นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 6
ธิดาเดินมาหยิบเครื่องดื่ม เพ่งมองแบบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเมขลา
“มันโผล่มาได้ยังไงเนี่ย กล้ามากนะแก”
ธิดาจิกตาร้ายมีแผนการ เดินไปหาจีน่า กระซิบข้างหู จีน่ายิ้มแล้วเดินไปทางเมขลาที่กำลังถามพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่ม
“ขอโทษนะคะ ฉันมาหาคนเขาชื่อ...”
เมขลายังไม่ทันเอ่ยชื่อราม จีน่าก็เข้ามาจับแขนอย่างสนิทสนม
“hi เธอเป็นแขกของเทเรซ่าใช่มั้ย เชิญทางโน้นเลย เรากำลังจะตัดเค้กกันอยู่พอดี”
จีน่าลากแขนไป เมขลาเดินตามพยายามอธิบาย
“เออ ไม่ใช่นะคะ คือฉันมาตามหาคน ต้องขอโทษจริงๆที่เข้ามาในงานคุณโดยไม่ได้รับเชิญ”
จีน่าทำเป็นไม่ได้ยิน ดึงมาตรงกลาง ธิดายืนรอท่าอยู่เตรียมฉีกหน้าปรบมือเรียกให้ทุกคนฟัง
“เพื่อนๆ ฉันขอแนะนำให้รู้จักกับแขกของฉัน ชื่อฉันขี้เกียจจำ รู้แต่ว่าสถานภาพทางครอบครัว...” ธิดาเน้นเสียง “ถูกผัวทิ้ง”
ทุกคนขำ
“คุณเข้าใจผิดแล้ว สามีฉันโดนผู้หญิงอื่นฉกมามากกว่า” เมขลาเถียง
ธิดาโมโห
“แก...” ธิดาหันไปคว้าเค้ก “รู้จักฉันน้อยไปแล้ว”
ธิดาจะโป๊ะเค้กใส่หน้าแต่เมขลาหลบทัน เค้กเลยโป๊ะไปที่หน้าของจีน่าซึ่งยืนอยู่ข้างหลังแทน จีน่าร้องกรี๊ดๆๆ ธิดาตกใจที่ไปโดนเพื่อนตัวเอง
“รุมตบมันเลย ใครตบมันได้ ฉันให้ฉาดละหมื่น”
เพื่อนๆธิดาพุ่งเข้าไปรุมเมขลา
“จับมันไว้”
เพื่อนอีกสองคนจับเมขลา อีกคนเงื้อมือตบเต็มแรง แต่เมขลาสะบัดหลุดได้ก่อนแล้วคว้าถาดอลูมิเนียมบนโต๊ะอาหารมาปิดหน้าตัวเอง เพื่อนธิดาเลยตบโดนถาดเข้าจังๆร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เมขลาเอาถาดบังหน้าออก ตกใจ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันแค่ป้องกันตัวเอง”
“เพิ่มเป็นฉาดละสองหมื่น ถ้าเลือดกบปากให้สามหมื่น ดั้งหักเอาไปเลยสี่หมื่น” ธิดาตะโกนลั่น
เพื่อนธิดาเฮโลเข้าไปหาเมขลา ทันใดนั้นรามพุ่งเข้ามาคว้าข้อมือเมขลา
“ออกมาเดี๋ยวนี้เลยยายตัวแสบ”
รามลากเมขลาออกไป
“ราม...กลับมานะ...ราม”
ธิดาวิ่งตามออกไป
รามดึงตัวเมขลาเลี้ยวเข้าลิฟท์ไป เทวัญเตร่รออยู่แถวนั้นมองๆ ธิดาวิ่งตามมาเกือบจะทัน แต่ประตูลิฟท์ปิดเสียก่อน ธิดาชนประตูลิฟท์เกือบล้มลงยิ่งเจ็บใจ ทุบประตูอย่างแรง
“ราม...ออกมานะ”
เทวัญที่ตามมารีบจับตัวธิดาไว้
“พอแล้วน่ะยายน้อง จะทำอะไรน่ะ”
ธิดาสะบัด
“ปล่อยน้องนะพี่เทพ น้องต้องคุยกับรามให้รู้เรื่อง”
เทวัญชักโมโห
“คุยเรื่องอะไร เรื่องที่เขามีเมียแล้วน่ะเหรอ”
ธิดาอึ้ง พูดไม่ออก เทวัญถอนใจแล้วปลอบน้อง
“เชื่อพี่สิ อย่าไปยุ่งกับรามเลย เขาแต่งงานกับคุณเมแล้วและคุณเมก็รักรามมากด้วย”
ธิดาสะดุดหู มองพี่ชายทันที
“คุณเม! นี่พี่เทพ รู้จักนังนั่นด้วยหรือ”
เทวัญนึกได้รีบหุบปาก ธิดาเขย่าแขนพี่ชาย
“พี่เทพเป็นคนพามันมาที่นี่ใช่มั้ย พี่เทพพามันมาทำไมหรือคิดจะแกล้งฉีกหน้าน้อง ทำให้น้องอายเพื่อนๆ”
“ไปกันใหญ่แล้ว พี่จะแกล้งน้องแบบนั้นได้ยังไง และถ้าน้องคิดว่ารามเป็นแค่บอดี้การ์ด ไม่ใช่บอยเฟรนด์ การที่เขามีเมียก็ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหน”
ธิดายิ่งเดือด เถียงข้างๆ คูๆ
“แต่น้องไม่อยากให้บอดี้การ์ดของน้องมีเมีย”
“น้องคิดอะไรเนี่ย บ้าหรือเปล่า”
“พี่เทพนั่นแหละบ้า บ้าที่สุด น้องเกลียดพี่เทพ”
ลิฟท์เปิดออก ธิดากระโดดเข้าไป แล้วกดปิดอย่างเร็ว เทวัญเข้าไม่ทันส่ายหน้าเอือมๆ
“เมื่อไหร่น้องจะรู้จักเป็นผู้ใหญ่กับเค้าเสียทีเนี่ย”
รามดึงตัวเมขลามาหน้าโรงแรม เรียกแท็กซี่แล้วดันตัวเมขลาเข้าไปในรถก่อนจะตามเข้าไปนั่งข้างๆมองหน้าอย่างโมโห
“พอใจหรือยัง ที่คุณทำให้ผมเสียทั้งหน้า เสียทั้งงานอย่างนี้”
“ยังไม่พอ”
เมขลาควักกุญแจมือมาสับเข้าที่ข้อมือรามข้างหนึ่ง แล้วสับเข้าที่ข้อมือตัวเองด้วย คนขับแท็กซี่ที่มองกระจกมองหลังอยู่ชะงักอึ้งไป รามตาเหลือก
“คุณจะทำอะไรน่ะ ถอดออกเดี๋ยวนี้!”
“ขืนฉันถอดออก คุณก็จะทิ้งฉันไว้ที่กลางถนน แล้วปล่อยให้ฉันโดนตำรวจจับอีกน่ะสิ”
“แค่นั้นมันน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับความจุ้นของคุณ”
“ขืนบอกว่าฉันจุ้นอีกคำเดียว คุณถูกขังลืมชั่วชีวิตแน่”
คนขับแท็กซี่อมยิ้ม หันมา
“พวกคุณคงเพิ่งแต่งงานกันใช่มั้ยครับ”
รามแปลกใจ
“พี่รู้ได้ยังไง”
“อูย ผมเห็นมาเยอะ คู่แต่งงานใหม่ๆ น่ะทะเลาะกันแบบนี้ลูกหัวปีท้ายปีทุกราย”
“ไม่มีทาง”
รามกับเมขลาตะโกนพร้อมกัน คนขับต้องอุดหู
“ฉันไม่มีลูกกับตานี่หรอก”
“ยังกับผมอยากมีลูกกับคุณนักนี่”
“ทำไมล่ะครับ...พวกคุณก็ดูเหมาะสมกันออกจะตาย”
“ถ้าพี่พูดว่าผมกับยายนี่เหมาะกันอีกคำเดียว ผมจะหักคอพี่”
“ใช่ ห้ามพูดว่าฉันเหมาะสมกับตานี่อีกนะ ไม่งั้นตาย”
คนขับหน้าแหยไปทันที เมื่อรถแท็กซี่เลี้ยวเข้าบ้านมา ทรงวาดชะเง้อมองรีบวิ่งไปรับ เมขลาเปิดประตูลงมา รามถูกลากมาด้วย
“โอย เบาซิ”
“หนูเม...ราม” ทรงวาดเห็นกุญแจมือก็ตกใจ “นี่...”
“โซ่ทองคล้องใจเราไงคะคุณแม่ คู่แต่งงานใหม่ก็ต้องตัวติดกันแบบนี้แหละ เนอะ...คุณสามี” เมขลาประชดประชัน
รามโมโห ไม่พูดไม่จา ลากเมขลาหัวทิ่มเข้าบ้าน ทรงวาดมองตามอย่างเป็นห่วง
เมขลามองข้อมือตนเองที่ถูกกระชากแรงๆ จนแดง เธอฮึดขึ้นมา เดินแซง กระชากแขนของเขาบ้าง รามอึ้ง มองว่าจะมาไม้ไหน
“รีบไม่ใช่เหรอ เร็วๆ เข้าสิ เดี๋ยวฉี่ราดนะ”
“ใครบอกคุณว่าผมปวดฉี่”
“คุณรีบเดินซะขนาดนี้ ไม่ใช่ปวดฉี่แล้วอะไร ท้องเสียเหรอ”
“อย่ามาปากเก่งกับผม”
“คนอย่างฉันไม่ได้เก่งแต่ปากอย่างเดียวหรอก”
เมขลากระชากมือเดินไป รามโมโหโดนลากหัวซุนไป เขาเห็นแจกันกระเบื้องใกล้ๆแกล้งชนจนล้มแตกกระจาย เมขลาตกใจ
“ทำอะไรน่ะ”
รามเขย่าข้อมือที่ถูกใส่กุญแจ
“ก็ผมเดินไม่ถนัด”
เมขลาแค้น จำใจควักลูกกุญแจออกมาไข
“ทีนี้คงเดินถนัดขึ้นแล้วใช่มั้ย”
“ก็ดีขึ้นแต่คงจะดีกว่านี้ ถ้าคุณจะไสหัวไปจากบ้านผมเสียที”
รามเดินหนีไป เมขลายืนอึ้ง ทรงวาดเข้ามามองอย่างเป็นห่วง
“แม่ขอโทษแทนตารามด้วยนะ เขาปากร้ายแล้วก็เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้แหละ”
เมขลาฝืนยิ้ม ปลอบใจทรงวาด
“เมเข้าใจค่ะ วันนี้เราเหนื่อยกันมาทั้งวัน คุณรามเลยหงุดหงิดฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว เดี๋ยวถ้าได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วคงจะดีขึ้น”
ทรงวาดพยักหน้า
“งั้นหนูไปดูตารามเถอะ แม่จะให้ป้าแจ่มตั้งโต๊ะรอ”
เมขลาเดินออกไป เรืองฤทธิ์เดินมามองๆ
“ทำไมบ้านช่องมันถึงได้เละเทะอย่างนี้ล่ะครับพี่วาด”
“ฝีมือนายรามน่ะ”
เรืองฤทธิ์ตกใจ
“นี่รามยอมกลับมาด้วยหรือครับ”
“พี่บอกฤทธิ์แล้วไง ว่าหนูเมทำได้ทุกอย่าง”
เรืองฤทธิ์ฟังแล้วหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก
เมขลาเปิดประตูเข้าห้องนอนมา แล้วไม่เห็นรามก็หน้าตื่นตกใจ คิดว่าหนีไปอีก
“ราม...คุณราม”
เมขลารีบเปิดตู้ดู เปิดม่าน ชะโงกไปดูที่หน้าต่าง
“หายไปไหนเนี่ย”
เมขลาตรงไปจับลูกบิดประตูห้องน้ำ บิดออกอย่างลุ้นๆ แล้วเห็นรามล้างหน้า ล้างตาดับร้อน ดับความหงุดหงิดอยู่ เมขลาเปิดประตูเข้ามามองๆอย่างโล่งใจ รามยิ่งโมโห
“เข้ามาทำไม ใจคอคุณจะไม่ให้ผมคลาดสายตาเลยหรือไง”
“อย่าเพิ่งหาเรื่องกันได้มั้ยคะคุณสามี ฉันแค่อยากเข้ามา ผสมน้ำให้คุณอาบ ก่อนลงไปทานข้าวต่างหาก”
รามคิดๆ แล้วแสยะยิ้มใส่
“ผมไม่อาบ ผมไม่ชอบอาบน้ำก่อนนอน”
เมขลาแปลกใจ
“คุณไม่อาบน้ำก่อนนอน!”
“ใช่ ผมไม่อาบน้ำก่อนนอน แล้วก็ไม่เปลี่ยนชุด ไม่แปรงฟันส่วนผมนี่...” รามสะบัดผมให้ดู “ก็เดือนนึงสระทีนึง”
“คุณมีสัตว์เลี้ยงเป็นเห็บกับเหาหรือไง” เมขลาประชด
“ผมก็เป็นของผมอย่างเนี้ย คุณทนไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้”
เมขลาอึ้ง รามยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วออกจากห้องน้ำไปล้มตัวลงนอนบนเตียงสะใจ เมขลามองแล้วขยะแขยงมาก
“ถ้าคุณจะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะ น้ำกำลังอุ่นๆ เลย”
“ผมไม่อาบ แล้วก็ไม่ทำอะไรทั้งนั้น จะนอนทั้งชุดแบบนี้แหละ”
รามปัดชุดนอนทิ้งลงพื้น หลับตาทำเป็นง่วงจัด เมขลาโมโหแต่เก็บอารมณ์ ค่อยๆ ถอยออกไป รามลืมตามอง ดีใจ ที่เธอไปซะได้
“โธ่ นึกว่าแน่”
เมขลาเดินออกมาจากห้องอย่างเซ็งๆ แค้นๆ
“โรคกลัวน้ำอย่างตารามสูรนี่ต้องแก้ด้วยอะไรดีนะ”
สายตาของเธอมองๆ ไปที่ ต้นไม้ในสวนแล้วยิ้มออก เมื่อเห็นตัวบุ้ง...แล้วหาถุงมือยางมาสวมจับตัวบุ้ง เดินกลับไปที่ห้อง
เมขลาเปิดประตูเข้ามาเห็นรามนอนตะแคงหลับอยู่ เธอเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วสอดมือเข้าไปในเสื้อด้านหลังเอาบุ้งใส่เข้าไป รามสะดุ้ง ลืมตาหันขวับมา
“ทำอะไรน่ะ”
เมขลารีบชักมือออกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ฉันเห็นคุณไม่อาบน้ำ เลยคิดว่าน่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยเพราะนอนทั้งชุดแบบนี้มันไม่สบายตัว”
รามรีบจับสาบเสื้อทบกันแน่น
“ไม่ต้อง แล้วก็เลิกมายุ่งกับผมเสียที”
เมขลารีบดึงมือออก
“โอเค ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง งั้นฉันไปกินข้าวก่อนนะ”
เมขลาเดินออกไป รามมองอย่างโมโห
“คิดจะหลอกลักหลับผมล่ะสิ หน้าอย่างคุณไม่ได้แอ้มขาอ่อนไอ้รามหรอก”
รามเริ่มคัน ตามหลังและเอวเขาลุกพรวดขึ้น
“โอ๊ย...” ยิ่งเกายิ่งคัน รามทนไม่ได้เข้าห้องน้ำไป “ ทำไมมันคันอย่างนี้เนี่ย”
เมขลาแอบมองอยู่ที่ประตูห้องหัวเราะเบาๆ สะใจ
รามถอดเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วกองไว้กับพื้นห้องน้ำ ส่องกระจกดูเห็นผิวหนังบริเวณหลัง แดงมาก เขาเกาๆ แล้วทนไม่ได้ คว้าเสื้อมาสะบัดแล้วอึ้งเมื่อเห็นตัวบุ้งตกลงที่พื้นก็ตกใจ
รามรีบไปอาบน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ยังคันยุบยิบอยู่ เมขลายืนรอยื่นยาทาแก้คันให้
“ทาซะ จะได้หายคัน”
โมโห
“ไม่..."
“นี่...ฉันไม่แกล้งคุณหรอกน่า อ่านฉลากได้เลย ยานี่แก้พิษแมลง สัตว์ กัดต่อย ฉันใช้ประจำ”
รามมองหน้าเมขลาอย่างสงสัย
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่า แมลงกัดผม”
เมขลาชะงักอึกอัก
“ก็...เดาเอา”
รามเหล่ๆ
“ไม่ใช่เพราะคุณเป็นคนเอาบุ้งมาใส่ผมเหรอ”
เมขลารีบโวยวายกลบเกลื่อน
“บุ้งเบิ้งอะไรกัน ตามใจนะ ไม่ทาก็อย่าทา”
เมขลาวางยาไว้จะไป รามเรียกไว้
“เดี๋ยว...ทาก็ได้ แต่คุณต้องทาให้ผม”
เมขลาทำท่าหลบๆตา
“ฉัน...ฉันไม่รู้หรอกว่า คุณคันตรงไหน”
“เดี๋ยวบอกให้...มา”
รามส่งยาให้ แล้วดึงเมขลามาที่เตียง ก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวออก เมขลาตะลึง
“ทะ...ทำอะไรน่ะ”
“คุณจะได้ทาถนัดๆไง มาซิ...ดาหลิง”
รามเดินเข้าหา หน้าด้านสุด เมขลาถอยหนี ยังตะลึง รามยิ้มกวนๆ
“ไม่ต้องเขินน่า เรามันเป็นคนคนเดียวกันแล้ว มามะ มามะ”
เมขลาได้สติหยุดถอย
“ใครว่าฉันเขิน ฉันแค่แปลกใจต่างหาก...” เมขลามองลงต่ำว่าแล้วยิ้มหยัน “ตัวโตเป็นยักษ์อย่างคุณ แค่นี้เองเหรอ นึกว่าเด็กอนุบาลซะอีก”
รามสะดุ้งก้มลงมองของตัวเอง อายๆปนโมโห
“อนุบาลบ้าสิ”
รามรีบวิ่งไปคว้าผ้าห่มปิดทันที เมขลาได้ทีพูดหน้าตาจริงจัง
“นี่ฉันพูดจริงนะ ฉันว่าคุณน่ะ มีปัญหาแล้วล่ะ ไว้ว่างๆ เราไปปรึกษาหมอกันดีกว่า”
รามบิดตัวหนี
“คุณมัน...”
รามด่าไม่ถูก เมขลาถลึงตาใส่
“ฉันทำไม”
“คุณ...คุณเป็นผู้หญิงที่ทุเรศที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย”
รามรีบลุกเข้าห้องน้ำไป
“คุณก็เป็นผู้ชายที่จิ๊บๆ ที่สุด ที่ฉันเคยเห็นมาเหมือนกัน”
เมขลาแข็งใจตะโกนตอบ ก่อนมองให้แน่ใจว่ารามไปในห้องน้ำแน่ๆแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้อง
เมขลาวิ่งไปกรี๊ดที่มุมบ้าน หน้าแดง เอามือขยี้ตา ปิดหน้า
“ตาย...ตาย เป็นตากุ้งยิงแน่ อี๊ย์ ตายๆๆๆ”
ทรงวาดมาเอามือมาแตะบ่า เมขลาสะดุ้งโหยง
“อ๊ายส์...อย่าเข้ามานะ ตาบ้า ออกไป๊”
มขลาผลักให้วุ่น ทรงวาดตกใจรีบจับ
“หนูเม...นี่แม่เอง”
เมขลานึกได้ รีบหยุดร้อง ลืมตายิ้มแหยๆ
“คุณแม่!”
“หนูนึกว่าใคร ตารามใช่มั้ย ตารามทำอะไรหนูเหรอ”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่ตกใจอะไรนิดหน่อย”
“ไม่ใช่ตารามแกล้งหนูนะ” ทรงวาดคาดคั้น อย่างเป็นห่วง
“ไม่หรอกค่ะ”
ทรงวาดค่อยโล่งใจ
“ถ้าตารามทำร้ายหนู บอกแม่ได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ”
“แล้วนี่รามอยู่ไหน อาบน้ำอาบท่าเสร็จหรือยัง จะได้กินข้าวกันเสียที”
เมขลาถอนใจ จะต้องไปตามรามในห้องอีกครั้ง
รามนอนห่มผ้าหลับอยู่ เมขลาเข้ามามองๆ
“คุณรามคะ...กินข้าว”
รามนอนนิ่ง เมขลาเดินไปเขย่าแขน
“คุณราม...” เมขลาสะดุ้ง “ตายแล้ว ทำไมตัวร้อนแบบนี้เนี่ย...หรือว่าแพ้บุ้ง”
เมขลารู้สึกผิด รีบออกไป รามนอนไข้ขึ้นกระสับกระส่าย พลิกไปพลิกมา ครู่หนึ่งเมขลากลับมามาพร้อมกับยาพาราและน้ำ
“คุณราม...กินยา”
รามสะดุ้งตื่นมองงงๆ
“ยา?”
“คุณตัวร้อน กินยาลดไข้หน่อยนะ”
รามปัดมือเมขลาออก ทำแก้วน้ำตกกระเด็น ยาหล่นหายไป
“ผมไม่กิน”
เมขลาอึ้ง ชักโมโห
“ดีไม่กินก็อย่ากิน”
เมขลาหอบหมอน หอบผ้าห่มลงมานอนที่ข้างเตียงเธอนอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมา ก่อนทนไม่ได้ ลุกขึ้น ไปแตะตัวของเขาเช็คอุณหภูมิ แล้วต้องสะดุ้ง
“ตายแล้ว”
เมขลารีบออกไป รามครางสั่น แพ้พิษบุ้ง เมขลากลับเข้าห้องมาจับรามที่ถอดเสื้ออยู่นอนคว่ำเอาเทียนไขลนไฟให้อ่อนแล้วค่อยๆปั้นเป็นก้อน นุ่มๆ อุ่น ๆ คลึงตามหลังและบั้นเอว เอาขนบุ้งออกให้เขา
“ทนหน่อยนะ คุณจะได้หายคัน แล้วไข้จะได้ลด”
รามค่อยดูดีขึ้น เหงื่อเริ่มออก เมขลาหาว ง่วงนอนแต่ฝืนเอาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำเช็ดตัวของเขาเพื่อลดไข้
เช้าวันใหม่...รามตื่นนอน แล้วอึ้ง เมื่อเห็นเมขลานั่งซบหลับอยู่ข้างเตียง มีผ้าเช็ดตัว กับกะละมังน้ำวางไว้ข้างๆ เขาเอื้อมมือไปหยิบก้อนขี้ผึ้ง กับผ้าขนหนูขึ้นมอง โมโหแกมหมั่นไส้
“คิดว่าทำคุณไถ่โทษแบบนี้แล้วผมจะยกโทษให้หรือ ยายตัวแสบ”
รามเอื้อมมือไปจะดีดหูแก้แค้น แต่เสียงมือถือรามดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน รามหันไปรับสายจากก้องภพที่นั่งอยู่ในห้องทำงานในหน่วยงานพิเศษของปปส.
“ฉันแวะไปที่ร้านน้ำชา แต่ไม่ได้ข่าวนายเลย มีอะไรหรือเปล่า”
รามรีบออกจากห้องแอบคุยมือถือไปเสียงเบาๆ อย่างเครียดๆ
“พอดีที่บ้านผมมีเรื่องวุ่นๆ นิดหน่อยนะครับ”
“เรื่องอะไร ไหนบอกว่าเคลียร์ได้แล้วไง”
“คือ เรื่องเก่าเคลียร์แล้ว แต่มีเรื่องใหม่เข้ามาอีก”
“แล้วเรื่องวุ่นวายที่ว่า ไม่มีใครพอจะทำแทนหรือช่วยนายได้เลยหรือ”
รามนิ่งคิดหนักใจ ก่อนยิ้มออก เมื่อเห็นเรืองฤทธิ์เดินผ่านมา
ทรงวาดกับเรืองฤทธิ์นั่งทานอาหารในบ้าน มีป้าแจ่มช่วยชงกาแฟให้ รามแต่งตัวหล่อ ใส่สูท เรียบร้อยเข้ามา
“แต่งตัวเสียหล่อเชียว จะพาหนูเมไปเที่ยวไหนวันนี้” เรืองฤทธิ์แกล้งแซว
รามยิ้มๆ
“ไม่ได้ไปเที่ยวหรอกครับ แต่ผมตั้งใจจะไปทำงานกับอา”
ทรงวาดกับเรืองฤทธิ์ตกใจ แต่ทรงวาดตกใจแบบดีใจ ขณะที่เรืองฤทธิ์ตกใจแบบอึ้งไป
“นี่อาหูฝาดไปหรือเปล่า”
“ผมพูดจริงครับ ก็พ่อตั้งใจยกบริษัทนั่นให้ผม ผมก็ควรไปดูแลตามประสาลูกกตัญญู”
ทรงวาดดีใจ
“แล้วนี่หนูเมรู้หรือยัง”
“รู้สึกแม่จะห่วงลูกสะใภ้คนนี้จังนะครับ”
“ก็รามกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่ได้เร็วขนาดนี้ ก็เพราะหนูเม แม่ก็อยากให้เขาภูมิใจ”
“นั่นซิ...เพราะในสายตาแม่ คนอย่างผมคิดดีทำดีไม่เป็นอยู่แล้ว” รามประชดประชัน
ทรงวาดอึ้ง ป้าแจ่มยกไข่ดาว ไส้กรอกทอดเข้ามาให้ รามมองๆ
“ทอดไข่ดาวแบบนี้มาให้ผมได้ยังไง จำไม่ได้หรือว่าผมเกลียดไข่ดาวไม่สุก”
ป้าแจ่มหน้าเสีย เมขลาก้าวเข้ามาจะหยิบจานไข่ดาว
“งั้นฉันไปทอดใหม่ให้ก็แล้วกัน”
รามคิดๆ แล้วแย่งจานจากมือเมขลามาร่อนตกลงพื้นเสียงดัง ทุกคน มองตาค้าง
“ไม่ต้องแล้ว ผมไม่กิน หมดอารมณ์” รามหันไปหาเรืองฤทธิ์ “ผมไปรออาที่รถนะครับ”
รามเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร ทุกคนอึ้ง พูดไม่ออก ทรงวาดเครียด เมขลาบีบมือทรงวาด ป้าแจ่มรีบเก็บจาน เรืองฤทธิ์กังวลหนักที่เห็นรามจะไปทำงานที่บริษัทด้วย
ก่อนไปที่รถ เรืองฤทธิ์แอบคุยมือถือกับจักรอย่างร้อนใจ
“ใช่...ไอ้หลานตัวดีของฉันมันคงสงสัยงานของฉันแล้ว แกรีบไปเตรียมตัวตามที่ฉันสั่งเดี๋ยวนี้เลย เราต้องรีบลงมือก่อน”
เรืองฤทธิ์กดตัดสาย มองไปทางรามที่รออยู่อย่างเอาเรื่อง
อ่านต่อหน้า 2
นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 6 (ต่อ)
รถเรืองฤทธิ์วิ่งเข้ามาจอดหน้าบริเวณก่อสร้างคอนโด ของบริษัททรงวาด รามลงจากรถเงยหน้ามอง
“นี่ไม่ใช่บริษัทของพ่อนี่ครับ”
เรืองฤทธ์ตามลงมา
“อาอยากพารามมาเรียนรู้ที่ไซท์งานก่อน เพราะงานตรงนี้ คือหัวใจสำคัญของธุรกิจเรา มา อาจะพาไปดูรอบๆ”
เรืองฤทธิ์พารามเข้ามาดูด้านใน บริเวณก่อสร้างซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ พื้นดินไม่ได้กั้นห้อง มีไม้ยาวๆวางพาดๆอยู่ มีถังปูน นั่งร้าน โครงเหล็ก กระป๋องสี
“คอนโดแห่งนี้เป็นโครงการล่าสุด ตอนนี้ดำเนินงานไปได้แค่ 40% ยังต้องเดินหน้ากันอีกยาว อาดีใจนะที่ได้รามมาช่วยอีกแรง”
รามมองไปรอบๆอย่างแปลกใจ
“เอ๊ะ...แล้วคนงานหายไปไหนหมดครับ”
“นั่นซิ อาจจะพักเที่ยง”
“แต่นี่มันเพิ่งสิบโมงนะครับ”
เรืองฤทธิ์แกล้งหยิบโทรศัพท์มือถือมากจะกดโทร แต่ผ้าเช็ดหน้าตกลงมาด้วย รามก้มลงเก็บให้ ทันที่รามก้มเก็บ คนงานฉาบปูนถือไม้วิ่งเข้าใส่รามคนแรก แต่รามไวมาก ได้ยินเสียงแว่บเดียวก็หลบได้ ยืนขึ้นเตะหน้าคนงานหงายไป เรืองฤทธิ์รีบแกล้งตกใจกลัว คนงานเข้ามากันอีก ล้อมกรอบสองคน ถืออาวุธ มีทั้งเลื่อยไฟฟ้า เหล็ก ค้อน ไม้หน้าสาม
“นี่มันอะไรกันเนี่ย พวกแกคิดจะทำอะไร”เรืองฤทธิ์แกล้งโวยวาย
คนงานชี้หน้า
“แกโกงค่าแรงพวกฉัน แล้วจะเปลี่ยนคนงานชุดใหม่เข้ามา ฉันจะสั่งสอนนายทุนอย่างแกให้รู้สำนึก”
คนงานเข้ามาตี เรืองฤทธิ์แกล้งยกแขนรับแล้วร้องโอดโอยทรุดลงไป รามถีบคนงานกระเด็น ขณะที่คนงานที่เหลือรุมล้อมเข้ามา รามต่อสู้อย่างคล่องแคล่วกระโดดขึ้นนั่งร้านโหนตัวถีบคนร้าย สู้จนคนงานตัวปลอมกระเด็นหงายไปคนละทิศละทาง เรืองฤทธิ์อึ้งไปเห็นท่าไม่ดีแกล้งวิ่งเข้าไปกลางวง
“พวกแกหยุด อย่าทำร้ายหลานฉันนะ แกอยากได้ค่าแรงเท่าไหร่ฉันจะให้”
รามรีบค้าน
“ไม่ต้องอา...โทรแจ้งตำรวจ”
เรืองฤทธิ์ใจเสียรีบแกล้งกุมแขนร้องลั่น
“โอยๆๆ”
รามเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง
“อาเป็นยังไงมั่งครับ”
เรืองฤทธิ์พยักหน้าให้หัวหน้าคนร้ายที่นั่งหมดสภาพ คนร้ายรีบหันไปบอกลูกน้อง
“เผ่นโว้ยพวกเรา”
พวกคนงานพากันวิ่งหนีไป รามจะลุกตาม เรืองฤทธิ์รีบห้าม
“อย่าราม อาไม่อยากให้รามเสี่ยง ช่างมันเถอะ”
เมื่อกลับมาที่บริษัท รามไม่ค่อพอใจนักที่เห็นคนงานแข็งกระด้าง
“อาน่าจะแจ้งตำรวจ ปล่อยไปอย่างนี้มันจะได้ใจ”
เรื่องฤทธิ์รีบหาทางบ่ายเบี่ยง
“อาไม่อยากให้เป็นข่าว มันจะกระทบถึงภาพลักษณ์ของคอนโด คนงานพวกนี้มันร้ายกาจจริงๆ เห็นมั้ยราม งานของบริษัทมันไม่ใช่ง่ายๆหรอก”
“ผมถึงไม่เคยสนใจอยากทำ และก็ไม่เคยคิดจะทำ”
เรืองฤทธิ์งงไม่เข้าใจ
“ก็ไหนรามบอกว่าอยากมาช่วยงานอาไงล่ะ”
รามเดินไปนั่งยกขาพาดโต๊ะสบายใจ
“ถ้าผมไม่เอาเรื่องบริษัทมาบังหน้า ผมจะได้ออกไปทำในสิ่งที่ผมอยากทำหรือครับ”
“รามหมายถึงงานจำพวกนั้นหรือ รามก็รู้ว่าพี่วาดไม่อยากให้รามกลับไปทำงานแบบเก่าอีกแล้ว”
“งานที่ผมทำก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดีนี่ แค่ช่วยเพื่อนดูร้านหรือพูดให้หรูหน่อย ก็เป็นผู้จัดการร้านกลายๆนี่ล่ะ”
“แล้วอาจะบอกพี่วาดกับหนูเมยังไง พวกเขาหวังในตัวรามมากนะ”
“ถ้าเขาไม่ถาม อาก็ไม่เห็นต้องบอกเลยนี่ครับ”
เรืองฤทธิ์มองหน้าหลานชายทำเป็นคิดๆ แต่จริงๆ ดีใจมาก รามเดินออกไปจากบริษัทกระโดดขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์วินออกไป สวนกับจักรที่ขับรถเข้ามา จักรมองรามอย่างแปลกใจ เรืองฤทธิ์เดินออกมามอง จักรรีบวิ่งไปหา หน้าเสียที่ทำงานพลาด
“ผมขอโทษด้วยครับคุณฤทธิ์ ที่ลูกน้องผมมันทำงานพลาด อุตส่าห์ให้มันปลอมตัวเป็นคนงานแล้วยังเล่นงานเขาไม่ได้”
“เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงแล้ว ดูท่าทางมันไม่คิดอยากจะมายุ่งงานในบริษัทอย่างที่ฉันสงสัย แต่เพื่อความไม่ประมาท ฉันอยากให้แกเห็นกับตา”
จักรหันไป เห็นท้ายรถมอเตอร์ไซด์วินวิ่งไปลิบๆ
ทรงวาดดีใจที่รามยอมไปทำงาน เธอลงมือทำอาหาร หวังจะให้ลูกชายได้กินอะไรอร่อยๆ โดยมีป้าแจ่มช่วยเป็นลูกมือ เมขลาเข้ามามองๆ
“คุณแม่ทำอะไรคะเนี่ย หอมจัง”
“ขาหมูโอวัลตินจ้ะ ของโปรดรามเขา แต่แม่กลัวจังว่ามันจะเปื่อยไม่ทันก่อนเขากลับมา”
“ให้หนูโทรไปถามดีมั้ยคะ ว่าเขาจะกลับบ้านกันสักกี่โมง”
“แล้วเขาจะไม่หาว่าเราจับผิดเขาอีกหรือ พ่อคนนี้ยิ่งหูหาเรื่องอยู่ด้วย” ทรงวาดกังวล
เมขลาเห็นด้วย จึงตัดสินใจโทรไปหาเรืองฤทธิ์แทน เรื่องฤทธิ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายใจ
“อาก็คงกลับเวลาเดิมแหละ ส่วนนายราม...หนูบอกพี่วาดเลยว่าไม่ต้องห่วง รามตั้งใจทำงานทำการดีมาก”
เรืองฤทธิ์ปิดมือถือ ยิ้มพอใจ ก่อนจะกดมือถือหาจักร
จักรที่ขับรถตามรามมาห่างๆจอดรถซุ่มแอบดูอยู่ เห็นรามลงมอเตอร์ไซด์เดินไปที่คาราโอเกะ เสียงมือถือดังขึ้นเขามองเบอร์แล้วกดรับสาย
“คุณรามมาที่ คาราโอเกะพ่อเลี้ยงปองธรรมครับคุณฤทธิ์”
“คาราโอเกะของพ่อเลี้ยงหรือ”
“ครับ...จะให้ผมไปสืบมั้ยครับว่าคุณรามมาทำอะไร”
“ไม่เป็นไร แค่รู้ว่ามันอยู่ที่นั่นก็พอแล้ว”
“แต่ว่า...”
“ฉันรู้ว่าแกจะพูดอะไร แต่แบบนี้แหละดีแล้ว...ต่อไปอะไรๆ ก็จะได้ง่ายขึ้น” เรืองฤทธิ์ปิดมือถืออย่างพอใจ
จักรขับรถกลับไป ขณะที่รามเดินมาคุยกับคนเฝ้าหน้าประตู
“พี่เย็นอยู่หรือเปล่า”
คนเฝ้าประตูอึกอัก รามนิ่วหน้า สังหรณ์ใจผลักออกไปให้พ้นทาง แล้วเดินพรวดเข้าไป เห็นเย็นถูกผูกกับเสา หันก้นออกมา เย็นพยายามอ้อนวอน
“คุณเทเรซ่าให้อภัยผมเถอะครับ ผมไม่รู้จริงๆว่าไอ้รามจะกล้าทำกับคุณเทเรซ่าขนาดนี้”
ธิดาเดินมือไขว้หลังมองอย่างไม่พอใจ
“แต่แกเป็นคนรับมันเข้ามาแกต้องรับผิดชอบ”
เย็นร้องไห้
“ฮือๆ ลงโทษผมอย่างอื่นได้มั้ยครับ ตัดเงินเดือนก็ได้”
“ดี...ฉันรับข้อเสนอของแก ฉันจะตัดเงินเดือนแกครึ่งนึง”
“ขอบคุณครับ...ขอบคุณ ไม่ได้ยินคุณเทเรซ่า พูดเหรอ แก้มัดซิวะ”
ลูกน้องจะเข้ามาแก้มัด ธิดาตวาดเสียงแข็ง
“ใครสั่งให้แก้มัด”
เย็นหน้าเหวอ
“อ้าว ก็...”
“ฉันกำลังคิดว่าทำโทษแค่นี้น้อยไป เมื่อแกให้ตัดเงินเดือนก็เป็นอันโอเค”
เย็นตาเหลือก
“ตายแน่ตู”
“ฉันจะปาแค่ห้าดอก แล้วฉันก็จะปล่อยแก”
ธิดาเอาลูกดอกออกมาเล็งที่ก้นเย็น ซึ่งกางเกงเขียนเป็นรูปเป้าไว้ ธิดาเงื้อ ขว้าง เย็นร้องลั่น
“อ๊ากก”
ลูกดอกผิดเป้า ธิดาหงุดหงิด
“บ้าที่สุด”
เย็นเจ็บหน้าเหยเก
“โอย ซี๊ด”
ธิดาโมโห
“แกร้องประชดเหรอ ฉันปาไม่ถูกซักนิด”
“ใครว่าไม่ถูกละครับ...คุณเทเรซ่า”
ธิดามองไปที่น่องเย็นมีลูกดอกปักอยู่
“นึกว่าสงสารลูกหมาตาดำๆเถอะครับ”
“เงียบ ฉันเสียสมาธิ”
ธิดาเงื้อลูกดอกอีกลูก รามเข้ามาห้าม
“อย่า ครับ”
ธิดาเห็นรามยิ่งเดือด
“เอาตัวมันออกไป”
ลูกน้องเข้าล็อกราม เย็นร้องลั่น
“ไอ้ราม...ช่วยข้าด้วย เพราะเอ็งแท้ๆ ข้าต้องมารับกรรม”
รามสลัดจากลูกน้องจนได้ ธิดาขว้างลูกดอกพอดี รามพุ่งเข้าขวางลูกดอกปักเข้าที่ไหล่ ธิดาชะงัก
“กล้ามากนะ อยากจะลองดีกับฉันเหรอ”
“พี่เย็นไม่ได้ทำอะไรผิด คนผิดคือผมเอง ถ้าคุณโกรธ ก็ควรทำโทษผม ไม่ใช่ทำพี่เย็น”
“อย่าท้าฉันนะ”
“ผมไม่ได้ท้า คุณจะทำอะไรก็เชิญเลย แต่ขอให้ปล่อยพี่เย็น”
“ได้...”
ธิดาพยักหน้า ลูกน้องปล่อย เย็นรีบถอนลูกดอกจากน่อง กระเผลกไปข้างๆ ธิดาหันไปหาลูกน้อง
“เอามีดมา”
ลูกน้องเอามีดมาส่งให้
“โทษของนาย แค่ลูกดอกมันไม่พอหรอก”
รามเข้มไม่ถอย ธิดาทำท่าขว้าง เย็นตาเหลือก ธิดาแค้นมาก ขว้างมีด รามหลับตา เสียงฉึก มีดปักไม้กระดานด้านหลัง รามก็ลืมตา สบตากับธิดา หันไปดึงมีดออก เดินมาส่งให้
“ลองใหม่ซิ ระยะแค่นี้ไม่พลาดหรอก”
ธิดาเงื้อจะปาใหม่ แล้วก็ขว้างมีดทิ้ง
“ไปให้พ้น ไม่งั้น จากมีด มันจะกลายเป็นปืน”
ธิดาเดินหนี รามรีบตาม
“ถ้าคุณกลัวยิงไม่แม่น ผมฝึกให้คุณก็ได้นะ”
“มากไปแล้วนะ ที่กล้ามากวนประสาทคนอย่างฉัน”
“ผมรู้ว่าคุณโกรธผมเรื่องที่เมขลาจุ้นจ้านมากไปหน่อย แต่ผมจะระวังไม่ให้เขามาวุ่นวายอีก”
ธิดาแค้น...
“นายจะทำได้เหรอ ในเมื่อเขาเป็นเมียนาย”
“เขาเป็นเมียผมก็จริง แต่ไม่มีความหมายอะไรกับผมเลย”
“นายแต่งงานกับคนที่ไม่มีความหมายกับนายเนี่ยนะ”
“ผมต้องแต่งงานกับเขาเพราะแม่ขอร้อง”
“ฉันไม่เชื่อหรอกคนอย่างนาย ต้องมีเมียเพราะแม่บังคับ ไปหลอกเด็กปัญญาอ่อนเถอะ”
รามหยุดเดินมองเธออย่างซีเรียส
“แม่ของผมไม่สบายมาก และผมเองก็ไม่เคยตอบแทนอะไรท่านเลย เลยอยากทำอะไรเพื่อท่านบ้าง”
ธิดาอึ้งไป เพราะเธอมีปมเรื่องแม่เหมือนกัน ไม่เคยได้ตอบแทนแม่เลยแต่เธอพยายามฝืนปัดความรู้สึกเรื่องแม่ทิ้งไป แล้วจ้องตาเขาอย่างใจร้าย
“พอๆ น้ำเน่าสิ้นดี ฉันไม่อยากได้ยิน”
“ถ้าอย่างนั้นผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยกโทษให้”
ธิดามองคิดๆ
ธิดาเขียนกฎที่รามต้องปฏิบัติถ้ายังคิดจะทำงานกับเธออีก รามอ่านแล้วตาค้าง
“ให้ผมไปรับที่บ้านตอนแปดโมงเช้า ห้ามมาสาย ห้ามกลับก่อน ห้ามขาดงาน และระหว่างวันห้ามหายไปไหน”
ธิดาจ้องหน้า
“ทำได้มั้ยล่ะ ถ้านายทำไม่ได้ฉันจะไล่นายออก ไม่มีการยกโทษให้อีกแล้ว”
รามอึ้งไป
“ว่าไง จะทำหรือไม่ทำ”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงมือถือของรามดังขึ้น ธิดาหันมามอง รามชะงักเห็นเป็นเบอร์เมขลาโทรเข้า เขารีบกดตัดสาย เสียงมือถือดังอีก รามหยิบมือถือมาปิดเครื่อง เอาแบตออกแล้วหันมาถามธิดา
“แล้วเวลาเลิกงานละครับ”
“แล้วแต่ความพอใจของฉัน...แต่ถ้านายเป็นห่วงแม่ เป็นห่วงเมีย ก็ไปดูแลกันให้พอ ฉันหาบอดี้การ์ดใหม่ได้”
ธิดาจะออกไป รามตัดสินใจ
“ตกลงครับ”
ธิดายิ้มพอใจ
ทรงวาดเตรียมโต๊ะอาหารเย็น ตกแต่งโต๊ะอาหารสวยงาม เมขลายืนหน้าเคร่งเครียดโทรมือถืออยู่
“ทำไมจู่ๆ ก็โทรไม่ติดขึ้นมาเนี่ย บ้าจริง”
เมขลาตั้งหน้าตั้งตากดๆๆๆ แบบไม่ย่อท้อ ทรงวาดเดินมามองๆ
“ตารามว่ายังไงลูก”
“ยังติดต่อไม่ได้เลยค่ะ คุณรามอาจจะกำลังประชุมก็ได้ธรรมดาไปทำงานวันแรก คงต้องยุ่งหน่อย”
“จริงด้วย” ทรงวาดท่าทางไม่วางใจ ผุดลุกผุดนั่ง “ถ้าเป็นอย่างที่หนูพูดมันก็ดี แต่...”
“แต่อะไรคะ”
“ตารามเกลียดบริษัทนั้นมาก เพราะเขาคิดว่าพ่อบังคับจิตใจเขากับลักษณ์ก็เพราะจะให้เขามารับช่วงบริษัทนี้”
“เขาอาจจะทำใจได้แล้วก็ได้ค่ะ ไม่งั้นคงไม่ขอไปทำเอง”
เมขลามองสายตาที่กังวลของทรงวาดแล้วก็คิดขึ้นมา
“หรือคุณแม่คิดว่า...เขาทำเพื่อให้เราตายใจ”
“แม่คงคิดมากไปเอง”
เมขลาว้าวุ่นใจ เมื่อได้ฟังอย่างนั้น
รามนั่งรอธิดาอยู่ในร้านเสริมสวย เขานั่งอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาไปหลายเล่มแล้วแต่ธิดาก็ทำผมยังไม่เสร็จสักที เขาวางหนังสือลงผุดลุกขึ้นชะเง้อมองไปด้านใน เห็นธิดากำลังนั่งให้คนในร้านเป่าไดร์ผมให้อยู่ รามถอนใจ พลิกดูนาฬิกา ก่อนหยิบมือถือขึ้นกดเปิดเห็น message ที่หน้าจอเป็นสายจากเมขลาที่ไม่ได้รับ 109 ครั้ง รามถอนใจ
“ยายตังเม จะตามจิกกันไปถึงไหนเนี่ย”
รามเดินออกไป ธิดาไดร์ฟผมเสร็จ หันมามอง ไม่เห็นรามก็นิ่วหน้าสงสัย
รามออกมายืนในมุมหนึ่งของร้านกำลังจะกดโทรหาเมขลา ทันใดนั้นธิดามากระชากมือถือไปกดปิดเครื่องทันที
“ระหว่างทำงาน ห้ามโทรศัพท์ติดต่อคนที่ฉันไม่ได้สั่งเด็ดขาด”
รามมองไม่พอใจ แต่พยายามเก็บอาการ
“แต่ใบสั่งงาน ไม่มีกฎข้อนี้ไม่ใช่หรือ”
“ขอบใจที่เตือน เดี๋ยวฉันจะได้กลับไปเพิ่ม”
รามเม้มปากไม่พอใจ ธิดารู้สึกตัวว่าทำเกินไป
“แล้วนายโทรหาใคร”
รามรีบสร้างเรื่องโกหกไป
“ผมจะโทรไปเช็คอาการแม่น่ะครับ วันนี้ตอนผมออกจากบ้านมา ท่านดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่าเย็นนี้จะต้องพาไปหาหมอมั้ย...แล้วตกลงคุณเทเรซ่าจะไปไหนต่อครับ”
ธิดาชะงักอึ้งโดนใจเรื่องแม่
“กลับบ้าน”
รามแปลกใจ
“ฮะ”
“ปวดหัว อยากนอน ไปส่งฉันที่บ้านเลย”
ธิดาเดินออกไป รามงงๆ มองนาฬิกา...ขณะเดียวกันนั้น หญิงชราคนหนึ่งเดินมาตามทางเดิน โจรเดินตามหลังมาช้าๆ แล้ววิ่งเข้ากระชากสร้อยทองจากคอทันที หญิงชราไม่ยอมคว้ามือโจรไว้ได้แล้วแย่งทองกัน
“อย่าเอาของฉันไปนะ เอาคืนมา ช่วยด้วยๆๆ”
โจรกระชากสร้อยผลักหญิงชราล้ม แล้ววิ่ง เกือบชนกับธิดาที่เดินนำรามออกมาจากร้านเสริมสวย รามไวมากดึงธิดาให้หลบทันแล้วกอดไว้ ธิดาซบอยู่ในอ้อมกอดเขา เธอจ้องหน้าเขาอย่างประทับใจ
“ช่วยด้วยๆๆ” หญิงชราตะโกนลั่น
รามดันธิดาออก แล้ววิ่งไล่โจรทันที
“หยุด”
โจรคว้ามอเตอร์ไซด์ของตัวเองซิ่งออกไป รามวิ่งไล่เร็วมาก ธิดาหน้าตาตื่น
“ราม”
รามไล่มอเตอร์ไซด์เหมือนจะทันแต่ไม่ทัน คว้าท้ายรถมอเตอร์ไซด์พลาด เขามองหาตัวช่วย เห็นรถกระบะที่มีกรงเหล็กวิ่งมา รามกระโดดเกาะกรงเหล็กท้ายรถกระบะ พอรถกระบะวิ่งแซงมอเตอร์ไซด์ รามกระโดดเข้าคร่อมรถมอเตอร์ไซด์พอดิบพอดี โจรพยายามสะบัดรามให้หลุด รามล็อกคอแน่น
“หยุดรถ บอกให้หยุด”
มอเตอร์ไซน์เสียหลักล้ม รามกับโจรกลิ้งไปบนถนนพร้อมกัน โจรลุกได้จะวิ่งหนี รามกระโจนใส่ ต่อสู้กันแล้วเขาก็สามรถเอาชนะโจรได้จับคว่ำหน้าล็อกแขนไว้ ตำรวจจราจรขับมอเตอร์ไซด์มาจอดรามหันไปตะคอกโจร
“โชคดีนะไอ้น้อง แกได้เข้าไปกินข้าวแดงในคุกแน่”
ธิดาขับรถพุ่งมาจอด เปิดประตูลงมามองรามที่ส่งตัวโจรให้ตำรวจ ธิดาประทับใจรามมากๆ
“แอนดี้มันแค่พระเอกในจอ แต่นายเนี่ยสิ พระเอกตัวจริง”
รามวิ่งกลับมาหา
“คุณเทเรซ่า ผมขอโทษด้วยครับที่ทิ้งคุณไว้”
ธิดารีบตีสีหน้าไม่พอใจ
“นายเป็นตำรวจหรือไง”
รามสะดุ้ง
“เปล่าสักหน่อย ผมก็เป็นแค่พลเมืองดี”
“ไม่ใช่...นายเป็นลูกน้องมาเฟียใหญ่ ไม่ได้มีหน้าที่จับโจร”
รามโล่งอก รีบเออออ
“ใช่ครับ...คุณเทเรซ่าพูดถูก แต่ว่า...ผมทนดูไม่ได้หรอกครับ เพราะแม่ผมก็เคยโดนโจรฉกกระเป๋า มันเป็นเงินที่แม่ผมต้องไปจ่ายค่าเทอมให้ผม พอผมเห็นป้าแก่ๆคนนั้น ทำให้ผมสงสาร นึกถึงแม่ขึ้นมา”
รามแกล้งตีหน้าเศร้ามีสะอื้นๆเล็กน้อย แล้วเบือนหน้าไปทางอื่นทำเป็นกลั้นน้ำตา ธิดาซึ้งใจเข้าไปแตะแขน
“นายดูรักแม่มากเลยนะ”
รามทำเป็นเสียงสั่น
“ชีวิตผมไม่มีใคร มีก็แต่แม่คนเดียว”
“ไม่จริงหรอก ต่อไปนายจะมีฉันอีกคน”
ธิดาส่งสายตาหวานซึ้งให้ รามแอบถอนใจที่เกือบหลุดไป
เรืองฤทธิ์กลับมาถึงบ้านก็ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องเท็จให้ทรงวาดฟัง
“รามอารมณ์เสีย อาละวาด ไม่ยอมเรียนรู้งานอะไร ใครทำอะไรให้ก็หงุดหงิดไปหมด ผมเลยให้เขานั่งเล่นอยู่ในห้อง พอประชุมเสร็จออกมาก็ไม่เจอแล้ว”
ทรงวาดทรุดลง
“พี่สังหรณ์อยู่แล้วเชียว”
“ทำไมคุณอาไม่ให้ยามหรือใครเฝ้าเขาไว้ละคะ” เมขลาถามอย่างสงสัย
เรืองฤทธิ์ทำเป้นถอนใจ
“หนู...เวลารามโมโห ยามสิบคนก็เอาไม่อยู่ แล้วอีกอย่างรามเป็นเจ้าของบริษัท ใครจะกล้าขวาง”
“นี่รามคงหนีไปอีก คราวนี้เขาคงไม่กลับมาอีกแล้ว” ทรงวาดบอกอย่างกังวลใจ
“คุณแม่ อย่าเพิ่งสิ้นหวังซิคะ หนูจะตามเขากลับมาเอง” เมขลาน้ำเสียงมุ่งมั่น
เรืองฤทธิ์มองหน้า
“หนูจะไปตามที่ไหน”
“ถึงพลิกแผ่นดิน หนูก็จะตามเค้าให้เจอ”
“งั้นอาไปด้วย”
ทั้งสองเดินลิ่วไปที่ประตู รามโผล่เข้ามาพอดี
“จะไปไหนกันเหรอครับ”
เมขลา ทรงวาด เรืองฤทธิ์ร้องออกมาพร้อมกัน
“ราม!”
รามท่าทางกวนๆเดินไปที่โต๊ะอาหารหยิบของกิน
“พอดีผมเบื่อๆก็เลยเดินเล่นรอบๆบริษัท แล้วก็เผลอหลับอยู่ในห้องประชุมเล็ก ตื่นมาก็ไม่เจอใครแล้ว”
“เขาให้คุณไปทำงาน ทำไมคุณแอบไปนอน” เมขลาต่อว่า
“ก็บริษัทมันไม่มีอะไรน่าสนใจ พอคนมันเบื่อ ก็ต้องง่วง พอง่วงก็ต้องนอน”
“บริษัทนั่นเป็นของคุณนะ คุณควรจะเอาใจใส่หน่อยซิ ทำแบบนั้น ลูกน้องจะนับถือได้ยังไง”
“บริษัทของผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ จะเดือดร้อนทำไม” รามถามกวนๆ
เมขลาชะงักไปนิด
“ก็เพราะฉันเป็นเมียคุณไง”
รามทำเป็นนึกได้
“เออ...จริงด้วย คุณไม่เตือนนี่ก็ลืมไปแล้วนะเนี่ย งั้นเราไปทบทวนความจำกันหน่อย”
รามจะดึงเมขลาออกไป ทรงวาดรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวซิ...รามไม่ทานอะไรหน่อยเหรอลูก”
“ผมอยากกินอยากอื่นมากกว่าครับ”
รามทำหน้าหื่น ลากเมขลาไป เรืองฤทธิ์หน้าเครียด
“ขอโทษนะครับ พี่วาด ที่ผมดูแลรามไม่ดี”
“ไม่หรอกฤทธิ์ ที่เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว ถ้าบีบรามเกินไปเขาอาจจะเตลิดไปอีก ขอแค่เขายอมกลับมาบ้าน พี่ก็พอใจแล้ว”
ธิดานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหรกับเทวัญ เธอนั่งเซ็งๆ กินข้าวไม่ลง มองภาพครอบครัว และภาพปองธรรมกอดกับแม่อยู่บนหิ้งด้านหลัง ธิดายิ่งเดือด
“พี่รู้มั้ยว่าทำไมตอนนั้นแม่ไม่ปล่อยให้น้องตายไปเสีย ทำไมแม่ถึงให้น้องอยู่แทนแม่”
เทวัญถอนใจ
“พี่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ”
ธิดากระแทกช้อนปัง
“ก็น้องอยากรู้นี่ ว่าแม่คิดจริงๆ หรือว่าการที่แม่ให้น้องได้เกิดมาแต่แม่ต้องตายไปแบบนี้น้องจะดีใจ นี่มันงี่เง่าชัดๆ”
“ที่เธอพูดน่ะ แม่นะ” เทวัญดุ
“แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อพี่เทพไม่ได้เป็นอย่างน้อง พี่เทพไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าการที่ต้องทนถูกตราหน้าว่า เพราะเราเกิดมาทำให้แม่ต้องตายน่ะมันเป็นยังไง”
เทวัญถอนใจ หมดอารมณ์กินข้าวพูดไม่ออก
อ่านต่อหน้า 3
นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 6 (ต่อ)
เมขลาเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่ภายในห้องนอน นึกถึงคำพูดที่เธอเถียงกับเขาเมื่อครู่
‘ก็เพราะฉันเป็นเมียนายไง’
‘เออ...จริงด้วย คุณไม่เตือนนี่ก็ลืมไปแล้วนะเนี่ย งั้นเราไปทบทวนความจำกันหน่อย’
เมขลาหน้าเครียดเป็นกังวล
“ทำไมตาบ้านั่นถึงพูดแบบนี้นะ...แล้วเราจะทำยังไงดีเนี่ย”
รามเปลี่ยนชุดนอน ก้าวออกจากห้องน้ำแล้วชะงัก เมื่อเห็นเมขลานั่งยิ้มรออยู่บนเตียง รามไม่ไว้ใจ
“ผมดีใจนะ ที่คุณจำได้ว่าเมื่อวานเราพลาดกิจกรรมที่ สำคัญมากๆ ไปกิจกรรมนึง”
“ฉันก็ดีใจเหมือนกันที่คุณกระตือรือร้นขนาดนี้...แต่เตือนไว้ก่อนนะ ว่ารสนิยมฉันไม่ธรรมดา”
รามหมั่นไส้
“คุณชอบแบบไหนล่ะ โซ่ แส้ หรือว่าต้องมีน้ำแข็งกับเทียนไข”
“นั่นมันของพื้นๆ ของฉันต้องรุนแรงกว่านั้น”
รามชักลังเล แต่ยังฝืนต่อ
“ก็ดี ผมชอบผู้หญิงซาดิสต์”
รามลงมือแกะกระดุมชุดนอน เมขลาอึ้งไป
“ถ้าอย่างนั้นสเปรย์พริกไทย คงจะเผ็ดร้อนน้อยไปสำหรับคุณ”
เมขลาโยนสเปรย์พริกไทยทิ้ง แล้วรีบล้วงมือลงในกระเป๋าใหม่ หยิบที่ช็อตไฟฟ้าออกมากดๆ เห็นประกายไฟแล่บแปล๊บๆ
“อย่างคุณน่าจะเหมาะกับที่ช็อตไฟฟ้ามากกว่า”
รามตาเหลือก
“ฮะ !”
เมขลายิ้มพอรู้ว่ารามกลัว เลยยิ่งกดที่ช็อตเล่น ดูน่ากลัว
“แบบนี้แหละสนุกที่สุด...เข้ามาเลยค่ะคุณสามี หรือว่าแค่เห็นก็ฝ่อซะแล้ว”
รามมองแค้นๆ
“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะฝ่อกันแน่”
รามจ้องตาโมโห ก่อนเตรียมกระโจนใส่ เมขลาขยับท่าตั้งรับเครียดทั้งคู่
ทรงวาดนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นได้ยิน เสียงดังโครมคราม และเสียงร้องของรามกับเมขลาดังมาจากข้างบน
“ว้าย”
“เฮ้ย”
ทรงวาดตกใจ จะเดินขึ้นบันไดไปดูแต่ เรืองฤทธิ์มาดักหน้าห้ามไว้
“เดี๋ยวครับพี่วาด”
“เสียงดังขนาดนี้ จะมีใครเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“นี่เป็นเรื่องของพวกเขาสองคนผัวเมียนะครับพี่วาด เราอย่าเข้าไปยุ่งเลย”
“แต่...”
“เชื่อผมเถอะครับ นายรามไม่มีทางฆ่าหนูเมตายได้หรอก”
ทรงวาดพยายามทำใจเชื่อเรืองฤทธิ์แต่ไม่วายเป็นห่วง ขณะที่เรืองฤทธิ์แอบมองขึ้นไปชั้นบน แล้วพึมพำเบาๆ
“ขอให้พวกแกทะเลาะกันยิ่งแรงยิ่งดี”
รามจับมือเมขลาที่กำที่ช็อตไฟฟ้า เปิดส่งประกายวูบวาบให้ห่างออกจากตัว แล้วปล้ำกอดจะแย่งที่ช็อตไฟฟ้า
“ไหนคุณบอกว่าชอบอะไรที่มันซาดิสต์ๆ ไงคะ คุณสามี”
รามพยายามจะหักมือเมขลา ให้ที่ช็อตไฟฟ้าหลุดไป
“ไฟฉายของคุณยังซาดิสต์ไม่พอที่รัก”
เมขลาพยายามสู้กับเขาจะช็อตให้ได้
“แต่ฉันว่าพอนะ”
“ไม่”
“พอ”
“ไม่”
ในที่สุดเมขลาก็สะบัดข้อมือหลุดได้ แต่ว่าตัวยังปล้ำกอดกันกลมอยู่ เมขลาสะใจกดที่ช็อตเข้าที่อกของเขา
“แต่ฉันบอกว่าพอก็พอสิ”
พอเมขลากดที่ช็อตไฟฟ้าใส่เธอก็กลายเป็นสื่อ ถูกช็อตไปด้วยกระแสไฟวนๆ ๆๆ รอบทั้งคู่
“อ๋อย”
ทั้งคู่ตัวสั่นหงึกๆ แล้ว ร่วงลงไป
เช้าวันใหม่...เมขลากับรามตื่นขึ้นมา ผมชี้เพราะไฟฟ้าสถิต หน้าดำเพราะถูกไฟช็อตกันทั้งคู่
ทั้งสองท่าทางเปลี้ยๆ มึนๆเดินโซเซแยกกันไปห้องน้ำ แล้วไปชนกันหน้าห้องน้ำ
“เฮ้ย”
ทั้งสองมึนงง ก่อนนึกได้ ผงะออกจากกัน ตั้งท่ารับ มองหยั่งเชิง
“มา...เรามาต่อกันให้รู้ดำรู้แดงกันไป” รามท้า
“ได้เลย”
ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นซึ่ง เมขลาตั้งไว้เจ็ดโมงสี่สิบห้า รามสะดุ้งเหลียวไปมองนาฬิกาเห็นเกือบแปดโมงแล้ว รามซีด เมขลาโผเข้าหา รามหลบเมขลาเสียหลักหัวทิ่ม
“ว้าย...คุณหนีทำไมฮึ”
“ไม่ได้หนี แต่ ไว้เราค่อยมาต่อกันเย็นนี้ดีกว่า”
รามพุ่งเข้าห้องน้ำไป เมขลามองงงๆ สักครู่รามวิ่งออกมา ในปากคาบแปรงสีฟัน แบบรีบมาก วิ่งไปหยิบเสื้อใส่
“คุณจะรีบไปไหน”
รามแต่งตัวอย่างว่องไว
“ไปทำงานไง”
เรืองฤทธิ์กำลังจะหิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน รามวิ่งลงบันไดมา
“อาครับ รอผมด้วย”
เรืองฤทธิ์ชะงักมอง
“ราม...อาว่า เป็นแบบนี้ไม่ดีเลยนะ ถ้าพี่วาดรู้เรื่องว่าอาช่วยราม พี่วาดคงโกรธมาก”
“เมื่อวานผมกลับมาช้าไปหน่อย แต่วันนี้ผมจะกลับให้ตรงเวลา”
“แต่”
“หรืออาจะอยากให้ผมอยู่ออฟฟิศให้อาปวดหัวละครับ”
รามเดินยิ้มออกไป เรืองฤทธิ์มองตามถอนใจ รู้ว่าเมขลานั่งแอบฟังอยู่ที่บันได
“ที่แท้แบบนี้นี่เอง”
เรืองฤทธิ์ออกไป เมขลาวิ่งกลับขึ้นไปแต่งตัว เรืองฤทธิ์ชะโงกหน้ากลับมาดูยิ้มๆ
เมขลานั่งมอเตอร์ไซด์มาถึงบริษัทก็กระโดดลง วิ่งเข้าบริษัทตรงไปที่ห้องทำงานเรืองฤทธิ์เปิดประตูเข้าไป เรืองฤทธิ์ทำเป็นตกใจ
“หนูเม”
“คุณรามล่ะคะ”
เรืองฤทธิ์แกล้งอึกอัก
“เอ่อ...”
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ใช่มั้ยคะ”
เรืองฤทธิ์ท่าทางลำบากใจ
“รามเขาขอไปข้างนอก”
“แล้วเขาไปไหนคะ”
“อาไม่รู้หรอก เขาสั่งไม่ให้ใครตามไป ไม่งั้นเขาจะไม่กลับมาอีกเลย”
“ทำไมถึง ไม่รู้จักสำนึกซะทีนะ”
เมขลาโมโหจะเดินออกไป เรืองฤทธิ์เรียกไว้
“เดี๋ยว หนูจะไปไหน”
“ไปตามคุณรามค่ะ หนูรู้ว่าเขาไปที่ไหน”
“เดี๋ยว...หนู อาว่าเอารถบริษัทไปดีกว่านะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เรืองฤทธิ์กดอินเตอร์คอม
“จักร...จัดรถให้คุณเมขลาคันหนึ่ง”
เมขลาเดินออกมาจากบริษัท เห็นจักรยืนรออยู่ที่รถ
“เชิญครับ”
“น้ำมันเต็มถังใช่มั้ย”
“ครับ...ถ้ามีปัญหาอะไร ก็โทรกลับมาหาผมที่เบอร์นี้นะครับ”
จักรยื่นนามบัตรให้
“ขอบคุณค่ะ”
เมขลาขึ้นรถขับออกไป เรืองฤทธิ์ออกมายืนข้างๆจักร
“แน่ใจนะ ว่า ในรถไม่มีกลิ่นอับ”
จักรยิ้ม
“ผมเลือกแอร์รีเฟรชเชอร์กลิ่นพิเศษครับ รับรอง คุณผู้หญิงจะขับรถอย่างสดชื่นเชียวละ”
เมขลาขับรถออกไป โดยไม่รู้ว่าในขวดน้ำหอมที่วางอยู่คอนโซลหน้ารถ คือยานอนหลับ
รามเข้ามาในบ้าน ปองธรรมยืนคุยอยู่กับแสงเห็นรามพอดีหันไปถามแสง
“ไอ้หมอนี่ทำงานเป็นยังไงบ้าง เห็นวันก่อนยายเทเรซ่ามาขอให้ฉันหาบอดี้การ์ดใหม่ให้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“มีครับ”
ปองธรรมเครียด
“อะไร”
“เมียครับ...เมียมันดุมาก หวงผัวมากด้วย ตามราวีจนแทบไม่ต้องทำงานทำการกันเลย”
ปองธรรมครุ่นคิด แสงมองๆ
“พ่อเลี้ยงยังจะจ้างมันอีกมั้ยครับ”
รามเข้ามาในบ้านเห็นไม่มีคนยิ้มพอใจ หยิบเครื่องมือดักฟังออกมายื่นไปที่ใต้โต๊ะที่วางพวกเครื่องปั้นรูปทรงเหมือนไห ทันใดนั้น เสียงแสงดังขึ้น
“ทำอะไรน่ะ”
รามสะดุ้ง ชักมือหลบ
“ผมมารับคุณเทเรซ่าครับ แต่เห็นว่าไหนี่สวยดี เลยอยากดูใกล้ๆ”
“พอๆ” แสงเสียงเข้มมาก รู้ว่าในงานปั้นมียาเศพติดซ่อนไว้ “แกไม่ต้องไปยุ่งกับของพ่อเลี้ยงเลย แต่ละอย่างแพงๆทั้งนั้น”
รามทำจ๋อย
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร อ้อ...แล้วต่อไปนี้แกไม่ต้องเข้ามาในนี้แล้วนะ”
รามอึ้งไป
“นี่ผมโดนพ่อเลี้ยงไล่ออกหรือพี่”
แสงหัวเราะ
“เปล่าๆ พ่อเลี้ยงจะไล่แกออกทำไม ท่านชอบแกจะตายที่มีลูกมีเมียแล้ว”
รามงงๆ
“ฮะ”
แสงโบกมือ
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แต่จำไว้ว่าพ่อเลี้ยงไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในบ้าน เวลาแกมาให้รอที่โรงรถหรือสนามหน้าบ้าน เดี๋ยวเด็กจะไปตามคุณเทเรซ่าลงมาเอง”
รามโล่งอก
“ครับๆ”
รามจะออกไป แสงเหลือบไปเห็นลูกน้องคนหนึ่งเดินผ่านมา แสงรีบเรียก
“เอ๊ะๆ พ่อเลี้ยงบอกแกเรื่องงานใหม่หรือยัง”
ลูกน้องส่ายหน้า แสงพยักหน้า
“งั้นแกตามฉันมานี่”
แสงกับลูกน้องเดินไปด้วยกัน รามแอบตามไปห่างๆ
“ของล็อตใหม่กำลังจะลงมาแล้ว แกไปบอกเด็กๆ ด้วยว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมไว้”
“แล้วเรื่องเวลากับที่รับของล่ะครับพี่แสง”
“คอนเฟิร์มเป็นเวลาเดิมกับที่เดิมไปก่อนก็แล้วกัน”
รามนิ่วหน้า พึมพำเบาๆ
“ที่เดิม...เวลาเดิม แล้วมันที่ไหนวะ”
รามแอบมาโทรศัพท์แถวๆรถของธิดา
“จะมีการแสดงละครฉากใหญ่ เร็วๆนี้ แต่ผมยังไม่ได้เรื่องวันและเวลาแน่นอน”
ขณะเดียวกันนั้น ธิดาเข้ามาข้างหลัง
“แอบมาโทรศัพท์ถึงเมียเหรอ”
รามสะดุ้ง
“ไม่ใช่ครับ ผมคุยกับแม่น่ะ”
“ขอฉันพูดกับแม่นายหน่อย”
รามอึ้ง ธิดาแบมือสั่งเสียงเข้ม
“เร็วซิ”
“เอ่อ” รามพูดมือถือกับก้องภพ “แม่ครับ...คุณเทเรซ่าเจ้านายผม อยากจะคุยกับแม่ เขาเป็นห่วงอยากรู้ว่าแม่ไม่สบายเป็นยังไงบ้าง”
ก้องภพสะดุ้ง ตาเหลือกบ่นงึมงำ
“แก ไอ้ราม ทำฉันซะแล้ว”
“แม่...” ธิดาเรียก
ก้องภพหน้าตาลำบากใจมองโทรศัพท์มือถือในมือ ก่อนจะดัดเสียงเป็นหญิงแก่
“สวัสดีค่ะคุณนาย...ขอบคุณคุณนายมากนะคะที่เมตตาลูกชายฉัน”
ก้องภพทำไอใส่มากมาย ธิดาอึ้งๆ รู้สึกละอาย
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วตกลง ป้าเป็นโรคอะไรกันแน่ ฉันรู้จักหมอดีๆหลายคน จะส่งไปช่วยดู”
“อูย...แม่คุณ อย่าลำบากเลยค่า ป้าเป็นหลายโรค หมอรักษาไม่ถูกหรอก...แค่กๆ”
“แล้วตอนนี้ใครดูป้า ลูกสะใภ้เหรอ”
รามเหงื่อแตก ไม่รู้ก้องภพจะตอบถูกมั้ย
“สะใภ้อะไรวะ เอ่อ...อะไรนะคะ ป้าฟังไม่ได้ยิน ฮัลโหลๆๆ แค่กๆ...โอยเหนื่อย”
“โอเค...งั้นฉันไม่กวนละ พักผ่อนเถอะ”
ธิดาส่งมือถือคืน รามเอามาพูดต่อ
“เป็นไงบ้างแม่”
“เกือบตายซิ...ทำอะไรไม่นัดกันก่อน”
“ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว พักมากๆนะแม่ เลิกงานแล้วจะรีบกลับ” รามกดวางสายหันมายิ้มให้ธิดา “แม่ชมว่าคุณใจดีครับ”
ธิดาค้อน
“ฉันไม่ได้บ้ายอ...ไปทำงานได้แล้ว”
รามไปเปิดประตูรถให้ ธิดาขึ้นรถ รามขึ้นมาขับรถออกไป เทวัญยืนดูอยู่ชั้นบนของบ้านอย่างไม่สบายใจ
เมขลาขับรถไป รู้สึกง่วงๆ มึนๆ สลัดหัวไปมา
“ทำไมง่วงอย่างงี้นะ”
ขณะเดียวกันนั้น โทรศัพท์ดังขึ้น เมขลากำลังสัปหงก สะดุ้ง
“ฮัลโหล...คุณเทวัญ กำลังคิดถึงอยู่เลยค่ะ”
เทวัญใช้สมอล์ทอล์คคุยกับเมขลาแต่งตัวไปด้วย
“แสดงว่า กำลังมีปัญหาอีกแล้ว”
“เรื่องเดิมน่ะค่ะ” เมขลาตาปรือ หาว “คุณรามโกหกแม่ว่าจะกลับตัวทำงานสุจริต แต่เขาก็แอบหนีไป ฉันกำลังจะไปตามเขา”
“คุณไม่เหนื่อย บ้างเหรอครับ”
“ไม่เหนื่อยค่ะ แต่ง่วงมาก”
เมขลาขับรถส่ายไปมาไปเบียดรถคันอื่น เสียงบีบแตรดังสนั่น เมขลาสะดุ้ง
“เฮ้ย ว้าย”
เทวัญได้ยินเสียงร้องดังมาจากปลายสายก็ตกใจ
“คุณเม เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า นั่นคุณอยู่ที่ไหนครับ”
เมขลามึนสุดๆ
“ฉันอยู่ที่ไหน บนถนน จะไป...”
เมขลาสัปหงก ขณะเดียวกันนั้น รถบรรทุกกำลังออกจากซอย รถคันอื่นจอดให้รถบรรทุกออก แต่ รถเมขลาพุ่งมาอย่างเร็ว คนขับรถบรรทุกตกใจตาโต
“เฮ้ย”
เมขลาโงหัวขึ้นมาเบลอๆ เห็นรถบบรรทุกขวางอยู่ด้านหน้าก็ตกใจหน้าตื่น
“กรี๊ด”
เมขลาร้องลั่น เทวัญไดยินเสียงตกใจมาก
“ฮัลโหลๆๆ”
เทวัญ คว้ากุญแจรถวิ่งออกไป
บ้านเพื่อนธิดาอยู่ในหมู่บ้านเปลี่ยวมากๆ รามก้าวตามธิดาเข้าไปในห้องรับแขก แล้วเครียดเมื่อเห็นเพื่อนๆของธิดากำลังเสพยา เมายากันอยู่ รามไม่พอใจ จีน่าเข้ามาทักทาย
“ไฮ เทเรซ่า ยูมาเมื่อไหร่เนี่ย”
ธิดาหันไปหาจีน่า
“เพิ่งมาเมื่อกี้นี้เอง”
จีน่ายิ้มให้ราม
“ว้าว...นี่ยูมากับมิสเตอร์บอดี้การ์ดคนนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย ระวังเมียเขามาทวงคืนอีกนะ”
ธิดาหน้าบึ้ง
“เลิกพูดเรื่องนี้ซะทีได้มั้ย ได้ยินแล้วอารมณ์เสีย”
“งั้นต้องลองตัวนี้ รับรองยูจะอารมณ์ดีในพริบตา”
ธิดาตาวาว
“ไหน”
จีน่ายัดแคปซูลยาไอซ์ใส่มือธิดา
“ตัวใหม่จ้ะ เกรด triple A แบ่งให้แฟน เอ๊ย...บอดี้การ์ดยูด้วยก็ได้”
จีน่าหลิ่วตาให้รามก่อนเดินไปหาเพื่อนๆ รามมองธิดาดุๆ
“คุณรู้มั้ยว่านั่นมันยาอะไร”
ธิดาหัวเราะคิก
“แหม...ก็แค่เล่นๆ ขำๆ ทำเป็นเครียดไปได้ เดี๋ยวแก่เร็วนะ” ธิดาส่งแดปซูนยาให้ “กินซะ แล้วนายจะลืมความทุกข์ไปเลย”
ธิดาเดินไป รามมองตามเป็นห่วง มองยาแล้วใส่กระเป๋าเสื้อสูท
เทวัญขับรถมองหา เมขลาอย่างร้อนใจ กดโทรศัพท์ไปด้วย แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ รถเทวัญแล่นมาถึงแยกที่เมขลาเกิดเหตุ มองไป เห็นรถเรืองฤทธิ์ จอดอยู่ข้างทางมีคนเดินถนน สองสามคน ยืนส่องๆเข้าไปในรถแล้ววิจารณ์กัน เทวัญเบรก ถอยกลับมาจอดหน้ารถเรืองฤทธิ์แล้วลงจากรถเข้าไปถาม
“มีอะไรเหรอครับ”
“คนขับน่ะซิครับ ไม่รู้เมารึเปล่า เห็นหลับนิ่ง รถก็ล็อกด้วย”
เทวัญมองเข้าไป เห็นเป็นเมขลาหลับอยู่ที่ที่นั่งคนขับ
“คุณเม”
“ รู้จักเหรอคุณ”
“เพื่อนผมเองครับ”
เทวัญตบกระจก
“คุณเม...คุณเม”
เมขลานิ่ง เทวัญเป็นห่วงมาก
รามเดินตามหาธิดา จนพบว่าธิดาเมายาอยู่ในห้องนอน รามเข้าไปเขย่าตัว
“คุณ...คุณ”
ธิดาปรือตาขึ้น เห็นราม
“นึกว่าคราย...ที่แท้ก็พ่อบอดี้การ์ดสุดหล่อ แต่มีเมียแล้วของฉันนี่เอง”
รามส่ายหน้าพยุงธิดาขึ้น
“พูดแบบนี้ แสดงว่ากินเข้าไปเยอะสิเนี่ย”
“ก็ยังไม่มากจนไม่รู้ว่า กอดนายแล้วมันจะอุ่นขนาดนี้”
รามอึ้งตัวแข็ง ธิดากอดรอบเอวของเขาซบหน้าเกลือกบนแผ่นอก ลิปสติกเลอะเสื้อตัวในของเขา ธิดายิ้มหวานเยิ้ม ชะโงกขึ้นจะจูบปาก
“อยากรู้จัง ว่าปากนายจะอุ่นเหมือนที่อื่นมั้ย”
รามได้สติ รีบเบี่ยงหน้าหลบ เฉียดฉิว
“เฮ้ย...อย่านะคุณ”
รามแกะมือของเธอออกแทบไม่ทัน ธิดาเมามายเซๆ ดึงเขาเสียหลักเซไป แล้วล้มทับลงบนตัวของเขา ธิดาหัวเราะคิก
“ใจร้อนจัง เตียงอยู่ตรงโน้นนะจ๊ะ”
ธิดาพยักหน้าไป รามส่ายหน้า
“ไม่ใช่นะคุณเทเรซ่า ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ธิดาคร่อมเขาอยู่จ้องหน้า
“แต่ฉันตั้งใจ”
“คุณเทเรซ่า ผมว่ากลับบ้านดีกว่า”
“ไม่...บอกมา ระหว่างฉันกับเมียนาย ใครสวยกว่า” ธิดาโน้มหน้าลงมา “รู้มั้ยว่า ฉันชอบนาย ชอบมาก”
รามยังไม่ทันพูด ธิดาก็ก้มลงจูบปาก รามได้สติผลักกระเด็นไป ธิดา เจ็บเริ่มได้สติขึ้นบ้างก็แว้ดใส่
“นายกล้าดียั้งไงมาผลักฉัน ฮึ”
ทันใดนั้นเสียงไซเรนตำรวจดังขึ้น ภาคภูมิตะโกนเข้ามา
“ขอให้ทุกคนที่อยู่ในบ้านอยู่ในความสงบ ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมบ้านนี้ไว้หมดแล้ว”
รามหน้าตื่น
“แย่แล้ว”
รามพุ่งไปประคองธิดาขึ้น
“อยู่เงียบๆ แล้วทำตามที่ผมสั่งเข้าใจมั้ย”
ธิดาตกใจ พยักหน้ารับ ขณะเดียวกันก็กอดเขาแน่น รามเปิดประตูห้อง ออกไปมองเครียดๆเห็นภาคภูมินำตำรวจเข้ามาทางด้านหน้าบ้าน เพื่อจับกุมพวกเพื่อนธิดา หลายคนร้องไห้ให้วุ่นวาย หลายคนยังเมายาไม่รู้เรื่อง รามตัดสินใจพาธิดาที่ยังเมายาหนีออกมาทางหลังบ้าน
“นายจะพาฉันไปหนาย...”
รามเอานิ้วจุ๊ปาก
“ชูว์”
รามมองๆเห็นกำแพงไม่สูงมาก
“เดี๋ยวคุณเหยียบบ่าผม แล้วปีนขึ้นไปบนกำแพงนั่นนะ”
“ไม่เอา ฉันกลัวความสูง ไม่ๆๆๆ”
ธิดาโวยวาย รามตกใจ รีบปิดปาก...ภาคภูมิเดินสำรวจมา ชะงักได้ยินเสียงธิดา
“นั่นใครน่ะ ออกมาซะดีๆ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
รามอึ้งตัดสินใจอย่างเร็ว อุ้มธิดาขึ้น
“หนีเร็วคุณ”
ธิดาเงอะงะ ตกใจ เริ่มได้สติ ภาคภูมิออกมาแสดงตัว เห็นธิดากำลังปีนขึ้นรั้วพอดี
“อย่าหนีนะ”
รามหันมาสบตาภาคภูมิพอดี ต่างคนต่างนิ่งเพราะเคยเจอกันที่เกาหลี ทั้งคู่จำกันได้ ภาคภูมิชี้หน้าราม
“นี่แกอีกแล้วเหรอ!”
ธิดาปีนขึ้นไปบนกำแพงสำเร็จ รามสั่งทันที
“โดดลงไป เร็ว”
ธิดาโดดหนีไป
“หยุดนะ”
ภาคภูมิจ่อปืน รามยกมือขึ้น ภาคภูมิเดินเข้ามา รามพลิกตัวจระเข้ฟาดหางใส่ ภาคภูมิล้มลง
รามเตะปืนกระเด็น แล้ว ต่อยภาคภูมิร่วง ก่อนจะปีนขึ้นกำแพง กระโดดลง ไปเห็นธิดานอนแอ้งแม้งจับข้อเท้าอยู่
“โอย”
“เป็นไงบ้าง”
“ข้อเท้าฉัน เจ็บมาก ไม่รู้หักหรือเปล่า”
รามตัดสินใจดึงธิดาขึ้นแล้วแบกวิ่งไป ภาคภูมิ ถือปืนโดดตามลงมา ก่อนจะยิงขู่ ธิดาตกใจกลัว
“ว้าย...ไอ้ตำรวจบ้า”
“หยุด...บอกให้หยุด” ภาคภูมิตะโกนลั่น
รามไม่หยุด แม้ว่าจะเริ่มมืดแล้ว เขาตัดสินใจวิ่งฝ่าความมืดไปข้างหน้า ภาคภูมิรีบตาม
อ่านต่อวันพรุ่งนี้