Scหวั่นหลังน้ำลดราคาวัสดุพุ่ง ส่งผลราคาบ้านปรับขึ้นไม่น้อยกว่า 5% เผยไตรมาส4ลุยเปิด 9 โครงการมูลค่ากว่า 9,700 ล้านบาท หวังกวาดยอดขาย 2,000 ล้านบาท เล็งปรับแผนถมที่ดินในโครงการสูงขึ้น 10 ซม. แจง9 เดือนแรกยอดขายไม่ถึง 6,000 ล้านบาท เผยแผนลงทุนปี 55 เปิด 8-10 โครงการมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ด้าน ศุภาลัยเปิดตัว 2 คอนโดใหม่ แคราย-งามวงศ์วาน -เอกมัย-ทองหล่อ มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท ไตรมาส 4/54 เตรียมเปิดอีก 4 โครงการ มั่นใจยอดขายทั้งปีตามเป้า 17,000 ล้านบาท
นายกรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท เอสซี แอสเซท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงปลายีต่อนเองถึงต้นปี2555 โดยปัจจุบันบริษัท ได้สต๊อกวัสดุก่อสร้างไว้ ซึ่งคาดว่าจะรองรับงานก่อสร้างได้อีก2-3 เดือนหลังจากนี้ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบด้านวัสดุก่อสร้าง แม้ว่าหวังหลังน้ำลดประมาณเดือน ม.ค-ก.พ. อาจส่งผลให้วัสดุก่อสร้างขาดแคลนและปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เชื่อว่าจะเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นอาจทำให้ราคาบ้านในปี 2555 โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2 มีการปรับราคาขึ้นมา 5%
“ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอาจทำให้การก่อสร้างบ้านในบางโครงการล่าช้าประมาณ 1-2 เดือนในช่วงต้นปี ส่งผลให้บริษัทต้องจัดซื้อที่ดินเพิ่มอีก 3 แปลงย่านพระราม 9 ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ภายใต้เม็ดเงินลงทุน 1,200 ล้านบาท เพื่อให้ทันก่อสร้างในต้นปีหน้าและแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2555 หรือใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 6-7 เดือน เพื่อให้มียอดขายชดเชยโครงการที่เกิดความล่าช้า เพราะหากไม่เร่งเปิดโครงการใหม่จะส่งผลให้เสียโอกาสทางธุรกิจในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. เดือนละประมาณ 500 ล้านบาท”
นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมแผนป้องกันปัญหาน้ำท่วมระยะยาว โดยมีแนวคิดเพิ่มการถมดินสูงจากถนนอีกประมาณ 10 ซม. จากเดิมถมดินสูงกว่าถนนอยู่แล้วประมาณ 30- 40 ซม. ซึ่งการถมดินเพิ่ม 10 ซม. จะส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นไร่ละ 35,000 บาท และอาจต้องมีการปรับราคาบ้านเพิ่มขึ้นบางส่วน แต่ทั้งนี้การปรับราคาขึ้นก็จะต้องดูแนวโน้มของราคาขายในตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภคก่อน
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการรวมมูลค่า 9,700 ล้านบาท เพื่อทำตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ แบรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด, ทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ วิสต้า วันเอทโอ เทพารักษ์-วงแหวน 1 โครงการ, โฮมออฟฟิตเวิร์ค เพลส 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ แบรนด์ระดับบน เดอะเครสท์ ราคาตร.ม.ละกว่า 1.2 แสนบาทขึ้นไป 2 โครงการและแบรนด์เซ็นทริค 1 โครงการ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายในไตรมาส 4 ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 8,000 ล้านบาท
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปีเกือบ 6,000 ล้านบาท ส่วนในปี 55 เตรียมเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะมีโครงการในเมืองท่องเที่ยว 2-3 โครงการ ในชะอำ หัวหิน และยังอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินในพัทยา โดยในปีนี้บริษัทได้ตั้งงบซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาในปี 55-56 นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการออกหุ้นกู้เพื่อขายให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป จำนวนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท อายุ 3.5 ปี เสนอขายภายในเดือน พ.ย. ส่วนBacklog ปัจจุบันมีประมาณ 2,000 ล้านบาทรับรู้ในปีนี้เกือบ 50%
ด้านนายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า เตรียมเปิดขาย 2 โครงการแนวสูง มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค แคราย-งามวงศ์วาน สูง 34 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการ 4 ไร่ จำนวน 709 ยูนิต ซึ่งเปิดพรีเซลล์ไปเมื่อวันที่ 3-8 ต.คที่ผ่านมา โดยมียอดขาย 400 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 1,600 ล้านบาท และโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค เอกมัย-ทองหล่อ ซึ่งจะเปิดขายในวันที่ 13 -19 ต.ค.นี้ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท เป็นคอนโดสูง 44 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการ 5 ไร่ จำนวน 670 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.79ล้านบาท
ทั้งนี้ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายแล้ว 11,000 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 54 บริษัทจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 17,000 บาท ซึ่งจะมาจากยอดขายโครงการข้างต้นและโครงการที่จะเปิดให้ในไตรมาส 4/54 อีกจำนวน 4 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ โครงการแนวสูง 1 โครงการ คือ โครงการบางบัวทอง (บ้านเดี่ยว), โครงการศุภาลัยวิลล์ พหลฯ 52 (ทาวน์โฮม) ,โครกงารศุภาลัยวิลล์ ศรีสมาน-ปทุมธานี (บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด) และคอนโดย่านรัชดา-ห้วยขวาง มูลค่า 1,500 ล้านบาท สำหรับปี 55 บริษัท มีแผนขยายฐานลูกค้าออกไปในจังหวัดภูเก็ตอีก 2 โครงการย่านใจกลางเมืองภูเก็ต เป็นคอนโดและบ้านเดี่ยว
นายกรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท เอสซี แอสเซท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงปลายีต่อนเองถึงต้นปี2555 โดยปัจจุบันบริษัท ได้สต๊อกวัสดุก่อสร้างไว้ ซึ่งคาดว่าจะรองรับงานก่อสร้างได้อีก2-3 เดือนหลังจากนี้ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบด้านวัสดุก่อสร้าง แม้ว่าหวังหลังน้ำลดประมาณเดือน ม.ค-ก.พ. อาจส่งผลให้วัสดุก่อสร้างขาดแคลนและปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เชื่อว่าจะเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นอาจทำให้ราคาบ้านในปี 2555 โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2 มีการปรับราคาขึ้นมา 5%
“ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอาจทำให้การก่อสร้างบ้านในบางโครงการล่าช้าประมาณ 1-2 เดือนในช่วงต้นปี ส่งผลให้บริษัทต้องจัดซื้อที่ดินเพิ่มอีก 3 แปลงย่านพระราม 9 ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ภายใต้เม็ดเงินลงทุน 1,200 ล้านบาท เพื่อให้ทันก่อสร้างในต้นปีหน้าและแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2555 หรือใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 6-7 เดือน เพื่อให้มียอดขายชดเชยโครงการที่เกิดความล่าช้า เพราะหากไม่เร่งเปิดโครงการใหม่จะส่งผลให้เสียโอกาสทางธุรกิจในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. เดือนละประมาณ 500 ล้านบาท”
นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมแผนป้องกันปัญหาน้ำท่วมระยะยาว โดยมีแนวคิดเพิ่มการถมดินสูงจากถนนอีกประมาณ 10 ซม. จากเดิมถมดินสูงกว่าถนนอยู่แล้วประมาณ 30- 40 ซม. ซึ่งการถมดินเพิ่ม 10 ซม. จะส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นไร่ละ 35,000 บาท และอาจต้องมีการปรับราคาบ้านเพิ่มขึ้นบางส่วน แต่ทั้งนี้การปรับราคาขึ้นก็จะต้องดูแนวโน้มของราคาขายในตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภคก่อน
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการรวมมูลค่า 9,700 ล้านบาท เพื่อทำตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ แบรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด, ทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ วิสต้า วันเอทโอ เทพารักษ์-วงแหวน 1 โครงการ, โฮมออฟฟิตเวิร์ค เพลส 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ แบรนด์ระดับบน เดอะเครสท์ ราคาตร.ม.ละกว่า 1.2 แสนบาทขึ้นไป 2 โครงการและแบรนด์เซ็นทริค 1 โครงการ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายในไตรมาส 4 ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 8,000 ล้านบาท
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปีเกือบ 6,000 ล้านบาท ส่วนในปี 55 เตรียมเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะมีโครงการในเมืองท่องเที่ยว 2-3 โครงการ ในชะอำ หัวหิน และยังอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินในพัทยา โดยในปีนี้บริษัทได้ตั้งงบซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาในปี 55-56 นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการออกหุ้นกู้เพื่อขายให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป จำนวนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท อายุ 3.5 ปี เสนอขายภายในเดือน พ.ย. ส่วนBacklog ปัจจุบันมีประมาณ 2,000 ล้านบาทรับรู้ในปีนี้เกือบ 50%
ด้านนายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า เตรียมเปิดขาย 2 โครงการแนวสูง มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค แคราย-งามวงศ์วาน สูง 34 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการ 4 ไร่ จำนวน 709 ยูนิต ซึ่งเปิดพรีเซลล์ไปเมื่อวันที่ 3-8 ต.คที่ผ่านมา โดยมียอดขาย 400 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 1,600 ล้านบาท และโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค เอกมัย-ทองหล่อ ซึ่งจะเปิดขายในวันที่ 13 -19 ต.ค.นี้ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท เป็นคอนโดสูง 44 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการ 5 ไร่ จำนวน 670 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.79ล้านบาท
ทั้งนี้ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายแล้ว 11,000 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 54 บริษัทจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 17,000 บาท ซึ่งจะมาจากยอดขายโครงการข้างต้นและโครงการที่จะเปิดให้ในไตรมาส 4/54 อีกจำนวน 4 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ โครงการแนวสูง 1 โครงการ คือ โครงการบางบัวทอง (บ้านเดี่ยว), โครงการศุภาลัยวิลล์ พหลฯ 52 (ทาวน์โฮม) ,โครกงารศุภาลัยวิลล์ ศรีสมาน-ปทุมธานี (บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด) และคอนโดย่านรัชดา-ห้วยขวาง มูลค่า 1,500 ล้านบาท สำหรับปี 55 บริษัท มีแผนขยายฐานลูกค้าออกไปในจังหวัดภูเก็ตอีก 2 โครงการย่านใจกลางเมืองภูเก็ต เป็นคอนโดและบ้านเดี่ยว
