ทองประกายแสด ตอนที่ 2
เมื่อทองดีเดินกลับเข้ามาในห้อง พิสุทธิ์ดึงทองดีเข้ามาในอ้อมกอด ทำท่าจะจูบ แล้วชะงัก ได้ยินเสียงเตี่ยไอค๊อกๆ แค๊กๆ ตลอดเวลา พิสุทธิ์เป็นห่วง
“นี่เตี่ยทองดีเป็นวัณโรคหรือเปล่า ไอน่ากลัวจังเลย” พิสุทธิ์ตั้งข้อสังเกต
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“แล้วทองดีกับแม่ไอบ้างหรือเปล่า”
“ไม่นี่ ทั้งบ้านมีเตี่ยเป็นคนเดียว”
พิสุทธิ์สบายใจขึ้นนิด
“น่าจะพาไปหาหมอนะ”
“จะพาไปหาหลายครั้งแล้ว แต่เตี่ยไม่ยอม กลัวเปลืองตังค์” ทองดีหัวเราะ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เตี่ยเป็นแบบนี้มาตั้งนานไม่เห็นเป็นไรเลย”
“เฮ้อ...ค่อยโล่งใจหน่อย งี้มาให้หอมให้ชื่นใจหน่อยเร๊ว”
พิสุทธิ์ดึงทองดีมากอดหอม จนทองดีเริ่มระทวยแต่ยังเขิน พิสุทธิ์จะถอดเสื้อทองดี
“มันยังหัวค่ำอยู่เลยนะ”
“แล้วจะรออะไรล่ะ”
พิสุทธิ์มองทองดีอย่างลุ่มหลง ค่อยโน้มตัวลงไปหา
วันต่อมา... แม่ผัดกับข้าวอยู่ ขณะที่ทองดีเก็บแก้วน้ำ ลูกค้าเรียกเก็บเงิน ทองดีวางแก้ว แล้วเดินไปที่โต๊ะ
“70 บาทพี่”
ลูกค้าส่งเงินให้ ทองดีหันไปมองแม่ เห็นแม่กำลังวุ่นวายอยู่ ทองดีเดินไปที่เก๊ะใส่เงิน เปิดออกมา หยิบเงินทอน แล้วชะงัก มองเงินในเก๊ะอย่างลังเล ทองดีแอบมองดูแม่ แล้วตัดสินใจหยิบเงินในลิ้นชักเกินจำนวน
“อีทองดี มึงจะทำอะไรน่ะ”
ทองดีสะดุ้งสุดตัว หันไปมองเห็นแม่กำลังยืนจ้องอยู่
“ฉันจะเอาตังค์ไปทอนลูกค้า กำลังคิดอยู่ว่าต้องทอนเท่าไหร่”
“เท่าไหร่ ไหน...70 ให้แบ๊งค์ร้อยก็ทอน 30 คิดนานนักนะมึง”
แม่หยิบเงินทอนส่งให้ทองดี แล้วปิดกุญแจลิ้นชักอย่างแน่นหนา ทองดีโวย
“อ้าว...แล้ว ฉันจะเก็บเงินทอนเงินยังไงล่ะแม่”
“เตี่ยมึงเขาสั่งให้กูดูแทน มึงจะเก็บเงินทอนเงินก็เรียกกูแล้วกัน เดี๋ยวกูเปิดให้เอง”
“เออ...งั้นก็บอกซะเลย น้ำตาลกับนมข้นหวานหมด”
แม่ไขกุญแจล้วงเงินขึ้นมาส่งให้ทองดี
“แค่นี้จะไปพอหรือแม่”
“มึงก็ซื้อแค่พอใช้สิ ไม่ต้องซื้อมาตุน เอาไปแค่นั้นแหละ”
แม่ล็อคกุญแจลิ้นชักอย่างแน่นหนา แล้วเดินไป ทองดีมองตามแม่ไปอย่างแค้นๆ
ทองดีเดินไปซื้อของที่ร้านในตลาด
“เอานมข้นหวาน 6 กระป๋อง น้ำตาลทราย 2 กิโล”
แม่ค้าเดินไปหยิบของส่งให้ ทองดียื่นเงินให้ แม่ค้าหยิบเหรียญมาทอนให้ 3 เหรียญ ทองดีมองเงินทอนในมือแล้วมองหน้าแม่ค้า
“อะไรกัน...เหลือทอนแค่นี้เอง”
“ก็ของมันแพง จะซื้อหรือไม่ซื้อล่ะ”
แม่ค้าไม่สนใจ เดินไปขายของให้คนอื่นต่อ ทองดีมองแม่ค้าอย่างอารมณ์เสีย
“แม่นะแม่ จะให้เงินเกินหน่อยก็ไม่ได้ ไม่เคยคิดจะให้ฉันไว้กินขนมบ้างเลย ใจดำ..เค็มจริงๆ”
ทองดีเดินออกจากร้านอย่างอารมณ์เสีย
ในร้าน...แม่ผัดของขายยุ่งๆ ทองดีหน้าหงิก เดินถือของเข้ามาในร้าน แม่มองทองดีอย่างจับสังเกต
“อีทองดี แหม...ทำไมไปนานนัก แค่ตลาดแค่นี้”
“ทำไมจะไม่นาน ก็แม่ให้เงินไปแค่ค่าซื้อของ ไม่มีค่ารถ ฉันก็ต้องเดินกลับสิ จะให้เหาะมาหรือไง”
ทองดีทิ้งของลงบนโต๊ะอย่างแรง
“ไหนล่ะเงินทอน”
“จะเอาที่ไหนมาทอน ของมันขึ้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” ทองดีหยุดพูดมองหน้าแม่ ตัดสินใจถาม “แม่เมื่อไหร่แม่จะให้ค่าแรงฉันบ้าง ฉันทำงานให้แม่ทุกวัน เช้าจดเย็น ไม่เคยได้เงินซักบาท”
“อีนี่...แล้วที่กูเลี้ยงดูอุ้มชูมึงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยนี่ มึงไม่ได้นึกบ้างหรือ อีลูกเนรคุณ เดี๋ยวกูเขวี้ยงด้วยเกือก”
“แม่ก๊อ...ฉันก็อยากได้เสื้อสวยๆ กิ๊บสวยๆไว้ติดผมมั่งนี่นาแม่”
“อีทองดี มึงจะไปแต่งสวยแต่งงามอวดใคร ไอ้เงินทองนี่ถ้ากูกับเตี่ยมึงตาย มันจะไปไหน ก็เป็นของมึงทั้งนั้นแหละ”
“โอ้ย..แล้วเมื่อไหร่จะตายล่ะ...หนังเหนียวซะขนาดนี้”
แม่คว้าของใกล้มือทำท่าจะขว้างใส่ ทองดีรีบหลบ
“อีทองดี อีปากเสีย”
ค่ำคืนนั้น...ทองดีนอนหลับตาอยู่ พิสุทธิ์นอนมองหน้ามีความสุข เสียงเตี่ยไอดังลอยมา พิสุทธิ์ถอนใจ
“เตี่ยทองดีไอทั้งคืน อาการไม่ดีเลยนะ”
ทองดีเงี่ยหูฟัง
“...นี่เงียบแล้ว สงสัยจะหลับแล้วมั๊ง”
ทองดีจะหลับต่อ
“กรี๊ด...เฮีย....”
พิสุทธิ์กับทองดีตกใจลุกขึ้นนั่ง หันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เสียงแม่ตบประตูอย่างร้อนรน
“อีทองดี..อีทองดี...ออกมาเร็วเข้า เตี่ยมึงเป็นอะไรไม่รู้”
ทองดีกับพิสุทธิ์วุ่นวายทันที พิสุทธิ์รีบเปิดตู้เข้าหลบทันที ทองดีค่อยเปิดประตูรับแม่
“แม่เป็นอะไร ตกใจหมดเลย”
แม่ร้องไห้ด้วย
“...เตี่ยมึง ไปดูเตี่ยมึงก่อนเร็ว...”
ทองดีคว้ามือแม่ออกจากห้องไป ไม่ลืมปิดประตูห้องอย่างเรียบร้อย
เตี่ยนอนอยู่บนเตียง ในมือกำผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด เสื้อผ้าเปรอะเลือดเต็มไปหมด ทองดีกับแม่วิ่งเข้ามา ทองดีเห็นสภาพเตี่ยทองดีตะลึง
“เตี่ย ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ไปหาหมอนะ”
เตี่ยโบกมือ ไม่ยอมไป
“งั้นก็ต้องพาหมอมา แม่ดูเตี่ยไว้นะ ฉันจะไปตามหมอ”
แม่งกๆเงิ่นๆ ทำตามที่ทองดีสั่งอย่างว่าง่าย หันไปประคองเตี่ย แล้วนั่งร้องไห้ ทองดีรีบวิ่งออกไปนอกห้องทันที
ทองดีวิ่งเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พิสุทธิ์ถามร้อนใจ
“เป็นไงบ้าง”
“เตี่ยท่าทางไม่ดี ฉันต้องไปตามหมอ”
พิสุทธิ์ตกใจ
“แล้วทองดีจะไปยังไงล่ะดึกป่านนี้”
“ฉันไปได้ คุณรออยู่ในห้องนี่แหละ ฉันไปตามหมอเดี๋ยวเดียว”
ทองดีไม่ฟังเสียงวิ่งออกไปจากบ้านทันที พิสุทธิ์มองตามอย่างหวาดๆ
ทองดีวิ่ง ตรงเข้าไปทุบประตูบ้านกวง
“ไอ้กวง ...ไอ้กวง ... ช่วยฉันหน่อยได้มั๊ย”
กวงโผล่หน้าออกมา
“... ช่วยฉันหน่อย”
“ทองดี.....มีอะไร”
“ช่วยพาฉันไปหาหมอในตลาดที่ เตี่ยไม่สบายหนัก ไอเป็นเลือด เร็วเข้า”
กวงรีบไปขับมอเตอร์ไซด์ออกมา ทองดีซ้อนท้าย กวงขับรถมอเตอร์ไซด์อย่างเร็ว ผ่านถนนเปลี่ยว จนเข้าเขตตลาตกลางคืน จนมาจอดที่หน้าร้านหมอ ทองดีโดดลงจากรถไปทุบประตูทันที
“เปิดประตูหน่อย...หมออยู่มั๊ย...หมอ...”
ทองดีถอยหลังออกมามองชั้น 2 เห็นไปเปิดสว่างขึ้น ทองดีรีบวิ่งไปเคาะประตูซ้ำอีก
“เปิดหน่อยหมอ พ่อฉันป่วยหนัก ช่วยด้วย”
ประตูหน้าร้านเปิดออก หมอค่อยๆเยี่ยมหน้าออกมา
“ช่วยหน่อยจ๊ะ พ่อฉันป่วยหนัก ไอเป็นเลือด”
หมอเห็นทองดีสีหน้าร้อนรน
“มากันยังไงล่ะ มีรถมาหรือเปล่า หมอไม่มีรถนะ”
“มีมาสิ นี่ไง”
“ซ้อนสามจะไหวหรือ”
หมอมองหน้าทองดีอย่าไม่แน่ใจ พอเห็นทองดีสีหน้าร้อนใจ หมอพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
“งั้นรอก่อน หมอหยิบกระเป๋าแป๊บนึงนะ”
หมอผลุบหายไปในร้าน ทองดีหันไปยิ้มให้กวงอย่างดีใจ
พิสุทธิ์กอดเข่ารอทองดีอยู่ในห้องอย่างเบื่อๆหน่าย พอได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์กวงมาพิสุทธิ์รีบวิ่งไปชะโงกหน้าต่างดู พิสุทธิ์เห็นรถกวงวิ่งเข้ามาจอด พิสุทธิ์จะวิ่งออกไปแล้วชะงักเห็น ตัดสินใจนั่งรอในห้องต่อไป
ทองดีลากมือหมอเข้ามาในห้องอย่างเร่งร้อน เห็นแม่นั่งร้องไห้ข้างเตียงแบบทำอะไรไม่ถูก ส่วนเตี่ยนอนหลับตาหายใจระรวย ใกล้จะขาดใจ
“แม่ฉันพาหมอมาแล้ว เตี่ยเป็นไงบ้าง”
“หมอช่วย เฮียด้วย ไอเป็นเลือดจนแทบจะหมดตัวแล้ว”
หมอรีบเข้าไปตรวจ ทองดียืนประคองแม่ไว้ แม่ร้องไห้ตลอดเวลา สักครู่หมอปิดกระเป๋าเครื่องเดินออกมาหน้าเครียด
“หมอ...เฮียไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย...”
ทองดีมองหน้าหมอแล้วโผเข้าไปหา
“...ทำไมหมอไม่รักษาเตี่ยฉัน....เตี่ยฉันเป็นอะไร ...เตี่ยฉันเป็นอะไร”
“อาการคนไข้ รุนแรงจนเกินจะรักษาแล้ว ทำใจนะ คงไม่พ้นคืนนี้หรอก”
แม่ กับทองดีพูดพร้อมกัน
“อะไรนะ”
แม่ร้องไห้โฮ....เตี่ยกระอักเลือดอีกครั้งแล้วแน่นิ่ง แม่โผเข้าไปกอดเตี่ยแล้วร้องไห้ ทองดียืนตะลึงมองเตี่ยนิ่ง อ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าเตี่ยจะตาย
ทองดีเดินลงมาส่งหมอ กวงที่ยืนรอพอเห็นทองดีก็รีบลุกขึ้นไปหาทันที ทองดีพูดกับหมอ
“หมอคิดค่ารักษาเท่าไหร่”
“ไม่ต้องหรอก หมอไม่ได้ทำอะไร”
ทองดีงง ยกมือไหว้หมอแล้วปาดน้ำตา
“เป็นไงบ้าง” กวงถาม
“เตี่ยตายแล้ว” ทองดีเริ่มร้องเหมือนเด็ก “ช่วยไปส่งหมอทีนะ”
กวงซึมเห็นใจ สงสารทองดี พยักหน้ารับ ทองดีหันตัวเดินกลับเข้าบ้านไป กวงกับหมอขึ้นรถมอเตอร์ไซค์
ทองดีเดินเศร้าๆเข้ามาในบ้าน พิสุทธิ์เห็นอาการก็รู้ ทองดีเข้ามากอดพิสุทธิ์
“เตี่ยตายแล้ว”
ทองดีกอดพิสุทธิ์แน่น
ทองดีร้องซักแป๊บนึกได้ หยุดยืนนิ่งเหมือนรวบรวมพลังใจ แล้วเดินขึ้นไปหาแม่
ทองดีเดินเข้ามาในห้อง เห็นแม่กอดศพเตี่ยคร่ำครวญ ทองดียื่นนิ่งอยู่พักนึงก็เดินเข้ามาจับตัวแม่
“แม่อย่าร้องเลย เตี่ยไปสบายแล้ว”
ทองดีพยายามไม่ร้อง ใจแข็ง แม่ตวาด
“เพราะมึงนั่นแหละอีทองดี..เพราะมึงคนเดียว”
ทองดีผงะ มองแม่แบบงงๆตกใจ
“มึงแช่งเตี่ยมึงให้ตาย อีลูกเวร แล้วมึงยังพาหมอมาช้าอีก มาเอาตอนเตี่ย มึงใกล้ตาย นี่เตี่ยตายสมใจมึงแล้วนี่อีลูกทรพี...”
แม่ร้องไห้แล้วหันไปกอดเตี่ย คร่ำครวญ
“ทีนี้ฉันจะอยู่กับใครล่ะ เฮียหนีฉันไปแล้ว โธ๋เฮ๊ย.....”
ทองดีมองแม่อึ้ง เสียใจกับคำพูดของแม่ แต่แล้วทำใจให้อภัย
“แม่เลิกร้องเหอะ...เรามาช่วยกันจัดงานให้เตี่ยดีกว่า”
แม่ยิ่งร้องไห้คร่ำครวญหนักขึ้น
ที่ศาลาตั้งศพ...ศพเตี่ยตั้งอยู่ แม่นั่งร้องไห้หน้าศพ ทองดีนั่งจุดธูปส่งให้ชาวบ้านที่มาช่วยงาน
พระสวดในงาน ทองดี กับแม่ ถวายดอกไม้ให้พระ จนเสร็จพระเดินออกจากศาลาไป ทองดียืนอยู่ข้างแม่ขอบใจชาวบ้านที่มาช่วยงาน
ชาวบ้านเดินออกมา ตรงมาที่ทองดีแล้วส่งซองให้
“เออ..ทองดีเอ๊ย..นี่พวกน้ารวมๆเงินมาช่วยทำบุญให้เตี่ยเอ็ง”
“ขอบใจน้าจ๊ะ”
ทองดีจะยื่นมือไปหยิบ แต่แม่คว้าไปใส่อกเสื้อไว้ก่อน ทองดีอึ้ง
“ขอบใจมาก น่าสงสารเฮีย..คนดีๆไปเร็วอย่างนี้แหละ”
แม่ร้องไห้คร่ำครวญใหญ่โต ชาวบ้านก็ปลอบกันไป ทองดีมองแม่อย่างเบื่อๆ สายตาทองดี มองไปรอบๆ เห็นพิสุทธิ์นั่งมองงานศพอย่างเบื่อๆ
หลังจากเผาศพเตี่ยแล้ว แม่นำรูปเตี่ยกลับมาไว้บนหิ้ง มองน้ำตาซึม ทองดียกถาดข้าวมาวางไว้ด้านข้าง แล้วถอนหายใจ
“แม่กินข้าวซะก่อนเหอะ...ประเดี๋ยวเป็นลมตายตามเตี่ยไปไม่รู้ด้วยนะ”
“...มึงไม่ต้องมาแช่งกู เออ...กูไม่อยากอยู่กับมึงนักหรอก...”
“ฉันไม่ได้แช่ง แต่หวังดีนะแม่ แม่ไม่กินไม่นอน เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ เดี๋ยวก็ตายจริงๆหรอก”
“เฮีย...ดูอีทองดีมันแช่งฉัน...เฮียมาหักคอมันเลย...อีลูกชั่ว...”
แม่นั่งร้องไห้อีก ทองดีส่ายหน้าไม่อยากเถียงด้วย เดินออกจากห้องไป
“โธ่...เฮีย...ทำไมเฮียต้องทิ้งฉันไปด้วย....” แม่ยังคงคร่ำครวญ
พิสุทธิ์นั่งกอดเข่าอยู่ในห้อง ทองดีเดินเข้ามาทรุดตัวนั่งอย่างอ่อนแรง พิสุทธิ์รีบเข้าไปกระแซะ
“แม่หลับแล้วหรือทองดี”
ทองดีส่ายหน้า
“ยังหรอก เอาแต่นั่งร้องไห้...จะตายตามเตี่ยไปให้ได้...เฮ้อ...ฉันเหนื่อยแทบขาดใจ”
“เหนื่อยหรือ นวดให้เอามั๊ย”
พิสุทธิ์นวดไหล่ให้ทองดีแบบเอาใจ ซักพักชักนวดผิดที่ ทองดีจักกะจี๋
“ไม่เอาน่ายิ่งบ้าจี้อยู่ด้วย...อย่า...ไม่เล่น ฉันบอกให้หยุดไง มันใช่เวลาไม๊”
“ ก็ผมไม่อยากให้คุณเศร้านี่”
“พอเลย นอนไปเลยนะ”
“ได้ ทองดีอย่าอารมย์เสียเลยนะ ผมขอโทษ”
ทองดีมองพิสุทธิ์หัวเราะอย่างอย่างขำๆ แม่เดินออกจากห้องนอนของตัวเอง ผ่านไปหน้าห้องนอนของทองดีแล้วชะงัก เดินย้อนกลับไปเอาหูแนบประตู ได้ยินเสียงของทองดีกับพิสุทธิ์แว่วออกมา แม่ตะลึงหันไปตบประตูอย่างแรง
“อีทองดี มึงเปิดประตูออกมาเดี๋ยวนี้เลย”
ทองดีกับพิสุทธิ์สะดุ้งผละออกจากกันทันที
“อีทองดี กูบอกให้มึงเปิดประตูเดี๋ยวนี้ไง...เปิดสิ...”
พิสุทธิ์ตกใจทำอะไรไม่ถูก ทองดีได้สติก่อนลากแขนพิสุทธิ์ไปซ่อนที่หลังประตู แล้วทำเนียนเดินไปเปิดประตูห้อง แต่ยืนขวางไว้
“แม่เรียกทำไมอีกล่ะ คนจะหลับจะนอน เหนื่อยแทบตาย”
แม่พรวดเข้ามาในห้องทันที ทองดีห้ามไม่ทัน แม่เห็นรองเท้ากางเกง ผ้าเช็ดตัวพิสุทธิ์เกลื่อนเต็มห้อง แม่หยิบขึ้นมาชูไว้
“นี่อะไรของใคร...มึงเอาผู้ชายมาซ่อนไว้ในบ้านใช่มั๊ยอีกทองดี”
“เปล๊า...นี่ของฉันเอง”
ทองดีรีบก้มลงคว้าข้าวของเอาเท้าเขี่ยหลบไปอีกทาง แม่ไม่ยอมเชื่อ เปิดประตูตู้เห็นกีต้าร์ของพิสุทธิ์ซุกไว้ แม่ลากออกมาจากตู้โยนไปตรงหน้าทองดี แล้วลากหูทองดีออกมาจากประตู ทองดีร้องโวยวาย
ประตูดีดกลับ พิสุทธิ์ยืนหน้าซีดอยู่หลังประตู ทุกคนตะลึง
“อีทองดี...อีลูกสารเลว มึงเอาผู้ชายมาแอบไว้ในบ้านจริงๆ”
แม่ทั้งตบทั้งตี ทองดีปัดป้องแม่ก็ตีไม่เลี้ยง จนทองดีทนไม่ไหว้สะบัดอย่างแรง แม่เซไปหอบหายใจแรง
“ฉันโตแล้วนะแม่ แล้วอยากมีผัวมันผิดตรงไหน มาทุบตีกันเหมือนฉันเป็นวัวเป็นควายอยู่ได้”
แม่หอบ
“อีทองดี...อีลูกทรพี...มึงกล้าเอาผู้ชายเข้ามาเลี้ยงในบ้าน นี่บ้านกู มึงไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลย ไสหัวไปให้พ้นหน้ากูทั้งสองคน ไม่อย่างนั้นกูจะเรียกตำรวจ”
ทองดีพยายามปลอบ
“...แม่นี่คุณพิสุทธิ์นะ อีกหน่อย เค้าก็จะเอาพ่อแม่มาขอฉันแล้ว”
“อีลูกโง่...ใครเขาจะเอาคนโง่เง่าเต่าตุ่นเหมือนมึง อนาคตคงไม่พ้นเป็นอีตัวราคาถูก ไสหัวมึงออกไปจากบ้านกูทั้งสองคนนั่นแหละ ไป”
ทองดีมองอย่างเจ็บปวด
“ทำไมแม่ว่าฉันแบบนี้”
“มึงก็เหมือนแม่มึงนั่นแหละ สำส่อนใจง่าย เอาผู้ชายมากกในบ้านเหมือนกันไม่มีผิด”
“แม่หยุดด่าเดี๋ยวนี้เลยนะ” ทองดีเริ่มโมโห จนหอบ
“กูไม่หยุด กูเลี้ยงมึงมาทำไมจะด่าไม่ได้”
ทองดีชะงัก แต่เชิดหน้า
“งั้นฉันไปก็ได้...แต่แม่ต้องให้เงินฉัน”
“กูไม่มี”
“โกหก”
“กูไม่ให้”
“ไม่ให้แล้วฉันจะไปยังไงล่ะแม่...ให้ฉันเถอะนะ ฉันทำงานให้แม่งกๆมาตั้งแต่เล็กจนโต ใจคอแม่จะไม่ให้เงินฉันบ้างเลยหรือ”
“ฝันไปเถอะ...อีทองดี แล้วที่กูเลี้ยงมึงมาจนวันนี้ กูเสียเงินทองไปเท่าไหร่ เลี้ยงจนมึงเนรคุณกูนี่ไง ไสหัวไปให้พ้น”
ทองดีมองแม่อย่างเสียใจ
“แม่ไม่ให้ฉันใช่มั๊ย งั้นฉันหยิบเอง ให้มันรู้กันไปว่าจะไม่ได้”
ทองดีไม่ฟังเสียงเดินออกจากห้องไปทันที แม่รีบวิ่งตามไป พิสุทธิ์นั่งลงอย่างหมดแรง และเริ่มกลัว
ทองดีวิ่งตรงไปที่ลิ้นชักทองดีค้นหากุญแจ แม่ไม่ยอม วิ่งไปดึงเอวทองดีไว้
“เอากุญแจไว้ไหน ไขให้ฉันซะดีๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะทุบให้แหลก”
“กูไม่ให้ ของกู มึงอย่าหวังจะได้ซักสลึงนึงเลย”
“ไม่ให้ใช่มั๊ย”
ทองดีหันไปคว้ามีดอีโต้วิ่งออกจากครัวมา เงื้อมือฟันโต๊ะอย่างแรง แม่โวยวาย วิ่งเข้ามาดึงแขนทอไว้ ปากก็ตะโกนร้องให้คนช่วย
“ทองดี อย่า” พิสุทธิ์เข้ามาห้าม
“ช่วยด้วยเจ้าข้า...อีทองดีมันเป็นบ้าไปแล้ว มันจะขโมยเงินฉัน ช่วยด้วย”
ทองดีเงื้อมือจะฟันอีก แม่ดึงแขนทองดีไว้ ทองดีสะบัดเต็มแรง แม่กระเด็นไปติดผนังร้องกรี๊ดดังลั่นแล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งช้าๆ ผนังมีรอยเลือดเต็มไปหมด
ทองดีหันหน้ามามองแม่อย่างตะลึงงัน
อ่านต่อหน้า 2
ทองประกายแสด ตอนที่ 2 (ต่อ)
ร่างของแม่นอนนิ่งไม่ไหวติง ทองดียืนนิ่งดูเนื้อตัวสั่น พิสุทธิ์รีบวิ่งมายืนดูด้วยสีหน้าตกตะลึง
“คุณพิสุทธิ์ ทองดีไม่ได้ทำนะ ทองดีเปล่า” ทองดีร้องครวญ ด้วยความตกใจ
พิสุทธิ์ค่อยๆ คุกเข่าลงช้าๆ กลัวๆกล้า ตรวจลมหายใจพบว่าแม่ยังหายใจอยู่
“แม่ยังไม่ตาย เรารีบพาไปส่งโรงพยาบาลเถอะ”
พิสุทธิ์จะเข้าไปอุ้มแต่ทองดีดึงแขนไว้
“อย่านะ”
“ทำไมล่ะ”
“ถ้าแม่ฟื้นขึ้นมาคงเอาเรื่องฉันกับคุณแน่ คุณอยากติดคุกหรือไง”
พิสุทธิ์ลุกถอยห่างจากร่างแม่ทันที
“แล้วเราจะทำไงดี”
“เราต้องหนี”
“แล้วเราจะไปที่ไหน”
“กรุงเทพฯ ฉันอยากไปกรุงเทพฯ คุณไปกับฉันนะเงิน เราต้องมีเงิน...กุญแจ...กุญแจ...”
พิสุทธิ์นิ่งอึ้งชะงักไป ทองดีรีบไปค้นตัวแม่จนได้กุญแจลิ้นชักมา แล้วรีบวิ่งไปไขโต๊ะหยิบเงินออกมา ทองดีมองเงิน 2-3 หมื่นในมือตาลุกวาว พิสุทธิ์รีบวิ่งมาที่ทองดี
“ทองดี อย่าขโมยเลย”
ทองดีหงุดหงิดตวาด
“ขโมยที่ไหน นี่มันค่าแรงของฉันต่างหาก เงินของฉัน ค่าแรงของฉัน”
พิสุทธิ์จ๋อยๆ ทองดีรีบบอก
“รีบไปเถอะก่อนแม่ฟื้น”
ทองดีม้วนเงินเป็นก้อนเอายางรัดอย่างแน่นหนา แล้วซุกไว้ในกางเกง มองกลับไปเห็นแม่ที่นอนอยู่ ทองดีมองเสียใจแล้วรีบตัดใจ กระชากพิสุทธิ์ออกไป
พิสุทธิ์กับทองดีถือถุงผ้า กึ่งวิ่ง กึ่งเดินไปตามทางเปลี่ยว กวงกับเพื่อน ขี่รถสวนมาพอดี กวงจอดรถรีบหันไปตะโกนเรียกทองดี
“ทองดี”
ทองดีกับพิสุทธิ์สะดุ้ง กวงมองทั้งคู่อย่างสงสัย เลยลงจากรถมาหา
“จะไปไหนกัน หรือจะหนีตามไอ้หน้าจืดนี่”
พิสุทธิ์ไม่พอใจ
“จะไปไหนมันก็เรื่องของคนเป็นแฟนกัน คนอื่นไม่เกี่ยว
“กูถามทองดี มึงไม่ต้องเสือก...ว่าไงทองดี ตกลงจะหนีไปกับไอ้นี่ใช่ไหม ดี พี่จะไปฟ้องเจ๊”
กวงจะหันเดินไปที่รถ พิสุทธิ์ตกใจรีบวางของแล้วดึงไหล่กวงหันมา
“กูบอกแล้วไงว่าอย่ายุ่ง”
“กูจะยุ่งกูจะไม่ให้ทองดีไปไหนทั้งนั้น”
กวงผลักพิสุทธิ์ออก แล้วจะชกกับพิสุทธิ์ เพื่อนกวงรีบลงจากรถมายืนขนาบพร้อมลุย แต่ทองดีมาขวางไว้
“หยุดนะไอ้กวง ฉันกับคุณพิสุทธิ์จะไปกรุงเทพฯ เอ่อ...สองสามวัน ฉันไปขอแม่แล้ว แม่ก็ให้”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ ฉันจะโกหกทำไม”
“งั้นพี่จะไปถามเจ๊”
ทองดีตวาด
“ไอ้กวง เลิกยุ่งกับกูซะทีได้ไหม กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู มันไปหนักหัวมึงหรือไง กูรำคาญมึงเต็มทนแล้ว มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป”
ทองดีไม่ฟังเสียงลากแขนพิสุทธิ์ออกเดินต่อ กวงขยับจะขวาง เพื่อนดึงไว้
“เฮ๊ย...ไอ้กวง กูว่ามึงอย่าไปยุ่งดีกว่า ถ้าอีทองดีมันออกมาแบบนี้แสดงว่า แม่มันยังเอาไม่อยู่ แล้วมึงจะไปทำไรได้ ตัดใจซะเถอะวะ”
กวงมองตามทั้งคู่ที่เดินไปด้วยสีหน้าเครียดๆ
ผู้โดยสารคนสุดท้ายขึ้นรถตู้ ประตูรถปิดลง รถเคลื่อนตัวออกไป ในรถ...พิสุทธิ์นั่งหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าครุ่นคิดตลอดเวลา
“ทองดีคิดไว้หรือยัง ว่าเราจะไปทำอะไรที่กรุงเทพฯ”พิสุทธิ์กันมาถามเบาๆ
“ทองดีจะหาทางเป็นดารา”
“มันไม่ง่ายนะ”
“รู้ แต่ทองดีจะต้องทำให้ได้”
“แล้วผมล่ะจะทำอะไรดี”
ทองดีงง
“อ้าว...ก็คุณมีความรู้คุณก็หางานทำสิ”
“แต่ผมยังเรียนไม่จบ”
“ไม่รู้ล่ะ คุณต้องหางานทำ คุณต้องเลี้ยงดูทองดีนะ”
พิสุทธิ์ถอนใจ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเครยดๆ
รถวิ่งมาตามถนน ด้านหน้ามีด่านตำรวจข้างทาง ทองดีกับพิสุทธิ์ หันมองหน้ากันเหรอหรากระสับกระส่าย
“ทำไงดีล่ะทองดี ตำรวจจะตั้งด่านจับเราหรือเปล่า”
ทองดีกระซิบ
“จะโวยวายไปทำไม ยังไม่มีใครรู้เรื่องหรอก นิ่งๆไว้แล้วกัน”
ตำรวจเปิดประตูรถแล้วฉายไฟขึ้นมาในรถ
“ขอโทษนะครับ จะไปไหนกันครับ”
ทองดียิ้ม
“ไปเที่ยวกรุงเทพฯจ๊ะพี่ ไปกับแฟน”
ทองดีดึงแขนพิสุทธ์มากอดไว้ ตำรวจยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วหันไปถามคนอื่น”
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะครับ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพทุกคนนะครับ”
ตำรวจปิดประตูรถให้ แล้วโบกมือให้รถผ่านไปได้ พิสุทธ์กับทองดีถอนหายใจอย่างโล่งอก
เช้ามืดวันใหม่...รถตู้มาจอดที่คิวอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คนทยอยลงจากรถ ทองดีกับพิสุทธิ์ลงมายืนมองรอบๆตัวอย่างตื่นๆ เห็นผู้คนเดินผ่านไปมากันขวักไขว่
“นี่น่ะเหรอกรุงเทพฯ”
พิสุทธ์หงุดหงิด
“มาคิดดีกว่าว่าจะทำไงต่อ”
“หาที่พักสิ”
“แล้วจะไปพักที่ไหนล่ะ”
“ไม่รู้สิ”
“คงต้องพักโรงแรมแล้วล่ะ”
ทองดีตกใจ
“โรงแรมเลยเหรอ แล้วแพงไหม ฉันเคยรู้มาว่านอนโรงแรมต้องใช้เงินเยอะ”
“ผมก็ไม่รู้ แต่ถูกๆก็น่าจะมีนะ”
ทองดีคิดนิดนึงแล้วพยักหน้ารับ
“งั้นคุณก็พาไปสิ”
พิสุทธิ์คิดเอาไงดี นึกได้ลงไปฟุตบาทโบกมือเรียกแท๊กซี่ แล้วโผล่หน้าไปถาม
“พี่รู้จักโรงแรมถูกๆบ้างไหมครับ”
แท๊กซี่พยักหน้ารับแล้วทั้งคู่ก็ขึ้นรถ แท๊กซี่ขับรถออกไปแล้วแซว
“แต่เช้าเลยนะน้อง ไปหิ้วมาจากไหนล่ะ สวยดี”
“พี่นี่เมียผม”
พิสุทธิ์ฉุน แท๊กซี่หัวเราะ
“อ้าว โทษที เข้าใจผิด”
ทองดีมองงงก่อนจะฉุนอยากด่า พิสุทธิ์ห้ามทันไม่อยากมีเรื่อง
“งั้นพี่ส่งตรงที่มีโรงแรมเยอะๆ แล้วน้องไปเดินหากันเอาเองแล้วกันนะ”
แท็กซี่บอกแล้วขับไปถึงบริเวณที่บอก พิสุทธิ์ กับทองดีลงจากรถแท็กซี่ริมถนน รถราขวักไขว่มากมาย ผู้คนเดินไปเดินมาวุ่นวาย พิสุทธิ์ชี้ไป
“ลองไปดูโรงแรมนั้นไหม”
“เอาสิ สวยดีเน๊อะ”
พิสุทธิ์หิ้วถุงของเดินนำไป ทองดีเดินตาม
ด้านหน้าโรงแรม สามดาวแห่งหนึ่ง...ทองดีกับพิสุทธิ์เดินเข้าไป แล้วมองรอบๆโรงแรมแล้วยิ้มพอใจ ทองดีนั้นชอบเพราะไม่เคยนอนโรงแรม คิดว่าแค่นี้ก็หรูแล้ว
“ทองดีว่าไง ชอบไหม”พิสุทธิ์หันมาถาม
ทองดียิ้ม
“ชอบสิ สวยจังเลย สวยกว่าบ้านทองดีอีก”
พิสุทธิ์พทองดีเดินไปที่เคาน์เตอร์
“พี่ครับที่นี่ห้องคืนละเท่าไหร่ครับ”
“ต่ำสุดก็คืนละ 800 บาทค่ะ” พนักงานบอก
“ห๊า...800”
ทองดีชะงัก รีบลากแขนพิสุทธิ์ออกมาทันที พอพ้นหน้าโรงแรมพิสุทธิ์ก็หยุดถาม
“เอาไงล่ะทองดี ตั้ง 800 แหน่ะ”
ทองดีคิดหนัก
“ไม่ไหวหรอก บ้าไปแล้ว นอนคืนล่ะแปดร้อย ปีนึงเตี่ยกับแม่ ให้ใช้ยังไม่ถึง 800 เลย”
พิสุทธิ์เซ็ง เหนื่อย และง่วง
“งั้นเราไปดูโรงแรมอื่นก็แล้วกัน”
พิสุทธิ์ยกกระเป๋าทั้งหมด พร้อมทั้งกีตาร์แล้วเดินไปกับทองดี
ทั้งสองคนเดินไปหาโรงแรมแถวสะพานควาย แล้วยืนมองภาพด้านหน้าโรงแรมด้วยสีหน้าละเหี่ยใจ แต่มีป้ายคืนละ 300 [km
“จะไหวเหรอ ผมว่ามันดูโทรมมากเลยนะ”
“ก็ยังดีกว่าโรงแรมสวยๆพวกนั้นน่ะ แต่ 300 ก็ยังแพงไป”
“แต่ที่นี่ก็ถูกที่สุดเท่าที่เราเดินหาแล้วนะ ทองดีจะไปเดินหาอีกเหรอ”
ทองดีส่ายหน้า
“แต่คุณน่าจะลองต่อราคา”
“ผมไม่กล้าหรอก กลัวเขาด่า”
ทองดีหงุดหงิด
“ถ้าไม่กล้าเดี๋ยวฉันต่อเอง”
ทองดีลากพิสุทธิ์เดินเข้าไป พิสุทธิ์ยอมตามไปอย่างไม่เต็มใจ
ด้านในโรงแรม ทองดีกับพิสุทธิ์เดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์ วีระชัยกำลังหันหลังตรวจงานพวกใบลงทะเบียนเข้าพักของแขกอยู่
“พี่ ค่าห้องคืนเท่าไหร่”
วีระชัยค่อยๆหันมา พอเห็นหน้าทองดีก็ตะลึงไป เพราะหล่อมาก เธอยิ้มหวานให้
“คือฉันเห็นป้าย 300 แต่มันแพงจัง ลดให้หน่อยได้ไหม”
พิสุทธิ์กระซิบ
“ทองดี อย่าไปต่อเขาเลย”
วีระชัยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“พักนานไหมครับ ถ้าพักเกินเจ็ดวันคิดวันละสองร้อย”
ทองดียิ้มดีใจ
“เกินสิ ตกลงพี่ให้ฉันสองร้อยนะ”
วีระชัยพยักหน้ารับแล้วมองจ้องทองดีตาไม่กระพริบ
“กุญแจล่ะ”
วีระชัยสะดุ้งได้สติ
“อ๋อ...ยังให้ไม่ได้ต้องลงทะเบียนก่อน ขอบัตรประชาชนด้วยครับ”
ทองดีชะงักคิด
“เอ่อ..พี่จ๋า...ฉันไม่ได้เอาบัตรประชาชนติดมาด้วย คุณมีมั้ย”
ทองดียิ้มหวานให้วีระชัยเป็นเชิงประจบ วีระชัยยิ้ม พิสุทธิ์ล้วงกระเป๋าตังค์หยิบให้”
“อะก็ได้....แต่ผมต้องจดชื่อน้องไว้ด้วยนะ มันเป็นกฎ”
“ได้เลย ฉันชื่อทองประกายพี่จะจดก็จดไปเลยจ้ะ”
วีระชัยกับทองดีสบตากัน พิสุทธิ์มองแล้วไม่ค่อยพอใจ รีบหยิบบัตรประชาชนวาง
“จะลงทะเบียนได้หรือยัง”
วีระชัยรีบจัดการให้ทันที
ทองดีเดินเข้ามาในห้อง มองรอบๆตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ สภาพห้องไม่ได้ดีนัก แต่มีแอร์เก่าๆ ทองดีล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างมีความสุข พิสุทธิ์เดินเข้ามามองซ้ายมองขวาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ผมไม่ชอบที่นี่เลย มันดูเล็กๆ สกปรกยังไงก็ไม่รู้”
“ไม่ดียังไง ดีจะตาย มีแอร์ มีโทรทัศน์ให้ดูด้วย ทองดีเพิ่งคอยนอนห้องแอร์เป็นครั้งแรกนะ แหม มันเย็นชื่นใจจังเลย”
“ไม่ใช่ว่าเย็นชื่นใจเพราะไอ้พนักงานข้างล่างเหรอ เมื่อกี้ผมเห็นมันมองทองดีแล้วไม่ชอบจริงๆ”
“อย่าไปสนใจเลย ก็แค่มอง ทำอะไรได้ ว่าแต่ทองดีเริ่มหิวแล้ว เราไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ”
พิสุทธิ์มองเห็นรายการอาหารที่โต๊ะก็ไปหยิบมาดู
“ไม่ต้องไปหรอก ที่นี่เขาสั่งมากินบนห้องได้”
“เหรอ งั้นสั่งเลยสิ ไหนดูสิมีอะไรบ้าง”
ทองดีดึงใบไปอ่านดูแล้วต้องตกใจ
“โอ๊ย...จะบ้าตาย ข้าวผัดจานละ 40 น้ำเปล่าขวดละ 10 บาท นี่มันปล้นกันชัดๆ ไม่เอาหรอก ออกไปหาตลาดใกล้ๆกันเถอะ”
พิสุทธิ์หงุดหงิด
“มันก็ราคาแบบนี้ เค้ามาบริการถึงที่ก็ต้องแพงหน่อยเป็นธรรมดา ห้าบาทสิบบาทถือว่าซื้อความสบายแล้วกัน”
“ห้าบาทสิบบาทก็เป็นเงินนะ ไม่เอาหรอก น่านะ ไปหาอะไรกินกันข้างนอกเหอะ ถึงกรุงเทพฯแล้วฉันอยากไปเที่ยว”
“ก็ได้ ก็ได้ ตามใจทองดีแล้วกัน”
พิสุทธิ์ยอมอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เพราะเพลียจึงอยากนอนมากกว่า ทองดียิ้มอย่างร่าเริง ตื่นเต้นเหมือนที่จะได้เจอสิ่งใหม่ๆ
ทองดีเดินตรงไปทีหน้าเคาเตอร์ชะเง้อมองหา แต่วีระชัยไม่อยู่มีพนักงานคนอื่นมาทำแทน พิสุทธิ์ชักไม่พอใจ
“ทองดีมองหาไอ้หมอนั่นเหรอ ไหนบอกไม่คิดอะไรไง”
“ฉันแค่จะถามพี่เขาว่าตลาดอยู่ไหน หรือว่าคุณรู้”
พิสุทธิ์ส่ายหน้า
“ไม่รู้”
ทองดีค้อนแล้วเดินไปที่พนักงานที่ยืนอยู่
“พี่...พี่ผู้ชายที่อยู่เมื่อเช้าไปไหนล่ะ”
พนักงานนึกแป๊บนึง
“...อ๋อ...เฮียวีระชัย...เค๊ฃ้าออกเวรไปแล้วครับ มีธุระอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก ฉันจะถามเขาว่าแถวนี้มีตลาดหรือเปล่า จะออกไปหาข้าวกิน”
“พอออกจากโรงแรม น้องก็เดินเลี้ยวขวาไปถนนใหญ่แล้วข้ามถนนไปฝั่งโน้น น้องก็เจอร้านอาหารแล้ว และตลาดก็อยู่ในนั้นแหล่ะ”
“ขอบคุณมากนะพี่”
ทองดีกับพิสุทธิ์เดินออกไปนอกโรงแรม พนักงานมองตามไป
“หน้าตาดีชิบเป๋ง แต่เสียตายมีผัวซะแล้ว”
ทองดีเดินจูงมือกับพิสุทธิ์เข้าไปในตลาดที่บรรยากาศคึกคัก เต็มไปด้วยผู้คน ทองดีเดินมอง แล้วเปรียบเทียบราคาหยิบดูแล้ววาง ทั้งคู่เดินมาหน้าร้านข้าวมันไก่เห็นติดป้าย 30 พิเศษ 35
“แพงจังไม่เอาดีกว่า”
ทั้งสองเดินมาถึงร้านผัดไทยหอยทอด
“ขายไงอ่ะป้า” ทองดีถาม
“จานละสามสิบ”
“ยี่สิบได้ไหม”
แม่ค้าโวย
“โอ๊ย...จะต่อก็คิดหน่อย 20 บาทน่ะขอฟรีไปเลยแล้วกัน”
พิสุทธิ์คว้าแขนทองดีออกจากร้าน
“ทองดี ไปต่อเขาทำไม ถ้าคิดว่าแพงก็อย่าไปซื้อสิ”
“ก็มันอยากกินนี่ แต่ถ้าเราต้องกินสองคนก็ตั้งหกสิบทองดีเสียดายเงิน เดี๋ยวต้องไปหาซื้อเสื้อผ้าอีก”
พิสุทธิ์ได้ยินก็อึ้งไป
“เอางี้แล้วกัน ถ้าทองดีเสียดาย ก็ซื้อเขามาแล้วผมไม่กินก็ได้”
“เราลองไปดูร้านอื่นเถอะ เผื่อจะมีถูกกว่านี้”
พิสุทธิ์กับทองดีจึงไปนั่งกินขนมจีนข้างทาง เพราะป้ายราคาติดไว้ว่า จานละ 20 บาท เติมผักไม่อั้น ทองดีกินอย่างเอร็ดอร่อย พิสุทธิ์กินไปสูดปากไปเพราะเผ็ดมาก
ค่ำคืนนั้น...พิสุทธิ์นอนดูทีวีอยู่ในห้อง ทองดีลองเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่เต็มเตียง มีของพิสุทธิ์ 2 ชุด บ้างนิดหน่อย พิสุทธิ์ก็ยังไม่สนใจดูทีวีต่อไป
“คุณไม่มาลองเสื้อผ้าชุดใหม่ๆล่ะ”
“ไม่อ่ะ เหนื่อยแล้ว”
ทองดีเซ็ง แต่ชวนคุยต่อ
“ฉันใส่ชุดนี้แล้วสวยมั้ย”
“ถ้าคุณชอบมันก็สวย”
“แล้วตัวนี้ล่ะ สวยมั้ย”
“สวย”
“ยังไม่มองเลย รู้ได้ไง” ทองดีปิดทีวี “มัวแต่ดูอยู่นั่นแหละ งอนแล้วนะ”
พิสุทธิ์เริ่มหันมามองแล้วถอนใจ
“อ่ะ จะให้ทำอะไรว่ามา”
ทองดีเปลี่ยนชุด เดินแบบ ทำทะเล้น พิสุทธิ์นั่งดู ขำบ้างเบื่อบ้าง
วันต่อมา...ทองดีนั่งทาเล็บ มองพิสุทธิ์ที่นั่งดูทีวี ทองดีชำเลืองมองพิสุทธิ์
“โอ๊ย...เบี่อ...”
“ผมก็เบื่อ ไม่รู้จะทำอะไร”
“หางานทำสิ คุณเป็นนักศึกษาหางานทำไม่ยากหรอก”
“แต่ผมยังไม่จบ”
ทองดีตวาดใส่
“แล้ววันๆจะอยู่อย่างนี้เหรอ ฉันเลี้ยงคุณไปทั้งชีวิตไม่ไหวนะ”
“มาหาเรื่องผมทำไม”
“ก็เบื่อน่ะสิ พึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้เลย”
“แล้วเธอล่ะ ที่ฉันต้องมาอุดอู้อยู่อย่างนี้ก็เพราะเธอนะ”
“หา...นี่โทษฉันเหรอ”
“ก็แล้วมันจริงมั๊ยล่ะ”
“ไอ้บ้า แกออกไปเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก ไปเลยไป๊”
พิสุทธิ์หัวเสียเดินหน้าบึ้งปิดประตูปังออกจากห้องไป ทองดีมองตามไปอย่างอารมณ์เสีย คว้าหมอนขว้างตามพิสุทธิ์ไป
พิสุทธิ์เดินออกจากโรงแรม มองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้จะไปทางไหนดี แล้วตัดสินใจเดินเรื่อยเปื่อย เขาเดินไปตามซอยเล็กๆ คนสาดน้ำล้างจานออกมาโดยไม่เห็น เลยโดนพิสุทธิ์เปียกไปทั้งตัว
“เฮ้ย...สาดน้ำไม่ดูคนเลย เปียกหมดแล้ว”
คนสาดน้ำไม่สนใจรีบเข้าบ้านปิดประตูทันที พิสุทธิ์ถอนหายใจอย่างสุดเซ็ง
“จะขอโทษซักคำก็ไม่มี ใจดำชะมัด”
พิสุทธิ์เดินต่อไปเรื่อยๆ จนเหนื่อย จึงนั่งอยู่บนราวสะพานมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา จนรู้สึกว่าหิว ท้องร้อง พิสุทธิ์ล้วงกระเป๋าตัวเอง ไม่มีเงินซักบาท ไม่พอซื้อข้าวกิน พิสุทธิ์ถอนหายใจยาว
“ทำยังไงดีวะ ไม่มีเงินซักบาท”
พิสุทธิ์ยืนมองกรุงเทพฯจากสะพานลอยอย่างเศร้าๆ
“ไม่น่าเลย...” เขารู้สึกผิดเหลือเกิน กับการตัดสินใจครั้งนี้
ค่ำคืนนั้น...วีระชัยยืนทำงานอยู่ ทองดีเดินลงมา วีระชัยพอเห็นก็มอง แต่ทองดีไม่ได้สนใจ เดินไปคอยด้านหน้าโรงแรม วีระชัยเลยทำงานต่อ สักพักทองดีก็เดินกลับเข้ามา แต่ท่าทางยังมองไปนอกโรงแรมจนวีระชัยสงสัย
“คอยแฟนเหรอ”
ทองดีพยักหน้ารับ
“แฟนไปไหนล่ะ”
“ไม่รู้”
“ทะเลาะกันเหรอ”
“เปล่า ฉันไปนอนแล้ว”
ทองดีเดินไปไม่สนใจวีระชัยๆ มองตามไปแล้วเดินกลับไปทำงาน แต่ไม่วายมองขึ้นไปทางที่ทองดีเดินขึ้น
ทองดีนอนรอพิสุทธิ์อย่างกระสับกระส่าย พิสุทธิ์ยังไม่กลับมาซักที ทองดีเริ่มหงุดหงิดมองดูนาฬิกา ดึกมากแล้ว
“หายหัวไปไหนเนี่ย ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก”
เสียงพิสุทธิ์เปิดประตู ทองดีรีบล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาทำเป็นไม่สนใจ พิสุทธิ์ค่อยๆย่องเข้ามาในห้อง ชะโงกหน้ามองทองดี แต่เห็นทองดีหลับ พิสุทธิ์เลยเดินไปที่โต๊ะ เห็นจานข้าวที่กินแล้ววางอยู่ มีขวดน้ำที่เหลือน้ำอยู่ครึ่งขวดวางอยู่ พิสุทธิ์หยิบน้ำขวดขึ้นมามอง
“เอาน้ำลูบท้องไปก่อนแล้วกัน”
พิสุทธิ์กินเข้าไปให้หนักท้อง หันไปมองทองดี ทองดียังนอนหลับตาทำไม่รู้ไม่ชี้ พิสุทธิ์ถอนหายใจเซ็งๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พอพิสุทธิ์ลับตัวไปทองดี ลืมตาขึ้นดู ทองดีมองพิสุทธิ์แบบงอนๆ ที่พิสุทธิ์ไม่ยอมง้อ
“เออ...ทำเป็นหยิ่ง ดูซิจะทนหิวได้นานแค่ไหน จะงอนซะให้เข็ด”
ทองดีล้มตัวลงนอนอย่างอารมณ์เสีย สักครู่พิสุทธิ์เดินออกจากห้องน้ำมา ปิดไฟ ล้มตัวลงนอน หันหลังให้ทองดี
ทั้งคู่ลืมตาโพลง แต่นอนหันหลังให้กันแบบถือทิฐิ
เช้าวันใหม่...วีระชัยยืนดูพนักงานทำงานจนเขาสงสัย
“อ้าว...พี่ ไม่กลับบ้านเหรอ”
“ก็ว่าจะกลับเหมือนกัน เดี๋ยวบ่ายต้องไปช่วยแม่อีก”
“แหม...พี่จะเก็บเงินไปไหนเนี่ย...ลูกเมียก็ไม่มี ทำทั้งงานที่นี่ทั้งช่วยแม่ ระวังเงินทับตายนะ”
“เออ..ให้มันทับจริงเถอะวะ”
วีระชัยยิ้มให้เพื่อนแล้วยืนลังเล
“มีอะไรเหรอพี่ ตกลงรออะไรหรือเปล่านี่”
“เอ่อ...เปล่า”
“เออเพิ่งนึกได้ เมื่อวานมีแขกห้อง 205 ที่พี่เช็คอินมาถามหาพี่ด้วย”
วีระชัยดีใจ
“จริงเหรอวะ เขามาถามว่าอะไร”
“จะถามทางไปตลาดน่ะ เห็นบอกว่าพี่เช็คอินเขาๆก็เลยมาถาม หน้าตาสวยนะแต่เสียดายไม่น่ามีผัวเลย”
“เอาน่า เรื่องของเขา”
“ใช่ เรื่องของเขา แล้วเรื่องของพี่ล่ะ ตกลงจะไม่กลับบ้านใช่ไหม จะได้ให้ช่วยทำงาน”
“จะไปเดี๋ยวนี้แล้ว”
วีระชัยยิ้มแล้วเดินออกขากโรงแรมไป
พิสุทธิ์ลุกขึ้นจากที่นอน หันไปมอง ทองดียังนอนนิ่งไม่ลืมตา พิสุทธิ์ส่ายหน้า เดินเข้าห้องน้ำไป ทองดีลืมตาขึ้น มองพิสุทธิ์อย่างไม่ยอมแพ้
“เออ..ผู้ชายเฮงซวย ไม่ง้อ..ก็ไม่ง้อ”
พิสุทธิ์เดินออกมาจากห้องน้ำ ทองดีก็ลุกขึ้น เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำไม่ยอมมองหน้าพิสุทธิ์
“ทองดี...”
ทองดีชะงัก
“มีอะไร”
“ผมหิวข้าว หิวจนปวดท้องแล้ว เดี๋ยวผมไปซื้อข้าวให้นะ”
ทองดีเดินไปหยิบเงิน ยื่นให้เชิดๆ พิสุทธิ์รับเดินออก พอพ้นประตู ทองดีตามไปปิดประตูใส่หลังดังปัง
พิสุทธิ์ถอนหายใจอย่างสุดเซ็งมองเงินในมือหนึ่งร้อยบาทสีหน้าไม่สบายใจ
อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.
ทองประกายแสด ตอนที่ 2 (ต่อ)
นาฬิกาปลุกส่งเสียงปลุกตามเวลา วีระชัยตื่นพลิกตัวมามองนาฬิกา กดปิด แล้วลุกขึ้นอย่างว่องไว เขารีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปทำงานที่เขียงหมู ก่อนจะหยิบซองเงินเดือนใส่กระเป๋าเดินออกจากบ้านไป
วีระชัยเดินเข้ามาในตลาด เห็นแม่กำลังยกเขียงลงจากแผง จึงรีบไปรับของจากมือแม่แล้วประคองแม่ไปนั่งพัก
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องยก รออั๊วะมาทำเอง”
อาซิ่มยิ้ม
“อาฮง รีบมาทำไม อาม้าบอกให้นอนเยอะๆไง งานแค่นี้อาม้าทำไหว”
“ไม่เป็นเป็นไรหรอกอาม้า มันเคยแล้ว ถึงเวลามันก็ตื่น นอนต่อก็ไม่หลับ ลุกมาช่วยอาม้าดีกว่า”
อาซิ่มนั่งดูวีระชัยเก็บข้าวของบนแผงอย่างคล่องแคล่ว แม่ค้าขายผักตะโกนข้ามฟากมาทัก
“อาฮง มาช่วยแม่หรือ ขยันจริงนะ อาซิ่มลื้อนี่วาสนาดีนะ ถ้าลูกอั๊วะขยันแบบนี้อั๊วะรักตายเลย”
อาซิ่มยิ้มปลื้ม คุยกับแม่ค้า
“อั๊วบอกว่าวันไหนเหนื่อยก็ไม่ต้องมา อยากให้นอนเยอะๆแต่ดูสิ มาได้ทุกวัน”
วีระชัยหัวเราะเขินๆ หันมามองทางอาซิ่ม
“แม่กลับไปก่อนเหอะ ทางนี้อั๊วะจัดการเอง”
“เออ...ประเดี๋ยวอั๊วะจะกลับไปทำกับข้าวไว้รอแล้วกัน”
อาซิ่มจะเดินออกไป วีระชัยรีบเรียกไว้ก่อน”
“เดี๋ยวก่อน อาม้า นี่....” วีระชัยส่งซองเงินเดือนให้ เงินเดือนของอั๊ว”
อาซิ่มรับเงินมาถือไว้ มองวีระชัยอย่างภูมิใจ
“ขอบใจมากนะ อาฮง ลื้ออยากกินอะไรล่ะ ม้าจะทำให้กิน”
“อะไรก็ได้ ฝีมือม้า ถูกใจอั๊วทุกอย่าง”
วีระชัยหันหลังไปทำงาน อาซิ่มมองตามอย่างภูมิใจ แม่ค้าขายผักมองยิ้มๆ
“อาซิ่ม อาฮงมันอยู่คนเดียวตั้งนาน ไม่หาเมียให้มันล่ะ ลูกสาวอั๊วะก็ได้นะ อั๊วะยกให้เลย สินสอดไม่เอาสักบาท”
“เฮ้ย...เรื่องแบบนี้เรื่องใหญ่ ต้องเลือกให้ดี ไว้อั๊วเลือกเองดีกว่า”
แม่ค้าผักค้อน
“ที่แท้ก็หวงลูกชายนี่หว่า”
อาซิ่มไม่สนใจมองวีระชัยทำงานอย่างภูมิใจ
ทองดีนั่งดูโทรทัศน์ แต่แอบมองพิสุทธิ์ตลอดเวลา พอพิสุทธิ์หันมา ทองดีทำเมินไม่สนใจ งอนกันไปงอนกันมา ไม่มีใครยอมพูดก่อน พิสุทธิ์นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นยืนอย่างตัดสินใจเด็ดขาด พิสุทธิ์เดินตรงไปเปิดตู้เก็บเสื้อผ้าใส่ถุง ทองดีรีบลุกมาหา
“จะไปไหน”
“ผมจะกลับบ้าน”
ทองดีพอได้ยินก็ตกใจ
“อะไรนะ นี่จะทิ้งกันเหรอ”
“ผมจะกลับไปเรียนหนังสือให้จบ”
“แล้วฉันล่ะ จะทิ้งฉันแล้วเอาตัวรอดเหรอ”
“แล้วจะให้ทำยังไง จะให้กลับไปด้วยกันก็ไม่เอา แต่จะอยู่ที่นี่เรามีเงินไม่เยอะ จะอยู่ได้สักกี่วัน”
ทองดีโมโหผลักพิสุทธิ์
“ก็บอกให้หางานทำ ก็ไม่หา แล้วจะทิ้งฉันไว้คนเดียวงั้นเหรอ ....ไอ้คนเห็นแก่ตัว”
ทองดีโดดเข้าตบตีพิสุทธิ์พัลวัน พิสุทธิ์ได้แต่ปัดป้อง ไม่กล้าตอบโต้ ทองดีตีพิสุทธิ์จนหมดแรง
“นี่น่ะเหรอที่แกบอกว่ารัก ห๊า แล้วจะมาทิ้งกูไปทำไม จะทิ้งกูทำไม ทำไม”
ทองดีหยุดหอบ พิสุทธิ์ทรุดตัวนั่งลงบนเตียง ไม่พูดอะไร ทั้งคู่นั่งเงียบๆคนละมุมห้อง
ค่ำคืนนั้น...ทองดีเดินเหม่อๆเซ็งๆ ออกมาจากโรงแรม วีระชัยที่ลงรถเมล์หน้าโรงแรมเห็นทองดีก็เดินยิ้มเข้าไปหา แต่ทองดีไม่ทันมอง
“ทองประกาย...คุณทองประกาย... “
“พี่นั่นเอง”
“ครับ วีระชัยครับ แล้วนี่คุณทองประกายจะไปไหน”
“ไม่รู้สิ ไม่อยากอยู่ห้อง เลยลงมาเดินเล่น”
“เอ่อ...แล้วแฟนล่ะครับ”
“ช่างหัวมันเถอะ พี่จะไปทำงานเหรอ”
“จริงๆก็ยังหรอก แต่ผมชอบมาก่อนเวลา คุณทองประกายจะไปไหนไหมล่ะ ผมจะพาไป”
“ดีเหมือนกัน ฉันยังไม่กินข้าวเย็นเลย”
“งั้นผมพาไป ผมรู้จักร้านอร่อยแถวนี้ทุกร้าน”
วีระชัยรีบอาสา ทองดียิ้ม พอใจที่มีคนสนใจ
ที่โต๊ะอาหารริมถนน มีอาหารวางอยู่ 2-3 อย่าง ทองดีกินไป 2-3คำก็วางช้องนั่งมอง วีระชัยมองอย่างสงสัย
“อ้าว..ไหนบ่นว่าหิว แล้วทำไมไม่กินล่ะ”
“กินไม่ลง”
“ไม่สบายใจใช่มั๊ย...เรื่องแฟนคุณหรือเปล่า”
“ก็มันน่าโมโห”
วีระชัยมองหน้าทองดีนิ่ง แล้วยิ้ม
“ผมไม่รู้นะว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่ถ้าคุณถึงกับกินข้าวไม่ได้นี่แสดงว่าคุณคงเป็นห่วงเขามาก”
ทองดีพยักหน้ารับ
“ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็กลับไปขอโทษเค๊าซะสิ คนรักกันไม่โกรธกันนานหรอก ง้อหน่อยก็คงหายโกรธ”
“ไม่อ่ะ เรื่องอะไรฉันต้องง้อ ฉันไม่ผิด”
วีระชัยมองดูนาฬิกาข้อมือ
“ได้เวลาทำงานแล้ว ผมไปก่อนนะ คุณกินข้าวไปเถอะ...มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
“อ้าว...คุณไม่กินก่อนหรือ”
วีระชัยยิ้ม
“ที่ผมชวนคุณมาไม่ใช่เพราะผมหิว ผมแค่อยากคุยกับคุณเท่านั้น”
ทองดีมองหน้าวีระชัยงง วีระชัยยิ้มเขินๆ
“เอ่อ...ผมไปดีกว่า”
“วีระชัยลุกขึ้นเดินออกไป ทองดีมองตามไปแล้วนิ่งคิด
พิสุทธิ์เดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง ทองดีเปิดประตูเข้ามา ทั้งสองมองหน้ากัน ทองดีมองไปรอบๆห้อง
“ไม่ไปแล้วเหรอ”
พิสุทธิ์เดินเข้ามาหาทองดีแล้วจับมือ
“ผมขอโทษนะ ผมมาคิดดูแล้วผมก็ทำตัวไม่ดี ผมควรจะดูแลทองดีได้ดีกว่านี้”
“ช่างมันเถอะ”
“ไม่...ช่างมันไม่ได้ ตั้งแต่วินาทีนี้ผมจะปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ เพื่อทองดีของผม”
“คุณจะทำยังไง”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมจะออกไปหางานทำ ผมจะเลี้ยงทองดีเอง ผมจะไม่ให้เมียผมต้องลำบาก เพราะผมรักทองดี”
ทองดีปลื้มใจ
“คุณพิสุทธิ์”
“ผมจะไม่ทำให้ทองดีเสียใจอีกนะ”
พิสุทธิ์ดึงทองดีเข้ามากอด
“ทองดีก็ขอโทษนะที่ด่าว่าคุณแรงๆ ทองดีจะทำตัวดีเหมือนกันนะ เอ้อ...คุณยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่ เราสั่งอะไรมากินไหม”
“ไม่เอา ตอนนี้ผมไม่อยากกินข้าวแล้ว”
สองมองหน้ากันยิ้ม แล้วล้มตัวลงไปบนที่นอน....
เช้าวันใหม่…พิสุทธิ์แต่งตัวเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะแต่งได้ แล้วยืนดูความเรียบร้อยหน้ากระจกด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
พิสุทธิ์หันไปมองเห็นทองดีกำลังนอนหลับอย่างสบาย จึงเข้าไปกระซิบข้างหู
“ตื่นได้แล้ว คนขี้เซา ไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ย เดี๋ยวผมต้องรีบไปสมัครงาน”
ทองดีพูดโดยไม่ลืมตา
“ไม่ไหว..เมื่อคืนนอนนิดเดียวเอง”
พิสุทธิ์มองทองดีอย่างเอ็นดู
“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้ออะไรขึ้นมากินด้วยกันก็ได้”
ทองดีงัวเงีย ควานกระเป๋าเงินบนหัวนอน หยิบส่งเงินส่งให้พิสุทธิ์ แล้วพลิกตัวกลับไปนอนต่อ
“เดี๋ยวผมจะซื้อต้มเลือดหมูของโปรดมาฝากทองดีนะ ทองดีนอนต่อไปเถอะ ผมไปแป๊บเดียว”
ทองดีพยักหน้าโดยไม่ลืมตา พิสุทธิ์หอมทองดีอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ทองดีนอนนิ่งอยู่แป๊บนึงแล้วลืมตาตื่น
“รอเดี๋ยว ทองดีไปด้วยดีกว่า”
ทองดีหันมา พิสุทธิ์ไม่อยู่ในห้องซะแล้ว ทองดีรีบลุกขึ้นเอาผ้าพันตัว วิ่งเปิดประตูห้องไป มองที่หน้าห้อง พิสุทธิ์ลับตัวไปแล้ว
“ว๊าไปซะแล้ว เร็วจังเลย”
ทองดีกลับเข้าไปในห้อง แล้วยิ้มกริ่ม ทองดีสะบัดผ้าออกจากตัวเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
พิสุทธิ์ เดินลงบันไดมา ผ่านหน้าเคาเตอร์ที่วีระชัยทำงานอยู่
“จะออกไปธุระแต่เช้าเลยนะครับ แล้วคุณทองดีล่ะครับ”
พิสุทธิ์หันขวับกลับไปมองหน้าวีระชัย หน้าบึ้งทันที
“พี่ถามถึงเมียผมทำไม มีธุระอะไรหรือครับ”
วีระชัยยิ้มอย่างใจเย็น
“ไม่มีครับ ผมแค่ทักทายเฉยๆ”
พิสุทธิ์จ้องหน้าวีระชัยอย่างไม่พอใจ แล้วเดินออกไปไม่พูดไม่จา พนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลส่ายหน้า
“ไอ้เด็กนี่ท่าทางหวงแฟนชะมัด แค่ถามก็ไม่ได้”
“ธรรมดา ถ้าแฟนเฮียสวยขนาดนั้น เฮียก็หึงเหมือนกันแหละ...อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ”
วีระชัยพูดอย่างจริงจัง แล้วหันกลับไปทำงานต่อ
พิสุทธิ์เดินไปตามถนน ข้างทางมีแผงลอยขายอาหารมากมาย เขาซื้อน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ จากนั้นก็เดินหาร้านต้มเลือดหมู พอเห็นก็ตรงไปสั่งทันที
“ต้มเลือดหมู ถุงนึงครับ”
“เอาธรรมดาหรือพิเศษ”
“เอาพิเศษเลยเฮีย ผมจะเอาไปฝากแฟน”
“งั้น..อั๊วแถมหมูให้สองชิ้น แหมจะเอาไปฝากแฟนซะด้วย สงสัยสวยน่าดู”
พิสุทธิ์ยิ้มเขิน จ่ายเงินรับของ แล้วเดินออกไป คนขายมองตามแล้วยิ้ม
พิสุทธิ์ยืนรอข้ามถนนตรงทางม้าลาย ในมือถือถุงอาหารไว้ พึมพำเบาๆ
“ทองดีต้องชอบแน่เลย”
สัญญาณไฟเขียวให้คนข้ามได้ พิสุทธิ์ ข้ามถนนเป็นคนท้ายๆ เขาเดินไปแล้วเผลอมองไปที่ป้ายโฆษณา เห็นป้ายคัทเอาต์ติดอยู่บนตึก เป็นภาพโฆษณาของดาราผู้หญิง
“เนี่ยะเหรอสวย...ถ้าทองดีเป็นดารา เธอต้องตกกระป๋องแน่นอน”
สัญญาณไป เป็นสีแดงห้ามคนเดิน รถฝั่งตรงข้ามวิ่งออกตัวอย่างรวดเร็ว พิสุทธิ์เดินไปมองป้ายไป เสียงแตรรถดังลั่น พิสุทธิ์หันกลับไปมองด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด เสียงเบรกดังสนั่นหวั่นไหว ถุงอาหารทั้งหลายลอยคว้างกลางอากาศ พร้อมๆกับร่างพิสุทธิ์ที่แน่นิ่งอยู่บนถนน...
ทองดีกำลังยืนอาบน้ำฝักบัวอยู่ ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง จึงปิดฝักบัว
“คุณกลับมาแล้วหรือ”
ทองดีรีบปิดน้ำ เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ แต่ไม่มีใคร
“อ๊ะ...หรือว่าเราหูฝาด”
ทองดียักไหล่ เดินไปแต่งตัว แล้วหันไปมองนาฬิกา
“ทำไมนานจังนะ ซื้ออะไรกันนักหนา ชักหิวแล้วนะ”
ทองดีตัดสินใจเดินออกจากห้องไปชั้นล่าง ขณะเดียวกัน วีระชัยกำลังจะออกเวรพอดี
“สวัสดีครับคุณทองประกาย”
วีระชัยรีบเดินเข้ามาหา
“เมื่อคืนได้คุยกันไหม”
“จ้ะ เราดีกันแล้วนะพี่ ฉันขอบคุณพี่มากนะที่แนะนำ”
วีระชัยเจื่อนไปนิด
“ไม่เป็นไร ถ้าดีกันผมก็ดีใจด้วย แล้วนี่มารอแฟนเหรอ”
ทองดีพยักหน้ารับ
“เค้าบอกไปซื้อของกิน แต่ป่านนี้ยังไม่กลับเลย ไม่รู้ไปเถลไถลที่ไหน หรือว่าหลงทาง”
“คงไม่มั้ง อาจจะซื้อของเยอะก็ได้”
“งั้นฉันไปเดินเล่นรอดีกว่า”
“ให้ผมรอเป็นเพื่อนไหม ผมออกเวรแล้ว”
“ก็ดีจ้ะ”
วีระชัยยิ้มดีใจ แล้วเดินตามทองดีออกไปหน้าโรงแรม
วีระชัยเห็นทองดีเดินไปเดินมาด้วยความกังวล
“นี่ก็สายมากแล้ว บางทีแฟนคุณอาจจะคิดว่าคุณยังไม่ตื่นเลยไปกินก่อนหรือเปล่า”
ทองดีถอนใจ
“ดูสิ แล้วมาบอกให้ฉันรอ”
“เอางี้ไหม คุณไปทานโจ๊กรองท้องก่อน ผมพาไป แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมารอแฟนคุณ”
“ดีเหมือนกัน อยากปล่อยให้ฉันรอก่อน ถ้ากลับมาก็จะให้รอซะให้เข็ด”
ทั้งสองออกเดินไปด้วยกัน วีระชัยแอบเหลือบมองทองดีบ่อยๆจนรู้ตัว
“พี่มองฉันทำไมบ่อยๆ”
“คุณทองประกายนี่เป็นคนสวยมากนะ”
ทองดีเขิน
“จริงเหรอ”
“จริงที่สุด”
“แต่ฉันมีแฟนแล้วนะ ถ้าพี่จะจีบละก้อหมดสิทธิ์”
วีระชัยยิ้ม
“ผมรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ถ้าแค่มองคงไม่เป็นไรนะ”
ทองดียิ้ม ทั้งคู่ก็เดินมาจนถึงช่วงทางม้าลาย ก็ต้องชะงักเห็นคนมุงกันเต็มถนน เสียงไซเรนรถมูลนิธิ วิ่งมาไกลๆ
“มีอะไรหรือ...ทำไมคนมุงกันเยอะแยะ”
“สงสัยอุบัติเหตุมั้ง ไปดูกันมั๊ย”
ทองดีสั่นหัวดิก
“ไม่เอาหรอก...ฉันไม่กล้าดู กลัวมันติดตา”
วีระชัยหัวเราะ
“ตามใจ ไม่ยักรู้ว่าขี้กลัว”
“ไม่ได้กลัว แต่ไม่ชอบดู”
“ผมไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย โน่น..ถึงร้านแล้ว”
“ค่อยยังชั่วที่ไม่อยู่ใกล้ตรงที่รถชน ไม่งั้นคงอร่อยพิลึก”
ทั้งคู่เดินข้ามถนนแต่ห่างจากที่เกิดเหตุ แล้วเข้าไปร้านโจ๊ก
วีระชัยกับทองดีเดินไปนั่งที่โต๊ะ วีระชัยหันไปถามทองดี
“คุณจะกินอะไร โจ๊กหรือ ต้มเลือดหมู”
“ฉันชอบกินต้มเลือดหมู”
“งั้นโจ๊กใส่ไข่ชามนึง แล้วต้มเลือดหมูชามนึง”
วีระชัยหันไปสั่ง คนขายโจ๊กตะโกน
“รอเดี๋ยว”
คนขายโจ๊ก กำลังทำ มีคนมายืนรอซื้อ คุยไปด้วย
“อุ๊ย...น่าหวาดเสียวนะ...หน้าตาก็ดี แถมหนุ่มยังแน่น ไม่น่าอายุสั้นเล๊ย”
“เหรอ..แล้วรถที่ชนน่ะทะเบียนอะไร จำได้หรือเปล่า จะได้ไปซื้อหวย”คนขายถาม
“บ้า...ฉันจะไปรู้ได้ไง เออ...เห็นแต่ โจ๊กกับต้มเลือดหมูของเฮีย เละเต็มถนนเลย แสดงว่า เป็นลูกค้าเฮียแน่ะเลย เฮียจำได้มั๊ย”
คนซื้อบอกให้ฟังว่าคนตายแต่งตัวแบบไหน คนขายนึก
“..เออ...ใช่ หนุ่มๆ บอกจะซื้อต้มเลือดหมูไปให้แฟน อั๊วะยังแถมหมูไปตั้งสองชิ้นแน่ะ”
ทองดีตะลึงเมื่อได้ฟัง นึกถึงที่พิสุทธิ์บอก
‘…ทองดีนอนอยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมจะซื้อต้มเลือดหมูของโปรดมาฝากทองดีนะ ผมไปแป๊บเดียวเอง…’
ทองดีใจสั่น
“พิสุทธิ์...ไม่จริง...”
ทองดีลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากร้านทันที วีระชัยงง แล้วรีบวิ่งตามทองดีออกไป คนขายกับคนซื้อมองตามทั้งคู่ไปอย่างงงๆ
ทองดีวิ่งผ่าผู้คน ชนคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เพื่อไปที่เกิดเหตุ อย่างรวดเร็ว วีระชัยวิ่งตามทองดีมา เก็บข้าวเก็บของให้คนที่ถูกทองดีชน แล้ววิ่งตามไป
“นี่คุณ คุณจะไปไหน”
ทองดีวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นผู้คนมุงกันวุ่นวาย เธอชะงัก หยุดวิ่ง ยืนตัวแข็งเหมือนก้าวขาไม่ออก วีระชัยวิ่งตามมาเห็นทองดียืนอยู่ วีระชัยหยุดยืนหอบข้างๆ
ขณะเดียวกันรถมูลนิธิวิ่งฝ่าฝูงคนเข้ามา ทองดีหันไปมองรถตรงหน้าอย่างงงๆ วีระชัยดึงตัวทองดีให้พ้นความวุ่นวาย
“...ต้องไม่ใช่ ต้องไม่ใช่”
“ใจเย็นๆ ก่อนคุณ”
เจ้าหน้าที่แหวกคนเข้าไป เห็นพิสุทธิ์นอนจมกองเลือดอยู่ ทองดีตะลึง เบือนหน้าหนี เจ้าหน้าที่เอาผ้าคลุมปิดหน้า ยกร่างพิสุทธิ์วางบนเตียงแล้วเอาผ้าคลุมหน้า ช่วยกันหามร่างไร้วิญญาณของพิสุทธิ์เดินผ่านหน้าทองดีขึ้นรถไป ทองดีตะลึง
“ญาติคุณรึเปล่าครับ” เจ้าหน้าที่หันมาถาม
ทองดีมองอย่างรับไม่ได้กัยสิ่งที่เกิดขึ้น เธอส่ายหน้า แล้วเดินถอยหลัง ไปชนวีระชัย
“ทองประกาย..คุณทองประกาย เป็นอะไรหรือเปล่า”
ทองดีเงยหน้าขึ้นมองวีระชัย แล้วขาเกิดอ่อนแรงพับลง โดยมีวีระชัยประคองไว้ได้ทัน
อ่านต่อตอนที่ 3