xs
xsm
sm
md
lg

สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 4

รถยนต์ของปรานต์ขับเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบริษัท M Group อรุณศรีเปิดประตูเดินลงจากมา ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ปรานต์เปิดประตูด้านคนขับ รีบเดินตามอรุณศรีและดึงแขนรั้งไว้

“แอ๊ว..ไม่ตอบใช่มั้ย ว่าไอ้คนที่มาส่งมันเป็นใคร”
อรุณศรีเชิดหน้า ทำหน้าดุ พยายามบิดแขนออกจากมือปรานต์
“ปล่อยนะปรานต์ อย่ามาใช้กำลังกับแอ๊วที่นี่” อรุณศรีพูดเบาๆ แต่หนักแน่น
“ทำไม กลัวใครเห็นหรือไง” ปรานต์ถาม
“ไม่ได้กลัว แต่มันไม่สมควร ถ้าไม่ปล่อย ก็ไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก”
อรุณศรีไม่พอใจอย่างแรงทำหน้าดุจริงจัง ปรานต์เห็นอรุณศรีเอาจริงจึงตัดสินใจปล่อยมือ

เป็นจังหวะเดียวกับที่กริชชัยขับรถเข้ามาจอดที่หน้าตึกพอดี เขากำลังจะขยับตัวลงจากรถ ปรายหางตาไปเห็นอรุณศรีพอดี กริชชัยถึงกับชะงักแล้วหันไปมองด้วยความสนใจ
กริชชัยเห็นอรุณศรีกับปรานต์ยืนอยู่ที่หน้าตึกออฟฟิศ M Group กริชชัยหยุดมองด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
เมื่อปรานต์เห็นว่าอรุณศรีเอาจริงก็ค่อยๆ อ่อนลงตามลำดับ
“รู้แล้ว ที่แอ๊วไม่บอกเพราะไอ้คนนั้น มันไม่มีจริงใช่มั้ย พี่โอบแกล้งพูดให้ปรานต์หึงใช่หรือเปล่า”
อรุณศรีนิ่งเฉย ไม่ตอบ
“ว่าแล้ว..เพราะบนโลกนี้ ไม่มีใครกล้าจีบแอ๊วหรอก” ปรานต์เออออเข้าใจไปเอง
“ทำไม” อรุณศรีถามฉุนๆ 
“ก็เค้ารู้ว่าแอ๊วเป็นแฟนปรานต์ไง” พูดจบปรานต์พุ่งมาหอมแก้มโชว์ดังฟอด!
อรุณศรีทั้งตกใจ โกรธปนอายไม่คิดว่าปรานต์จะทำแบบนี้ในสถานที่สาธารณะ
“ปรานต์!” อรุณศรีทำท่าจะพูดต่อ
“ถ้ามีใครกล้ามาจีบก็ให้มันรู้ไป” ปรานต์สวนทันที
ปรานต์ยิ้มกวนๆ แล้วก็เดินขึ้นรถไปด้วยความมั่นใจ อรุณศรีมองไปรอบๆ บริษัท แอบอายนิดๆ แล้วก็มองปรานต์ด้วยความไม่พอใจ
กริชชัยนั่งนิ่ง อึ้งอยู่ในรถด้วยหัวใจอันเจ็บช้ำ ที่ได้เห็นภาพบาดตานั้นพอดี

อรุณศรีเดินอยู่ในที่ทำงานแล้ว หน้าตายังบึ้งตึง อารมณ์ขุ่นๆ ในวันนี้ กริชชัยเดินไล่ตามอรุณศรีมาจนทันแล้วทักทาย
“ดีกันแล้วเหรอ” กริชชัยและอรุณศรีเดินกันไปและคุยกันไป
“คะ” อรุณศรีทำหน้างงๆ เล็กน้อย
“ก็ แฟนคุณ เมื่อวานยังเห็นอารมณ์ไม่ดีที่เค้ามารับช้า เสียดายเมื่อกี้เห็นหน้าไม่ชัด”
อรุณศรีขมวดคิ้วหยุดเดินกระทันหัน
“คุณแอบดูฉันอีกแล้วเหรอ”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ” กริชชัยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
กริชชัยหรี่เสียงลง พูดด้วยความเป็นห่วง
“เห็นโดยบังเอิญ รู้ว่ารักกัน แต่จะทำอะไรก็อย่าประเจิดประเจ้อนัก โดยเฉพาะในที่สาธารณะ คนอื่นเค้าจะมองไม่ดี”
อรุณศรีอึ้ง ไม่ได้สัมผัสถึงความหวังดีของกริชชัยแม้สักน้อย แต่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนด่ามากกว่า
กริชชัยพูดจบก็เดินแบกหน้าขรึมๆ จากไป อรุณศรีมองตามแล้วก็ขมวดคิ้ว อดคิดไม่ได้ว่า กริชชัยมาด่าเธอทำไม?

เที่ยงวันเดียวกัน สุพรรณิการ์และอรุณศรีนั่งรับประทานอาหารกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งขนาดไม่ใหญ่ ในร้านเต็มไปด้วยหนุ่มสาว
“สมควรแล้วที่โดนด่า” สุพรรณิการ์เห็นด้วยอย่างแรง
“อ้าว”
ขณะที่สุพรรณิการ์คุยกับอรุณศรีไป มือก็กดโทรศัพท์โทร.ออก ที่ข้อมือของสุพรรณิการ์ยังมีผ้าพันรักษาอาการซ้น
“ก็จริงนี่ ไอ้ปรานต์มันหมาหวงก้าง มันทำเพราะกั๊กแก โดนเจ้านายด่าก็สมควร” สุพรรณิการ์ยังคงโทร.ออกต่อไป แต่ไม่สำเร็จ
“แต่ฉันรู้สึกเหมือนโดนจ้องจับผิด เจ้านายฉันเนี่ยจิกฉันตลอดเลย เหมือนทุกอย่างที่ฉันทำมันอยู่ในสายตาเค้า ฝ้าย! แกว่า อย่างปรานต์เนี่ย จะโดนใจชาวเรนโบว์หรือเปล่า”
“อะไรของแก โดนใจชาวเรนโบว์”
“ก็ ชาวเกย์น่ะ คือ เจ้านายฉันคนนี้ เค้าเป็น “เกย์” ฉันกลัวว่าเค้าจะปิ๊งปรานต์อ่ะดิ”
สุพรรณิการ์วางมือจากมือถือแล้วก็หันขวับมาจริงใจ
“วุ้ย อย่างไอ้ปรานต์น่ะ ถ้ามีคนอยากได้ แกรีบใส่พานถวายไปเลย จะหวงทำไม”
อรุณศรีส่ายหน้า สุพรรณิการ์ยังพยายามโทร. ออกอย่างไม่ลดละ จนอรุณศรีแปลกใจ
“โทร.หาใครเนี่ย ฉันเห็นโทร.ตั้งนานแล้ว ยังโทร.ไม่ติดอีกเหรอ”
“ฉันโทร.หานายหน้าหนวดที่ขับรถชนก้นฉันน่ะสิ โทร.มาตั้งแต่เช้าแล้ว ปิดเครื่องหนีตลอดเลย” สุพรรณิการ์เริ่มหงุดหงิด
“เรื่องรถชนเนี่ย ยังไม่จบอีกเหรอ”
“ตราบใดที่นายหน้าหนวดยังไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่ทำกับฉันไว้ มันไม่มีทางจบ ผู้ชายไร้ความรับผิดชอบ ถนัดแต่ “หนี” ชนแล้วหนี ปิดเครื่องหนี”
สุพรรณิการ์ประกาศก้องต่อหน้าอรุณศรี
‘เอาจริงเว้ย’ อรุณศรีมองหน้าเพื่อนแล้วอึ้ง
สุพรรณิการ์มองโทรศัพท์และพูดสียงจริงจัง
“คิดว่าหนีฉันได้ก็ลองดู”
พูดจบ สุพรรณิการ์กดโทร.ออกอีกครั้ง

โทรศัพท์ของวัชระปิดเครื่องวางนิ่งสนิทอยู่ในบ้าน ขณะที่เขากำลังกระโดดเชือกอย่างบ้าระห่ำอยู่บริเวณหน้าบ้าน สักพักจึงถอดเสื้อกล้ามออกแล้วก็เดินไปหยิบนวมขึ้นมาสวม และเดินไปที่กระสอบ วัชระชกกระสอบอย่างบ้าคลั่ง ราวกับต้องการระบายอารมณ์
แวว แม่ของวัชระโผล่หน้าจากในบ้านเห็นอาการของลูกชายแล้ว ได้แต่ถอนใจเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง

วัชระไล่ชกกระสอบทรายจนเหนื่อยแล้วก็หยุดด้วยความเมื่อยล้า เอาตัวพิงกับเสาที่ห้อยกระสอบ เนื้อตัวของวัชระเต็มไปด้วยเหงื่อ ยืนหอบแฮ่กๆ
เสียงของแววดังขึ้น
“วัช กลุ้มเรื่องแต่งงานใช่มั้ยลูก”
วัชระชะงัก เห็นแววกำลังเดินออกมาจากบ้าน มานั่งอยู่ที่เก้าอี้นั่งเล่นที่วางอยู่ไม่ห่างออกไป บ้านวัชระมีขนาดกระทัดรัด อบอุ่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิด บรรยากาศร่มรื่น น่ารัก
“แม่รู้ได้ยังไง” วัชระขมวดคิ้วถาม
“หนูแหนมโทร.บอกแม่หมดแล้ว รวมทั้งเรื่องสินสอดทองหมั้น”
“เค้าต้องการอะไรบ้าง” วัชระถามไป พลางถอดนวมไป
“เงิน 10ล้าน”
“หะ!” วัชระตาโตด้วยความตกใจ
“ทอง 50 บาท เครื่องเพชรชุดใหญ่ และโฉนดที่ดิน 1 ไร่ บนถนนเอกมัย สำหรับสร้างเรือนหอ” แววพูดต่อ
“แหนมบ้าแล้ว ผมจะไปหาที่ไหนมาให้”
“เค้าบอกว่าเราไม่ต้องหา เค้าให้แม่เตรียมไว้แล้ว”
“หะ” วัชระอึ้งและส่ายหน้าทรุดนั่งลงด้วยความเซ็ง
แววมองวัชระด้วยความเป็นห่วง
“วัชรู้อยู่แล้วว่าหนูแหนมเป็นคนยังไงตั้งแต่ตอนแรกที่รู้จักกัน แต่ลูกก็เลือกที่จะคบกับเค้า วันนี้ลูกก็ต้องยอมรับในความเป็นเค้าให้ได้นะลูก”
“ผมรู้ว่าเค้าเป็นคนยังไง แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นมากขนาดนี้ ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผมรู้จักแหนมจริงๆหรือเปล่า”
วัชระตอบเสียงเหนื่อย แววมองวัชระด้วยความเป็นห่วง

ทันใดนั้นก็มีเสียงรถมาจอดเทียบที่หน้าบ้าน พร้อมกับเสียงบีบแตร
“แหนม” วัชระผวา
วัชระรีบวิ่งพรวดพราดเข้าไปหลบในห้องเก็บของทันที แววมองตามงงๆ
“วัชทำอะไร”
“ถ้าแหนมมาบอกว่าผมไม่อยู่นะแม่”

ที่หน้าบ้านของวัชระ ธีธัชก้าวลงจากรถพร้อมกับโวยวายหาวัชระ
“ไอ้วัช อยู่หรือเปล่า? วัช” ธีธัชโวยวายเสียงดังอยู่หน้าบ้าน
ธีธัชยกมือไหว้แวว เมื่อเห็นแววเดินออกมาจากตัวบ้าน เพื่อมาชะเง้อมองหน้าบ้าน
“แม่สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะ” แววรับไหว้
“วัชอยู่หรือเปล่าครับ”
“อยู่จ้ะ รอแป๊บนะ”
แววหันมาทางวัชระที่แอบอยู่หลังห้องเก็บของ
“วัช ธีมาหาน่ะลูก”
วัชระค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากห้องเก็บของ ตามตัวมีหยากไย่ มีฝุ่นติดอยู่ แววตาไม่มีความกังวล มีแต่ความโล่งอก
วัชระเดินออกไปหน้าบ้าน ธีธัชยังไม่ทันจะเห็นหน้าวัชระก็โวยวายดังลั่น
“ไอ้วัช แกปิดมือถือทำไมวะ ฉันโทร.ตั้งแต่เช้าก็ไม่ติด”
วัชระเดินไปพูดไป ด้วยน้ำหนักเสียงไม่ดังนัก
“ไม่ต้องบ่นได้มั้ย ฉันขี้เกียจฟัง แล้วแกมาหาฉันมีอะไร”
แววมองเห็นหยากไย่ มีฝุ่นเกาะตามตัววัชระแล้วส่ายหน้าด้วยความหนักใจ
“จะรอดมั้ยเนี่ยลูกฉัน” แววบ่นอุบ

ธีธัชมาขอให้วัชระไปปราบลำเภา เพื่อแก้แค้นที่โดนตีหัว ทั้งคู่เดินทางมาทำหลบเก้ๆ กังๆ อยู่ที่หน้าบ้านลำเภา วัชระอยู่ในชุดตำรวจเต็มยศดูขึงขัง
“ถ้ายัยเด็กหนูตะเภาเห็นแกใส่ชุดตำรวจเต็มยศแบบนี้ ซีดแน่ๆ”
“แล้วแกเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องให้ฉันมาแกล้งน้องไอ้กริชมันด้วย”
“ก็ฉันไม่ยอมให้ยายหนูตะเภาได้ใจ ตีหัวฉันแล้วก็ยังลอยนวล ฉันลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะแจ้งความ ก็ต้องทำตามที่พูด”
วัชระส่ายหน้า
“ทำไมฉันต้องมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วยเนี่ย”
“เอาน่า ถือว่าช่วยเพื่อน เอางี้..แกไม่ต้องพูดอะไรมาก เดี๋ยวฉันเป็นคนจัดการเอง งานนี้มีเฮ”
วัชระอึกๆอักๆ จะห้าม แต่ธีธัชไม่สนใจ หันไปกดออดอย่างมั่นใจ

เสียงออดดังเข้ามาในบ้าน ซ้อนกับเสียงเครื่องเป่าผมที่ลำเภากำลังเป่าหูให้น้องหมาสามตัวที่นั่งหลับตาพริ้มหลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ลำเภาชะงักมือนิดๆ เสียงออดดังอีก
“อยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวหม่ามี๊มาเป่าหูต่อ”
ลำเภาลุกไปส่องดูหน้าบ้าน แล้วก็ชะงัก จนต้องเพ่งดูอีกรอบ
“นายธีธัช” ลำเภาหยีตาเพ่งอีกรอบ
“ตำรวจ”
ลำเภาอดแปลกใจไม่ได้

ที่หน้าบ้าน วัชระในชุดตำรวจซึ่งหน้าตาไม่ค่อยเต็มใจที่จะรับงานนี้นัก แต่ธีธัชตรงกันข้ามยืนยิ้มกวนอย่างมั่นใจ ลำเภาเดินออกมาพลางคิดว่า ธีธัชจะมาไม้ไหนกันแน่
“ไง กลัวหรือไง กดตั้งนานไม่ออกมาสักที มายอมรับผิดซะดีๆ ยัยหนูตะเภา”
“ลำเภาย่ะ นี่นายหมาใหญ่ใจเสาะ”
ธีธัชรีบสวนทันที
“ฉันชื่อ ธีธัช เรียกฉันเป็นหมาได้ยังไง นี่มันหมิ่นประมาทชัดๆ คุณตำรวจจัดการเลยครับ”
“ก็เมื่อกี๊นายยังเรียกฉันว่า “หนูตะเภา” ได้เลย ทำไมฉันจะเรียกนายเป็น “หมา” ไม่ได้ หนูกับหมาไม่ได้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันหรือไง”
“ย้อน ย้อน จะโดนจับเข้าคุกแล้วยังจะมาย้อนอีกเหรอ”
วัชระรีบห้าม
“เอาละครับ ผมว่าเราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ก่อนที่จะไร้สาระ เอ่อ บานปลายมากไปกว่านี้”
ลำเภาหันมาทางวัชระ
“คุณตำรวจคะ เค้าแจ้งความว่ายังไงคะ”
“เค้าบอกว่าถูกทำร้ายร่างกาย” วัชระอึกอักนิดๆก่อนตอบ
“ใช่ โดนเต็มๆ หัวแตก เลือดอาบ และเธอจะต้องรับผิดชอบ ติดคุกหัวโตแน่ๆ” ธีธัชเชิดหน้าใส่
ลำเภามองหน้าธีธัช แล้วหมั่นไส้ หันกลับมาสวนใส่วัชระเป็นชุดอย่างยาว
“แล้วเค้าไม่ได้บอกเหรอคะว่าเค้าบุกรุกเข้ามาในบ้านฉัน ทำตัวเหมือนขโมยมุดรั้วเข้ามาในบ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต จะให้ฉันไปโรงพักเพื่อแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้หรือเปล่าล่ะ? ได้นะ ฉันมีกล้องวงจรปิด บันทึกภาพไว้ครบถ้วน”
ธีธัชเริ่มชะงัก วัชระเลิ่กลั่กนิดๆ
“แต่ถ้าจะให้ฉันรับผิดก็ได้ โทษฐานทำร้ายร่างกายอย่างมากก็ไม่กี่ร้อย แต่ก่อนจ่ายฉันขอเฉาะหัวให้เลือดอาบอีกสักทีแล้วกัน เพื่อความสะใจ” ลำเภาใส่ต่อ
ลำเภาพูดจบก็หันไปคว้าแท่งเหล็กที่วางอยู่ริมรั้วหน้าบ้านมาทันที
ธีธัชกับวัชระตกใจ
“ขอฟาดอีกสักที ครั้งนี้จ่ายเบิ้ลให้อีกเท่าตัวนึงเลย” ลำเภาง้างมือขึ้นจะตีธีธัช
ธีธัชสะดุ้งสุดตัวร้อง “เอ้ย “
วัชระร้องด้วยความลืมตัว
“ไอ้ธีระวัง”
ลำเภาชะงักมือทันที
“ไอ้ธี? นี่ รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเหรอเนี่ย”
ลำเภามองหน้าวัชระอีกทีแล้วคิดถึงหน้าคุ้นๆ เมื่อนึกถึงรูปสามหนุ่มที่ติดอยู่ในห้องของกริชชัยก็ร้องอ๋อ..ทันที
“เพื่อนคุณกริช นี่แสดงว่าทั้งสองคนรวมหัวกันแกล้งฉันใช่มั้ย”
“เอ่อ…คือ” วัชระเริ่มอึกๆอักๆอย่างเห็นได้ชัด
แผนที่ธัชวางไว้ แตกกระทันหัน ธีธัชคิดไม่ทันว่าจะแก้สถานการณ์นี้อย่างไร
ลำเภาส่งเสียงดัง เรียกแก๊งน้องหมา
“เป็นต่อ พอใจ ล่ำ”
เดอะแก๊งสุนัขที่เธอเลี้ยงไว้ถึง 3 ตัวพากันเห่าขึ้นพร้อมกันสนั่นลั่นบ้าน เล่นเอาธีธัชและวัชระตกใจ
“ลุย”
เดอะแก๊งสามช่าวิ่งพุ่งมาที่หน้าบ้านและวิ่งตรงไปที่วัชระ และธีธัชอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนร้องลั่นด้วยความตกใจ
สองหนุ่มรีบวิ่งหนีขึ้นรถอย่างรวดเร็วโดยมิได้นัดหมาย
วัชระขึ้นทางฝั่งคนขับ ธีธัชขึ้นทางฝั่งคนนั่ง แล้วก็นึกได้ที่นั่งสลับกัน จึงรีบวิ่งลงมาสลับข้างกันอีกที ขึ้นรถปุ๊บ ปิดประตู สตาร์ทรถแล้วก็รีบออกตัวไปอย่างรวดเร็ว เสียงเดอะแก๊งเห่าไล่ตามหลัง ลำเภายืนกอดอก จิกหางตา ด้วยความไม่พอใจ
“หนอย นายหมาใหญ่ใจเสาะ กล้าดียังไงมาหลอกฉัน”
ลำเภาสุดแค้นใจ คิดเอาคืนนายธีธัชให้ได้!!

ลำเภาคิดว่า กริชชัยมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงเดินทางไปที่บริษัท M Group และเดินเข้าไปยังห้องทำงานของกริชชัยเพื่อค้นหาความจริง
“พี่ไม่รู้เรื่อง สองคนนั้นมันทะลึ่งทำของมันเอง พี่ไม่ได้ให้ท้ายจริงๆ”
“ถ้าคุณกริชไม่รู้เรื่อง ก็ไปบอกให้ทั้งสองคนมาขอโทษเภาโดยเร็วที่สุด ถ้าพวกเขาไม่ยอมมาขอโทษ” ลำเภาเสียงเย็น โหด และจริงจัง
“เภาจะฟ้องคุณน้าพวงแข ว่าเพื่อนคุณกริชไม่ได้เรื่องจะพากันเสียผู้เสียคน แล้วจะให้คุณน้าบังคับให้คุณกริชขายคอนโดกลับไปอยู่บ้าน และเภากับแม่ก็จะไปอยู่ด้วย อย่าหวังเลยว่าจะได้ไปอยู่คอนโดใหม่ด้วยกันสามคน”
“อ้าว ทำไมพี่ต้องซวยเพราะไอ้สองคนนั้นด้วยหล่ะ”
“ก็เพราะเขาเป็นเพื่อนคุณกริช คุณกริชต้องรับผิดชอบ”
ลำเภาพูดจบก็ยืนตัวตรงหน้านิ่งไม่ใส่ใจโลก
“บอกสองคนนั้นให้ไวด้วย เภาไม่ชอบรอ”
ลำเภาหันหลังเดินออกจากห้อง กริชชัยส่ายหน้าพลางหยิบมือถือมาส่งข้อความหาวัชระ และธีธัช

รถของธีธัชแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านวัชระ ขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือธีธัช มีเสียงข้อความบีบีเข้า ธีธัชหยิบมาอ่านแล้วก็หันมาบอกวัชระ
“ไอ้กริชให้เราสองคนไปเจอกันที่คอนโดคืนนี้ บอกว่ามีเรื่องต้องเคลียร์”
วัชระส่ายหน้าพลางว่า
“โดนด่าชัวร์ ฉันไม่น่าบ้าจี้ไปกับแกเลย ถ้าคืนนี้ได้กริชมันด่าเรื่องนี้ แกก็บอกมันด้วยแล้วกันว่าฉันไม่เกี่ยว”
วัชระลงจากรถ ปล่อยให้ธีธัชหน้าจ๋อย
“ยัยเด็กขี้ฟ้อง เจอคราวหน้าจะแกล้งยิ่งกว่านี้อีก คอยดูนะยัยหนูตะเภา”
ธีธัชนึกถึงลำเภาด้วยความแค้น

อรุณศรีเดินคุยโทรศัพท์กับสุพรรณิการ์ระหว่างทางเดินของบริษัท
“ฝ้าย ยังอยู่แถวออฟฟิศฉันหรือเปล่า? แวะมารับหน่อยนะ คืนนี้จะไปนอนด้วย จ้ะแล้วเจอกัน”
หลังอรุณศรีวางสายแล้ว เธอเดินเลี้ยวออกมาออกมาทางมุมตึกสวนกับลำเภาที่เดินออกมาพอดี ทั้งลำเภาและอรุณศรีต่างคนต่างมองหน้าและยิ้มให้กันนิดๆ ตามประสาคนมีมารยาท
แต่เมื่อลำเภามองหน้าอรุณศรีเต็มๆตาถึงกับชะงัก ลำเภานึกถึงภาพวาดอรุณศรีในห้องกริชชัย และยังจำคำพูดของกริชชัยที่ว่า อรุณศรีเป็นพนักงานบริษัท
ลำเภารีบหันขวับไปทางอรุณศรีทันที
“คุณคะ”
อรุณศรียังไม่หยุดเดินจนลำเภาต้องเรียกอีกที
“คุณเสื้อขาวน่ะค่ะ “
อรุณศรีชะงักหยุดเดินมองดูเสื้อตัวเอง
“เรียกฉันเหรอคะ”
ลำเภายิ้มนิดๆ แล้วก็เดินมาหา
“ค่ะ คือ ฉันจะไปห้องน้ำน่ะคะ ห้องน้ำอยู่ทางไหนคะ”
“เดินตรงไปทางนี้นะคะ แล้วก็เลี้ยวซ้าย ห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
อรุณศรียิ้มรับแล้วทำท่าจะเดินไปต่อ ลำเภาถามขึ้นอีก
“เดี๋ยวค่ะ คือว่า แถวนี้มีร้านกาแฟร้านขนมหรือเปล่าคะ”
“มีค่ะ ออกไปหน้าบริษัทเลี้ยวขวาไปนิดเดียวก็เจอแล้วค่ะ”
อรุณศรีตอบพลางยิ้มให้ ลำเภายิ้มรับ อรุณศรีหันหลังจะไปต่อ ลำเภาถามขึ้นอีก
“แล้วร้านอาหารอร่อยๆ ล่ะคะ มีหรือเปล่า”
อรุณศรีหันมาตอบอย่างคนอารมณ์ดี
“ก็มีนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากหรือเปล่า ร้านอยู่ติดกับร้านขนมเลยค่ะ เจ้าของเดียวกัน”
คราวนี้อรุณศรียืนรอ เผื่อลำเภาจะถามอีก เป็นจริงอย่างที่เธอคิด
“แล้วไปรษณีย์ล่ะคะ? แถวนี้มีหรือเปล่า”
“ไปรษณีย์ใหญ่ไม่มี มีแต่ไปรษณีย์ย่อย ส่งจดหมายได้ แต่ส่งพัสดุไม่ได้นะคะ อยู่ในตึกข้างๆ นี่เองค่ะ”
ลำเภาไม่วายจะถามต่ออีก
“แล้วร้านตัดขนหมา กับคลินิกรักษาสัตว์ มีหรือเปล่าคะ”
“มีค่ะ ข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงนะคะ อยู่ติดกันเลยค่ะ”
ลำเภายิ้มชอบใจในตัวอรุณศรี
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ตอบคำถามทุกอย่างโดยไม่หงุดหงิด”
ที่แท้ ลำเภากำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างของอรุณศรี ผู้หญิงในฝันของกริชชัย
“ฉันเข้าใจค่ะ ตอนมาทำงานใหม่ๆ ก็ต้องถามคนอื่นแบบนี้เหมือนกัน” อรุณศรีว่า
“ฉันไม่ได้ทำงานที่นี่หรอกค่ะ ฉันแวะมาหาพี่ชายน่ะค่ะ คุณกริชชัย พงษ์โภคิน เป็นพี่ชายฉันเอง” ลำเภาบอกความจริง
อรุณศรีสะดุดใจ อึ้งเล็กน้อยเมื่อทราบว่า ลำเภาเป็นน้องสาวของกริชชัย
“ฉันชื่อลำเภา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณอรุณศรี” ลำเภาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
อรุณศรีนึกไม่ถึงว่า ลำเภาจะรู้ชื่อจริงของเธอ ลำเภายิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งความงุนงงให้กับอรุณศรี
“รู้จักชื่อเราได้ยังไง” อรุณศรีคิดในใจ

เย็นวันเดียวกันนั้น ลำเภายังคงเดินอยู่ในที่ทำงานของกริชชัยและกำลังกดข้อความหากริชชัยอย่างอารมณ์ดี
โทรศัพท์ของกริชชัยมีข้อความเข้า กริชชัยกดอ่าน
“เภาเจอคุณอรุณศรีแล้วนะ เภาเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณกริชถึงชอบเธอ”
พออ่านข้อความแล้ว กริชชัยก็ยิ้มอย่างมีความสุข แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อภาพที่ปรานต์หอมแก้มอรุณศรีเมื่อเช้านี้ ผ่านเข้ามาในความคิด

กริชชัยหุบยิ้มนั้นลงทันที พร้อมกับทอดถอนใจ

อ่านต่อหน้า 2








สามหนุ่มเนื้อทองตอนที่ 4 (ต่อ)

กองหนังสือมหึมาที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น ทุกเล่มล้วนแต่เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับดีไซน์ชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวในงานแต่งงานทั้งสิ้น

เนตรนภัสนั่งอยู่ด้วยสีหน้าหงุดหงิดในอารมณ์ เพราะวัชระปิดมือถือหนีหายไป
“วัชเป็นอะไรเนี่ย ปิดเครื่องตลอดเลย” เนตรนภัสฉุนจนปาโทรศัพท์ลงบนโซฟา
สีรุ้งนั่งจิบชาอยู่ที่โซฟาอีกตัว ไม่ห่างจากโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกโยนลงมา ถึงกับสะดุ้ง นรีวรรณนั่งกดบีบีอยู่ข้างกายสีรุ้ง
“แหนม ลูกบังคับวัชเค้ามากเกินไปหรือเปล่า? ถ้าเค้าไม่อยากแต่ง...” สีรุ้งยังพูดไม่ทันจบ เนตรนภัสก็พูดแทรกขึ้นทันที
“เค้าต้องอยากแต่งค่ะแม่ เราคบกันมา 5 ปี มันไม่ใช่น้อยๆ นะคะ ถ้าเค้าไม่อยากแต่ง คงเลิกไปนานแล้ว”
“ถ้าอยากแต่ง แล้วปิดเครื่องหนีทำไม” นรีวรรณพูดขณะที่ยังกดบีบีอยู่
“เค้าอาจจะติดงาน หรือติดประชุมก็ได้ เดี๋ยวพอเปิดเครื่องเค้าก็รีบโทร.กลับมาหาฉันเอง ไม่เชื่อก็คอยดู” เนตรนภัสเสียงแจ๋นประกาศอย่างมั่นใจ
นรีวรรณเงยหน้าจากบีบีแล้วก็ส่ายหน้าเพราะไม่อยากเชื่อ
ขณะที่สีรุ้งวางแก้วชาและถอนหายใจเบาๆ กลุ้มใจแทนลูกสาว

ค่ำคืนนั้น รถญี่ปุ่นเก่าๆ ของวัชระแล่นเข้ามาจอดเทียบกับรถของกริชชัย ที่ลานจอดรถหน้าคอนโดกริชชัย “สามเหลี่ยม สามมุม” คอนโดหรูไฮขนาดเล็ก ซึ่งมีไม่กี่ห้อง แต่ละห้องตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ มีความเป็นส่วนตัว

สักพักรถของธีธัชก็แล่นเข้ามาจอดประกบอีกด้านของรถกริชชัย รถสามหนุ่ม สามสไตล์จอดเรียงกันสามคันในช่องจอดรถวีไอพี
ธีธัชกับวัชระเดินลงจากรถเดินมาเจอกัน
“ไอ้ธี คุยกับไอ้กริชให้รู้เรื่อง อย่าทำให้ฉันเดือดร้อนนะเว้ย”
“เอาน่า..ธีธัชซะอย่าง จัดการได้ ไม่มีใครต้องเดือดร้อน”
ธีธัชพูดด้วยความมั่นใจอีกตามเคย

แต่แล้วครู่ต่อมากริชชัยกำลังชี้พู่กันมาที่หน้าของวัชระและธีธัชพลางกล่าวออกมา
“แกสองคน ต้องรีบไปขอโทษลำเภา ก่อนที่แม่ฉันจะรู้เรื่อง และเราสามคนจะอดอยู่ที่นี่กันทั้งหมด”
“เอ้ย” ทั้งวัชระและธีธัชร้องขึ้นพร้อมกัน

สามหนุ่มคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ในสภาพที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ
คอนโดกริชชัยตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่เก๋ไก๋เปิดโล่งขนาดกว้างขวาง มีส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว และแบ่งเป็น ๓ ห้องนอนใหญ่ เฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อินเกือบเรียบร้อย แต่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวยังไม่ได้ย้ายเข้ามา ผนังบางส่วนยังว่างไว้ กริชชัยกำลังเพนท์ผนังที่ว่างอยู่
“ไหนแกบอกว่าจะไม่มีใครเดือดร้อนไง” วัชระพูดกับธีธัช เบาๆ
“ยัยหนูตะเภาเล่นแรงขนาดนี้เลยเหรอ” ธีธัชเสียหน้าเล็กน้อย และน้ำเสียงหนักไปทางเริ่มหงุดหงิด
กริชชัยวางพู่กันแล้วหันมาด่า
“แล้วแกสองคนเล่นเบาๆ หรือไง นี่ยังดีนะ ที่เภามาบอกฉันก่อน ถ้าสายตรงถึงแม่ฉันที่อังกฤษ พวกแกไม่มีโอกาสแก้ตัว”
“เออๆ เดี๋ยวฉันไปขอโทษก็ได้ จะได้จบๆ”
“เฮ้ย..แต่ฉันไม่ยอมขอโทษนะเว้ย เสียฟอร์ม”
กริชชัยกับวัชระหันมาและตบหัวธีธัชพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“โอ้ย ก็จริงนี่ ถ้าฉันไปขอโทษยัยเด็กนั่นก็ยิ่งได้ใจ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” คาสโนว่าธีธัชบ่นอุบ
“ถ้าแกไม่ขอโทษ แกก็ไม่ต้องมาอยู่ที่นี่ ฉันจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“ไม่ได้ ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน ห้องที่ซื้อไว้กรก็เข้าไปยึดแล้ว พาหญิงอื่นมาลำบาก ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องอยู่ที่นี่”
“แกก็ต้องไปขอโทษลำเภา”
วัชระ กับกริชชัย พูดหน้าตาจริงจังพร้อมกัน แต่ธีธัชหน้าซีด

รถสปอร์ตคันเก๋ของสุพรรณิการ์เข้ามาจอดในช่องจอดรถ ไม่ห่างจากรถของวัชระ
อรุณศรีและสุพรรณิการ์ก้าวลงจากรถมาพร้อมกัน
“แอ๊วแน่ใจนะว่าไอ้ปรานต์มันจะไม่ตามมาจิกที่นี่”
“ฉันไม่ได้บอกเค้าว่ามาค้างที่นี่ แล้วฉันก็ปิดมือถือไปแล้ว ขี้เกียจคุย”
“ดี! ดัดนิสัยซะบ้าง แอ๊วดีกับมันเกินไปจนเคยตัว”
สุพรรณิการ์พูดจบกำลังจะเดินไปที่ห้องพัก พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถของวัชระจอดอยู่ สุพรรณิการ์ถึงกับหยุดมองอย่างสนใจ
“เฮ้ย” สุพรรณิการ์อุทานขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“อะไร?”
“รถนายหน้าหนวด ฉันจำได้”
สุพรรณิการ์รี่รีบเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“เนี่ย ฉันทุบยุบลงไปเองกับมือ ทำไมมาจอดตรงนี้ หรือว่า...“ สุพรรรณิการ์รีบเงยหน้าไปดูเบอร์ห้อง ทวนเบอร์ห้อง
“หนึ่ง-หนึ่ง”
สายตาเอาเรื่องขึ้นมาฉับพลัน ฝ้ายหรือสุพรรณิการ์คิดในใจ
“โดนแน่นายหน้าหนวด”!

เสียงออดห้องกริชชัยดังสนั่นติดๆ กันหลายครั้ง วัชระ กริชชัย และธีธัช หันขวับไปที่ประตู
“เฮ้ย ใครมาวะ” กริชชัยว่า
วัชระตกใจร้อนตัว
“แหนม! แกสองบอกห้ามบอกว่าฉันอยู่นี่นะเว้ย” วัชระทำท่าจะวิ่งหนี กริชชัยคว้าแขนข้างซ้ายไว้
“เอ้ย แล้วแกจะไปไหน”
เสียงออดยังคงดังถี่ยิบ
“ฉันจะไปหลบในตู้” วัชระบอกพลางจะวิ่งไป ธีธัชคว้าแขนข้างขวาไว้
“แล้วทำไมแกต้องไปหลบในตู้วะ”
“ก็ฉันไม่อยากเจอเค้าตอนนี้ ฉันยังไม่อยากคุยเรื่องแต่งงาน” วัชระสารภาพ
“แต่งงาน!” ธีธัชและ กริชชัยพูดขึ้นพร้อมกัน

เวลานั้นสุพรรณิการ์ยืนอยู่หน้าห้องนิ้วชี้ยังกระหน่ำกดออดแบบไม่ยั้งมือ จนอรุณศรีต้องรีบดึงมือออกมา
“พอได้แล้วฝ้าย กดแค่นี้ ถ้าเค้าอยู่ เค้าก็รู้แล้ว เดี๋ยวเจ้าของห้องจะหาว่าเราไม่มีมารยาท”
สุรรณิการ์มองดูที่หมายเลขห้อง เป็น 3 ห้องเรียงกัน 11 - 12 - 13
“ซื้อ 3 ห้องทะลุกันซะด้วย รวยแบบนี้ต้องให้จ่ายค่ารักษาพยายามมาให้เข็ด”
สุพรรณิการ์กระหน่ำกดอีก อรุณศรีดึงมือออกมา
“เฮ้ย ไอ้ฝ้าย พอแล้ว!”

ขณะที่หน้าห้องสุพรรณิการ์ร้อนใจ แต่ข่าววัชระกำลังจะแต่งงานก็สร้างความวุ่นวายให้กับสองเพื่อนพอกัน
“นี่แกจะแต่งงานกับแหนมเหรอ” ธีธัชถาม
“เค้าอยากแต่ง”
“แล้วแกล่ะ” กริชชัยอยากรู้
“ไม่รู้เว้ย แกก็รับหน้าไปก่อนแล้วกัน ฉันไปหลบก่อน” วัชระเครียด
วัชระสะบัดแล้วก็วิ่งพุ่งไปที่ตู้เบื้องหน้าทันที กริชชัยกับธีธัชหันมามองหน้ากัน
“เอาไงวะ” ธีธัชว่า

เสียงออดหน้าห้องคอนโดฯยังถูกสุพรรณิการ์กระหน่ำกด อรุณศรีดึงตัวสุพรรณิการ์ออกห่างจากออด
“ฝ้าย หลบมานี่เลย เดี๋ยวฉันคุยเอง แกปรี๊ดขนาดนี้ คุยกันไม่รู้เรื่องแน่”
อรุณศรีขยับตัวมาอยู่ที่หน้าประตู
“ไม่ได้ฉันจะต้องจัดการเอง” สุพรรณิการ์ว่า
“อยู่เฉยๆ” อรุณศรีทำหน้าดุ
สุพรรณิการ์จำใจหยุด เพราะไม่อยากทะเลาะกับเพื่อนทั้งที่ในใจเป็นเดือดเป็นแค้นมาก สุพรรณิการ์กอดอก ยืนฟึดฟัดอยู่ข้างๆ

วัชระเข้าไปนั่งอุดอู้อยู่ในตู้แล้วก็ปิดประตูทันที ธีธัชและกริชชัยเดินมาที่ประตู
“ฉันรับหน้าเอง แกคอยรับมุกแล้วกัน” กริชชัยว่า
ธีธัชพยักหน้า กริชชัยชะโงกหน้ามองผ่านตาแมว ดูว่าใครอยู่หน้าห้อง เห็นอรุณศรียืนหันข้างให้ที่ประตู กริชชัยขมวดคิ้ว
“ทำไมหน้าคุ้นๆ”
“แหนมหรือเปล่า” ธีธัชถาม
กริชชัยครุ่นคิดด้วยความเอะใจ กริชชัยไม่ตอบธีธัช แต่ตัดสินใจเปิดประตูออกไป
ประตูค่อยๆ ถูกเปิดออกมา อรุณศรียืนอยู่ตรงเบื้องหน้าห้องของกริชชัย
“คุณกริช” อรุณศรีอุทานขึ้นเบาๆ อย่างคาดไม่ถึง
“อรุณศรี” กริชชัยเสียงแผ่วเบาในลำคอ

อรุณศรีกับกริชชัยมองหน้ากัน ท่ามกลางความเงียบ ทันใดนั้นธีธัชก็โผล่ออกมาจากด้านหลังจากกริชชัย พร้อมกับโอบไหล่และเสนอหน้าด้วยความอยากรู้
“ตกลงใครมา”
อรุณศรีหันไปมองธีธัชที่ยืนติดกันแนบแน่นอยู่กับกริชชัย ทันใดนั้นกริชชัยก็ปิดประตูใส่หน้าอรุณศรีทันทีโดยไม่บอกกล่าว อรุณศรีถึงกับสะดุ้ง

กริชชัยยืนอึ้งอยู่ในห้อง
“เมื่อกี้นี้...นางในฝันแกนี่หว่า”
กริชชัยเพิ่งรู้สึกตัวว่า ธีธัชโอบไหล่และยืนอย่างแนบชิด จึงรีบผลักธีธัชอย่างเต็มแรง
ธีธัชถึงกับเซถลาตามแรงผลักของกริชชัย ไปชนเข้ากับตู้ที่วัชระซ่อนอยู่
“เฮ้ย”

ที่หน้าห้อง สุพรรณิการ์รีบพุ่งเข้ามาหา อรุณศรียังยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“อ้าวทำไมปิดไปแล้วอ่ะ? แล้วเมื่อกี้ใคร? แกรู้จักด้วยเหรอ”
“เจ้านายฉัน กับคู่เกย์เค้า”
“หะ? นายหน้าหนวดเนี่ยนะเป็นคู่เกย์กับเจ้านายแก”
“ไม่น่าใช่ เพราะคนนี้ไม่มีหนวด”
“อ้าว แล้วนายหน้าหนวดอยู่ไหน”

ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกมาอีกที กริชชัยยืนหน้านิ่งถามเสียงสุภาพ อรุณศรีทำตัวไม่ถูก
“คุณมีอะไรหรือเปล่า”
ทันใดนั้นสุพรรณิการ์ก็โผล่พรวดเผยตัวออกมา
“ฉันมาตามหานายตำรวจหน้าหนวดที่ชื่อวัชระ”
กริชชัยผงะด้วยความตกใจ อรุณศรีรีบบอกแนะนำ
“ฝ้ายค่ะ เพื่อนสนิทฉันเอง”
กริชชัยถึงบางอ้อ สุพรรณิการ์ไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าไปในห้องทันทีโดยที่กริชชัยยังไม่ทันอนุญาต สุพรรณิการ์ตะโกนเรียก
“นายวัชระ ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง ฉันรู้นะว่าคุณหลบอยู่ในนี้”
“เฮ้ย ฝ้าย ขอโทษนะคะ” อรุณศรีบอกกริชชัย
อรุณศรีรีบเดินตามสุพรรณิการ์เข้าไปในห้องทันที
“เดี๋ยว”
กริชชัยจับข้อมืออรุณศรีไว้ อรุณศรีตกใจ หันขวับมา กริชชัยมองหน้าแล้วก็ถามตรงๆ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

เมื่อประตูตู้เสื้อผ้าในห้องถูกเปิดออก วัชระโผล่หน้าออกมาถามธีธัช
“ใช่แหนมเปล่าวะ”
“ไม่ใช่ แต่เป็นนางในฝันของไอ้กริช มากับใครก็ไม่รู้ ไม่เห็นหน้าแต่ได้ยินเสียง เหมือนเค้าเรียกชื่อแก”
วัชระตาโต
“เรียกชื่อฉันเนี่ยนะ? ใครวะ”
ทันใดนั้นเสียงสุพรรณการ์ก็ดังแทรกเข้ามา
“หลบอยู่ในตู้ คิดว่าจะหนีฉันได้หรือไง”
วัชระกับธีธัชหันขวับไปด้วยความตกใจ วัชระสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย! คุณ”
วัชระตกใจไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอกับคู่กรณีอย่างสุพรรณิการ์ เขารีบกระโดดลงมาจากตู้
“คุณมาได้ยังไง”
อรุณศรีกับกริชชัยรีบเดินเข้ามาสมทบ อรุณศรีเดินมาประกบฝ้าย กริชชัยมายืนข้างวัชระ
“ฉันมาได้ก็แล้วกัน ไหนบอกว่าจะรับผิดชอบไง ฉันโทร.หาเป็นร้อยรอบ ปิดเครื่องตลอด คิดจะหนีหรือไง”
“ผมไม่ได้ปิดเครื่องหนีคุณ” วัชระพูดสวน
“แล้วหนีใคร” สุพรรณิการ์ถามตรงๆ ตามประสาคนใจนักเลง
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“อ๋อ นี่จะด่าว่าฉันยุ่งหรือไง”
อรุณศรีดึงแขนสุพรรณิการ์ไว้
“ฝ้าย ใจเย็น”
“ก็จริงนี่ ผมจะปิดเครื่องหนีใคร ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ” กริชชัยกับธีธัชคอยดึงๆ แขนวัชระเตือนให้เบาๆ
“ถ้าฉันไม่ใช่คนเสียหาย ฉันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของนาย ชิ..พอโดนจับได้ ก็มาหลบอยู่ตู้ ขี้ขลาด ไม่มีความรับผิดชอบ!” หมวดหนวดงามเจอเข้าอีกดอก
อรุณศรีรีบดึงแขนสุพรรณิการ์
“คุณมันจะมากไปแล้วนะคุณทอม”
“ฉันไม่ใช่ทอม”
“ไม่ใช่ก็กรุณามีความเป็นสุภาพสตรีให้มากกว่านี้หน่อย”
สุพรรณิการ์ยัวะของขึ้นทันที
“แล้วนายเป็นสุภาพบุรุษนักหรือไงหะ? นายหน้าหนวด”
วัชระกำลังจะอ้าปากด่าต่อ กริชชัยแทรกขึ้นเสียงเข้ม
“พอได้แล้วไอ้วัช ถ้าแกไม่หุบปาก ฉันจะโทร.ตามแหนมมาเดี๋ยวนี้” กริชชัยขู่
วัชระหุบปากเงียบกริบันที กริชชัยพูดต่อ
“อรุณศรี เดี๋ยวคุณกับเพื่อนออกไปคุยกับผมข้างนอก”
“ค่ะ ไปฝ้าย” อรุณรับคำและบอกสุพรรณิการ์
“แต่...” สุพรรณิการ์ฮึดฮัด
อรุณศรีไม่สนใจ ฉุดเพื่อนไปทันที ร่างของสุพรรณิการ์ไปตามแรงลากของอรุณศรี แต่สายตายังมองมาที่วัชระอย่างไม่ยอมแพ้ วัชระยักคิ้วกวนใส่ ธีธัชยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่ส่ายหน้า

กริชชัยเดินนำโดยมีอรุณศรี และสุพรรณิการ์เดินตามมา กริชชัยหันมาพูดอย่างสุภาพกับสุพรรณิการ์
“ผมต้องขอโทษด้วยที่นายวัชพูดไม่ดีกับคุณ อรุณศรีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังหมดแล้ว ผมจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเอง”
สุพรรณิการ์ขมวดคิ้วสงสัย
“ทำไมคุณต้องมารับผิดชอบด้วย”
“เพราะเค้าเป็นเพื่อนผม ถ้าคุณกับไอ้วัชคุยกันแบบเมื่อกี้ ไม่มีทางรู้เรื่อง คุณต้องการเท่าไหร่ก็บอกอรุณศรี ผมจัดการเอง” กริชชัยพูดหน้านิ่งด้วยความจริงใจ
สุพรรณิการ์มองกริชชัยอย่างแอบชื่นชมนิดๆ
“อรุณศรีบอกผมว่าคุณพักที่นี่ อีกไม่นานผมกับเพื่อนจะย้ายเข้ามาอยู่ เราจะเป็นเพื่อนบ้านกัน ผมไม่อยากมีปัญหา”
กริชชัยหันมามองอรุณศรีด้วยแววตาอ่อนโยน
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องวุ่นวายไปด้วย “
“ไม่เป็นไรค่ะ ตกลงกันได้ก็ดีแล้วค่ะ” อรุณศรียิ้มแห้งๆ อย่างโล่งอก
สุพรรณิการ์สัมผัสได้กับความผิดปกติบางอย่างในแววตากริชชัย
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ” อรุณศรีบอกกริชชัย
“ไปฝ้าย” อรุณศรีควงแขนสุพรรณิการ์ออกไป
กริชชัยชะงักนิดๆ กับอาการควงแขน ได้แต่มองตามไป ในใจแอบคิดด้วยความกังวลไม่ได้ว่าสองสาว
“เป็นคู่เบี้ยนกันหรือเปล่า?”
สุพรรณิการ์หันมามองกริชชัยอีกที เห็นว่ายังมองอยู่ กริชชัยตกใจนิดๆ ที่โดนจับได้ว่าแอบมอง จึงรีบทำเป็น
เฉไฉมองไปทางอื่น แล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องไป
สุพรรณิการ์ฉุกใจ..ครุ่นคิด

ธีธัชนั่งหน้าเซ็งอยู่ที่เดิม มือกำลังกดบีบีไปตามประสา กริชชัยเดินเข้ามา วัชระหันขวับมาและรีบถาม ธีธัชเก็บโทรศัพท์รีบเดินตามเข้ามาสมทบ
“ยัยทอมว่าไงบ้าง” วัชระถามกริชชัน
“เค้าชื่อ คุณฝ้าย เรียกให้ดีๆ หน่อย”
“ก็ได้ๆ คุณฝ้าย เค้าว่าไงบ้าง” น้ำเสียงวัชระแฝงหางเสียงไปในทางประชดประชัน
“เค้าก็ไม่ว่าไง ฉันให้เค้าบอกมาว่าต้องการเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายเอง”
“หะ”
กริชชัยชี้หน้าวัชระ
“แกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันรับผิดชอบเอง แล้วแกก็รู้ไว้ซะด้วยว่าคุณฝ้ายเป็นเพื่อนสนิทของอรุณศรี และเขาก็พักอยู่ที่นี่”
“ยัยทอม” วัชระยังคงเรียกสุพรรณิการ์อย่างนั้น กริชชัยมองวัชระด้วยสีหน้าไม่พอใจ จนวัชระสัมผัสได้
“คุณฝ้าย อยู่คอนโดเดียวกับแก” วัชระย้ำ
“ใช่! และแกห้ามไปมีเรื่องกับเค้าเด็ดขาด แค่อรุณศรีคิดว่าฉันเป็นเกย์ มันก็แย่พอแล้ว ขืนแกไปทะเลาะกับเพื่อนสนิทเค้าอีก ฉันกับเค้าคงมองหน้ากันไม่ติด”
“นี่ถ้าเค้ารู้ว่าฉันอยู่ห้องเดียวกับแก เค้าต้องปักใจว่าแกเป็นเกย์ชัวร์” ธีธัชว่า
กริชชัยหันมาทางธีธัช
“แต่ถ้าไม่ไปขอโทษเภาเรื่องที่ไปแกล้งเค้า แกก็ไม่ได้อยู่ห้องนี้”
ธีธัชสะอึก
“อ้าว ซวย!”
“ใช่ ซวย! และไม่ใช่แกซวยคนเดียว แต่จะซวยกันทั้งสามคน ส่วนแก”
กริชชัยหันมาทางวัชระ
“เลิกปิดมือถือ แล้วก็เลิกหนีแหนมได้แล้ว ก่อนที่พวกฉันจะซวยไปด้วย”
วัชระฟังแล้วก็พยักหน้ารับด้วยความเหนื่อยหน่าย วัชระทรุดตัวลงไปนั่งข้างตู้ ธีธัชยืนพิงผนัง กริชชัยเดินมาที่ริมหน้าต่าง เป็นสามหนุ่มสามอารมณ์
ธีธัชสุดเซ็งที่ต้องไปขอโทษลำเภา
วัชระเครียดกับเรื่องแต่งงาน ส่วนกริชชัยกลุ้มเรื่องอรุณศรี ทุกคนล้วนทุกข์กันไปคนละอย่าง
“เฮ่อ..มีแต่เรื่องวุ่นวาย..มีอะไรดีบ้างมั้ยเนี่ย” กริชชัยอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้

“คุณกริชไม่ได้เป็นเกย์” อรุณศรีขมวดคิ้วถามย้ำกับสุพรรณิการ์ด้วยความมั่นใจ
“แกฟังไม่ผิด ฉันพูดจริงๆ แกก็รู้ว่าเรดาห์เกย์ฉันแรงขนาดไหน แอ๊บ แต๊บไว้ ลึกแค่ไหน ไม่สามารถรอดพ้นสายตาฉันไปได้ แต่สำหรับเจ้านายแก ฉันสแกนไม่เจอ”
“เรดาห์แกเสียหรือเปล่า” อรุณศรียังไม่อยากจะเชื่อ
สุพรรณิการ์ส่ายหน้า
“ไม่เสีย! ทั้งวิธีคิด วิธีพูด การจัดการปัญหา แววตา รอยยิ้ม ผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ และไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นผู้ชายเกรดเอ บวก บวก” สุพรรณิการ์การันตีรับรองคุณภาพ
“อะไรของแก เอ บวก บวก”
“ก็ผู้ชายมีคุณภาพที่หาได้ยากในสังคม มีความเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติผู้หญิง จริงใจ แล้วก็หนักแน่น แค่คุยกันแวบเดียวก็รู้ว่าทันทีว่าได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี”
อรุณศรีฟังแล้วถึงกับอึ้งๆ ไป คิดในใจ “ขนาดนั้นเลย?”
“และที่สำคัญ เค้าชอบแก” สุพรรณิการ์ยื่นหน้าเข้ามาบอกอรุณศรี เล่นเอาอรุณศรีถึงกับอึ้งไป
“หะ” สีหน้าของอรุณศรีบอกความรู้สึกว่าไม่เชื่อ
“จากแววตาที่เค้ามองแก ฉันตอบได้ทันทีว่า เค้าชอบแก!! ชอบมาก หรือ ชอบน้อย ยังไม่รู้ รู้แต่ว่า ชอบชัวร์”
“ไม่จริง”
“วันนี้แกอาจจะไม่เชื่อฉัน แต่สักวันถ้าเค้ากล้าพอจะจีบแกเมื่อไหร่ แกพาฉันไปเลี้ยงข้าวได้แล้ว และฉันขอบอกไว้เลยนะ ถ้าวันนั้นมาถึง แกถีบตัวไอ้ปรานต์ทิ้งไปได้เลย ผู้ชายห่วยๆ แบบนั้น เทียบเจ้านายแกไม่ติด”
อรุณศรีอึ้ง รู้สึกใจเต้นแรงแบบแปลกๆ และแอบตื่นเต้นเล็กน้อย

ก่อนจะค่อยๆ คิดทบทวนถึงภาพที่กริชชัยคอยตามแอบมอง แอบเดินตามที่วังน้ำเขียว ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ!!!

อ่านต่อตอนที่ 5







กำลังโหลดความคิดเห็น