อบรมยกระดับฝีมือแรงงานชะงัก สำนักงบฯ วางเงื่อนไขเข้มเบิกจ่ายงบ 61 ล้าน กพร.ต่อรองขอเบิกงบเป็นงวดตามยอดผู้เข้าอบรม เร่งรวบรวมรายชื่อเสนอ เปิดรับสมัครถึงต้นปีหน้า คาดกลางเดือน ม.ค.ปีหน้าเริ่มอบรมได้
นายประพันธ์ มนทการติวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยความคืบหน้าโครงการยกระดับฝีมือแรงงาน เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกจ้างและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ ว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าวซึ่งได้รับอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาล 61 ล้านบาท และมีเป้าหมายจัดอบรมลูกจ้างให้ได้ 1.5 หมื่นคน โดยได้รับเบี้ยเลี้ยง 120 บาทต่อวัน ยังอยู่ระหว่างรอเงินจากสำนักงบประมาณ ซึ่งจากการหารือกับสำนักงบฯ ได้มีเงื่อนไขการเบิกจ่ายงบ โดยให้ กพร.รวบรวมรายชื่อ พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทั้งหมดเสนอไปให้แก่สำนักงบฯ พิจารณาก่อน จึงจะให้ กพร.เบิกจ่ายงบนำมาใช้จัดอบรมได้
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ทา พร.ได้เจรจากับสำนักงบฯ เพื่อขอให้ยืดหยุ่นในการเบิกจ่ายงบ โดยขอให้จ่ายเงินก้อนทั้ง 61 ล้านบาทมาให้ กพร.ก่อน และจะส่งรายชื่อผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เป็นกลุ่มย่อยๆ ไปให้เป็นระยะจนครบตามเป้าหมาย ซึ่งก็สามารถตรวจสอบภายหลังได้ เพราะการอบรมจะต้องให้ยื่นหลักฐานเป็นบัตรประชาชนด้วย แต่ทางสำนักงบฯ ยังยืนยันในเงื่อนไขเดิม
ดังนั้น กพร.จึงจะใช้วิธีรวบรวมรายชื่อผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางแรก ประสานไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ให้รวบรวมรายชื่อลูกจ้างในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และช่องทางที่ 2 ตนได้สั่งการให้ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดต่างๆ และสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาครวบรวมรายชื่อลูกจ้างที่ลงทะเบียนร่วมโครงการ ทั้งนี้ ขณะนี้ยังเปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการไปจนถึงต้นเดือน ม.ค. 2555 และจะทยอยส่งรายชื่อเป็นงวดๆ ไปให้แก่สำนักงบฯ และขอเบิกจ่ายงบเป็นงวดๆ ตามยอดของผู้เข้าร่วมโครงการแต่ละงวด
“โครงการจัดอบรมนี้จัดอบรมประมาณ 20 หลักสูตร เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม ช่างยนต์ โดยแต่ละหลักสูตรยังจัดอบรม 9 พฤติกรรมสู่ความสำเร็จในการทำงาน โดยอบรมอย่างน้อย 1 พฤติกรรม เช่น ความขยัน ความมีวินัย เพื่อปรับพฤติกรรมแรงงาน ทั้งแรงงานที่มีอยู่เดิมและแรงงานเข้าใหม่ ให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมกับการทำงานมากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มจัดอบรมได้ในช่วงกลางเดือน ม.ค. 2555 จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะจัดอบรมตั้งแต่ต้นปีหน้า เนื่องจากติดเทศกาลปีใหม่” อธิบดี กพร.กล่าว