หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 4
ดนัยหยิบเสื้อผ้าจากถุงกระสอบออกมาจะเปลี่ยน ซึ่งเป็นเสื้อผ้าเจ้าของรถที่ติดรถส่งนมคันนั้นมา ดนัยเลือกเอาเป็นเสื้อเชิ้ตพับแขน ข้างในใส่เป็นเสื้อยืดขาว
“โชคดีที่มีเสื้อผ้าติดรถอยู่ด้วย” แถมยังไซส์ใกล้เคียงกันอีกต่างหาก
ส่วนในรถเวลานั้นฉวีวรรณกำลังค้นดึงเสื้อผ้าดาหวันขึ้นมาดูส่วนใหญ่มีแต่แนวแนวเกาะอกตัวในแล้วก็มีเสื้อใส่ทับ กับกางเกงขาสั้นเก๋ๆ ฉวีวรรณเบ้ปากใส่ชุดพร้อมกับบ่นอุบ
“ชุดยายหวัน มีแต่แบบโป๊ๆ ทั้งนั้นเลยนะเนี้ย อีตาบ้าดนัย จับผิดตัวแล้วยังหยิบกระเป๋ามาผิดอีก”
จังหวะนั้นฉวีวรรณมองภาพดนัยที่กระจกหลัง เห็นดนัยกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ฉวีวรรณคิดอะไรบางอย่าง แล้วแกล้งตะโกนออกไป
“อย่าหันมานะ ดนัย ฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อ”
สายตาฉวีวรรณเล็งที่กระจกหลัง เห็น ดนัย หันหลังให้จริงๆ พร้อมยกสามนิ้วสาบาน
“สาบานให้ฟ้าผ่าตาย ต่อให้เธอมาแก้ตรงหน้าฉันก็ไม่มองหรอก”
“อือฮึ สุภาพบุรุษแมนที่สุดในโลกเลยจ้า....”
ฉวีวรรณยิ้มกระหยิ่ม แล้วก้มลงไปใต้เบาะ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และแก้เชือกที่มัดมืออยู่ไปด้วย
ดนัยก้มลงเปลี่ยนกางเกงที่ท้ายรถเรียบร้อยแล้วยืนรอ เริ่มหงุดหงิดที่ฉวีวรรณยังไม่ออกมาเสียที
“ป้าหวี ! เสร็จหรือยัง จะได้ไปกันซักที”
ดนัยกระตุกเชือก แต่เห็นไม่มีอาการตอบรับฉากฉวีวรรณก็กวนประสาทต่อ
“นี่ แต่งยังไงมันก็ไม่สวยไปกว่านี้แล้วป้า”
ยั่วยังไง กระตุกยังไง สายเชือกฉวีวรรณยังนิ่งเฉยไม่มีการเคลื่อนไหวอีก ดนัยกระตุกอีก คราวนี้เหมือนติดอะไรซักอย่าง
“ทำอะไรอยู่วะ”
ดนัยออกแรงกระตุกแรงๆ กะจะให้ฉวีวรรณร้อง แล้วเอามือปิดตาก่อนจะหันไป
“ป้าหวี...โอ๊ย”
ขาดคำท่อนไม้ที่ถูกผูกไว้แทนข้อมือฉวีวรรณก็พุ่งเข้าใส่หน้าเต็มๆ ตามแรงดึงของดนัย
ดนัยลืมตาขึ้นมองเห็นท่อนไม้ก็ตกใจ รีบมองหา เห็นฉวีวรรณซึ่งเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว
วิ่งปุเลงๆ หนีเข้าป่าไปอีกด้าน ดนัยโกรธจัด
“ฮึ่ม ยายหวี แสบมาก!”
ดนัยรีบวิ่งตามฉวีวรรณไป พลางพยายามแก้เชือกที่มือตัวเองไปด้วย
ด้านฉวีวรรณวิ่งกระเซอะกระเซิงไปอย่างไม่คิดชีวิต ดนัยไล่ตามมาติดๆ
“ฉวีวรรณ หยุดนะ!”
ดนัยตะโกนเรียกเท่าไหร่ฉวีวรรณก็ไม่สนใจ วิ่งบุกป่าฝ่าดงต่อไปแบบไม่รู้ทิศทาง จนดนัยเริ่มมองหาไม่เจอ ในที่สุดทั้งคู่ก็เลยคลาดกัน
ฉวีวรรณวิ่งต่อมาเรื่อยๆ จนถลำมาถึงกลางป่าทึบ พอหันไปมองไม่เห็นดนัยก็ยืนหอบ เพราะหายใจไม่ทัน แต่พอกำลังจะวิ่งต่อ ฉวีวรรณก็สังเกตเห็นพุ่มไม้มีการสั่นไหว ฉวีวรรณชะงักกึก รีบคว้าท่อนไม้ที่พื้น นึกว่าเป็นดนัย
“อย่าเข้ามานะ ฉันไม่ไปกับนาย!”
ฉวีวรรณก้าวถอยหนี แล้วพุ่มไม้ที่ไหวอยู่ นิ่งสงบลง
“พูดง่ายผิดคาดแฮะ สงสัยหมดเวรหมดกรรมแล้วเรา”
ฉวีวรรณยิ้มร่าหันกลับเพื่อจะวิ่งต่อไป แต่พุ่มไม้ตรงหน้าไหวอีกครั้ง ก่อนที่ร่างของเสือโคร่งตัวใหญ่จะค่อยๆ เดินส่ายออกมา แล้วคำรามเสียงดังลั่น ฉวีวรรณช็อก ไม้ในมือร่วงโดยไม่รู้ตัว
จังหวะเดียวกับที่ดนัยกำลังมองหาฉวีวรรณอยู่นั้น หูของเขาก็ได้ยินเสียงเสือคำรามลั่น ดนัยสะดุ้ง หันไปมองทางต้นเสียง อย่างระแวดระวัง
ฉวีวรรณยืนนิ่งขาแข็ง เมื่อเห็นเสือตัวเป็นอยู่ตรงหน้า แล้วมันค่อยๆ เดินเข้ามา ฉวีวรรณปากคอสั่น
“ป..ป...ไปให้พ้น ไปสิ”
ฉวีวรรณไม่กล้าขยับตัว เสือเดินเข้ามามอง แล้วคำรามใส่หน้าอีก
ฉวีวรรณน้ำตาไหลพรากอย่างหวาดกลัว แต่ไม่กล้าร้องออกมา ขณะที่เสือตัวนั้นก้าวเข้ามาจวนจะถึงรอมร่อ ก็มีเสียงผิวปากวี๊ด.... ดังลั่น เสือชะงักหันไปมอง ก็เห็นหินก้อนใหญ่พอประมาณหล่นตุ้บแล้วกลิ้งหลุนๆ ไปตามพุ่มไม้ เสือร้ายละความสนใจจากฉวีวรรณแล้วพุ่งตัวตามเสียงนั้นไปทันที
ฉวีวรรณทรุดฮวบ แต่มือดนัยกระโจนเข้ามาประคองไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ดนัยถามร้อนรน
ฉวีวรรณส่ายหน้า พูดไม่ออก น้ำตากบสองตา
“ฉันโยนก้อนหินดึงความสนใจมันไปทางโน้น เรารีบไปก่อนที่มันจะเปลี่ยนใจ”
ดนัยรีบประคองฉวีวรรณที่หมดเรี่ยวแรง วิ่งออกไป
ดนัยวิ่งพาฉวีวรรณออกมาจนถึงเนินริมถนน ดนัยดึงให้ฉวีวรรณปีนขึ้นไปบนถนน จังหวะนั้นฉวีวรรณหันไปเห็นรถคันหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล
“เรารอดตายแล้ว มีคนมาช่วยเราแล้ว”
ฉวีวรรณดีใจสุดชีวิต รีบวิ่งออกไปกลางถนน กระโดด โบกไม้โบกมือขอความช่วยเหลือ
“วู้! ช่วยด้วยๆ”
ธนวัตินั่งอยู่ในรถ ค่อยๆ คลี่ยิ้มร้ายๆ ออกมาเมื่อมองเห็นเป็นฉวีวรรณที่กำลังยืนโบกไม้โบกมือกลางถนน
“ฉวีวรรณ!”
รถโฟร์วิวไดร้ฟ์ของธนวัติแล่นใกล้เข้ามา พอฉวีวรรณมองเข้าไปในรถ เห็นหน้าธนวัติ พาณิชย์ และธานี ฉวีวรรณตกใจตาโต
“พี่วัติ!”
ดนัยหันมองตามก็ตะลึงเหมือนกัน แล้วรีบวิ่งเข้าไปดึงฉวีวรรณวิ่งตัดถนนไปล้มอยู่ข้างถนนอีกฟาก
รถธนวัติไถลเลยออกไป แต่แล้วก็เบรกเอี๊ยดเสียงลั่น
“ป้าหวี มันไม่ใช่คนช่วย แต่เป็นคนชั่ว” ดนัยร้องบอกออกมา
รถธนวัติตีวงเลี้ยวกลับมาหาฉวีวรรณ และดนัย ไวเท่าความคิด ดนัยรีบฉุดมือฉวีวรรณ วิ่งหนี ลงเนินถนน วิ่งกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง
“หนีเร็ว!”
ธนวัติมองเห็นดนัยพาฉวีวรรณวิ่งหนีต่อหน้าก็ยิ่งเดือด
“ตามไป จับมันให้ได้”
รถธนวัติเลี้ยววิ่งลงเนิน แล้วขับลุยเข้าป่าไล่ตาม ดนัยกับฉวีวรรณ
เวลาเดียวกันนั้นดนัยกับฉวีวรรณวิ่งหน้าตั้งสุดชีวิต ได้ยินเสียงรถของธนวัติไล่ตามหลังมา
รถของศิริขับเข้ามา มีอาหลู่นั่งข้างหน้า สุภาพขับรถเอง ศิริมองเห็นรถธนวัติที่แล่นเข้าไปในป่าแปลกใจ
“เฮ้ย รถธนวัตินี่”
“นาย! คุณหวี! คุณหวีอยู่นั่น”
ศิริมองตามไปเห็น ฉวีวรรณวิ่งไปกับดนัย มีรถธนวัติไล่ตาม
“ยายหวี!! ตามไปเร็ว”
สุภาพเลี้ยวรถลงเนิน รีบขับตามเข้าไป
รถธนวัติยังขับไล่กวด ดนัยกับฉวีวรรณอยู่ไม่ลดละ ซึ่งภายในรถเวลานี้ ธานีมองดูหัวเราะสะใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไล่มันไป เดี๋ยวมันก็หมดแรงเอง”
“ช้าไปป๊า มันต้องสะใจกว่านี้ด้วย” ธนวัติยิ้มกระหยิ่ม
“อะไรพี่วัติ จะทำอะไร” พาณิชย์ถาม
ธนวัติไม่ตอบ เปิดกระจก แล้วเบี่ยงตัวออกไปยิงดนัยทันที กระสุนแฉลบไม่โดน ฉวีวรรณกริ๊ดลั่น
“ปล่อยฉวีวรรณเดี๋ยวนี้” ธนวัติตะโกนตามหลัง
ดนัยรีบพาฉวีวรรณวิ่งหนีสุดแรงเกิด ขณะที่ธนวัติ ยิงใส่ดนัยอีก ปังๆๆ อย่างสะใจได้แกล้งไล่ล่า ให้ดนัยตื่นกลัว
ส่วนทางด้านคอยศิริชะเง้อมองฉวีวรรณกับดนัยที่วิ่งหลบกระสุนอย่างตกใจ พยายามร้องห้าม
“เฮ้ย ยิงเข้าไปได้ยังไง เดี๋ยวโดนลูกสาวฉัน”
ธนวัติยังประทับปืน แล้วยิงต่อไปเปรี้ยงๆๆ จนถึงจังหวะหนึ่งฉวีวรรณหกล้ม ดนัยร้องลั่น
“หวี!”
ดนัยรีบฉุดฉวีวรรณให้วิ่งต่อไปอีกและยังต้องคอยวิ่งหลบกระสุนที่สาดมา เฉียดไปเส้นยางแดงผ่าแปด
สุภาพพยายามวิ่งเร่งขึ้นมา ตีคู่รถธนวัติ กดแตรเสียงลั่นให้หยุดยิง ศิริลดกระจกตะโกนบอกฉุนๆ
“อย่ายิง! เดี๋ยวโดนยายหวี”
พาณิชย์ลดกระจกตะโกนตอบแทน)
“ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่วัติแค่ยิงขู่ไอ้ดนัย ไม่โดนน้องหวีหรอกฮะ
รถธนวัติเร่งเร็วขึ้น แซงนำรถศิริไปอีก ศิริได้แต่ร้องตะโกนตาม
“เฮ้ยยย เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งไป”
ดนัยกับฉวีวรรณวิ่งหนีมาจนถึงที่เนินดินแห่งหนึ่งสูงพอประมาณ ทั้งคู่หน้าตื่น หมดหนทางไป รถธนวัติใกล้เข้ามา ยิงเปรี้ยงๆ อย่างลุ้น
“ดนัย ทำไงดี มันมาแล้ว”
ดนัยก้มตัวให้ฉวีวรรณเหยียบบ่าปีนขึ้นไป
“ขึ้นมา! เร็วๆเข้า!”
ฉวีวรรณยังอึ้งๆ ไม่กล้า แต่พอถูกดนัยตวาดก็เลยรีบเหยียบบ่าดนัยแล้วปีนขึ้นเนินดินไปได้
ธนวัติยิงไล่ใกล้เข้ามาอีก ดนัยกระโดดหมอบหลบ ฉวีวรรณกรี๊ด ดนัยรีบกระโดด แล้วไต่เนินโหนตัวขึ้นไปได้ รถธนวัติขับเข้ามาเบรกเอี๊ยดตรงหน้า ธนวัติยิงเปรี้ยงอีกนัด ฉวีวรรณกรี๊ดอีกนึกว่าดนัยโดนเป่าซะแล้ว แต่กระสุนตัดกิ่งไม้เหนือหัวดนัย ร่วงลงมา
จังหวะนั้นดนัยรีบฉุดฉวีวรรณวิ่งหนีเข้าป่าไปอีก ธนวัติ พาณิชย์ ธานีรีบเปิดประตูรถลงมา รีบวิ่งตามไป
ธนวัติมองตามด้วยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ไอ้ดนัย แกหนีไม่รอดหรอก!”
เวลาต่อมาดนัยจับมือฉวีวรรณพาวิ่งๆๆๆไปตามทางในป่า นกป่าหมู่หนึ่ง ที่จิกกินเมล็ดพืชที่พื้น บินแตกกระจายต่อหน้า ในจังหวะชีวิตอันน่าหวาดเสียงนี้ ยังมีภาพงามของธรรมชาติให้ทั้งคู่ได้มองเห็น ธนวัติกับพาณิชย์ยังคงตามติด ไล่ยิงเปรี้ยงๆ แล้วพยักหน้าแยกย้ายกันวิ่งไปดักคนละทาง
ครู่หนึ่งต่อมาในป่าอีกมุม ธานียืนหอบเหนื่อยอยู่ตรงหนึ่ง อาหลู่วิ่งนำหน้าเข้ามา ศิริตามหลังมาไกลๆ
อาหลู่หันบอกศิริ “ทางนี้ นาย!” แล้วหันมาพูดกับธานี “ไหวเปล่าอ่ะ ไปรอที่รถกับพี่สุภาพมั้ย”
ทางด้านดนัยกับฉวีวรรณจับมือกันวิ่งมา มีธนวัติไล่หลัง ยิงเปรี้ยงๆ แล้วตัดสินใจวิ่งเลี้ยวจะไปอีกทางหนึ่ง ดันเจอพาณิชย์กระโดดมาดักหน้า แล้วยิงเปรี้ยงๆ
ดนัยกับฉวีวรรณ ปล่อยมือ ต่างกระโดดหลบกระจายไปคนละทาง พาณิชย์ทำหน้ายิ้มเยาะ จะเข้ามายิงดนัย
“แกตาย!”
ไวเท่าความคิดดนัยเตะจระเข้ฟาดหาง จนปืนในมือพาณิชย์ลอยกระเด็นหายไปในพุ่มไม้ ดนัยเตะซ้ำอีกอย่างรวดเร็วเข้าตัดข้อพับขาพาณิชย์ ทำให้พาณิชย์ทรุดฮวบลงไปคุกเข่า คราวนี้ดนัยปล่อยหมัดเข้าหน้าพาณิชย์ สามหมัดซ้อนๆ พาณิชย์หงายตึงล้มไปกองนอนนิ่งหมดสติ
แต่แล้วธนวัติก็ก้าวเข้ามา พร้อมกับยกปืนเล็งจะยิงดนัยจากทางข้างหลัง ฉวีวรรณมองเห็นตะโกนบอก
“ดนัย!”
ดนัยรีบกระโดดหลบ
ธนวัติยิงอีก
“ปัง-ปัง-ปัง”
ดนัยกลิ้งหลบได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วโหนกิ่งไม้ สวิงตัวเองเข้ามาใช้เท้าคู่ถีบหน้าธนวัติจน
หงายหลังตึงล้มลงไป ปืนในมือธนวัติหล่นกระเด็น ธนวัติ เข้าไปจะจับปืน แต่ดนัยไวกว่าตามเข้ามา เอาเท้ากระทืบมือ ธนวัติร้องเจ็บปวดลั่น พาณิชย์ฟื้นขึ้นมา ทำท่าจะเข้าไปเล่นงานดนัย
ฉวีวรรณดูอยู่ รีบหยิบท่อนไม้ ฟาดหลังพาณิชย์ล้มลงไปอีก ดนัยหยิบปืนขึ้นมา ทำท่าเล็งจะยิงธนวัติ
“อย่า.....!” ธนวัติร้องลั่น กลัวตาย
“กลัวตายด้วยเหรอ”
ดนัยขึ้นไกปืนทำท่าจะยิงธนวัติจริงๆ ธนวัติร้องลั่นสุดเสียง แต่แล้วดนัยเบี่ยงปืนยิงขึ้นฟ้า
“ปังปังปังปัง” จนกระสุนหมด
“จำไว้ แกรักชีวิตแกยังไง คนอื่นก็รักชีวิตเขาเหมือนกัน”
ธนวัติอึ้ง ดนัยเอาด้ามปืนต่อยเข้าหน้า จนธนวัติล้มหน้าคว่ำลงไปเหมือนสลบ ดนัยทิ้งปืนไป แล้วผละไปดึงมือฉวีวรรณ วิ่งออกไปเลย
“ไป!”
ธนวัติที่ล้มเงยหน้าขึ้นมา มีเลือดไหลซิบที่ปาก
ธนวัติถลกขากางเกงขึ้น หยิบปืนอีกกระบอกออกมาถือ มองออกไปอย่างแค้นสุดๆ
“ไอ้ดนัย!”
ขณะเดียวกันนั้นศิริวิ่งตามเข้ามาหาธานี กับอาหลู่
“ธานี ยายหวีล่ะ”
“นายวัติกับพาณิชย์ตามไปช่วยแล้ว”
ธานีบอกพร้อมกับมีเสียงของฉวีรรณกรี๊ดลั่นดังขึ้นมา ก้องป่า ศิริมองตามเสียงหน้าเสีย ตะโกนลั่น
“ยายหวี!”
ที่เนินสูงริมลำธาร ฉวีวรรณกับดนัยอยู่ในอาการหน้าตาตื่น ทั้งคู่ค่อยๆ ก้าวถอยหลังอย่างระวัง ขณะที่ธนวัติเล็งปืนมาที่ดนัย โดยมีพาณิชย์ยืนเคียงข้าง
“ขอบใจนะที่ไว้ชีวิตพวกฉัน...” ธนวัติเยาะอย่างไม่สำนึกบุญคุณ
“เราเลยต้องรีบกลับมาตอบแทนพระคุณ” พาณิชย์เย้ย
ธนวัติ กับพาณิชย์หัวเราะชอบใจ ย่างสามขุมเข้าหาทั้งสอง
“สารเลว พวกแกมันชั่วสุดขั้วจริงๆ” วรรณฉวีด่าทั้งคู่ จังหวะที่เท้าของฉวีวรรณถอยไปจนสุดเนิน ทำท่าจะร่วง ฉวีวรรณก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ “ว้าย!”
ดนัยรีบฉุดร่างฉวีวรรณไว้ มองไปเห็นลำธารด้านล่าง ประเมินดูคร่าวๆ น้ำเชี่ยว ไหลแรงและน่ากลัวมาก ธนวัติหัวเราะลั่นเดินเข้ามาหา
“อดใจเดี๋ยวนะฉวีวรรณ ให้ฉันเด็ดหัวไอ้ดนัยก่อน แล้วไอ้ชั่วคนนี้จะเป็นผัวเธอ...”
ดนัยกับฉวีวรรณขยับถอยหลัง จนดินร่วงกร่อน ฉวีวรรณกรี๊ด
ธนวัติเล็งปืนที่ดนัยจะยิง จังหวะนั้นเองดนัยตัดสินใจดึงตัวฉวีวรรณให้กลิ้งลงเนินไปด้วยกัน เฉียดกระสุนไปอย่างหวุดหวิด ฉวีวรรณกรี๊ดลั่นอย่างตกใจ
ดนัยกับฉวีวรรณกลิ้งหลุนๆๆๆ ลงมาตามเนิน ร้องลั่นทั้งคู่ ก่อนจะหล่นตูมลงน้ำ หากมองเห็นจากใต้น้ำ ก็จะเห็นดนัยกับฉวีวรรณพากันตะเกียกตะกาย ฉวีวรรณโผล่ขึ้นน้ำมาตาเหลือก น้ำเชี่ยวไหลกราก
“ช่วยด้วย”
ศิริ ธานี อาหลู่วิ่งตามเข้ามาจากบริเวณเนินเขาเหนือลำธาร เพื่อสบทบกับ ธนวัติ พาณิชย์ที่ริมตลิ่ง
“ยายหวี! ยายหวีละ” ศิริถาม
แต่ไม่ทันที่ใครจะตอบ ฉวีวรรณก็มองมาที่พ่อ ร้องขอความช่วยเหลือ
“พ่อ พ่อช่วยหวีด้วย”
ศิริหันมองตกใจ แล้วทำท่าจะลงไปช่วยลูก ธานี กับ อาหลู่ ช่วยกันดึงตัวไว้
“ยายหวี พ่อจะไปช่วยลูกเดี๋ยวนี้แหละ”
“อย่านาย น้ำเชี่ยวเดี๋ยวตาย” อาหลู่บอก
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปช่วยลูก”
ดนัยตั้งหลักได้ก่อนรีบคว้าแขนฉวีวรรณ แล้วยึดท่อนไม้อันหนึ่งไว้...ฉวีวรรณกำลังจะจมน้ำ ตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย!!”
“เกาะไว้หวี”
ดนัยบอกฉวีวรรณ ศิริร้องลั่นเป็นห่วงลูก
“ปล่อยฉัน! ปล่อย! หวี ยายหวี”
“พ่อๆ พ่อช่วยด้วย...อ๊อย...”
ฉวีวรรณร้องออกมา แต่เพราะกระแสน้ำพัดแรง จึงพาทั้งสองไหลลอยไกลออกไปอีก ศิริใจจะขาด เห็นลูกสาวอยู่ตรงหน้า แต่ช่วยอะไรไม่ได้ จึงตะโกนขึ้นสุดเสียง
“หวี!”
ศิริพุ่งแรงจะลงไปอีก ธานี อาหลู่ รั้งไว้สุดๆ ธนวัติ พาณิชย์ทำมาเป็นห่วง
“พี่ศิริอย่า ลงไปอย่างนี้มีแต่ตายกับตาย” ธานีบอก
“หวีกับไอ้ดนัยคงไปไม่ได้ไกล เราเอารถไปดักที่โค้งทางโน้นดีกว่านะครับคุณลุง” ธนวัติออกไอเดีย
ศิริตะโกนลั่นให้รีบตามไป ทุกคนวิ่งออกไป
“จะช้าทำไม รีบไปสิ”
ในลำธารขณะนั้นดนัยกอดปล้ำให้ฉวีวรรณจับยึดขอนไม้ เพราะฉวีวรรณตั้งท่าพยายามจะหนี
“ปล่อยฉัน ! ฉันจะไปหาพ่อ”
“เธอนี่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง เดี๋ยวก็จมน้ำตายหรอก!”
“จะเป็นจะตายมันก็เรื่องของฉัน นายไม่เกี่ยว!”
ฉวีวรรณอ้าปากแล้วงับแขนดนัยที่ล็อกคอไว้ จนดนัยต้องปล่อยมือ แล้วรีบว่ายหนีออกไป ฉวีวรรณลอยคออยู่ในน้ำ เห็นท่อนไม้อันหนึ่งผลุบๆ โผล่ๆ รีบตรงเข้าไปหมายจะคว้า แต่แล้วท่อนไม้นั้นกลับทะลึ่งตัวขึ้นให้เห็นว่าเป็น...จระเข้
“กรี๊ด..... จระเข้!”
ดนัยหันไปมองอย่างตกใจ จระเข้อ้าปากพุ่งเข้าใส่ฉวีวรรณทันที ดนัยรีบพุ่งตัวไปกระชากฉวีวรรณออกมา แล้วว่าหนีไป ดนัยกับฉวีวรรณลอยคอไปตามกระแสน้ำที่พัดเร็ว มีจระเข้ว่ายตามไปติดๆ
ดนัยกัดฟันประคองฉวีวรรณไว้ใกล้ตัว แล้วว่ายหนีมาจนถึงโขดหินริมลำธาร ก่อนจะรีบดันตัวฉวีวรรณขึ้นไปด้านบน
“ขึ้นไปเร็วๆ”
คราวนี้ฉวีวรรณรีบทำตามอย่างว่าง่ายไม่อิดออด ดนัยรีบปีนตาม จระเข้พุ่งตัวมาเกือบถึง แล้วอ้าปากจะงับ ดนัยรีบเอาก้อนหินก้อนใหญ่ ทุ่มใส่น้ำเสียงดังตูม!!! จระเข้ตกใจ รีบดำน้ำหนีไปทันที
ฉวีวรรณกับดนัยมองดูจระเข้ที่ค่อยๆ ลอยตัวหนีไปตามกระแสน้ำอย่างโล่งใจ
แล้วทั้งคู่ก็พากันทิ้งตัวลงนอนแผ่หรา หมดเรี่ยวแรง
อ่านต่อหน้า 2
หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 4 (ต่อ)
ค่ำแล้ว แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งต่างมารอพวกที่ออกไปตาม 4 คน อย่างกระวนกระวาย สักพักรถ 2 คันก็แล่นเข้ามาจอด ศิริ ธานี ธนวัติ พาณิชย์ สุภาพ อาหลู่ลงมาจากรถ แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งรีบเข้าไปรุมล้อมศิริ โดยมีแจ๋ถามรัวขึ้นเป็นชุด
“คุณลุงขา เป็นไงบ้างคะ เจอหวีมั้ย แล้วหวันล่ะคะ กลับมาด้วยกันรึเปล่า แล้วดนัยกับชลิตล่ะ”
ศิริอ้าปากจะตอบแต่ไม่มีจังหวะ พูดไม่ทันแจ๋ กิมจิทนไม่ไหว ล็อกตัว ปิดปากแจ๋ แจ๋ดิ้นรนร้องอู้อี้ กิมจิถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“คุณลุงเจอหวีกับหวันหรือเปล่าครับ”
“ทุกคนปลอดภัยใช่มั้ยครับ
บุญทิ้งถามมา แต่ศิริส่ายหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง ยังหาใครไม่เจอสักคน”
ธนวัติตีหน้าเศร้าเข้ามา
“ผมเสียใจจริงๆ ครับ ที่ผมพาน้องหวีกลับมาไม่ได้...มันเป็นความผิดของผมเอง”
“เรื่องนั้นมันสุดวิสัย ช่างเถอะ ...แต่ลุงอยากจะเตือนอะไรวัติหน่อยนะ”
“อะไรครับ” ธนวัติยังไม่รู้ตัวเอง
“คือลุงไม่อยากให้วัติยิงอะไรโดยไม่จำเป็น ถึงลุงจะไม่ชอบไอ้หนุ่มสองคนนั่น แต่ก็ไม่อยาก
ให้มันถึงกับเลือดตกยางออก และที่สำคัญ ลุงกลัวลูกสาวลุงจะโดนลูกหลงไปด้วย”
ธนวัติหน้าตึงขึ้นมาอย่างโกรธๆ ธานีสบตาให้ธนวัติระงับอารมณ์ เล่นละครคนแสนดีสักฉาก
ธนวัติรู้ทันทำเป็นเสียใจ ทรุดลงไปคุกเข่า ยกมือไหว้ขอโทษศิริ
“ผมขอโทษนะครับคุณลุง ผมมันไม่เอาไหน ผมมันเลวจริงๆ ที่วู่ว่ามอย่างนั้น ถ้าน้องหวีเป็นอะไรไป ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย!”
ไม่พูดเปล่าๆ ธนวัติเอามือชกพื้นปั้กๆ ทำเป็นเสียใจจริงๆ พาณิชย์รีบห้ามธนวัติ
“พี่วัติ อย่า!”
“ปล่อยพี่ อย่าห้ามพี่!”
ห้ามธนวัติ แต่พาณิชย์กลับทุบอกตัวเองเสียงดังปั้กๆ
“พี่คิดว่าผมไม่เสียใจรึไง ผมก็เสียใจไม่น้อยกว่าพี่ ที่หาน้องหวันไม่เจอ ช่วยอะไรคุณลุงก็ไม่ได้ !”
“พอเถอะวัติ พาณิชย์ ทำร้ายตัวเองก็ไม่มีประโยชน์
ธานีบอกลูกและหลาน จังหวะนั้นสุภาพก็เปรยๆ กับศิริ ในอาการปลื้มๆ สองหนุ่ม
“แหม ..คุณวัติคุณพาณิชย์เป็นห่วงคุณหนูทั้งสองมากนะครับเนี่ย นายอย่าไปถือสา คนหนุ่มก็อย่างนี้ เลือดร้อนนะครับ”
ศิริพูดสวนขึ้น
“เอาล่ะ ทุกคน ฉันขอบใจนะที่ทุกคนช่วยเหลือฉันตามหาลูกอย่างเต็มที่ แต่อย่างที่ฉันบอก ขอให้ความตั้งใจดีนำมาซึ่งวิธีการ ตามหาที่ถูกต้องด้วย”
ธานีหลิ่วตาอีก ธนวัติกับพาณิชย์เหลือบมอง แล้วทั้งสองทำยินดีรับคำ
“ครับคุณลุง ต่อไปพวกผมจะระวัง”
“พวกเราจะไม่ทำให้คุณลุงเสียใจ เราจะรีบตามหาน้องทั้งสอง ให้พบเร็วที่สุด”
แจ๋กับกิมจิรู้ทันหมั่นไส้ธนวัติและพาณิชย์มากๆ ที่เห็น ธนวัติและพาณิชย์ตีหน้าเป็นคนดี อยู่ตรงหน้า
เวลาต่อมาภายในห้องรับแขกบ้านธานี สามคน พ่อ ลูกและหลาน ธานี ธนวัติและพาณิชย์นั่งโอบสาวสวยเซ็กซี่คนละคนสองคน ดื่มเหล้า เฮฮาปาร์ตี้ พาณิชย์หอมแก้มสาวข้างๆ กายบ่นออกมา
“พรุ่งนี้ผมไม่ไปตามหายายดาหวันแล้วนะคุณอา ทั้งเหนื่อย ทั้งน่าเบื่ออยู่กับน้องๆ ดีกว่า”
“เฮ้ย ไม่ได้ๆ คิดถึงเงินเป็นร้อยล้านโอนเข้ากระเป๋าแกไว้ ถ้างานนี้สำเร็จ เราจะสบายไปตลอดชาติ ท่องไว้…” ธานีเน้นคำกับหลานชาย “เงิน ๆ ๆ”
พาณิชย์คล้อยตาม นึกถึงเงินแล้วตาลอยด้วยความโลภ
“แกก็เหมือนกันวัติ อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามมีพิรุธ ให้มันสงสัยละ”
“ไม่ต้องห่วงครับป๊า หน้ากากผมมีหลายอัน ยังไงไอ้แก่ศิริมันจับไม่ได้หรอก”
จังหวะนั้นอุ๊บอิ๊บผลุนผลันเข้ามา ไม่เคาะประตู มาถึงก็โวยวาย
“ป๊า…เจอพี่ดนัยมั้ย พี่ดนัยแฟนหนูเป็นไงบ้าง”
“โว้ย อย่าพูดถึงชื่อนี้ได้มั้ย ฟังแล้วหงุดหงิด” ธนวัติโมโห
“พรุ่งนี้อุ๊บอิ๊บขอเข้าป่าด้วยนะคะ อุ๊บอิ๊บจะไปตามหาพี่ดนัย”
“ไม่ได้!” ธนวัติพูดเสียงดัง
“เอ๊ะ ก็อุ๊บอิ๊บจะไป”
อุ๊บอิ๊บไม่พอใจ ธานีรีบตัดบท
“อย่าเถียงกัน เข้าป่าไม่สนุกหรอก ให้เป็นหน้าที่ของผู้ชายดีกว่า เอานี่ อุ๊บอิ๊บ เอาเงินไป พรุ่งนี้จะไปช้อปปิ้ง เสริมสวยอะไรที่ไหนก็ไป”
ธานีควักเงินให้อุ๊บอิ๊บ แต่ไม่เป็นผล
“อุ๊บอิ๊บไม่อยากได้เงิน อุ๊บอิ๊บจะหาพี่ดนัย ได้ยินไหม อุ๊บอิ๊บ คิดถึงพี่ดนัย” อุ๊บอิ๊บวีนใส่
ธนวัติรำคาญ พยักหน้าให้พาณิชย์ พาณิชย์รู้ใจ รีบดันอุ๊บอิ๊บออกจากห้องไป ปิดประตูใส่หน้า แล้วหันมาสนุกสนานกันต่อ
บรรยากาศในป่ายามค่ำคืนมืดมิดไปหมด มองเห็นแววตาของกวางวาวโรจน์อยู่ในความมืด ก่อนจะวิ่งหนีหายไป ขณะนั้นดาหวันกำลังเข็นรถที่ติดหล่ม โดยมีชลิตทดลองเร่งเครื่อง เสียงชลิตตะโกน ออกแรงหน่อย
“ก็ออกอยู่เนี่ย”
ล้อรถดีดโคลนใส่เลอะเสื้อผ้าและใบหน้าดาหวัน ร้องโวยวายทันที
“อ๊าย...ทนไม่ไหวแล้วนะ ทำไมหวันต้องเข็นด้วย”
ชลิตโผล่หน้าออกมาทางหน้าต่างรถ ตะโกนตอบ
“เธอติดหนี้บุญคุณฉัน ถ้าฉันไม่พาเธอหนีมา เธอจะต้องหมั้นกับไอ้พาณิชย์ถ้าไม่พอใจ ฉันจะพาเธอกลับไปส่งให้ไอ้พาณิชย์เดี๋ยวนี้”
ดาหวันเถียงไม่ออก ชลิตยิ้มสะใจที่เอาชนะดาหวันได้
“เก็บแรงไว้เข็นดีกว่า อย่ามัวแต่บ่น”
ดาหวันเจ็บใจ พยายามท่องชื่อดนัยให้กำลังใจตัวเอง
“เพื่อพี่ดนัย ท่องไว้ เพื่อพี่ดนัย”
แล้วดาหวันก็ฮึดออกแรงเข็นสุดชีวิต
รถขึ้นจากหล่มได้ ชลิตเข้าประจำที่คนขับอยู่ ชะโงกหน้ามาดูอย่างดีใจ
“ได้แล้ว” ชลิตตะโกนออกมาหันมาทางดาหวัน “ขึ้นรถเร็ว เราต้องรีบไปต่อ เดี๋ยวพวกนั้นตามมาทัน”
ดาหวันเหนื่อยสุดใจ เดินเซแล้วเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าชลิต
“อ้าว เป็นอะไร”
ชลิตตกใจรีบลงจากรถ จะเข้าไปหาดาหวัน แล้วนึกรู้
“อย่ามาเล่นละครดีกว่า คิดว่ารู้ไม่ทันเหรอ เป็นลมใช่มั้ย งั้นจะปล่อยทิ้งไว้ตรงนี้แหละบ๊ายบาย”
ชลิตแกล้งขึ้นรถ แล้วขับหนีไปช้าๆ
ครู่ต่อมาชลิตคอยมองกระจกมองหลัง แต่ดาหวันยังนอนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน ชลิตเริ่มเครียด
“เป็นลมจริงเหรอนี่”
ในที่สุดชลิตต้องถอยรถกลับมา ลงจากรถ มาประคองดาหวัน
“นี่ ยายหวัน” ชลิตแกล้งด่า “เด็กแก่แดด ยายตัวแสบหน้าจิ้งจก”
แต่ดาหวันยังนอนแน่นิ่ง ไม่รู้สึกตัว
“ไม่ลุกมาด่าด้วยแฮะ แสดงว่าเป็นลมจริง”
ชลิตรีบประคองดาหวันไปนั่งบนรถ ตรงที่นั่งคนขับ ชลิตเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก
“ทำไงดีล่ะ ยาก็ไม่มีสักอย่าง” นึกบางอย่างขึ้นได้ “ต้องเช็ดหน้าก่อน น้ำล่ะน้ำ”
ชลิตจะไปที่ลำธาร โดยไม่รู้ว่าเวลานั้นดาหวันแอบหรี่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์ ชลิตกำลังจะวิ่งไป ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ จึงรีบหันมาดู เห็นดาหวันโบกมือให้ พร้อมกับพูดล้อเลียนเสียงชลิตเมื่อครู่นี้
“บ๊ายบาย นะคุณพี่หน้าจิ้งเหลน”
“เด็กเจ้าเล่ห์...หลอกกันรึนี่”
ชลิตวิ่งตามรถแต่ไม่ทัน ดาหวันขับหนีไปเลย
“โธ่เว้ยยย ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
ดาหวันขับรถหนีมา หัวเราะสนุก สะใจ
“สมน้ำหน้า!”
ดาหวันมองทางข้างหน้าแล้วอึ้ง หัวเราะไม่ออก เพราะรอบตัวมืดมิดไปหมด
“ทำไมมันวังเวงอย่างนี้ล่ะ”
ดาหวันมองไปข้างหน้า ไม่รู้จะไปทางไหน
“แล้วพี่ดนัยอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย”
ดาหวันหันไปมองเบาะข้างๆ ดันเห็นเป็นภาพชลิตยิ้มกวนประสาทให้ ดาหวันตกใจ รีบขยี้ตา
เพ่งมองอีกที มีแต่เบาะว่างเปล่า ไม่มีชลิต
“จะไปนึกถึงทำไม ไม่มีพี่ชลิต ฉันก็เอาตัวรอดได้ เชอะ!”
นาทีนั้นดาหวันเริ่มคิดหนัก แล้วนึกได้ พนมมือ
“เจ้าประคู๊ณ ขอให้ความรักนำทางไปหาพี่ดนัยทีเถอะ เพี้ยงๆๆ!”
ดาหวันเป่าที่พวงมาลัยปลุกเสกของ แล้วขับรถต่อไป
ส่วนทางฉวีวรรณ เวลานั้นกำลังลากขอนไม้อันหนึ่งเข้ามาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ดนัยถอดเสื้อออกมาบิดน้ำให้หมาด ฉวีวรรณเห็นดนัยถอดเสื้อก็ตกใจ
“นายจะทำอะไร!”
ดนัยไม่ตอบตากเสื้อไว้บนกิ่งไม้
“ถอดเสื้อซะ ถ้าไม่อยากเป็นหวัด”
“ไม่!”
“แล้วนี่เธอทำอะไรของเธอ”
“แบ่งเขตน่ะสิ ถ้านายข้ามเขตเมื่อไร ฉันไม่รับรองความปลอดภัยของนาย”
“ได้ แล้วถ้าเธอข้ามเขตมา ฉันก็ไม่รับรองความปลอดภัยของเธอเหมือนกัน”
ดนัยล้มตัวลงนอน ฉวีวรรณก็นอนบ้าง ทั้งคู่ต่างหันหลังให้กัน
ดาหวันยังคงขับรถมาเรื่อยๆ แล้วก็บ่นอยู่คนเดียว
“มีแต่ป่าๆๆ มองไปทางไหนก็ป่า แล้วจะรู้มั้ยว่าพี่ดนัยอยู่ที่ไหน”
เสียงสัญญาณเตือนน้ำมันจะหมดดังขึ้นมา ดาหวันตกใจ
“น้ำมันหมด!” เครื่องยนต์ดับไปเฉยๆ
“โอ๊ย ตายแล้ว แถวนี้ไม่มีปั๊มด้วยสิ
ดาหวันลงจากรถ กวาดตามองไปรอบๆ ตัว มีแต่ความมืดมิด วังเวง ดาหวันเริ่มกลัวคิดในใจ ทำไมน้ำมันต้องมาหมดตอนนี้ก็ไม่รู้
ดาหวันมองไปรอบๆ อีกครั้ง แต่ลืมมองทางด้านหลัง จึงไม่รู้ว่ามีคนย่องมา โดยที่ดาหวันไม่รู้ตัว ชายคนหนึ่งสวมรองเท้าผ้าใบเก่าๆ เหยียบใบไม้แห้งเสียงดังแกรกเดินเข้ามา ดาหวันหันหลังมา ตกใจมาก
“แกเป็นใคร”
ดาหวันตกใจ ส่วนหมู่โจรซึ่งมี 3 คน พากันยิ้มกริ่ม
“นางฟ้ารึเปล่า ทำไมคนสวยมาอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้”
“ยะ อย่าเข้ามานะ”
ปากตะโกนร้อง สมองดาหวันสั่งให้วิ่งหนี โดยมีโจรวิ่งไล่มาติดๆ
ดาหวันวิ่งหนีพลางร้องตะโกนให้คนช่วยลั่นป่า โจรคนที่ 2 ใน 3 ไล่ตามทันรวบตัวไว้กอดรัดดาหวันจากด้านหลัง
“ปล่อย!”
ดาหวันกระทืบเท้าแล้วศอกใส่โจรคนนั้นทันที
“ฤทธิ์มากนักนะ
โจรอีกคนหนึ่งโมโห จึงเข้ามาจิกผมดาหวัน
“โอ๊ย”
ดาหวันถูกโจรร้ายชกเข้าที่ท้องก็ทรุดตัวล้มลง โจรทั้งสามแสยะยิ้ม กรูเข้ามาหัวเราะอย่างหื่น ดาหวันไหว้ขอร้อง
“อย่าทำฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”
“ไม่ต้องกลัว พี่จะทำให้น้องมีความสุข”
“ลาภปากจริงๆ อดอยากมานานแล้ว”
โจรร้ายคนที่ 3 ทรุดลงไป เชยคางดาหวันขึ้น ดาหวันกรี๊ด น้ำตาคลอ
“อย่า พี่ดนัย ช่วยหวันด้วย พี่ดนัย!”
ดาหวันกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว จู่ๆ ชลิตมาจากทางไหนไม่รู้คว้าไหล่โจรป่าทั้ง 3 มาชกล้มลง ดาหวันดีใจ
“พี่ชลิต!”
ชลิตตามไปชกโจรคนหนึ่ง แต่โจรหลบได้ แล้วเตะชลิตจนเซไปติดต้นไม้ใกล้ๆ โจรตามมาจะชกชลิตรีบหลบ โจรคนนั้นจึงชกโดนต้นไม้เจ็บมือฟรี
“โอ๊ย!”
ชลิตเตะโจรคนนั้นล้มลงไป โจรอีก 2 คน คว้าท่อนไม้ได้มาสู้ฟาดใส่ชลิต แต่ชลิตใช้แขนขึ้นรับ จนเจ็บแขน โจรได้ที ฟาดชลิตไม่ยั้ง ชลิตเสียท่าเจ็บตัว ดาหวันมองอยู่อย่างเป็นห่วง
“พี่ชลิต ระวัง!”
“หวัน หนีไป”
ชลิตร้องบอก แต่ดาหวันทำอะไรไม่ถูก เป็นจังหวะเดียวกับที่โจร ฟาดชลิตอีก แต่ชลิตจับไม้ไว้ แล้วเตะอัดลำตัวไปหลายครั้ง โจรทรุดตัวล้มลง ชลิตดึงไม้ไปฟาดโจรอีกคน ที่วิ่งเข้ามาจะตีหัวชลิต โจรร้ายคนสุดท้ายหน้าหงายล้มตึงไปเลย ชลิตรีบดึงดาหวันหนี
“ไปเร็ว!”
ชลิตและดาหวันวิ่งหนีมาในป่า ต่างพากันหอบแฮกๆ อย่างเหนื่อย
“เป็นอะไรรึเปล่า” ชลิตหายหอบหันมาถามดาหวัน
“พี่ชลิต!”
ดาหวันลืมตัว โผเข้ากอดชลิต ร้องไห้สะอึกสะอื้น ยังตกใจกลัวไม่หาย ชลิตกอดปลอบขวัญ
“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้วนะ”
ดาหวันกอดชลิตร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ด้วยความหวาดกลัว
เวลาต่อมาไม่นาน ดาหวันนอนหลับไป ทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนน้ำตา ชลิตถอดเสื้อมาห่มให้กันหนาว ชลิตเช็ดคราบน้ำตาและลูบผมดาหวัน ทั้งห่วงและสงสาร จู่ๆ นาทีนั้นดาหวันก็ละเมอออกมา
“พี่ดนัย ช่วยหวันด้วย พี่ดนัย”
ชลิตชะงักมืออึ้งๆ แล้วถอนหายใจ...
“เฮ้ออ เป็นอะไรไปวะ ไอ้ชลิต เขาละเมอถึงแฟนเขามันก็ถูกแล้วนี่แล้วใจเรา ทำไมมันถึง..โหวงๆ แปลกๆ อย่างนี้ด้วยวะ”
ชลิตส่ายหน้า ไม่อยากจะคิด แล้วหันมองหน้าดาหวันอย่างยากจะหักห้ามใจได้ทุกที
ส่วนคู่ของฉวีวรรณและดนัยต่างนอนไม่หลับ
“นายรักยายหวันจริงรึ ทำไมถึงคิดจะหนีไปด้วยกัน” ฉวีวรรณถามขึ้น
“ฉันแค่ทนไม่ได้ที่หวันจะต้องหมั้นกับคนอย่างไอ้พาณิชย์ เธอก็เหมือนกัน ไอ้ธนวัติไม่ใช่คนดี”
ฉวีวรรณอึ้งไป เริ่มรู้สึกซึมซับรับรู้ว่าดนัยเป็นห่วงเป็นใยตัวเองด้วย
“แต่สำหรับเธอ หมอนั่นอาจจะเป็นรถด่วนขบวนสุดท้ายแล้วก็ได้แต่งๆ ไปเถอะ” ดนัยหักมุมยั่วโมโหอีกจนได้
“ปากเสีย! ชลิตขอฉันแต่งงานตั้งสิบเจ็ดครั้งแล้วย่ะ!”
“กรรมอะไรของเจ้าชลิตก็ไม่รู้ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปได้” ดนัยเย้ยแกมเยาะ
“นี่นาย! จะมากไปแล้วนะ”
ฉวีวรรณโกรธจนลืมตัว จะข้ามขอนไม้ไปเอาเรื่องดนัย
“อ๊ะๆๆ เธอบอกเองว่าห้ามข้ามเขต ถ้าข้ามมาฉันไม่รับรองความปลอดภัยนะ”
ฉวีวรรณชะงัก รีบถอยกลับไปในเขตตัวเอง แต่แล้วเวลานั้นจู่ๆ กิ่งไม้หล่นลงมา ฉวีวรรณกรี๊ดลั่น คิดว่างู
“อ๊าย... งู”
ฉวีวรรณลืมตัว กระโดดข้ามขอนไม้ไปซุกอยู่ในวงแขนของดนัย
“งูที่ไหนกัน แค่กิ่งไม้”
ดนัยบอก ฉวีวรรณโล่งอก แล้วหันหน้ามาชนกับหน้าดนัยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสองสบตากันพอดี ต่างคนต่างตะลึง ลืมตัวไปชั่วขณะ ฉวีวรรณเขิน หลบตา
“อย่านะ นายจะทำอะไร”
ดนัยรู้สึกตัว เลยดีดหน้าผากฉวีวรรณแก้เก้อ
“โอ๊ย”
“ฉันไม่เห็นกงจักรเป็นดอกบัวเหมือนไอ้ชลิตหรอก”
ฉวีวรรณโกรธจะซึ้งทีไรจบหักมุมทู๊กที
“อีตาบ้า!”
ฉวีวรรณรีบกลับไปยังเขตของตัวเอง นอนหันหลังให้ดนัยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ดนัยกับฉวีวรรณต่างนอนหันหลังให้กัน
พร้อมๆ กับที่ ต่างคนต่างยิ่งรู้สึกหวั่นไหวต่อกันมากขึ้นทุกที!
อ่านต่อหน้า 3
หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 4 (ต่อ)
เช้ามืดของวันต่อมา อุ๊บอิ๊บเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กแต่สวยงาม ย่องออกจากบ้าน
มองไปเห็นลูกน้องคนหนึ่งนั่งหลับ อุ๊บอิ๊บย่องผ่านลูกน้องมาที่รถ พูดเบาๆ กับตัวเองน้ำเสียงจริงจัง
“พี่ดนัยขา…อุ๊บอิ๊บจะพาพี่ดนัยกลับมาให้ได้”
อุ๊บอิ๊บแก้เชือกด้านหนึ่งที่มัดผ้าใบไว้ออก เปิดผ้าใบที่คลุมท้ายรถ แล้วแสดงท่ารังเกียจที่ท้ายรถดูสกปรก
“เพื่อพี่ดนัย เราต้องอดทน!”
อุ๊บอิ๊บปีนเข้าไปหลบในท้ายรถที่วางอาวุธ และคลุมผ้าใบมัดไว้ตามเดิม
ศิริ ธานี ธนวัติ พาณิชย์ สุภาพและลูกน้องอื่นๆ พร้อมจะออกเดินทางกันแล้ว
“เอ้า ออกรถได้”
จังหวะที่ศิริสั่งออกรถนั้น แจ๋ก็ส่งเสียงแหลมแหวกอากาศยามเช้ามาแต่ไกล
“หยุดก่อน!”
ทุกคนชะงัก หันไปมอง เห็น แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งเดินเรียงหน้ากระดาน มาแบบเท่มากๆ แจ๋ยืนตรงกลาง มีกิมจิและบุญทิ้งขนาบสองข้าง
แจ๋…แต่งตัวแบบทูมไรเดอร์ เซ็กซี่ปนห้าว เสื้อกล้ามรัดรูปสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ พร้อมเป้และอาวุธเหน็บที่ต้นขา ได้แก่...หนังสะติ๊ก
ส่วนกิมจิ…แต่งชุดเสื้อกล้ามรัดรูปสีขาว สวมทับด้วยเสื้อกั๊กหรือแจ๊คเกตลายพราง พร้อมกางเกงขายาวลายพราง ถุงมือแบบตัดนิ้วและวันกันแดด มีบุญทิ้งคนเดียวที่แต่งตัวตามปกติ
ศิริ สุภาพและอาหลู่อึ้ง สุภาพพูดกับอาหลู่
“นั่นเขาจะไปเดินแบบที่ไหนกัน
“รอด้วยค่ะคุณลุง ให้หนูไปด้วยนะคะ” แจ๋พูดรัวเป็นชุด
“ไม่ได้นะครับคุณลุง สามคนนี้เป็นพวกเดียวกับไอ้ดนัยกับไอ้ชลิตต้องมีแผนอะไรแน่ๆ ไว้ใจไม่ได้นะครับ” ธนวัติไม่เชื่อใจแจ๋ คิดว่าต้องไปขัดขวางเขาแน่ๆ
“ไม่จริงค่ะ หนูตั้งใจจะช่วยนะคะ ถึงหนูจะพูดไม่เก่ง แต่ดนัยและชลิตเป็นเพื่อนของหนู หนูจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้สองคนนั้น ยอมปล่อยตัวหวีกับหวันเองค่ะ”
“ดีเหมือนกัน ลุงก็ไม่อยากให้ถึงกับเลือดตกยางออก”
ธานี ธนวัติและพาณิชย์ไม่พอใจ แต่ไม่กล้าขัด ศิริสั่งออกรถ แจ๋ใส่เสื้อเชิ้ตคลุมมาด้วยหนึ่งตัว
กระรอกตัวหนึ่งกำลังวิ่งไล่ไต่ต้นไม้ เสียงนกร้องสดใสยามเช้า ฉวีวรรณตื่นขึ้น เห็นดนัยนอนหลับ ฉวีวรรณเห็นว่าเป็นโอกาสดี ลุกขึ้น เตรียมจะย่องหนี ดนัยพูดโดยยังไม่ลืมตา
“ยังคิดจะหนีอีกรึ”
ฉวีวรรณชะงัก
“นี่นายไม่ได้หลับ?”
“อยากไปไหนก็เชิญ ฉันเบื่อจะตามเธอแล้วแต่บอกไว้ก่อน” ดนัยได้โอกาสแกล้งขู่ “คนที่เคยเจอเสือครั้งหนึ่ง เสือมันจะจำกลิ่นได้แล้วมันจะตามกลิ่นเธอมาจนเจอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ตาม”
ฉวีวรรณได้ฟังก็ตกใจกลัว แต่ยังปากแข็ง
“จะบ้าเหรอ เสือนะไม่ใช่หมา นายไม่ต้องมาขู่ ฉันไม่เชื่อหรอก”
ฉวีวรรณเดินหนีไป ดนัยจัดให้อีกหนึ่งดอกไล่หลังมา
“ไม่เชื่อก็ตามใจ น่าเสียดาย หน้าตาก็ดี จะไปเป็นอาหารเสือซะงั้น”
ฉวีวรรณชะงัก ลังเล คิดแล้วกลัวขึ้นมา ฉวีวรรณมองไปรอบข้าง เห็นพุ่มไม้ไหวก็ตกใจ
รีบวิ่งกลับมานั่งข้างดนัย ท่าทางของฉวีวรรณกลัวเอามากๆ
“ช่วยฉันด้วย ฉันจะทำยังไงดี ฉันไม่อยากเป็นอาหารเสือ”
เวลาต่อมาฉวีวรรณเอาโคลนพอกแขนขาเนื้อตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย จนเลอะเทอะไปหมดทั้งตัว ฉวีวรรณดมกลิ่นตัวเอง
“พอรึยัง ยังมีกลิ่นอยู่มั้ย”
“ยังไม่พอ พอกเข้าไปเยอะๆ เสือจะไม่ได้กลิ่น หน้าเธอด้วย”
ดนัยได้ทีแกล้งเอาโคลนป้ายหน้าฉวีวรรณ
“จริงด้วย ฉันลืมพอกหน้า”
ว่าแล้วฉวีวรรณรีบป้ายหน้าตัวเอง จนหน้าดำ ดนัยมองหน้าฉวีวรรณแล้วทนไม่ไหว หลุดหัวเราะขำออกมา
“หัวเราะอะไร”
ดนัยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปฉวีวรรณหน้าดำไปด้วยโคลนไว้ ดูรูปแล้วหัวเราะไม่หยุด
“ฮ่าๆๆ โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว”
ฉวีวรรณชะงัก มองดนัยแล้วนึกรู้
“นายแกล้งฉันใช่มั้ย นายโกหกฉัน”
“ช่วยไม่ได้ ก็เธอมันน่าหลอกนี่”
“อี๋ ไอ้เลว กวนประสาท!”
ฉวีวรรณโกรธ เอาโคลนไล่ป้ายหน้าดนัยบ้าง ทั้งสองสาดโคลนใส่กันสนุกสนาน
ทีมค้นหาของศิริยังตามหา 4 คนต่อไป อาหลู่สอดส่องหาร่องรอยในป่าทั้งบนพื้นและต้นไม้ใบหญ้าทุกกระเบียดนิ้วท่าทางตลกๆ ธานี สุภาพ และศิริเดินตาม จังหวะหนึ่งธานีกระซิบศิริ
“แน่ใจรึครับว่าจะได้เรื่อง ดูท่ามันอย่างกับจะแทงกบซะมากกว่า”
อาหลู่เจอรอยเท้าสองคู่บนพื้นดิน รีบโวยวายใหญ่โต
“เจอแล้วๆ ตรงนี้ๆ มีรอยเท้า ชัดเลย สองคน ผู้หญิงกับผู้ชาย”
ศิริ ธานี ธนวัติและพาณิชย์รีบมาดู แจ๋แหวกทุกคน แกล้งโวยวายเข้ามา
“ไหนๆๆ ขอดูด้วย อยู่ไหนๆ”
แจ๋แกล้งวิ่งเข้ามาเหยียบย่ำรอยเท้าเละหมด
“ไหนล่ะ อยู่ไหน ไม่เห็นมีเลย”
“หมดกัน” อาหลู่เศร้า
“เฮ้ย แบบนี้มันแกล้งกันนี่หว่า!” พาณิชย์โมโห
“ป่าวน๊า ไม่รู้จริงๆ นี่”
แจ๋ปฏิเสธ ศิริตัดบท
“เอาล่ะๆ อย่ามีเรื่องกันเลย”
แจ๋แอบยิ้มกับกิมจิและบุญทิ้ง ขณะที่ธนวัติและพาณิชย์ไม่พอใจ
กิมจิแอบย่องเข้าเฟรมมา ถือกิ่งไม้ที่มีใบหนาๆ บังหน้า ดูเผินๆ เหมือนพุ่มไม้ ย่องไปใกล้รถ
โดยที่พวกลูกน้องของธนวัติไม่ทันสังเกตเห็น สุภาพวิ่งเข้ามา หลบหลังรถ ปัสสาวะใส่พุ่มไม้ ท่าทางสุภาพมีความสุขที่ได้ปลดปล่อย กิมจิเบ้หน้า
“แหวะ!”
“เสียงใครวะ หรือว่าเจ้าป่าเจ้าขา”สุภาพสะดุ้งยกมือไหว้ “ยกโทษให้ลูกช้างด้วยเถ๊อะ”
สุภาพรีบวิ่งหนีออกไป กิมจิรีบขว้างใบไม้ทิ้ง ดมเสื้อผ้าตัวเองแล้วเบ้หน้า รีบไปที่ล้อรถ ล้วงตะปูออกมา กิมจิยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
ไม่นานหลังจากนั้นธนวัติกับพาณิชย์มาดูรถที่ถูกเจาะยางแบน ลูกน้องรีบงานงาน
“ดูสิครับ ยางแบนหมดเลย
ธนวัติกับพาณิชย์โกรธมาก
“พวกแกดูแลยังไง ทำไมเป็นอย่างนี้”
“มีคนแกล้งแน่”
“ใคร” พาณิชย์ถาม
ธนวัติพยักเพยิดไปทางกิมจิ แจ๋และบุญทิ้ง ซึ่งขณะนั้นกิมจิแอบยิ้มกับแจ๋และบุญทิ้ง พาณิชย์โกรธ จะเข้าไปเอาเรื่อง
“ต้องเป็นพวกมันแน่”
“อย่าใจร้อน เราไม่มีหลักฐาน เอาผิดใครไม่ได้” ธนวัติปราม
“แล้วจะทำยังไง”
“จับตาดูพวกมันไว้ จับให้ได้คาหนังคาเขา”
ธนวัติและพาณิชย์ผุดยิ้มร้ายๆ ออกมา
ส่วนบุญทิ้งแอบย่องมาที่ท้ายรถคันที่อุ๊บอิ๊บซ่อนตัวอยู่ นึกถึงคำพูดแจ๋ขึ้นมา
“ไปเอาลูกปืนมาซ่อนซะ พวกนั้นก็ทำร้ายใครไม่ได้”
บุญทิ้งหันไปมองแจ๋กับกิมจิที่หลบอยู่มุมหนึ่งอย่างไม่มั่นใจ แจ๋กับกิมจิส่งสัญญาณให้รีบทำ
บุญทิ้งจำเป็นต้องทำ ย่องไปที่รถ แต่พาณิชย์คอยเฝ้าอยู่ เห็นเงาคนแวบๆ
“ใครอยู่ตรงนั้น!”
บุญทิ้งตกใจ กลัวโดนจับได้ เลยมุดเข้าไปหลบใต้ผ้าใบ
บุญทิ้งหลบเข้าไปใต้ผ้าใบก็เจออุ๊บอิ๊บหลบอยู่ ทั้งสองมองหน้ากัน ต่างคนต่างตกใจ บุญทิ้งอ้าปากจะโวยายแต่อุ๊บอิ๊บปิดปากให้เงียบ ทั้งสองต้องเบียดกันเพราะที่แคบคับ บุญทิ้งจ้องมองหน้าอุ๊บอิ๊บอย่างอึ้งตะลึง
ธนวัติเดินมาที่หน้ารถถามขึ้น
“มีอะไร”
“มีคนมาทำลับๆ ล่อ ๆ ละพี่”
พูดพลางพาณิชย์มองหา แต่ไม่เห็นใคร
“หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
ธนวัติมองท้ายรถที่มีผ้าใบคลุม
“มันอาจจะยังอยู่แถวนี้ก็ได้”
ในอีกมุมแถวๆ นั้น แจ๋กับกิมจิออกอาการลุ้นจัด ขณะที่ใต้ผ้าใบ บุญทิ้งเริ่มหายใจไม่ออก หอบกำเริบ อุ๊บอิ๊บจุ๊ปากแบบไม่ให้บุญทิ้งร้อง บุญทิ้งตาเหลือกพยายามอั้น
ธนวัติเปิดผ้าออกมามาเจออุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้ง ธนวัติตกใจ อุ๊บอิ๊บ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ก็อุ๊บอิ๊บอยากเจอพี่ดนัยนี่นา”
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
บุญทิ้งหายใจไม่ออก ตาเหลือก ตบพื้นรถจะตาย...
“ยะ อย่ามัวเถียงกัน ชะ ช่วยผมด้วย”
บุญทิ้งหมดสติ แจ๋กับกิมจิรีบมาดูอาการ
“บุญทิ้ง!” แจ๋ตกใจ
บริเวณเต็นท์ใหญ่แคมป์กลางป่า แจ๋กำลังพ่นยาโรคหอบให้บุญทิ้ง จนบุญทิ้งอาการดีขึ้น ศิริ ธานี ธนวัติ พาณิชย์ กิมจิและอุ๊บอิ๊บต่างพากันมารุมล้อม
“บุญทิ้งเป็นไงบ้าง”
แจ๋ถาม บุญทิ้งตอบแบบคนอ่อนแรง
“แบบนี้ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
“โธ่ เป็นหอบก็ไม่บอก เกือบตายแล้วไหมล่ะ”
ธนวัติพูดกับบุญทิ้ง
“แกไปอยู่ท้ายรถทำไม”
“เออ ผม…”
เห็นบุญทิ้งอึกอักๆ แจ๋กลัวบุญทิ้งสารภาพ รีบเอาหลอดยาพ่นยัดปากบุญทิ้งแล้วทำเป็นเงี่ยหูฟังบุญทิ้ง
“อะไรนะ อ๋อ บุญทิ้งบอกว่า เขาเห็นมีคนอยู่ท้ายรถ ก็เลยไปดูค่ะ”
“ใช่ครับๆ” กิมจิผสมโรง
“โกหก! พวกแกคอยขัดขวาง พวกแกคิดจะช่วยไอ้ดนัยกับไอ้ชลิตใช่มั้ย” พาณิชย์ไม่เชื่อ
“อ้าว ไม่มีหลักฐาน อย่าปรักปรำกันสิ”
กิมจิพูดใส่หน้าพาณิชย์ ธานีฟังแล้วลุกขึ้นอย่างฉุน
“แล้วพูดอย่างนี้มันหมายความว่าไง หลานฉันใส่ความพวกแกงั้นสิ”
ศิริรีบเข้าไปไกล่เกลี่ย
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ ก่อนนะ ธานี ทุกคนที่นี่ก็มาช่วยหาหวีกับหวันด้วยใจกันทั้งนั้น มันคงเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะ คงไม่มีใครคิดอะไรไม่ดีหรอก”
“จริงค่ะ แจ๋ต้องช่วยหวีกับหวันให้รอดพ้นจากน้ำมือ ‘คนชั่ว’ แน่นอนค่ะ”
ขณะพูดแจ๋เน้นตรงคำว่า ‘คนชั่ว’ ชัดเป็นพิเศษ
พาณิชย์โมโห รู้ดีว่าแจ๋พูดจาเหน็บแนม แต่เอาผิดแจ๋ กิมจิและบุญทิ้งไม่ได้
บริเวณริมลำธารเล็กๆ ในป่าแห่งนั้น ฉวีวรรณกับดนัยอาบน้ำล้างโคลนออกเนื้อตัวสะอาดแล้ว ดนัยเหลียวมองหาฉวีวรรณ อย่างเป็นห่วง
“เผลอเป็นไม่ได้เลย ยายป้าหวี หายไปไหนอีกแล้ว”
ฉวีวรรณเดินลัดเลาะจากอีกฝั่งลำธารเข้ามาหาดนัย ในมือแอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง
“ล้างตัวเสร็จแล้วเหรอ”
“นี่แม่คุณ ป่าไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาเดินเล่นช้อปปิ้งนะ มันมีอันตรายอยู่รอบด้าน รู้บ้างไหม”
“ทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วย”
“เพราะฉันรู้จักป่าดีกว่าเธอ”
“ก็ใช่ อาจจะมีหลายเรื่องที่ฉันไม่รู้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันรู้”
“อะไร”
ฉวีวรรณชูกิ่งหมามุ่ยให้ดู
“นี่ไง ฉันรู้จักไอ้นี่ดี
“หมามุ่ย!” ดนัยตกใจ
ฉวีวรรณยื่นหมามุ่ยใส่หน้า ดนัยรีบหนี
“แกเสร็จแน่ ไอ้ดนัย! ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าไม่แสบไม่คันทั้งตัว อย่ามาเรียกฉันว่าหวี!”
“อย่าเล่นแบบนี้ เอาออกไปห่างๆ”
ฉวีวรรณถือกิ่งหมามุ่ย วิ่งไล่ดนัย
ชลิตงีบหลับอยู่ ดาหวันแอบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงชลิต จังหวะนั้นชลิตละเมอ ทำท่าชกโจรพอดิบพอดี
“อย่าเข้ามานะ นี่แหนะ ฮ่าๆๆ”
ดาหวันตกใจ แต่แล้วชลิตก็นิ่งไป
ดาหวันโล่งอก แล้วค่อยๆ หยิบโทรศัพท์มือถือมา
“ไม่มีสัญญาณเลย”
ดาหวันเดินหาสัญญาณมือถือต่อ หมุนตัวไป ส่ายหมุนมา เดินหาสัญญาณอยู่อย่างนั้น
ส่วนฉวีวรรณยังวิ่งไล่ดนัยอยู่ ดนัยจับมือฉวีวรรณไว้
“อย่าเล่นบ้าๆ มันไม่ใช่ของเล่นนะ”
“เมื่อกี้นายหลอกให้ฉันพอกโคลนทำไมล่ะ”
ดนัยยื้อยุดกับฉวีวรรณ จนกิ่งหมามุ่ยหลุดมือไป ฉวีวรรณจะหนี ดนัยตามเข้าไปดึงตัวไว้ แล้วฉวีวรรณเสียหลักล้มทับดนัย
“ว้าย...”
ทั้งคู่ต่างสบตากัน ตะลึงอึ้งไป โทรศัพท์มือถือของดนัยดังขึ้นขัดจังหวะ ต่างคนต่างชะงัก ดนัยกดรับสาย จังหวะนั้นดาหวันเดินมาจนใกล้น้ำตกใหญ่
“พี่ดนัย” ดาหวันดีใจ
“หวัน” ดนัยก็ดีใจ
“ยายหวันเหรอ ยายหวันเป็นไงบ้าง” ฉวีวรณฟังอยู่รู้สึกดีใจและห่วงน้อง
“หวันปลอดภัยดีใช่มั้ย ตอนนี้อยู่ที่ไหน” ดนัยถามตำแหน่ง
“หวันก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”
ดนัยฟังแล้วคิดหนัก
“พี่ได้ยินเสียงน้ำตก แถวนั้นมีน้ำตกเหรอ”
“ใช่ค่ะ มีน้ำตกใหญ่มาก”
“หวันรออยู่ที่นั่นอย่าไปไหน พี่จะไปหาหวันเอง”
“พี่ดนัยรีบมานะ
สัญญาณขาดไป
“พี่ดนัย พี่ดนัย”
ฉวีวรรณมองมาอย่างผิดหวัง
“วางสายทำไม ฉันยังไม่ได้คุยกับยายหวันเลย”
“สัญญาณขาดไป แต่ไม่เป็นไร ฉันพอรู้ว่าหวันกับชลิตอยู่ที่ไหนเรารีบไปกันเถอะ”
ฉวีวรรณห่วงน้องสาว รีบร้อนออกไป
ชลิตรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เห็น ดาหวันเดินวนไปวนมา หาสัญญาณ
“ทำอะไรน่ะ นี่เธอขโมยมือถือฉันเหรอ”
ดาหวันยิ้มแหยๆ
“เปล่าขโมยน๊า แค่ยืมโทรหาพี่ดนัยนิดเดียวเอง” ดาหวันนึกขึ้นได้ “เออ พี่หวียังอยู่กับพี่ดนัยด้วยล่ะ”
“หวีเป็นไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่มั้ย” ชลิตดีใจสุดๆ
“ยังไม่ทันได้คุยกับพี่หวีเลย แต่พี่หวีอยู่กับพี่ดนัยต้องปลอดภัยดีอยู่แล้ว พี่ดนัยเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เหมือนคนบางคนแถวนี้หรอก”
“เธอว่าพี่ไม่เป็นสุภาพบุรุษเหรอ ปากดีแบบนี้ เดี๋ยวก็ทิ้งให้อยู่คนเดียวซะเลย”
“ไม่ต้องมาขู่ พี่ดนัยกำลังมาหาหวัน หวันไม่ง้อพี่ชลิตแล้ว”
จังหวะที่ทั้งคู่กำลังเถียงกันอยู่ ลิงตัวหนึ่งโฉบมาคว้าโทรศัพท์ไปจากมือดาหวัน แล้วหนีไป
ดาหวันกับชลิตตกใจ
“อ๊าย ลิงเอามือถือไปแล้ว”
ดาหวันกับชลิตรีบตามลิงไปจนมาทันที่ต้นไม้หนึ่งที่ลิงอยู่ ลิงกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ
“เอาคืนมานะ” ดาหวันพูดกับลิง แล้วหันมาพูดกับชลิต “พี่ช่วยพูดกับมันหน่อยสิ”
“จะบ้าเหรอ คนนะ ไม่ใช่ลิง จะให้พูดกับลิงรู้เรื่องได้ไง”
“โธ่เอ๊ย ไม่ได้เรื่องเลย”
ดาหวันหงุดหงิดมากๆ ลิงยังคงจิ้มๆ โทรศัพท์เล่น เห็นเป็นรายชื่อคนรู้จัก ที่ชลิตเมมไว้ ทั้งฉวีวรรณ ดาหวัน ดนัย ใครต่อใครมากมาย และศิริ เจ้าลิงแสนซนมองๆ แล้วยกมือไปกดเบอร์ใดเบอร์หนึ่งเข้า
เวลาเดียวกันนั้น เสียงมือถือศิริดังขึ้น ศิริดูเบอร์แล้วไม่คุ้น ซึ่งชลิตเมมเบอร์ศิริเอาไว้ แต่ยังไม่เคยโทรไปหาศิริสักที
“เบอร์ใคร?” ศิริรับสายงงๆ
“ศิริพูดครับ ไม่ทราบว่าใครครับ”
ลิงตัวนั้นเอาโทรศัพท์แนบหู ร้องออกมาเจี๊ยกๆ ศิริคุยโทรศัพท์ต่อ ไม่รู้ว่าคุยกับลิงอยู่?
“เจี๊ยบเหรอ เจี๊ยบไหน”
ลิงยังส่งเสียงร้องเจี๊ยกๆ
“เออ ก็รู้แล้วว่าชื่อเจี๊ยบน่ะ เจี๊ยบมีอะไรก็พูดมาสิ”
อาหลู่สะกิดสุภาพ
“คุยกะกิ๊กแน่ๆ เลย”
สุภาพยักคิ้วหลิ่วตาบอกออกมา
“น้องเจี๊ยบๆ”
ลิงตัวหนึ่งยังถือมือถือแนบหูฟัง แล้ว ยิ้ม หัวเราะ ชอบใจ ร้องเจี๊ยกจ๊ากดังขึ้นอีก
“อะไรเนี่ยเจี๊ยบ หัวเราะอยู่ได้ พวกโรคจิตโทรมาหรือเปล่า”
ศิริบอกออกมา ทุกคนหูผึ่งแล้วรีบเข้ามามุงฟังด้วย
“ไหนๆ พี่ศิริ ..ผมจัดการให้” ธานีรับมือถือไปพูด “ฮัลโหลเจี๊ยบครับ ป๋า เอ๊ย พี่ไม่มีเวลามาล้อเล่นนะครับ เจี๊ยบมีแฟนหรือยังครับ”
ลิงพยักหน้ารับ ร้องเจี๊ยกๆ อีก ชลิตเกาหัวแกรกๆ
“เจ้าจ๋อมันคุยกับใครวะ ท่าทางถูกคอเชียว”
ชลิตงงๆ ดาหวัน ทนไม่ไหว ตะโกนขึ้นมา
“นี่ เลิกเม้าท์ได้แล้วเธอ เอาคืนมานะ”
เสียงที่ดังและได้ยิน ทำเอาธานีผงะ ตกใจ
“เสียงหนูหวัน!”
ศิริได้ยินรีบเข้าไปแย่งมือถือคืน ดีใจ
“ยายหวันเหรอ” ดึงมือถือไปพูด “หวัน หวันเป็นยังไงบ้าง”
อุ๊บอิ๊บเองก็หูผึ่ง คนอื่นๆ ก็สนใจ
“ยายหวันเหรอคะ แล้วพี่ดนัยล่ะคะ พี่ดนัยอยู่ด้วยรึเปล่า”
“น้องหวันอยู่ที่ไหนครับคุณลุง” พาณิชย์ถามอย่างร้อนรน
“ฮัลโหลหวัน หวันทำไมไม่ตอบพ่อล่ะ”
“ผมเองครับ” ธนวัติรับโทรศัพท์มาฟัง แล้วถามขึ้น
“ฮัลโหล หวัน หวันอยู่ที่ไหน”
ดาหวันกลุ้มใจ โวยวายใส่ชลิต โดยมีลิงตัวหนึ่งถือมือถือฟังอยู่ ดาหวันโวยวายเสียงดังต่อ
“เราไม่มีเวลาแล้วนะ หวันนัดกับพี่ดนัยไว้ที่น้ำตกใหญ่เราต้องรีบไปแล้วนะ”
“แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ”
ธนวัติตั้งใจฟัง
“น้ำตกใหญ่! พวกนั้นนัดกันที่น้ำตก”
แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งตกใจ ศิริดีใจ สีหน้ามีความหวังขึ้นมาอีก
ธานี ธนวัติ และพาณิชย์ผุดยิ้มร้ายกาจออกมาบนใบหน้าพร้อมๆ กัน
อ่านต่อวันพรุ่งนี้