เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 28
เจ๊กตงและหมอก ยืนดูมหาเฉื่อยเล่นหมากรุกกับทอกอยู่ เนี้ยวทำงานอยู่หลังหม้อชงกาแฟ เลิศขับรถแล่นมาน้ำมันหมดหน้าร้าน
“รถเป็นอะไรวะ ไอ้เลิศ” ชิงชัยถามอย่างสงสัย
“น้ำมันหมด...อีกแล้ว...แฮ่ะๆ...ครับคุณชิงชัย”
“ขับรถยังไงถึงน้ำมันหมดทุกที ไปเอาน้ำมันร้านเจ๊กตงมาเติมเร็วๆ โว้ยจะรีบไป” ชิงชัยสั่งอย่างหงุดหงิด
หลิมลงจากรถเข้าไปหาเจ๊กตง
“ไอ้เจ๊กตง”
เจ๊กตงไม่สนใจ
“ม่ายรู้...ม่ายชี้”
“เอาน้ำมันมาเติมรถหน่อยโว้ย เร็วๆ คุณชิงชัยมีธุระสำคัญในเมืองโว้ย”
เจ๊กตงส่ายหน้า
“ม่ายรู้...ม่ายชี้”
หลิมควักปืนมาจี้ที่ปลายคางของเจ๊กตง
“เมื่อกี้นี้เอ็งว่าอะไรนะ ไอ้เจ๊กตง”
“ม้ายรู้...ม่ายชี้”
หลิมโมโห
“เอ็งได้ม่ายรู้...ม่ายชี้แน่ ถ้าเอ็งทำกำแหงขัดคำสั่งของคุณชิงชัย”
มหาเฉื่อย ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ท่าทีเกียจคร้านแต่กวนโทสะ
“ไอ้หลิม...อย่าว่าแต่เจ๊กตงจะม่ายรู้...ม่ายชี้เลยวะพวกข้าก็ม่ายรู้...ม่ายชี้กับพวกเอ็ง”
สุมิตรส่งเสียงมาแต่ไกล
“อีนี้อยู่กันพร้อมหน้า นมัสเตจ้ะลุงมหาเฉื่อย ม่วยเนี้ยวจ๋า...”
ชิงชัยหันไปหาสุมิตร
“ไอ้แขก เอาน้ำมันมาเติมรถให้หน่อย”
สุมิตรส่ายหน้า
“ม่ายรู้...ม่ายชี้ อีนี้แขกไม่สน”
ชิงชัยหงุดหงิดมาก
“อะไรวะ นี่มีแต่คนม่ายรู้...ม่ายชี้ทั้งบ้านนาเลยหรือวะ”
“ใช่ ข้าก็ม่ายรู้...ม่ายชี้เหมือนกัน” ทอกบอก
“ข้าด้วย นอกจากม่ายรู้...ม่ายชี้...ข้ายังม่ายสนอีกว่ะ” หมอกพูดกวนๆ
ชิงชัยหน้าเสีย กวาดสายตามองดูทุกคน เนี้ยวตะวาดไล่
“ไปให้พ้นนะ ไม่มีใครเขาอยากจะคบพวกแกหรอก เงินเยอะก็เชิญเอาเงินไปใช้ที่อื่น เงินสกปรกของแกน่ะ...เอามาใช้ในบ้านนาไม่ได้...ไม่เอา”
ชิงชัยโกรธ
“นัง...เนี้ยว...!”
“จะไปหรือไม่ไป...ไม่ไป โดนน้ำร้อนชงกาแฟ...ม่ายรู้...ม่ายชี้...นะ”
เนี้ยวตักน้ำร้อนชงกาเตรียมสาด ชิงชัยตกใจ
“เฮ้ยๆๆ อย่าเล่นของร้อนนะโว้ย”
เลิศเห็นท่าไม่ดีรีบบอก
“ไปก่อนครับคุณชิงชัย”
“รถล่ะ”
หลิมหันมาหาทอก
“ไอ้ทอก...”
ทอกแกล้งทำเป็นนอบน้อม
“ครับผม เอ๊ย...โว้ย...”
“ในนามของคุณชิงชัย ขอสั่งให้เอ็งกับไอ้หมอก เข็นรถคันนี้ไปส่งที่บ้านเศรษฐีบุญช่วย”
“ยังไม่ไปอีก”
เนี้ยวขยับจะสาดน้ำร้อนใส่ ชิงชัย หลิม เลิศวิ่งหนีไป ทุกคนขยับเข้ามารวมตัวกัน ส่งเสียงเย้ยหยันพร้อมกัน
“ม่ายรู้...ม่ายชี้”
ทอกมองไปยังรถยนต์ของชิงชัยที่จอดทิ้งไว้ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่ว่า..รถคันนี้...”
หมอกยิ้มรับ
“เรามีบริหารส่งถึงที่...ครับผม...”
ทอกและหมอก มองสบสายตากันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
เมินและทวน เดินออกมายังลานกว้างหน้าบ้าน มองเห็นเศษอะไหล่รถยนต์กองกันเป็นกองสูง ทั้งสองมองหนากันด้วยความสงสัย เมินหันไปมองชิ้นส่วนแล้วจำได้
“นี่มันรถนายชิงชัยนี่”
ทวนแปลกใจ
“แล้วทำไมมากองเป็นเศษเหล็กยังงี้วะ”
ชิงชัยเดินนำหน้าหลิมกับเลิศมาด้วยท่าทีหงุดหงิด
“นังเนี้ยวลูกสาวเจ๊กตง เพิ่งจะโตเต็มที่ไม่เท่าไหร่ หนอย...มาทำโอหังไล่คนอย่างฉัน”
“ใช่ครับ ไม่มีมารยาทเลย จะเกลียดขี้หน้าคุณชิงชัยยังไง มันน่าจะเก็บความรู้สึกไว้บ้าง” หลิมพูดเอาใจ
“ความผิดไอ้เจ๊กตงไม่อบรมลูก” เลิศเสริม
“ยังไงไอ้ทอกไอ้หมอกมันก็ยังกลัวแกรงบารมีของคุณชิงชัย ครับ สั่งให้มันเข็นรถมาส่งที่นี่ ป่านนี้มันคงจะ...”
หลิมชะงักอึ้ง...เลิศกับชิงชัยมองตามสายตาหลิม เห็นรถยนต์ที่ถูกถอดเป็นชิ้นๆต่างพากันตื่นตระหนก ชิงชัยเข้าไปจับชิ้นส่วนรถแทบจะร้องไห้
“นี่รถของฉันนี่...”
หลิมอึ้งไป
“โห ทำไมมันถึงได้กลายเป็นชิ้นๆ ยังงี้ล่ะครับ”
“ไอ้ทอก ไอ้หมอก” เลิศคำราม
“ไอ้สองตัวนั่นมันถอดรถฉันออกเป็นชิ้นๆ” ชิงชัยโกรธจัด แผดเสียงดังลั่น “ไปจัดการสับมันเป็นชิ้นๆ”
เมินและทวนมองหน้ากัน
ค่ำนั้น...ทอกกับมอก เดินกอดคอกันร้องเพลงอีแซว อย่างมีความสุขหลังจากกลั่นแกล้งชิงชัย
“ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครสั่งได้ ใครสั่งไม่ได้ในบ้านนานี่” ทอกโอ่
“ป่านนี้ไอ้ชิงชัยมันคงจะติดต่อเชียงกง ขายอะไหล่รถราคาเป็นล้านของมันให้เชียงกงแล้วละโว้ย” หมอกพูดอย่างสะใจ
“แล้วแกคิดว่ามันจะตามมาล้างแค้นเรามั๊ย”
“ถ้ามันมา จะไปยากอะไร๊...”
“ทำยังไงวะ”
“วิ่ง”
“ถุย นึกว่าสู้”
“มีแค่สองแรง ไอ้พวกนั้นมาเป็นสิบ สู้มันไหวหรือ สมัยนี้จะวิ่งหนีวิ่งสู้ เขาไม่ถือเรื่องเสียศักดิ์ศรีแล้วละโว้ย ต้องเห็นความสำคัญของการเอาตัวรอดก่อน”
เมินและทวนคลุมหน้า ก้าวออกมาปิดปาก ลากตัวทอกและหมอกหลบเข้าหลังต้นไม้ ทั้งสองพยายามดิ้น
ขณะเดียวกันชิงชัย เลิศ หลิมและสมุนอีกนับสิบพร้อมมีดไม้ อาวุธครบมือต่างมุ่งตรงมาแก้แค้น ทอกและหมอก
“ไอ้ทอก ไอ้หมอก เจอหน้ามันไม่ต้องถามทุกข์สุขเลยนะ สับมันเป็นชิ้นๆ” ชิงชัยสั่งอย่างแค้นจัด
ทอกกับหมอกตกใจ
“สับแล้วส่งเชียงกงเลยใช่มั้ยครับคุณชิงชัย” เลิศถาม
“ใช่...สับแล้วส่งชิ้นส่วนของมันไปให้หลวงตาฉุน”
ชิงชัยและพวกเดินผ่านไป เมินและทวนปล่อยตัวทอกกับหมอก ทั้งสองคนยังโกรธทวนและเมินอยู่ ทอก มองหน้าเมินอย่างแปลกใจ
“นี่...นี่พี่...เอ๊ย...แก...”
หมอกไม่พอใจ
“ช่วยฉันทำไม แกเป็นพวกเศรษฐีบุญช่วยนี่หว่า”
“รีบไปคุ้มกันหลวงตา” เมินบอกออย่างร้อนใจ
“เดี๋ยวนี้เลย” ทวนสั่งเสียงเฉียบ
ทอกกับหมอกต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนก
“หลวงตา” ทอกรีบสั่งหมอก “เฮ้ย แกไปตามเจ๊กตงกับชาวบ้าน ฉันจะไปเตือนลุงมหาเฉื่อย”
ทอกกับหมอก วิ่งกันไปคนละทาง ทวนกับเมินหันมาสบสายตากัน ถอนหายใจด้วยความกังวล
ชิงชัย หลิม เลิศและสมุนพร้อมอาวุธครบมือ ก้าวเข้ามาล้อมบันได ศาลาส่ง ชิงชัยส่งเสียงตะโกน
“มหาเฉื่อย...หลวงตาฉุน”
“มหาเฉื่อย รู้นะ...ว่านอนกับหลวงตา จะลงมาดีๆ หรือว่าจะให้คุณชิงชัยขึ้นไปบนศาลา” หลิมส่งเสียงขู่
“มหาเฉื่อย...” เลิศตะโกนเรียก
ทันใดนั้น เสียงมหาเฉื่อยบ่นดังๆ
“โว้ย อะไรกันวะ ใครน่ะ...มาดึกๆ ดื่นๆ ตอนนี้วัดปิดทำการแล้วโว้ย ไว้มา ตักบาตรทำบุญตอนเช้าเถอะ”
มหาเฉื่อยเดินนำหน้าหลวงตาออกมา ตกใจเมื่อเห็นชิงชัยกับพวก
“ใครล่ะน่ะ” หลวงตาถาม
“พวกเศรษฐีบุญช่วยขอรับหลวงพ่อ” มหาเฉื่อยบอกเสียงสั่น
“เข้าวัดดึกดื่นยังงี้ ศรัทธาต่อศาสนาคงแรงกล้าจนรอเช้าไม่ไหว” หลวงตาหันไปสั่งมหาเฉื่อย “ไปเอาตู้รับบริจาคมาท่านมหาเฉื่อย”
“ขอรับ...”
มหาเฉื่อยจะขยับไปชิงชัยรีบห้าม
“ไม่ต้อง ไม่ได้มาทำบุญ แต่จะมาลากตัวไอ้ทอกกับไอ้หมอกไปสับเป็นชิ้นๆ”
“ส่งตัวไอ้ทอกไอ้หมอกมาสับ เสร็จแล้วคุณชิงชัยจะส่งชิ้นส่วนกลับมาให้เผา” เลิศบอก
หลวงตาทำหน้างงๆ
“อ้าว แล้วกัน เขาไม่ได้มาทำบุญหรอกท่านมหาเฉื่อย”
มหาเฉื่อยคิดๆ
“กระผมนึกออกแล้ว...ว่ามันมาลากตัวไอ้พวกนั้นเรื่องอะไร คงจะเป็นเรื่อง...”
“ใช่ เรื่องรถ ส่งไอ้ทอกไอ้หมอกมาซะดีๆ แล้วจะส่งชิ้นส่วนของมันมาให้เผาหรือ...ฝัง” ชิงชัยบอกเสียงเหี้ยม
ทอกกับหมอกเดินเข้ามาหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
“ได้...อยู่นี่ง่ะ” หมอกพูดกวนๆ
“ใช่...อยู่กันพร้อมหน้า นี่คงจะติดใจบริการของเราว่ะ เลยตามมาใช้บริการ”
หมอกกับทอกหัวเราะลั่น ชิงชัยโกรธจัด
“ไอ้หมอก...ไอ้หมอก ตายเสียเถอะ...มึง”
ชิงชัยกับพวกถลาเข้ามาจะทำร้ายทอกและหมอกทันใดนั้น เจ๊กตงพาสุมิตรและชาวบ้านเข้ามาเจ๊กตงตวาดลั่น
“หยุดนะไอ้พวกเลว”
“อีนี้แขกมาช่วยแล้วจ้ะ อาทอก อาหมอก”
เจ๊กตงชี้หน้าพวกชิงชัย
“เรียงหน้าเข้ามาได้เลย มีดต่อมีด ไม้ต่อไม้ เจ๊กตงกับไอ้พวกนี้ เตรียมมาเพียบเลยว่ะ”
ชิงชัย หลิม เลิศและสมุน เข้าตีกับพวกของเจ๊กตง สุมิตรา ทอก หมอกและชาวบ้าน...มหาเฉื่อยหลบอยู่หลังจีวรของหลวงตา ค่อยๆ โผล่หน้าออกมามองอย่างหวั่นๆ
เมินและทวน ก้าวเข้ามาที่ลานบ้าเศรษฐีบุญช่วย ก้มลงมองชิงชัยและพวกในสภาพบาดเจ็บนอนก่ายกันอยู่
“ไง ได้สับไอ้ทอกกับไอ้หมอกเป็นชิ้นๆ มั๊ย” เมินถามเย้ยๆ
“แล้วไหนล่ะ ชิ้นส่วนของไอ้ทอก ไอ้หมอก” ทวนถามกวนๆ
ชิงชัยค่อยๆ เผลอนัยน์ตาขึ้นมอง ก่อนสลบแน่นิ่งไป
ศรีไพร ศรีแพรและแสนเตรียมตัวออกไปท้องนา ท่าทีศรีไพรเงียบขรึมหม่นหมอง เมื่อรู้จากแหว่งว่าทวนจะแต่งงานกับชาริณี
“พี่บอกแล้วไงว่าช่วยเหลือชาริณีไปก็แค่นั้น ตอนนี้น้องรู้หรือยังล่ะว่าเมตตาปราณีน่ะมันต้องใช้ให้ถูกคนถูกที่ด้วย... นายทวนเขาจะได้เป็นเขยเศรษฐีบุญช่วยแล้ว อีกหน่อยนายเมินก็คงจะได้เป็น...”
ศรีแพรชะงักไป ศรีไพรรีบถาม
“พี่เมินจะเป็นอะไร”
แววตาของศรีแพรเย็นชา
“ผัวน้อยของเศรษฐีบุญช่วย!”
เมินหิ้วปีกชิงชัยขึ้นมาบนบ้าน เหวี่ยงให้นอนลงไปที่เก้าอี้ยาว ก่อนหันมาทางสไบ
“ผมช่วยเก็บคุณชิงชัยมาให้ครับ”
สไบมองชิงชัยด้วยแววตาเย็นชา
“ไม่รับ ไม่มีหน้าที่รับใช้ใคร เอ้อ...นอกเสียจากคุณเมิน”
“เอ้อ...ผม...ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ”
“ตาแก่นั่นไม่อยู่ เข้าไปในห้องฉันนะ ฉันจะทำแผลให้”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ”
“โดนศรีแพรหักอก ยังไงก็ต้องเจ็บที่ใจบ้างแหละน่ะ มาซีคะ...ฉันมีวิธีดามหัวใจให้คุณ”
สไบพยายามดึงให้เข้าห้อง เมินพยายามปฏิเสธ
“โอ ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าผมต้องออกตรวจรอบบริเวณบ้านป้องกันคนล้วงตับท่านเศรษฐี ผมไปละครับ”
เมินรีบหนีไป สไบมองตามไปด้วยรอยยิ้ม
“นึกหรือ...ว่าจะหนีพ้น”
วันต่อมา...แหว่งจีบปากจีบคอโอ้อวดอยู่ในร้านเจ๊กตง
“ท่านเศรษฐีกำลังจะจัดพิธีแต่งงานให้คุณทวนกับคุณชาริณี คุณสไบของบ่าวขาใช้ฉันมาซุบซิบ...ซุบซิบให้คนบ้านนารู้ทั่วกันว่า...คุณทวนเด็กวัดเขาจะได้เป็นลูกเขยเศรษฐีแห่งบ้านนา”
ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความกังวล เนี้ยวมองแหว่งด้วยความเกลียดชัง
“แล้วยังไง”
“ใครที่แหงนคอตั้งบ่า หวังจะเห่า...เอ๊ย...หวังจะได้แอ้มคุณทวนน่ะ หุบปากแล้วกลืนน้ำลายซะ”
“ลูกสาวของอั๊วเลิกรักไอ้ทวนแล้วโว้ย” เจ๊กตงโวย
“เพราะว่าต่อไปนี้คุณทวนเขาจะกลายเป็นของต้องห้าม เอ้อ...เจ๊กตง ซุบซิบๆๆ จนน้ำลายเหนียว เอาโอเลี้ยงมาถุงนึง”
เนี้ยวถลึงตาใส่
“ไม่ขาย ไม่มีใครค้าขายกับพวกเศรษฐีบุญช่วย ไม่ขาย ไม่พูดด้วย แล้วก็ไม่คบหากับพวกแกทั้งโคตร”
“นังเนี้ยว...” แหว่งกระแทกเสียงไม่พอใจ
สุมิตรร้องเพลงมาแต่ไกล แหว่งยิ้มออก
“แกไม่ขาย ฉันสั่งกาแฟสดของแขกก็ได้ย่ะ แขก...เอากาแฟสดมาที่นึง”
สุมิตรยิ้มอย่างสุภาพ
“อีนี้ไม่ขายจ้ะ แขกไม่ค้าขายกับพวกเศรษฐีบุญช่วย ไม่ค่า ไม่คบ อีนี้แขกเจอเศรษฐีบุญช่วยกับงู...”
มหาเฉื่อยรีบถามต่ออย่างรับมุข
“แขกตีอะไรวะ”
“อีนี้แขกตีกะบาลเศรษฐีบุญช่วยจ้ะ”
แหว่งโกรธ ถอยก้าว พยายามเลียนแบบของสไบ กรีดร้อง ก่อนที่จะสะบัดหน้าออกไป ในร้านกลับเงียบสงัด ทุกคนเริ่มกังวล ทอกหันมาหามหาเฉื่อย
“ลุงมหาเฉื่อย นี่พี่ทวนเขาถึงกับจะแต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีบุญช่วยเชียวเรอะ”
มหาเฉื่อยพูดไม่ออก
“เอ้อ...”
“มากไป ทำยังงี้มันมากไปโว้ย” หมอกโวยวาย
เนี้ยวแค้นๆ
“เนี้ยวไม่นึกเลยนะเตี่ยว่าเขาจะเป็นคนเห็นแก่เงิน”
เจ๊กตงโกรธ
“เก๋า...เจ๊ง...ว่ะ”
มหาเฉื่อยนิ่งคิดแววตาสงสัย
“แต่ข้าสงสัย ไอ้ทวนมันทำยังงั้นทำไม”
ศรีไพรทำงานอย่างเนือยๆ จิตใจหดหู่เศร้าหมอง กับข่าวการแต่งงานของทวน ศรีแพรเข้ามาโอบไหล่น้องสาวอย่างปลอบโยน
“ถ้าจะเสียใจก็เสียใจแต่พอประมาณเถอะ รักได้ก็ต้องเกลียดได้ น้องต้องทำใจให้ได้อย่างพี่”
“พี่ศรีแพรทำได้ยังไงน่ะ”
“คิดถึงสิ่งเลวๆ ที่ผู้ชายคนนี้ทำกับเรา”
ศรีไพรหันมาสบสายตาเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งของศรีไพร ด้วยความรู้สึกหวั่นไหว
ค่ำนั้น...ศรีแพรตักแกงในหม้อใส่ถ้วยจัดเรียงสำรับอาหาร ด้วยท่าทีเงียบๆ เพราะแท้จริงแล้วเธอยังคงรักเมินอยู่ ศรีไพรยืนมองด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“จะตั้งสำรับแล้วหรือ พี่ศรีแพร”
ศรีแพรหันไปเรียกแสน
“แสน ยกสำรับไปตั้ง จะได้กินข้าวพร้อมๆ กัน เรียกแม่ด้วยนะ”
“จ้ะ” แสนยกสำรับพร้อมกับส่งเสียง “แม่ กินข้าวจ้ะ”
สดตะโกนรับ
“เออ...”
ศรีแพรยกจาน ช้อน เข้ามาจัดสำหรับบนเสื่อเธอมีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวขณะที่ศรีไพรกลับอ่อนแอลง
“กินข้าวกันเถอะลูก ขยับที่นั่งข้างๆ ไว้ให้พ่อด้วยนะ” สดพูดขึ้น
ศรีไพรชะงัก
“แม่...”
“นี่แม่ยังไม่ลืมพ่ออีกหรือ”
ศรีแพรกับศรีไพรสะเทือนใจ แต่สดยิ้มอย่างมีความสุข
“จะลืมกันทำไมล่ะ ในเมื่อพ่อน่ะเป็นรักแรกของแม่ คนตายไม่ใช่คนที่ควรถูกลืม คนเลวต่างหากล่ะสมควรจะลืมมัน กินข้าวกันเถอะลูก”
ทั้งหมดนั่งล้อมวงกันกินข้าวอยู่ในเงาของแสงตะเกียง ศรีไพรตักข้าวเข้าปาก ด้วยความรู้สึกฝืดลำคอ
พระจันทร์บนท้องฟ้า ศรีไพรทรุดตัวลงนั่ง ห่มผ้าขาวม้ากันความหนาวเย็น มองไปยังพระจันทร์
“พ่อ...พ่ออยู่ที่ไหน หนูคิดถึงพ่อ หนูอยากให้พ่อกลับมาอยู่กับพวกเรา ลูกคิดถึงพ่อเหลือเกิน...พ่อจ๋า...”
ศรีไพรซบหน้ากับเข่า ร้องไห้
อ่านต่อ หน้า 2
เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 28 (ต่อ)
ศรีไพรหิ้วปิ่นโตเปล่าเดินกลับบ้าน ขณะที่จ่าสินหลบอยู่ในมุมหนึ่ง จ้องมองไปยังศรีไพรแล้วชักปืนออกมา
“ไอ้ศรีไพร...”
ศรีไพรหยุดก้าว จ้องมองไปยังจ่าสินที่เอาปืนจี้เธออยู่
“มาได้จังหวะ ฉันกำลังลำบาก”
ศรีไพรชำเลืองมองบาดแผลของจ่าสิน ก้มลงมองปิ่นโตแล้วจงใจปล่อยปิ่นโตหลุดจากมือ ปิ่นโตแตกเถากระจายอยู่ที่พื้น
“แกต้องการอะไร” ศรีไพร ถามเสียงเข้ม
“พี่เขยแกทำฉันแสบ!”
ศรีไพรแปลกใจ
“พี่เมิน...!”
“มันอาจจะไม่ใช่ไอ้เมินคนขี้คุก เหมือนที่ชาวบ้านนาเข้าใจ มันอาจจะเป็นใครก็ได้ที่ปลอมตัวเข้ามาโค่นอิทธิพลของเศรษฐีบุญช่วย”
ศรีไพรฟังอย่างแปลกใจ
“พี่เมินน่ะหรือ”
“ถ้ามันเป็นแค่ไอ้เมินคนอันธพาล มันโค่นฉันไม่ได้หรอก มานี่...”
จ่าสินกระชากร่างของศรีไพร เอาปืนจ่อที่ลำคอ ศรีไพรตกใจ
“แก...แกจะพาฉันไปไหน”
“ฉันจะพิสูจน์ให้ได้ว่าไอ้เมินมันเป็นใคร”
ศรีไพรตาเหลือกไปด้วยความตื่นตระหนก
ค่ำคืนนั้น ศรีแพรและแสนเก็บข้าวของ โดยมีตะเกียงให้แสงสว่าง สดส่งเสียงลงมาจากบ้านด้วยความกังวล
“ศรีไพรกลับมาหรือยัง”
“ยังเลยแม่” แสน บอก
สดชักเป็นห่วง
“ก็ไหนว่าเอาปิ่นโตไปส่งชาริณี ป่านนี้น่าจะกลับมาแล้วนะ”
“ฮึ คงจะสงเคราะห์ป้อนอาหารให้ด้วยละมั้ง นังนั่น...มันเคี้ยวไม่เป็นเพราะเคยอยู่บนกองเงินกองทอง ไม่เคยตกกระป๋อง ไอ้ศรีไพรเลยช่วยเคี้ยวให้ด้วย จากนั้นก็...กลืน” ศรีแพรประชดประชัน
“ฟังพูดเข้า ก็น้องมันสงสารคนตกทุกข์ได้ยาก แม่มาคิดๆ ดูชาริณีกำลังแย่ กลับบ้านก็กลับไม่ได้ อาการติดยาก็ยังไม่หายขาด ต้องอยู่ในกุฏิร้างข้างๆวัด ให้หลวงตากับท่านมหาเฉื่อยดูแล”
“ก็สมกับความผิดของชาริณีแล้วนี่ แม่อย่ามาขอให้ฉันให้อภัยคนพวกนี้เลยฉัน...ไม่ให้”
“แต่พี่ศรีไพรน่าจะกลับถึงบ้านแล้วนะ”
ศรีแพรชะงัก มองหน้าแสน แววตาโกรธแค้นสงบลง กลายเป็นกังวลห่วงน้องสาว
“พี่จะไปตามศรีไพร”
“ฉันไปด้วย”
ศรีแพรคว้าปืนลูกซองเดินลงจากเรือนไป แสนรีบตามออกไป สดตะโกนตามไปด้วยความกังวล
“ไอ้แสน เอาตะเกียงนี่ไปด้วย”
แสนวิ่งกลับมารับตะเกียงจากมือของสด ก่อนวิ่งกลับไป
ศรีแพรถือปืน แสนถือตะเกียง มุ่งเดินไปวัดเพื่อตามศรีไพรกลับบ้าน แสนชะงักเมื่อเห็นปิ่นโตข้าวที่ศรีไพรจงใจทิ้งไว้บอกเหตุ แตกกระจายอยู่ที่พื้น
“พี่ศรีแพร ดูนี่...”
“นี่มันปิ่นโตที่แม่ทำของให้ศรีไพรเอามาส่งชาริณีนี่”
“ทำไมมันร่วงกระจายอยู่ที่พื้นนี่ล่ะ พี่ศรีไพรไปไหน” แสนถามอย่างสงสัย
ศรีแพรใจหายวาบต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับศรีไพรแน่
“ยุ่งแล้วไอ้แสน เอาตะเกียงมานี่”
แสนส่งตะเกียงให้ศรีแพร
“เอ็งไปเรียกไอ้ทอกไอ้หมอกมา พี่จะกลับไปส่งข่าวแม่”
“จ้ะ”
แสนรีบวิ่งออกไป ศรีแพรค่อยๆ คุกเข่าลง ใช้ตะเกียงส่องที่พื้นดิน เอื้อมมือไปแตะที่ปิ่นโต มองไปรอบๆ เห็นผ้าเปื้อนเลือดที่จ่าสินฉีกทิ้งไว้เพื่อห้ามเลือดก็ตกใจ
“เลือด...!”
ทอกกับหมอกนอนหลับก่ายกันอยู่หน้าเพิงพักในป่าช้า แสนวิ่งเข้ามาเหยียบลงบนร่างของทอกและหมอก
“พี่ทอก พี่หมอก”
ทอกสะดุ้งลุกขึ้นนั่งพนมมือตัวสั่นคิดว่าผี
“อย่าหลอกหลอนลูกช้างเลยลูกช้างกลัวแล้ว แล้วจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้”
หมอกเขกหัวทอกเข้าให้ เมื่อเห็นว่าเป็นแสน
“ไม่ใช่ผีโว้ย”
“ไอ้แสน ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เดี๋ยวพ่อเขกกะโหลกเสียหรอก ไอ้นี่” ทอกฉุนขาด
หมอกมองแสน
“มาทำไมดึกๆ ดื่นๆ แถวนี้ผีดุนะเว้ย หัดหลับหัดนอนให้ตรงเวลาจะได้โตเร็วๆ”
“เป็น...ควาย!” ทอกเสริม
แสนร้อนใจมาก
“พี่หมอก พี่ทอก พี่ศรีแพรให้ฉันมาตามพี่”
ทอกกับหมอกตกใจ
“มีเรื่องอะไรวะ”
“พี่ศรีไพรหายไป”
ทอกกับหมอกหน้าตื่น
“หา...”
“งั้นจะช้าอยู่ทำไมวะ รีบไป” ทอกยอกอย่างร้อนใจ
ทอกและหมอกคว้าไม้หน้าสามวิ่งตามแสนออกไป ชาริณีก้าวออกมาจากมุมที่หลบอยู่หน้าตาตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าศรีไพรหายไป
สดแจกดุ้นฟืนให้กับชาวบ้านเป็นอาวุธ ทุกคนตื่นตกใจที่ศรีไพรหายไป
“เอ้า เอาไป ไม่มีปืนมีไม้ฟืนก็ยังดี หรือใครเอามีดพร้าติดมือมาด้วยก็ได้นะแยกย้ายกันหาลูกข้าให้ได้นะ โธ่...ศรีไพรลูกแม่”
“ฉันจะไปบุกบ้านเศรษฐีบุญช่วย” ศรีแพรบอกอย่างแค้นๆ
“ศรีแพร แล้วข้าสองคนล่ะ” ทอกถามขึ้น
“ไปด้วยโว้ย ปล่อยให้ผู้หญิงกับคนแก่ไปกันตามลำพังได้ยังไง” หมอกหันไปเรียก “เจ๊กตง อาเนี้ยว”
สุมิตร เข้ามา
“อีนี้นมัสเตแขกไปด้วย”
หมอกมองทุกคน
“จับคู่ แล้วแยกย้ายกันหาไอ้ศรีไพร ไอ้พวกนี้ก็แยกย้ายกันหา หาให้ทั่วบ้านนาเลยนะ”
“อีนี้...ใครไม่ดีต้องเจอมวยจีนของเจ๊กตงแน่” เจ๊กตงพูดสำนวนแขก
“แยกย้ายกันไปโว้ย ข้าจะไปกับเจ๊กตง ไอ้พวกนี้ใครจะไปกับข้าก็ตามมา ไอ้แขกไปกับอาม่วยเนี้ยว ไอ้กล่ำเอ็งเอาชาวบ้านไปสักสี่ห้าคน...ไป ไอ้ทอกไอ้หมอกไปกับศรีแพร ไปบ้านเศรษฐีบุญช่วยเผื่อไอ้ชิงชัยมันจะจับตัวไอ้ศรีไพรไป” มหาเฉื่อยสั่งการ
“ไปด้วย...!” แสนบอก
ต่างแยกย้ายกันออกไปเพื่อตามหาศรีไพร
“หาให้เจอนะ โธ่ ลูกแม่ เมื่อไหร่ไอ้พวกเลวๆ มันถึงจะหมดไปจากบ้านนานะ” สดร้องไห้ ตะโกนตามไป
ศรีไพรเดินนำหน้าจ่าสิน สายตาชำเลืองมองไปยังจ่าสินเพื่อสำรวจบาดแผล และท่าทีความเจ็บปวดของจ่าสิน
“มองอะไร” จ่าสินตะคอก
“ไปเสียทีพี่เมินมาใช่มั้ยล่ะ ถึงได้คิดว่าพี่เมินเป็น...เป็นอะไรนะ...พวกที่ปลอมตัวเข้ามาจับของผิดกฎหมายของเศรษฐีบุญช่วยน่ะ”
“อย่ายั่วโทสะฉันนะ”
“จ่ากินเงินภาษีของประชาชน จ่าไม่น่าทรยศต่อคนที่เลี้ยงจ่าให้มีชีวิตเลยนะ จ่ามีเอี่ยวกับเศรษฐีบุญช่วยเรื่องยา เรื่องไม้ เรื่องอาวุธเถื่อน ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด”
จ่าสินชักโมโห
“บอกแล้วไง อย่าพูดมาก!”
“แล้วคิดว่าจะรอดหรือ ยังไงคนดีๆ เขาต้องเอาคนชั่วออกไปให้พ้นถนนจนได้แล้วที่ๆ เขาจะจัดให้จ่าอยู่ก็คือ...คุก”
“ไอ้ศรีไพร...!”
จ่าสินเงื้อปืน จะฟาดลงบนใบหน้าของศรีไพรแต่เจ็บบาดแผลทรุดตัวลง ศรีไพรก้าวเข้ามาจะยกเท้าขึ้นเตะจ่าสินเงยหน้าขึ้นพร้อมปืน ศรีไพรชะงัก
สุมิตรและเนี้ยวพาพวกชาวบ้านตามหาศรีไพร สุมิตรร้องเพลงแขก เนี้ยวหันมาตวาดแว๊ด
“นี่ แขก มาตามคนหายนะ ไม่ได้มาถ่ายหนังแขก จะร้องจะเต้นไปทำไม”
“อีนี้ฉานกลัวผีจ้ะ มืดๆ ยังงี้ไม่กอดกัน ก็ส่งเสียงร้องเพลง ผีมันได้ยินเสียงคน มันจะได้หนีจ้ะม่วยเนี้ยวคนสวยจ๋า”
“ผีเมืองอินเดียน่ะซี ได้ยินเสียงเพลงแล้วหนี ผีเมืองไทยนี่เห็นคนแล้วหลอกย่ะ”
ทันใดนั้น กิ่งไม้หัก ตกลงมาจากต้นไม้
“ว้าก ช่วยด้วย แขกโดนผีหลอก”
สุมิตรกระโดดกอดเนี้ยว เนี้ยวหลับตาปี๋ ร้องลั่น กอดสุมิตรแน่น
“ว้าย ผีหลอก!”
สไบวิ่งลงมาจากเรือน โดยมีแหว่งกระฟัดกระเฟียดตามมาติดๆโรลม้วนผมยังติดอยู่บนศีรษะ
“ใคร ใครบังอาจเข้ามาในบ้านเศรษฐีบุญช่วย นี่มันเวลากลางคืนนะ ถึงเศรษฐีบุญช่วยจะฟอร์มตก แต่ฉันยังอยู่ ฉันดูแลธุรกิจของเศรษฐีบุญช่วย” สไบโวยวาย
“คุณสไบของบ่าวขา มีอำนาจสิทธิ์ขาดในบ้านนี้ ท่านเศรษฐีนอนหายใจพะงาบๆ คุณชิงชัยไม่อยู่ คุณทวนกับคุณเมินไปทำงาน แกต้องการอะไร”
สไบมองหยัน
“หรือว่า...จะมาตามผัวคืน ผัวนี่เลิกแล้วเลิกเลย เพราะผัวเมียเลิกกัน ผัวก็...”
แหว่งรีบพูดเสริมนาย
“ไปเป็นผัวของคนอื่น”
ศรีแพรท่าทางมึนตึงเอาเรื่อง
“ไม่ได้มาหาผัว แต่มาหาศรีไพร ศรีไพรหายไป สงสัยว่าจะถูกพวกเศรษฐีบุญช่วยจับมาเรียกค่าไถ่”
แหว่งตาโต
“ต๊ายตาย คุณสไบของบ่าวขาถึงจะฟอร์มตก แต่ก็ไม่ยึดอาชีพจับคนเรียกค่าไถ่หรอก ธุรกิจอีกตั้งเยอะแยะทำเงินทั้งนั้น”
ศรีแพรหันไปสั่งชาวบ้าน
“ขึ้นไปค้นบนบ้าน”
สไบเข้าขวาง
“เดี๋ยวก่อน...”
“ห้ามขึ้น!” แหว่ง เสียงแข็งใส่
“เศรษฐีบุญช่วยยังค้นบ้านฉันได้ ตอนที่ลูกสาวหาย ตอนนี้น้องสาวของฉันหาย ทำไมจะขึ้นไปค้นไม่ได้ ไป...ใครมีปัญหาเจอไอ้นี่”
สไบกับแหว่งขยาดๆ เมื่อศรีแพรส่ายปืนไปมาทุกคนกรูกันขึ้นบ้านไปค้นหาตัวศรีไพร สไบและแหว่งถูกชนกระเด็น
หลิมขับรถยนต์เข้ามาจอด ทวนและเมินก้าวลงมา กวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยท่าทีไม่ยี่หระ
“ไม่เห็นมีอะไรเลย” เมินบอกกวนๆ
ชิงชัยแปลกใจ
“ศพไอ้เลิศมันอยู่ตรงนี้ เอ๊ะ...แล้วนี่มันหายไปไหน”
หลิมเข้ามาบอก
“ไม่มีนี่ครับ คุณชิงชัย”
“ค้นดูแถวๆ นี้ ใครจะเอาศพไอ้เลิศไปทำไม”
“ความจริงเราน่าจะเก็บศพไอ้เลิศเสียตั้งแต่ตอนที่เจอมันครั้งแรก” หลิมหน้าตื่น “หรือว่า...”
ทวนสวนขึ้นทันที
“เสือลากไปแทะแล้วละมั้ง”
ชิงชัยจ้องหน้าทวน
“แถวนี้เป็นป่าละเมาะ ไม่มีเสือ ไม่มีสัตว์ใหญ่ ไอ้ทวน...”
“ครับผม”
“ฉันยังสงสัยอยู่ดี ว่าแกรู้ได้ยังไงว่าศพไอ้เลิศอยู่ที่ไหน มันเป็นอะไรตาย”
ทวนหันไปมองหน้าเมิน
“เฮ้ย ไม่เกี่ยว ไม่ต้องมามองหน้าฉัน ไอ้เลิศมันไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ของฉันนะ” เมินโวยวาย
“คุณชิงชัยถามแก เดี๋ยวพัดดด...” หลิมตวาด
ทวนกระทุ้งศอกใส่พุงของหลิม
“โอ้ย...”
“เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องถาม คุณให้ไอ้เลิศมันไปทำอะไร มันก็ไปตายที่นั่นแหละ ที่ไม่มีศพมันนี่ไม่ใช่เสือลากไปแทะหรอก แต่มีคนสงเคราะห์เก็บศพมันให้...เพื่อทำลาย...หลักฐาน ไม่ก็...”
ทวนยังพูดไม่จบ เมินพูดต่อทันที
“เป็นหลักฐาน”
ชิงชัยใบหน้าซีดเผือดเริ่มระแวงจ่าสิน
“หรือจะเป็น...จ่าสิน มันเป็นคนจับผู้ร้าย มันต้องรู้วิธีทำลายหลักฐาน ไอ้จ่าสิน...หันไปร่วมมือกับพวกนั้นแล้วหักหลังพวกเดียวกันเอง มันได้ไปทั้งไม้พะยุงทั้งปืน ไอ้...”
เมินกับทวนเงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ ชิงชัยแผดเสียงด้วยความแค้น
“ไอ้จ่าสิน...!”
ศรีไพรถูกจ่าสินจี้บังคับเป็นตัวประกัน เพราะสงสัยว่าเมินเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปลอมตัวมาสืบคดีของเถื่อน ท่าทีจ่าสินเจ็บบาดแผลมาก
“มอบตัวเสียเถอะจ่าสิน ไปชดใช้ความผิดในคุก แกหนีแกก็ต้องตาย เลือดแกยังไม่หยุดเลยนะ” ศรีไพรเกลี้ยกล่อม
“ไป...” จ่าสินตวาด
“แกจะพาฉันไปไหน”
“ฉันจะเอาตัวแกไปต่อรองกับไอ้เมิน”
จ่าสินใช้ปืนกระทุ้งแผ่นหลังของศรีไพร ผลักให้เดินต่อไป ชาริณีซุ่มอยู่หลังต้นไม้ จ้องมองตามจ่าสินไปด้วยความแค้นใจ
ศรีแพรใช้ปืนจี้สไบและแหว่ง ทอก หมอกและแสนลงมาจากบ้านบุญช่วยต่างร้อนใจ
“ยังไง” ศรีแพรถามทันที
หมอกหน้าเครียด
“ไม่มี บนบ้านไม่มีศรีไพร มีแต่เศรษฐีบุญช่วยนอนแน่นิ่ง หายใจพะงาบๆ รอวันตาย ยุงยังงี้กัดเต็มไปหมดเลย”
ศรีแพรหันจ้องหน้าสไบ
“ฮึ ดูแลเศรษฐีบุญช่วยให้ดีๆ หน่อยนังสไบ ไม่มีเศรษฐีบุญช่วยแกคงยังอยู่ในป่า ขุดเผือกขุดมันกิน ไม่ได้แต่งหน้าทาปากยังงี้หรอก”
แหว่งสาระแนทันที
“อุ๊ย คุณสไบของบ่าวขา เล่นกันถึงกำพืดเลยค่ะ มันรู้ได้ยังไงว่าเมื่อก่อนคุณสไบของบ่าวขาแทะเผือกแทะมันอยู่ตามต้นไม้”
สไบฉุนกึก
“นังแหว่ง...”
แหว่งจ๋อยไป
“เอ้อ...อ้า...คุณสไบของบ่าวขา”
“หาทั่วแล้วไม่มีไอ้ศรีไพร” ทอกบอกอย่างกังวล
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มี...ไม่มี ไม่มีใครอยู่ก็ไม่มีใครเชื่อ ที่นี่เขากำลังยุ่งๆ กัน เขาไม่ยุ่งเรื่องของพวกแกหรอก” สไบบอก
ศรีแพรวิตกกังวล
“แล้วศรีไพรไปไหนนะ”
สไบยิ้มเยาะ
“ไปเดินสะดุดตอที่ไหนละมั้ง ชอบสาระแนเรื่องของคนอื่น แม้แต่เรื่องของนังชาริณี ไปบอกนังศรีไพรด้วยนะ...ว่าท่านเศรษฐีไม่รับนังชาริณีเข้าบ้านอีกแล้ว ไม่มีใครในบ้านนี้ต้อนรับ”
ศรีแพรหันไปหาทุกคน
“กลับกันเถอะ”
“แล้วไม่ต้องมาอีกนะ เพราะพอคุณสไบของบ่าวขาได้ครอบครองสมบัติของเศรษฐีบุญช่วยแล้ว คุณเมินเขาก็เลื่อนฐานะขึ้นเป็น...” แหว่งเยาะเย้ย
ศรีแพรไม่สนใจที่จะฟัง
“ไปเถอะ”
ศรีแพร หมอก ทอกและแสนออกไป ชาวบ้านตามไป สไบยิ้มเยาะตามหลังศรีแพร แหว่งตะโกนไล่หลังศรีแพร
“เป็นว่าที่สามีหนุ่มของ...ของ...ของ...”
สไบรีบเสริม
“ของใครยะ”
“ของคุณสไบของบ่าวขาน่ะซิคะ”
สไบยิ้มด้วยความพอใจ
จบตอนที่ 28
อ่านต่อ ตอนที่ 29 วันที่18 ธันวาคม 2554