจะทำหนังสือชี้แจงสำนักงบประมาณในภายหลัง เนื่องจาก กพร.เพิ่งได้รับจัดสรรงบประมาณโครงการมา อีกทั้งการจัดอบรมจะต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ การเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือในการอบรม จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ” อธิบดี กพร.กล่าว