xs
xsm
sm
md
lg

ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 2

รุ้งระวีรีบหยิบหมอนมาปิดหน้าที่อกตัวเอง เมื่ออิทธิเข้ามาในห้อง ขณะเดียวกันที่ด้านนอก จี่หอยและมะปรางพากันแอบฟังเหตุการณ์อยู่ที่หน้าประตูอย่างระทึก อิทธิเดินมานั่งคู่ที่ปลายเตียง กอบกุมมือของรุ้งระวีเอาไว้

“รุ้ง พรุ่งนี้จะเปิดตัวรุ้งแล้ว ผมว่ารุ้งจะต้องดังระดับตัวแม่ของวงการแน่ๆ ถ้ารุ้งดังแล้วต้องตกลงตามสัญญานะ”
“สัญญาที่ว่า...”
“เราจะแต่งงานกันไง”
“แต่รุ้งบอกคุณอิทแล้วนี่คะ ว่าขอเวลารุ้งให้รู้จักคุณอิทมากกว่านี้ แล้วรุ้งถึงจะให้คำตอบ”
“ผมไม่ชอบรอน่ะ รุ้ง....คืนนี้ผมค้างที่นี่นะ”
อิทธิดึงรุ้งระวีมากอดไว้ แล้วจูบไซร้ที่ซอกคอ แล้วผลักร่างเธอลงนอนบนเตียงแล้วปลดกระดุมเสื้อตัวเอง
“คะ...คุณจะทำอะไรคะ”
“คืนนี้เป็นของผมเถอะนะรุ้ง”
อิทธิถอดเสื้อ แล้วโถมร่างทาบทับร่างของรุ้งระวี พยายามจะปลดเสื้อนอนของเธอออก
“ผมคลั่งรุ้งจะแย่แล้ว เป็นของผมเถอะ”
รุ้งระวีกลั้นใจ แล้วมองไปที่หัวเตียง คิดอุบายขึ้นได้ เธอร้องไห้โฮขึ้นทันที อิทธิตกใจ
“รุ้ง...รุ้งเป็นอะไร”
“แม่รุ้ง...แม่รุ้งมองอยู่ค่ะคุณอิท”
“ไหน...แม่รุ้งไหน”
“นั่นไงคะ...แม่รุ้งในรูปกำลังมองมา แม่กำลังตำหนิรุ้ง ที่รุ้งไม่รักนวลสงวนตัว”
“โธ่...รุ้งคิดไปเอง นั่นแค่รูป แม่รุ้งตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหนแล้ว เขาทิ้งรุ้งนะอย่าลืม ตอนนี้คนที่ดูแลรุ้งมีผมคนเดียว นะ...เป็นของผมเถอะนะ”
อิทธิเอื้อมมือไปคว่ำรูปลงเสีย แล้วหันมาจู่โจม ปล้ำจูบที่ซอกคอเธออีกครั้ง รุ้งระวีตัวเกร็งแล้วตัดสินใจยกเข่าขึ้นถองกลางลำตัว อิทธิร้องลั่น
“อ๊าก...”
จี่หอยและมะปรางอยู่หน้าห้อง สะดุ้งตกใจ
“เสียงคุณอิทคราง พี่รุ้งเสร็จคุณอิทแล้วเหรอคะ” มะปรางถามอย่างสงสสัย
“ถ้าเสร็จมันต้องเป็นเสียงยายรุ้งร้องซี ไม่ใช่เสียงคุณอิท” จี่หอยแย้ง
มะปรางจ๋อยๆ
“ไม่เคยนี่คะ...ไม่รู้”
“แล้วถ้าเสร็จจริง ทำไมมันเร็วอย่างนี้ละ นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ”
ทั้งสองฟังต่อ...อิทธิกุมเป้านอนหงายแผ่ ครางกระเส่า รุ้งระวีหน้าเสีย
“คุณอิท...รุ้งขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ”
“โอย...ระวังหน่อยซีรุ้ง นี่มันจุดอ่อนผู้ชายนะ”
“คุณอิทคะ เจ็บมากไหมคะ” รุ้งระวีตะโกน “พี่จี่หอย...ช่วยด้วย”
“ขา...”
จี่หอยวิ่งมาเปิดประตู เข้าใจเหตุการณ์ได้ทันที รุ้งระวีรีบบอก
“ช่วยคุณอิทด้วยค่ะ เขาเจ็บ”
“เจ็บไรคะ...เจ็บตรงไหน...คุณอิท”
จี่หอยถลาเข้ามาดูอิทธิ แยกขาเขาออกจากกัน ทำท่าจะจับเป้า อิทธิร้องลั่น
“โอ๊ย...อย่า...อย่าจับ...มันจุก...มันเจ็บ”
จี่หอยหันไปหารุ้งระวี
“น้องรุ้ง ออกไปก่อน เดี๋ยวพี่ดูแลคุณอิทเอง”
รุ้งระวีรีบออกมานอกห้อง มะปรางถามทันที
“พี่รุ้ง...ไม่บุบสลายตรงไหนนะคะ”
รุ้งระวีถอนใจเฮือก
“เกือบไป”
ในห้อง...อิทธิครางอย่างเจ็บปวด จี่หอยตกใจ
“ตายแล้ว...บวมค่ะ บวมอลึ่งฉึ่งเลย ต้องนวดค่ะ นวดแล้วคลึงๆ คุณอิทน่ะ ยกขาขึ้นลง ขึ้นลงค่ะ อย่างเกร็งค่ะ อย่าเกร็ง”
มะปรางและรุ้งมองเข้ามาหัวเราะคิกคัก

วันรุ่งขึ้น...ในโถงผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินสุวรรณภูมิ มีกลุ่มนักข่าวรอกันอยู่หลายสิบชีวิตมีตากล้องทั้งทีวี และภาพนิ่ง เตรียมอุปกรณ์ กลุ่มแฟนคลับรวมตัวกันอยู่ พูดคุยกันสนุกสนาน ถือโปสเตอร์รูปรุ้งระวีจากหน้าปกซีดี
ทูนอินทร์ กับอินทรติดหนวด ใส่แว่น ปลอมตัวไม่ให้รุ้งระวีจำได้ เข้ามารวมกลุ่มอยู่ด้วย
“คนเยอะแฮะ” ทูนอินทร์มองไปรอบๆ
อินทรพยักหน้า แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“ครับ...หนวดนี่ก็เยอะ ทำไมเราต้องปลอมตัวมาด้วยละพี่”
“ตอนเข้าไปขอลายเซ็น ยายรุ้งจะได้จำไม่ได้ไง พี่จะถามลองใจดูว่าตกลงบินมาจากแอลเอ หรือร้อยเอ็ดกันแน่”
“แล้วถ้าโกหกจริง”
“ก็เป็นแต้มต่อของเรา ถ้าเราขู่ว่าจะเปิดโปง เธออาจจะรับฟังข้อเสนอของพี่ก็ได้”
“ข้อเสนออะไรครับ”
“เอาน่า...เดี๋ยวรู้เอง”
ทันใดเสียงบรรดาแฟนคลับ กรี๊ดลั่นเมื่ออาชาในชุดผ้าสีสดแบบอีสานลูกทุ่ง ผมหวีเรียบกริบ เดินควงมากับ ขวัญข้าวในชุดซิ่นสั้นอีสานเช่นกัน ตามมาด้วยอิทธิและจุ๊บแจง ที่ใส่ชุดลำซิ่งควงมาด้วยกัน อิทธิเดินขากะเผลกนิดหน่อย จวงใจเดินตามมา คอยกันนักข่าว กลุ่มนักข่าวช่างภาพถ่ายรูปกันวุ่นวาย อาชา ขวัญข้าวและจุ๊บแจง หมุนตัวให้ถ่ายรูปอย่างเฉิดฉายนักข่าวรุมสัมภาษณ์นักร้องทั้งสาม

รุ้งระวีอยู่ในชุดลำซิ่งเต็มยศ โดยมีมะปรางและจี่หอยกำลังช่วยแต่งหน้า แต่งตัวให้ในห้องวีไอพีชั้นสอง
“อย่าลืมนะ ต้องพูดสำเนียงฝรั่ง ๆ หน่อย คนเขาจะได้เชื่อว่าเราคือแหม่มของจริง” จี่หอยกำชับ
รุ้งระวีพูดเสียงแปร่งๆ ขึ้นจมูก
“สวัสดีค่ะ พ่อแม่พี่น้อง รุ้งดีใจเหลือเกินที่รุ้ง ได้กลับมาแผ่นดินเกิดของรุ้งอีกครั้ง...แบบนี้ใช้ได้ไหมพี่”
จี่หอยยิ้ม
“นี่แหละ ต้องแบบนี้เลย แล้วตอนไหว้ก็ต้องกระชดกระช้อยหน่อยนะ”
จี่หอยทำท่าไหว้ให้ดู แต่ดูจะเกินๆ ย่อเข่าเสียต่ำ รุ้งไหว้ตามแล้วย่อเข่าแล้วลุกขึ้น แต่จี่หอยกลับลุกไม่ขึ้น
“ยายปราง ช่วยดึงหน่อย”
มะปรางดึงจี่หอยขึ้น
“แล้วเราจะได้ฤกษ์ออกไปตอนไหนละคะพี่หอย” รุ้งระวีถามอย่างสงสัย
“คุณอิทจะนัดเวลามาเอง”
รุ้งระวีพยักหน้ารับรู้อย่างกังวล

อิทธิ อาชาและขวัญข้าว ให้สัมภาษณ์นักข่าวพร้อมๆกัน
“ยินดีมากเลยครับ จะได้ต้อนรับศิลปินน้องใหม่อย่างน้องรุ้ง น้องรุ้งสวยมากครับ” อาชายิ้มแย้มให้นักข่าว
“ค่ะ...สวยจริง ๆ เห็นจากในรูปก็สวยจะแย่แล้ว ตัวจริงเขาว่ายังกะนางฟ้า” ขวัญข้าวเสริม
“ไม่คิดว่าน้องรุ้งจะมาแย่งความดังจากพวกพี่ ๆ เหรอครับ” นักข่าวถามตรงๆ
“คิดอยู่ตลอด...เอ๊ย...ไม่เค้ย ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยค่ะ...เราอยู่ค่ายเดียวกัน เรารักกันจะตาย...” ขวัญข้าวหันไปหาอาชา “ใช่ไหมน้องม้า”
อาชารับมุข กัดขวัญข้าวเล็กๆ
“ช่ายครับ...รักกันจนเกือบตายหลายหนแล้ว”
ขวัญข้าวค้อนอาชา
“พูดเล่นเรื่อยเลย น้องม้าเนี่ย”
ขวัญข้าวและอาชาหยิกหยอกกันไปมา ทูนอินทร์และอินทรแอบมายืนหันหลังให้ ขณะที่จุ๊บแจงกับจวงใจมองผู้คนมากมาย
“เห็นพี่หอยไหมพี่” จุ๊บแจงถาม
“ไม่เห็น...มันต้องอยู่กับนังรุ้งแน่ๆ เดี๋ยวพี่ไปสืบก่อนว่ามันอยู่ตรงไหน แล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเรา”
“ค่ะ”
จวงใจแยกไป ทูนอินทร์กับอินทรได้ยินทั้งหมด
“แผนอะไรน่ะพี่” อินทรสงสัย
“ไม่รู้ว่ะ...แต่ตามยายหน้าเค็มนั่นไปดีกว่า”
ทูนอินทร์และอินทรตามจวงใจไปทันที

ชั้นบนของสนามบินไร้ผู้คน จวงใจตรงไปยังห้องด้านใน แล้วรีบหลบเพราะเห็นอิทธิกำลังเดินมาจากอีกทางตรงไปยังห้องแต่งตัวรุ้งระวี จากนั้นรีบตามไป ทูนอินทร์และอินทรตามมาห่างๆ
อิทธิเข้ามาในห้องวีไอพี เห็นรุ้งระวีหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกก็มองอย่างปลื้มๆ
“ใส่ชุดไทยแบบนี้ รุ้งยิ่งสวยไม่มีที่ติเลยจริงๆ”
รุ้งระวี ยิ้มบางๆ
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วจะออกไปตอนไหนคะ”จี่หอยถาม
“เครื่องแลนดิ้งแล้ว กว่าจะผ่านต.ม ก็อีกครึ่งชั่วโมง”
จวงใจมองผ่านกระจกห้อง เห็นอิทธิคลอเคลียกับรุ้งระวี
“นังรุ้ง...เป็นเรื่องแน่”
จวงใจหยิบมือถือขึ้นกดโทรทันที
“จุ๊บแจง...เจอตัวมันแล้ว”
“มันอยู่ที่ไหนพี่”
“ชั้นบน...มาที่ห้องวีไอพี เรียกนักข่าวมาด้วย เดี๋ยวนี้เลยนะ”
“จัดให้ค่ะ”
จุ๊บแจงกดเลิกสายยิ้มกริ่ม มองไปยังกลุ่มนักข่าว
“พี่แจ๊คกี้...พี่เต๋า...พี่นุ้ย มาคุยกันเร้ว แจงมีข่าวจะบอก”

ทูนอินทร์และอินทร ได้ยินทั้งหมด ขณะที่จวงใจรีบไปหาจุ๊บแจง อิทธิออกมาจากห้องแล้วแยกไปอีกทาง อินทรหันมาหาพี่ชาย
“เอาละซี ไม่ได้มีเราเจ้าเดียวที่จะเปิดโปงเรื่องแหม่มกำมะลอแล้วพี่...เอาไงดี”
“ไม่ได้ว่ะ...งานนี้ต้องมีเราเจ้าเดียวเท่านั้น”
ทูนอินทร์เหลือบไปเห็น ห้องเก็บของด้านหลัง เห็นชุดพนักงานของสนามบินและอุปกรณ์ทำความสะอาด เขาเกิดไอเดียขึ้นมาทันที
“ทร...แกอยากทำงานสนามบินไหมวะ”
อินทรงงที่พี่ชายถามอย่างนั้น

จุ๊บแจงเดินนำกลุ่มนักข่าวและช่างภาพสิบกว่าคนขึ้นบันไดมา โดยมีตาลเฉาะรวมอยู่ด้วย
“ทางนี้เลยค่ะ จุ๊บแจงอยากพาพี่ ๆ ไปพบนักร้องน้องใหม่อีกคนค่ะ”
“ใครคะ” นักข่าวถามอย่างแปลกใจ
จุ๊บแจยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เดี๋ยวรู้เองละค่ะ รับรองพี่ๆ จะต้องนึกไม่ถึง แล้วได้ข่าวเด็ดไปลงหน้าหนึ่งหนังสือกับรายการของพี่ๆ กันถ้วนหน้า รับรองข่าวนี้ เด็ดจริงๆ”
จุ๊บแจงเดินนำขึ้นไปชั้นบน พบจวงใจรออยู่
“ทางไหนคะพี่จวง”
“มาทางนี้เลยค่ะ”
ทั้งหมดกรูกันไปที่ห้องวีไอพี

รุ้งระวียืนอยู่หน้ากระจก โดยมีจี่หอยสอนท่าโบกมือ ท่าไหว้ มะปรางคอยช่วยอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นมะปรางได้ยินเสียงคนเดินมายังหน้าห้อง
“อุ๊ย...ใครน่ะ”
มะปรางรีบวิ่งไปที่ประตูเห็นนักข่าวกับ จวงใจและจุ๊แจงตรงมา
“พี่หอย...เจ๊จวงกับพี่แจงพานักข่าวมา”
จี่หอยตกใจ
“ว้าย....ลมชัก...เอาไง”
“หลบก่อนพี่”
รุ้งระวีตกใจ
“หลบทางไหนล่ะ ไม่มีที่หลบแล้ว”
ประตูเปิดผางเข้ามา จี่หอยดึงรุ้งระวีให้หันหลังให้ประตูและหลบให้พันกระจก จวงใจกับจุ๊บแจง ก้าวเข้ามาพร้อมนักข่าวที่ถ่ายรูปกันจ้าละหวั่น รุ้งระวีปิดหน้าตัวเอง จี่หอยยืนบังไว้
“พี่นักข่าวคะ นี่ละค่ะ รุ้งระวี ศรีแอลเอ” จุ๊บแจงชี้บอกนักข่าว
นักข่าวหน้าตื่น
“หา...อะไรนะ รุ้งระวีเหรอ”
จี่หอยไม่พอใจ
“เข้ามาได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้นะ นังจวงแก...แกพานักข่าวมาเหรอ”
จวงใจถลึงตาใส่
“เออซีวะ ข้าเอง”
จี่หอยและมะปรางพยายามกันนักข่าว รุ้งระวีลงไปนั่งปิดหน้าตัวเอง ทันไดนั้นเสียงดังมาจากนอกห้อง ร่างของทูนอินทร์และอินทรในชุดหมี ถือเครื่องทำควันในมือทั้งคู่
“โทษนะครับ...เชิญพวกคุณออกไปก่อน ห้องนี้ต้องทำความสะอาด ต้องฆ่าเชื้อก่อนครับ” ทูนอินทร์พูดสำเนียงอีสาน
ทูนอินทร์และอินทรเปิดเครื่อง ควันสีขาวพุ่งเข้ามาคละคลุ้ง ทูนอินทร์วิ่งเข้ามาที่รุ้งระวีบังร่างไว้แล้วฉีดควันเข้าหากลุ่มนักข่าว จนคลุ้งไปทั้งห้อง นักข่าวไอสำลักกันทั่วหน้า
“คุณ...รีบหนีเร็ว มาทางนี้”
ทูนอินทร์ดึงรุ้งระวี ฝ่าควันขาวออกไปจากห้อง พร้อมกับจี่หอยและมะปราง

ทูนอินทร์และอินทรพารุ้งระวี มะปราง และจี่หอยมาหลบที่มุมเก็บของ จุ๊บแจงกับจวงใจวิ่งนำออกมาจากห้องวีไอพี ตามมาด้วยกลุ่มนักข่าว
“มันไปไหนแล้วพี่จวง”
“นั่นซี”
“เมื่อกี้น้องแจงบอกว่าจะให้เจอรุ้งระวี...รุ้งระวีที่กำลังเดินทางมาน่ะเหรอคะ” นักข่าวถาม
“ใช่ค่ะ” จุ๊บแจงบอก
“หมายความว่ารุ้งมาถึงแล้วเหรอครับ” นักข่าวอย่างสงสัย
“ไม่ได้มาถึงค่ะ ไม่ได้มาจากไหนทั้งนั้น อยู่เมืองไทยนี่แหละค่ะ แจงเห็นกับตา”
“เห็นที่ไหนคะ”
“ที่ตลาดดอนหวายค่ะ คนทั้งตลาดก็เห็น”
จวงใจเห็นจุ๊บแจ พูดมากไปแล้วจึงกระซิบเตือน
“พอแล้วแจง อย่าพูดมาก เดี๋ยวจะเข้าตัว”
กลุ่มรุ้งระวีแอบมองอยู่ในห้องเก็บของ กลุ่มจวงใจและจุ๊บแจงพานักข่าวแยกไป รุ้งระวีมองเขม้นไปที่จวงใจแล้วจำได้ทันที จี่หอยครุ่นคิด
“มันรู้ได้ไงว่ารุ้งไปที่ดอนหวาย”
“พี่หอย...ยายหน้าเค็มที่นำนักข่าวเข้ามาเป็นใครน่ะ” รุ้งระวีถาม
จี่หอยมองแค้นๆ
“นังเจ๊จวงใจ...นังตัวแสบ”
รุ้งระวี เข้าใจทันที
“งั้นก็แสบจริงๆ เพราะยายนี่แหละ มาเจอรุ้งที่หน้าบ้าน แล้วให้รุ้งติดรถไปลงที่ตลาดด้วยกัน”
จี่หอยเครียด
“ลมชัก...นังนี่นี่เอง”
มะปรางหน้าตื่น
“แสดงว่าเจ๊จวงกับพี่จุ๊บแจง ตามเราไปจนถึงบ้านแน่ๆ”
“อยากตาย”
จี่หอยสะอื้น แล้วหันไปซบไหล่อินทรแถมโอบไหล่เฉยเลย อินทรงงๆ
“อย่าเพิ่งตายพี่หอย สองคนนี่เป็นใครมาจากไหน เรายังไม่รู้จักเลย” รุ้งระวีเตือน
จี่หอยสะดุ้ง
“เออ...นั่นซี นายสองคนเป็นใคร เข้ามาฉีดยาจริงๆหรือ เข้ามาช่วยเรา แล้วอยู่ดีๆ มากอดฉันทำไม เห็นฉันสวยเหรอ”
ทูนอินทร์และอินทรมองหน้ากัน

กลุ่มนักข่าวตามจุ๊บแจงและจวงใจ ลงมาที่โถงล่างสนามบิน
“มันหายไปไหนของมัน หาไม่เจอเราซวยเลยนะน้องแจง” จวงใจกระซิบถาม
“ซวยยังไงล่ะพี่ นักข่าวเชื่อเราแล้วนะ”
“ไม่มีหลักฐาน จะเชื่อเราได้สักกี่น้ำ”
ตาลเฉาะเดินมาหาจุ๊บแจง
“แน่ใจนะคะว่านั่นคือรุ้งระวีจริงๆ”
“แน่ใจซีคะ”
“แสดงว่าทางคุณอิทธิหลอกพวกเราใช่ไหมคะ” นักข่าวถาม
“แน่นอนค่ะ” จุ๊บแจงตอบอย่างมั่นใจ
“งั้นเราจะถามคุณอิทธิให้เคลียร์เรื่องนี้เลย”
ตาลเฉาะจะเดินไป จวงใจรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะ...คุณน้องขา เรื่องนี้พี่ขอ อย่าให้ถึงคุณอิทธิเลยนะคะ เรื่องนี้บางทีเราสองคนอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้”
นักข่าวพากันอึ้งไป
“อ้าว”
จุ๊บแจงมองจวงใจอย่างไม่เข้าใจ
“เอาเป็นว่า...ใจเย็นๆก่อนนะคะ ถ้าเราเข้าใจผิดจริงๆ พวกน้องๆ ก็ถือเสียว่า ยกโทษให้พี่นะคะ แล้วก็...อย่าเอาข่าวที่พวกเราเข้าใจผิดไปออกสื่อนะค้า ขอร้องละนะค้า ไหว้ละ”
จวงใจยกมือไหว้ ตีแขนจุ๊แจงให้ไหว้ตาม นักข่าวรับไหว้ ทำหน้าเบื่อๆ

รุ้งระวี จี่หอยและมะปรางออกมาจากห้องเก็บของพร้อมทูนอินทร์และอินทรที่เปลี่ยนชุดเป็นชุดเดิมของตนแล้ว
“ผมบังเอิญได้ยินเจ๊คนนั้นเขา คิดจะแกล้งคุณรุ้งน่ะครับ ผมก็เลยมาช่วย” ทูนอินทร์อธิบาย
“รู้จักฉันเหรอ ถึงมาช่วยฉัน” รุ้งระวีถามอย่างสงสัย
“ก็...” ทูนอินทร์ทำท่าเอียงอาย “ผมเป็นแฟนเพลงคุณรุ้งนี่ครับ”
“ฉันออกเพลงมาแค่เพลงเดียวนะ”
“นั่นละครับ” ทูนอินทร์ร้องเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอ้ลเอ๋ แอ้ลเอ๋ แหม...เสียงเพราะยังกะหยวกกล้วย”
จี่หอยตาเหลือก
“ว้าย...นั่นมันผิวในร่มผ้าน้องรุ้ง ไม่ใช่เสียง คิดลามกรึเปล่า”
ทูนอินทร์รีบปฏิเสธ
“เปล่าครับ...ติดใจเสียงจริงๆ ยิ่งเห็นในมิวสิค อู๊ย...สวยคั่กๆ หลายเด้อ มาเจอตัวจริงเข้า ยิ่งสวยแซ่บอีหลีอีหลอเล้ย”
รุ้งระวีแอบยิ้ม มะปรางคิดได้
“พี่หอย...แสดงว่าพวกนี้รู้ความลับเรื่องพี่รุ้ง ไม่ได้มาจากแอลเอแล้วน่ะซี ทำไงล่ะ”
“ทำไง...ก็รูดซิบซะ”
ขาดคำของจี่หอย ทูนอินทร์และอินทรมองซิบกางเกงตัวเอง แล้วทำท่ารูดพร้อมกัน
“รูดแล้วนี่ครับ” อินทรบอก
จี่หอยค้อน
“ฉันหมายถึง รูดซิบปากย่ะ ห้ามพูดเด็ดขาด ทำได้ไหม”
ทูนอินทร์ยิ้ม
“ได้ครับ เราจะไม่พูดเพื่อให้คุณรุ้งลวงโลกต่อไปครับ”
รุ้งระวีมองอย่างสงสัย
“เอ๊ะ...ด่าฉันนี่”
ทูนอินทร์โบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“ปละ...เปล่าครับ ใครจะไปกล้าด่าคนที่ผมเทิดทูนละครับ”
รุ้งระวีเขินๆ
“ขอบใจ...พี่หอย ได้เวลาไป ลวงโลก กันแล้วละ”
“ไป...ไปลวงโลกกัน” จี่หอยนึกได้ “ต๊ายอย่าพูดอย่างนี้ซีคะ ติดปากเลย นี่...ยังไง ก็ขอบใจนะที่ช่วย แล้วพวกนายชื่ออะไรล่ะ”
“ผม...เคน พี่นายธีรเดช...คนนี้”
ทูลอินทร์ผายมือไปที่น้องชาย อินทรผามือไปที่พี่ชายบ้าง
“ผม ธีรเดช...น้องพี่เคน คนนี้ครับ”
จี่หอยถอนใจ
“แหม...งั้นฉันชื่อแอนทอง น้องพี่แอนเทย คนไหนก็ไม่รู้ละ ไปละนะ”
จี่หอย รุ้งระวีและมะปรางจะแยกไป ทูนอินทร์รีบบอก
“คุณรุ้งครับ...ผมว่าคุณรุ้งอย่าใส่ชุดนี้เลย ถอดออกดีกว่าครับ” ทูนอินทร์บอก
รุ้งระวีตกใจ
“ว้าย...ถอดชุด มันเรื่องอะไร”
“นักข่าวพวกนั้น เห็นชุดคุณรุ้งแล้วทั้งตัว ถึงจะเห็นแค่ด้านหลังก็เถอะ ผมว่าจะลวงโลก เอ๊ย...หลอกคนให้แนบเนียน คุณรุ้งเปลี่ยนชุดใหม่จะเหมาะกว่า” ทูนอินทร์แนะนำ
มะปรางเห็นด้วย
“จริงด้วยค่ะพี่”
รุ้งระวีมองท่าทีหยันๆ ของทูนอินทร์อย่างหมั่นไส้ ทูนอินทร์ทำไม่รู้ไม่ชี้

จวงใจและจุ๊บแจงเดินหน้าเสียกลับ มาที่บริเวณผู้โดยสารขาเข้า ตามมาด้วยกลุ่มนักข่าว อาชา อิทธิ และขวัญข้าว ยังจับกลุ่มคุยกันอยู่กับนักข่าวและแฟนเพลง
ขวัญข้าวเดินเข้าไปหาจวงใจ
“หายไปไหนมา พี่จวง ไม่มั่นใจเลย ชุดมันสว่างเกินไปรึเปล่า”
“สว่างน่ะดีแล้วเจ๊ อย่าให้มืด เดี๋ยวคนเขาจะนึกว่าของหวาน” อาชาแหย่
ขวัญข้าวค้อน
“จะว่าฉันดำใช่มะ ช็อคโกแล็ตใส่นม โกโก้ใส่ครีม”
“เฉาก๊วย” อาชาพูดขำๆ
ขวัญข้าวปี๊ดทันที
“อีม้า”
“เมื่อไหร่นังแหม่มมันจะมาถึงล่ะ” จวงใจถามขึ้น
อาชาบุ้ยหน้าไป
“โน่น...วงลำซิ่งเรามารอโน่นแล้ว”
ขวัญข้าวมองเหยียด
“อย่าบอกนะว่าจะโชว์ลำซิ่ง กันที่สนามบินแบบนี้ ตายละ ขายขี้หน้าเขา”
“นั่นซี อายฝรั่ง มองมากันใหญ่แล้ว” อาชาเห็นฝรั่งรูปหล่อคนหนึ่งก็ดี๊ด๊า “ยู้ฮู ฮาวอาร์ยู ทูเด้ย...หล่อจัง...อ้าวกะเทยนี่หว่า”
ทูนอินทร์และอินทรมาด้อมๆ มองๆ ทันใดนั้นมีเสียงฮือฮาดังขึ้น ทุกคนหันไปที่ประตูผู้โดยสารขาเข้า จี่หอยและมะปราง ช่วยเข็นรถใส่กระเป๋าเดินทางของรุ้งระวีนำเข้ามา พร้อมกับของรุ้งระวีที่อยู่ในชุดใหม่อีสานประยุกต์ ที่สวยสง่ากว่าเดิมหลายเท่า แฟนเพลงและนักข่าวกรูกันไปที่รั้วกั้น ปรบมือส่งเสียงเรียกรุ้งระวีกันเกรียวกราว
รุ้งระวี เดินมากลางทางเดิน แล้วไหว้แฟนเพลงด้วยท่วงท่างดงาม จวงใจกับจุ๊บแจง ตะลึง ขวัญข้าว อาชา มองอย่างเหยียดๆ อิทธิมองปลื้ม
รุ้งระวียิ้มให้แฟนเพลง ทูนอินทร์และอินทรมองอย่างปลื้ม วงดนตรีทั้งแคน ทั้งกลอง ขึ้นเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ” ประโคมขึ้นมาทันที จุ๊บแจงหันมากระซิบกับจวงใจ
“พี่จวง มันเปลี่ยนชุดด้วย”
รุ้งระวีผ่านรั้วกั้นออกมา นักข่าวเข้ามารุมถ่ายรูป อิทธิรออยู่ ส่งไมค์ให้รุ้งระวีทันที
“สวัสดีค่ะ พ่อแม่พี่น้อง แฟนเพลงของรุ้งทุกคน รุ้งดีใจเหลือเกินที่ได้กลับมาเมืองไทย ก่อนอื่นรุ้งขอกราบแผ่นดินเกิดของรุ้งก่อนนะคะ”
รุ้งระวีก้มลงกราบที่พื้นด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย ทั้งโถงเงียบกริบ ทูนอินทร์มองอย่างชื่นชมในความฉลาดของรุ้งระวี จวงใจกับจุ๊บแจงตะลึงไปเช่นเดียวกับอาชาและขวัญข้าว รุ้งระวีเงยหน้าที่น้ำตานองหน้าขึ้นมา ผู้คนปรบมือเกรียวกราว จี่หอย มะปรางและอิทธิยิ้มปลื้ม อิทธิช่วยประคองรุ้งระวีลุกขึ้น
“รุ้งได้กลับมาเมืองไทยแล้ว รุ้งอยากบอกอะไรกับคนไทยบ้างครับ”
“รุ้งรักเมืองไทยค่ะ”
ผู้คนปรบมืออีกครั้ง
“และเพลงนี้ขอมอบให้มิตรรักแฟนเพลงทุกคน”
นักดนตรีและหางเครื่องบรรเลงทันที รุ้งระวีออกมาร้องเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ” อย่างสนุกสนาน เต้นไปพร้อมกับเหล่าหางเครื่องสาวๆ จี่หอยและมะปรางช่วยกันแจกพวงมาลัยให้คนที่มาดู พร้อมเต้นไปด้วย จวงใจกับจุ๊บแจง มองอย่างขยะแขยง
“ยี้...คนชอบมันกันใหญ่เลย รับไม่ได้”
จวงใจหน้าเหวอไป เมื่อเห็นขวัญข้าวกับอาชา เข้ามาร่วมเต้นกับหางเครื่องด้วย
“อ้าว...ยายขวัญ กับนังอาชา ไหนว่า ขายขี้หน้าเขาไง”
นักข่าวเข้ามาหาจุ๊บแจง
“น้องแจงคะ สับสนรึเปล่า ที่ว่ารุ้งระวีมาถึงเมืองไทยนานแล้วน่ะ มีเรื่องเกาเหลาอะไรกันรึเปล่าคะ พี่แจ็คกี้จะได้ไปเต้าข่าวต่อ”
จวงใจยิ้มให้นักข่าว
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นละค่ะ เข้าใจผิดเฉยๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
นักข่าวแยกไป จุ๊บแจงขัดใจ
“โธ่...พี่ ไปขอโทษนักข่าวทำไม”
“นักข่าวไม่เล่นข่าวเกาเหลานี่ก็บุญแล้ว”
“พี่...แต่เรายังมีก็อกสองไม่ใช่เหรอ เอารูปในมือถือที่เราถ่ายไว้มาประจานให้รู้กันไปเลย”
“แจง...สมองมีไว้ให้ฉลาดนะ ที่เราถ่ายไว้มันไม่ได้ถอดแว่น เอามาประจานก็ไม่มีใครเชื่อ”
ทูนอินทร์และอินทรชื่นชมกับการโชว์ของรุ้งระวี ร่วมเต้นไปกับทุกคนด้วย รุ้งระวีร้องจบเพลง ทุกคนปรบมือกราว
“เก่ง...เก่งมาก คนนี้ละใช่แน่” อินทร์ชื่นชม
“ตกลงบอกได้รึยังครับ...ว่าพี่มีข้อเสนออะไร” อินทรถามอย่างสงสัย
“คนนี้ละจะมาร้องเพลงของฉัน”
อินทรส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย ทั้งสองมองไปที่รุ้งระวีที่รับพวงมาลัยคล้องคอจนเต็มคอ

รุ้งระวีได้แถลงข่าว ในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ โดยอิทธิและรุ้งระวีนั่งอยู่ด้วยกัน มีจุ๊บแจง ขวัญข้าว อาชานั่งอยู่รายรอบ ทูนอินทร์และอินทรหลบมุมอยู่หลังห้อง จี่หอยกับมะปรางนั่งกระหยิ่มอยู่ข้างๆจวงใจ
“ค่ะ...รุ้งอยู่เมืองไทยจนสามขวบค่ะ พอกำพร้าพ่อแม่ก็เลยถูกส่งไปอยู่ในอุปการะของคุณป้าที่แอลเอ ท่านเปิดร้านอาหารอยู่ที่นั่น” รุ้งระวีตอบคำถาม
“แล้วเรียนร้องเพลงลูกทุ่งจากใครคะ” นักข่าวถาม
“ก็เรียนกับพี่นักร้องที่นั่นน่ะค่ะ แล้วก็ฝึกร้องเองด้วย เพราะฟังเพลงลูกทุ่งไทยแล้วรุ้งชอบมาก รุ้งว่าเพลงไทย และภาษาไทยของเราเพราะที่สุดในโลกเลยค่ะ”
คนทั้งห้องปรบมือ ทูนอินทร์และอินทรปรบมือตาม จวงใจยืนอยู่ไม่ห่างจากจี่หอยและมะปราง จี่หอยหันไปหาจวงใจ
“ร้ายนักนะนังจวง แกคิดจะทำลายบริษัทเราเหรอวะ”
จวงใจทำไม่รู้ไม่ชี้
“พูดอะไร ไม่เข้าใจ”
“ก็ที่แกพานักข่าวบุกเข้าไปเมื่อกี้น่ะซี ฉันจะรายงานคุณอิทธิทั้งหมด งานนี้แกโดนเว้นวรรคแน่ ๆ”
“เว้นวรรคอะไร”
“ก็ตกงานไง”
“ถ้าคนอย่างนังจวงตกงาน คนอย่างแกก็ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เอาซี้ คุณอิทธิไม่มีวันไล่ฉันออกหรอก ถ้าฉันออก นักร้องดังอย่างจุ๊บแจงอย่างขวัญข้าว ก็ต้องออกตามฉันด้วย คุณอิทธิยอมไหมล่ะ”
จวงใจแยกไป จี่หอยด่าตามหลัง
“อีเลวระดับชาติ”
“พี่หอย คนนี้น่ะเหรอที่หลอกรุ้งไปที่ตลาด” ทูนอินทร์ถามอย่างสงสัย
จี่หอยมองตามหลังจวงใจแค้นๆ
“นังงูพิษนี่แหละคุณ นี่รุ้งยังไม่ได้เข้าบริษัท ยังโดนแกล้งขนาดนี้ ถ้าเข้าไปอยู่ร่วมกับพวกมัน ต้องไม่เหลือดีแน่ๆเลย หอยคนเดียวคงดูแลรุ้งไม่ได้เต็มที่หรอก คงต้องหาใครสักคน ที่จะมาช่วยหอยได้”
จี่หอยหันไปซบไหล่อินทร ขณะที่ทูนอินทร์มองรุ้งระวี อย่างเป็นห่วง

รุ้งระวีถ่ายภาพร่วมกับจุ๊บแจง ขวัญข้าว อาชา และอิทธิ ราวกับรักกันเหลือเกิน

อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้ จันทร์ 26 ธ.ค. 54







ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 2 (ต่อ)

อินทรดึงทูนอินทร์ พาเดินออกมาตามทางในสนามบิน

“กลับเถอะครับพี่”
“เดี๋ยวซีวะ...ฉันยังไม่ได้ให้คุณรุ้งเขาดูเพลงที่ฉันแต่งเลย”
“พี่เลิกฝันเถอะครับ เขาอยู่บริษัทใหญ่อย่างนี้ เขาไม่สนเพลงอินดี้ ของพี่หรอก”
ทูนอินทร์หน้าสลดไป จะเดินตามน้องชาย แต่ต้องเบรกกันทั้งคู่ เมื่อ รุ้งระวีและมะปรางเดินมาขวางหน้าไว้
“จะไปไหนคะ คุณเคน กับคุณธีรเดช” รุ้งระวีถามเสียงเข้ม
“ผมจะกลับบ้านแล้วละครับ...คุณรุ้ง” ทูนอินทร์บอก
“ยังกลับไม่ได้ คราวนี้ถึงทีนายต้องถอดบ้างแล้วละ”
ทูนอินทร์และอินทรสะดุ้ง ทูนอินทร์มองรุ้งระวีงงๆ
“ถอดอะไรครับคุณรุ้ง”
“อยู่เฉยๆ” รุ้งระวีหันไปส่งมะปราง “มะปรางจัดการกับนายคนน้อง”
“ได้ค่ะ”
รุ้งระวีและมะปราง เดินเข้ามาหาทูนอินทร์และอินทร แล้วดึงหนวดออกพร้อมกัน ทูนอินทร์กับอินทรร้องลั่น
“โอ๊ย...เจ๊บ...”
“เบาๆ ครับ กาวมันเหนียว” อินทรบอก
รุ้งระวีดึงเครา ทูนอินทร์สะดุ้ง
“อู๊ย... ชอบถอนขนก็ไม่บอก”
มะปรางดึงเครา อินทรบ่นอุบ
“ขนร่วงหมดปากเลย”
รุ้งระวี มองหน้าทูนอินทร์จำได้
“นี่ไง นายนักร้องลงตุ่มนั่นเอง”
มะปรางแปลกใจ
“พี่รุ้งจำแม่นจัง”
“นายไม่ใช่แฟนเพลงฉันสักหน่อย มาหลอกกันทำไม” รุ้งระวีต่อว่า
ทูนอินทร์จ๋อยๆ
“ก็อยากมาเห็นคุณรุ้งอีกครั้งว่าคุณน่ะ ใช่รุ้งระวี ตัวจริงรึเปล่า”
“นายเป็นนักสืบเหรอ” รุ้งระวีถามเสียงเข้ม
“เปล่าครับ...” ทูนอินทร์ส่งตาหวาน “เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนนึง ที่หลงรักคุณเข้าแล้ว”
รุ้งระวีขึงตาใส่
“อย่ามาทะลึ่งนะ”
“อย่าเข้าใจผิดซีครับ ผมหลงรักเสียงร้องคุณต่างหาก ตัวจริง...เฉยๆ”
“กวนที่สุดเลยนายเนี่ย ฉันไปละ แต่นาย...ห้ามพูดเรื่องฉันเด็ดขาด”
“ได้ครับ...แต่ยังสงสัยอยู่เรื่อง”
“อะไร”
ทูนอินทร์มองหน้า
“สวยเสียขนาดนี้ ร้องเพลงก็เก่งขนาดนี้ ทำไมต้องหลอกคนฟังละครับ”
รุ้งระวีมองทูนอินทร์หน้าสลดไป
“ฉันไม่ได้อยากทำหรอกนะ แต่มันจำเป็น”
รุ้งระวีและมะปรางแยกไป ทูนอินทร์และอินทรมองตาม
“แสดงว่าโดนบังคับมาแน่ๆ”
อินทรถอนใจ
“เขาพูดแค่นี้ก็เชื่อเขาแล้ว กลับพี่...กลับ เลิกเพ้อเสียที”
อินทรดึงทูนอินทร์ออกไป

ยามค่ำคืน...ที่ร้านอาหารต้มแซ่บ บริเวณร้านต้มแซ่บมีที่นั่งด้านนอก เป็นบรรยากาศสวนอันร่มรื่น และด้านในมีวงดนตรีแนวลูกทุ่งเพื่อชีวิต วงต้มแซ่บ กำลังร้องเล่นเพลงอย่างเมามันสนุกสนาน แขกในร้าน ทั้งร้อง ทั้งเต้นตาม
หนาน คูนและอินทร อยู่บนเวที ทูนอินทร์นั่งดื่มอยู่กับเมธ นักดนตรีรุ่นพี่ที่หุ้นกันทำร้านนี้ เมธดูแผ่นหน้าปกของรุ้งระวีไปด้วย ขณะเดียวกันนั้นส้มป่อยก็เดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารพร้อมเต้นตามจังหวะเพลงและร้องไปด้วย
“ลาบเป็ดมาแล้วค่านาย...อันนี้แจ่วฮ้อน อันนี้ซุปเปอร์”
เมธหันไปดุ
“ยายส้มป่อย บอกแล้วว่าตอนเสิร์ฟลูกค้า ห้ามร้อง ห้ามเต้น เดี๋ยวน้ำแกงมันจะหกพื้น น้ำลายแกมันจะหกลงชาม”
“แหม...แต่โต๊ะโน้นเขาเลิฟหนูมากนะคะ ให้หนูเต้นด้วย เสิร์ฟด้วย ให้ทิปหนูตั้งยี่สิบบาท”
“ฉันให้แกร้อยนึง แล้วเลิกเต้น”
ส้มป่อยดีใจ
“อุ๊ย...เลิฟมากค่ะ จัดให้”
ส้มป่อยแยกไป เมธมองดูภาพรุ้งระวีหน้าปก
“อะไรกันวะ ไอ้อิทธิ มันไม่มีปัญญาขายนักร้องแล้วรึไง ถึงต้องเอายายคนไทยมาชุบตัวเป็นแหม่มฝรั่ง”
“เป็นการสร้างจุดขายน่ะครับ”
เมธถอนใจ
“เฮ้อ...เดี๋ยวนี้สร้างจุดขายกันแปลก ๆ”
อินทรแยกจากเวที มาที่เมธและทูน
“พี่ครับ...ไอ้นกเล็กเบี้ยวแล้วครับ ไม่มาร้องคืนนี้”
“อีกแล้วเหรอ แล้วเอาไง นายร้องหรือหนานร้อง” เมธถาม
อินทรเครียด
“มาปรึกษานี่ละครับ เพราะเสียงผมหมดแล้ว พี่หนานก็เป็นหวัด”
เมธมองหน้า
“อย่าบอกนะว่าฉันร้องเอง”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นละครับ”
เมธสะสะดุ้ง
“เฮ้ย...ไม่เคยซ้อม เพลงแนวแร็บของไอ้นกเล็กน่ะ ฉันจับจังหวะไม่ได้หรอกว่ะ”
อินทรถอนใจ
“งั้นก็ไม่มีใครร้องได้แล้วนะครับ ยกเว้น...”
เมธแปลกใจ
“ใคร”
“พี่ทูนไง”
ทูนอินทร์หันมามองน้องชาย เมธมองทูนอินทร์อย่างสนใจ

รุ้งระวีให้มะปรางพอกหน้า จี่หอยกำลังเตรียมชุดให้รุ้งระวีในวันพรุ่งนี้อยู่ใกล้ๆ
“พรุ่งนี้ ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่บริษัทของเราเปิดตัวเพลงใหม่” จี่หอยบอก
รุ้งระวีหยิบรูปของแม่ที่หัวเตียงมาดู
“แล้วเมื่อไหร่รุ้งจะไปโคราช ไปหาแม่”
“ตอนนี้ยังไปไม่ได้หรอก รุ้งต้องทำงานก่อน” จี่หอยปลอบ
มะปรางมองรูป
“นี่รูปแม่พี่รุ้งเหรอคะ”
“ค่ะ”
มะปรางชี้ที่รูป
“แล้วตัวเล็กนี่ อย่าบอกนะว่าพี่รุ้ง”
“พี่รุ้งเอง...ตอนห้าขวบได้มั้ง”
“แม่เขาเป็นคนสอนรุ้งร้องเพลงเหรอ” จี่หอยถาม
“ค่ะ...แม่เป็นนักร้องอยู่ในผับ แม่เป็นคนสอนรุ้งร้องเพลง แล้วก็พารุ้งเดินสายประกวดเกือบทุกเวทีเลย”
“แล้วได้รางวัลบ้างไหมคะ”
“ได้เกือบทุกที่เลยละ อย่างในรูปนี้ รุ้งจำแม่นเลย ประกวดที่ห้างแห่งนึง พอออกมาหน้าเวที คนดูตะโกนชื่อรุ้ง เพราะเขาจำได้”
รุ้งระวีนึกถึงอดีตในวัยเด็ก เมื่อครั้งที่เธอประกวดร้องเพลงที่จัดในห้างต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเธออยู่ในภาพ ดญ.แหม่มจ๋า ใส่วิกผมทอง ชุดระบายฟูยืนอยู่บนเวที คนดูตะโกนเรียก
“แหม่มจ๋า...แหม่มจ๋า”
ดนตรีขึ้น รุ้งระวีเริ่มร้องเพลง สะกดคนดูให้สงบเสียงลง เธอร้องเพลงสนุกสนาน ทั้งร้องทั้งเต้น แสงหล้าแอบมองอยู่ที่หลืบเวทีอย่างลุ้นเต็มที่ เพราะลูกสาวร้องเพลงอย่างได้อารมณ์เกินเด็ก เธอร้องจบเพลงด้วยท่าตลกๆ คนดูปรบมือ บางคนนำพวงมาลัยมาใส่ให้เต็มคอ แสงหล้าปรบมือสนั่น ดีใจที่ลูกร้องได้ชนะใจคนดู

ที่ร้านอาหารต้มแซ่บ...ทูนอินทร์เดินหนีออกมา เมธและอินทรตาม
“ไม่...ไม่ร้องเด็ดขาด ยังไงก็ไม่ร้อง แกก็รู้ว่าฉันร้องต่อหน้าคนเยอะๆไม่ได้”
“พี่ทูน...แล้วเมื่อวันซืน ทำไมยังร้องกลางตลาดได้ ไม่เห็นอายคน” อินทรแย้ง
เมธมองหน้า
“จริงเหรอวะ แกร้องเพลงกลางตลาดเลยเหรอ”
หนานและคูนตามมา หนานหันมาทามอินทร
“เอาไงครับพี่ชาย...ใครจะร้องแทนไอ้นกเล็ก แขกมารอฟังกันเต็มแล้ว”
“กำลังเกี้ยวพี่ทูนอยู่นี่แหละ”
“ฉันไม่ร้อง” ทูนอินทร์เสียงแข็ง
เมธยังสงสัยไม่หาย หันไปถามทูนอินทร์
“เดี๋ยว...แล้วแกไปร้องกลางตลาดได้ไง อะไรดลใจแก”
“ก็คงแม่รุ้งระวี ศรีแอลเอ นี่ละครับ เขามาเต้นเป็นหางเครื่องเข้าหน่อย พี่ทูนเราทั้งร้อง ทั้งโยก ทั้งคลึง” หนานแซว
แล้ว คูน หนาน อินทรก็ร้องเพลงออกมา
“รักน้องต้องลงตุ่ม น้องใส้ผ้าถุงแล้วกระโจมอก...ใจพี่หายวาบ เพราะเห็นน้องยืนอาบ แล้วผ้าถุงมันตก...พี่รีบเอาขันปิดตา กุมผ้าขาวม้า วิ่งหนีโทงเทง...”
ทูนอินทร์รีบห้าม
“พอๆ ไม่เกี่ยวกับยายรุ้งนั่นซักหน่อย ฉันใส่แว่นดำ แล้วฉันลงไปร้องในตุ่มหน้าด้านร้องไปได้โว้ย”
เมธมองทูลอินทร์อย่างเป็นห่วง
“แกมีปัญหาทางจิตแล้วละว่ะ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เด็กนั่นแหละครับ เรื่องยายเด็กแหม่มจ๋าน่ะ” อินทรบอก
ทูนอินทร์หันไปดุ
“ไอ้ทร...ไม่ต้องเล่า น่าอาย”
“เล่ามา เรื่องน่าอายนี่แหละ ฉันอยากฟัง” เมธบอกเสียงเข้ม

รุ้งระวีเล่าเรื่องในวัยเด็กของตัวเองแล้วยิ้มออกมา ยังมองดูรูปอยู่
“พี่รู้ไหม...วันที่ประกวดวันนี้ มีเรื่องสนุกอีกเรื่องนึง”
“อะไรเหรอ” จี่หอยถาม
“รุ้งได้ที่หนึ่ง...แต่ไม่ได้มาเพราะร้องเพราะที่สุดหรอกนะ”
จี่หอยงงๆ
“อ้าว...แล้วได้มายังไง”
“มีเด็กผู้ชายคนนึงร้องเพราะกว่ารุ้งอีก เขาต้องได้ที่หนึ่งแน่ ๆ เลย รุ้งก็เลยจัดการแกล้งซะเลย”
รุ้งระวีอมยิ้ม

ในอดีต...เด็กชายทูนอินทร์วัยเก้าขวบ กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที เสียงของเขาหวานใสเหมือนเสียงผู้หญิง แสงหล้าและรุ้งระวียืนฟังอยู่ด้วยกัน รุ้งระวีเบะหน้าทำท่าจะร้องไห้ แสงหล้าตกใจ
“เป็นอะไรลูก”
“เขาร้องเพราะน่ะซีแม่ เขาต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆเลย”
“ไม่หรอกลูก...ลูกได้ที่หนึ่งมาทุกเวทีแล้ว งานนี้ยังไงลูกก็ต้องได้”
รุ้งระวีมองไปที่ทูนอินทร์ แสงหล้าแยกไป รุ้งระวีเริ่มคิดแผนร้าย
“ไม่มีทางหรอกที่นายจะชนะที่หนึ่ง เดี๋ยวคอยดู”

ทางด้านทูนอินทร์ เล่าเรื่องราวในอดีตให้เมธฟังเช่นกัน
“ชื่อยายแหม่มจ๋าครับ แข่งร้องประกวดกับผม...ผมน่ะ ต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ ถ้าไม่โดนยายเวรนี่มันแกล้งเอา”
ทูนอินทร์รำลึกถึงอดีต ตอนนั้นการประกวดร้องเพลงเป็นรอบตัดสิน แหม่มจ๋าร้องเจื้อยแจ้วอยู่บนเวที ทำท่าแก่แดดแก่ลมร้องจบท่อน ก็เดินกลับเข้าหลังเวที ทูนอินทร์ยืนอยู่ แหม่มจ๋ายิ้มให้
“คุณพี่คะ น้องแหม่มว่าน้องต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆเลยละค่ะ”
ทูนอินทร์สะดุ้ง
“แต่ผมว่า ผมก็มีสิทธิ์จะได้ที่หนึ่งเหมือนกันนะครับ”
“แหม...พี่ชายคะ พูดจาเพราะจังเลย เดี๋ยวออกไปร้องรอบตัดสิน น้องแหม่มขอฝากเพื่อนไปด้วยได้ไหมคะ”
ทูนอินทร์งงๆ
“เพื่อน...เพื่อนไหนครับ”
“นี่ค่ะ”
แหม่มจ๋าหยิบตุ๊กแกยางออกมา แต่เหมือนจริงมาก ทูนอินทร์อ้าปากค้าง
“ขอโทษนะคะคุณพี่ ขอฝากเพื่อนไว้ตรงนี้”
แหม่มดึงกางเกงหูรูดของเขาออก แล้วหย่อนตุ๊กแกเข้าไปข้างใน ทูนอินทร์สะดุ้งเฮือกจะร้องแต่ร้องไม่ออก มองตุ๊กแกที่ดิ้นไปมาอยู่ในกางเกง ขณะเดียวกันนั้นที่หน้าเวที พิธีกรประกาศเรียกเขาพอดี
“ขอเชิญ น้องทูนอินทร์ อินสรวง มาในบทเพลง ทุ่งทองกวาวครับ”
ทูนอินทร์ยังยืนตัวแข็ง แหม่มจ๋าผลักเขาถลาออกมาหน้าเวที ทูนอินทร์ยืนตัวเกร็งต่อหน้าผู้คน ดนตรีขึ้น เขามองไปรอบ ๆ อย่างหาคนช่วย แล้วมองไปที่เป้า พบว่าตุ๊กแกยังดิ้นดุ๊กดิ๊กที่แท้คือเชือกเส้นใสที่ยาวมาถึงมือของแหม่มจ๋าที่กำลังกระตุกเชือกอยู่ข้างเวที
ทูนอินทร์ร้องไม่ออก พีธีกรงงๆเพราะถึงท่อนที่จะต้องร้องแล้วแต่ทูนอินทร์ร้องไม่ออก พีธีกรให้สัญญาณขึ้นเพลงใหม่ ดนตรีขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่เขาก็ยังร้องไม่ออก คนดูหัวเราะกันงอหาย ชี้มาที่เขา ทูนอินทร์มองไปที่เป้าพบว่า กางเกงขาสั้นสีขาวนั้น เปียกแฉะเพราะฉี่ราด เขามองกลับมาที่คนดู เห็นคนดูหัวเราะกันลั่น ชี้ชวนดูเป้าของเขา
ทูนอินทร์แหกปากร้องไห้ลั่นอยู่หน้าเวทีนั่นเอง แหม่มจ๋าหัวเราะร่า

จี่หอยได้ฟังเรื่องราวที่ รุ้งระวีเล่าก็ร้องเอะอะออกมา
“ต๊าย...ตาเถร เป็นอันธพาลตั้งแต่เด็กเลยเหรอเนี่ย”
รุ้งระวียักไหล่
“ก็ช่วยไม่ได้ ก็รุ้งอยากชนะนี่คะ แล้วงานนี้รุ้งก็ชนะจริง ๆ”
มะปรางหน้าสลดลลง
“สงสารเด็กผู้ชายคนนั้นนะ”
“นั่นซี...คงฝันร้ายว่าตุ๊กแกกัดแหนมห่อขาดกระจุยมาทุกวนนี้เลยเนอะ”
ทั้งสามมองหน้ากัน แล้วหัวเราะก๊ากออกมาพร้อมกัน

ทูนอินทร์กุมเป้าตัวเอง หน้าเจี๋ยมเจี้ยม เมธส่ายหน้า
“โธ่เอ๋ย...ไอ้ขวัญอ่อน แกก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าตุ๊กแกปลอม”
“มารู้ทีหลังครับ...แต่กลัวแล้วมันก็กลัวเลย”
“พี่เขาจิตขนาดที่ว่า ได้ยินเสียงตุ๊กแกทีไร เป็นกุมเป้าทุกที” อินทรแฉ
เมธมองหน้าอย่างสงสัย
“มันยังไง...เสียวแปล๊บเหรอวะ”
ทูนอินทณ์หน้าแหย
“ยิ่งกว่าเสียวครับ สยองเลย เห็นภาพตุ๊กแกมันกัดไส้อั่วผมขาดน่ะ”
เมธงงๆไม่เข้าใจ
“แล้วมันเกี่ยวอะไร กับที่แกร้องเพลงต่อหน้าผู้คนไม่ได้”
“โธ่...ภาพที่คนดูเขาหัวเราะเยาะผมทั้งห้างน่ะ มันฝังใจ ทุกคนชี้มาที่เป้าผมแล้วผมก็ฉี่ราด โอย...น่าอายที่สุดในโลก ผมออกไปร้องทีไรก็นึกถึงภาพนี้ทุกที”
เมธพอจะเข้าใจ
“งั้นปัญหาของนายมันก็อยู่ที่ความอายนี่แหละ นายต้องแก้ปมตรงนี้ให้ได้”
“จะแก้ยังไงละครับพี่”
“ทำให้หน้าด้านไง เอางี้...นายกล้าร้องเพลงกลางตลาดได้แล้ว นายใส่แว่นดำไว้เลย พอออกไปร้องแล้วลืมภาพคนฟังให้หมดนึกถึงแต่แม่รุ้งระวีนั่น กำลังโยกย้ายอยู่ตรงหน้าแก แต่งตัวเซ็กซี่ ๆสะบัดก้นไปมา”
ทูนอินทร์เริ่มเคลิ้ม แต่พอเมธทำท่าสะบัดก้นก็รีบห้าม
“พอพี่...นอกจากร้องไม่ออกแล้วจะอ้วก”
“ลองหน่อยเถอะวะ ไอ้อาการกลัวคนฟังขึ้นสมองของแก มันจะได้หายเสียที”
ทูนอินทร์ลังเลไป อินทร หนาน คูน พยักหน้าให้กำลังใจ

ลูกค้าที่มานั่งกินข้าว และฟังเพลงหยุดกิจกรรมทั้งหมด มองจ้องมาที่เวที มีอาการตะลึงแปลกใจกันทุกคน
เมธ และอินทรยืนอยู่มุมร้าน มองคนดู ที่ทุกคนจ้องไปที่เวที เงียบกริบอินทรมองอึ้งๆ
“ขนาดนี้เลยเหรอครับ...พี่เมธ”
“ต้องลองทุกทางละวะ”
บนเวทีมีตุ่มใหญ่ตั้งอยู่ สาวหางเครื่องสี่นางเดินออกมา ใส่ชุดละม้ายกับที่รุ้งระวีใส่วันที่เจอที่ตลาด สาวทุกนางสวมวิกผมแดง หนานและคูนขึ้นดนตรี สาวหางเครื่องร่ายรำ
ทันทีที่เสียงทูนอินทร์ร้องเพลงดัง ขึ้นโดยยังไม่เห็นตัวทุกคนมองหาที่มาของเสียง สาวหางเครื่องเข้ามาหมุนตัวรวมกันที่ตุ่ม แล้วดึงร่างของทูนอินทร์ ลุกขึ้นโดยที่หันหลังให้คนดู
คนดูปรบมือกราว ทูนอินทร์หันมาใส่แว่นดำ คนดูจำได้ประหลาดใจกันเป็นแถว ทูนอินทร์ร้องต่อได้ ไม่เคอะเขิน เมธมองอย่างตื่นเต้น
“เฮ้ย...มันร้องได้แล้วว่ะ”
อินทรดีใจมาก
“ได้ผลครับพี่เมธ”
ทูนอินทร์กระโดดออกจากตุ่ม แล้วเริ่มยักย้ายกับสาวหางเครื่อง เมื่อเข้าท่อนแร็ป ทูนอินทร์ลงมาร้องกับคนดู คนดูบางคนเข้ามาเต้นร่วม เป็นที่สนุกสนาน แม่ครัวแอบดูกันอยู่มุมหนึ่ง ส้มป่อยบนหัวใส่วิกผมสีเงินบลอนด์ แอบดูอยู่ด้วย แล้วลองเต้นและร้องตาม แม่ครัวหันไปมอง
“เอ้า...เอาเข้าไปนังส้มป่อย เอาวิกผมที่ไหนมาใส่น่ะ”
“หยิบมาจากห้องแต่งตัวค่ะ ต่อไปหนูจะเป็นหางเครื่อง”
ทูนอินทร์กำลังแร็บเมามัน สาวหางเครื่องนางหนึ่งกรายเข้ามา แล้วดึงแว่นดำของเขาออก ทูนชะงักไปนิดหนึ่งหยุดร้อง เมธกับอินทรตกใจ คนดูเห็นหน้าทูนอินทร์ปรบมือสนั่น
ทูนอินทร์เกิดกำลังใจ ร้องต่อโดยไม่ต้องใส่แว่น เมธ และอินทรโล่งอก ส้มป่อยเต้นเด้งไปมา ผู้ช่วยแม่ครัวมองๆ
“นังส้ม...เอ็งซ่าส์นัก เอ็งออกไปเต้นหน้าเวทีโน่นเลย”
ผู้ช่วยแม่ครัวผลักส้มป่อยออกไปหน้าเวที เจอเข้ากับทูนอินทร์พอดี
ทูนอินทร์ชะงักมอง ส้มป่อยหัวเราะร่า เต้นตรงหน้าทูนอินทร์ สายตาของเขาที่มองส้มป่อยที่กำลังเต้นใส่วิกผมบลอนด์ขาว ส้มป่อยหันหลังแล้วหันขวับมา ในสายตาของทูลอินทร์กลับเห็นเป็นเด็กหญิงแหม่มจ๋า กำลังเต้นไปพร้อมกับหัวเราะเยาะเขาไปด้วย แล้วชี้ไปที่เป้ากางเกงของเขา ทูนอินทร์ก้มลงมองเป้าตัวเอง แล้วเห็นตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่เป้ากางเกง ทูนอินทร์สะดุ้ง
“เฮ้ย...ตุ๊กแก ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เมธและอินทรวิ่งเข้ามา ดนตรีเลิกเล่นทันที ส้มป่อยพลอยชะงักไปด้วย เมธตกใจ
“ทูน...แกเป็นอะไร”
ทูนอินทร์ละล่ำละลักบอก
“ตุ๊กแกครับ...ตุ๊กแก”
“ตุ๊กแกที่ไหน ไม่เห็นมี”
ทูนอินทร์ชี้ที่เป้า
“ที่เป้านี่ไง...มันจะกัดของผมขาดแล้ว”
ทูนอินทร์ร้องลั่น แล้วกระโดดผ่านลูกค้า ออกไปด้านหลัง เมธรีบหันไปขอโทษลูกค้า
“ไม่มีอะไรครับ นายทูนเป็นบ้าไปนิดหน่อย เอ้า..เพลงใหม่ บรรเลงโว้ย”
หนาน และคูนบรรเลงเพลงใหม่ทันที เมธถอนใจ
“เฮ้ย...มันจิตขนาดนี้เลยเหรอวะ”
อินทรหันมามองส้มป่อย
“ยายส้มป่อย”
ส้มป่อย หน้าเลิกลั่ก
“หนูไม่ได้ทำอะไรนะคะ”
“ยายนี่แหละตัวดี” อินทรดึงวิกผมออก “วิกผมนี่ละครับ ที่พี่ทูนเป็นบ้า”
เมธเหวอไป
“หา...วิกผม”

วิกผมวางอยู่ตรงหน้าทูนอินทร์ พี่เมธ อินทรและส้มป่อย นั่งอยู่ด้วยกัน ส้มป่อยเบะหน้าจะร้องไห้
“ใครให้เอาวิกนี่มาใส่” ทูนอินทร์ถามเสียงเข้ม
ส้มป่อยหน้าเจื่อน
“หนูหยิบมาใส่เองละค่ะ ก็พี่หางเครื่องเขาใส่กันทุกคน”
เมธส่ายหน้าเซ็งๆ
“บอกแล้วว่าอย่าเต้น อย่าร้องเวลาทำงาน”
ส้มป่อยหน้าสลด
“ค่ะ”
“กลับไปได้แล้ว” เมธตวาด
“ค่ะ แหม...กะจะดังสักหน่อย ดับเลย”
ส้มบ่นๆก่อนจะไหว้ทีนึง แล้วรีบกลับเข้าร้าน ทูนอินทร์มองวิก
“ไอ้วิกนี่ละครับ เหมือนที่ยายเด็กแหม่มจ๋าใส่ไม่ผิดเลย”
เมธมองทูลอินทร์อย่างไม่เข้าใจ
“ทำให้แกคิดถึงเด็กนั่น แกก็เลยคิดถึงตุ๊กตาขึ้นมาอีก เลยเป็นบ้า”
ทูนอินทร์หน้าสลดลลง
“ครับพี่ บอกแล้วว่ามันฝังใจ”
“ยายเด็กตัวแสบนี่เป็นใคร ตอนนี้เป็นไงแล้ว”
“ไม่ได้ข่าวเลยครับ แต่ถ้าเจอตัวนะ ผมจะเอาคืนให้แสบเลย”
“จะทำอะไรเขาพี่ ตอนนี้เขาก็เป็นสาวแล้วนะ” อินทรแย้ง
“จะโยนตุ๊กแกคืนให้ แก่แดดแบบนี้ ป่านนี้คงเป็นพะโล้ มีลูกเป็นพรวนไปแล้ว”
ทูนอินทร์ถอนใจ

รุ้งระวีโผล่เข้ามาในกระจกใส่วิกผมทองบลอนด์ แต่งหน้าเป็นเด็กแหม่มจ๋า ยืนโพสอยู่หน้ากระจก แล้วเธอก็ร้องเพลงเดียวกับที่เคยร้องประกวดสมัยเด็ก จี่หอยและมะปรางเต้นตามไปด้วย ทั้งสามล้มกลิ้งไปบนเตียง หัวเราะกันทั้งสามคน รุ้งระวีหยิบรูปแม่มาวางไว้ที่หัวเตียง
“ถ้าแม่มาเห็นรุ้งตอนนี้ แม่คงภูมิใจมาก รุ้งเป็นนักร้องแล้วนะคะแม่”
จี่หอยและมะปรางมองแล้วถอนใจ
“รุ้ง...รูปแม่เนี่ย เก็บไว้ให้มิดชิดดีกว่า”
รุ้งระวีมองจี่หอยไม่เข้าใจ
“ทำไมคะ”
“ให้ใครเห็นไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวความแตกขึ้นมา คนเขาก็รู้ว่าเราปลอมประวัติรุ้ง มันจะเสียหาย”
“แต่นี่เป็นรูปรุ้งกับแม่รูปเดียวที่รุ้งมีอยู่นะคะ ในห้องอย่างนี้ไม่มีใครเห็นหรอก วางไว้หัวเตียงนี่ละนะ”
จี่หอยถอนใจ
“รุ้ง...เรื่องแม่น่ะ อย่าคาดหวังให้มากนักนะ ทำใจเผื่อไว้บ้าง ถ้าแม่เขาไม่ติดต่อเรามาเป็นสิบปีแล้วอย่างนี้ เขาอาจจะ...จากเราไปแล้วก็ได้”
รุ้งระวีเศร้าสลดไปทันที จี่หอยและมะปรางมองอย่างสงสาร

ที่โคราช...ร้านข้าวต้มโต้รุ้งในตลาด กับร้านก๋วยเตี๋ยวอีกร้านใกล้ๆกัน มีคนนั่งกินอยู่สองสามโต๊ะ ทีวีเปิดรายการตอนดึก เป็นรายการมิวสิคเพลงลูกทุ่ง กำลังเปิดเพลงของรุ้งระวี “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ” แต่ไม่มีใครสนใจนัก
แสงหล้าที่ทรุดโทรม ดำคล้ำ นอนคุดคู้อยู่ที่แผงกลางตลาด มีถุงพลาสติคพันร่างไว้ กันยุงและเศษผ้าคลุมตัว ได้ยินเสียงรุ้งระวี ก็ค่อยๆ ยันร่างขึ้น แล้วเดินตรงมาที่ทีวี มองจ้องไปที่ใบหน้าของรุ้งระวี แสงหล้ามองเขม้นไปที่หน้าลูกสาว ทั้งใบหน้าและเสียงคุ้นเคยเหลือเกิน
“รุ้ง...นั่นรุ้งรึเปล่า...รุ้ง ลูกแม่ใช่ไหม”
แสงหล้าเขม้นมองแล้วแน่ใจว่าใช่ น้ำตาค่อยๆไหลพราก เธอยื่นมือจะไปจับหน้าลูกในจอทีวี ทันใดนั้นมืออ้วนใหญ่ของเจ๊เล้ง ก็กระชากร่างของเธอเซออกมา
“มึงจะทำอะไร อีแก่”
แสงหล้าชี้ไปที่ทีวี
“ลูก...นั่น...นั่นลูกข้า”
“ว่าไงนะ"
“ลูกสาวข้า...ในจอน่ะ”
แสงหล้าจะเข้ามาจับที่ทีวีอีก เจ๊เล้งเข้ามากระชาก
“อย่าจับนะ อีแก่โสโครก”

เจ๊เล้งผลักแสงหล้าล้มโครมไปบนเข่งผักเน่า แสงหล้าร้องกรี๊ด

อ่านต่อตอนที่ 3 พรุ่งนี้ อังคาร 27 ธ.ค. 54
ติดตามอ่านเรื่องราว "ต้มยำลำซิ่ง" อย่างละเอียด ทุกบทสนทนา ทุกลมหายใจของตัวละคร สมบูรณ์ที่สุด ตรงตามบทโทรทัศน์ช่อง 3 ตั้งแต่ต้นจนอวสาน โดยไม่มีการตัดทอน ทุกวัน ทาง "ละครออนไลน์"






กำลังโหลดความคิดเห็น