xs
xsm
sm
md
lg

สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รักต้องแอบซ่อน คู่ของ กริชชัย (หมาก) กับ  อรุณศรี (คิมเบอร์ลี)
สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1

บ่ายวันนั้นภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูที่แสนทันสมัยแห่งหนึ่ง เวทีขนาดไม่ใหญ่มากตรงเบื้องหน้านั้นถูกออกแบบเพื่อโชว์โครงสร้างของเหล็ก อันบ่งบอกถึงความเป็นผู้ชายที่มั่นคง เปิดเผย พร้อมกับมีสัญลักษณ์ “M Group” ติดตระหง่านอยู่อย่างเรียบ แต่ดูเท่ และแฝงความหรูอยู่ในตัว

เสียงดนตรีเทคโนจังหวะสนุกสนานทันสมัยดังกระหึ่ม กระชั้นถี่เร่งเร้าอารมณ์ผู้คน แดนเซอร์สาวในชุดนักบิดมอเตอร์ไซค์สุดเก๋ไก๋ เกือบสิบคนวิ่งออกมาเต้นตามจังหวะอย่างแข็งขัน แฝงและเจือปนความเซ็กซี่เล็กๆ อยู่ในโชว์ชุดนั้น
ด้านล่างของเวทีเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงแบบคอกเทลขนาดกลาง แขกเหรื่อหนุ่มสาวหน้าตาดี ในชุดทันสมัย เดินไปมาอยู่ในงาน ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่วัยตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป จนถึงหนุ่มใหญ่วัย 50 ปี แต่ละคนล้วนดูมีฐานะแทบทั้งสิ้น ขณะที่สาวๆ ในงานแต่งตัวเซ็กซี่ดูดี มีชาติตระกูลยืนอยู่เป็นกลุ่มๆ
หลังการออกเสตปจากบรรดาแดนเซอร์สาวเสร็จสิ้นและวิ่งเข้าหลังเวที เป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟกลางเวทีสว่างขึ้น “อรุณศรี” ยืนอยู่ในชุดราตรีสวยสง่า ความสวยคมของอรุณศรีทำให้หนุ่มๆ ในงานถึงกับนิ่งงัน หันมามองเป็นตาเดียว เสียงดนตรีเฟดเบาลง อรุณศรีพูดต้อนรับผู้มาร่วมงานผ่านไมค์ไร้สาย
“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่อาณาจักร “เอ็ม กรุ๊ป” ผู้นำเข้ายานยนต์ที่ตอบสนองความฝันของผู้ที่รักความเร็ว และลุ่มหลงในความงามของนวัตกรรมยานยนต์”
ผู้คนในงาน มองไปที่อรุณศรีเป็นตาเดียว อรุณศรีตรึงคนในงานได้อย่างอยู่หมัด ในความนิ่งของผู้คนในห้องนั้น มีชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่เดินอยู่... เขาคือ “กริชชัย” ที่อยู่ในชุดสูทเรียบเก๋ เดินผ่านผู้คนไปยืนมองอรุณศรี
กริชชัยมองไปบนเวที ด้วยแววตาที่นิ่งขรึม แฝงไว้ด้วยความพึงพอใจ และแอบมีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ชื่นชมในใบหน้าคม สวย มีเสน่ห์ ฉายประกายโดดเด่น
“เอ็มกรุ๊ปถือกำเนิด เติบโต และยืนหยัดอยู่ในวงการมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ” อรุณศรีกล่าวต่อ

ย้อนไปเมื่อ 10 เดือนก่อนภายในบริษัทเอ็มกรุ๊ป กริชชัยอยู่ในชุดลำลอง สวมเสื้อยืดเก๋ๆ และกางเกงยีนส์ ในมือถือสมุดสเก็ตภาพอยู่หลวมๆ เขาเดินอยู่มุมหนึ่งของอาคารในชั้นที่ 5 ซึ่งระเบียงที่เปิดโล่ง เขามองลงไปเห็นสวนและน้ำพุ เขารีบเดินด้วยความรีบร้อน และในจังหวะที่เลี้ยวออกมาจากมุมตึก เขาชนเข้ากับหญิงสาวคนนั้นอย่างจัง … โครม !!
“เฮ้ย....” / “ว้าย...”
กริชชัย ร้อง ในขณะที่ฝ่ายหญิงร้องขึ้นพร้อมกัน
จังหวะนั้นสมุดสเก็ตภาพของกริชชัยที่ถืออย่างหลวมๆ หล่นลงที่พื้นดังตุ๊บ เขาเงยหน้ามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า... ผู้หญิงตรงหน้าเขาคือ คุณป้าผมม้า แว่นหนาเตอะ
“ขอโทษครับ” กริชชัยขอโทษด้วยความสุภาพ
ระหว่างนั้น สมุดสเก็ตถูกลมพัดจนเปิดออก เผยให้เห็นภาพสเก็ตรูปรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์มากมาย ซ้อนๆอยู่ในสมุด ลมพัดมาอีกระลอกกระดาษภายในแฟ้มปลิวกระจายอย่างรวดเร็วเสียงดังฟึ่บ !!!
“เฮ้ยยยย” !! กริชชัยตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
เขารีบวิ่งเก็บรูป โดยมีป้าแว่นรีบช่วยเก็บด้วยความร้อนรน
ภาพสเก็ตรูปรถบางส่วนปลิวลงมาที่สวนเบื้องล่าง อรุณศรีซึ่งเดินพออยู่ที่บริเวณนั้นพอดี เอื้อมมาหยิบภาพที่ปลิวมาลงมาตรงหน้า เธอแอบทึ่งในความสวยของภาพสเก็ตนั้น อรุณศรีกวาดตามองเห็นมีมีอีกหลายรูปปลิวกระจายอยู่มากมาย เธอจึงรีบเก็บด้วยความกระตือรือร้น
กริชชัยโผล่หน้ามาจากระเบียง เห็นอรุณศรีในชุดทำงานทะมัดทะแมง กำลังวิ่งเก็บรูปอยู่ก็แปลกใจ เขาเพ่งมองพิจารณาไปถึงสัดส่วนที่เซ็กซี่ ใบหน้าคมเข้ม แววตาจริงจัง ขนาดเพ่งมองจากด้านบนยังสะกดเขาได้ขนาดนี้ เขามองเธอวิ่งเก็บภาพที่ลอยอยู่ตามแรงลม จนอดเปรียบกับนางฟ้าที่กำลังวิ่งไล่เก็บดอกไม้ที่ลอยอยู่ในสรวง
สวรรค์ไม่ได้
“นี่ค่ะคุณ...” กริชชัยรู้สึกตัว ออกอาการสะดุ้งนิดๆ รีบหันมา ก็เห็นป้าแว่นยื่นรูปให้
“ขอบคุณมากครับ”
รับรูปจากป้าแว่นแล้วกริชชัยก็รีบวิ่งลงบันไดไปเพื่อจะไปเก็บภาพข้างล่างและตั้งใจว่าจะไปหาหญิงสาวที่มีน้ำใจคนนั้น
ทางด้านอรุณศรียังวิ่งเก็บภาพมาถึงบริเวณน้ำพุ มองแล้วก็ตัดสินใจก้มลงถอดรองเท้า ขณะที่กริชชัยวิ่งลงมาตามบันไดจากชั้น 4 มาชั้น 3 ก็แวะชะโงกหน้ามองหญิงสาว แล้วก็ตกใจ
“เฮ้ย...” กริชชัยเห็นเธอถอดรองเท้าลุยลงไปในน้ำพุ เพื่อเก็บภาพสเก็ตที่ลอยอยู่ในน้ำ ก็อดทึ่ง อึ้ง และประทับใจผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เขารีบวิ่งลงบันได หวังจะไปช่วยและกล่าวคำขอบคุณ
อรุณศรีขึ้นจากน้ำ เงยหน้าเห็นมีภาพสเก็ตอีกแผ่นหนึ่งติดอยู่ที่ต้นไม้
กริชชัยที่วิ่งจากชั้น 3 ลงมาที่ชั้น 2 แล้วแวะชะโงกดูอีกที
“เฮ้ยย...”
กริชชัยตกใจร้องอีกรอบ เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นปีนอยู่บนต้นไม้ เพื่อเก็บภาพสเก็ตอย่างตั้งใจ เขาประทับใจมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และยืนมองแล้วยิ้มด้วยความลืมตัว
พอรู้สึกตัวก็รีบวิ่งต่อมาจากที่ชั้น 2 ลงมาที่ชั้น 1 และรีบวิ่งตรงไปที่สวนทันที

กริชชัยวิ่งพรวดมาถึงสวน แล้วก็กวาดสายตามองซ้ายมองขวา เห็นสวนว่างเปล่า ไม่มีหญิงสาวคนนั้นอยู่แล้ว มีเพียงรปภ.ที่กำลังวางกระดาษภาพสเก็ตแผ่นที่เปียกน้ำไว้ที่ม้านั่ง ส่วนแผ่นที่แห้งถูกวางรวมกันอยู่อย่างเรียบร้อย
กริชชัยรีบวิ่งตรงมาทางรปภ. แล้วถามขึ้นอย่างร้อนรน
“ผู้หญิงคนที่เก็บภาพพวกนี้อยู่ไหน ?”

เวลาต่อมาภายในห้องสอบสัมภาษณ์ อรุณศรีกำลังพูดถึงสมรรถนะของรถมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ตที่จอดอยู่ โดยมี “เบญลี่” และพนักงานอีกสองคนนั่งฟังและคอยให้คะแนน เธอพูดอย่างคล่องแคล่ว บุคลิกดี สวย สง่า และน่ามอง
กริชชัยยืนดูอยู่ที่นอกห้องด้วยความสนใจ กริชชัยยิ้มแอบเจ้าเล่ห์ และหยิบโทรศัพท์มือถือมากดข้อความแล้วส่งไปให้เบญลี่ทันที
จังหวะนั้นมือถือเบญลี่มี 1 ข้อความเข้ามา “ 1 ข้อความ จาก คุณกริชชัย” เบญลี่ปรายตามอง ตอนแรกไม่สนใจ แต่พอเห็นชื่อก็รีบหยิบมาเปิดอ่านอย่างกุลีกุจอ พออ่านแล้วก็งง มองซ้ายมองขวา แต่ไม่เจอเจ้าของข้อความ เบญลี่หันมาถามอรุณศรีที่นั่งรอสัมภาษณ์อยู่ตรงหน้า ในน้ำเสียงแอบงงเล็กน้อย
“เมื่อครู่ มีรปภ.แจ้งว่าคุณวิ่งเก็บกระดาษอยู่ในสวน”
เบญลี่พูดไปขณะเดียวกันก็รู้สึกงงๆ กับข้อความที่กริชชัยใคร่รู้และส่งมาให้ถาม
อรุณศรีฟังแล้วเลิกคิ้ว รู้สูกแปลกใจ เพราะมันไม่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ในตอนนี้แต่อย่างใด


“เราอยากรู้เหตุผลว่า..คุณวิ่งตามเก็บกระดาษพวกนั้นทำไม” เบญลี่ถาม
กรรมการอีกสองคนก็หันมามองด้วยความงง เบญลี่ทำหน้าใส่คิดในใจว่า
‘อย่ามางง..เพราะฉันก็งงเหมือนกันย่ะ’
อรุณศรีคิดแล้วก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ชัดถ้อยชัดคำ
“ฉันเสียดายค่ะ เพราะรูปพวกนั้นมันสวยมาก คนวาดคงจะตั้งใจวาดมันขึ้นมา ถึงฉันไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ แต่ฉันคิดว่าเค้าคงไม่อยากให้มันเสียหาย”
กริชชัยที่ยืนแอบฟังอยู่ มองหน้า ดูแววตาอรุณศรี ด้วยสัญชาตญาณ เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โกหก
“ฉันก็แค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำในสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ และทำให้ดีที่สุดค่ะ !”
อรุณศรีพูดต่อระบายยิ้มที่ริมฝีปาก ในอาการสบายๆ กริชชัยซึ่งแอบฟังอยู่ แอบยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัว เบญลี่เหลือบไปเห็นกริชชัยพอดี
“ท่านคะ !!” เบญลี่เรียกขึ้น
อรุณศรีแปลกใจหันไปตามสายตาของเบญลี่ แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว อรุณศรีแปลกใจนิดๆ พลางคิดในใจว่า “ท่านไหน ?” ที่เบญลี่โพล่งขึ้น

กริชชัยดึงความคิดตัวเองกลับมาที่ห้องจัดเลี้ยง ภายในโรงแรม เขายังยืนอยู่ที่มุมเดิม เขามองอรุณศรีที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยแววตาชื่นชมเหมือนเดิม อรุณศรียืนสวยสง่างามอยู่บนเวที และพูดต่อ
“และในวันนี้..ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวย่างสำคัญของพวกเราชาวเอ็มกรุ๊ป”
ขณะที่กริชชัยยืนฟังอยู่นั้น มีเจ้าหน้าที่จัดอีเว้นท์เดินมาหาและกล่าวเชิญให้เข้าประจำที่ กริชชัยพยักหน้ารับกระชับสูทและเดินตามไป
“ก้าวที่เราภาคภูมิใจ และถือเป็นก้าวใหม่ที่จะพาเอ็มกรุ๊ปก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง” เสียงอรุณศรีที่ยังคงแนะนำบริษัทอยู่บนเวทีดังขึ้น
“ขอเชิญทุกท่านพบกับประธานกรรมการบริหารคนใหม่ ทายาทรุ่นที่ ๓ แห่งอาณาจักรเอ็มกรุ๊ป คุณกริชชัย พงษ์โภคิน !!” อรุณศรีพลางผายมือไปด้านหลัง และเดินเลี่ยงลงข้างเวที
เสียงปรบมือดังกระหึ่ม พร้อมๆ กับเสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์คันโตเกือบ ๑๐ คัน ที่สตาร์ทขึ้นพร้อมกัน กระหึ่มไปทั้งฮอลล์ ช่างภาพ นักข่าว ตั้งกล้องเตรียมพร้อมฟึ่บฟั่บ !!
รถมอเตอร์ไซค์คันโตสุดเก๋ เท่ โคตรๆ ค่อยๆ ทยอยเคลื่อนขึ้นมาบนเวที อย่างสุดอลังการ เสียงดนตรีกระหึ่มชวนฮึกเหิม รับกับภาพรถแต่ละคันที่ค่อยๆ เคลื่อน และคลี่ตัวออก..เผยให้เห็นกริชชัยที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด เปิดตัวอย่างเท่...
กริชชัยอยู่ในชุดสูทพอดีตัว เสริมบุคลิกนิ่งให้ยิ่งดูเท่สมกับเป็นผู้บริหารยุคใหม่ ช่างกล้องภาพนิ่งและช่างกล้องโทรทัศน์กระหน่ำถ่ายกันอย่างเต็มที่ แสงแฟลชวูบวาบไปทั้งงาน
จังหวะนั้นอรุณศรีเดินลงมาจากเวทีไปสมทบกับเบญลี่ที่ยืนอยู่มุมหนึ่งข้างเวที ขณะกำลังเดินอรุณศรีเห็นสาวๆ ที่ยืนอยู่ในงานมองกริชชัยด้วยความชื่นชม กรี๊ดกร๊าดอย่างแรง จนเธอแอบอึ้งในความแรงของสาวๆ
เบญลี่กำลังถ่ายรูปกริชชัยผ่านมือถือด้วยความปลาบปลื้มชื่นชม
“ต๊ายยย..เจ้านายเท่มวาก...” เบญลี่กรี๊ด
“พี่เบญลี่ !!” อรุณศรีทัก เบญลี่หันตามเสียงแต่ไม่สนใจ พลางกล่าวว่า
“เดี๋ยวก่อนแอ๊ว .. นาทีนี้อย่าเพิ่งกวน พี่ขอเก็บรูปท่านประธานก่อน ส่วนเธอไว้ทีหลัง”
อรุณศรียิ้มๆ พลางส่ายหน้า .. คิดในใจ “เอาเข้าไป”

อรุณศรีหันไปมองกริชชัยที่เวที เขายืนอยู่ข้างๆ รถที่จอดดับเครื่องเรียงอยู่อย่างสวยงาม บรรดานายแบบที่ทำหน้าที่ขี่รถลงมายืนอยู่ข้างๆ เหมือนเป็นบอดี้การ์ดล่ำบึ้ก เสริมให้กริชชัยดูเท่หนักขึ้นไปอีก ห้วงเวลานั้นอรุณศรีสังเกตเห็นว่าบรรดาสาวๆ ทั่วทั้งงานกำลังจับจ้องมองกริชชัยตาเป็นมัน
“ท่านประธานขาโหด..ฮอตเหมือนกันแหะ..” อรุณศรีพึมพำกับตัวเอง ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

วันนั้นเป็นวันที่อรุณศรีมาเริ่มงานเป็นวันแรกที่บริษัทเอ็มกรุ๊ป และพบกับเบญลี่ ทั้งคู่เดินคุยกันไป
“พี่ชื่อเบญลี่เป็นเลขาท่านประธาน แล้วหนู....”
“แอ๊วค่ะ ..” อรุณศรีแนะนำตัว อย่างเป็นกันเอง
“โอเค..น้องแอ๊วเป็นพนักงานคนแรกที่เข้ามาทำในตำแหน่งประชาสัมพันธ์พิเศษ เรื่องรายละเอียดการทำงานพี่จะค่อยๆ บอก วันนี้วันแรกคงยังไม่มีอะไรมาก ไป..พี่จะพาไปที่โต๊ะ”
“ค่ะ”
เบญลี่เดินนำอรุณศรีไปตามทาง โดยไม่รู้ว่ากริชชัยเดินออกมาทางด้านหลัง และมองตาม วันนี้เขาอยู่ในชุดสูท ดูเท่ ขรึม ต่างจากเมื่อตอนที่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์อย่างสิ้นเชิง
กริชชัยมองตามอรุณศรีด้วยความสนใจไม่วางตา อรุณศรีรู้สึกเหมือนมีคนมองจึงหันขวับมาตามสัญชาตญาณ เธอเห็นกริชชัยยืนมองอยู่ เขามองด้วยสายตานิ่งๆ แอบอมยิ้มนิดๆ ไม่พูดไม่จาแล้วก็เดินไป อรุณศรีมองตามงงๆ คิดในใจ “ใครเนี่ย?”

ครู่ต่อมาอรุณศรีนั่งอยู่ในห้องประชุมกับพนักงานอีก 3 - 4 คน สักพักเธอรู้สึกเหมือนมีคนแอบมอง ไม่ใช่ใครอื่น กริชชัยนั่นเองยืนมองอยู่ แต่ทันทีที่สบตากัน เขากลับหันหน้าหนีและเดินไป อรุณศรีขมวดคิ้วอย่างงงๆ พลางพึมพำออกมา “ใครเนี่ย!!”

เช้าวันหนึ่งขณะที่อรุณศรีเดินกำลังจะเข้าออฟฟิศ เธอรับรู้ด้วยสัญชาติญาณว่า มีคนมองอยู่ ทันทีที่หันไปเธอก็พบกับกริชชัยนั่งกินกาแฟอยู่ที่ร้านกาแฟหรูหน้าที่ทำงาน เมื่อเธอสบตา เขากลับก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ อรุณศรีขมวดคิ้วพูดกับตัวเอง ”อีกแล้วนะ”
เวลาต่อมาอรุณศรีกำลังซ้อมการพรีเซนต์รถยนต์รุ่นใหม่อย่างตั้งใจ รู้สึกมีคนมอง หันไปเห็นกริชชัยมองมาจากชั้นบน ครั้นเมื่อเธอสบตาเขากลับหันหน้าหนีแล้วก็เดินไปอีก อรุณศรีถึงกับกอดอกแสดงท่าทีไม่พอใจ

ขณะที่อรุณศรีกำลังนั่งเขียนสคริปต์ ข้างๆ ตัวมีหนังสือเครื่องยนต์มากมายวางอยู่ อรุณศรีเขียนแล้วไม่ถูกใจก็ขยำๆ ปาทิ้งแต่ไม่ลงถังขยะ ซึ่งข้างๆ ถังมีกระดาษที่ปาไม่ลงถังตกเกลื่อนกลาด สักพักกริชชัยก็เดินมายื่นมือออกเหมือนจะหยิบกระดาษใส่ถังให้ แต่ไม่.. เขากลับหยิบถังขยะขึ้นมา แล้วก็วางไว้ข้างๆ อรุณศรีแทน
อรุณศรีชะงัก เงยหน้าขึ้นมอง เขายืนอยู่ในระยะกระชั้นชิด อรุณศรีเลื่อนเก้าอี้ถอยออกมาเล็กน้อย..เพราะไม่แน่ใจว่า เขาที่ยืนตรงหน้าคนนี้เป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า
กริชชัยเห็นกิริยาของเธอแล้วขำ แต่พยายามจะกลั้นยิ้ม สองคนสบตากัน อรุณศรีลุ้นว่า ชายหนุ่มตรงหน้าจะพูดอะไรหรือเปล่า แต่แล้วเขากลับไม่พูด แค่มองหน้าชั่วหนึ่งอึดใจแล้วก็เดินไป อรุณศรีมองตามด้วยความงง และความอดทนของเธอก็สิ้นสุด
“เดี๋ยวค่ะ..อย่าเพิ่งไป!!” อรุณศรีลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นมา
กริชชัยหยุดตามสั่ง อรุณศรีเดินมาเผชิญหน้า กอดอก
“คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ” อรุณศรีถามแบบตรงไปตรงมา
“ทำไมผมต้องมีปัญหากับคุณ” กริชชัยตอบแกมถามกลับ
“ฉันเห็นคุณแอบมองฉันมานานแล้ว...คุณ...คิดอะไรหรือเปล่า”
อรุณศรีจ้องมองเขาเขม็งขณะถาม กริชชัยถึงกับสะอึก หน้าแดงวาบ พูดไม่ออก อึ้ง...และเสียงหัวใจเต้นแรง
“ถ้าคุณมีปัญหาอะไร คุยกันตรงๆ ก็ได้นะคะ แอบมองฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย หรือถ้าคุณจะคิดอะไรที่มัน..เอ่อ..อย่างนั้นน่ะ”
กริชชัยขมวดคิ้วงงเล็กน้อย แต่อรุณศรีพูดต่อ
“ฉันขอบอกก่อนเลยนะว่าฉัน..มีแฟนแล้ว” อรุณศรีจงใจย้ำให้น้ำหนัก 3 คำหลัง
“ขอบคุณที่บอก” กริชชัยพยายามควบคุมน้ำเสียง ไม่ให้ตื่นเต้น และรีบชี้แจงว่า
“และผมขอโทษ ถ้าทำให้คุณรู้สึกว่าโดนคุกคาม แต่ทุกอย่างที่ผมทำ..ผมทำตามหน้าที่”
อรุณศรีคลายวงแขนออกจากกอดอก มาเป็นท้าวเอว
“หน้าที่อะไรคะ? อย่าบอกนะว่าคุณมีตำแหน่งเป็นกล้องวงจรปิดของบริษัท” อรุณศรีพูดกวนๆ
แต่ยังไม่ทันที่กริชชัยซึ่งอ้าปากกำลังจะตอบ ทันใดนั้นเสียงเบญลี่ก็ดังขึ้นและรีบวิ่งถลาเข้ามา
“ท่านประธานคะ!!! ท่านประธาน... เชิญท่านประธานที่ห้องประชุมได้เลยค่ะ”
อรุณศรีถึงกับสะอึกทันที
“หะ ท่านประธาน” อรุณศรีมองจ้องหน้ากริชชัยอีกที อย่างไม่แน่ใจ
“ใช่..ผมเอง..กริชชัย พงษ์โภคิน ซีอีโอของที่นี่” กริชชัยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมพูดต่อ
“ส่วนคุณ...อรุณศรี ไตรสถาพร เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์พิเศษ”
อรุณศรีหน้าเจื่อนลงทันใด พลางพูดเบาๆ ว่า “โห..เต็มยศ”
“เดี๋ยวคุณเข้าประชุมด้วย ในงานเลี้ยงเปิดตัวผม.. คุณมีงานสำคัญต้องทำ”
“เอ่อ...ค่ะ”
อรุณศรีถึงกับหน้าจ๋อยนิด คอตก..พลางคิดในใจ “ซวยจริงเว้ย”
กริชชัยเดินนำไป เบญลี่หันมาลากอรุณศรีให้เดินตามไปด้วย

ที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม อรุณศรียังยืนอยู่ที่เดิม สายตาเธอมองเขาผู้เป็นเจ้านายด้วยแววตากระอักกระอ่วนใจ และยังใจหายไม่เลิกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 เดือนก่อนที่ย้อนกลับมาในหัวเมื่อครู่นี้
บนเวทีขณะนั้นกริชชัยยืนอยู่อย่างเท่.. กริชชัยยืนอยู่ที่โพเดียม..เสียงดนตรีเงียบลง กริชชัยพร้อมจะพูด ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงรอฟังอยู่อย่างใจจดจ่อ เมื่อเขากำลังอ้าปากจะพูด ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ตื้ด.... !!
“เฮ้ย...!!” กริชชัยชะงัก
เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่ .. วิถีของเสียงใกล้กับตัวเขามาก กริชชัยปรายตามาที่ต้นเสียง
ก็เห็น ธีธัช ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ในชุดหนังอย่างเท่ ผิวขาวเด้ง โดดเด่นกว่าคนอื่น ยืนรวมกับหนุ่มๆ บอดี้การ์ด ธีธัชยืนอยู่ใกล้กริชชัยมากที่สุด ระหว่างนั้นธีธัชยิ้มหล่อหว่านเสน่ห์ให้สาวๆ ที่ยืนอยู่หน้าเวที โดยไม่ได้สนใจเสียงโทรศัพท์ที่ยังดังอยู่
กริชชัยตัดสินใจถอยห่างจากไมค์ เบี่ยงหน้ามาทางธีธัช กัดฟันเรียกด้วยความเซ็ง
“ไอ้ธี!!”
ธีธัชหันมาทำหน้างงๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง..ตื้ด...! ธีธัชสะดุ้งนิดๆ เพิ่งรู้ตัวจึงรีบตะปบมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงทันที แล้วก็กดปิดเสียง !! ธีธัชยิ้มแห้งๆ...แหะๆ .. รู้สึกผิดนิดหน่อย แล้วก็ปั้นหน้ายิ้มให้สาวๆ ต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
สาวๆ หน้าเวทีขำคิกคัก กริชชัยหันหน้ากลับมาที่โพเดียมพยายามทำอารมณ์ไม่ให้เซ็ง..และเริ่มกล่าว
“ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานในวันนี้”

ที่ข้างเวที อรุณศรีซึ่งมองธีธัชอยู่ อดเอียงหน้ามาถามเบญลี่ ทั้งที่ตายังมองบนเวทีอยู่
“โมเดลคนนี้มาจากไหนคะ ? ไม่มีมารยาทเลย เอามือถือขึ้นเวทีแล้วยังเปิดไว้อีก” อรุณศรีถาม เธอหมายถึงธีธัช!
“คนนี้ไม่ใช่นายแบบจ้ะ แต่เป็นเพื่อนสนิทของคุณกริช” เบญลี่บอก
“เพื่อนสนิท”
“มาก...ชื่อคุณธีธัช พี่เห็นหล่อดีเลยเชิญมาเป็นนายแบบกิตติมศักดิ์”
“อ๋อ” อรุณศรีพยักหน้ารับ.. แล้วก็หันไปทางหน้าเวที ขณะที่ธีรัชหว่านเสน่ห์สาวๆ จากบนเวที แต่ข้างๆ เวทีกลับมีเกย์ล่ำรสนิยมดียืนมองด้วยสายตาจิกๆ อยู่
อรุณศรีพยักหน้าพลางเข้าใจไปเองว่า กริชชัยกับธีธัชเป็นคู่เกย์ คู่เลิฟกันอยู่
“เห็นเนี้ยบๆ เฮี้ยบๆ .. ที่แท้ท่านประธานก็แนวนี้นี่เอง”

บนเวทีกริชชัยยังพูดด้วยความมั่นใจ และมีความเป็นผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม
“แนวทางการทำงานของเราคือ มุ่งมั่นทำงานอย่างมืออาชีพ แต่อยู่ร่วมกันแบบครอบครัว”
ขณะเดียวกับที่ซีอีโอของเอ็มกรุ๊ปกำลังแสดงวิสัยทัศน์อยู่นั้น ธีธัชก็ส่งสายตากวาดไปทั่ว แล้วก็มาสะดุดที่สาวเอ็กซ์ หมวย ไม่สวยจัด ที่มองอยู่ ธีธัชสะดุด หยุดมอง สองคนส่งสายตาให้กัน
“ลูกค้าทุกคนคือเพื่อน คือญาติพี่น้องผู้มีความรักในรถและเครื่องยนต์ เหมือนพวกเรา เอ็มกรุ๊ปคือภาพสะท้อนในทุกๆ ด้านของคนในสังคมปัจจุบัน” กริชชัยพูดต่อ
ธีธัชส่งสายตาให้สาวหมวยอย่างต่อเนื่อง มองและยิ้ม หยอดพอดีๆ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ไม่ลุ่มล่ามแต่ให้รู้ว่าให้ความสำคัญ
จังหวะนั้นที่กระเป๋ากางเกงของธีธัชเห็นชัดว่ามือถือมีแสงสว่างวาบๆๆๆ มีสายเรียกเข้า แต่ไม่มีเสียง
“พวกเราทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีวิต และมีรถในฝันสักคันเพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ”
กริชชัยพูดจบธีธัชก็ตบมือนำ คนในงานถึงกับปรบมือตาม กรีดร้อง เป่าปาก หัวเราะด้วยความพอใจ
อรุณศรีเดินมายืนข้างเวที พร้อมกับขวดแชมเปญในมือ เตรียมพร้อมคิวต่อไป กริชชัยยิ้มนิดๆ รับเสียงปรบมือ ธีธัชยังปรบมือเชียร์ออกนอกหน้าอย่างเห็นได้ชัด ขณะนั้นโทรศัพท์มือถือของธีธัชยังมีแสงสว่างวาบอย่างต่อเนื่อง...หน้าจอเห็นรูปหน้าของ “วัชระ” โชว์ขึ้น พร้อมกับระบุชื่อคนโทรเข้าว่า “ไอ้วัช”

เวลาเดียวกันนั้นวัชระนั่งอยู่ในรถ กดวางโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
“ทำไมไอ้ธีมันไม่รับสายวะ? หลีหญิงชัวร์”
วัชระส่ายหน้าโยนโทรศัพท์ลงที่เบาะข้างๆ ตัว แล้วก็ชะเง้อมองไปข้างหน้า ด้วยความหงุดหงิด
“ติดอะไรเนี่ย ? คนยิ่งรีบๆอยู่”
บนถนนในเวลานั้น... รถสามสี่คันข้างหน้าเปลี่ยนเลนส์ออกขวา พอรถเคลื่อนพ้นออกไป วัชระขับเลื่อนเข้ามาเห็นว่ามีรถสปอร์ตสีดำราคาแพงจอดอยู่ มีรถกระบะจอดเทียบ เปิดไฟฉุกเฉินทั้งคู่
ที่หน้ารถสปอร์ตคันนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในชุดดำทั้งชุด รูปร่างผอมบาง ผิวขาวจั๊วะ ผมสั้น เธอคือ สุพรรณิการ์ กำลังท้าวเอวด่าชายฉกรรจ์ที่เป็นคนขับกะบะร่างใหญ่ล่ำอยู่อย่างไม่เกรงกลัว
“ฉันไม่ผิด ฉันอยู่เลนฉัน คุณนั่นแหละเบียดเข้ามาเห็นๆ” สุพรรณิการ์เสียงดัง
“ก็เปิดไฟขอทางแล้ว นึกว่าให้ ผมก็เสียบเข้ามาสิ ไม่คิดว่าจะไม่มีน้ำใจ” ชายฉกรรจ์เจ้าของรถกะบะเถียง
“อ้าวววว พูดงี้ได้ไง เล่นแทรกเข้ามาแบบไม่มีมารยาท เปิดไฟระยะประชิดแบบนี้ ใครจะไปมองเห็น โธ่เอ๊ย พูดออกมาได้ว่าไม่มีน้ำใจ ยังกะตัวเองมีนักนี่ ทำผิดแล้วยังจะมายืนว่าคนอื่น ขอโทษสักคำก็ไม่มี!!”
วัชระมองกิริยาและได้ยินเสียงโต้เถียงถึงกับอึ้ง พลางคิดว่า
“โห...ผู้หญิงหรือผู้ชายวะเนี่ย? แรง!!”
ในจังหวะที่วัชระมองและเคลื่อนรถไป ความก๋ากั่นของสุพรรณิการ์ก็สะกดสายตาของวัชระโดยไม่รู้ตัว

บนเวทีในห้องจัดเลี้ยง กริชชัยพูดปิดทิ้งท้ายอย่างหนักแน่น
“ในฐานะประธานกรรมการบริหารของเอ็มกรุ๊ป ผมจะพาทุกคนเดินหน้าต่อไป และเราจะเดินไปด้วยกัน..ขอบคุณครับ” กริชชัยพูดสรุปอย่างสวยงาม เสียงปรบมือดังกึกก้อง
กริชชัยหันไปรับขวดแชมเปญจากอรุณศรีที่เดินขึ้นมา เขาเขย่าๆ ขวดแชมเปญ และเปิดดังป๊อก ฟองแชมเปญพุ่งกระจาย วินาทีนั้นเองเสียงดนตรีก็รับอย่างสนุกสนาน กริชชัยรินแชมเปญลงบนแก้วที่วางเรียงไว้อย่างสวยงาม เสียงปรบมือ เสียงดนตรียังดังคึกคัก
ธีธัชซึ่งหันหลังให้เวที รีบหยิบโทรศัพท์มาดู
“ใครโทร.มาวะ ? ... ไอ้วัช!!”

วัชระกำลังจะเบี่ยงรถออกจากอุบัติเหตุ แต่ยังมองเธอคนนั้นอย่างไม่วางตา เสียงของสุพรรณิการ์ยังปะทะคารมกับชายฉกรรจ์เจ้าของรถกะบะไม่หยุด
“ตอนแรกฉันว่าจะไม่เอาเรื่อง ต่างคนต่างซ่อม จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก แต่ปากแบบนี้ก็รอตำรวจแล้วกัน ประกันไม่ต้องแล้ว” สุพรรณิการ์พูดเสียงดัง
วัชระค่อยๆ เบี่ยงรถเข้ามาในเลนเดิม เคลื่อนรถไปพลางมองหญิงสาวไปด้วย แอบตื่นเต้น และลุ้นว่า เรื่องของผู้หญิงคนนี้จะจบลงอย่างไร
“ปากเก่งเหลือเกิน นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงโดนต่อยไปนานแล้ว” ชายฉกรรจ์ว่า
“อ้าววววว พูดงี้ก็แจ่มดิ..คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง คนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครมาต่อยเฉยๆ มีมือเว้ย สวนเป็น ไม่เชื่อก็ลองดูดิ” สุพรรณิการ์พูดพลางถลกแขนเสื้อ แล้วเดินเข้าหาคู่กรณี
วัชระถึงกับอึ้งกับความก๋ากั่นของเธอคนนั้น ในจังหวะนั้นเองรถของวัชระก็แฉลบเข้าไป เฉี่ยวเข้าที่ก้นของสุพรรณิการ์ดัง ตึง!! สุพรรณิการ์หันขวับมาด้วยความตกใจ
“เฮ้ย!!” วัชระอุทานอย่างตกใจรีบเหยียบเบรกเอี๊ยด ตามมาด้วยเสียงโดนชนท้าย โครม!! เขาผงะไปข้างหน้า “เฮ้ย!!”
วัชระหันไปดูที่ท้ายรถ เห็นว่ารถคันหลังที่ขับชนรถตัวเองรีบเบี่ยงและชิ่งหนีไปแล้ว
“อ้าว..เฮ้ย ชนแล้วหนีเลยเหรอวะ”
วัชระหันขวับกลับมาที่สุพรรณิการ์ เห็นเธอยืนเท้าเอวมองมาด้วยแววตาพิฆาต ก็ถึงกับหน้าเสีย
“ซวยแล้วกรู” วัชระบ่นอุบ
สุพรรณิการ์ทุบลงที่หน้ารถของวัชระอย่างแรง หน้ารถยุบลงไปตามแรงกดเสียงดังซวบ!!
“ขับรถประสาอะไรหะ” สุพรรณิการ์โวยวาย
“เฮ้ย...แรงคนหรือว่าแรงควายวะเนี่ย”

วัชระมองรถที่ยุบลงแล้วก็โพล่งขึ้นมาอย่างฉุนๆ

อ่านต่อหน้า 2 
ธีธัช กับ ลำเภา
หมวดวัชระ กับ สุพรรณิการ์
สุพรรณิการ์ รับบทโดย มารี เบรินเนอร์ น้องใหม่ของวงการ
บอย ปกรณ์ มาในบท วัชระ หมวดกลัวแฟน / ภาพ : จาก  รอยมาร
 ภูภูมิ พงศ์ภาณุ เป็น ธีธัช
เต้ย จรินทร์พร...รับบท ลำเภา สัตว์แพทย์สาววัยใส ผู้สยบใจคาสโนว่า ธีธัช (เคน)
พิตต้า ณ พัทลุง เป็น เนตรนภัส สวยเหวี่ยง แฟนของ วัชระ (บอย)
รักต้องแอบซ่อน ของ กริชชัย (หมาก ปริญ) กับ อรุณศรี (คิมเบอร์ลี) อยู่ในสายตาของ เบญลี่ (ตุ๊ยตุ่ย)
นักแสดงนิสัยดีงานชุก พีระพันธ์ อารียาพันธ์ รับบท โอบบุญ
สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 1 (ต่อ)

ทางด้านสุพรรณิการ์ยืนจ้องวัชระเขม็งด้วยความไม่พอใจอย่างแรง เวลานั้นคู่กรณีชายฉกรรจ์รถกะบะถือโอกาสที่กำลังชุลมุนเผ่นขึ้นรถแล้วขับหนีไปจากที่เกิดเหตุทันที สุพรรณิการ์หันมามองแล้วก็ร้องโวยวาย พลางมองตามและท้าวเอวด้วยความเซ็ง

“อ้าวเฮ้ย!! อย่าหนีนะ หยุดมาเคลียร์กันก่อนดิ เฮ้ย..หยุดดิเว้ย!!”

วัชระลงมายืนดูกระโปรงรถตัวเองที่บุบลงไป แล้วก็โวยวาย
“นี่คุณมาทุบกระโปรงรถผมทำไม”
สุพรรณิการ์หันขวับมา แล้วทั้งคู่ก็เปิดฉากทะเลาะกัน
“แล้วคุณมาชนก้นฉันก่อนทำไม โอ้ย..ทำไมวันนี้เจอแต่ผู้ชายงี่เง่าวะเนี่ย”
“อ้าว...”
“แล้วตำรวจหายไปไหนกันหมด ไม่โผล่มาสักที สถานีก็อยู่ใกล้แค่เนี้ยะ มายากเย็นเหลือเกิน ที่ตั้งด่านเก็บเงินหล่ะ ยืนกันแน่นเลย”
“หมิ่นประมาทเจ้าพนักงานมีความผิดนะคุณ”
“ฉันพูดความจริง ฉันหมิ่นตรงไหน แล้วนี่เป็นอะไร ถึงได้มาออกรับแทนตำรวจ”
“ผมเป็นตำรวจ!!”
“อ๋อ..เหรอ ดีเลย งั้นช่วยเชิญเพื่อนๆคุณมาช่วยเคลียร์หน่อยได้มั้ยคะ คุณตำรวจ ?” น้ำเสียงเธอประชด
“ฉันจะได้ไม่โดนชนบั้นท้ายฟรี แถมคู่กรณีของฉันก็เผ่นแน่บไปแล้ว ช่วยบอกให้รีบมาหน่อยนะคะ เพราะฉันต้องรีบไป”
“ผมก็ต้องรีบไปเหมือนกัน และคู่กรณีที่ชนท้ายรถผมก็หนีไปแล้ว จะว่าไปคุณกับผมก็เหมือนกัน ถือว่าเจ๊า”
“แต่ฉันไม่เหมือนคุณ เพราะคุณผิดที่ขับรถเฉี่ยวฉัน แต่ฉันไม่ผิด ฉันอยู่เฉยๆก็โดนรถปาดหน้า แล้วก็โดนคุณชนบั้นท้าย มันจะเหมือนกันได้ยังไง ถอนคำพูด!!”
“อะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย … โอเคๆ ผมถอนคำพูด คุณไม่ผิด ผมผิด ผมรับผิดชอบเอง นี่เบอร์ติดต่อผม ตอนนี้แยกย้ายกันไปก่อน รถติดใหญ่แล้ว มีอะไรโทร.มา ผมไม่หนี” วัชระพูดพลางยื่นนามบัตรให้
สุพรรณิการ์ รับนามบัตรมาและร้องเรียก
“เดี๋ยว !!”
“อะไรอีก” วัชระหันกลับมาด้วยความเซ็ง
สุพรรณิการ์ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเขาและทะเบียนรถไว้ วัชระเห็นก็ตกใจ
“เอ้ย... คุณทำอะไร”
“ถ้าฉันไปเอ็กซเรย์ก้นแล้วมีปัญหา กระดูกแตก กระดูกเคลื่อน ฉันจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคุณ” สุพรรณิการ์ใช้นามบัตรชี้หน้า เดินกลับไปที่รถแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้หญิงเหรอวะเนี่ย” วัชระมองตาม พลางบ่นพึมพำออกมา

ที่ห้องจัดเลี้ยง ธีธัชกดอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาทางบีบี
“ดีค่ะ อุอุ ทักไปแล้วนะคะ”
ธีธัชพิมพ์กลับไปอย่างรวดเร็ว ข้อความเข้าที่บีบีสาวหมวย
“ดีครับ งุงิ (^^) ทักกลับไปแล้วนะครับ”
สาวหมวยอ่านแล้วก็ยิ้ม เอ่ยออกมา “น่ารักอ่ะ!!!”
ธีธัชยิ้มรับในอาการระริกระรี้ ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น
“แฟนโทร.มาเหรอคะ” สาวหมวยรีบทัก
“เพื่อนครับ..ผมยังไม่มีแฟน” ธีธัชหันหน้าจอให้สาวหมวยดู เห็นเป็นรูปวัชระโทร.เข้า
“ดีใจอ่ะ” สาวหมวยยิ้มแฉ่ง ธีธัชยิ้มรับ
“ผมไปคุยกับเพื่อนก่อนนะครับ แล้วค่อยคุยกัน”
“ค่ะ”
ธีธัชยิ้มให้ สาวหมวยแทบละลาย ธีธัชหันหลังกดรับสายวัชระ
“ฮัลโหล”

วัชระเดินดุ่มๆ อยู่หน้างานในโรงแรม ขณะนั้นคนบางส่วนกำลังทยอยกลับแล้ว
“ไอ้ธี ทำอะไรอยู่วะ กว่าจะรับได้ แล้วนี่พวกแกอยู่ไหนหะ”
“ไอ้เนียน มาช้าแล้วยังจะมาทำโวยใส่เพื่อน ฉันต้องเป็นคนโวยใส่แก ไอ้บ้าพลังเลิกโวยวายแล้วเดินมาที่หน้าประตูหนึ่ง ไอ้กริชมันกำลังถ่ายรูปปิดงานอยู่ เออ เจอกัน ให้ไว”
ธีธัชวางสายไป แล้วก็เดินไปหากลุ่มนักข่าวที่กำลังถ่ายรูปอยู่

กริชชัยกำลังถ่ายรูปรวมกับผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ มีอรุณศรียืนเป็นไม้ประดับอยู่ด้วย อรุณศรียืนห่างจากกริชชัยไป 2 - 3 คน พอถ่ายเซทแรกเรียบร้อย ผู้บริหารชุดแรกก็เดินออกไป
“คุณกริชคะ..ขอรูปคู่กับแอ๊วหน่อยค่ะ จะเก็บไว้เป็นที่ระทึก” เบญลี่ตะโกนขึ้น
“เอ่อ...” อรุณศรีอึกอักๆ ลำบากใจ
เบญลี่วิ่งเข้ามาจัดท่าให้อรุณศรียืนข้างๆ กริชชัย
“แอ๊วขยับเข้ามาหน่อยจ้ะ”
“ขยับเข้ามาอีกหน่อยก็ได้นะ ฉันไม่ใช่คนถือตัว” กริชชัยบอก
“คุณไม่ถือ...แต่อาจะมีคนบางคนไม่พอใจก็ได้นะคะ” อรุณศรีพูดแล้วก็อมยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางปรายตาไปทางธีธัชที่ยืนอยู่กับนักข่าว เวลานั้นธีธัชถือมือถืออยู่เตรียมถ่ายรูปให้กริชชัย
“ยิ้มหน่อยครับ ท่านประธาน” ธีธัชบอก
กริชชัยมองตามสายตาอรุณศรีไปเห็นธีธัช แล้วก็มองกลับมาที่อรุณศรี เห็นเธอยิ้มกริ่ม เขาขมวดคิ้วงงๆ คิดในใจ “หมายความว่าอะไรวะ?”
“ยิ้มหน่อยนะคะ” อรุณศรีพูดพลางยิ้มสดใสยืนอยู่เคียงข้างกริชชัย
ด้านกริชชัยทิ้งความงงไปก่อน แล้วก็ยิ้มนิดๆ วางมาดเท่ๆ เบญลี่ถ่ายรูปเก็บไว้ นักข่าวรัวชัตเตอร์ตาม ส่วนธีธัชถ่ายไว้ให้เพื่อน เก็บไว้เป็นบางชอต กล้องถ่ายรูปของธีธัชจับบางขณะของสายตากริชชัยที่มองอรุณศรีด้วยความชื่นชม แต่อรุณศรีไม่เห็น แชะๆๆๆๆ ธีธัชแอบมองอรุณศรีแล้วยิ้มนิดๆที่มุมปาก..ปลื้มมากกกก อย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นเสียงหนึ่งคุ้นๆก็ดังเข้ามากระแทกหู
“มันชอบผู้หญิงคนนี้ชัวร์” วัชระโพล่งขึ้น
“เอ้ย..! มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ธีธัชตกใจไม่มีใครรู้ว่า วัชระมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

เวลาต่อมา วัชระ กริชชัย และธีธัชนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของงานเลี้ยงที่เลิกราไปแล้ว ด้านหลังทีมงานกำลังเก็บฉาก เก็บของ กริชชัยถอดสูทเหลือแต่เสื้อเชิ้ต พับแขน ธีธัชยังอยู่ในชุดหนังเท่ ฟิต เฟิร์ม ส่วนวัชระอยู่ในชุดสบายๆ หล่อเซอร์ติดโหด สามหนุ่มสามสไตล์นั่งคุยกันอยู่ในอิริยาบถสบายๆ
จังหวะนั้นธีธัชงัดโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเปิดรูปให้สองหนุ่มดู เป็นรูปตอนกริชชัยหันมามองอรุณศรีพร้อมกับยิ้มกริ่มที่มุมปาก แววตา ฉายแววปลื้มอย่างเห็นได้ชัด
“ชัดปะ?...แววตาแกออกขนาดนี้ ถ้าพวกฉันไม่รู้ ไม่ต้องมาเรียกว่าเพื่อนเว้ย”
“แกรู้ได้ยังไง” กริชชัยถามน้ำเสียงเนียนๆ แอบแปลกใจ แต่ไม่เปิดเผยท่าที
“ใช่..ขนาดฉันเดินมาทีหลัง มองปร๊าด...เดียวฉันก็รู้แล้ว” วัชระพูดพลางยื่นหน้ามาถาม “นานยังวะ”
“ก็..ตั้งแต่เค้าเริ่มเข้ามาทำงาน” กริชชัยสารภาพกับสองเพื่อนซี้
“แล้วพวกฉันจะรู้มั้ยว่าเค้าเริ่มงานเมื่อไหร่ ไม่ได้อยู่ฝ่ายบุคคลเว้ย” ธีธัชว่า
“ก็เกือบปี”
“โหย....” วัชระกับธีธัช ร้องขึ้นพร้อมกัน
“แล้วแกได้ทำอะไรบ้างยัง” วัชระถาม
กริชชัยส่ายหน้าแทนคำตอบ
“โหย..” วัชระ ธีธัช พูดขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง
“อ่อนว่ะ นี่แกอย่าไปบอกคนอื่นว่าเป็นเพื่อนฉันนะเว้ย แอบชอบผู้หญิงเกือบปีไม่ทำอะไรเลย เสียชื่อฉันหมด” ธีธัชบอก
“ไม่บอกว่าเป็นเพื่อนแกก็ดีแล้ว เพราะถ้าบอกไปคนที่จะเสียชื่อก็คือมัน” วัชระพยักพเยิดมาทางกริชชัย
“อ้าว...” ธีธัชร้อง
“ไอ้กริช แกจะรออะไร? จีบเลย! ลุย!” วัชระสั่งลุย ตามประสาคนใจร้อน
“ไม่ได้ ฉันจีบเค้าไม่ได้” กริชชัยว่า
“ทำไมวะ” ธีธัช กับวัชระหันมาถามกริชชัยขึ้นพร้อมกัน
กริชชัยทำหน้าอึดอัดใจ
“จะบอกไงดีวะ”

ที่ร้านอาหารเกาหลีแห่งหนึ่งในเวลาค่ำๆ อรุณศรีกับปรานต์ นั่งทานอยู่ด้วยกัน บนโต๊ะมีจานเนื้อ หมูสไลด์แผ่นบางน่ากินมากวางไว้ ปรานต์เอื้อมมือมาแล้วก็หยิบกิมจิมาวางไว้ที่หน้าอรุณศรี
“อันนี้ของที่รักจ้ะ”
อรุณศรีหันไปมองกิมจิหนึ่งถ้วยโตของตัวเอง แล้วมองเนื้อกับหมูสไลด์จานยักษ์ แล้วก็เงยหน้ามองปรานต์
“แล้วนี่อ่ะ” อรุณศรีถาม
“ก็ของปรานต์ไง”
“เฮ้ย” อรุณศรีร้อง
“แอ๊วลดความอ้วนอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่ก็ดึกแล้ว กินผักนั่นแหละดีแล้ว กิมจิร้านนี้อร่อยนะ รับรองว่าแอ๊วต้องชอบ !!”
“รับรองทั้งปี” อรุณศรีคีบกิมจิกินแบบเซ็งๆ
“บอกตามตรงนะแอ๊ว ปรานต์ไม่ชอบให้แอ๊วทำงานนี้เลย เป็นพริตตี้แบบเก่าก็ดีแล้ว รับเป็นจ๊อบๆ ไม่ต้องมาตอกบัตร ทำงานหลังขดหลังแข็ง กลับก็ดึก” ปรานต์บ่นเรื่อยเปื่อย
“แต่พริตตี้มันไม่มั่นคง แอ๊วอยากทำงานประจำมีเงินเดือนตายตัว มั่นคงดี ไม่ต้องลุ้น”
“คอยดูนะ...ถ้าปรานต์รวยเมื่อไหร่ ปรานต์จะไม่ให้แอ๊วทำงาน ปรานต์จะเลี้ยงเอง รออีกหน่อยนะแอ๊วนะ...ฐานะมั่นคงเมื่อไหร่ รับรองปรานต์จะไปขอแอ๊วกับพี่โอบทันทีเลย”
ปรานต์ยิ้มกว้าง ตามประสาผู้ชายปากเปราะ พูดไปเรื่อย อรุณศรีฟังแล้วก็ปลง ไม่ตื่นเต้นยินดี เพราะได้ยินมานานแล้ว อาการของเธอออกจะเฉื่อยด้วยซ้ำ
“อีกแล้วเหรอ? ปรานต์จำได้มั้ยว่าเราคบกันมากี่ปีแล้ว”
“ก็..ตั้งแต่เรียนจบมหาลัย.. สาม..สี่ปีแล้ว” ปรานต์กินไปพูดไป
“อืมม์..ปรานต์รู้หรือเปล่าว่าพูดแบบนี้มากี่ครั้ง” อรุณศรีถาม
“ก็ทุกครั้งที่เราเจอกัน..เพราะปรานต์อยากให้แอ๊วมั่นใจว่าปรานต์ไม่ลืม” ปรานต์ยิ้มแฉ่งอย่างภาคภูมิใจโดยไม่รู้ตัว
“แต่ก็ไม่เคยทำได้...” อรุณศรีพูดด้วยน้ำเสียงเบาแทบเป็นบ่นคนเดียว
“แอ๊วว่าไงนะ?” ปรานต์ถาม
“รีบกินเหอะ จะไหม้หมดแล้ว ไม่รีบกิน แอ๊วจะแย่งกินให้หมดเลย” อรุณศรีเฉไฉเปลี่ยนเรื่องแถมขู่ด้วยความหมั่นไส้
“เฮ้ย...ไม่ได้นะ มีแต่มันทั้งนั้น แอ๊วกินก็อ้วนแย่เลย กินผักไปแหละ ดีแล้ว ส่วนพวกนี้ ปรานต์จัดการเอง !!”
ปรานต์พูดจบก็หันไปกินเนื้อย่าง หมูย่าง อย่างมีความสุข เธอมองกิมจิตรงหน้าอย่างเบื่อๆด้วยความเซ็ง

เวลาเดียวกันนั้นที่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม ธีธัช วัชระ และกริชชัยยังคงสนทนากันต่อไป บนโต๊ะมีเครื่องดื่มมึนเมาวางอยู่
“ที่แกไม่จีบ เพราะเค้าบอกว่ามีแฟนแล้วเนี่ยนะ” วัชระเลิกคิ้วถาม
“ป๊อดว่ะ!! นี่ฉันจะบอกให้นะ ผู้หญิงที่มีสามีแล้ว เค้ายังเลิกกันได้ กะอีแค่แฟนกลัวไรวะ” ธีธัชว่า
“กลัวทำให้คนอื่นเสียใจ” กริชชัยบอก
“โหยย...” ทั้งธีธัชและวัชระร้องขึ้นพร้อมกัน
“ไอ้พระเอก!! แกจะพระเอกไปไหนหะ? พระเอกมากๆ ระวังจะแก่ตายแบบโดดเดี่ยวเหี่ยวแห้งนะเว้ย” วัชระกระเซ้า
“ฉันว่า..ที่เค้าบอกว่ามีแฟน อาจจะไม่จริงก็ได้ เค้าอาจจะอยากเช็คเรตติ้ง สร้างกระแสไรงี้” ธีธัชแสดงความเห็น
“ถูก! เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมาก จีบเลย” วัชระยุ
“ไม่ต้องรอ ลุยอย่างเดียว” ธีธัชสนับสนุนอีกแรง จนกริชชัยต้องรีบเบรก
“นี่ๆ แกสองคนพอเลย ไม่ต้องมายุ เรื่องของฉัน ฉันจัดการเอง แกสองคนเอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ อีกคนก็คั่วคนโน้นทีคนนี้ที ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน” กริชชัยหมายถึงธีธัช
“ส่วนอีกคนก็กลัวแฟน!!” ประโยคนี้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากวัชระ
“ใคร..ใคร ใครกลัวแฟน” วัชระสะดุ้ง ถึงกับโวยวายกลบเกลื่อน เมื่อถูกกริชชัยพูดแทงใจดำ

ทันใดนั้นมือถือวัชระก็ดังขึ้นมาทันที..ของเค้าแรงจริงๆ วัชระหยิบมาดู ที่หน้าจอเห็นหน้า “เนตรนภัส” และขึ้นว่า “ที่รัก” กำกับชื่อโทรเข้า
“ไม่รับ!! ยังไม่อยากคุย!!” วัชระกดปิดเสียง แล้วก็คว่ำหน้าโทรศัพท์ลงทันที
“โอ้โหยยยยยย..โหดว่ะ” คราวนี้ ทั้งกริชชัยและธีธัชร้องขึ้นพร้อมกันบ้าง
“ใครบอกไอ้วัชกลัวแฟน..ดูซะก่อน เข้มมากๆ!!!” ธีธัชแดกดัน
ทั้งธีธัชและกริชชัยหัวเราะขำกันคิกคัก วัชระทำนิ่งเนียน..หยิบแก้วเครื่องดื่มมาดื่ม ทำเข้ม ทั้งที่ในใจแอบหวั่นคิดในใจว่า “กรูจะโดนบ่นมั้ยเนี่ย?”

ที่บ้านของเนตรนภัส หญิงสาวอยู่ในชุดที่พร้อมจะออกจากบ้าน เธอกดวางสายด้วยความหงุดหงิดที่วัชระไม่รับสาย
“วัช!!! ทำไมไม่รับสาย!!”
เนตรนภัสกระหน่ำกดอีกไม่หยุดยั้ง
“เจอสักร้อยมิสคอลล์ ดูสิจะรับหรือเปล่า” เนตรนภัสกดต่อไปเรื่อยไม่ยอมหยุด
ที่มุมหนึ่งของบ้าน นรีวรรณนั่งกดบีบีอยู่ เหมือนไม่สนใจ แต่แอบฟัง แอบดูกิริยาของพี่สาวตลอดเวลา จังหวะนั้นเองที่ สีรุ้ง ผู้เป็นมารดาเดินเข้ามา มองเนตรนภัสแล้วก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“แหนมจะออกไปไหนลูก” สีรุ้งถาม
“ไปกับวัชค่ะ” เนตรนภัสน้ำเสียงหงุดหงิด
“ ยังติดต่อผู้ชายไม่ได้เลย แน่ใจเหรอว่าจะได้ไป” นรีวรรณโพล่งขึ้นมา ขณะที่มือยังกดบีบีอยู่
“นุ้ย! พี่ไม่ได้ถาม ไม่ต้องออกความเห็น เอาหัวจุ่มไว้ในบีบีนั่นแหละ ไม่ต้องเงยหน้ามายุ่งเรื่องคนอื่น” เนตรนภัสเสียงเขียวปั๊ด
“ตามจิกผู้ชายมากๆ ระวังจะโดนทิ้ง!!” นรีวรรณยังกดบีบี พูดด้วยน้ำเสียงไม่แคร์พี่สาว
“นังนุ้ย!!” เนตรนภัสฟังน้องสาวแล้วปรี๊ดแตก
“พอแล้วๆ พี่น้องกันแท้ๆ จะมาทะเลาะกันทำไม แหนมใจเย็นสิลูก ขึ้น ‘นัง’ กับน้องได้ยังไง” สีรุ้งร้องห้าม
“แม่ไม่ได้ยินที่มันพูดเหรอคะ? มันแช่งให้วัชทิ้งแหนม” เนตรนภัสไม่ยอม
“นุ้ยไม่ได้แช่ง..ก็แค่พูดความจริง ด้วยความเป็นห่วง” นรีวรรณเงยหน้าจากบีบีแล้วพูดกวนด้วยความห่วงพี่สาว
“ห่วงตัวเองก่อนเหอะย่ะ จะเบญเพศอยู่แล้ว ยังไม่เคยมีแฟนสักคน โคม่านะเนี่ย!!”
พอถูกเนตรนภัสแดกดัน นรีวรรณถึงกับหน้าตูม แอบเคือง เพราะโดนจี้ใจดำ สีรุ้งส่ายหน้า เนตรนภัสเชิดหน้าอย่างมั่นใจ
“ส่วนเรื่องของฉันกับวัช ..ไม่ต้องห่วง เพราะคนอย่างวัชไม่มีทางจะทิ้งฉัน เราสองคนรักกัน ไม่ได้รักธรรมดา แต่รักกันมาก...” เนตรนภัสลากเสียงยาว
“ทำให้เค้ารับโทรศัพท์ให้ได้ก่อนเหอะ ก่อนจะคุย” นุ้ย หรือนรีวรรณแขวะเอาคืน
“กรี๊ดดดด..นังนุ้ย นังน้องบ้า!! แกโดนฉันแน่!!” เนตรนภัสปรี๊ดอีก พุ่งไปหาน้องสาวเพื่อลุย
“ไปดีกว่า... ไม่อยากโดนคนหลงตัวเองทำร้าย” นรีวรรณหันมาพูดก่อนจะรีบวิ่งหนีไป
“อย่าหนีนะ...กลับมานี่เลย เด็กบ้า!”
สีรุ้งมองเนตรนภัสแล้วก็ส่ายหน้า เนตรนภัสหันกลับมาแล้วก็คว้าโทรศัพท์มาโทรอีก
“วัชนะวัช..ไม่รับสายแล้วยังไม่โทร.กลับอีก บ้าจริงๆ” เนตรนภัสยังกดโทรต่อ
“แหนม..ดึกแล้ว แม่ว่าอย่าออกไปเลยนะลูก ไว้เจอกันพรุ่งนี้ก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะแม่ แหนมอยากเจอวันนี้ แหนมก็ต้องได้เจอวันนี้ และเดี๋ยวนี้ !!!”
ว่าแล้วเนตรนภัสก็เดินถือโทรศัพท์กระฟัดกระเฟียดออกไปโทรข้างนอกด้วยความเอาแต่ใจ สีรุ้งมองตามแล้วก็รำพึงกับตัวเอง
“นี่มันเป็นความผิดของฉันใช่มั้ย... ที่ตามใจจนลูกเป็นแบบนี้ !!”
ทางด้านเนตรนภัสยังยืนกดโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด แล้วตัดสินใจกดอีกเบอร์
“ดูสิ..จะแก้ตัวยังไง”

โทรศัพท์ของธีธัชดังขึ้น ธีธัชหยิบมาดูแล้วก็สะดุ้งนิดๆ
“ไอ้วัช...แม่แกโทรมา” ธีธัชบอก
วัชระเบือนหน้าหนี แอบเซ็ง
“เฮ้ยย..จะเอาไง” ธีธัชถามเร่ง
“ใช่ รีบๆ เคลียร์ ถ้าไอ้ธีไม่รับอีกคน มาถึงฉันแน่ จะให้มันทำไงก็รีบบอก” กริชชัยว่า
“มุกเดิม!” วัชระบอกธีรัช
“แน่ใจ?”
วัชระพยักหน้าเซ็งๆ ธีธัชตั้งหลักนิดๆ แล้วก็กดรับ ก่อนจะตอบไปอย่างพลิ้ว
“แหนม..ไอ้วัชมันออกไปแล้วนะ แยกกันได้สักพักแล้ว เห็นมันบอกว่า..” ธีธัชพูดยังไม่จบ
“โกหก!!!” เสียงเนตรนภัสสวนขึ้นทางปลายสาย
ธีธัชถึงกับผงะ รีบดึงโทรศัพท์ออกจากหู แล้ววางไว้หน้าวัชระ
“แหนมไม่เชื่อ ไม่ต้องมาช่วยกันแก้ตัวเลย” เสียงเนตรนภัสดังทะลุลำโพง ตะโกนใส่โทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิดอย่างแรง
“บอกวัชว่าแหนมรออยู่ที่บ้าน ให้รีบออกมารับเดี๋ยวนี้!! ย้ำ เดี๋ยวนี้!! นาว!!! แค่นี้นะ”

กริชชัยนั่งกอดอกนิ่ง เห็นใจเพื่อนเหมือนกัน แต่ก็แอบสมน้ำหน้า
“ชัดปะ?” ธีธัชหันมาทางวัชระที่หน้าอยู่ในอาการเซ็ง
“ชัดเป๊ะ!! เฮ่ออออ... มีแฟนกะเค้าอยู่คน แม่งโคตรเหนื่อยเลย...ที่จริงอยู่เป็นโสดอย่างไอ้กริชก็ดีนะเว้ย ไม่ต้องปวดหัว” วัชระบอกเซ็งๆ
“เฮ้ย ฉันก็โสดนะเว้ย แกไม่อยากเป็นเหมือนฉันบ้างเหรอ?” ธีธัชกระเซ้า
“โสด สำส่อน อย่างแก ไม่เอาเว้ย ฉันขี้เกียจสับราง โสดๆ นิ่งๆ ให้หญิงมองแบบไอ้กริชดีกว่า... ไม่ต้องเหนื่อย”
“แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นโสดนะเว้ย.. ถ้าเลือกได้ ฉันก็อยากมีผู้หญิงมาอยู่ข้างๆ เหมือนพวกแก แต่ที่ต้องอยู่แบบนี้..มันจำใจ” กริชชัยฟังอยู่แล้วก็พูดนิ่งๆ จากใจ
“ถามจริง ถ้าผู้หญิงคนที่แกชอบเค้ามีแฟนแล้ว และแกก็ไม่อยากไปแย่งเค้ามา ทำไมไม่หาคนอื่นวะ?” วัชระถามตรงๆ
“ใช่! อย่างแก..จะเลือกระดับนางเอก นางแบบ หรือไฮโซใสๆ สักคนไม่ยากนะเว้ย” ธีธัชเสริม
“หาใคร ‘สักคน’ มันไม่ยาก... แต่ฉันไม่อยากคบๆ เลิกๆ มันเหนื่อย ฉันอยากคบแล้วแต่งเลย และผู้หญิงที่ฉันจะแต่งงานด้วย เค้าจะต้องเป็นคนที่ ‘ใช่’ ตั้งแต่วินาทีแรก แล้วมันจะ ‘ใช่’ ไปตลอดชีวิต!!” กริชชัยพูดอย่างหนักแน่น ชัดเจน จริงจังและจริงใจ
ธีธัชส่ายหน้าไม่เห็นด้วย วัชระอึ้งๆ
จังหวะนั้นกริชชัยก็นึกถึงอรุณศรีอย่างจับใจ ภาพประทับใจที่เห็นอรุณศรีเก็บภาพในสวน และตอนตอบคำถามสัมภาษณ์อย่างจริงใจตรงไปตรงมา ตอกย้ำถึงวินาทีแห่งการตกหลุมรักของกริชชัย
และเป็นความรักที่จะมั่นคง ยาวนานตลอดไป

ทางด้านอรุณศรีดูบิลที่เธอและปรานต์ทานอาหารเกาหลีแล้วถึงกับอึ้ง
“พันแปด! ทำไมแพงจัง?”
ปรานต์อึกอัก รู้สึกเสียหน้ากับพนักงานที่ยืนรอเก็บเงิน
“ก็ของมันดี มันก็ต้องแพงแบบนี้แหละ..น้องเค้ารออยู่” ปรานต์พูดเบาๆ
“แอ๊วจ่ายไปก่อนนะ สิ้นเดือนเดี๋ยวปรานต์เอาเงินมาให้”
อรุณศรีอิดๆ ออดๆ เสียดายเงิน ปรานต์รีบคว้ากระเป๋าตังค์มา อรุณศรีมองตามตาละห้อย ปรานต์หยิบออกมาพันแปด แล้วก็วางเพิ่มอีกห้าสิบบาท
“ทิปนะครับ”
“แค่พันแปดแอ๊วไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวสิ้นเดือนที่ร้านแบ่งเปอร์เซนต์มาให้ ปรานต์ก็รวยแล้ว จะเอามาคืนมากกว่าพันแปด แถมพามาเลี้ยงอีกหนึ่งมื้อ ให้แอ๊ว เลือกร้านที่ชอบได้ตามสบาย”
อรุณศรีพยักหน้ารับไปงั้น ในใจไม่หวังว่าจะได้คืน ปรานต์ดูนาฬิกาแล้วก็ทำเป็นตกใจนิดๆ
“ได้เวลาที่ปรานต์นัดหุ้นส่วนไว้แล้วอ่ะ ปรานต์ต้องรีบไปก่อนนะ แอ๊วกลับเองได้เปล่า?”
“อ้าว…นัดอะไรไม่เห็นรู้เลย”
“พอดีมีเครื่องเสียงชุดใหม่มาลงที่ร้าน ปรานต์ก็เพิ่งรู้เมื่อกี๊นี้เอง ปรานต์ขอโทษนะ ที่ไม่ได้ไปส่ง..งั้นเอางี้... แอ๊วขับรถปรานต์กลับไป เดี๋ยวปรานต์ไปแท็กซี่เอง”
“อุ้ย...ไม่เอาหรอก แอ๊วขับรถไม่แข็งปรานต์ก็รู้ แอ๊วกลับแท็กซี่เอง ปรานต์รีบไปเหอะ”
“เหรอ...แต่ปรานต์เป็นห่วงแอ๊วนะ ถ้าถึงบ้านแล้วก็ส่งข้อความบอกหน่อยนะ ปรานต์จะได้สบายใจว่าแอ๊วปลอดภัย ปรานต์ไปก่อนนะจ้ะ.. รักนะ”
อรุณศรีพยักหน้าเหนื่อยๆ ยิ้มรับขืนๆ ปรานต์ลุกขึ้นแล้วก็เดินตัวปลิวออกไปด้วยความสบายใจ อรุณศรีมองดูร่องรอยอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะด้วยความเหนื่อยใจ

กริชชัยนั่งอยู่ในรถยนต์ตู้หรู นั่งครุ่นคิด แล้วก็ปรายตาไปเห็น iPad ที่วางอยู่ข้างๆ กริชชัยคิดไปถึงเบญลี่ที่ส่งไอแพดให้กริชชัยเมื่อสัก 3 ชั่วโมงที่แล้ว
“ทางบริษัทออร์แกไนซ์ส่งรูปในงานมาให้ตามที่ท่านประธานสั่งเรียบร้อยแล้วนะคะ รูปในงานทั้งหมดเบญลี่โหลดไว้ให้ในนี้หมดแล้วค่ะ”
กริชชัยเปิดรูปดู จนมาถึงรูปของอรุณศรี เขาซูมขยายเฉพาะใบหน้าของอรุณศรี กริชชัยมองแล้วก็อมยิ้มนิดๆ อย่างมีความสุข ยิ่งดู ก็ยิ่งคิดถึง จนอดถอนใจเบาๆ ไม่ได้ นาทีนั้นกริชชัยหันไปมองโทรศัพท์ แล้วก็คิด
“ตื๊ด..” เสียงโทรศัพท์ของอรุณศรีดังขึ้นหลังจากที่ออกจากร้านอาหารเกาหลีเพื่อที่จะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
“อ๊ะ! ใครโทรมา”

อรุณศรีไม่คุ้นเบอร์ดังกล่าว 

อ่านต่อวันพรุ่งนี้
อรุณศรี อีกบทบาทของ คิมเบอร์ลี 1 ใน 2 ผลงานละครที่จะออกอากาศพร้อมกัน เวลาเดียวกัน ในปี 2554 นี้
เดี่ยว สุริยนต์ รับบท ปรานต์ แฟนของ แอ๊ว-อรุณศรี
ตุ๊ยตุ่ย เป็น เบญลี่ กองเชียร์ความรักของ อรุณศรี กับ กริชชัย
 วุ้นเส้น วิริฒิภา เป็น กรกนก




สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 3
สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 3
กริชชัยเดินมุ่งเข้าไปหาธีธัชด้วยความหงุดหงิด ทว่าธีธัชกลับไม่ได้รู้สึกใดๆ ที่เผลอไปสร้างความเข้าใจผิดแก่อรุณศรี จนคิดว่ากริชชัยเป็นเกย์ “ฉันว่ามันก็สมควรแล้วที่เขาจะคิดแบบนั้น เป็นฉัน ฉันก็คิด” “อ้าว .. ไหงพูดเงี้ยะ” “ก็จริงนี่ บุคลิกแกมันเหมาะจะเป็นเกย์ แถมยังไม่มีแฟน ไปเดินตามเค้า จะจีบก็ไม่จีบ เค้าไม่คิดว่าบ้าก็บุญแล้ว” “ที่ฉันบอกแก ไม่ได้จะให้มาซ้ำเติม” “แล้วแกจะให้ฉันทำอะไร ? ไปอธิบายให้เค้าฟังมั๊ย แล้วบอกไปเลยว่าแกป๊อด ไม่กล้าจีบ” “เยอะไป ! ไม่ต้อง แค่แกหยุดแอบมองฉัน แล้วก็ไม่ต้องมาอยู่ใกล้ฉันมากก็พอแล้ว” “โอเคได้.. งั้นฉัน..กลับเลยแล้วกัน!!” “เฮ้ย!!”
กำลังโหลดความคิดเห็น