ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 7
ฟ้าใสลงนั่งที่โต๊ะนอกร้านต้มแซ่บ แต่มองเข้าไปเห็นภายในร้านได้ทั้งหมด ถนอมตามมายืนเฝ้าอยู่ห่างๆ เธอเห็นรุ้งระวีนั่งอยู่กับทูนอินทร์ท่าทางหวานแหวว เธอหน้าตึงทันที
ขณะเดียวกันส้มป่อยช่วยงาน จุ๊และแป๋วที่ทำอาหารอยู่ในครัว นอกจากนี้ยังมีคนงานชายหญิงอีกหลายคนคอยเป็นลูกมือ
“เดี๋ยว...นังส้ม แกไปเจอคุณรุ้งเขาเมื่อไหร่วะ” แป๋วถามอย่างสงสัย
“เจอตอนออกไปที่ทุ่งเมื่อเช้าน่ะ”
“ไง...เขาสวยสมใจไหมล่ะ” จุ๊ถาม
“งั้นๆไม่สวยเท่าไหร่หรอก ฝรั่งน่ะ หน้าออกไปทาง โฮมฟลอร์”
จุ๊มองหน้าส้มป่อยไม่เข้าใจ
“อะไรโฮมฟลอร์ของเอ็ง”
ส้มป่อยทำเป็นถอนใจ
“คุยกับป้านี่เหนื่อยนะ โฮม โฮม ฟลอร์ ฟลอร์ บ้าน บ้าน พื้น พื้น น่ะป้า”
แป๋วหน้าตื่น
“ต๊าย...ถ้าเขาหน้าพื้นบ้าน หน้าอย่างเอ็งต้องอยู่ใต้ถุนน้ำครำละว่ะ”
ทุกคนหัวเราะ ส้มป่อยค้อน
“ป้านะ ลุคชีพ หนูมากเลยนะ”
จุ๊งงๆ
“แปลว่า”
“ดูถูก ค่ะ...ป้าเข้าไปแอดเฟซบุ๊คหนูนะ คนกดไลค์ให้หนูนับแสน ชมว่าหนูสวยเสียงดี โดยเฉพาะตอนที่หนูร้องเพลงนี้ ฝากจิ้มแจ่วไปแอ้ลเอ๋...แอ้ลเอ๋”
ส้มป่อยร้องและเต้นท่ารุ้งระวี จุ๊และแป๋วเอาชามใส่เศษผักที่ทิ้งแล้ว ครอบหัวทันที ทั้งหมดหัวเราะร่า ส้มหน้าเชิ่ด ดึงเศษผักจากหัวด้วยท่วงท่านางเอก
“นางเอกมักถูกแกล้งเสมอ”
เมธกับอินทร จบเพลงพร้อมกับเสียงปรบมือของคนดู
“เอาละครับ สนุกสนานกับพวกผมแล้ว คืนนี้เรามีแขกรับเชิญมาสนุกกับเราด้วย” เมธประกาศ
รุ้งระวีหน้าเหวอหันมาถามทูนอินทร์
“คุณ...ไม่นะ ไม่เรียกฉันนะ”
“ขอเชิญสาวจากแอลเอ มาฝากน้ำจิ้มแจ่วให้พวกเราหน่อยครับ”
ทั้งห้องเฮ ปรบมือให้รุ้งระวี จี่หอยและมะปรางวิ่งข้ามห้องมาหา รุ้งระวีหน้าเสีย
“คุณทูนน่ะ”
ทูนอินทร์ยิ้มให้กำลังใจ
“แฟนเพลงต้อนรับขนาดนี้ ต้องขึ้นไปแล้วละครับ”
“ไปเร็วรุ้ง”
จี่หอยพารุ้งระวีเดินผ่านผู้ชมตรงไปยังเวที ดนตรีขึ้นทันที รุ้งระวีเริ่มร้อง จี่หอยและมะปรางออกมาเต้นเป็นหางเครื่องเมามัน ทูนอินทร์มองรุ้งระวีอย่างชื่นชม ฟ้าใสที่แอบมองอยู่นอกร้าน มองอย่างริษยา
ทุกคนในครัวได้ยินเสียงเพลงฝากจิ้มแจ่ว จุ๊ตื่นเต้น...
“อุ๊ย...คุณรุ้งขึ้นร้องเพลงแล้ว ไปดูกันเร้ว”
ทุกคนกรูกันไปดู ส้มป่อยยืนนิ่งตะลึงอยู่คนเดียว
“พี่รุ้ง...พี่รุ้งมาร้องที่ร้านงั้นเหรอ ว้าย...”
ส้มป่อยวิ่งตามไป แล้วแทรกบรรดาพนักงานออกมาดูรุ้งระวี กำลังเต้นพร้อมกับจี่หอยและ มะปรางซึ่งเต้นเป็นหางเครื่องบนเวที อย่างสนุกสนานเมามัน ส้มป่อยมองรุ้งระวีปลื้มมาก
“พี่รุ้ง...พี่รุ้งของส้ม สวยอย่างกะนางฟ้า”
จุ๊หันมามองหน้า
“อ้าว...ไหนว่าเขาหน้าพื้นๆไง”
“ไม่ว่าแล้ว สวยกว่าตุ๊กตาบาร์บี้อีก”
ส้มป่อยออกไปเต้นร่วมกับจี่หอย และมะปรางเมามัน รุ้งระวีร้องจบเพลง ท่ามกลางเสียงชื่นชมของคนในร้าน ทูนอินทร์ปรบมือให้ ฟ้าใสมองอยู่นอกร้าน กระดกเครื่องดื่มฟรุตพันชุ์ไปด้วย รุ้งระวียิ้มให้ทูนอินทร์
“ขอบคุณค่ะ”
เสียงปรบมือเงียบลง จี่หอย มะปราง ส้มป่อย ลงจากเวที รุ้งระวียกไมค์ขึ้นประกาศ
“ขอบคุณพี่เมธ คุณทร พี่หนาน พี่คูนนะคะ ที่ให้เกียรติรุ้งขึ้นมาร้องในร้านต้มแซ่บคืนนี้ และที่ต้องขอบคุณอย่างที่สุด ก็คือ...คุณทูนค่ะ”
ทุกคนปรบมือให้ ทูนอินทร์ชูแก้วยิ้มกับทุกคน
“วันนี้รุ้งได้ฝึกร้องเพลงใหม่เพลงหนึ่ง รุ้งอยากร้องเพลงนี้ให้ทุกๆ คนฟังเพราะมันไพเราะมาก แต่คงร้องได้ไม่ดีนัก ถ้าไม่ได้เจ้าของเพลงมาช่วยร้องด้วย ขอเชิญคุณทูนค่ะ”
คนดูเชียร์ ทูนอินทร์ลังเลไม่กล้าออกไป จี่หอยและมะปรางเข้ามาดึงทูนอินทร์ไปที่เวที ฟ้าใสมองอย่างไม่พอใจ
“รุ้ง...จะทำอะไร ผมร้องไม่ได้” ทูนอินทร์พูดเบาๆอย่างกังวล
“คุณร้องได้”
“ผมไม่กล้า...ดูซิ...มือผมสั่นไปหมดแล้ว”
รุ้งระวีมองหน้าเขา
“ทูนคะ...ฉันอยากจะขอโทษ...เรื่องที่ฉันทำกับคุณไว้ตั้งแต่เด็ก”
จี่หอย มะปราง อินทรเหวอ ทูนอินทร์งงๆไม่เข้าใจที่เธอพูด
“คุณทำอะไรกับผม เราเคยเจอกันสมัยเด็กเหรอ”
“เอาอย่างนี้ คุณบอกว่าฉันคล้ายยายเด็กแหม่มจ๋าใช่ไหมคะ”
“ครับใช่”
“งั้นก็คิดว่าฉันคือเด็กแหม่มจ๋าได้ไหม”
“เพื่อ”
“ฉันคือเด็กแหม่มจ๋าที่โตแล้วไงคะ” รุ้งระวีบอกไปตรงๆ
ทูนอินทร์ไม่เชื่อ
“สวยขนาดนี้เชียว”
“และเด็กแหม่มจ๋าคนนั้น...กำลังขอโทษคุณอยู่ตอนนี้ ฉันไม่คิดเลยว่าที่ฉันแกล้งคุณจะเป็นปมปัญหาให้คุณจนโต ยกโทษให้ฉันนะคะ”
ทูนอินทร์ขำๆ
“รุ้ง...มันตลกที่คุณ...”
รุ้งระวีจ้องหน้า
“เชื่อตามที่ฉันพูด นะคะ...ยกโทษให้ฉัน”
ทูนอินทร์มองเห็นสายตาของเธอที่มุ่งมั่น
“ครับ...ผมยกโทษให้คุณ แหม่มจ๋า”
รุ้งระวียิ้มให้เขา จี่หอย มะปราง อินทร ปลาบปลื้ม เมธให้จังหวะเพลงขึ้น รุ้งระวีร้องนำขึ้นก่อน ทูนอินทร์ร้องตามคลอเบาๆ ทุกคนมองกันอย่างลุ้นๆ
รุ้งระวีหยุดร้อง ให้เขาร้องนำเดี่ยว เสียงทูนอินทร์เบา และไม่มั่นใจเอามากๆ รุ้งระวีมองอย่างให้กำลังใจ ทูนอินทร์ลืมเนื้อร้องไปช่วงนึง รุ้งระวีช่วยร้องเสริมให้ เขาร้องต่อได้ แล้วเริ่มมั่นใจขึ้น เมธและทุกคน มองหน้ากันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์ ฟ้าใสยิ่งอิจฉา
ทูนอินทร์เริ่มร้องด้วยเสียงที่ดัง กังวานและชัดเจนขึ้น รุ้งระวีร้องคลอประสานไปด้วยกัน เธอจับมือเขาไว้ ทูนอินทร์ร้องออกมาได้ไพเราะ เธอให้เขาร้องเดี่ยวต่อไป ทูนอินทร์หันมาทางแขก แล้วร้องได้เต็มเสียง มาถึงช่วงร้องพร้อมกันก็ประสานเสียงอย่างไพเราะ ฟ้าใสแค้นใจเม้มปากแน่น
ทูนอินทร์กับรุ้งระวีร้องจบเพลงอย่างสวยงาม แขกปรบมือกันเกรียว ทูนอินทร์น้ำตารื้นมองเธออย่างขอบคุณแล้วดึงเธอมากอดไว้แนบอก ทุกคนตะลึงก่อนจะเฮออกมาพร้อมกัน
ฟ้าใสเรียกบริกรเข้ามา
“เอาโน้ตนี่ไปให้นักร้องผู้หญิงน่ะ”
บริกรงงๆ
“คุณรุ้งเหรอครับ”
“นั่นแหละ”
“ได้ครับ”
บริกรแยกไป ถนอมเข้ามา
“จะกลับรึยังคัรบ คุณฟ้า”
ฟ้าใสแหวใส่
“แกอย่ายุ่งกับฉันได้ไหม ไปรอที่รถเลย...ไป๊”
ถนอมลังเล แต่ก็ถอยออกไป
รุ้งระวีเดินออกมาที่สวนหลังร้าน เพราะได้โน้ตข้อความว่ามีคนมารออยู่ ฟ้าใสก้าวออกมาจากเงามืด เมาหนักกว่าเดิม
“บอกแล้วไง ให้จำเพลง ของรักของหวง ให้ขึ้นใจ”
รุ้งระวีตะลึง
“พี่ฟ้า”
“เธอเป็นแฟนพี่ทูนเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“ถ้ายังไม่ใช่แฟน ก็ไม่ควรทำสิ่งที่อยู่บนเวทีเมื่อกี้”
รุ้งระวีงงๆ
“ไม่เข้าใจค่ะ”
“ก็ทำให้พี่ทูนเขาร้องเพลงต่อหน้าคนได้น่ะซี”
“ฉันช่วยให้เขาเกิดความมั่นใจ มันผิดตรงไหนเหรอ”
“ผิด เพราะ...มันเป็นสิ่งที่ฉันเคยทำ และประสบความสำเร็จ ก่อนที่เธอจะมาเลียนแบบ”
“ไม่ยักรู้ว่าวิธีการของคุณนี่ มันสงวนลิขสิทธิ์ด้วย”
“ต้องสงวนซี้ เพราะฉันต้องใช้ความรักมหาศาลทำให้พี่ทูนมั่นใจในตัวเองขึ้นมา และความรักของเขา มีไว้ให้ฉันคนเดียว ฟ้าใส ใจสะออน แกไม่มีสิทธิ์มาแย่ง”
รุ้งระวียิ้มหยัน
“งั้นฉันไม่ต้องร้องเพลงของรักของหวง ให้ขึ้นใจแล้วละค่ะ แต่ต้องร้อง หมาหวงก้าง...มากกว่า”
ฟ้าใสโกรธจี๊ด
“ว่าฉันเป็นหมาเหรอ...อีฝรั่ง”
“ลองถามคุณทูนเขาดูก่อนนะคะ ว่าเขายังสงวนสิทธิ์ความรักในตัวคุณอยู่รึเปล่าเพราะเท่าที่รู้ ที่เขาอยากสงวนไว้มีอยู่อย่างเดียว คือลิขสิทธิ์เพลงที่คุณขโมยไปจากเขาไง ขอตัวนะคะ ไม่อยากเสียเวลากับคนเมา”
รุ้งระจะแยกไป ฟ้าใสกรีดลั่น วิ่งเข้ามาแล้วกระชากผมจนรุ้งระวีหน้าหงาย
“กรี๊ดดด”
“อีฝรั่งหน้าด้าน ข่าวลือเรื่องที่แกสร้างประวัติปลอมน่ะ มันกระฉ่อนไปทั้งวงการแล้ว อย่าหวังเลยว่าจะดังได้เท่าฉัน ฉันจะสะกัดดาวรุ่งแกทุกทางเลยคอยดู”
รุ้งระวีสะบัดหลุด
“เสียแรงนะคะ ที่ฉันเคยชื่นชมเธอ ทั้งความงาม ทั้งนิสัย ทั้งๆ ที่ตัวจริง ไม่มีเลยสักอย่าง”
ฟ้าใสโกรธมาก
“อีชั่ว”
ฟ้าใสกรี๊ด แล้วเข้ามาตบรุ้งระวีเป็นพัลวัน จนเธอล้มไปกับพื้น ฟ้าใสตามจิกทึ้งต่อ รุ้งระวีกรีดร้อง ทูนอินทร์ เมธ อินทร วิ่งออกมา พยายามเข้าแยกสองสาวออกจากกัน
เมธและอินทรจับร่างฟ้าใสยึดไว้ เธอพยายามสะบัดจะเอาเรื่องรุ้งระวี
“ปล่อยฉัน...ปล่อยซีวะ”
เมธมองฟ้าใสอย่างเกลียดชัง
“เข้ามาที่นี่ทำไม ร้านฉันไม่ต้อนรับคนอย่างเธอ”
ฟ้าใสไม่แคร์
“ยังไงฟ้าก็เข้ามาแล้ว พี่เมธไม่ต้องมาห้าม”
“ออกไป...ไปเดี๋ยวนี้เลย” เมธตวาดไล่
“ไปครับ”
อินทรจะพาฟ้าใสออก แต่ฟ้าใสเกิดอาการผะอืดผะอมแล้วอาเจียนออกมาที่พุ่มไม้ อินทรต้องดูอาการ ทูนอินทร์ประคองรุ้งระวีอยู่ถามอย่างเป็นห่วง
“รุ้ง...เป็นอะไรไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ทูนอินทร์ประคองรุ้งกลับเข้าร้าน เมธหันไปสั่งอินทร
“ทร ลากออกไป”
ทูนอินทร์นึกบางอย่างไดหันไปบอกเมธ
“พี่เมธครับ พาฟ้าไปที่ห้องทำงานก่อน ผมต้องเคลียร์เรื่องนี้”
ทูนอินทร์และรุ้งระวีกลับไป ฟ้าใสยังอาเจียนผะอืดผะอม มองตามสองคนไปอย่างเคียดแค้น
มะปรางกับจี่หอย ทำแผลที่ขมับและที่ต้นคอให้รุ้งระวี หนาน คูน อินทร นั่งอยู่ด้วย
“ลมชัก อีฟ้าต่ำนี่มันอยากเป็นนางร้ายตัวแม่ถาวรเลยใช่ไหม ดูซิกับรุ้งเพิ่งจะรู้จักกันเมื่อกลางวัน ตกกลางคืน มันตบเสียกระเจิง มันเห็นใครดังกว่ามันไม่ได้ นังโรคจิต” จี่หอยทำแผลไปบ่นไป
รุ้งระวีไม่สบายใจ
“ขอร้องทุกคนนะคะ อย่ารายงานเรื่องนี้ให้คุณอิททราบ”
จี่หอยแค้นๆ
“เก็บไว้ทำไม ให้คุณอิทจัดการกับเสี่ยดำรงไปเลย”
“ไม่ดีมังครับ เพราะฟ้าใสเขาเป็นเมียของเสี่ย เสี่ยไม่ทำอะไรให้อยู่แล้ว” อินทรแย้ง
หนานพยักหน้าเห็นด้วย
“จริงๆแล้วเจ๊หอยนั่นแหละ น่าจะเข้าไปจิกตบ จิกตบยายนั่นเสียเอง”
จี่หอยโบกไม้โบกมือ
“อุ๊ย...ทำไม่ได้ฮ่ะ ความก้าวร้าวทำไม่เป็น สบตาคนยังไม่กล้าเลย”
“ทำไมล่ะครับ” คูนถามงงๆ
“ไม่ชอบมองตา...ชอบมองแต่...ตีน !” จี่หอยบอกเชิดๆ
ทูนอินทร์คุยกับฟ้าใสที่ร้องไห้เบาๆ อยูในห้องทำงาน โดยมีเมธอยู่ด้วย
“คุยกันไปนะ แต่หมดธุระแล้วเธอกลับไปได้ แล้วอย่ากลับมาร้านฉันอีก” เมธกำชับเสียงแข็ง แล้วเดินออกไป
ทูนอินทร์จ้องหน้าฟ้าใส
“เธอต้องการอะไร”
“ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นละ แค่ทนไม่ได้ที่เห็นมันมาทำแสนดีกับพี่”
“เราไม่มีอะไรกันแล้วนะฟ้า”
“พี่ทูน...ฟ้าขอโทษที่หนีพี่ทูนไปทั้งๆ ที่เราจะแต่งงานกันแล้ว แต่ฟ้าไม่มีทางเลือก เสี่ยดำรงมันขู่จะทำร้ายพี่ ถ้าฟ้าไม่ไปเข้าสังกัดมัน ฟ้าต้องยอมตกเป็นของมัน”
ทูนอินทร์มองอย่างเอือมระอา
“จะโกหกไปถึงไหน เธอโกหกจนทำให้ชีวิตฉันพินาศแบบนี้ ยังจะมาโกหกต่ออีกเหรอ”
“มันเป็นความจริงนะ ฟ้ายังรักยังนับถือพี่อยู่ พี่เป็นครูคนแรกของฟ้า”
ฟ้าใสเข้ามากอด ทูนอินทร์ดันร่างเธอออก
“เธอได้ทุกอย่างที่เธอต้องการแล้ว รวมทั้งเพลงที่เธอปล้นไปจากฉัน บอกมาเธอต้องการอะไรกันแน่”
ฟ้าใสหน้าสลดลง
“เสี่ยอยากทำมิวสิคเพลงใหม่ของฟ้า อยากได้คนทำฝีมือดีๆ ฟ้าเห็นว่ามีพี่คนเดียวที่จะทำได้ พี่รับทำให้ฟ้านะคะ แล้วเราเข้าไปคุยกับเสี่ยด้วยกัน”
ทูนอินทร์ยิ้มหยัน
“อ้อ...เรื่องนี้เอง เสียใจนะฟ้า เราเดินกันคนละทางแล้ว อย่ามายุ่งกันอีก...อีกอย่างฉันทำมิวสิคให้รุ้งแค่คนเดียวเท่านั้น เซ็นสัญญากับบริษัทนายอิทธิแล้วด้วย เชิญเธอกลับได้”
ทูนอินทร์ออกไป ฟ้าใสทั้งโกรธทั้งแค้น
“เราไม่จบกันเท่านี้หรอกพี่ทูน”
ถนอมเข้ามาตาม
“กลับครับคุณฟ้า เสี่ยโทรตามแล้วครับ”
ฟ้าใสตัดสินใจเดินออกไป เมื่อมาถึงรถเธอบอกทันที...
“ไม่ต้องไปบอกเสี่ยนะว่าฉันมาที่นี่”
ถนอมพยักหน้ารับคำ ก่อนไปประจำที่นั่งคนขับ
ในครัวบ้านอินสรวง...มะปรางจัดถ้วยเครื่องดื่ม หม้อต้มกำลังอุ่นนมสดและไข่ลวก อินทรยืนคุยอยู่ด้วย
“พี่รุ้งยังตกใจอยู่เลยค่ะ เดี๋ยวต้องอุ่นนมกับไข่ลวกไปให้ทาน พี่รุ้งชอบทานก่อนนอน บอกว่าหลับสบาย”
“เหนื่อยนะครับ งานปรนนิบัติแบบนี้”
“ค่ะ”
“ไม่คิดอยากจะปรนนิบัติใครสักคน ที่ต้องการการดูแลพิเศษบ้างเหรอครับ”
“เคยค่ะ เคยดูแลคนแก่อัมพาต แต่ไม่ไหว ทั้งอึทั้งฉี่”
“มีรายอื่นอีกไหม”
มะปรางคิดนิดนึง
“หมาค่ะ มันโดนรถทับไข่ น่าสงสารมาก ต้องเช็ดไข่วันละ...”
อินทรสะดุ้งกุมเป้าตัวเอง แล้วพูดสวนขึ้น
“ไม่คิดจะเปลี่ยนงานบ้างเหรอครับ”
“ก็คิดนะคะ อยากทำงานในที่สงบๆ ไม่ต้องไปต่อสู้กับใคร แต่งานอย่างนั้นคงไม่มีในโลก”
“มีนะครับ”
มะปรางหันมามองหน้าเขา
“งานอะไรละคะ”
อินทร เขิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่กล้าสบตา
“ก็...เป็นแม่บ้านให้คนขี้เหงาสักคนไงครับ”
“เคยนะ ไปเป็นแม่บ้านให้ผู้ชายขี้เหงาคนนึง วันนึงเขาบอกไม่สบายให้ปรางไปเช็ดตัว เช็ด ๆ อยู่ เขาก็...โชว์ ลำเพลินเขาให้ปรางดู”
อินทรตาโต
“ลำเพลิน !”
มะปรางยิ้มๆ
“เข้าใจนะคะ”
“อ้อครับ...แล้วเกิดอะไรขึ้น”
“ปรางเลยใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า จี้เข้าที่กลางลำเพลินเขาเลย เดินขาถ่างมาถึงทุกวันนี้เลยค่ะ”
อินทรชะงักอึ้งไป มะปรางหันไปง่วนกับงานต่อ
“นมอุ่นได้ที่ละ ไข่ลวกสักฟองไหมคะ”
อินทรสะดุ้ง
“ไม่ครับ”
“ไปนะคะ”
มะปรางยกนมกับไข่ลวกไป อินทรถอนใจกุมเป้าตัวเอง
“กลัวเลย...ทำไมน้องโหดอย่างนี้ล่ะ”
รุ้งระวีอยู่ในชุดนอน ครึ่งนั่ง ครึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยมีส้มป่อยบีบนวดให้ จี่หอยกำลังรีดเสื้อที่จะเตรียมใส่ในวันรุ่งขึ้น มะปรางเอานมอุ่นและไข่ลวกเข้ามา
“เมื่อยตรงไหนบอกส้มนะคะ ส้มจะนวดให้สุดฝีมือ” ส้มป่อยถามอย่างเอาใจ
รุ้งระวียิ้มให้อย่างเอ็นดู
“เราใช่ไหม ที่เป็นเด็กในคลิปวิดีโอที่เต้นเพลงของพี่น่ะ”
ส้มป่อยเขิน
“อุ๊ย...คุณรุ้งเห็นด้วยเหรอคะ แหม...ไม่อยากจะทอลค์ ทู มัชเลย”
รุ้งระวีไม่เข้าใจ
“อะไรเหรอ”
“ก็ส้มทั้งซิ้ง ทั้งแดนซ์ เพลงจิ้มแจ่วของคุณรุ้งได้หมดเลยน่ะซีคะ ก็อปมาทุกสเต็ป”
“เป็นแฟนพี่ขนาดนั้นเชียว”
“ค่ะ...ฮิฮิ โตขึ้นส้มจะเป็นนักร้องให้ดังเท่าพี่รุ้งเลย แต่ถ้าไม่ได้เป็นก็ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นแค่นางแบบท็อปโมเดล กับแอร์โฮสเตสก็พอ”
จี่หอยมองหมั่นไส้เต็มที
“รุ้งนอนเถอะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้ทั้งวัน นี่...แม่ส้มป่อย กลับไปเป็นท็อปโมเดลที่หลังครัวได้แล้วจ๊ะ อย่ากวนพี่รุ้งเลย”
ส้มป่อยจ๋อยไป
“ก็ได้ค่ะ”
มะปรางวางนมอุ่นและไข่ลวกให้ รุ้งระวีหันไปยิ้มให้สัมป่อย
“ว่างๆเราคุยกันอีกนะ”
“ค่ะ”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงขลุ่ยเพลงสะพานรุ้ง ดังหวานแว่วมา
“เสียงขลุ่ยในฝันอีกแล้ว” จี่หอยพูดขึ้น
มะปรางนิ่งฟังก่อนจะบอก
“เพลงสะพานรุ้งด้วยนะคะ”
ส้มป่อยยิ้มแย้ม
“นายทูนเป่าค่ะ นี่แสดงว่าอารมณ์ดี”
รุ้งระวีมองส้มป่อย
“ทำไมรู้ล่ะ”
“ถ้าอารมณ์ดี เสียงขลุ่ยจะหวานสวีท แต่ถ้าเศร้านะคะ ร้องไห้ ครายอิ้งกันทั้งบ้านเลย”
รุ้งระวีลุกจากเตียง หยิบเสื้อคลุมนอนออกไปที่เฉลียงแล้วลงเฉลียงไป มะปรางจะทัก จี่หอยห้ามไว้
“ปล่อยไปเถอะ”
จี่หอยและมะปรางหันมาสะดุ้ง
"ว้าย...ตายแล้ว ยายส้มป่อย” มะปรางร้องลั่น
ส้มป่อยกำลังรับทานทั้งนมและไข่ลวก ปากมัน
“นั่นของพี่รุ้ง หล่อนกินเข้าไปได้ยังไง” จี่หอยโวยวาย
ส้มป่อยยิ้มแหยๆ
“ก็นึกว่าพี่รุ้งไม่ทานแล้วน่ะซีคะ”
“ขอฟาดหน่อยเถอะแม่นี่ แหม...ท็อปโมเดล ที่แท้ ปอบ”
จี่หอยหาของมาฟาด ส้มป่อยคว้าทั้งแก้วนมและไข่ลวก วิ่งตื๋อออกจากห้องไป จี่หอยวิ่งไล่ตาม
รุ้งระวีตรงมาที่เพิงใต้ต้นแสงจันทร์ มองภาพตรงหน้าอย่างตะลึง เมื่อเห็นทูนอินทร์นั่งอยู่ที่เพิง ที่ใบสะท้อนแสงจากพระจันทร์ ส่องสว่างเรืองไปทั่วบริเวณ
ทูนอินทร์เป่าขลุ่ยเพลงสะพานรุ้ง แต่ด้วยอารมณ์ที่อ่อนหวานจนจบท่อน รุ้งระวีปรบมือให้
“เพราะกว่าเมื่อกลางวันอีก”
ทูนอินทร์หันมายิ้มให้
“ขอบคุณครับ”
“แสดงว่าอารมณ์ดี”
“หืมม์... รู้ได้ไงว่าผมอารมณ์ดี”
“ส้มป่อยบอกค่ะ ถ้าหวานแบบนี้แสดงว่าอารมณ์ดี” รุ้งระวีมองไปที่ต้นแสงจันทร์อย่างตื่นตาตื่นใจ “สวยอย่างที่คุณบอกจริงๆ ต้นแสงจันทร์สว่างเรืองไปหมดเลย”
“ครับ...ยิ่งพระจันทร์เต็มดวงอย่างคืนนี้ ทุกอย่างสว่างไสวไปหมด”
ทูนอินทร์ยื่นมือมาให้รุ้งระวีมานั่งข้างๆกัน
“ผมขอโทษเรื่องฟ้าใสด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ...ดูเหมือนเธอยังรักคุณอยู่”
“ไม่หรอกครับ คนอย่างฟ้าใสไม่มีหัวใจที่จะรักใคร นอกจากตัวเองอย่าพูดถึงเขาเลย เสียเวลาเปล่า พูดถึงเรื่องดีๆคืนนี้ดีกว่า”
รุ้งระวีแปลกใจ
“อะไรคะ”
“สิ่งดีๆที่คุณทำให้ผมน่ะซีครับ คุณเป็นแรงบันดาลใจให้ผมกล้าร้องเพลงต่อหน้าผู้คนได้อีกครั้ง คิดยังไงถึงให้ผมคิดว่าคุณคือยายแหม่มจ๋า”
รุ้งระวีหลบตาลุกแยกไป
“ถ้ายายเด็กแหม่มจ๋าโตขึ้น แล้วรู้ว่าทำร้ายคุณขนาดนี้ เธอต้องรู้สึกผิดแน่ๆ แล้วก็อยากขอโทษคุณอย่างที่ฉันทำแน่นอน แล้ว...คุณยกโทษให้แหม่มจ๋ารึเปล่าคะ”
“ยกโทษให้หมดแล้วครับ”
รุ้งระวีหันมายิ้มกว้าง
“ดีใจที่สุดเลย”
ทูนอินทร์เข้ามาหาเธอมองตานิ่ง
“ขอบคุณครับ ที่มอบสิ่งดีที่สุดให้ผมคืนนี้”
ทูนอินทร์ดึงเธอมากอดไว้ รุ้งระวีซบไหล่ของเขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุข ทั้งสองกอดกันอย่างมีความสุขอยู่ใต้แสงเรืองของต้นแสงจันทร์ และพระจันทร์เต็มดวงเหนือขุนเขา
วันรุ่งขึ้น...ลานสนามหน้าเรือนตกแต่งอย่างดี ทั้งดอกไม้และอุปกรณ์ประกอบฉากแบบท้องทุ่งเช่นล้อเกวียน กองฟาง อุปกรณ์ถ่ายทำทั้งกล้อง เครน รางดอลลี ไฟ ถูกจัดวาง เจ้าหน้ากองถ่ายเดินกันขวักไขว่ อินทรเป็นตากล้อง ทูนอินทร์กำกับนั่งดูมอนิเตอร์
อิทธิ เมธนั่งอยู่ข้างหลัง จี่หอย ปราง และผู้ช่วยหน้าผมดูมอนิเตอร์อีกเครื่องใกล้ๆกัน
รุ้งระวีอยู่บริเวณที่จัดไว้เพื่อถ่ายทำมิวสิควิดีโอ สาวๆหางเครื่องใส่ชุดไทย ถือกระด้งฝัดข้าว ซ้อมเต้นกันอย่างพร้อมเพรียง อิทธิมองอย่างชื่นชม
“ที่นี่สวยจริงๆ นะเมธ”
เมธยิ้มรับ
“ครับ...บ้านนายทูนเขา มรดกตกทอดกันมา”
“บรรยากาศเป็นใจอย่างนี้นี่เอง รุ้งถึงได้ติดใจ” อิทธิพูดน้ำเสียงหยันๆ
ทูนอินทร์ได้ยินนิ่งไป พูดทางวอ.ทันที
“พร้อมไหม ถ้าพร้อมนับเลย”
“พร้อมครับ...สี่ สาม สอง...คิวมิวสิค” ผู้ช่วยตะโกนสั่ง
ดนตรีขึ้นทันที
“แอ็คชั่น”
รุ้งระวีเต้นและร้องลิปซิงค์เพลงผู้ชายข้าวจี่ เธอเต้นอย่างพร้อมเพรียงกับสาวหางเครื่อง ทูนอินทร์สั่งกล้อง อินทรนั่งบนเครนที่ยกขึ้นลงถ่ายตามคำสั่ง อิทธิมองภาพของรุ้งรวีอย่างพึงใจ
“รุ้งสวยมาก”
“หอยแต่งให้ค่ะ” จี่หอยพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ท่าเต้นก็สวย” อิทธิชม
จี่หอยหน้าระรื่น
“หอยออกแบบให้ค่ะ”
อิทธิพอใจมาก
“ดังแน่ เพลงนี้”
“หอยก็ว่างั้นค่ะ”
ทูนอินทร์สั่ง
“คัท”
รุ้งระวีและหางเครื่องหยุดเต้น จี่หอยและปรางเข้าช่วยดูแลทันที พาเข้าห้องพัก ทูนอินทร์หันไปบอกอินทร
“ทร...ย้ายกล้อง ย้ายแสง ไปถ่ายอีกมุม”
เจ้าหน้ากองถ่ายพากันปฏิบัติการตามคำสั่ง
รุ้งระวีดื่มน้ำ ช่างเสื้อผ้าหน้าผม ดูแลความงาม จี่หอยและมะปรางกำลังเตรียมเครื่องดื่มและของว่าง อิทธิเข้ามายิ้มให้
“เหนื่อยไหมรุ้ง”
“ไม่ค่ะ อากาศที่นี่สดชื่นดี”
“สวยนะ สงสัยจะต้องขอถ่ายอีกหลายเพลง”
“ดีค่ะ คุณทูนใจดี”
“มาถ่ายอีกเถอะค่ะคุณอิท มีมุมสวยๆ เยอะเลย คุณทูนก็ต้อนรับพวกเราอย่างดี” จี่หอยบอกอย่องยิ้มแย้ม
อิทธิชักอารมณ์ตึงๆ
“ลืมบอกไป ช่วงเย็นผมเรียกแจง ขวัญข้าว กับอาชา มาด้วยนะ”
จี่หอยชะงัก
“อุ๊ย...มาทำอะไรเหรอคะ”
“มาถ่ายรูปทำปฏิทินปีนี้ จะมีถ่ายรูปหมู่ด้วยนะรุ้ง เราจะแต่งไทยประยุกต์กันทั้งหมด”
“ค่ะ”
จี่หอยถอนใจ
“ตายจริง งานเข้าแล้ว แต่ละคนกว่าจะทรงเครื่องเสร็จ หอยกับยายปรางต้องวิ่งขาขวิด จะทันเหรอฮะ”
“ผมเตรียมทีมงานมาเสริมแล้ว ไหนๆที่นี่สวยแถมยังฟรีอีก ต้องถ่ายให้คุ้มจริงไหม”
อิทธิปรายตาไปมอง รุ้งระวีรู้ว่าโดนแขวะ
อ่านต่อหน้า 2
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ (ต่อ)
คำรณขับรถให้จวงใจและจุ๊บแจง ที่นั่งตอนหลังเข้ามาจอดจุดชมวิว มองเห็นทุ่งและเขาสวย รถจอดอยู่สองสามคัน มีหนุ่มสาวมาถ่ายรูปกลุ่มหนึ่ง จวงใจกับจุ๊บแจงลงจากรถ เดินมาที่จุดชมวิว
“พี่จวง ขอถ่ายรูปตรงนี้เลย วิวสวยมาก”
จวงใจมองไปเบื้องหน้า
“โน่นใช่ไหม ไร่อินสรวงน่ะ”
“น่าจะใช่ สวยนะพี่ มาถ่ายรูปก่อน”
คำรณใส่แว่นดำลงจากรถตามมา แล้วถอดแว่นออกหน้าเหี้ยม มองตามไปยังไร่เบื้องหน้า ย่างหมายมาดที่จะได้พบรุ้งระวี
จุ๊บแจงและจวงใจย้ายมาถ่ายอีกมุมหนึ่ง ฟ้าใสใส่แว่นดำ กำลังส่องกล้องไปทางไร่ จวงใจและจุ๊บแจงถ่ายรูปกันง่วน
“น้องแจง ไหน ๆ ก็มาไร่นายทูนแล้ว แจงก็น่าจะใช้ความสาวความสวยของตัวเองสร้างความปั่นป่วนให้กองมิวสิคนังรุ้งมัน”
จุ๊บแจงงงๆ
“ยังไงคะ”
“ก็ให้ท่าให้ทางนายทูนเสียเลยไง” จวงใจยุยง
ฟ่าใสที่หันหลังให้อยู่ ลดกล้องลงเลิกแว่นขึ้น...ขณะที่จุ๊บแจงย้อนถามจวงใจ
“อ้าว พี่จวง บอกว่าให้นายทูนจีบนังรุ้งไม่ใช่เหรอคะ คุณอิทจะได้กลับมาหาแจง”
“เรื่องนั้นมันชัวร์อยู่แล้ว แต่แจงก็แอบจีบนายทูนด้วยไง ถ้านายทูนมันเล่นด้วย นังรุ้งมันประสาทกินแน่ๆดีไหม”
จุ๊บแจงยกมือไหว้
“รักและนับถือพี่จวงมากในความเป็นนางมาร คิดได้ไงคะเรื่องเสี้ยมให้คนตีกันแบบนี้”
“ไม่ต้องคิดค่ะ อยู่ในสายเลือด ฮ่ะฮ่ะ”
จวงใจกับจุ๊บแจงหัวเราะร่าแยกไป ฟ้าใสมองแค้นๆ
“อีจุ๊บแจง แตงร่มใบ เดี๋ยวได้รู้ ใครเป็นนางมารตัวจริง”
ฟ้าใสยิ้มเหี้ยม
จวงใจและจุ๊บแจงกลับมาที่รถ คำรณรออยู่ สองสาวกำลังเดินผ่านหลุมบ่อที่มีน้ำขังอยู่ รถหรูของฟ้าใส แล่นโฉบมาทันทีเหยียบลงที่บ่อ น้ำกระเซ็นเข้าร่างสองสาว
“กรี๊ดดด”
สองสาวเต้นเร่าๆ ฟ้าใสยิ้มร่า รถแล่นไปอย่างเร็ว
“อีชาติไพร่ ใจทราม ขับรถภาษาอะไรของเอ็ง” จวงใจตะโกนด่าไล่หลัง
จุ๊บแจงหน้าเหยเกโกรธมาก
“น้ำครำ เปื้อนชุดแจงหมดเลย ขับตามไปด่ามันไหมพี่”
“ไม่ทันแล้วละ”
คำรณหยิบทิชชู่ส่งให้สองสาว จ๊บแจงขึ้นรถ แล้วเช็ดเนื้อตัว จวงใจส่งทิชชู่ให้คำรณ
“เช็ดให้หน่อย”
คำรณชะงัก จวงใจมองอย่างท้าทาย
“ได้ครับนาย”
คำรณช่วยเช็ดที่แขนและเอว จุ๊บแจงมองอย่างงง ๆ
“พอแล้ว ขอบใจ”
จวงใจยิ้มยั่ว แล้วขึ้นรถไป จุ๊บแจงเหวอเล็กน้อยมองจวงใจทำนองทำไมใฝ่ต่ำ แต่จวงใจกลับยิ้มภูมิใจ คำรณใส่แว่นขึ้นนั่งที่คนขับขับออกไป
กล้องและไฟย้ายมาถ่ายอีกมุมของสนาม เห็นทิวเขาเขียวขจีเบื้องหลัง การถ่ายดำเนินอยู่ รุ้งระวีและหางเครื่องเต้นตามมิวสิค ไปจนจบเพลง
“คัท” ทูนอินทร์ตะโกนสั่ง
อิทธิ จี่หอย มะปราง ปรบมือนำ ทุกคนปรบมือตาม อิทธิเดินไปหารุ้งระวี
“เก่งมากรุ้ง”
“ขอบคุณค่ะ”
แล้วอย่างไม่คาดฝัน อิทธิกอดรุ้งไว้แน่น
“รักที่สุดเลยนะ”
ทูนอินทร์มองนิ่ง รุ้งระวีหันมามองทูนอินทร์ สบตากันแว่บหนึ่ง อิทธิหันไปเรียกทูนอินทร์
“คุณทูน ถ่ายผมกับรุ้งหน่อยซีครับ ไว้เป็นเบื้องหลัง”
อิทธิ ยังกอดรุ้งระวีไม่เลิกทั้งโอบเอวและไหล่ ทั้งๆที่เธอขืนตัวอยู่ตลอด ทูนอินทร์พยายามระงับสติ ถ่ายต่อเนื่อง อิทธิดึงรุ้งระวีมากอดแนบอก
“ยิ้มหน่อยซีรุ้ง ให้รู้ว่าเบื้องหลังเราเป็นคู่ขวัญกัน”
รุ้งระวียิ้มเจื่อนเต็มที ทูนอินทร์ขบกรามแน่น
“พอไหมครับ”
“ขอดูภาพหน่อย”
ทูนอินทร์หันไปหาเมธ
“พี่เมธจัดการที ผมขอตัว”
ทูนอินทร์แยกไป อิทธิยิ้มสะใจ เข้ามาดูภาพที่ถ่าย
“รุ้งขอพักก่อนนะคะ”
รุ้งระวีรีบผละจาก อิทธิ ไปกับจี่หอยและมะปราง เมธหันไปสั่งกองถ่าย
“พักกองทานกลางวันก่อนครับ บ่ายโมงตรงเริ่มงานใหม่”
ทูนอินทร์เดินกลับมาที่บ้าน ด้วยอาการหัวเสียขึ้นเรือนไป โดยไม่เห็นว่ารถของฟ้าใสแล่นมาจอดที่มุมลับตาคน ฟ้าใสลงจากรถ ตรงมาที่บ้านทันที
ทูนเข้ามาในนั่งสงบสติอารมณ์ในห้อง รุ้งระวีตามเข้ามา
“คุณทูน”
“รุ้ง...ถ้านายอิทธิมันล่วงเกินคุณอีก ผมจะไม่อดทนแล้วนะ”
“ใจเย็นค่ะ ฉันว่านาย อิทธิ ทำไปเพื่อยั่วคุณมากกว่า”
ฟ้าใสกรายร่างเข้ามาที่มุมหนึ่งแอบฟังอยู่
“รุ้ง...สัญญากับผมนะ หมดอัลบั้มชุดนี้ อย่าเซ็นสัญญาต่อกับนายอิทธิอีก ต่อสัญญากับผม ผมจะดูแลคุณเอง”
“ค่ะ...ที่ฉันยังทำงานให้เขา ก็เพราะเขาสัญญาเรื่องตามหาแม่ให้เท่านั้นเอง”
“เรื่องแม่ ผมตามหาให้คุณได้แน่นอน ไม่ต้องไปพึ่งนาย อิทธิเลย”
ทูนอินทร์ดึงรุ้งมากอดไว้
“มันแตะต้องตัวคุณมากเท่าไหร่ ผมยิ่งหวงคุณมากเท่านั้น”
“คุณจะดูแลฉันนะคะ”
“ครับ...ทุกวันนับแต่นี้ต่อไป”
ทั้งสองยิ้มให้กัน อินทรเดินเข้ามา แล้วชะงัก ทูนอินทร์และรุ้งระวีรีบแยกจากกันเขินกันไปทั้งคู่
“คุณรุ้งครับ พี่หอยเรียก”
“ค่ะ”
รุ้งระวีออกไป อินทรมองหน้าพี่ชาย
“ยังไงพี่ ความสัมพันธ์พัฒนาไปถึงขั้นกอดกันแล้วเหรอ”
“คนรักกันแล้วนี่หว่า”
ฟ้าใสเม้มปากแน่น
“ยืนยันขนาดนั้นเลยเหรอพี่”
“เห็นนายอิทธิมาล่วงเกินรุ้ง ยิ่งทำให้ฉันแน่ใจตัวเองว่าฉันรักรุ้งรักมากด้วย”
“แต่นายอิทธิ มันทำท่าเป็นเจ้าของรุ้งอยู่นะพี่”
“ก็ต้องเจอกันหน่อย แต่ที่แน่ๆ รุ้งมีใจให้ฉันไม่ใช่มัน แกไปรับหน้าเจ้าอิทธิก่อน ขืนออกไปตอนนี้ฉันชกมันคว่ำแน่”
“ครับ”
อินทรออกไป ทูนอินทร์นั่งถอนใจ ฟ้าใสมองอย่างยินดีที่เห็นเขาอยู่ลำพัง
อิทธิโวยใส่จุ๊บแจงและจวงใจทันที่พบหน้า
“รีบมาทำไม บอกให้มาบ่ายๆ ไม่ใช่เหรอ”
“แจงอยากมาเช้าๆนี่คะ อยากมาเที่ยวไร่อินสรวง”
จวงใจยิ้มชื่นชม
“แหมสวยจริงๆ สมคำร่ำลือ”
“นังคนที่มาก่อน มันคงสำลักความสวยแทบขาดใจเลยนะ” จุ๊บแจงแดกดัน
จวงใจรับมุขทันที
“คนไหนนะแจง”
“นังฝรั่งกิมจูนั่นไง”
อิทธิชักฉุน
“ไปอยู่ที่ของตัวเองเลยไป อย่ามาเพ่นพ่านให้เสียงานคนอื่น ที่นี่เขาถ่ายมิวสิคไม่ใช่ตลาดสดหรือซ่องโจร”
อิทธิแยกไป จุ๊บแจงหันมาหาจวงใจ
“แหม คุณ อิทธิพูดอย่างกะเราเป็นตัวเสนียด”
จวงใจมองไปที่ตัวบ้าน
“ตัวเสนียดจริงๆ อยู่โน่น นังรุ้งมันแต่งตัวอยู่ในบ้านโน่น ไปสร้างเสนียดให้เกิดขึ้นกับตัวเสนียดของแท้ดีกว่า”
จวงใจพาจุ๊บแจงตรงไปทันที
ทูนอินทร์ยังนั่งทำอารมณ์อยู่ ฟ้าใสกรายเข้ามา เอามือลูบไปบนไหล่ของเขา
“รุ้งเหรอ”
“เปล่า คนรักคนแรกของพี่”
ทูนอินทร์ผลุดลุกขึ้นทันที
“เธอเข้ามาได้ยังไง”
“นักร้องดังเดินกันเต็มบ้าน คนดังอย่างฟ้าใสทำไมจะเข้ามาไม่ได้ อีกอย่างบ้านหลังนี้ฟ้าก็คุ้นเคยอยู่”
ทูนอินทร์จ้องหน้าอย่างเกลียดชัง
“ออกไป นี่ไม่ใช่ที่ของเธออีกแล้ว”
“จะขอเข้ามาดูการถ่ายทำมิวสิคหน่อยไม่ได้เหรอคะ หรือว่าจะสงวนไว้ให้นังลูกครึ่ง รักครั้งใหม่ของคุณคนเดียว”
“ก็ทำนองนั้นละมัง”
ฟ้าใสโกรธ แต่ยิ้มหยัน
“ลำบากนะคะ เพราะรักครั้งนี้ท่าทางอุปสรรคเยอะ เพราะนายอิทธิเจ้าของค่ายก็หมายปองแม่ลูกครึ่งอยู่”
“พอได้แล้ว เรื่องของฉัน เธอไม่เกี่ยว ออกไป”
“ไม่”
ทูนอินทร์เข้ามากระชาก ฟ้าใสร้องเบาๆ แล้วแกล้งทำเป็นล้มดึงร่างของเขาล้มตามไปด้วยบนโซฟายาว ร่างทูนอินทร์ทาบทับอยู่บนร่างของเธอ
“แบบนี้ยังจะไล่ฟ้าได้ลงคออีกเหรอ”
ฟ้าใสโน้มคอของทูนอินทร์ลงมาจะประทับจูบ ทูนอินทร์มองหยัน
“ถนัดนักนะ ที่ทำตัวถูกๆแบบนี้ แต่เจ้าเสี่ยดำรงมันคงชอบละ เพราะถูกสมใจมัน”
ฟ้าใสตบหน้าฉาด ทูนอินทร์ผลุดลุกขึ้นทันที
“สำหรับฉันน่ะ มันใช้ไม่ได้ผลหรอกนะ เพราะเธอมันต่ำเกินไป ไปได้แล้ว”
ทูนอินทร์กระชากร่างฟ้าใสจะพาออกจากห้อง เธอสะบัดออก
“เดี๋ยว...ที่มาวันนี้เพราะเรื่องนี้”
ฟ้าใสหยิบซองเอกสารออกมา เป็นใบสำคัญการหย่า
“ใบหย่าไงคะ ฟ้าเซ็นเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ชื่อของคุณ”
“ดี...จะได้จบเรื่องกันเสียที”
ทูนอินทร์จะคว้ามา แต่ฟ้าใสดึงใบกลับ
“อ๊ะ...อ๊ะ ไม่ใช่เซ็นตอนนี้ค่ะ ขอให้ฟ้าได้ดูการทำงานของคุณก่อนจนกว่าจะพอใจถึงจะให้เซ็น เอาน่าฟ้าจะอยู่เงียบๆ ในบ้านนี่แหละ จะไม่รบกวนคุณแม้แต่นิดเดียว”
ทูนอินทร์สะกดอารมณ์ ฟ้าใสยิ้มอย่างเป็นต่อ
รุ้งระวีอยู่ในชุดใหม่ เป็นชุดไทยงดงาม สำหรับถ่ายทั้งมิวสิคและปฏิทิน จ๋าช่างแต่งหน้ากำลังบรรจงแต่ง มะปรางดูแลเรื่องชุด จี่หอยงงเมื่อจวงใจและจุ๊บแจงมาบอกให้แต่ตัวให้
“อะไรนะ จะแต่งตอนนี้”
“ก็ใช่น่ะซี น้องแจงมาถึงแล้ว แกจะให้รอรึไง”
“ก็ใช่ต้องรอ เพราะตอนนี้ช่างมีชุดเดียว รอบ่ายสองโน่นช่างอีกชุดถึงจะมา”
จุ๊บแจงไม่พอใจ
“ไม่รอจะแต่งตอนนี้ และต้องแต่งกับพี่จ๋าเท่านั้น ไม่แต่งกับช่างมือสอง”
รุ้งระวีลุกขึ้นทันที จวงใจและจุ๊บแจงถอยพรวด
“เชิญค่ะ เชิญแต่งตามสบายเลย”
“อุ๊ย ใจดี ให้พี่จ๋าแต่งให้ฉันก่อนใช่ไหม”
“เปล่า ฉันกับพี่จ๋าจะไปแต่งอีกห้องที่ไม่มีมลพิษรบกวน ส่วนเธอมีเจ๊จวงอยู่แล้วนี่ แต่งกันเองน่าจะได้”
จุ๊บแจงหน้าเหวอก่อนจะโวยวาย
“ให้พี่จวงแต่ง หน้าก็เหมือนงิ้วน่ะซี ดูซี พี่จวงแต่งตัวเองยังเหมือนงิ้วเลย ดูซีเหมือนไหม”
จี่หอย มะปราง จ๋า พูดพร้อมกัน
“เหมือนจ้า”
“ไปค่ะ พี่หอย พี่จ๋า มะปราง”
รุ้งระวีออกจากห้อง จี่หอย มะปราง จ๋าเก็บข้าวของ กลั้นหัวเราะ จวงใจนิ่งงัน จี่หอยเหยียดปากรังเกียจ
“ห้องนี้มันมลพิษจริงๆด้วย แมลงวันหัวเขียวบินว่อนเลย นังจวงแกเก่งจริงๆนะ แต่งตัวเองให้เป็นงิ้ว เอ...แล้วถ้าแต่งงิ้วจะเหมือนอะไรนะ”
จี่หอยทำเป็นคิดๆ จ๋าพูดต่อทันที
“สงสัยจะกระสือค่ะ”
จี่หอย มะปราง จ๋าหัวเราะร่าออกจากห้องไป จวงใจทำท่าจะร้องไห้ จุ๊บแจงมองจวงใจงอนๆ
“พี่จวง ไม่เห็นช่วยแจงเลย”
จวงใจสะอื้น
“ทำไมมาด่ากันเองละคะน้องแจง พี่ พี่เหมือนงิ้วตรงไหนเหรอ”
จุ๊บแจงจ๋อยไป
“แจงขอโทษ แจงไม่ได้ตั้งใจ”
“พี่ออกสวย เหมือนงิ้วตรงไหน ฮือ”
จวงใจหยิบกระจกมาส่องดูหน้าตัวเอง สะอื้นฮักๆ
ทูนอินทร์ปรึกษากับอินทรและเมธเรื่องฟ้าใสอยู้ในบ้าน
“หา ยายฟ้ามืดมันเข้ามาในบ้านเรา” เมธตกใจ
“แอบขึ้นไปอยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะครับ”
“ไม่ไล่ไปละพี่” อินทรถาม
ทูนอินทร์ส่ายหน้าหนักใจ
“ไล่ก็ไม่ยอมไป”
“แกไม่ไล่ ฉันขึ้นไปไล่เอง”
เมธจะไป ทูนอินทร์ห้ามไว้
“อย่าเพิ่งครับ ปล่อยไว้ก่อน เพราะเธอเอาใบหย่ามาให้ผมเซ็นด้วย เดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้ทำงานของเราก่อนดีกว่า”
ทูนอินทร์แยกไป เมธถอนหายใจอย่างหนักใจ
“เฮ้ย นางมารเต็มบ้านเลยว่ะ”
อินทรเครียดกังวล
“นั่นซีครับพี่ บ้านอินสรวงท่าจะไม่สงบแล้ว เหมือนสมรภูมิเลย”
รุ้งระวีออกมานั่งสงบสติอารมณ์ที่สวนด้านหลัง จี่หอยตามมา
“เหนื่อยจังเลยพี่หอย”
“อดทนนะรุ้ง เดี๋ยวงานก็เสร็จแล้ว”
“ค่ะ”
จี่หอยกลับไป รุ้งระวีนั่งอยู่ลำพัง คำรณแอบมองอยู่ที่พุ่มไม้ รุ้งระวีรู้สึกเหมือนมีใครแอบมองอยู่ ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงเดินสวบสาบอยู่ในสวน
“ใครน่ะ” เธอมองๆเห็นร่างสูงใหญ่แอบอยู่ในพุ่มไม้ “ใคร”
คำรณก้าวออกมา รุ้งระวีเย็นวาบไปทั้งตัว รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา แต่ไม่แน่ใจ
“ผมหาห้องน้ำอยู่น่ะครับ ไม่ทราบไปทางไหน”
“ที่เรือนเล็ก ด้านนู้น”
“ขอบคุณครับ”
คำรณยิ้มกับตัวเอง เพราะแน่ใจว่าคือรุ้งแน่นอน เขาเดินแยกไป รุ้งมองตามแล้วรีบกลับเข้าเรือน คำรณหันกลับมามอง
“แกแน่ๆนังรุ้ง ในที่สุดฉันก็เจอแกจนได้”
รุ้งระวีนั่งอยู่ในเรือแจวริมฝั่งของบึงบัว ท่ามกลางดอกบัวสวยงาม ทีมงานกองถ่ายอยู่ในน้ำสองสามคน คอยช่วยอยู่ มีดรายไอซ์ทำให้น้ำเป็นควัน รุ้งระวีไม่มั่นใจเท่าไหร่ ขณะที่ทูนอินทร์อยู่บนฝั่งข้างๆเรือ รุ้งระวีนั่งเกรงกลัวๆ
“คุณทูน เรือมันโคลงน่ะค่ะ”
“ต้องนั่งนิ่งๆครับ อย่าเอียงน้ำหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง”
“ที่กลัว เพราะรุ้งว่ายน้ำไม่เป็นน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เด็กผมคอยเซฟให้คุณแล้ว”
ทูนอินทร์แอบจับมือรุ้งระวีไว้
“ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ให้คุณเป็นอะไรหรอก เชื่อใจผม”
“ค่ะ”
อิทธิพยายามมองว่าทำอะไรกัน ส่วนทางด้านจุ๊บแจงเธอมองอย่างหมั่นไส้
“ดูมัน ออเซาะซีพี่จวง แหมว่ายน้ำไม่เป็น ของจริงน่ะ คงว่ายข้ามโขงไปมาวันละสองสามเที่ยว”
“ไปกลับ ไทยลาวใช่ไหม”
ทั้งสองหัวเราะคิก จี่หอยผ่านมา
“อ้าว ช่างเขาว่างแล้ว ทำไมไม่ไปแต่งตัว”
“ก็อยากดูเขาถ่ายมิวสิค” จุ๊บแจงเถียง
“ไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวเจ๊ขวัญกับนังอาชามันจะมาอีก แต่งไม่ทันพอดี”
“ไปเถอะแจง” จวงใจบอก
จุ๊บแจงตามจี่หอยกลับไปที่เรือน จวงใจมองรุ้งระวีอย่างหมั่นไส้
“ดัดจริต ทำเป็นว่ายน้ำไม่เป็น อย่างนี้มันน่าเจาะเรือให้ล่ม รู้แล้วรู้รอดไปเนอะ”
คำรณยื่นหน้ามากระซิบ
“อยากให้เป็นอย่างนั้นไหมละครับ ผมจัดการให้ได้นะ”
จวงใจหันมามองหน้า คำรณยิ้มให้อย่างเหี้ยมๆ จวงใจตาเป็นประกายวาว
“หมายถึงทำให้เรือล่มน่ะเหรอ”
“ครับ”
“ไม่มีใครสงสัยนะ”
“รับรองครับ นาย”
จวงใจยิ้มพอใจ
รุ้งระวีมองไปที่คำรณกับจวงใจ แล้วหันมาถามทูนอินทร์
“ทูนคะ เห็นผู้ชายที่อยู่กับเจ๊จวงไหม”
ทูนอินทร์หันไปมอง เห็นคำรณกับจวงกำลังปรึกษาแผนร้ายกันอยู่
“ทำไมเหรอครับ”
“เหมือนรุ้งเคยเห็นที่ไหน จำไม่ได้”
“ทำไมถึงคิดว่าเคยเห็นละครับ”
“เห็นทีแรกก็กลัวทันที รุ้งคงรู้จักเขามาก่อนแน่ๆ”
“รุ้งเพิ่งกลับมาเมืองไทยนะ จะรู้จักได้ยังไง”
“นั่นซีคะ หรือรุ้งคิดไปเอง”
“วันนี้มันแต่คนร้ายๆทั้งนั้น รุ้งเลยระแวงไปหมด”
รุ้งระวีพยักหน้าเชื่อ แต่มองไปทางคำรณที่จ้องตรงมา เธอต้องหลบตาทุกที
เพลงมิวสิคขึ้น เรือของรุ้งระวีอยู่กลางสระบัว กล้องของอินทรดอลลีไปข้างสระ รุ้งระวีร้องเพลงคิดฮอดออนไลน์ แล้วเก็บบัวไปด้วย ทูนอินทร์สั่งกล้องแล้วมองจอมอนิเตอร์ อิทธิกับจี่หอย นั่งประจำดูเหมือนเดิม อาชากับขวัญข้าวเข้ามาพร้อมส่งเสียงลั่น
“โอ๊ย ขับหลงไปตั้งไหนๆน่ะครับคุณ อิทธิ”
“ทำไมมันลึกลับนักนะอีไร่บ้าเนี่ย” ขวัญข้าวบ่น
ทูนอินทร์ฉุนกึกมองหน้าสองคน
“คัท! โทษนะครับ ถ้าจะคุยกัน โน่น...ออกไปคุยกันที่ทุ่งเลี้ยงควายโน่น ตรงนี้กำลังคนเขากำลังถ่ายทำ”
ทูนอินทร์ปาของที่อยู่ใกล้ๆ ดังโครมใหญ่ อาชากับ ขวัญข้าวตกใจ
“เฮ้ย ย้ายมอนิเตอร์ไปอยู่ตรงโน้น หนวกหูโว้ย” ทูนอินทร์ไม่พอใจหันไปสั่งลูกน้อง
บรรดาทีมงานรีบย้ายทันที ทูนอินทร์กระทืบเท้าอย่างอารมณ์เสียแยกไป อาชากับขวัญข้าวมองหน้ากัน อิทธิหันไปดุ
“กำลังถ่ายอยู่ เข้ามาได้ไง”
อาชาหน้าจ๋อย
“ไม่ทราบนี่ครับ”
ขวัญข้าวค้อน
“ถ้ารู้คงไม่ส่งเสียงให้โดนด่าหรอก แหม...ด่าเราเป็นวัว เป็นควาย”
จี่หอยถอนใจรีบตัดบท
“ไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวต้องลอยเรือกันในสระ ทางนี้เลย เชิญ”
อาชาและขวัญตามจี่หอยไป อิทธิส่ายหน้า มองไปทางรุ้งระวีที่อยู่กลางบึง เห็นรุ้งระวียิ้มให้ทูนอินทร์ที่ย้ายมอนิเตอร์ไปอีกมุม ทูนอินทร์ยิ้มตอบให้กำลังใจ อิทธิยิ่งเครียด
รุ้งระวีอยู่กลางสระ ทีมงานชายมาช่วยอยู่ใกล้ๆ เรือมะปรางยังอยู่ที่ฝั่ง จวงใจและคำรณแอบซุ่มอยู่ ทั้งสองไม่ทันสังเกตว่าฟ้าใสแอบมาเดินเล่นอยู่ในสวน ฟ้าใสรีบหลบหลังต้นไม้ใหญ่ไม่ห่างนักแอบฟัง
“นายจะทำยังไง”
“ผมจะดำลงไป แล้วพลิกเรือไปเลยง่ายดี ไม่มีใครรู้เห็นด้วย”
“แน่นะ ต้องไม่ให้ใครรู้นะ ไม่งั้นฉันกับนายไม่รอด”
“เชื่อผมซีครับ เรื่องอย่างนี้ผมชำนาญ ว่าแต่คุณนายคงไม่เล่นถึงตาย”
“ฉันไม่โหดขนาดนั้น เอาแค่มันตกใจเท่านั้นเอง”
“ดีครับ”
“แสดงว่าทำแบบนี้บ่อย”
“ก็แล้วแต่คนจ้าง”
“งั้นงานนี้ ถ้าสำเร็จ ฉันจ่ายอย่างงาม”
“ได้ครับ จัดการมันตอนนี้เลยไหม”
“อย่าเพิ่ง รอให้ทุกคนพร้อมก่อน”
จวงใจและคำรณหลบมุมไป ฟ้าใสได้ยินทั้งหมด ยิ้มกับตัวเอง
“อ้อ แกมีศัตรูเยอะอยู่เหมือนกันนะนังรุ้งระวี”
จุ๊บแจง อาชา ขวัญข้าว แต่งชุดไทยงดงามกันทั้งสาม รุ้งระวียืนแยกมา ทั้งหมดถือร่มบังแดด ร่มของอาชาเป็นลูกไม้สวยงาม ทั้งๆที่แต่งราชปะแตน
“ลำบากลำบนเหลือเกิน แต่งชุดไทย ร้อนตับแตก แล้วนี่ต้องลงไปในสระบัวอีก” อาชาบ่นอุบ
ขวัญข้าวหน้าหงิก
“นั่นซิ นี่ยังดีนะ ที่ได้กางร่ม ไม่งั้นผิวฉันหมองหมด”
อาชาจิกตามอง
“มีอะไรให้หมองอีกเหรอเจ๊ ดำจนเป็นเหนี่ยงแล้ว”
“ที่พวกเราต้องลำบากเนี่ย อยากรู้นักอีหน้าไหนมันเป็นคนต้นคิด” จุ๊บแจงบ่นเซ็งๆ
ขวัญข้าวมองไปที่ รุ้งระวี
“จะหน้าไหน มันก็ต้องหน้า นังฝรั่ง น่ะซี้”
ขวัญข้าว จุ๊บแจง จวงใจ อาชา ปรายตามองไปทางรุ้งระวีแล้วหัวเราะพร้อมกัน ทูนอินทร์กำลังช่วยจัดแสงอยู่กับอินทรเห็นรุ้งระวีโดนรุมก็เดินมาหา
“ไหวไหมรุ้ง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่อยากให้งานเสร็จ จะได้เลิกยุ่งกับคนพวกนี้ เสียที”
“อดทนนะ”
“ค่ะ”
ทูนอินทร์หันไปสั่งทุกคน
“อ้าว...ทุกคน ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลงเรือเลยนะครับ”
“พร้อมแล้วค่ะ เชิญลงเรือเดี๋ยวนี้”
จี่หอยต้อนทุกคนลงเรือ ขวัญข้าวและอาชาลงเรือลำเดียวกัน จุ๊บแจงแยกไปอีกลำ รุ้งระวีก้าวลงเรือของตน ทีมงาน พนักงานพาเรือทั้งสามลำไปกลางสระ อาชาตัวสั่นหันไปหาหนุ่มทีมงาน
“โอย...กลัวจัง ว่ายน้ำไม่เป็นน่ะ หนุ่มแน่น อย่าให้พี่ตกน้ำนะ ถ้าพี่ตกไปเธอต้องกอดพี่แน่นๆอย่าให้พี่จม”
“กอดแน่นๆนั่นแหละครับ ตายทั้งคู่”
อาชาอึ้งไป เรือลอยมากลางบึง ดรายไอซ์ลอยควันฟูฟ่อง
“แจง กระแทกเรืออีฝรั่งเลย” ขวัญข้าวยุ
“จัดให้ค่ะ”
จุ๊บแจงหันหัวเรือไปชนกับเรือรุ้งระวี จนเอียงไป ทีมงานชายต้องช่วยกันจับ
“ว้าย มาชนฉันทำไม” รุ้งระวีโวยวายอย่างตกใจ
“ก็ดันช้าทำไมล่ะยะ”
ทูนอินทร์ตั้งกล้องภาพนิ่งริมฝั่ง แล้วพูดโทรโข่ง
“เอาเรือของรุ้งนำมาข้างหน้า ลำเดียว”
อาชา จุ๊บแจงและขวัญข้าวไม่พอใจ
“ได้ยังไงวะ ให้เรือเราอยู่ข้างหลัง เราก็เป็นแค่ตัวประกอบนัง ฝรั่งมันน่ะซี” อาชาโวย
จุ๊บแจงโกรธ
“โวยเลยพี่ม้า”
“อย่า คุณอิทธินั่นแหละที่ต้องการแบบนั้น โวยไปเสียเวลาเปล่าเป็น ตัวประกอบกันไปเถอะ”
ทีมงานดึงเรือของอาชา ขวัญข้าวและจุ๊บแจง ไปด้านหลัง คำรณซุ่มอยู่ริมบึงอีกด้าน ถอดเสื้อออก เหลือกางเกงว่ายน้ำรัดรูปค่อยๆย่องลงน้ำ แฝงตัวอยู่ใต้ใบบัว มองมายังกลุ่มเรือที่ลอยอยู่ เขาค่อยๆลอดใต้ใบบัวเข้าไปใกล้กลุ่มเรือ
เรือทั้งสามลอยได้จังหวะ นักร้องทั้งสี่ยิ้มสวยให้กล้อง ทูนอินทร์กดชัตเตอร์ถ่ายภาพนิ่ง อินทรกดอีกกล้องคนละมุม ทีมงานแยกขึ้นฝั่งทั้งหมดเพื่อไม่ให้ร่วมเฟรม
อิทธิ จี่หอย จวงใจ ดูการถ่ายอยู่ ทูนอินทร์และอินทรกำลังขะมักเขม้น จวงใจมองดูไปที่เรือรุ้งระวีอย่างลุ้นๆ คำรณแอบใต้ใบบัว ได้จังหวะดำน้ำลงไปทันทีตรงไปใต้ท้องเรือ จับท้องเรือรุ้งระวีกระแทกอย่างแรง เรือเอียงวูบ รุ้งระวีร้องกรี๊ดลั่น
(อ่านต่อหน้า 3 )
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 7 (ต่อ)
เมื่อเรือเอียงวูบ รุ้งระวีร้องกรี๊ดลั่น เรือไปกระแทกเข้ากับเรือของจุ๊บแจง ทำให้จุ๊บแจงพลอยเสียหลักไปด้วย
“กรี๊ด!”
จุ๊บแจงร้องลั่น เรือของรุ้งระวีกลับประคองตัวไว้ได้ ส่วนเรือจุ๊บแจงกลับเป็นฝ่ายพลิกเสียเอง ร่างของจุ๊บแจงกลิ้งตกน้ำไป อาชา และขวัญข้าวร้องกันเอะอะ ขณะเดียวกันที่บนฝั่ง ทุกคนร้องเอะอะ
“ช่วยซี ไปช่วยแจงเร็ว คุณอิทธิ” จวงใจโวยวาย
อินทรรีบบอก
“ไม่ต้องตกใจครับ ทีมงานช่วยไว้แล้ว”
ทีมงานชายรีบลงน้ำไปช่วยจุ๊บแจง แล้วประคองเธอขึ้นฝั่ง จุ๊บแจงร้องไห้โฮ ขณะเดียวกัน คำรณโผล่ขึ้นเหนือน้ำ หลบอยู่หลังใบบัว โมโหที่แผนไมได้ผล
“ทำไมเป็นอย่างนี้วะ”
หลังต้นไม้ ฟ้าใสแอบดูอยู่ ยิ้มชอบใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
รุ้งระวีนั่งมองจุ๊บแจงที่ร้องไห้โฮอย่างตกใจ จวงใจ จี่หอย มะปราง พากันเข้ามาดูแล
“เมื่อกี้ใครแกล้งพลิกเรือฉัน” รุ้งระวีหันขวับไปถามขวัญข้าว กับอาชา
“พูดดีๆนะยะ เรือเราอยู่ห่างตั้งขนาดนี้ ถ้าฉันพลิกเรือแกได้ มือฉันต้องยาว เป็นมือแม่นากแล้ว” ขวัญข้าวย้อน
“อย่ามากล่าวหากันชุ่ยๆ นังฝรั่งหน้าเงือก” อาชาโต้
รุ้งระวีพยายามระงับอารมณ์ ขณะที่บนฝั่ง จุ๊บแจงโวยวายลั่น
“นังฝรั่งมันแกล้งแจง ฮือ มันตั้งใจให้เรือแจงพลิกคว่ำ”
“คุณอิทธิไม่ได้นะคะ ต้องเอาเรื่อง” จวงใจโวยวาย
อิทธิรำคาญ
“ไม่มีใครแกล้งใครทั้งนั้นละ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด แล้วมาถ่ายใหม่”
“ไม่ถ่ายแล้ว ถ้าถ่ายก็ต้องถ่ายคนเดียว ไม่ขอเป็นตัวประกอบให้นังฝรั่งมันหรอก” จุ๊บแจงบอกอย่างไม่พอใจมาก
อิทธิตวาดอย่างไม่ยอม
“งั้นก็ไม่ต้องถ่าย เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับกรุงเทพไปเดี๋ยวนี้เลย”
“คุณอิท โฮ”
จุ๊บแจงร้องไห้หนักขึ้น เมื่ออิทธิไม่ใยดี
“ไป แจง ไปอาบน้ำก่อนค่อยว่ากัน”
จวงใจรีบแทรก พาจุ๊บแจงไปกลับไปที่บ้าน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทูนอินทร์มองไปที่รุ้งระวี ที่ยังลอยเรืออยู่ เห็นเธอส่ายหน้าอย่างโมโห
อาชาตะโกน
“เอาไงครับคุณ อิท”
“ถ่ายต่อ”
“เหลือแค่สามคนเนี่ยนะคะ” ขวัญข้าวร้องถาม
“ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื้อกี้ได้รูปแจงไปครบแล้ว ถ่ายต่อเลย”
ขวัญข้าวหันขวับมามองรุ้งระวี
“เบื่อ ต้องมาถ่ายกับนังฝรั่งเมียน้อย หน้าด้าน เบื่อจริงๆ”
รุ้งระวีสุดจะทน
“คุณอิท ขอพักก่อนค่ะ”
“มีอะไรรึเปล่ารุ้ง ผมอยากให้ถ่ายต่อ”
“ยังไม่ถ่ายค่ะ ขอพักก่อน เพราะถ้ายังนั่งอยู่ในเรือแบบนี้ มีสิทธิ์เรืออีกลำต้องล่มแน่ๆ”
“หมายความว่ายังไงยะ ขู่จะล่มเรือฉันงั้นเหรอ” ขวัญข้าวโต้
“ใช่ ขู่จะจมเรือแกทั้งลำ เพราะฉันทนพวกแกไม่ไหวแล้ว แล้วถ้ายังปากมากไม่เลิก ไอ้ด้ามพายแหละที่มันจะฟาดปากแกนังดำตับเป็ด ส่วนแกฉันจะกระทุ้งด้วยหัวพาย สุดลิ่มทิ่มประตูเลย นังกะเทยจรจัด”
ขวัญข้าวและอาชาอ้าปากค้างที่ถูกด่า รุ้งระวีหยิบพายมาฟาดโครมลงน้ำ จนน้ำสาดเข้าเต็มหน้า ทั้งสองร้องกรี๊ดกร๊าด
“พาพี่กลับเข้าฝั่ง”
รุ้งระวีหันไปบอกทีมงานที่อยู่ใกล้ ทีมงานจึงช่วยกันดึงเรือรุ้งระวีกลับไปทันที
“มันว่าฉันดำตับเป็ด“ ขวัญข้าวหันมาบอกอาชา
“แต่มันว่าฉันกะเทยจรจัด มันแปลว่าอะไรเจ๊”
“ไม่รู้ แปลไม่ออก แต่คงไม่ใช่คนดีหรอก”
อาชา ขวัญข้าวร้องโอดโอย
“พาฉันขึ้นฝั่งด้วย ต้องแต่งใหม่หมด ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม เร็วซี”
อาชาหันไปอ้อนทีมงานหนุ่มๆ
“ไม่กล้าแตะด้ามพายแล้ว กลัว หนุ่มแน่นช่วยพี่ด้วย”
“โอ๊ย มีแต่เรื่อง” ขวัญข้าวโวยวาย
ทูนอินทร์และอินทรมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างขำๆ มองรุ้งระวีที่กำลังขึ้นฝั่งอย่างนิยมชมชอบในความกล้าของเธอ
อิทธิ เข้ามาหารุ้งระวีพร้อมจี่หอย และมะปรางที่ต่างยิ้มชอบใจ
“หนูด่าได้สะใจเจ๊มาก” จี่หอยบอกอย่างสะใจ
อิทธิปรามๆ
“รุ้ง ใจเย็นๆ”
“เย็นไม่ไหวแล้วค่ะ ถ้าจะทำงานด้วยกันแล้วกลั่นแกล้งกันแบบนี้ รุ้งขอทำงานคนเดียวดีกว่า”
“มันเป็นภาพพจน์ของบริษัทนะ ที่ศิลปินทุกคนต้องรักและสามัคคีกัน”
“ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้นนี่คะ”
“แต่ภาพต้องออกมาเป็นอย่างนั้น”
“คงเป็นความชำนาญของคุณ ถนัดในการสร้างภาพลวง แม้แต่ประวัติส่วนตัวของรุ้ง”
รุ้งระวีสะบัดไป
“รุ้ง เดี๋ยว”
“ขออยู่ลำพังสักพักเถอะค่ะ”
รุ้งระวีแยกไปทางสวน อิทธิส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆ
“เจ๊หอย ดูแลทางนี้ด้วย”
“ค่ะ”
อิทธิเดินกลับไปที่บ้าน ทูนอินทร์มองตาม
รุ้งระวีเดินมาสงบสติอารมณ์บริเวณต้นไม่ใหญ่ในสวน ฟ้าใสเดินมาเบื้องหลัง เสียงฝีเท้าดังขึ้น รุ้งระวีพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
“บอกแล้วไงว่าอยากอยู่คนเดียว”
ฟ้าใสยิ้มหยัน
“ไงจ๊ะ แม่ฝรั่งขี้วีน”
รุ้งระวีหันขวับมามอง
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
“อ้าว...นี่บ้านฉันนะ ผัวฉันก็อยู่ที่นี่ทั้งคน”
“คนไหนล่ะ”
“คนที่เป็นเจ้าของบ้าน และตอนนี้เธอกำลังใช้เสน่ห์ราคาถูก ล่อลวงเขาไปเป็นของตัวเองไง”
“ถ้าหมายถึงคุณทูน ไม่ต้องใช้เสน่ห์หรอกค่ะ แค่เสียงร้องเพลงของฉัน คุณทูนก็วิ่งมาหาฉันแล้ว เอ...เหมือนครั้งที่คุณทูนเขาหลงเสียงเธอเลยนี่ เรื่องของเรานี่มันเหมือนฉายหนังซ้ำจังเลยนะคะ”
“แต่ของฉันฉายก่อน เป็นของแท้ดั้งเดิม ไม่ใช่หนังเลียนแบบอย่างหล่อน”
“เรื่องของเธอกับคุณทูน ฉายจบไปนานแล้วนี่คะ แล้วจบแบบเศร้าสลด ปนสมเพช แต่ของฉันเพิ่งเริ่ม และ...ประสบความสำเร็จกว่าเธอเยอะ”
รุ้งระวีจะแยกไป ฟ้าใสจับมือเธอไว้
“จะไปไหนล่ะ พูดกันให้รู้เรื่อง นังฝรั่งลูกเมียเช่า”
รุ้งระวีอึ้งไป มองหน้าฟ้าใสอย่างไม่ให้อภัย
“อึ้งไปเลยซี้ อย่านึกว่าไม่รู้ประวัติ ที่แกอ้างว่ากำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่ ไปอยู่กับป้าที่แอลเอตั้งแต่ห้าขวบ ตอแหลชัดๆ หน้าอย่างแก มีแม่กับเขา ก็ต้องเป็นอีตัวโสโครก ได้กับไอ้ทหารฝรั่งชั้นต่ำจนออกมาเป็นนังเลือดพันทางอย่างแก”
“อย่าเรียกแม่ฉันอย่างนั้น”
“ทำไมจะเรียกไม่ได้ โถ ยังนับถือว่าเป็นแม่อยู่น่ะซี เลิกเถอะ คนที่มันมีสำนึกของความเป็นแม่น่ะ มันไม่ทิ้งลูกมันตั้งแต่ห้าขวบหรอก”
“หยุดพูด”
“ดูซี้ แกมีชื่อเสียงขนาดนี้ โชว์หนังหน้าแกออกทุกสื่อ แม่แกไม่ยักโผล่หน้ามาแสดงตัว ก็หมายความว่าแม่แก มันคงติดโรคเน่าตายไปแต่ไหนแต่ไรแล้ว จุดจบนางโส ฮ่ะ ฮ่ะ”
รุ้งระวีโกรธจัด ตบหน้าฟ้าใสอย่างแรงจนเซไป เธอก้าวเข้าไปด้วยสีหน้าดุร้ายจนฟ้าใสกลัว ถอยกรูด รุ้งระวีกระชากแขนไว้ น้ำตารื้นเต็มตา
“ไม่ต้องหนี ฉันไม่ให้ใครมาล่วงเกินแม่ฉันแบบนี้ ฉันจะบอกให้นะ แม่ฉันเป็นนักร้อง อาชีพที่มีเกียรติ ที่ฉันร้องเพลงได้ทุกวันนี้เพราะแม่ฉันสอน แล้วแม่ก็ไม่ได้ทิ้งฉันไปตั้งแต่ห้าขวบ ฉันอายุเจ็ดขวบแล้ว แม่ถึงส่งฉันไปเมืองนอก จำไว้”
“แล้วทำไมแม่แกถึงทิ้งแกไปล่ะ”
รุ้งระวีอึ้ง พูดไม่ออก
“มันก็มีเหตุผลเดียว แม่แกเขาเบื่อ ที่ต้องเลี้ยงลูกหน้าฝรั่งอย่างแก ไอ้ลูกที่พ่อ มันไม่ใยดี”
“ไม่จริง”
“เพราะแกนั่นแหละ ที่ทำให้ไอ้พ่อฝรั่งทิ้งแม่แกไป”
“กรี๊ด ไม่จริง”
รุ้งระวีบีบคอฟ้าใสอย่างแรง แล้วเขย่าร่าง
“ปล่อย กรี๊ด!”
ฟ้าใสพยายามปัดป้อง แต่รุ้งระวีขาดสติเสียแล้ว ทั้งสองล้มลงไปกับพื้น ฟ้าใสร้องกรี๊ด ประสานกับเสียงกรีดร้องปนสะอื้นของรุ้งระวี
ทูนอินทร์ อินทร จี่หอย มะปรางวิ่งเข้ามา
“รุ้ง”
ทูนอินทร์ดึงร่างรุ้งระวีแยกมา รุ้งระวีร้องไห้สะอื้น ทูนอินทร์กอดเธอไว้ ขณะทิ่อินทรจับร่างฟ้าใสยึดไว้
“แม่คนนี้มาได้ยังไงคะเนี่ย” จี่หอยถามไม่พอใจ
“บอกแล้วใช่ไหม ว่าให้อยู่ในบ้าน ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านแถวนี้” ทูนอินทร์ตวาด
“นี่ก็บ้านฟ้านี่คะ ทำไมจะเพ่นพ่านในบ้านตัวเองไม่ได้”
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอ ทร พาฟ้าใสกลับไป”
“กลับเจ๊ เลิกบ้าได้แล้ว”
อินทรดึงฟ้าใสออกไป ทูนอินทร์หันมองฟ้าใสอย่างเป็นห่วง
“รุ้ง เป็นยังไงบ้าง”
“ขอพักสักครู่เถอะค่ะ”
“งั้นไปพักในบ้านก่อนเถอะค่ะ”
ทูนอินทร์พารุ้งระวีกลับไปที่บ้าน จี่หอยถอนใจเฮือก
“ปราง มันอะไรกัน นังฟ้ามืดมันพูดเหมือนมันยังเป็นเมียคุณทูนอยู่”
“นั่นซีคะ แล้วพี่รุ้งเป็นอะไรคะ ทำไมสติแตกขนาดนั้น”
“ต้องสืบแล้วละ”
ทั้งสองรีบตามไป
อินทรผลักฟ้าใสเข้าไปในห้องนั่งเล่น พลางไล่
“กลับไปได้แล้ว”
ฟ้าใสหยิบเอกสารหย่าขึ้นมา
“คุณทูนไม่ให้ฉันกลับหรอก เพราะเขาต้องการเซ็นเอกสารใบนี้”
ฟ้าใสโยนเอกสารตรงหน้า อินทรมองเอกสารแล้วนิ่งไป
ทางด้านรุ้งระวี เข้าไปพักที่ห้องนอน ทูนอินทร์ตามไปนั่งข้างๆอย่างเป็นห่วง
“อย่าไปฟังที่ฟ้าใสพูด เธอแค่ยั่วให้คุณโกรธ”
“แต่มันก็มีความจริงอยู่ด้วย ทำไมแม่ถึงทิ้งฉัน”
“บอกแล้วไงว่าเขาคงมีเหตุผลของเขา”
“คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่ฟ้าใสพูด การที่ฉันเกิดมา ทำให้พ่อทิ้งแม่ไป แม่โยนความผิดที่พ่อทิ้งมาให้ฉัน”
“ฟังนะรุ้ง ถ้าแม่ไม่รักคุณ ท่านคงไม่สอนคุณร้องเพลง ไม่พาคุณไปร้องเพลงประกวดจนได้รางวัลมากมาย แล้ว จำได้ไหม วันสุดท้ายที่มาส่งคุณไปกับแหม่ม”
“จำได้ซีคะ”
“แม่คุณเป็นยังไง”
รุ้งระวีนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ที่แสงหล้าร้องไห้อย่างหนักเมื่อเธอจะเดินทางไปเมืองนอก รุ้งระวีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น
“จริงซี แม่ร้องไห้ใจจะขาดตอนที่จากฉัน”
“เห็นไหม ถ้าแม่ไม่รักคุณ คงไม่ร้องไห้ขนาดนั้น”
“ฉันมันโง่จริงๆ ที่หลงไปกับคำพูดของฟ้าใส”
“มันคือความน้อยใจนั่นแหละครับ กลัวว่าแม่ไม่รัก ต่อไปนี้คุณต้องเชื่อมั่นในตัวแม่ของคุณ ว่าท่านรักคุณมากที่สุดในโลก”
“แล้ว ทำไมแม่ไม่ติดต่อฉันเลย”
“เราจะตามหาตัวท่านให้เจอ ท่านคงมีคำตอบให้คุณทั้งหมด”
รุ้งระวียิ้มอย่างขอบคุณทูนอินทร์
“ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจ”
“ยินดีครับ”
“รู้ไหม ยิ่งคุณดีกับฉันเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิด ที่ฉันแกล้งคุณตั้งแต่สมัยเด็ก”
“หืม แกล้งผมตั้งแต่สมัยเด็ก ยุคไหนกัน ตอนเด็กเราเคยเจอกันเหรอ”
“เออ หมายถึงสมัยเราเจอกันใหม่ๆน่ะค่ะ”
“โถ...ตอนนั้นยิ่งแกล้ง ก็ยิ่ง...”
ทูนอินทร์มองหน้ารุ้งระวี แล้วเกิดเขินขึ้นมาไม่กล้าพูดต่อ
“อะไรคะ”
ทูนอินทร์ลุกแยกไป เพื่อหลบตา
“ไม่มีอะไรครับ”
รุ้งระวีลุกตาม
“บอกมานะ ยิ่งแกล้งก็ยิ่งอะไร”
ทูนอินทร์หันมาช้าๆ
“ก็ยิ่ง รัก”
รุ้งระวีนิ่งงันไป ทูนอินทร์หน้าแดงไปหมดแล้ว
“รักฉันจริงๆนะ”
ทูนอินทร์ไม่มองตา
“ของจริงของแท้ ไม่หลอก ไม่ลวง ไม่ล่วงละเมิดลิขสิทธิ์”
“ไม่พูดเล่น พูดจริงๆ มองตาฉัน แล้วพูดมา”
ทูนอินทร์มองตารุ้งระวี
“ครับ รักจริงๆ”
รุ้งระวียิ้มดีใจ ทั้งสองมองตากัน เลื่อนหน้าเข้าหากัน ทำท่าจะจุมพิต ประตูเปิดเข้ามาพอดี ทั้งสองผละจากกัน
อินทรทรเอะอะ
“พี่ทูน คุณรุ้ง”
“ว่าไง”
“ยายฟ้าใสไม่ยอมกลับ พูดเรื่อง...” อินทรกระซิบทูนอินทร์ “ใบหย่า”
ทูนอินทร์หนักใจ
“รุ้งคุณพักผ่อนนะ รู้สึกดีแล้วค่อยลงไปทำงานต่อ”
“ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ พร้อมทำงานแล้ว”
รุ้งระวีออกไปจากห้อง
“ทร ตามรุ้งไป เซ็ทนี้นายเป็นคนถ่ายละกัน”
“ได้ครับ”
ทูนอินทร์จะแยกไป
“เดี๋ยวพี่ ตอนนี้ยายฟ้าใสไปรอพี่อยู่ในห้องนอนแน่ะ”
“ห้องนอนฉัน!” ทูนอินทร์ฟังแล้วโมโหทันที
จบตอนที่ 7
อ่านต่อ ตอนที่ 8 วันพรุ่งนี้