เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 29
หลิมและเลิศ ถูกทอก หมอกและแสนดักโจมตีรถเครื่องไฟที่ออกป่าวประกาศ เรื่องงานแต่งงานของทวนและชาริณี ชิงชัยรีบลงมาจากบ้าน ถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเนื้อตัวทั้งสองคน ขมุกขมอมไปด้วยเขม่าไฟ
“เป็นอะไรวะ ไอ้หลิม ไอ้เลิศ ก็ไหนพ่อให้แกสองคนออกไปป่าวประกาศชาวบ้านเรื่องจัดงานแต่งงานไงล่ะ”
ขณะเดียวกัน เมินเข้ามายืนฟังด้วยความสนใจ
“ก็นี่แหละครับ ผมเอารถออกไปป่าวประกาศมันถึงได้เป็นยังงี้” หลิมบอก
“เป็นยังไง”
“เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ” เลิศบอกบ้าง
“ก็เป็นยังไงล่ะ”ชิงชัยตวาด
หลิมถอนใจเฮือก
“ไอ้พวกชาวบ้านน่ะซีครับ นอกจากจะไม่สนไม่รับเชิญ ไม่อะไรสักอย่างมันยัง...”
เลิศเล่าต่อ...
“ดักโจมตีหน่วยประชาสัมพันธ์ของเราครับ ท่าทางงานนี้คงกร่อย ไม่มีคนมาร่วมงานหรอกครับ คุณชิงชัย”
ชิงชัยโกรธจัด
“ได้ยังไงวะ”
เมินตีหน้าทะเล้นแต่ซื่อๆ
“ได้ซีคุณ เพราะสิทธิโดยชอบธรรมของชาวบ้านนายังมีครบ ใครจะไปจะมา ใครจะนั่นนี่นู่น มันขึ้นอยู่ที่มวลความพอใจ”
ชิงชัยงง
“เป็นยังไงวะ มวลความพอใจ”
“คือใครใคร่จะไปจะมา ก็ไปก็มา แต่ใครใคร่จะไม่...ก็ไม่...!”
เมินสบสายตาชิงชัยด้วยท่าทีกวนๆ
ทวนกระวนกระวาย ดักรอศรีไพรที่ริมคลอง ชะเง้อหาศรีไพรแต่ไม่พบ ขณะเดียวกัน เมินส่งเสียงก่อนก้าวเข้ามายืนตรงหน้า...
“เดินเป็นชะมดติดจั่นเชียวนะ พ่อไข่ลูกเขยของเศรษฐีบุญช่วย”
“ไอ้เมิน ฉันยังไม่ได้...”
“เศรษฐีบุญช่วยป่าวประกาศ พวกชาวบ้านนารับรู้แล้วว่าจะจัดงานแต่งงานของแกกับชาริณี ถึงขั้นนี้แล้วแกยังทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกหรือ”
“เฮ้ย แต่ฉัน...ไม่...”
“จะแต่งงานกับชาริณีจริงๆ หรือ ก็ไหนว่าแกรักศรีไพรยังไงล่ะ”
ทวนนิ่งเงียบ มองหน้าเมิน
“แล้วแกล่ะ ฉันถามแกอีกที แกก็รักศรีแพรไม่ใช่หรือ”
“อย่ายุ่งเรื่องของฉัน ปัญหาของฉัน...ฉันแก้ได้”
“นี่ก็ปัญหาของฉัน อย่ายุ่ง...”
เมินกระชากคอเสื้อทวนเข้ามา แววตาดุ เอาเรื่อง กระซิบด้วยความโกรธ
“แล้วมีปัญญามั้ย เศรษฐีบุญช่วยเตรียมการแต่งงานแล้ว จะมีคนมาไม่มา แกก็ต้องแต่ง แต่งงานน่ะโว้ย...มันไม่ใช่เรื่องเล่นหม้อข้าวหม้อแกงนะ”
ทวนกระชากคอเสื้อของเมิน ดุ เอาเรื่อง โกรธ
“แล้วแกล่ะ แกเล่นอะไรอยู่ หม้อข้าวหม้อแกงหรือยังไง ทำไมแกไม่กลับไปอยู่กับศรีแพร ดูแลศรีแพร ไม่ใช่ปล่อยให้ศรีแพรดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวยังงั้น”
ทวนและเมิน ต่างจ้องหน้ากันและกัน
ทอก หมอกเดินมาส่งแสนหน้าบ้าน หลังจากไปกลั่นแกล้งพวกของหลิม เลิศ ขณะเดียวกัน ศรีไพรและศรีแพร กำลังจะลงจากเรือน ต่างจ้องมองด้วยความสงสัย
“ปฏิบัติการเข้มแข็ง ไม่เห็นแก่หน้าใครยังงี้ ฉันจะรับแกไว้เป็นเด็กของฉัน” ทอกบอกแสน
หมอกเห็นด้วย
“ใช่ เราจะวางแผนเตรียมก่อกวนพวกไอ้เศรษฐีบุญช่วย...ปฏิบัติการนี้จะมีการประชุมกันที่ท้ายป่าช้า อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด”
“ฉันจะเก็บไว้เป็นความลับเลยจ้ะ” แสนตอบรับทันที
“เจอกันที่ป่าช้า...คืนนี้ไ
เมื่อทอกบอกอย่างนั้น แสนหน้าแหย
“ที่อื่นไม่ได้หรือพี่”
“ที่ป่าช้าดีที่สุด ที่นั่นสงัดเงียบวังเวง ไม่มีใครกล้าเข้าไปตอนดึกๆ เจอกันโว้ยไอ้แสนน้องรัก” หมอกสรุป
“จ้ะ พี่”
ทั้งสามคนโบกมือให้กัน ทอกและหมอกเดินออกไป แสนยิ้มกริ่ม หมุนตัวกลับ สะดุ้งเบาๆ เมื่อเผชิญหน้ากับศรีไพร ศรีแพร
“ไปทำอะไรมาแสนแสบ” ศรีไพรสงสัย
“เอ้อ...อ้า...” แสนพูดไม่ออก
ศรีแพรยิ้มอย่างรู้ทันแสน
“ช่างน้องเถอะศรีไพร น้องทำงานเหนื่อยก็ต้องไปเล่นบ้าง ตามประสาเด็ก”
“เล่นหรือ...เล่นอะไร”
แสนแกล้งบ่น
“พี่ศรีไพรจะรู้ไปทำไมล่ะ ว้า”
ศรีไพรชี้หน้า
“อย่าเล่นซนจนเดือดร้อนถึงพี่กับแม่นะ”
ศรีแพรเข้ามาโอบไหล่แสน ปกป้อง
“แต่ถ้าเดือดร้อน เพราะไอ้คนที่ควรจะเดือดร้อน คงไม่เป็นไรนะ”
ศรีแพรยิ้มๆอย่างรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อศรีแพรเดินแยกไป ศรีไพรวิ่งด้วยความกังวล ร้อนใจเรื่องของแสน
“พี่ศรีแพรไม่สงสัยบ้างเลยหรือ ว่าแสนแสบไปทำอะไรมา ฉันบอกตรงๆนะ เห็นน้องไปคบกับพวกไอ้ทอกไอ้หมอกแล้ว ฉันกลัว”
“กลัวอะไร กลัวแสบแสนกับพวกนั้นจะไปป่วนขบวนขันหมากหรือ ข่าวนายทวนจะแต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีบุญช่วยยืนยันแล้วว่าไม่ใช่ข่าวลือ เขาจะแต่งงานกันจริงๆ”
ศรีไพรสลดลง
“ฉันถึงได้กลัวว่าน้องจะก่อเรื่องเดือดร้อนมาถึงแม่”
ศรีแพรยิ้มเยาะ...
“กลัวทำไม ยังกับตำบลบ้านนาไม่เคยมีเรื่องเดือดร้อน ทุกวันนี้ผืนดินมันก็ระอุเป็นไฟอยู่แล้ว”
“พี่ศรีแพร...ฟังดูเหมือนกับพี่…”
“เปล่า นี่ไม่ใช่การล้างแค้นหรอก เศรษฐีบุญช่วยโจทย์เยอะ ถ้าจะมีคนก่อกวนความสงบสุขของเศรษฐีบุญช่วยกับพวก ก็ไม่เห็นจะแปลก”
ศรีแพรยังเจ็บแค้นบุญช่วย
“ฮึ...แปลกตรงไหน”
“เอ้อ...”
ศรีไพรถึงกับพูดไม่ออก มองพี่สาวด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“นี่พี่ศรีแพรคิดจะทำอะไร”
หลิมและเลิศ คุมให้คนงานแบกต้นกล้วยมาแต่งประดับเพื่อเตรียมงานแต่งงาน โดยมีสไบและแหว่งยืนพอใจอยู่บนระเบียง ทวนเดินเข้ามาด้วยความแปลกใจ
“นี่เขาเตรียมการอะไรกันครับ คุณสไบ”
“ทำเป็นไม่รู้ จะเป็นลูกเขยท่านเศรษฐีอยู่วันสองวันนี่แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก” สไบพูดเยาะๆ
ทวนตกใจ
“หา อะไรนะ ผมน่ะหรือจะเป็นลูกเขยของเศรษฐีบุญช่วย”
แหว่งทำท่าเยอะเหมือนนาย
“ดูทำหน้าเข้าซีคะคุณสไบของบ่าวขา เหมือนไม่รู้ตัวจริงๆ”
“นี่หมายความว่า...เอาจริง...”
“คุณจะจริงไม่จริงฉันไม่รู้นะ แต่ท่านเศรษฐีน่ะเอาจริงแน่ ไม่ยังงั้นจะจัดการเรื่องเตรียมงานนี่ทำไม”
สไบยืนยัน ทวนพึมพำด้วยความตื่นตระหนก
“ตายละวา..!”
เมินถอนหายใจหนักๆ ทั้งห่วงเพื่อน และทั้งสมน้ำหน้าเพื่อน เมื่อทวนมาปรึกษา
“ใช่ ตายตอนนี้ยังทัน ต้องตายหนีเศรษฐีบุญช่วยแกถึงจะรอดฐานะเจ้าบ่าว ฉันเตือนแกแล้ว..เตือนๆๆๆ แต่แกกลับบ่ายเบี่ยงเรื่องหม้อข้าวหม้อแกง ทีนี้ทำยังไงล่ะ”
“ทำยังไงน่ะหรือ ไม่รู้ว่ะ”
“เพราะแกไม่รู้ใช่มั้ย แกถึงได้นัดฉันออกมาที่นี่ จะแต่งตั้งให้ฉันเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิต”
ทวนแกล้งกวน
“ทั้งที่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด”
“ไอ้ทวน”
“ไอ้เมิน”
“แก...”
“แก...”
สองคนทำท่าจะเถียงกัน แต่แล้วเมินก็ถอนใจ
“ทำไมแกถึงไม่อยากแต่งงานกับชาริณี ฉันเห็นแกออกอาการปกป้องชาริณี จนแทบจะเอาชีวิตเข้าไปแลก”
ทวนโกรธ
“ฉันดูดายได้ที่ไหน ชาริณีกำลังตกนรกนะ”
“แกก็เลยทำตัวเป็นพ่อพระ แกนี่...สมกับที่เคยออกตัวแรง...รูปหล่อ นิสัยดีมี ความอบอุ่นให้...เลยนิ” เมินประชด
“โธ่ ฉันก็แค่ช่วย ไม่ได้คิดว่าฉันจะ...”
“แกยังรักศรีไพรอยู่ใช่มั้ย”
ทวนหันมาสบสายตาของเมิน นิ้งอึ้ง ตอบคำถามของเมินไม่ได้
“มันขึ้นอยู่ที่ตัวของแกแล้วละตอนนี้ ว่าแกยังรักศรีไพรอยู่หรือเปล่า”
ทวนสลดลง เพราะยังรักศรีไพรอยู่ แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้เลยเวลานี้...
เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 29.2
แสนค่อยๆ เปิดประตู กำลังจะย่องลงจากเรือนเพื่อไปวางแผนก่อกวน การเตรียมการแต่งงานของทวนและชาริณี ทันใด ศรีไพรส่งเสียงเข้มงวด
“จะไปไหน แสนแสบ”
“เอ้อ...อ้า...ไปเดินผึ่งพุงให้ข้าวเรียงเม็ดจ้ะ”
“ไม่ต้อง ใช้วิธีนอนข้าวก็เรียงเม็ด”
แสนพยายามหาทางออก
“แต่...พี่ศรีไพรจ๋า...ฉันต้องยืดเส้นยืดสาย ยืดแข้งยืดขาเหมือนพ่อ ตอนที่พ่อกินข้าวเสร็จใหม่ๆ”
“มานี่ จะยืดให้..!”
“ว้าก ไม่เอาจ้ะ ฉันกลัวเส้นขาด...”
ศรีแพรเดินออกมา สุ้มเสียงใจดี
“ให้น้องไปเถอะศรีไพร เด็กมันต้องออกกำลังเยอะๆ มันจะได้โตเร็วๆ ไป จะไปไหนก็ไป”
แสนดีใจมีตัวช่วย
“จ้ะ พี่ศรีแพร”
แสนรีบวิ่งลงเรือนไป ศรีไพรขยับปากจะห้ามแต่ไม่ทัน
“พี่ศรีแพร รู้ก็ทั้งรู้ว่าไอ้ทอกกับไอ้หมอกน่ะมันจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ พี่ยังปล่อยแสนแสบไปยุ่งกับพวกนั้นอีก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก...”
ศรีแพรตบไหล่ศรีไพร สีหน้าแววตายิ้มๆ
“คราวนี้คนที่จะเดือดร้อนไม่ใช่เรา..!”
หลิมและเลิศ นั่งกินเหล้ากันอยู่บนแคร่หน้าบ้านบุญช่วย ที่ตกแต่งเตรียมการ ขณะเดียวกันจระเข้ คลานเข้ามาใกล้ๆ หลิมและเลิศ ต่างยังไม่รู้ตัว
“งานนี้เป็นงานใหญ่ ท่านเศรษฐีสั่งให้เปิดเตาต้มเหล้า ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน กลั่นออกมาสดๆ แก่ๆ ดีกรี ฉลองกันสามวันสามคืน เพราะ...” หลิมเอนตัวเข้ามากระซิบเลิศ “ท่านเศรษฐีเลหลังลูกสาวออกแย้วววว”
เลิศสงสัย
“มีใครเห็นหน้าไอ้ทวนบ้างวะ”
“ข้ายังนึกไม่ออกเลยว่ะ ว่ามันจะทำหน้ายังไง พับเผื่อยยยย อิจฉาไอ้ทวน มาอยู่ไม่เท่าไหร่ได้เป็นถึงลูกเขยท่านเศรษฐี”
“เฮ้ยยย...”
เลิศกระโดดขึ้นมานั่งบนตัวของหลิม เมื่อเห็นจระเข้ ทั้งสองร้องลั่น กระโดดกอดกันแน่นด้วยความหวาดกลัว
“ไอ้..ไอ้เข้!”
หลิม เลิศวิ่งวนหนีจรเข้ ข้าวของที่เตรียมการจัดสถานที่ล้มระเนระนาด กระจัดกระจายเสียหาย โดยไม่เห็นว่า ทอก หมอกและแสนอยู่ในมุมหลบ ต่างหัวเราะขบขันที่ป่วนบุญช่วยได้
เช้าวันใหม่...บุญช่วยโกรธหนักเมื่อรู้ว่าถูกก่อกวน
“ใครวะ ใครบังอาจเข้ามาก่อกวนในบ้านของข้า มันไม่เห็นแก่หัวหงอกก็น่าจะเห็นแก่ลูกปืนบ้าง ใครเอาไอ้ตัวนั่นมาปล่อยวะ”
“ไม่รู้ครับ” หลิมจ๋อยๆ
“มีแต่ร่องรอย แต่จับคนเป็นๆ ไม่ได้ครับ” เลิศเล่า
“มันอาจจะหลุดมาจากฟาร์มของใคร ตอนน้ำท่วมก็ได้นี่ พ่อ” ชิงชัยออกความเห็น
“หลุดเข้ามาเพ่นพ่านในงานมงคลแบบนี้ จะให้ข้าเข้าใจว่ายังไง คนบ้านนาไม่รับเชิญของข้า หลวงตาฉุนไม่รับนิมนต์ แต่ไอ้ตัวไม่ได้เชิญเสือกดันมาแล้วข้าจะจัดพิธีแต่งงานได้ยังไง”
“เลื่อนไปก่อนดีมั้ยครับท่านเศรษฐี” เมินเสนอ
“เลื่อน...” บุญช่วยหันไปมองหน้าเมิน
“เอ๊ะ เลื่อนยังไง” สไบถามทันที
เมินพยายามออกอุบายเพื่อถ่วงเวลา ช่วยทวน
“เลื่อนไปก่อน แล้วหาฤกษ์ยามใหม่ หลังจากนั้นค่อยเตรียมงานใหม่…ใหญ่ยิ่ง..ยิ่งใหญ่..เยอะแยะ”
“แล้วไอ้ที่ป่าวประกาศ กับชาวบ้านจะทำยังไงล่ะ” ชิงชัยหันมาถาม
“ก็ออกประกาศฉบับใหม่ก็ได้นี่ครับ”
“ทำยังไง...” บุญช่วยสนใจ
“ก็...ประกาศว่า...”
เมินพูดไม่ทันจบ ทวนก้าวเข้ามา สีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
“จะไม่มีการแต่งงาน ระหว่างผมกับคุณชาริณี”
“ไอ้ทวน” บุญช่วยตกใจ
“เฮ้ย ไอ้ทวน...” เมินอึ้ง
ชิงชัยไม่พอใจ
“แกกล้าขัดคำสั่งของพ่อฉันหรือ”
บุญช่วยก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า ทวนยืดทรวงอกขึ้น มองสบสายตาของบุญช่วย อย่างไม่กลัวเกรง น้ำเสียงบุญช่วย สั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ
“ทำไม...แกถึงไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวของฉัน”
“เพราะผมไม่ได้รักคุณชาริณี”
เมินกระซิบ
“ไอ้ทวน แกบ้าไปแล้วหรือ นี่แก...”
ทวนพูดต่อทันที...
“คนจะแต่งงานกันต้องรักกัน ผมกับคุณชาริณีไม่เคยรักกันเลยจะแต่งงานกันได้ยังไง”
“รักไม่รักไม่สำคัญโว้ย แก…จะต้องแต่งงานกับลูกสาวของฉัน...พรุ่งนี้!”
บุญช่วยแผดเสียงดัง
ชาริณีเข้ามาโอบกอดทวนทางเบื้องหลัง ซบหน้ากับไหล่ของทวนร้องไห้
“ทำไมคุณถึงกล้าปฏิเสธพ่อ ทั้งที่พ่อให้โอกาสคุณแต่งงานกับฉัน คุณไม่อยากช่วยฉันแล้วหรือ ก็ไหนคุณบอกว่าคุณจะช่วยฉันยังไงล่ะ”
“คุณต้องช่วยตัวเอง ใครช่วยก็ไม่เหมือนคุณช่วยตัวของคุณเองหรอก ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้จริงๆ มันเป็นเงื่อนไขที่...ที่..มากไปสำหรับผม”
“เพราะคุณไม่ได้รักฉันใช่มั้ย คุณยังรักศรีไพรอยู่ คุณถึงแต่งงานกับฉันไม่ได้”
ชาริณีปล่อยมือจากกอดทวน มองอย่างเสียใจ
“ผมรักศรีไพร ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้ นอกจากศรีไพร”
“คุณ..คุณทวน..”
ชาริณีวิ่งร้องไห้ขึ้นเรือนไป ทวนมองตามไปด้วยความสงสาร
(อ่านต่อหน้า 2 วันพรุ่งนี้)
เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 29 (ต่อ)
ชาริณีเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างลนลานเพื่อหายาเพื่อเสพ เพราะเสียใจที่ทวน ปฏิเสธการแต่งงาน สไบก้าวเข้ามาพร้อมแหว่ง
“นายทวนเขาพูดถูกนะ เขาช่วยคุณไม่ได้คุณต้องช่วยตัวเอง เขาไม่ได้รักคุณ จะแต่งงานกับคุณได้ยังไง แต่ฉันช่วยได้…”
ชาริณีหันขวับไปมอง
“ช่วย...ช่วยยังไง”
“ฉันมีไอ้นี่”
สไบแบมือที่มีซองยาเสพติด ชาริณีจ้องมอง
“ไม่เลิกก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย พ่อคุณมีของพวกนี้เยอะแยะ คุณเสพมันได้จนตาย”
“ไม่...”
ชาริณีนั้นอยากได้ยา แต่ยังคงปฏิเสธ
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า นายทวนเขาไม่รักคุณแต่รักไอ้ศรีไพร ไอ้นี่ต่างหากล่ะที่รักคุณ เสพมันแล้วคุณมีความสุขใช่มั้ย คุณลืมโลกนี้ ลืมความโหดร้าย ของพ่อคุณกับพี่ชายคุณ...ใช่มั้ย”
ชาริณีจ้องมองยาในมือสไบ ก่อนที่จะยื่นมือที่สั่นสะท้านไปแตะ
วันใหม่... ศรีไพรและศรีแพร งจะออกไปท้องนา แสนวิ่งนำหน้าทอกและหมอก นำข่าวดีมาบอกศรีไพรด้วยความดีใจ
“พี่ศรีไพร...พี่ศรีไพร…”
“แสนแสบ ไปไหนมาทั้งคืน” ศรีไพรหันไปถาม
ทอกรีบรายงาน
“ฉันกับไอ้แสนไอ้หมอก ไปสืบข่าวที่บ้านเศรษฐีบุญช่วยมา”
“ใช่ ไม่มีงานแต่งงานแล้ว พี่ทวนเขาไม่ได้แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีบุญช่วยแล้ว” หมอกเสริม
ศรีไพรนิ่งอึ้ง หันไปสบสายตาศรีแพร
“ใครสนล่ะ”
ศรีไพรเดินออกไป
“ศรีไพร ใช่...ใครสน...”
ศรีแพรรีบตามศรีไพรออกไป ทอก หมอกและแสนต่างผิดหวัง
“ไม่มีใครสนเลย ไม่ว่าพี่ศรีไพร หรือพี่ศรีแพร” แสนบ่น
“โธ่ เราอุตส่าห์วางแผนก่อกวนพวกนั้น” ทอกเบ้หน้า
“ยังไงพี่ทวนเขาก็ปฏิเสธ ไม่แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีบุญช่วยแล้ว เฮ้ย...แล้วพี่ทวนเขาจะเป็นยังไงวะ” หมอกสงสัย
หลิมและเลิศ ใช้ปืนจี้ทวน คุมตัวเข้ามายังป่าเปลี่ยวที่ชิงชัยรออยู่
“นี่มันเรื่องอะไรกันชิงชัย” ทวนพยายามถาม
ชิงชัยมองอย่างเกลียดชัง
“แกไม่ยอมแต่งงานกับน้องสาวของฉัน กล้าขัดคำสั่งพ่อของฉัน”
“ก็เรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องของมนุษย์ ไม่ใช่ของสัตว์”
“มันหาว่าคุณชิงชัยเป็นมะ..เอ๊ย..สุนัขครับ” หลิมหันไปรายงาน
“ไอ้ทวน” ชิงชัยโมโห
เลิศเสริม
“หนอย...ก็ไอ้สุนัขนี่มัน..เอ้อ..ได้ทุกฤดูกาล โดยไม่เลือกพันธุ์เลยครับคุณชิงชัย”
ชิงชัยยิ่งโมโห ทวนพยายามอธิบาย
“เฮ้อ...ผมแต่งงานกับชาริณี เพื่อให้ชาริณีเลิกยาไม่ได้หรอก สำคัญมันอยู่ที่พวกคุณต้องหยุดวงจรนี้ซะ”
ชิงชัยดึงปืนออกมาจากเอว จ่อที่ศีรษะของทวน
“ถ้าแกไม่แต่งงานกับน้องสาวของฉัน แกก็หมดประโยชน์สำหรับเราแล้ว ตายเสียเถอะ ไอ้ทวน”
ทันใด เมินรีบถลาเข้ามาชนชิงชัยกระเด็นไป
“เดี๋ยวก่อนครับคุณชิงชัย ไอ้ทวนคนนี้มันยังมีประโยชน์อยู่ เพราะว่าตอนนี้…อ้า...”
ชิงชัยหันไปถาม
“ตอนนี้...ทำไมวะ...”
เมินเกาท้ายทอย ปัดฝุ่นจากเสื้อ พยายามถ่วงเวลายั่วโทสะ
“เพราะว่าตอนนี้น้องสาวของคุณกำลังมีอาการ..ลงแดง..ครับผม!”
ทุกคนฟังอย่างตกใจ...
ในห้องนอน...ชาริณีดิ้นพราดๆ อยู่กับพื้น เพราะเสพยาอย่างหนัก สไบและแหว่งยืนมองยิ้มเยาะ ขณะเดียวกัน บุญช่วยวิ่งนำหน้าชิงชัยเข้ามา ผลักร่างของสไบกระเด็น
“ชาริณี...”
บุญช่วยตะลึง เมื่อเห็นอาการของชาริณี
“ใคร ใครเป็นคนเอายาให้ชาริณี แกหรือ..นังสไบ”
ชิงชัยที่เพิ่งมาถึง เข้าประคองชาริณี
“ทำยังไงดีล่ะพ่อ ชาริณี...ชาริณี…”
บุญช่วยปราดเข้ามาจิกเส้นผมของสไบ เงื้อมือจะตบ
“แก แกขัดคำสั่งฉัน เอายาให้ชาริณีใช่มั้ย”
“ก็ลูกท่านเศรษฐีกำลังจะลงแดงตาย จะให้ฉันทำยังไง”
สไบสะบัดหลุด แผดเสียง
“รักลูกนักไม่ใช่หรือ มียาตั้งเยอะแยะ แล้วทำไมไม่ให้ลูกของตัวเองเสพล่ะ กับลูกคนอื่นละยัดเยียด!”
“นังสไบ...”
บุญช่วยจะเล่นงานชาริณี แต่ชิงชัยรีบเรียก
“พ่อ เร็วช่วยชาริณีด้วย...”
บุญช่วยสติแตก
“ไม่ช่วยโว้ย ฉันจะช่วยอะไรได้ เอามันไปไว้ในห้องขัง จะได้ไม่รู้..ไม่เห็นว่าลูกติดยา..!”
บุญช่วยผลุนผลันออกไป
ชิงชัยกอดชาริณี พยายามเขย่าตัวชาริณีเพื่อให้ได้สติ
“ชาริณี...ชาริณี...”
สไบหันไปสบสายตาแหว่ง ยิ้มสะใจ
แสนแอบสอดแนมอยู่นอกบ้านของบุญช่วย ศรีไพรเข้ามาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ แสนหันไปมองศรีไพรด้วยความแปลกใจ
“ฉันนึกว่าพี่ศรีไพรไม่สนจริงๆ ซะอีก”
“ก็ใครสนล่ะ พี่มาตามแกกลับบ้านนะแสนแสบ ตั้งแต่ไปคบพวกเด็กวัดซนใหญ่นะเราน่ะ”
“ก็พวกฉันอยากรู้เรื่องในบ้านเศรษฐีบุญช่วยนี่ สงสัยจะไม่มีงานแต่งงานแล้วล่ะ”
“ก็ใครสน...”
“นี่ขนาดไม่สนพี่ยังมาด้อมๆ มองๆ”
ศรีไพรเขกหัว
“พี่มาตามแกกลับบ้าน กลับบ้านเดี๋ยวนี้แสนแสบ ไป...”
ศรีไพรดึงแขนแสน แสนรั้งไว้
“พี่ศรีไพร ดูนั่น...”
“อะไร”
แสนและศรีไพรมองขึ้นไปยังบ้านเศรษฐีบุญช่วย
ทวนก้าวเข้ามาเผชิญหน้าบุญช่วย ซึ่งนั่งกุมศีรษะด้วยความโกรธ ความแค้น ความเสียใจและผิดหวังในตัวชาริณี
“ส่งชาริณีไปบำบัด เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ชาริณีรอดตาย ปล่อยไว้ยังงี้เท่ากับท่านเศรษฐีฆ่าลูก”
บุญช่วยค่อยๆ เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาของบุญช่วยฝ้าฟางไปด้วยน้ำตาลุกขึ้นยืน ชี้หน้าทวน
“แกต่างหากล่ะที่ไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวของฉัน ลูกของฉันรักแก ถึงฉันจะเกลียดแกยังไงฉันก็ยอม...เพื่อลูก”
“แต่ผมไม่ได้รักชาริณี”
“ไม่รักก็ต้องแต่ง แต่งงานแล้วชาริณีอาจจะดีขึ้น ฉันรักลูกของฉัน ฉันยอมให้มันเป็นยังงี้ไม่ได้”
“ผมก็แต่งงานกับชาริณีไม่ได้จริงๆ เชื่อผมเถอะ...ส่งชาริณีเข้าสถานบำบัด”
“ไม่ๆๆๆ ไม่โว้ย...”
บุญช่วยคลั่ง
“ฉันจะขังลืมมัน...มันจะได้ไม่ออกไปประจานฉันว่าฉันค้ายา แต่ลูกของฉันกลับติดยานรกนั่น ฉันจะขังลืมมัน”
บุญช่วยทุบทำลายข้าวของ ร้องไห้ไปด้วย ความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นในตัวชาริณี ทวนจ้องมองบุญช่วยด้วยความกังวล
แหว่งพยุงร่างของชาริณีที่มีอาการหลับๆ ตื่นๆ มาทิ้งลงบนพื้นในห้องขัง ชาริณีฟุบสิ้นสติ สไบเย้ยหยัน
“ถูกขังอีกแล้วนะ คราวนี้ฉันเห็นจะต้องแสดงความเมตตากับแก ในฐานะที่ฉันเป็นแม่เลี้ยง นังแหว่ง...”
“คะ คุณสไบของบ่าวขา”
“ไม่ต้องใส่กุญแจ”
“ก็ถ้า...”
“ฉันรู้แล้วว่านายทวนเขาไม่ได้รักมัน เขาคงจะไม่เสี่ยงชีวิตมาช่วยมันออกไปหรอก ในเมื่อไอ้แก่นั่นมันกำลังบ้า”
“จะ จะเอายังงั้นเลยหรือคะ คุณสไบของบ่าวขา”
“จ้างให้ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นมาช่วยมันหรอก เพราะไม่มีใครอยากจะหาเรื่องใส่ตัว!”
สไบและแหว่งออกไป ปิดประตูลง ชาริณีนอนฟุบหน้าอยู่กับพื้น มีสภาพน่าสังเวช
ทวนเดินวนเวียนไปมา มองไปยังหน้าต่างที่เป็นห้องขังชาริณี คิดว่าจะทำยังไงดี เพราะเคยช่วยพาชาริณีหนีครั้งหนึ่งแต่ศรีแพรไม่รับจึงพากลับ
“ไอ้ทวน...” เมินเดินมาหา
“แก...มาทำอะไรแถวๆนี้”
“แกล่ะ อย่า..อย่าแม้แต่จะคิด นี่มันเรื่องในครอบครัวเศรษฐีบุญช่วย เขาต้อง จัดการกับปัญหาของเขาเอง แหม..ทีให้เป็นลูกเมียละไม่ยอม อ้างว่า..ไม่รักๆๆๆ ทีนี้จะมายุ่งอะไรอีกล่ะ”
“แก...”
“ฉันไม่ช่วยแกอีกแล้วนะ”
“ฉันก็ไม่ได้ขอให้แกช่วย”
“ไอ้ทวน หนอย..เพิ่งช่วยชีวิตแกหยกๆไม่สำนึกในบุญคุณเพื่อนเลยนะ”
“เขามีเพื่อนไว้ทำไมล่ะ” ทวนย้อนกวนๆ
“ช่วยกันยามยาก”
“แล้วไง ฉันก็อุตส่าห์เป็นเพื่อนให้แกช่วยแล้วไงล่ะ ขอบใจสักคำ...ไม่มี”
“ถ้ายังงั้นแกจะทำอะไรเชิญเลย แต่..อย่าให้เดือดร้อนถึงฉันเป็นอันขาด เพราะว่า..ฉันไม่อยากจะมีเพื่อนแล้วละโว้ย
- เมินกระแทกเสียงโกรธๆ ก่อนเดินออกไป”
ทวนหันไปมองที่หน้าต่างห้องขังชาริณี
ค่ำคืนนั้น...ศรีไพรลงมาส่งเสียงเรียกแสนที่ระเบียง...
“แสน แสน..สุมไฟให้ไก่เสร็จหรือยัง ไม่ต้องสุมกองโตหรอกเดี๋ยวมันเป็นไก่ย่าง สุมแค่ไล่ยุงก็พอ แสน..แสน..”
ศรีแพรเดินมาบอก
“ปิดประตูหน้าต่างเถอะ เดี๋ยวน้องก็ขึ้นมาเองแหละน่า”
“พี่ศรีแพรไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้ไอ้แสนมันริอ่านไปคบพวกไอ้ทอก ไอ้หมอก ทำตัวเป็นหัวโจก”
“มันเป็นเด็กผู้ชายน่ะ มันก่อเหตุป่วนซะบ้างมันจะได้เป็น อีกหน่อยพอโตขึ้น แสนแสบต้องเป็นผู้นำครอบครัวเรา”
ศรีไพรหันมามองแปลกใจ
“พี่ศรีแพร...”
“เราอยู่กันตามลำพังผู้หญิงกับเด็กไม่ได้หรอกนะ แสนแสบถึงต้องโตเป็นผู้ชาย”
“พี่ศรีแพรจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตหรือ”
ศรีแพรนิ่งอึ้ง ตัดบท
“ปิดประตูหน้าต่างเถอะ”
ศรีแพรเข้าบ้าน ศรีไพรมองตาม ทอดถอนใจอย่างหม่นหมอง...
ทวนเหลียวซ้ายแลขวา เห็นว่าไม่มีใคร จึงก้าวขึ้นเรือนเพื่อช่วยชาริณีออกมาจากห้องขัง เมื่อไปถึงหน้าห้องก็แปลกใจ
“เอ๊ะ ทำไมไม่ใส่กุญแจ คุณชาริณี..ชาริณีครับ ชาริณี..คุณ...”
ชาริณีหายใจแผ่ว อาการหนัก
“ช่วย..ช่วยด้วย พาฉันออกไปจากที่นี่ที”
“แน่ใจหรือว่าคุณอยากให้ผมพาคุณไปจากที่นี่ คราวที่แล้วคุณยังเคยขอให้ผมพากลับมา...”
“ฉันอยากเลิกมัน..คุณพูดถูก..ฉันต้องเลิกมันด้วยตัวของฉันเอง ฉันต้องเข้มแข็ง ฉันจะเลิกมันให้ได้”
“ผมพูดกับพ่อคุณแล้ว แต่พ่อคุณไม่ยอมฟังผม มีทางเดียวที่คุณจะเลิกคือหนี คุณพร้อมนะ”
“ฮื่อ..ฉัน..พร้อม..”
ชาริณีพยักหน้า ทวนประคองชาริณีออกไป
ศรีแพรกางมุ้งหลังใหญ่ นอนรวมกันกลางบ้าน สดสวดมนต์อยู่หน้าหิ้งบูชาพระพุทธรูป มีรูปถ่ายของพรตั้งอยู่ตรงหน้า ขณะเดียวกัน ศรีไพรถือไม้เรียวคุมตัวแสนเข้ามานอน
“เข้ามุ้ง นอนเดี๋ยวนี้ แล้วไม่ต้องคลานออกไปอีกนะ ไม่ยังงั้นตีหลังลายจริงๆ”
“นอนไม่หลับก็ไม่ได้ แหม...” แสนบ่น
“นอนไม่หลับก็ต้องนอนให้หลับ กลางวันมีไว้ทำนา กลางคืนมีไว้นอนไม่ใช่ออกไปสุมหัวกันท้ายป่าช้า นอนเดี๋ยวนี้....” ศรีไพรตวาดแว๊ด
“นอนเถอะจ้ะ แม่” ศรีแพรหันมาบอก
“แม่ก็จะนอนเดี๋ยวนี้แหละ แสน ห่มผ้าซะลูก ดึกๆ อากาศเย็นจะเป็นหวัดนะ”
ทุกคนเข้ามุ้ง นอนเรียงรายกัน สดห่มผ้าให้แสน ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน
ทวนประคองพาชาริณีหนีไปตามเส้นทางไปบ้านศรีไพร ชาริณีอ่อนเพลีย กำลังจะสิ้นกำลังลงล้มทรุด
“คุณจะพาฉันไปไหน ฉัน..ไม่ไหว”
“ขึ้นหลังผม...ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะพาคุณไปที่ที่ปลอดภัย”
ทวนแบกชาริณีขึ้นหลังเดินต่อไป กระทั่งถึงลานบ้าน แล้วส่งเสียงตะโกน
“ศรีแพร ศรีไพร ช่วยด้วย เปิดประตูรับด้วย นี่พี่เอง..พี่ทวนอีกแล้ว”
ทันใด บานประตูถูกเปิดพรวด ทุกคนแล่นถลาออกมา ศรีแพรมีปืนติดมาด้วย
“ไอ้ทวน อีกแล้วหรือ” สดถาม
“แม่ ผมไม่รู้จะพาชาริณีไปไหน ช่วยด้วยครับ จะไปวัดก็ไกล ช่วยชาริณีด้วย”
ทุกคนหันมาจ้องหน้าศรีแพรที่ถือปืนจ้องอยู่นิ่งๆ
“เอาไงดี พี่ศรีแพร”
ศรีแพรมองชาริณีนิ่งๆ
จบตอนที่ 29
อ่านต่อ ตอนที่ 30