xs
xsm
sm
md
lg

หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 1

เสียงนกร้องแสนสดใสดังก้องกังวาน ช่วยขับเน้นให้บรรยากาศผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ที่ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ผืนนี้งดงามยิ่งขึ้น ภาพชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ในป่า พร้อมเสียงร้องระงม ขับคลอสอดประสานไพเราะจับใจ

มองทอดสายตาไกลออกไปจะเห็น ฝูงกวางก้มกินน้ำอยู่บริเวณริมลำธารสวย นกกำลังทำรังบนต้นไม้ใหญ่ กระทิงวิ่งในทุ่งหญ้า ขณะที่ฝูงลิงวิ่งไล่ไต่ปีนต้นไม้อย่างมีความสุข
ดนัยในชุดทะมัดทะแมงใส่รองเท้าเดินป่า สะพายเป้ กำลังสนุกและสุขล้นกับการถ่ายรูปธรรมชาติในป่าผืนสวย จังหวะหนึ่งเขาลดกล้องถ่ายรูปในมือลง เผยให้เห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา และเท่สุดๆ รอยยิ้มขณะชื่นชมและมีความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติก็ชวนหลงใหล
ดนัยที่คนใกล้ชิดรู้จัก เขาเป็นชายหนุ่มอายุ 22 ปี หน้าตาหล่อเหลา เก่ง เท่ แต่ติดดิน ดนัยเป็นพูดตรง จนถูกมองว่าเป็นคนขวานผ่าซาก รักความถูกต้อง ที่สำคัญรักธรรมชาติ
“ผมชอบเดินป่าจนเพื่อนๆ สงสัยว่าในป่ามีอะไรดี ถึงแม้ในป่าจะไม่มีรถไฟฟ้า ไม่มีร้านสะดวกซื้อ แต่ก็มีหลายสิ่งที่คุณหาไม่ได้ในเมืองหลวง”
ลมวูบใหญ่ที่เหมือนจะได้ยินคำพูดของดนัย ใบไม้และใบหญ้าไหวลู่ตามแรงลม ดนัยหลับตา สูดลมหายใจแสนสดชื่น ซึมซับรับเอาความสุขที่ธรรมชาติมอบให้
“ยามที่สายลมหอบเอากลิ่นต้นไม้ใบหญ้ามาปะทะหน้า มันหอมเย็นสดชื่นกว่าน้ำหอมราคาแพง”

เช่นเดียวกับวันอื่นๆ วันนี้ขณะนี้ ในอีกมุมของป่าผืนใหญ่ ดนัยกำลังเดินสำรวจป่า กวาดสายตามองไปเห็นปลอกกระสุนปืนยาว.22 ซึ่งเป็นปืนที่บรรดาคนเมืองใช้ ตกอยู่ที่พื้น ดนัยเก็บปลอกกระสุนขึ้นดู สีหน้าเครียดขึ้นมา สัญชาติญาณบอกให้รู้ว่า ต้องมีเหตุร้ายเกิดขึ้นแน่นอน
ดนัยเหลียวมองไปรอบบริเวณแล้วเห็นรอยเลือดเป็นหยดๆ ติดอยู่ที่กิ่งไม้ ข้างหน้า ดนัยรีบวิ่งตามไปทางต้นไม้นั้น
อีกมุมหนึ่งของป่าดนัยวิ่งเข้ามาเห็นนกอินทรีมีบาดแผลที่ขาข้างหนึ่งเลือดไหล ดนัยสำรวจแผลพบว่าเจ้าแห่งเวหาตัวนั้นโชคดีที่โดนยิงกระสุนถากไป...ไม่ฝังใน
“ป่าคือผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ พร้อมจะมอบความรักให้กับผู้มาเยือนเสมอแต่ถ้าทุกคนเอาแต่ตักตวง ทำลาย ป่าก็คงไม่เหลือความงาม”
ดนัยจับขานกดูอย่างเบามือ หน้าตาเคร่งเครียดสงสารนกจับใจ ดนัยเปิดประเป๋าเป้หยิบชุดปฐมพยาบาลเล็กๆ ออกมาทำแผลให้นก
ครูต่อมาที่หน้าผาสวย นกอินทรีในมือดนัยได้รับการทำแผลเรียบร้อยแล้ว มีผ้าพันขาข้างที่ถูกยิงประคบไว้
“ผมอยากให้ทุกคนมอบความรักคืนสู่สัตว์ป่า ต้นน้ำ ลำธารเพื่อป่าที่อุดมสมบูรณ์จะได้อยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน”
ดนัยลูบหัวนก ก่อนจะปล่อยมือให้นกอินทรีได้โผบินอย่างอิสระ ชายหนุ่มรูปงามมองตามผุดยิ้มอ่อนโยนแต้มใบหน้าหล่อเหลา อย่างมีความสุข

วันเดียวกันนั้น ลิงฝูงหนึ่งร้องไล่เจี๊ยกๆ เสียงดังสนั่น ไล่ไต่ต้นไม้มา หยุดมองทางดนัยและนักศึกษากลุ่มหนึ่ง สายตาของฝูงลิงกำลังมองไปยัง ดนัยที่ตอกสมอบกเต็นท์ด้วยท่าทางทะมัดทะแมง แข็งแรง แน่นอนมันเท่สุดๆ
สาขาวีนจอมเหวี่ยงอุ๊บอิ๊บ และนักศึกษาสาวๆ มองดนัยอย่างชื่นชม เคลิบเคลิ้มในความเท่
อุ๊บอิ๊บ นักศึกษาวัย 22 ปี น้องสาวของธนวัต สาวเปรี้ยว เซ็กซี่ ขี้วีน เอาแต่ใจ หลงรักดนัย
กิมจิ หนุ่มหล่อพอประมาณวัย 22 ปี เขาเป็นหนุ่มจอมตื๊อ คลั่งไคล้แฟชั่นเกาหลี เก่งแต่ปาก ชอบปล่อยมุกแป้ก มองเหตุการณ์ที่สาวๆ เอาแต่กรี๊ดดนัยอยู่อย่างหมั่นไส้ ตอกสมอบกเพื่อกางเต็นท์แข่งกับดนัยอย่างรวดเร็วหวังจะเรียกเรทติ้ง ในที่สุดกิมจิก็กางเต็นท์เสร็จก่อน เขายิ้มยืดพูดเยาะเย้ยดนัย
“คนมีฝีมือ กางเต็นท์แค่นี้แป๊บเดียว.. นี่แข็งแรงด้วย!”
กิมจิทุบเต็นท์หมายจะโชว์ตามนิสัย ทว่าสมอบกทั้งสี่ด้านเด้งหลุดเพราะตอกไม่ลึกพอ ทำให้เต็นท์ยุบลงทับกิมจิจนร้องลั่น
“เฮ้ยยย!”
“กิมจิ!”
ไม่เพียงแต่แจ๋ที่อุทานอย่างตกใจบรรดาฝูงลิงที่เกาะต้นไม้มองอยู่ ต่างพากันตบมือ ยิ้มหัวเราะ ขำๆ
เช่นเดียวกับอุ๊บอิ๊บและพวกสาวๆ ต่างก็หัวเราะขำกิมจิ จังหวะนั้นดนัยกางเต็นท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุ๊บอิ๊บและพวกผู้หญิงหันไปรุมล้อมกรี๊ดกร๊าดดนัย
“พี่ดนัยเท่ที่สุดเลย”
กิมจิมองดนัยด้วยความหมั่นไส้ ในท่าทางตลกๆ
“ทำไมโลกไม่ยุติธรรม ทำไมไอ้ดนัยได้ใจสาวทุกที ทำไมๆๆ”
น้ำเสียงเย็นๆ ของ บุญทิ้ง หนุ่มนักศึกษาหน้าซื่อ ศูนย์รวมของความเชย ธัมมะธัมโม แต่มักตบะแตกเพราะสาวชื่ออุ๊บอิ๊บเสมอ ลอยมา
“อะระติ โลกะนาสิกา…ความริษยาเป็นเหตุแห่งความฉิบหาย”
แจ๋ฟังแล้วรีบพนมมือท่วมหัว
“สาธุ ท่านบุญทิ้ง พูดอีกก็ถูกอีก”
แจ๋ นั้นเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนซี้ คู่หูของฉวีวรรณ บุคลิกคล่องแคล่ว พูดมากแต่รักเพื่อนและจิตใจดี

เวลาเดียวกันนั้น ฉวีวรรณกำลังแอบจับตามองทุกความเป็นไปอยู่หลังพุ่มไม้ หมั่นไส้ดนัย
ฉวีวรรณ ที่เพื่อนๆ นักศึกษารู้จักสาววัยใส อายุ 22 ปี ปี สวย เก่ง มั่น เจ้ากี้เจ้าการ เป็นพี่สาวสุดเฮี๊ยบคอยตามห่วงน้อง และเป็นคู่กัดกับดนัย ภายนอกดูแข็งแกร่ง แต่ข้างในอ่อนโยน
“ฮึ อีตาดนัย ทำเป็นอวดเก่ง ป้อหญิง เดี๋ยวแม่จะแกล้งให้หน้าแตก หมอไม่รับเย็บ!”
พูดแล้วฉวีวรรณก็เปิดเสียงช้างที่อัดไว้ในไอโฟน ใครได้ยิน และไม่รู้ก็นึกว่าเป็นเสียงช้างตัวเป็นๆ ฉวีวรรณกระหยิ่ม

“แปร๊นนน”
เสียงช้างร้องจากไอโฟนของฉวีวรรณ ดังลั่นเข้ามา
“เสียงอะไรน่ะ”
กิมจิทักขึ้นก่อน ทุกคนฟัง
“แจ๋ว่าเสียงเหมือน…ช้าง! อ๊ายยยยย ช้างป่าอาละวาด!”
ขาดคำของแจ๋ พวกผู้หญิงทุกคนพากันกรี๊ดกร๊าด วิ่งหนีกระเจิง บุญทิ้งพยายามตั้งสติ พูดออกมาทั้งที่เสียงสั่น
“สะติมะโต สะทา พัดทัง…ผู้มีสติ มีโชคดีเสมอ แต่ผู้ที่ไม่วิ่งหนี อาจตายได้!”
ว่าแล้วบุญทิ้งก็สติหลุด วิ่งหนีกระเจิงไปด้วย
“ทุกคนตั้งสติหน่อย อย่าตื่นตกใจ อยู่รวมกันไว้”
ดนัยร้องบอก แต่ไม่มีใครอยู่ฟัง ทุกคนวิ่งหนีไปแล้ว ดนัยรีบวิ่งตามไป
“หยุด! อย่าวิ่งอย่างนั้น เดี๋ยวหลงกัน”

ฉวีวรรณหัวเราะขำกับผลงานการสร้างของตัวเอง ในมือถือไอโฟน จ่ออยู่กับโทรโข่ง ครู่ต่อมาฉวีวรรณกดไอโฟน ปิดเสียงช้าง
“โธ่เอ๊ย ทำเป็นเก่ง แค่นี้ก็ปอดแหกแล้ว ฮะๆๆๆ”
จังหวะนั้นก็มีเสียงช้างร้องดังแปร๊น ฉวีวรรณแปลกใจ มองไอโฟนในมือตัวเอง
“ปิดไปแล้วนี่ เสียงมาได้ไง”
เสียงที่ว่าดังขึ้นด้านหลังฉวีวรรณ คราวนี้ใกล้มาก
“แปร๊น”
ฉวีวรรณแปลกใจ หันไปมองด้านหลัง เห็นช้างป่าตัวใหญ่ตัวเป็นๆ กำลังตกมัน แผดเสียงร้อง พร้อมชูงวงน่ากลัว ฉวีวรรณตาโต ตกใจแทบช็อก
ขณะที่ดนัยกำลังวิ่งตามพวกน้องๆ เพื่อนๆ มา
“กรี๊ดดดดดด”
เสียงฉวีวรรณกรี๊ดดังลั่นลอยมา ดนัยชะงัก แล้วรีบวิ่งกลับไป เห็นฉวีวรรณวิ่งหนี ล้มลุกคลุกคลาน ด้านหลังเป็นฝูงช้างวิ่งไล่ ฉวีวรรณวิ่งหนีไป ร้องใส่โทรโข่งไป
“อ๊อยย ฉันไม่ใช่กล้วยนะ ... ชิ้วๆ ไปซะไป๊!!”
แต่ไม่ได้ผลช้างยังไล่ตามหลังเข้ามาใกล้อีก ฉวีวรรณตกใจ โยนโทรโข่งทิ้งกระจาย กรี๊ดลั่นป่า
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย...”

ความชุลมุนอุบัติขึ้นหลายมุมในป่า เพราะทุกคนหนีช้าง กิมจิไต่ต้นมะพร้าวป่าขึ้นไปถึงด้านบน หันเยาะเย้ยแจ๋ที่กระโดดกระหย่องกระแหย่งอยู่ข้างล่าง
“ผู้ชนะเท่านั้นที่รอด ฮ่าฮ่าฮ่า”
“อี๋ ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว!”
แจ๋เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโหกิมจิ ครั้นพอหันหน้าเงยขึ้นไปทางทะลายมะพร้าว แล้วชะงักตาเหลือกขึ้นมาทันใด ร้องตกใจลั่น เพราะลิงตัวหนึ่งนั่งอยู่บนทะลายมะพร้าว ยกลูกมะพร้าวปาลงมา แม้จะไม่โดนแต่กิมจิก็ตกใจเผลอปล่อยมือ ร่วงลงมาจากต้นมะพร้าวมาทับแจ๋ ที่ตกใจร้องกรี๊ด ล้มไปด้วยกัน
“อ๊อยย หนีช้างมาปะทะลิง...” กิมจิบ่น
ลิงตัวแสบยังปามะพร้าวลงมาอีกนับไม่ถ้วน ทั้งสองโวยวาย แล้วรีบลุกวิ่งหนีหลบลูกมะพร้าวจ้าละหวั่น
กิมจิหลบมะพร้าว โดดเข้าซุกหลังแจ๋ เอาแจ๋เป็นโล่ป้องกัน
“แจ๋ ช่วยด้วย”
“แก! แมนมากกเลยนะ...”
ลิงขว้างมะพร้าวมาไม่หยุด แจ๋หันหลังหลบมะพร้าวโดนหลังกิมจิ จนจุกแอ่ก แจ๋กรี๊ด วิ่งหลบมะพร้าวอีกลูก วุ่นวายไปหมด แล้วรีบวิ่งหนีออกไป กิมจิร้องก่อนจะวิ่งตามออกไปด้วย

บุญทิ้งวิ่งเหรอหราเข้ามา ไม่รู้จะหลบตรงไหนเลยกระโดดเข้าไปซ่อนในพุ่มไม้ อุ๊บอิ๊บวิ่งหนีมา หาที่ซ่อนไม่ได้ คลานเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ จังหวะนั้นบุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บโผล่หน้าออกมาดูลาดเลา ต่างถือใบไม้อำพรางตัว มองหาช้างแล้วหันมาเจอกันเอง ต่างตกใจ อุ๊บอิ๊บโวยวาย ยกมือจะตบบุญทิ้ง
เสียงช้างร้องแปร๋นดังเข้ามาเสียก่อน ทั้งสองชะงักหน้าตื่น บุญทิ้งปิดปากอุ๊บอิ๊บที่จะกรี๊ด ดึงลงไปหลบในพุ่มไม้อีก เสียงอุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งดังลอดออกมาจากหลังพุ่มไม้
“อ๊าย ไอ้มหาวิปริต แกจับก้นฉัน!”
“เปล่านะ!! อึยย! คุณแหละจับก้นผม” บุญทิ้งปฏิเสธ
“อย่ามาแก้ตัว! นายไม่จับแล้วใครจะจับ”
แล้วเราจะได้ยิน อุ๊บอิ๊บกริ๊ด กระเจิงออกมาจากพุ่มไม้ พร้อมๆ กับบุญทิ้งร้องว๊ากออกมา
-รับภาพพุ่มไม้ แหวกเปิดออก เห็นหมูป่าตัวหนึ่ง ยืนจังก้าอยู่
“หมูป่า ช่วยด้วย!!!” อุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งตะโกนออกมาพร้อมกัน
หมูป่าตกใจวิ่งไล่ทั้งสอง จนต้องวิ่งหนีหน้าตั้งออกไปอีก

ทางด้านฉวีวรรณร้องกรี๊ดกร๊าด ในป่าอีกมุมหนึ่ง เพราะโดนช้างไล่ตามหลังมา ฉวีวรรณรีบวิ่งไปบนหนทางขรุขระ สะดุดรากไม้ล้ม หนีไม่ทัน จังหวะที่ช้างกำลังวิ่งตามมาใกล้
“ยะ อย่าเข้ามานะ!”
ฉวีวรรณร้องออกมาอย่างหวาดกลัวเอามากๆ พร้อมกับคว้ากิ่งไม้ขว้างใส่ช้าง แต่ไม่ระคาย เพราะช้างวิ่งตรงเข้ามาหาเธออย่างบ้าคลั่ง ฉวีวรรณหลับตาปี๋
“อย่า!”
ในขณะที่ช้างวิ่งตรงเข้ามาหาฉวีวรรณ ดนัยก็พุ่งเข้ามาดึงฉวีวรรณให้พ้นจากทางที่ช้างวิ่งผ่าน ทั้งสองกลิ้งลงเนินไป ส่วนช้างวิ่งเตลิดไปทางอื่น

ฉวีวรรณและดนัยกอดกันล้มกลิ้งไปหลายตลบ จนหยุดในท่าที่ดนัยนอนทับอยู่ข้างบน ทั้งสองสบตา
กันนิ่งนาน ต่างตกตะลึง ดนัยเพิ่งเห็นว่าคนที่เขาช่วยนั้นเป็นฉวีวรรณ
“ฉวีวรรณ….”
ฉวีวรรณอึ้ง
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
“ฉัน….” ฉวีวรรณพูดไม่ออก
ดนัยก้มหน้าใกล้ทำท่าเหมือนจะจูบ แต่จริงๆ แล้วเขามองเห็นหนอนแก้วตัวเล็กๆ สีชมพูที่ติดอยู่ที่ผมข้างแก้มฉวีวรรณ
แต่ฉวีวรรณนึกเป็นอย่างอื่น รีบหันหน้าหนีอย่างตกใจ พร้อมร้องด่าดนัย
“อย่านะ! ไอ้บ้า อย่ามาแตะนะ”
ดนัยชะงักมองอมยิ้ม เห็นฉวีวรรณเข้าใจผิดเลยรีบสวมรอยแกล้งอำต่อ ด้วยการก้มหน้ามามองดูที่ หนอนแก้ว แต่พูดสองแง่สองง่ามชวนให้ฉวีวรรณรู้สึกเหมือนโดนลวนลาม
“ใครจะอดใจไหว ดูสิ ทั้งอวบทั้งอึ้ม ผิวงี้อมชมพูเชียว”
“อ๊ายยยยย ไอ้ทุเรศ ไอ้โรคจิต ฉันนึกอยู่แล้วผู้ชายอย่างนายมันหยาบช้า ลามก โสโครกที่สุด”
“อือฮือ ยิ่งมองยิ่งใช่ อยู่ในวัยเจริญพันธุ์เสียด้วย” ดนัยจัดให้อีกดอกชวนให้คิดไปกันใหญ่
“ไอ้ดนัย ไอ้คนสัปดน จิตวิตถาร ต่อให้ฉันตาย ฉันก็ไม่ยอมให้นาย เห็นขาอ่อน ฉันหรอก”
ดนัยหัวเราะๆ แกล้งยั่ว
“หึหึ... มันสายไปแล้วล่ะ!”
จังหวะนั้นเองดนัยก็ทำท่าก้มหน้าลงไปอย่างเร็วตรงซอกหู ฉวีวรรณร้องลั่น
“กรี๊ด...”
ดนัยกระซิบที่หูฉวีวรรณ
“ใครจะไปดูน่องหมูตุ๋นเธอให้เสียลูกตา ยายป้าหวี!!”
ฉวีวรรณที่กำลังกรี๊ดอยู่ เสียงขาดหายไปในลำคอ เบิ่งตาโตขึ้นมา หน้าแตก
“กรี๊... เอ๊ะ...???”
ฉวีวรรณหันกลับมาทางดนัย เห็นดนัยเอื้อมมือไปหยิบหนอนแก้วที่ติดผมตัวเองขึ้นมา
“เอาล่ะ เจ้าหนอนแก้วอวบอึ้มผิวชมพู กลับบ้านเถอะนะ”

ฉวีวรรณเหวอ มองในอาการใบ้กินไปเลย ดนัยวางหนอนแก้วลงบนใบต้นหญ้า ข้างๆ อย่างอ่อนโยน ใบหน้าระบายยิ้ม ฉวีวรรณตามเข้ามาเอาเรื่อง
“หมายความว่าไง ที่นายพูดเมื่อกี้ทั้งหมด นายหมายถึง...หนอนแก้วนี่เหรอ”
“ก็ใช่นะซิ ยายบ๊อง นึกว่าฉันจะปล้ำเธอเหรอ” ดนัยขำๆ “ตลกเป็นบ้า”
“ไอ้ ไอ้ ไอ้บ้าดนัย ไอ้เลว ไอ้พิเรนทร์ แกแกล้งฉัน”
ฉวีวรรณโกรธจัด ยกมือจะตบ แต่ดนัยจับมือฉวีวรรณดึงไว้ได้
“โทษทีนะ หวี ต่อให้ช้างทั้งโขลงมาเหยียบฉันตาย ฉันก็ไม่มีอารมณ์พิศวาส ยายป้าหวีขาเหวี่ยงอย่างเธอหรอก” ดนัยเชือดนิ่มๆ
“ไอ้ขี้เก๊ก!! หลงตัวเอง!” ฉวีวรรณสะบัดมือออกจากดนัย “ฉันจะบอกให้นะ ต่อให้ให้บ้านให้รถ แถมเงินอีกร้อยล้าน หางตาฉันก็ไม่แลผู้ชายหน้าปลวกอย่างนาย เหมือนกัน”
“หยุดนะ! ยายป้าหวีปากทิงเจอร์” ดนัยด่าอีก
“หุบปากไปเลย ไอ้ดนัยปากมอม!”
“เธอว่าฉันเป็นหมาเหรอ?”
“เอากลับไปนอนคิดที่บ้าน แล้วค่อยบีบีมาบอกฉันก็แล้วกัน...”
ฉวีวรรณก้าวจะเดินหนีออกไป ดนัยเก็บโทรศัพท์มือถือที่หล่นอยู่ขึ้นมา
“เดี๋ยว... เอามือถือมาทิ้งไว้ตรงนี้ แล้วฉันจะบีบีไปยังไง”
“เฮ้ยย ...เอาคืนมา
ฉวีวรรณหันมาตกใจมาก รีบคว้าโทรศัพท์ ดนัยเห็นท่าทางและอาการร้อนรนของฉวีวรรณก็สงสัย ชักมือหนี ฉวีวรรณเลยคว้าลม
“ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วย มีความลับอะไรนักหนา”
“มันเรื่องของฉัน นายไม่เกี่ยว!”
ฉวีวรรณจะแย่ง แต่แย่งไม่ได้ ดนัยมือยาวกว่า ดนัยหลบไปมา ทั้งสองยื้อแย่งโทรศัพท์กัน ต่างลืมตัว รู้สึกตัวอีกที ฉวีวรรณอยู่ในอ้อมกอดของดนัยเสียแล้ว ใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก

ขณะที่ทั้งสองกำลังสบตากันและต่างหวั่นไหววูบวาบแปลกๆ มือดนัยเผลอไปกดปุ่มไอโฟนของฉวีวรรณ เสียงช้างร้องดังขึ้น….แปร๊น….
ดนัยชะงัก ฉวีวรรณหน้าเจื่อน ดนัยนึกรู้ขี้นมาทันที
“ที่แท้เสียงช้างเมื่อกี้เป็นฝีมือเธอเองรึ สนุกมากใช่มั้ยที่แกล้งคนอื่น รู้งี้ไม่น่าช่วยเลย ปล่อยให้ช้างเหยียบแบนซะก็ดี…ยายป้าหวี!”
ฉวีวรรณโกรธ แต่ไม่ยอมรับผิด เถียงแถวึดวือไปเรื่อย
“ฉันก็ไม่ได้ขอให้นายช่วยสักหน่อย”
ฉวีวรรณจะเดินหนี ดนัยคว้ามือเอาไว้
“จะทำอะไร ปล่อยฉัน”
“ไปสารภาพผิดกับทุกคนเดี๋ยวนี้”
“ไม่”
“กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ”
จังหวะนั้นเองฉวีวรรณก็กระทืบเท้า ดนัยร้องลั่น ปล่อยมือจากฉวีวรรณ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันกำลังช่วยผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ ให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนาย คนอย่างนายทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเป็นผู้ชายแสนดี แต่เนื้อแท้แล้วนายเป็นแค่ผู้ชายลวงโลก จอมเจ้าชู้ หลายใจ!”
ฉวีวรรณใส่เป็นชุด คว้าโทรศัพท์จากดนัย แล้วสะบัดหนีไป ดนัยอึ้ง ร้องเรียกขึ้นเหมือนจะเอาเรื่องต่อ
“เดี๋ยว!”
“ไม่ต้องมาพูด...นับจากนี้ไป นายกับฉัน ทางใครทางมัน!”
ฉวีวรรณเชิดใส่มั่นมาก ขยับจะเดินหนีไป ดนัยสวนมานิ่งๆ
“แต่ทางนั้นมันหน้าผา”
ฉวีวรรณหน้าแตก เจ็บใจ สะบัดหนีไปอีกทางออกไปเลย
“ทำเป็นวีน ที่แท้ก็รั่ว!” ดนัยหัวเราะๆชอบใจ “..ยายป้าหวีจอมโก๊ะ!”
ดนัยมองตามฉวีวรรณไป อมยิ้มๆ

บริเวณริมลำธารสวยในป่า กวางสองตัว กินน้ำตรงลำธาร ขณะที่ชลิตนั่งโอบไหล่เพื่อนทอม แต่งตัวแบบผู้ชายอยู่ที่ริมน้ำ ทั้งคู่เอาเท้าแช่น้ำอยู่
มองมาจากด้านหลังเหมือนผู้ชายสองคนพลอดรักกันอยู่
ชลิต ในหมู่เพื่อนเขาคือชายหนุ่มรูปร่างสันทัดวัย 22 ปี หล่อ และเจ้าสำอาง รักสบาย ติดหรู อารมณ์ดี ปกติไม่ชอบความรุนแรงและการต่อสู้ แต่ถ้าถึงเวลาจำเป็นจริงๆ ก็บู๊ได้
เวลานั้นดาหวันแอบย่องเข้ามา ด้วยท่าทางน่ารักแสนซนและเจ้าเล่ห์ และมาหลบหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง
ดาหวัน น้องสาวของฉวีวรรณ วัย 21 ปี เป็นสาวน้อยแสนซนน่ารักใสๆ ดื้อรั้นเอาแต่ใจแบบน้องคนเล็ก ขี้อ้อน เจ้าเล่ห์ ดาหวันมองภาพตรงหน้าแล้วพูดเบาๆ กับตัวเอง
“หลบมาพลอดรักกันอยู่นี่เอง อย่าคิดว่าจะรอดพ้นสายตาเหยี่ยวข่าวดาหวันแสนสวยไปได้”
ดาหวันจัดการถ่ายวิดีโอไว้ ได้ยินเสียงชลิตพูดกับเพื่อนคนนั้น
“ไหน ขอดูหน่อยสิ”
แต่เพื่อนทอม ส่ายหน้าแทนคำตอบ
“โธ่ ไม่ต้องอายหรอกน่า แถวนี้ไม่มีใครสักหน่อย มีแค่เราสองคนเท่านั้น น่านะ นิดเดียวเอง”
เพื่อนยังคงเอาแต่ส่ายหน้า
“ยิ่งห้าม ฉันยิ่งอยากดู ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ ถ้านายไม่เปิด ฉันเปิดให้เอง”
ชลิตล็อคคอ จับเพื่อนทอมมาดเท่ ถลกแขนเสื้อ เพื่อนดิ้นขลุกขลัก มองจากด้านหลังเหมือนคนกำลังจะปลุกปล้ำกัน

ดาหวันเห็นรู้สึกตกใจ รีบปิดปากตัวเองไม่ให้ร้องออกมา เมื่อเห็นชลิตปลุกปล้ำผู้ชาย ดาหวันพยายามชะเง้อมอง เห็นแต่ด้านหลัง มีเสียงชลิตลอยมาชวนให้คิดลึก
“โอ้โห ใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้อีก ซ่อนรูปเหมือนกันนะเรา”
ดาหวันซึ่งแอบฟังอยู่ ทำตาโต คิดเตลิดไปไกล อย่างรังเกียจ
“อี๋ หน้าไม่อาย เสื่อมมาก ขอถ่ายชัดๆ เต็มๆ ทีเถอะ”
ดาหวันตัดสินใจโผล่พรวดออกไป และพรวดพราดเข้ามาใกล้ ชลิตหันมาเห็นพอดี ร้องถามขึ้นอย่างตกใจ
“เธอทำอะไร”
“หวันจะเปิดโปงพี่ พี่หวีจะได้รู้ว่าพี่แอ๊บแมน คบพี่หวีบังหน้า!”
ดาหวันคว้าไหล่เพื่อนทอม ให้หันมา เอากล้องวิดิโอถ่ายหน้าชัดๆ
“และนี่คือโฉมหน้าคู่เกย์ของนายชลิต ดูซะให้เต็มตา!” ดาหวันพูดอย่างภูมิใจนำเสนอ
แต่พอเพื่อนหันมา กลายเป็นทอมหน้าสวย กำลังถลกแขนเสื้อโชว์กล้าม และชลิตก็ถลกแขนเสื้อเบ่งกล้ามเหมือนกัน
ดาหวันทั้งตกใจและผิดหวัง
“ห๊า! เธอไม่ใช่ผู้ชายนี่!”
“อะไรของเธอ คิดจะทำอะไรกันแน่”
ชลิตแย่งกล้องมาเปิดดู มีภาพที่แอบถ่ายและมีเสียงดาหวันด้วย
“แล้ว…พวกพี่ทำอะไรกันอยู่”
“อวดกล้ามกันน่ะสิ โชว์กล้ามมันเสียหายตรงไหนไม่ทราบ”
เพื่อนทอมของชลิตจัดการเบ่งกล้ามโชว์
“ดูซะ ทั้งใหญ่ ทั้งแข็ง แน่นปึก ไม่แพ้ผู้ชายเลย พี่เทรนมากับมือ”
เพื่อนทอมมาดเท่ตบไหล่ชลิต
“ฉันทำตามที่นายแนะนำ ขอบใจนายมาก”
ดาหวันหน้าแตก ทำเนียนย่องหนี แต่ชลิตรู้ทัน
“จะหนีไปไหน!”

ดาหวันรีบหนีอย่างสุดกำลัง จนมาอีกมุมของริมน้ำ ชลิตรีบตามมา
“ยายตัวแสบ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“อะไรอีกล่ะ”
“บอกมาเลย เมื่อกี้คิดสกปรกอะไรอยู่”
ชลิตโวยแต่ดาหวันยังปากแข็ง
“ใครคิด หวันเปล่าซะหน่อย”
ชลิตจิ้มหน้าผากดาหวันพลางว่าไปด้วย ดาหวันถอยหลัง เถียงไม่ทัน
“หลักฐานคามือ ยังกล้าปฏิเสธ คนอะไร กล้าทำไม่กล้ารับ”
ปล่อยให้ชลิตพูดๆๆๆ อยู่ฝ่ายเดียว ดาหวันถอยหลังไปจนติดริมน้ำ ด้านหนึ่ง ดาหวันไม่ยอม เถียงกลับ จิ้มอกชลิตพลางพูดรัวเร็วจนชลิตเถียงไม่ทัน
“คราวนี้พี่โชคดีที่หวันพลาด แต่คราวหน้าไม่พลาดแน่ คอยดูนะ หวันจะทำให้พี่หวีตาสว่างว่าพี่ไม่ใช่ชายแท้ พี่ชลิตคบพี่หวีบังหน้า!”
“นี่เธอ” ชลิตโมโหเล็กๆ
“ไม่ต้องเถียง หวันยังพูดไม่จบ หวันจะกระชากหน้ากากพี่เอง!”
ชลิตเถียงไม่ทัน ถอยหลังไปจนสุดริมน้ำ
“เฮ้ยๆๆๆ”
ชลิตร้องลั่น ดาหวันไม่ช่วย แถมแกล้งจิ้มหน้าอกอีกที
“นี่แหนะ!”
ชลิตตกน้ำไป ดาหวันหัวเราะอย่างสนุกสนาน ชลิตแกล้งทำเป็นจะจม
“ช่วยด้วย ว่ายน้ำไม่เป็น”
ดาหวันตกใจ
“ช่วยด้วย” ชลิตแกล้งร้องขอความช่วยเหลืออีกรอบ
ดาหวันทำอะไรไม่ถูก รีบยื่นมือให้ชลิต
“พี่ชลิต จับมือหวันไว้เร็ว!”
ชลิตคว้ามือดาหวัน แล้วแกล้งดึงให้ตกน้ำไปด้วยกัน ดาหวันตกลงไป แล้วเห็นว่าน้ำตื้นแค่เอว
“นี่พี่หลอกหวัน”
“เธอผลักพี่ตกลงมา เรื่องอะไรจะยอมเปียกคนเดียว”
“พี่บ้า!”
ดาหวันด่าแล้วจะหนี แต่ชลิตดึงมากอด
“เดี๋ยว ยังคุยไม่จบ”
ชลิตก้มหน้าลงมาใกล้ เกือบจะจูบ ดาหวันแล้ว ดาหวันรีบเบี่ยงหน้าหนี
“อี๋ อย่านะ”
“อย่าช้าใช่มั้ย” ชลิตเยาะ
ชลิตแกล้งทำท่าจะหอมอีก ดาหวันหลับตาปี๋กริ๊ดลั่น
“ไม่ใช่ ปล่อยหวันนะ ไม่งั้นหวันฟ้องพี่หวีจริงๆ ด้วย”
“จะฟ้องข้อหาอะไรล่ะ เกย์อีแอบอย่างพี่จูบเธองั้นเหรอ”
ดาหวันอึ้ง ค่อยลืมตาขึ้น
“จำไว้นะ อย่าล้อเล่นกับผู้ชายแบบนี้อีก” ชลิตยิ้มเป็นต่อ
ดาหวันโกรธ ผลักชลิต แล้วทั้งสองลื่นล้มลงไปนั่ง จังหวะนั้นปลายจมูกชลิตชนแก้มดาหวันโดยไม่ตั้งใจ ดาหวันตาโต ตะลึงตึงๆ ชลิตเองก็อึ้งไปเหมือนกัน ยิ้มเจื่อนๆ ผละจากดาหวัน
“เอออ พี่ ไม่ ได้ ตั้ง...”
ดาหวันตบชลิตจนหน้าหันทันที
“ไอ้เกย์บ้ากาม หวันเกลียดพี่ชลิต!”
ดาหวันผลักชลิตออกแล้วรีบวิ่งออกไปเลย ชลิตกุมหน้าอย่างเจ็บ ส่ายหน้าคิดในใจว่าซวยจริงๆ

ดาหวันวิ่งหนีมาที่มุมถนนหน้าน้ำตก เข้ามาหาดนัยร้องให้ช่วย
“พี่ดนัยช่วยหวันด้วย”
“ทำไมเปียกไปทั้งตัวแบบนี้ ใครทำอะไรหวัน” ดนัยถามงงๆ
ดาหวันอ้าปากจะฟ้องดนัย แต่พูดไม่ออก ไม่กล้าบอกว่าโดนชลิตหอมแก้ม
“เอ่อ คือ”
จังหวะนั้นเองฉวีวรรณก็กำลังเดินหาดาหวัน มาเจอน้องสาวอยู่กับดนัย ในสภาพเนื้อตัวเปียกปอน ผมเผ้ายุ่งเหยิงก็เข้าใจผิด คิดว่าดนัยล่วงเกินดาหวัน
“นายทำอะไรน้องฉัน” ฉวีวรรณพูดกับดนัย
“ฉันเปล่า”
“โกหก เห็นอยู่ตำตา ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ”
“พี่ดนัยไม่ได้ทำอะไรหวัน พี่หวีเข้าใจผิดแล้ว” ดาหวันบอก
“ไม่ต้องปกป้อง ฉันรู้จักคนอย่างนายนี่ดี คนเจ้าชู้ ชอบฉวยโอกาส!”
“อ้าว! พูดอย่างนี้ก็หาเรื่องกันสิ ยายป้าหวีมั่วนิ่ม”
“ไอ้ดนัย!” ฉวีวรรณโกรธจัด

จังหวะเดียวกันนั้น ชลิตก็เดินเข้ามาเห็นดนัยมีเรื่องกับฉวีวรรณ ก็ไปผลักอกดนัย เพื่อปกป้องฉวีวรรณ
“เฮ้ย แกทำอะไรแฟนฉัน ออกไปห่างๆ แฟนฉันเลยนะ”
“เอาเลยชลิต จัดการเลย” ฉวีวรรณเชียร์
แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บ พากันตกใจ
“ย้า! อย่ามีเรื่องกัน เพื่อนกันทั้งนั้น”
“อ๊าย หยุดนะ อย่าทำพี่ดนัยนะ” อุ๊บอิ๊บร้องเสียงหลง

แจ๋หนวกหูที่อุ๊บอิ๊บกรี๊ดกร๊าดเสียงดัง เลยจับตัวและปิดปากอุ๊บอิ๊บไว้ กิมจิและบุญทิ้งช่วยกันดึงชลิตออกห่างจากดนัย แต่ชลิตดิ้นรนเข้าไปหาดนัยอีก
“ปล่อยฉัน มันหาเรื่องแฟนฉัน ห้ามอยู่ได้ อยากเจ็บตัวรึไง”
กิมจิและบุญทิ้งรีบปล่อยพร้อมกันเพราะกลัวเจ็บตัว ชลิตลืมตัวถลาเข้าไปหาดนัย ขณะที่ดนัยเงื้อหมัดจะชกให้ ชลิตเบรกดังเอี๊ยด หันมองหากินจิกับบุญทิ้ง
“เฮ้ย ทำไมไม่ห้ามวะ”
ชลิตเดินถอยหลังกลับไปหากิมจิกับบุญทิ้ง โวยทั้งสองกลบเกลื่อน
“เพื่อนทะเลาะกัน แทนที่จะห้าม ใช้ไม่ได้ แกสองคนนี่ไม่รักเพื่อนเลยนะ”
“พอเถอะ ไร้สาระชะมัด” ดนัยตวาดขึ้นมา อย่างเซ็งๆ
ดนัยเดินออกไปเลย ดาหวันร้องตาม
“พี่ดนัย” ดาหวันหันไปเยาะชลิต “เชอะ เก่งแต่ปาก”
“เธอว่าฉันเหรอ” ชลิตถาม
“ก็ใช่น่ะสิ”
“หยุดนะหวัน”
“หวันไม่หยุด พี่ดนัยไม่ได้ทำผิด พี่หวีนั่นแหละ เลิกปรักปรำพี่ดนัยได้แล้ว คนที่พี่ควรระวังคือพี่ชลิตมากกว่า ถูกเกย์หลอก ยังไม่รู้ตัวอีก”
“พอแล้ว หวัน ไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วเก็บของกลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้”
“ไม่ หวันไม่กลับ
“ต้องกลับ”
ขณะที่สองศรีพี่น้องเถียงกันอยู่ดนัยขับมอร์เตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เข้ามาจอดเทียบ ดาหวันรีบสะบัดมือพี่สาวออก วิ่งไปหาดนัย กระโดดขึ้นซ้อนท้ายทันที
“พี่ดนัย หวันไปด้วย”
ฉวีวรรณวิ่งตามไป แต่ไม่ทัน ดนัยออกรถไปเลย
“ยายหวัน กลับมาเดี๋ยวนี้”
ดาหวันหันมาตะโกนบอก
“เก็บของให้ด้วย เจอกันที่บ้านนะพี่หวี!” ดาหวันโบกมืออย่างกวนๆ ใส่พี่สาว
“หวันกลับมา นายดนัยไม่ได้คู่ควรกับเธอเลยนะ”

ฉวีวรรณตะโกนไล่ตามหลัง พร้อมมองตามไปอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธดนัยและโมโหน้องสาว

อ่านต่อวันพรุ่งนี้










หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 1 (ต่อ)

ในป่าตอนกลางวันของวันเดียวกัน ธนวัติ กับพาณิชย์ พร้อมลูกน้องอีก 5 คน อยู่บนรถโพร์วีลไดร้ฟซึ่งมีปืนล่าสัตว์ชนิดติดกล้องพกมาด้วย ธนวัติส่องกล้องเล็งไปที่กวางตัวหนึ่ง มันกำลังเล็มกินหญ้าอย่างสงบสุข

จังหวะนั้นเองเสียงปืนดังปัง! ตรงพื้นใกล้กับที่กวางยืนอยู่ กวางตกใจ วิ่งหนี
ชายหนุ่มหน้าตาดี ธนวัติ ที่ทุกคนรู้จักอายุ 24 ปี เขาเป็นลูกชายนักธุรกิจ เป็นเพลย์บอย ร่ำรวย อารมณ์ร้าย ชอบตีสองหน้า และชอบดูถูกคน
ธนวัติหงุดหงิดที่ยิงพลาด หันไปสั่งลูกน้อง
“ตามไปเร็ว! อย่าให้หนีไปได้!”
รถโฟร์วิวไดร้ฟ์คันนั้นแล่นตะบึงอย่างเร็ว ไล่ล่าเจ้ากวางโชคร้าย เสียงล้อบดขยี้พื้นดินแผดลั่นป่าน่าหวาดกลัว ฝุ่นดินคลุ้งตลบ กระรอกตัวน้อยโผล่หน้ามาดูแล้วรีบหนีไป เจ้ากวางโชคร้ายวิ่งหนีสุดชีวิต รถโฟร์วีลของธนวัติเร่งความเร็วไล่ตามอย่างน่ากลัว
ธนวัติกับพาณิชย์บนรถหัวเราะสนุก
พาณิชย์ หนุ่มเพลย์บอย ปากเปราะ เป็นหลานของธานีเลี้ยงดูมาคู่กันกับธนวัติ ขี้อวด แต่จริงๆ แล้วขี้ขลาด ไม่เอาไหน
“เฮ้ย ดูสิ มันวิ่งไม่เหลียวหลัง กลัวตายจริงๆว่ะ ฮ่าๆๆๆ” พาณิชย์บอกพร้อมหัวเราะอย่างสนุก
ธนวัติเล็งปืนไรเฟิลล่าสัตว์แบบติดกล้อง แววตากร้าว เด็ดเดี่ยว ธนวัติเล็งแล้วเหนี่ยวไก
“ปัง!!!”
ธนวัติยิงปืน เสียงดังก้องไปทั่วป่าผืนนั้น
กวางโชคร้ายถูกยิงที่ขาหลัง แต่ยังวิ่งหนีไปได้ ธนวัติลดปืนลง ตาลุกวาวด้วยความโหดเหี้ยม ยิ้มสะใจ
“ยอดเยี่ยม ฝีมือไม่ตกเลยพี่วัติ” พาณิชย์อวยส่ง
“ตามไป กระสุนเข้าเป้าแบบนี้ หนีไปได้ไม่ไกลหรอก”
ลูกน้องธนวัติขับรถไล่ตามไปอย่างเร็ว

เวลาเดียวกันนั้น ดนัยขับมอเตอร์ไซค์มาตามทาง ดาหวันซ้อนท้าย ยิ้มสบายใจ จังหวะที่ดนัยขับรถมาก็เจอกวางวิ่งตัดหน้ารถ ดนัยตกใจ รีบหักหลบ รถเกือบล้ม แต่ดนัยทรงตัวได้
ดนัยหันไปมอง เห็นกวางนอนนิ่งบนพื้นดิน
“รอพี่อยู่ตรงนี้ก่อน”
ดนัยบอกดาหวันแล้วเดินไปดูอาการกวาง เห็นว่าถูกยิง ดาหวันตามไปดูด้วย แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ
ดนียตรวจดูบาดแผล จังหวะนั้นเองกระสุนนัดหนึ่งเจาะลงบนพื้นเฉียดดนัย ขณะที่ดนัยจะช่วยกวาง ดาหวันกรี๊ดลั่น ดนัยชะงัก หันไปทางทิศที่กระสุนมา เห็นรถของธนวัติและลูกน้องแล่นมาจอด พวกลูกน้องกรูลงจากรถมารุมล้อมดนัย
“กวางตัวนั้นเป็นของฉัน อย่ายุ่ง!”
ดนัยเห็นธนวัติถือปืนยิ่งไม่พอใจ
แม้ว่าดาหวัน ธนวัติ และพาณิชย์จะเคยเจอตอนเด็ก แต่ตอนนี้ยังจำกันไม่ได้
“สัตว์ป่ามีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ของเล่นของใครทั้งนั้น”
“พูดมากอยากตายรึไง” พาณิชย์โวยใส่
ธนวัติสั่งลูกน้อง
“ไปเอากวางมา”
ลูกน้องกรูกันเข้ามา ดนัยยืนขวาง ปกป้องกวาง
“แส่นัก จัดการมันเลย!”
ขาดคำธนวัติพวกลูกน้องกรูเข้ามาจะจับตัวดนัย
ดนัยสู้ด้วยมือเปล่า ทั้งชก ทั้งศอก เตะพวกลูกน้องด้วยท่าทางคล่องแคล่วและเข้มแข็ง ดนัยโชว์ท่าอย่างเท่ พวกลูกน้องสู้ดนัยไม่ได้ โดนซัดร่วงไปทีละคนสองคน ธนวัติโกรธมาก
ขณะที่ดนัยกำลังสู้กับลูกน้อง กระสุนยิงเฉียดลำตัวดนัยไปถูกต้นไม้ด้านหลัง ดนัยชะงัก
ธนวัติไล่ยิง ดนัยกลิ้งตัวหลบได้

ดนัยกลิ้งตัวหนีกระสุน มาเจอพวกลูกน้องรุมทำร้าย คราวนี้ดนัยพลาด ถูกรุมจนกระอักเลือด
“อย่านะ อย่าทำพี่ดนัย”
พาณิชย์จับตัวดาหวันไว้
“น่ารักดีนี่หว่า วันนี้มันวันอะไร นอกจากได้กวางแล้ว ยังได้เมียอีกด้วย”
พาณิชย์ลวนลามดาหวัน
“อ๊าย ปล่อยนะ”
ดนัยเจ็บหนัก แต่เห็นดาหวันถูกทำร้ายก็โกรธ ธนวัติสั่งลูกน้อง
“เล่นสนุกพอแล้ว”
พวกลูกน้องถอยหนี เปิดทางให้ ธนวัติก้าวเข้ามาดูหน้าดนัย
“แกรนหาที่เอง รักป่านัก งั้นก็เป็นผีเฝ้าป่าไปซะ”
ธนวัติจะยิง ดนัยกลิ้งตัวหลบ ทำให้ธนวัติพลาดเป้า ดนัยหันไปคว้าลูกน้องคนหนึ่งของธนวัติเป็นตัวประกัน ธนวัติไม่สนใจ ยิงขาลูกน้องที่ถูกจับเป็นตัวประกันทันที ไม่มีลังเล ลูกน้องคนนั้นล้มลงร้องลั่นป่า
“โอ๊ย ขา ขาฉัน”
ดนัยอึ้ง ไม่คิดว่าธนวัติจะกล้ายิง ธนวัติยิ้มอย่างเลือดเย็น
“คราวนี้ไม่มีตัวประกันแล้ว”
ธนวัติจะยิงอีกครั้ง ดนัยพุ่งไปชกพาณิชย์ที่กำลังลวนลามดาหวัน พาณิชย์ล้มลง ดนัยแย่งปืนจากพาณิชย์และดึงตัวดาหวันมา พาณิชย์กลัว รีบไปหลบหลังธนวัติ
“อย่ายิงนะ อย่า”

ดนัยเล็งปืนไปที่ธนวัติอย่างเอาจริง ทำเอาธนวัติชะงัก
“เอาสิ อย่างมากก็ตายพร้อมกัน”
ธนวัติและดนัยจ้องหน้ากัน ดนัยมีสีหน้าเอาจริง ธนวัติเจ็บใจ แต่จำต้องยอมเพราะไม่กล้าแลก
สั่งลูกน้องถอย
“เฮ้ย กลับ!”
พาณิชย์และลูกน้องรีบกลับขึ้นรถ แต่ยังคอยระวังตัว ดนัยเตรียมพร้อมจะยิงสู้ตลอดเวลา ธนวัติ พาณิชย์และพวกลูกน้องขับรถหนีไป ดนัยโล่งอก ดาหวันรีบมาประคอง
“หวันไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“หวันไม่เป็นไรค่ะ แต่พี่ดนัยสิ”

ดาหวันประคองดนัยมาที่รถมอเตอร์ไซค์ ไม่นานนักรถของชลิตและฉวีวรรณตามมาถึง ฉวีวรรณเห็นสภาพดนัยและดาหวันก็ตกใจ รีบลงจากรถ ถามน้ำเสียงร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไอ้พวกคนใจร้ายมันรุมทำร้ายพี่ดนัย ช่วยพี่ดนัยด้วย” ดาหวันบอก
ฉวีวรรณมองหน้าดนัยอย่างไม่พอใจ
“ปากอย่างนี้ก็สมควรโดน” ดาหวันจงใจว่าดนัย
“โธ่ พี่หวี นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันนะ” ดาหวันเตือนพี่สาว
“ฉันไม่เป็นไร แต่เราต้องช่วยชีวิตกวางตัวนี้ มันถูกยิงที่ขาหลัง” ดนัยห่วงกวางมากกว่าตัวเอง
“เอาขึ้นรถฉัน”
ชลิตไปดูกวาง ฉวีวรรณจะตามไป
“เดี๋ยว”
ดนัยเรียก ฉวีวรรณหันมา
“ขอบใจ”
“ฉันทำเพื่อกวางตัวนี้ ไม่ใช่เพื่อนาย”
ฉวีวรรณพูดจบก็สะบัดหนีไป ยังไม่ญาติดีกับดนัย ทั้งที่ยังเจ็บอยู่แต่ดนัยและชลิตก็ไปช่วยกวาง

เวลาผ่านไป รถโฟร์วีลไดร้ฟ์ของธนวัติ เข้ามาจอดตรงบริเวณที่ตั้งแคมป์ ซึ่งมีเต็นท์ เก้าอี้สนาม เครื่องอำนวยความสะดวกอื่นๆ พร้อม ธนวัติและพาณิชย์ก้าวลงจากรถ ท่าทางหัวเสียทั้งคู่ ส่วนพวกลูกน้องช่วยกันหามลูกน้องคนที่ถูกยิงที่ขาไปทำแผล
ศิริและธานีเห็นต่างตกใจ
ศิริ พ่อของฉวีวรรณและดาหวัน เศรษฐีเจ้าของฟาร์มนม ใจดี มีเมตตา แต่หวงลูกสาวสุดโต่ง
“อ้าว หลานชาย..นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ศิริถามยังตกใจอยู่
พาณิชย์หงุดหงิดโพล่งออกมาอย่างไม่ระวัง “ก็ไอ้…”
ธนวัติสะกิดให้พาณิชย์เงียบ แล้วชิงตอบเอง
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ ไม่มีอะไร”
ธานีเกิดความสงสัย
เสี่ยธานี นั้น อายุ 45 ปี เป็นเพื่อนของศิริ เป็นพ่อของธนวัติ นักธุรกิจที่เบื้องหลังเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย เจ้าเล่ห์ เห็นแก่ตัว โหดเหี้ยม ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน
“พวกแกไปล่าสัตว์ ทำไมกลับมามือเปล่าละ”
ธนวัติตีหน้าเศร้า อย่างเสแสร้ง
“ผมเจอกวางตัวหนึ่ง แต่มันน่าสงสาร ก็เลยปล่อยมันไปฮะ”
ศิริฟังแล้วยิ้มชอบใจตบไหล่ธนวัติ ชื่นชม
“วัติทำถูกต้องแล้ว ฆ่าสัตว์มันบาปดูอย่างลุงสิ เข้าป่ามาส่องนกมีความสุขกว่าเป็นไหนๆ”
ศิริอวดกล้องส่องทางไกลที่ใช้ส่องดูนก ธานีสบตากับธนวัติ รู้ทันกัน ครู่ต่อมาศิริหันมาหาสองหนุ่ม
“ลุงเห็นหลานสองคนแล้วลุงอยากจะมีลูกชายบ้างจริงๆ”
“พี่ศิริกับผมนับถือกันเหมือนพี่น้อง ลูกชายผมก็เหมือนลูกชายพี่ลูกสาวพี่ ก็เหมือนลูกสาวผมล่ะครับ” ธานีหัวเราะชอบใจไปเอง ศิริหัวเราะตามอารมณ์ดี
“นั่นสินะ”
“งั้นพี่คงจำได้ใช่มั้ย ที่เราเคยสัญญากันไว้ ถ้าลูกของเราโตเป็นหนุ่มเป็นสาวจะให้พวกเขาแต่งงานกัน”
“จำได้สิ จำได้” ศิริพูดพร้อมกับยกน้ำอัดลมกระป๋องขึ้นดื่ม
“ตอนนี้ธนวัติกับพาณิชย์ก็โตแล้ว มีหน้าที่การงานมั่นคง หนูฉวีวรรณ กับดาหวันก็เรียนจบแล้ว พี่คงไม่ลืมสัญญานะครับ” ธานีบอกยิ้มๆ
“ว่าไงนะ!”
ศิริสำลักน้ำ หน้าเจื่อน เพราะรู้สึกหวงลูกสาวขึ้นมาตะหงิดๆ
“จะรีบร้อนไปไหน รอให้รับปริญญาเรียบร้อยค่อยว่ากันอีกทีก็ได้”
“งั้นก็อีกแค่ไม่กี่เดือนเอง ผมถือว่าพี่ศิริตกลงแล้วนะครับ”
ธานียิ้มอย่างพอใจ ขณะที่ศิริแอบคิดหนัก แต่ไม่อยากผิดคำพูดกับเพื่อน

ที่บ้านของดนัย นงนุชแม่หม้ายยังสาวและสวย แม่ของดนัย ถึงแม้จะมีฐานะร่ำรวยแต่ยังทำตัวติดดิน จิตใจดี และเป็นคนอ่อนหวาน ขณะนั้นนงนุชกำลังทายาตรงรอยช้ำที่แก้มให้ลูกชาย
“โอ๊ย อู๊ย” ดนัยสะดุ้ง เจ็บ
“เข้าป่าทีไร มีเรื่องเจ็บตัวทุกที ระวังตัวหน่อยนะลูก”
“ครับแม่ ผมจะไม่ทำให้แม่เป็นห่วงอีก”
นงนุชทาเสร็จก็เก็บยาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“เรียนจบแล้ว คิดจะทำอะไรต่อไปล่ะลูก”
ถูกแม่ถามดนัยตอบออกมาอย่างแน่วแน่
“ผมจบคณะวนศาสตร์ เหมือนพ่อ ผมก็ต้องสอบเข้ากรมป่าไม้เหมือนพ่อให้ได้ครับ
ดนัยมองดูรูปพ่อในกรอบรูปบนหลังตู้ใบเล็กด้วยความชื่นชม สีหน้าดนัยมีแววกังวล
“แม่จะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมจะเดินตามรอยพ่อ”
“ลูกฝันมาตั้งแต่เด็กแล้ว แม่ไม่ห้ามหรอกลูก ลูกทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำเถอะ ความสุขของคนเป็นแม่ ก็คือเห็นลูกมีความสุข”
ดนัยซึ้งใจ กอดแม่
“ขอบคุณครับที่เข้าใจผม”
“ถ้าพ่อยังอยู่ พ่อก็คงภูมิใจในตัวลูกเหมือนกับแมง”
ดนัยล้มตัวลงนอนหนุนตักแม่ เขารู้สึกอบอุ่นเสมอเมื่อได้ทำอย่างนี้

เช้าวันต่อมาดาหวันรีบวิ่งแซงหน้าไปกอดศิริ ที่ออกจากรถมา,ทั้งสองควงแขนและหอมแก้มพ่อซ้ายขวา
“พ่อมาแล้ว”
“ไหนว่าไปเที่ยวกับเพื่อน ทำไมกลับเร็วนักล่ะลูก”
ฉวีวรรณสบตากับดาหวันแวบหนึ่ง
“ไม่สนุกก็เลยกลับก่อนค่ะ”
“ไม่สนุกก็เพราะตัวเองนั่นแหละ” ดาหวันพูดงอนๆ
“ยายหวัน!”
“เอาล่ะๆ อย่าทะเลาะกัน พ่อกำลังอารมณ์ดีที่ลูกสาวพ่อ เรียนสำเร็จ หวีจบศิลปกรรม หวันจบมนุษย์ศาสตร์ เก่งทั้งคู่เลย” ศิริคุยโอ่อย่างภูมิใจ
“พ่อต้องปิดร้านเลี้ยงแล้วนะคะ หวันจะได้ชวนเพื่อนๆ มาสนุกกัน”
“ดีเหมือนกัน พ่อมีคนที่อยากให้ลูกๆ เจอด้วย
“ใครคะพ่อ” ฉวีวรรณสงสัย
“ลูกชายอาธานีไง ธนวัติกับพาณิชย์ ตอนเด็กๆ มาเล่นที่บ้านเราบ่อยๆจำได้มั้ย”
ฉวีวรรณและดาหวันพยายามนึก ฉวีวรรณจำได้
”อ๋อ จำได้แล้ว พี่ธนวัติที่ตอนเด็กๆ กลัวผีจนฉี่ราดใช่มั้ยคะ”
“ใช่ๆ พี่พาณิชย์โดนหวันแกล้ง ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลย”
“โธ่เอ๊ย ทำไมไปจำแต่เรื่องแบบนั้นล่ะลูก นี่พี่เขาไปเรียนเมืองนอกกลับมากันแล้ว โตเป็นหนุ่มหล่อทั้งคู่เลย” ศิริพูดขำๆ
“ช่างเถอะค่ะ หวันมีคนที่อยากพามาให้พ่อเจอมากกว่าค่ะ”
“ใครล่ะลูก”
“บอกตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพร้ส์สิคะ”
ฉวีวรรณได้ฟังก็เบะปากหมั่นไส้ จังหวะนั้นโทรศัพท์มือถือของฉวีวรรณดังขึ้น ฉวีวรรณนึกได้
“ตายจริง หวีนัดเพื่อนไว้ ต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะ สายแล้ว”
“หวันก็เหมือนกันค่ะ”
ฉวีวรรณและดาหวันหอมแก้มศิริแล้วรีบออกไป

ภายในสวนสาธารณะอันร่มรื่นสวยงามในวันเดียวกันนั้น ชลิตและฉวีวรรณนั่งเล่นอยู่ริมน้ำสวยๆ ด้านหลังของสองหนุ่มสาวเป็นพุ่มไม้
“ฉันรักเธอนะหวี”
“รู้แล้ว เธอบอกฉันทุกวัน”
“โธ่ แต่วันนี้ไม่เหมือนทุกทีนะ”
“ไม่เหมือนยังไง”
ชลิตรวบรวมความกล้า กอบกุมมือฉวีวรรณ
“ฉัน เอ่อ ฉัน”
ชลิตจะขอแต่งงานแต่ก็อ้ำอึ้ง ไม่กล้าพูด

ขณะนั้นอีกด้านหนึ่งของพุ่มไม้ ดาหวันยื่นกล่องแซนด์วิชที่ทำมาให้ดนัย ดนัยรับมากิน
“เป็นไงคะ”
“อร่อย หวันชวนพี่มาวันนี้มีอะไร”
“แหม หวันอยากเจอพี่ดนัยนี่คะ เจอไม่ได้รึคะ”
“ได้สิ เจอได้ทุกเมื่อแหละ”
ดาหวันยิ้มหน้าบาน ในมือของดาหวันถือแหวนอยู่ ดาหวันแกล้งทำหล่น ซึ่งดาหวันวางแผนจะให้ดูเหมือนดนัยขอแต่งงาน
“อุ๊ย แหวนหวันหล่นหายไปไหนไม่รู้ค่ะ”
ดนัยคุกเข่ามองหา

ขณะเดียวกันนั้นที่อีกฟากหนึ่ง ฉวีวรรณรอฟังชลิต ที่ยังคงอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก
“เอ้า ว่าไง มีอะไรก็พูดมาสิ อ้ำอึ้งอยู่ได้”
“คือ…เราก็คบกันมานานแล้ว…”
ชลิตต้องตบปากตัวเองกว่าจะหลุดปากออกมาได้

ดนัยหาแหวนเจอ
“อยู่นี่เอง”
“โล่งอก นึกว่าจะหายไปซะแล้ว”
ดาหวันยื่นมือให้ดนัยสวมแหวน ดาหวันเคลิ้มอยู่ในภวังค์กำลังฝันหวาน ในจินตนาการสุดซึ้งของดาหวัน เธอถูกดนัยขอแต่งงาน!!
ดนัยกุมมือดาหวัน สบตาหวานเยิ้ม
“พี่รักหวันมานานแล้ว แต่งงานกับพี่นะครับ”
“ค่ะพี่ดนัย”
ดนัยสวมแหวนให้แล้วจูบแผ่วเบาที่มือดาหวัน

ทางด้านดาหวันยื่นมือให้ดนัย ในอาการอายม้วน บิดตัวไปมาอย่างเขินๆ
“หวันๆ” ดนัยเรียก
ดาหวันยังไม่ตื่นจากภวังค์
“หวัน!” ดนัยเรียกเสียดัง
ดาหวันสะดุ้ง
“คะ พี่ดนัย”
“อยู่นิ่งๆ สิ บิดไปบิดมาอย่างนี้ พี่ใส่ไม่ถนัด”

เวลาเดียวกันนั้นชลิตยังคงอ้ำอึ้ง
“ฉันว่าเรา….”
ฉวีวรรณได้ยินเสียงลอยมา
“เสียงคุ้นๆ”
ฉวีรรณพยายามมองผ่านใบไม้ เห็นหน้าดนัยไม่ชัด
ชลิตรวบรวมความกล้า
“เราแต่งงานกันนะ”
โชคร้ายเพราะฉวีวรรณไม่ทันฟัง ลุกขึ้นไปดูด้านหลังพุ่มไม้

จังหวะเดียวกันนั้นดนัยคุกเข่าอยู่กับพื้น ดาหวันยืนอยู่ ดนัยบรรจงสวมแหวนให้ดาหวันพอดี
“นายดนัย….ยายหวัน!”
“พี่หวี” ดาหวันตกใจ
“เธออีกแล้วเหรอ” ดนัยเซ็งๆ
“ทำอะไรกัน นายจะแต่งงานกับยายหวันเหรอ ไม่ได้นะ ฉันไม่อนุญาต ยายหวันยังเด็ก”
“หวันไม่ใช่เด็กแล้ว หวันเรียนจบแล้ว” ดาหวันเถียง
“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว”
ดนัยพยายามจะอธิบาย
ฉวีวรรณพูดกับดนัย “หุบปาก!” แล้วหันไปพูดกับดาหวัน “กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
ฉวีวรรณดึงดาหวันกลับ
“ปล่อยนะพี่หวี ปล่อย”
ฉวีวรรณดึงดาหวันออกไป
ชลิตอึ้ง ถือแหวนแต่งงานค้างอยู่ในมือ เซ็งไป
“เดี๋ยว หวี”
ดนัยงงไปหมด

ฉวีวรรณดึงกึ่งลาก พาดาหวันที่โวยวาย เข้ามาในห้อง
“อยู่ในห้องนี้ ห้ามไปไหนทั้งนั้น” ดาหวันบอกน้องสาว
“พี่หวีมีสิทธิ์อะไรมาห้าม”
แล้วสองพี่น้องเปิดฉากทะเลาะกันเรื่องดนัยอีกครั้ง
“สิทธิ์ของความเป็นพี่สาว พี่เตือนเพราะความหวังดี นายดนัยทั้งเจ้าชู้ ปลิ้นปล้อน หลอกลวงเธอแต่งงานกับหมอนั่นไม่ได้
“คำก็เจ้าชู้ สองคำก็ไม่ดี พี่หวีอคติเกินไป พี่ดนัยเป็นคนดี หวันเรียนจบสามปีครึ่ง จบเทอมเดียวกับพี่หวีได้ ก็เพราะพี่ดนัยช่วยติวให้ เห็นมั้ยว่าพี่ดนัยชักนำหวันไปในทางที่ดี”
“เหตุผลแค่นั้นไม่พอที่จะแต่งงาน เธออายุยังน้อย ยังมีโอกาสเจอผู้ชายที่ดีกว่านายดนัย เชื่อพี่สิ
“ไม่ หวันไม่ต้องการใครแล้ว หวันรักพี่ดนัยคนเดียว”
“เธอใจร้อนจนพี่กลัว พี่จะขังเธอไว้ในห้องนี้จนกว่าเธอจะสงบสติอารมณ์”
“ไม่ได้นะพี่หวี คืนนี้มีงานฉลองเรียนจบ หวันนัดพี่ดนัยไว้แล้วด้วย”

ฉวีวรรณออกจากห้อง ปิดประตูและล็อคห้องจากด้านนอก ดาหวันทุบประตูร้องลั่น
“พี่หวี เปิดเดี๋ยวนี้นะพี่หวี!”

คืนเดียวกันนั้นที่ผับหรูกลางกรุง บรรยากาศในผับสุดคึกคัก เสียงเพลงเร้าอารมณ์ และสนุกสนาน แต่ชลิตกลับนั่งเศร้า ดื่มเครื่องดื่มอยู่คนเดียวที่บาร์ แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งออกสเตปจนเหนื่องจึงกลับมามานั่งพัก ทั้งสามหัวเราะกันสนุก เต็มที่ กิมจิทำหน้าสงสัยถามชลิต
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น มีอะไรในใจ สอบตก อกหัก รักคุด หรือตุ๊ดทิ้ง
“ผิดทุกข้อ” ชลิตบอกออกมา
“แล้วนี่คุณหวียังไม่มาอีกหรือครับ”
“มาไม่ได้ ต้องเฝ้ายายน้องสาวตัวแสบน่ะสิ ไม่เข้าใจเลย ฟ้าส่งนางฟ้าอย่างหวีมาเกิดเป็นที่รักของฉันแล้ว ทำไมต้องส่งนางมารขาโจ๋อย่างยายหวัน มาเป็นยาขมหม้อใหญ่ในชีวิตรักฉันด้วย”
อย่างเซ็งเลยทีเดียวคืออาการของชลิตยามนี้
“แล้วนายไปจงเกลียดจงชังอะไรยายหวันนักหนา ระวังเถอะ เกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น” แจ๋ว่า
“เฮอะ ให้โลกแตกแล้วฉันกลายเป็นขันทีก่อนเถอะ จำไว้นะแจ๋ ...สเปกฉันต้องสวย มั่น อย่างหวีเท่านั้น เด็กกะโปโลกวนประสาทอย่างยายหวันไม่อยู่ในสายตาฉันหรอก”

ที่ด้านนอกผับร้านเดียวกันนั้น ดนัยกำลังจะเข้าไปด้านใน เจอธนวัติยืนหันหลัง และตามตอแยผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งอยู่
“มาคนเดียวเหรอ ขอเบอร์หน่อยสิ”
“ขอโทษนะคะ ไม่ชอบแจกเบอร์ใคร” หญิงสาวบอก
“อย่าเล่นตัวนักเลย รู้มั้ยว่าฉันลูกใคร”
ธนวัติคุยโอ่ตามนิสัย หญิงสาวจะเดินหนี แต่ธนวัติจับมือรั้งไว้
“จะไปไหน กล้าดียังไงมาปฏิเสธฉัน พูดดีๆ ไม่รู้เรื่องใช่มั้ย”
“อ๊าย อย่านะ”
ดนัยไม่พอใจ
“ผู้หญิงเขาไม่เต็มใจก็อย่าบังคับสิ”
ธนวัติหันมาตามเสียงอย่างหงุดหงิด
“ใครวะ”
พอธนวัติเห็นหน้าดนัยก็จำได้
“แกอีกแล้วรึ”
ดนัยจำได้เช่นกัน
“แกนี่มันเลวจริงๆ มีอาชีพรังแกสัตว์และคนไม่มีทางสู้รึไง”
“แล้วแกอยากเป็นพระเอกนักรึ”
ขาดคำธนวัติเหวี่ยงหมัดใส่ดนัย แต่เขาหลบทัน ดนัยชกธนวัติจนเซถลาเข้าไปในผับ

ธนวัติโดนดนัยชกล้มมาอยู่แทบเท้าอุ๊บอิ๊บพอดี
“ว้าย พี่วัติ”
พาณิชย์เห็นธนวัติมีเรื่องก็เข้าไปประคอง ดนัยตามเข้ามา
“พี่ดนัย” อุ๊บอิ๊บอุทานงงๆ “นี่มันอะไรกัน”
“เฮ้ย จัดการมัน”
ขาดคำของธนวัติ พวกลูกน้องก็เสนอหน้ากรูกันเข้ามารุมเล่นงานดนัยตามสั่ง ดนัยสู้กับพวกลูกน้องด้วยมือเปล่า วุ่นวายอลเวงไปทั้งผับ

ทางด้านชลิตนั่งดื่มเหล้าอยู่ ไม่สนใจโลก กำลังเซ็ง และเศร้า แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งต่างตกใจ
“ตายแล้ว ดนัยโดนรุม รีบไปช่วยเร็ว”
แจ๋หันมา แต่กิมจิไปหลบอยู่ใต้โต๊ะเรียบร้อย
“อ้าว หายไปไหน โธ่ ไอ้ผักดอง”
“ฉันชื่อกิมจิ” กิมจิเคือง
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ ไปเร็ว”
แจ๋รำคาญถีบกิมจิถลาไป

แม้ไม่แรงมากแต่แรงถีบจากแจ๋ ทำเอากิมจิเซถลาเข้ามาชนกับลูกน้องธนวัติคนหนึ่ง
ลูกน้องคนหนึ่งมองหน้าเอาเรื่อง กิมจิยิ้มเจื่อน แต่หนีไม่ได้แล้ว กิมจิโชว์สเตป เต้นแบบนักร้องบอยแบนด์เกาหลี ให้พวกลูกน้องงงๆ
พวกลูกน้องรำคาญ ชกกิมจิล้มลงสลบเหมือด แจ๋ปิดหน้าอาการกลุ้มๆ
“ไม่ได้เรื่องเล้ย เห็นที่ต้องออกโรงเอง”
พวกลูกน้องจะจับตัวแจ๋ แต่แจ๋เตรียมสู้ยิบตา ถลกกระโปรงโชว์เรียวขา พวกลูกน้องมองเรียวขาแจ๋ ตกตะลึง แจ๋อาศัยจังหวะนั้นถีบเสยคางลูกน้องคนหนึ่ง ล้มลงทับคนอื่นๆ เป็นโดมิโน
แจ๋เก๊กท่าอย่างสวย ชมตัวเอง
“เฮ้อ คนอะไร ทั้งสวยทั้งเก่ง”

ลูกน้องของธนวัติจะเล่นงานบุญทิ้ง บุญทิ้งยกมือไหว้ขอขมา แล้วคว้าถาดมาตีหัวลูกน้อง สลบ
“อะเวเรนะ จะ สัมมันติ…เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”
บุญทิ้งหันหลังมา เจอลูกน้องอีกกลุ่ม บุญทิ้งอ้าปากร้องลั่น
“อ๊ากกก!”

ธนวัติและพาณิชย์ช่วยกันรุมดนัย แต่ดนัยก็สู้ยิบตา จังหวะนั้นดนัยถีบพาณิชย์กระเด็นไปชนเคาน์เตอร์ที่ชลิตนั่งดื่มเหล้าอยู่ พาณิชย์โมโห คว้าขวดเหล้ามาทุบกับเคาน์เตอร์ให้แตกเป็นฟันฉลาม
ดนัยกำลังสู้กับธนวัติ ไม่ทันระวังไม่เห็นว่าพาณิชย์ถือขวดพุ่งเข้าหา
“ซ่านักนะ”
พาณิชย์จะแทงดนัยทีเผลอ ชลิตแกล้งขัดขา พาณิชย์ล้มลง ออกอาการโกรธมากหันไปทางชลิต
“แกขัดขาฉันทำไม”
“ฉันเปล่า ซุ่มซ่ามเอง อย่ามาโทษคนอื่นสิ”
พาณิชย์อยากเจ็บตัวใช่มั้ย
พาณิชย์จะชกชลิต ชลิตหลบทัน พาณิชย์เลยชกโดนเคาน์เตอร์ พาณิชย์เจ็บมือ ร้องลั่น
“อ๊ากก!”
พาณิชย์ชกชลิต เซไปชนดนัย
“ชลิต แกไม่เกี่ยว หลบไปดีกว่า” ดนัยบอก
“ฉันว่าไม่ทันแล้วละ”
ชลิตพูดไม่ทันจบคำ ธนวัติ พาณิชย์และพวกลูกน้องเข้ามารุมล้อมดนัยกับชลิต ชลิตกับดนัยหันหลังชนกัน สู้กับพวกธนวัติอย่างเข้าขา มาดอย่างเท่ ราวกับพระเอกหลุดออกมาจากหนังแอ็คชั่น
ดนัยออกหมัดซัดลูกน้องไปกอง,แล้วหันมาอีกด้านผลักโต๊ะล้มชนพวกลูกน้องกระเด็น แต่พอหันมาอีกทาง เจอธนวัติ ชกหน้า ดนัยถลา เจอลูกสมุน ล๊อกตัวให้ธนวัติซ้อม
ชลิตโดดขึ้นไปบนเคาน์เตอร์แล้วเตะปลายคางซัดลูกน้องหมอบ พาณิชย์โผล่เข้ามาจากอีกทาง เอาเก้าอี้ฟาดหลังชลิต ตกลงมาจากเคาน์เตอร์ พาณิชย์เข้ามาจะกระทืบ ชลิตเอามือยันเท้าพาณิยช์ไว้จับบิดจนพาณิชย์ร้องลั่น
แล้วผลักพาณิชย์กระเด็นไปล้ม ชลิตเข้าไปคร่อมตัวต่อยซ้อมจนพาณิชย์แน่นิ่งไป ดนัยถีบยอดอกธนวัติ กระเด็นออกไป แล้วเล่นงานลูกน้องที่ล๊อกแขน ซัดจนสลบ
ธนวัติแค้นจัดหยิบปืนออกมาจะยิงใส่ ชลิตมองเห็น ตะโกนลั่นบอกดนัย
“ระวัง!”
ธนวัติตั้งท่าจะลั่นไก ดนัยรีบวิ่งเข้าไปกระโดดตัวลอย แล้วเตะปืนในมือธนวัติกระเด็นไปอีกทาง ดนัยหมุนตัว แล้วฟันศอกเข้าหน้าธนวัติ จนหงายหลัง ดนัยหยิบปืนขึ้นไป จ่อตรงหน้าธนวัติ ธนวัติจ๋อยสีหน้าเจื่อน
“แกแพ้แล้ว
ทันใดนั้นตำรวจสองนายตรงเข้ามา
“หยุด อยู่ในความสงบ”
จังหวะที่ดนัยเผลอหันไปมองตำรวจ ธนวัติรีบคว้ามือดนัยให้ปืนมาจ่อตรงอกตัวเอง แล้วร้องโวยวายลั่น
“ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย มันจะฆ่าผม”
ดนัยหน้าตาตื่น ชลิตเองก็งงไปเหมือนกัน ที่เห็นตำรวจเข้ามากุมตัวดนัย
“วางอาวุธเดี๋ยวนี้!

ภายในห้องรับแขกบ้านศิริ ฉวีวรรณนั่งเฝ้าดาหวัน แล้วเผลอสัปหงก โดยไม่รู้ว่าดาหวันแอบปีนหนีทางระเบียงลงมา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉวีวรรณสะดุ้งตื่น ดาหวันตกใจ รีบหลบ
อีกด้านหนึ่งที่โรงพยาบาล ขณะนั้นบุรุษพยาบาลเข็นเตียงพากิมจิซึ่งสลบเหมือด ส่วนบุญทิ้งนั่งรถเข็นมาใบหน้าบวมปูด แจ๋คอยดูแลทั้งสอง พร้อมกับรายงานฉวีวรรณด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“แย่แล้วหวี”
ฉวีวรรณฟังแจ๋แล้วตกใจ
“ว่าไงนะ ชลิตมีเรื่อง นายดนัยด้วยเหรอ อยู่ที่โรงพักเหรอ”
รับดาหวันได้ยิน ตกใจ ดาหวันพูดเบาๆ กับตัวเอง “พี่ดนัยอยู่โรงพัก”
“แล้วเธออยู่ไหน” ฉวีวรรณถาม
“อยู่โรงพยาบาล”
“ตกลงอยู่โรงพยาบาลหรืออยู่โรงพัก”
แจ๋เกาหัวกลุ้มอย่างงง
“ฉันอยู่โรงพยาบาล แต่ชลิตอยู่โรงพัก”
“ได้ๆ ฉันจะรีบไป”
ฉวีวรรณออกมาเจอดาหวัน
“ยายหวัน!”
“รีบไปเร็วเข้าพี่หวี ป่านนี้พี่ดนัยเป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
ดาหวันรีบดึงฉวีวรรณออกไป

เวลานั้นบนสถานีตำรวจดนัยและชลิตนั่งรอประกันตัวอยู่ด้านหนึ่ง ส่วนธนวัติและพาณิชย์อยู่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับ พวกลูกน้อง ทั้งสองฝ่ายต่างมองเขม่นกัน อุ๊บอิ๊บให้ปากคำเสร็จ ก็รีบมาหาดนัย
“พี่ดนัย โถ พี่ดนัยเป็นไงบ้างคะ”
“อุ๊บอิ๊บ”
ธนวัติส่งตาเขียวปัดใส่น้องสาว อุ๊บอิ๊บขัดใจต้องไปนั่งข้างธนวัติแทน จังหวะนั้นธานีกับศิริก็เข้ามาในโรงพัก
“วัติ พาณิชย์ เป็นไงบ้าง” ธานีถาม
“ป๊ามาก็ดีแล้ว เอามันเข้าตะรางเลย” ธนวัติฟ้องพ่อ
“พวกมันหาเรื่องเราสองคนก่อนครับ พวกเราไปเที่ยวกันดีๆ” พาณิชย์เสริม
“กล้าทำ แต่ไม่กล้ารับ อย่างนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่หว่า” ดนัยสวนออกมา
“แกว่าใคร” พาณิชย์โกรธ
ธนวัติกับพาณิชย์โกรธจะมีเรื่องกับดนัยอีก ศิริเข้าไปช่วยห้าม
“พอๆ” ศิริหันไปทางดนัยกับชลิต “พวกนายมาหาเรื่อง หลานของฉันทำไม”
ดนัยกับชลิตอึ้งไป

“ว่าไง...มีอะไรจะพูดมั้ย” ตำรวจหันมาพูดกับดนัยและชลิต
เจอตำรวจสอบปากคำชลิตก็จ๋อยๆ
“คนอื่นไม่เกี่ยวครับ ผมคนเดียวที่มีเรื่องกับสองคนนี้”
ฟังดนัยบอกออกมา ชลิตแปลกใจ มองหน้าดนัย
“เอ้า ใครไม่เกี่ยวก็ออกไป” ตำรวจร้องบอก
ดนัยหันไปพูดกับชลิต
“ รีบไปสิ นายไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ควรจะเดือดร้อนไปด้วย”
พาณิชย์มองชลิต ไม่พอใจ ชลิตเดินออกไป อย่างอึ้งๆ

ชลิตเดินออกมาหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งในสน. ด้วยอาการที่รู้สึกไม่สบายใจนัก จังหวะเดียวกันนั้นรองเท้าส้นสูงคู่สวยก้าวเข้ามา ชลิตเงยหน้ามองแล้วแปลกใจ

จังหวะเดียวกันนั้นธานีคุยกับตำรวจ
“ไอ้หนุ่มนี่ยอมรับแล้ว ลูกผมไม่ผิด”
ตำรวจเจ้าของคดีพูดเสียงดังกับดนัย
“ว่าไง มีพยานรึเปล่า”
ธนวัติและพาณิชย์ยิ้มเยาะ ดนัยรู้สึกเจ็บใจ ไม่มีพยาน
“หน้าตาก็ดีนะเรานะ ไม่น่าทำตัวเป็นอันธพาลเลย” ศิริว่า
ดนัยยิ่งอึ้ง โดนเข้าใจผิด แต่ยังนิ่ง เก็บความรู้สึก
“จับมันเข้าห้องขังไปเลยครับ” ศิริบอกอย่างโมโห
“เดี๋ยวครับ” เสียงของชลิตดังลอดเข้ามา
ดนัยและทุกคนหันไปมอง เห็นชลิตเดินเข้ามากับผู้หญิงสวยคนหนึ่ง
“ฉันเป็นพยานได้ค่ะ นายคนนี้ลวนลามฉัน ส่วนคุณคนนี้เขามาช่วยไว้ ก็เลยมีเรื่องกันค่ะ
“ผมก็เป็นพยานได้ว่าไอ้พวกนี้พาพวกมารุมทำร้ายดนัยครับ” ชลิตเสริมท่าทีจริงจัง
ธนวัติกับพาณิชย์เห็นก็เจ็บใจ
“ไม่จริง! มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ธนวัติโวยวาย
ดนัยอึ้ง ไม่คิดว่าชลิตจะกลับมาช่วย

ครู่ต่อมาดนัยกับชลิตเดินเลี้ยวออกมาที่มุมหนึ่ง ชลิตหันมาพูดกับดนัย
“แกก็พ้นข้อหาแล้วนะ ดีใจด้วย”
“ขอบใจมากนะ ชลิต แกอุตส่าห์มาช่วยฉัน ทั้งๆ ที่เราพึ่งมีเรื่องกัน” ดนัยบอก
“เฮ้ย ฉันแมนพอเว้ย ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“ถ้าไม่ติดที่ฉวีวรรณเกลียดหน้าฉัน ...ฉันว่าเราสองคนน่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะ”
พูดจบดนัยก็ยื่นมือออกไปหา ชลิตมองอย่างอึ้งๆ เห็นถึงความจริงใจของดนัย แต่แกล้งยื่นมือออกไปจะจับมือดนัยแล้ว เลยขึ้นไปเสยผมตัวเอง ทำกวนๆใส่
“เอ่ออ...ไม่ดีกว่ามั้ง...”
ดนัยเลิกคิ้วชะงัก ชลิตยิ้มแล้วลดมือลงมาจับมือเช็กแฮนด์กับดนัย
“ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว...เพื่อนดนัย!”

ทั้งสองหนุ่มหล่อกระทัดรัด ยิ้มให้กันเป็นมิตร จับมือเชกแฮนด์ ว่าจะเป็นเพื่อนกัน!!

อ่านต่อวันพรุ่งนี้









กำลังโหลดความคิดเห็น