รักปาฏิหาริย์ ตอนที่ 15
พันธ์นฤสรณ์นั่งง่วนทำแบบฝึกหัดเลขอยู่คนเดียว พรรณอรเดินเข้ามานั่งด้วย
“ทำเลขอยู่เหรอลูก แล้วนี่ครูชัยไปไหนแล้วล่ะ”
“ไม่รู้ครับ ครูชัยสั่งการบ้านแล้วก็ไปไหนไม่รู้”
“มีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนมั้ยลูก ถามแม่ได้ แม่เก่งเลขนะจะบอกให้ แล้วนี่ครูชัยให้ลูกอ่านอะไรบ้างล่ะเนี่ย”
พรรณอรหยิบหนังสือนิทานเด็กขึ้นมาดู
“หนังสือพวกนี้พี่นมลซื้อมาให้ผมครับ ครูชัยไม่เคยให้อ่านหนังสืออะไรเลยวันๆให้ทำแต่แบบฝึกหัด น่าเบื่อจะตาย พี่นมลบอกว่าจะซื้อหนังการ์ตูนมาให้ดู ก็ลืมทุกที ตั้งแต่มีแฟนนี่ขี้ลืมขึ้นทุกวัน”
“พี่นมลมีแฟนแล้วเหรอ พันสร” พรรณอรถาม
“ก็พี่ภาสไงครับ พี่นอมบอกว่า พี่นมลชอบพี่ภาส คนชอบกันก็ต้องเป็นแฟนกันใช่มั้ยล่ะครับ คุณแม่”
พรรณอรนิ่งอึ้งไปเริ่มกังวลใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รวิภาสกับพิมพ์นฤมลเดินดูรอบๆ บริเวณบ้านบุริศราวัณ
“นมลไม่ได้มาที่บ้านนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ”
“นมลก็เคยมาเมื่อวันที่ประนอมมาประชุมเรื่องสร้างฝายไง”
“นมลหมายถึง นมลมาบ้านนี้ได้โดยไม่ต้องแอบย่องเข้ามาต่างหาก”
“ต่อไปนมลอยากมาบ้านนี้เมื่อไหร่ก็มาได้เลย”
“แล้วคุณชายธัช...”
“นมลเรียกพี่ธัชว่าคุณชายธัชตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เหมือนอยู่ๆก็เรียกไปเอง ก็คุณชายธัชไม่ใช่พี่ชายธัชคนเก่าสำหรับนมลแล้ว”
อาจรีบร้อนเดินเข้ามา
“คุณชายธัชกลับมาแล้วล่ะครับ คุณภาส”
“ทำไงดีล่ะ นมลหลบก่อนดีกว่านะ”พิมพ์นฤมลตื่นกลัว
“ไม่ต้องหลบหรอก เราไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย จะหลบทำไม”
“นมลไม่อยากให้พี่ภาสมีเรื่องกับคุณชายธัช พี่ภาสห้ามบอกคุณชายว่านมลมาที่นี่นะ”
พิมพ์นฤมลรีบหลบไปทางอื่น วิภาสมองตามอย่างไม่เห็นด้วย
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชกับณิชมนเดินเข้ามาถึงตัวบ้าน รวิภาสกับอาจเดินออกมารับหน้า รวิภาสมองณิชมนอย่างแปลกใจเพราะเห็นเธอใส่เสื้อเชิ้ตหลวมโคร่งของบุรธัชอยู่
“นั่นมันเสื้อพี่ธัชไม่ใช่เหรอครับ เอ๊ะ นี่เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย” รวิภาสยิ้ม
“ถ้าพี่ชายคุณไม่ใช้งานฉันหนักเกินกว่าเหตุ ฉันคงไม่กลับมาในสภาพนี้หรอกค่ะ”
“เธอหาเรื่องใส่ตัวเองต่างหากล่ะ”บุรธัชขัด
“ก็คุณแกล้งฉันก่อนนี่ คุณคิดว่า ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยใช่มั้ยฉันไม่อยากพูดกับคุณแล้ว !”
ณิชมนเดินหนีออกไปอย่างโกรธและงอน
“ทะเลาะเหมือนเป็นแฟนกันเลย” รวิภาสแซว
“นายภาส !”
“เห็นด้วยมั้ยครับ ลุงอาจ ทะเลาะกันเถียงกัน เหมือนเป็นแฟนกันยังไงอย่างงั้นเลย”
“เรื่องนี้ผมไม่มีความคิดเห็นครับ” อาจตอบแล้วเดินยิ้มขำออกไป บุรธัชมองรวิภาสอย่างคาดโทษ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนเปิดประตูห้องเข้ามายังไม่ทันจะปิดประตู พิมพ์นฤมลก็พรวดพราดตามหลังเข้ามาในห้อง ณิชมนมองพิมพ์นฤมลอย่างแปลกใจ
“คุณนมล ! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“นมลมากับพี่ภาสน่ะค่ะ นมลมีเรื่องจะคุยกับพี่นอม..”
“ไว้คุยกันวันหลังดีกว่านะคะ ตอนนี้คุณนมลหลบออกไปก่อน เดี๋ยวคุณชายธัชมาเห็นเข้า จะเป็นเรื่องเปล่าๆ”
“นมลอยากให้พี่นอมกลับไปทำงานที่บ้านเหมือนเดิม ได้มั้ยคะ พี่นอม”
“คงไม่ได้หรอกค่ะ”
“งั้นแสดงว่าพี่นอมไม่ได้หายโกรธนมลจริงๆ”
“นอมไม่เคยโกรธคุณนมลจริงๆนะคะ แต่นอมตกลงกับคุณชายไว้ นอมต้องทำงานให้คุณชายสองอาทิตย์”
“สองอาทิตย์..ได้ค่ะ นมลรอได้ พี่นอมทำงานครบสองอาทิตย์เมื่อไหร่ ก็กลับไปอยู่กับนมลนะคะ”
“นอมยังไม่แน่ใจน่ะค่ะ ว่าควรจะทำยังไงกับชีวิตต่อไป”
“พี่นอมอยากอยู่ที่นี่ต่อหรือคะ หรือว่าที่พี่ภาสบอกนมลเป็นเรื่องจริงพี่นอมกับคุณชายธัชกำลังกิ๊กกันอยู่”
“คุณนมลอย่าไปฟังคุณภาสเลยค่ะ คุณภาสพูดอะไรเชื่อได้ที่ไหนคะ คุณนมลกลับไปก่อนนะคะ แล้วเราค่อยคุยกันวันหลัง”
ณิชมนรีบกลบเกลื่อนดึงพิมพ์นฤมลออกไป
“ถ้าพี่นอมชอบคุณชายธัชจริงๆล่ะก็ นมลจะคอยเป็นกำลังใจให้นะคะดูๆไปพี่นอมกับคุณชายก็สมกันดี....”พิมพ์นฤมลแซว
ณิชมนกระชากตัวพิมพ์นฤมลออกไปแรงผิดปกติ
“พี่นอม !” พิมพ์นฤมลเสียงหลง
ณิชมนดึงตัวพิมพ์นฤมลออกไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รวิภาสมองบุรธัชแล้วยิ้มอย่างล้อเลียน
“ผมก็สงสัยอยู่แล้วเชียว บ้านเราก็มีลุงอาจอยู่แล้ว พี่ธัชจะรับแม่บ้านเพิ่มมาทำไม มันเป็นอย่างนี้นี่เอง นี่พี่ธัชปิ๊งประนอมตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลยหรือเปล่า”
“แกอย่ามาพูดอะไรบ้าๆ ที่ฉันรับประนอมมาทำงานที่นี่ ฉันมีเหตุผลของฉัน ซึ่งแกไม่จำเป็นต้องรู้ แล้ววันนี้ทำไมอยู่บ้านได้ ไม่ไปเที่ยวกับสาวๆของแกล่ะ”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องดีกว่าน่า อย่างนี้พี่ธัชต้องไปเคลียร์กับพี่ณิชาหรือเปล่าเนี่ย พี่สองคนก็เลิกกันนานแล้ว คงไม่ต้องล่ะมั้ง”
ณิชมนพาพิมพ์นฤมลเดินหลบๆเข้ามาอยู่ด้านหลังบุรธัช
“แกนี่พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ”
บุรธัชจะเดินออกไป เขากำลังจะหันไปเจอพิมพ์นฤมล แต่รวิภาสรีบดึงบุรธัชไว้ไม่ให้ไป
“เดี๋ยวก่อนซิ พี่ธัช ผมไม่พูดเรื่องประนอมแล้วก็ได้ นี่ผมปิดเทอมแล้วนะครับ ผมว่าจะไปเที่ยวกับไอ้กันต์ซักอาทิตย์นึง”
“แกจะไปเที่ยวไหน ปิดเทอมแล้วก็ไปช่วยงานที่ไร่ซิ”
รวิภาสลืมตัวมองไปที่พิมพ์นฤมลอย่างเป็นห่วง บุรธัชหันมองตามสายตารวิภาส แต่ณิชมนดึงพิมพ์นฤมลหลบอออกไปได้อย่างทันท่วงที
“แกมองอะไรของแก” บุรธัชสงสัย
“เปล่าครับ ไม่ได้มองอะไร พี่ธัช เทอมหน้าผมก็เรียนจบแล้ว ไงผมก็ต้องไปเที่ยวส่งท้ายกับไอ้กันต์”
“ฉันขอคิดดูก่อนว่า ควรจะให้แกไปหรือเปล่า”
“ผมไม่ได้ขออนุญาต ผมบอกพี่ธัชให้รู้ไว้เท่านั้น ความคิดเห็นของพี่ธัชไม่มีผลกับการตัดสินใจของผมหรอกครับ”
รวิภาสเดินออกไป บุรธัชมองตามอย่างไม่ชอบใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลเดินเข้ามาในบ้านสรณาลัย พรรรณอรนั่งอ่านหนังสือรออยู่รีบลุกมาหาลูกสาว
“กลับมาแล้วเหรอ นมล วันนี้ไปไหนมาจ๊ะ”
“เออ..นมลไปบ้านเพื่อนมาค่ะ”
“บ้านเพื่อนคนไหน บ้านคุณชายภาสหรือเปล่า”
“คุณแม่...”
“ลูกกับคุณชายภาสห่างๆกันไปพักนึงไม่ใช่เหรอ แล้วนี่กลับไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ”
“เราเพิ่งกลับมาคุยกันได้ไม่นานค่ะ คุณแม่ ยังไงเราก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก คบกันมาเป็นเพื่อนกันตั้งนาน....”
“แล้วตอนนี้ก็ยังเป็นแค่เพื่อนกันอยู่ใช่มั้ย”
พิมพ์นฤมลนิ่งอึ้งลังเลไม่กล้าตอบ
“แม่รู้ว่า ลูกโตแล้ว แม่คงจะไปกะเกณฑ์ชีวิตอะไรของลูกไม่ได้ แต่เรื่องคุณชายภาสนี่ แม่ขอได้มั้ย ขอให้คบกันเป็นเพื่อนไปก่อน บ้านเรากับบ้านบุริศราวัณยังมีปัญหาค้างคากันอยู่นะ”
“แล้วนมลจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่คะ”
“แม่ก็ไม่รู้ แม่อยากให้ลูกใช้ชีวิตวัยรุ่นให้สนุกสนานไปก่อน อย่าเพิ่งจริงจังกับความรัก เดี๋ยวจะมีเรื่องปวดหัวเปล่าๆ ลูกอย่าเพิ่งมีแฟนเลยนะ นะนมล นะ ลูกรับปากแม่แล้วใช่มั้ย เฮ้อ หมดปัญหาไปซักที”
พรรณอรโล่งใจคิดว่าแก้ปัญหาได้แล้วจึงรีบเดินออกไป พิมพ์นฤมลถอนใจเฮือกเพราะหนักใจกับเรื่องของตัวเอง
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ที่ชมรมค่ายอาสารวิภาสนั่งอยู่หัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม กันต์เดินแจกเอกสารให้พิมพ์นฤมล มีนและกลุ่มนักศึกษาในชมรมที่นั่งร่วมประชุมอยู่
“เอกสารที่แจกให้ทุกคนเป็นรายละเอียดของการออกค่ายครั้งนี้ ทั้งกำหนดการทำงานทั้งหมด ใครรับผิดชอบหน้าที่อะไรบ้าง” รวิภาสพูด
“ใครมีอะไรสงสัย รีบถามเลยนะ เสื้อผ้าของใช้ไม่ต้องเอาไปเยอะ ให้พอใช้อาทิตย์นึงก็พอ ของจำเป็นที่ต้องเตรียมไป บอกไว้ในนี้หมดแล้ว”
“ไม่มีใครสงสัยอะไรใช่มั้ย งั้นจบการประชุมแค่นี้ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางตอนหกโมงเช้า ขอให้ตรงเวลาด้วย เดี๋ยวพี่ขอแรงน้องผู้ชายไปช่วยยกของขึ้นรถด้วยนะ”
รวิภาส กันต์และกลุ่มนักศึกษาชายเดินออกไป พิมพ์นฤมลกับมีนก้มลงอ่านเอกสารในมือ
“ฉันอยู่ฝ่ายสวัสดิการ ค่อยยังชั่วหน่อย งานคงไม่หนักมาก แล้วแกอยู่ฝ่ายไหนล่ะ นมล” มีนถาม
“ไม่รู้ เพราะฉันหาชื่อฉันไม่เจอ”
พิมพ์นฤมลนิ่งงงสงสัย
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รวิภาส กันต์และกลุ่มนักศึกษาชายช่วยยกเครื่องมือเครื่องไม้ใส่ท้ายรถกระบะ พิมพ์นฤมลถือเอกสารเดินตรงมาหารวิภาส
“พี่ภาสคะ นมลไม่มีชื่อในนี้ค่ะ สงสัยพี่กันต์จะพิมพ์ตกหล่น พี่ภาสจะให้นมลช่วยงานฝ่ายไหน นมลขอทำฝ่ายสวัสดิการกับมีนได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้”
“นมลไม่ได้เลือกงานนะ นมลแค่อยากอยู่กับมีนเท่านั้น ก็ได้ๆ พี่ภาสให้นมลทำอะไร นมลทำได้หมด จะให้นมลช่วยพี่ภาสช่วยขนอิฐขนปูนก็ได้ นมลทำไหวอยู่แล้ว”
“งานของเธอคือไปช่วยแพคหนังสือใส่กล่องให้หมด แล้วก็กลับบ้านได้”
“หมายความว่าไงคะ”
“ก็หมายความ เธอจะไม่ได้ไปออกค่ายด้วยน่ะซิ”
“อะไรนะ พี่ภาสพูดใหม่ซิ พี่ภาสจะไม่ให้นมลไปค่ายเหรอ ทำอย่างนี้ได้ไง”
“เป็นเรื่องแน่” กันต์พึมพำ
พิมพ์นฤมลยืนมองหน้ารวิภาสอย่างเอาเรื่อง
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนเดินเข้ามาจะช่วยเก็บโต๊ะอาหารเช้า คนรับใช้เข้ามาตัดหน้ายกถาดถ้วยกาแฟออกไปจนหมด ณิชมนเดินจะไปหยิบกองหนังสือพิมพ์และนิตยสารออกไป แต่คนรับใช้รีบเข้ามายกกองหนังสือออกไปเสียก่อน
ณิชมนหมุนคว้างมองรอบตัวไม่รู้จะทำอะไรดี อาจถือแฟ้มเอกสารสมุดบัญชีเดินเข้ามา
“ลุงอาจคะ มีงานอะไรให้นอมช่วยมั้ยคะ”
“ไม่มีหรอกครับ”
“ลุงอาจช่วยหางานอะไรให้นอมทำหน่อยซิคะ ให้นอมช่วยทำบัญชีรับจ่ายในบ้านก็ได้นะคะ”
“ให้คุณนอมช่วย แล้วผมก็ไม่มีงานทำน่ะซิครับ เดี๋ยวก็ถูกไล่ออกพอดี”
“โธ่ ลุงอาจให้นอมช่วยเถอะนะคะ คุณชายธัชเห็นนอมทำงานยุ่งๆ จะได้ไม่มาลากนอมออกไปข้างนอกอีก”
บุรธัชเดินมาหยุดยืนฟัง ณิชมนไม่ทันเห็นเลยนินทาบุรธัชต่อ
“เมื่อวานก็แกล้งใช้ให้นอมล้างรถเป็นสิบๆ คัน ไม่รู้ว่าวันนี้จะแกล้งอะไรนอมอีก เจ้านายของลุงอาจเนี่ยชอบข่มขู่คนอื่น พูดดีๆไม่เป็นหรือไงก็ไม่รู้”
“คุณชายมีหน้าที่รับผิดชอบเยอะ ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญๆทุกวัน จะทำอะไรก็ต้องเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง”
“อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าเข้มแข็งหรอกค่ะ เรียกว่าบ้าอำนาจมากกว่า ที่จริงคนแบบคุณชายธัชนี่เป็นคนอ่อนแอ กลัวคนอื่นไม่เชื่อฟังก็เลยต้องทำดุทำเหี้ยมใส่ คนอย่างนี้นะคะ เอาจริงๆก็ไม่กล้าทำอะไรใครหรอกค่ะ ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย”
ณิชมนหันมาเจอบุรธัชเข้าอย่างจัง
“คุณชายธัช !”
บุรธัชโยนกุญแจรถให้ ณิชมนไม่ทันตั้งตัวตะครุบกุญแจไว้แทบไม่ทัน
“วันนี้ขับรถให้หน่อย” บุรธัชสั่ง
บุรธัชเดินนำออกไป ณิชมนหันมามองอาจอย่างเหนื่อยใจเพราะไม่รู้ว่าวันนี้จะเจออะไรบ้าง
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถบุรธัชแล่นเข้ามาจอดที่รีสอร์ตเทพสุธา ณิชมนหันไปมองหลังรถ บุรธัชยังนั่งนิ่งอ่านเอกสารอยู่ บุรธัชเงยหน้ามองณิชมนไม่มีท่าทีจะเปิดประตูลงรถไปเอง
ณิชมนถอนใจสองสามเฮือกแล้วลงจากรถ ณิชาภัทรเดินเข้ามาหยุดชะงักมอง ณิชมนเปิดประตูให้บุรธัชลงจากรถโค้งให้อย่างประชดเล็กๆ
“รออยู่ที่รถนี่แหละ อย่าไปไหนเด็ดขาด”
“เจ้าค่ะ คุณชาย” ณิชมนประชด
ณิชาภัทรเดินเข้ามาหาบุรธัช
“วันนี้ให้ผู้ช่วยขับรถมาให้หรือคะ ถ้าธัชขี้เกียจขับรถก็น่าจะโทรบอกณิชาจะได้แวะไปรับ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นหน้าที่ของประนอมอยู่แล้ว”
“งั้นหรือคะ แล้วคุณนอมมีหน้าที่อะไรบ้างล่ะคะ”
“ก็..ทำทุกอย่างตามที่คุณชายสั่งน่ะค่ะ” ณิฃมนตอบ
“ถ้าไม่ใช่หน้าที่ คุณนอมก็ไม่ต้องทำตามคำสั่งของธัชไปหมดซะทุกอย่าง นอกจากว่าคุณนอมเต็มใจทำงานนอกเหนือหน้าที่เอง”
ณิชมนมองณิชาภัทรเพราะรู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไป
“คุณนอมอยากดูรอบๆรีสอร์ตมั้ยคะ มาค่ะ ณิชาพาทัวร์เอง”
“คุณชายให้นอมรออยู่ที่รถค่ะ”
“งั้นขออนุญาตพาคุณนอมไปกับณิชานะคะ ธัช เดี๋ยวณิชาจะตามไปเจอที่ล็อบบี้ ไปค่ะ คุณนอม”
ณิชาภัทรดึงณิชมนเดินออกไปด้วยกัน บุรธัชมองตามทั้งสองคนไม่แน่ใจว่าณิชาภัทรคิดจะทำอะไรหรือเปล่า
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รวิภาสเดินกลับมาที่ชมรมพิมพ์นฤมลเดินตามมาเข้ามา
“พี่ภาสมีเหตุผลอะไรที่ไม่ให้นมลไปค่ายด้วย”
“งานหนักเกินไปสำหรับนมลน่ะซิ นมลทำไม่ไหวหรอก”
“แล้วทำไมมีนถึงไปได้ล่ะ”
“พี่เห็นมีนตอนที่ช่วยงานสร้างฝายแล้ว คิดว่า มีนน่าจะไหว แต่นมลคงไม่ไหวแน่ๆ งานออกค่ายไม่ใช่ทำกันเล่นๆ งานมันหนักกว่าที่นมลคิดเป็นร้อยเท่า กินอยู่ก็ลำบาก..”
“พี่ภาสดูถูกนมลเกินไปแล้ว นมลไม่ได้เหยาะแหยะทำอะไรไม่เป็น งานหนักแค่ไหนนมลก็ทำไหว พี่ภาสต้องให้นมลพิสูจน์ตัวเอง”
“ถ้านมลห่วงเรื่องชั่วโมงกิจกรรมล่ะก็ ถ้ารวมชั่วโมงที่ไปช่วยงานสร้างฝายชั่วโมงที่มาช่วยงานที่ชมรมก็น่าจะเกือบสามสิบชั่วโมง แล้วนมลยังมีเวลาอีกตั้งสองปีที่จะเก็บชั่วโมงกิจกรรม”
“นมลไม่ได้สนใจเรื่องชั่วโมงกิจกรรม นมลเข้าชมรมค่ายอาสาฯ เพราะนมลอยากออกค่ายอยากทำงานจริงๆ ถ้าพี่ภาสคิดว่า นมลมาเข้าชมรมนี้เพื่อตามตื๊อพี่ภาสล่ะก็ พี่ภาสเข้าใจผิดและดูถูกนมลที่สุด !”
พูดจบพิมพ์นฤมลก็เดินโกรธออกไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชาภัทรเดินนำณิชมนดูรอบๆ รีสอร์ต
“คุณนอมชอบการตกแต่งของที่นี่มั้ยคะ ส่วนใหญ่เป็นไอเดียของณิชาเองล่ะค่ะ ธัชก็ช่วยนะคะ ตอนเริ่มสร้างที่นี่ใหม่ๆ เราแทบตีกันตาย ณิชากับธัชก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ เดี๋ยวทะเลาะกันเดี๋ยวก็ดีกัน ก็เลยไม่มีใครเชื่อว่า เราเลิกกันจริงๆ คุณนอมคิดว่าไงคะ”
“เออ..นอมก็เพิ่งรู้จักคุณณิชากับคุณชายได้ไม่นาน คงตอบอะไรไม่ได้”
“ผู้ใหญ่พูดกันน่ะค่ะว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะเหมาะสมกับธัชเท่าณิชาอีกแล้ว ณิชาเข้าใจธัชยิ่งกว่าธัชเข้าใจตัวเองอีกนะคะ ณิชาก็เลยเข้าใจว่า ทำไมธัชถึงอยากได้คุณไปทำงานด้วย” ณิชาภัทรยิ้ม
“คุณณิชาเข้าใจว่ายังไงเหรอคะ”
“ธัชเป็นคนขี้เหงาค่ะ มีคุณนอมนี่แหละที่กล้าเถียงกล้าทะเลาะด้วย ก็เลยทำให้ธัชหายเหงาไปได้บ้าง ดูภายนอกธัชเป็นคนเอาแต่ใจ แต่จริงๆแล้วธัชใส่ใจคนรอบๆข้างเสมอ ณิชาหวังว่า ธัชคงไม่ได้ทำให้คุณนอมเข้าใจผิดนะคะ”
ณิชมนนิ่งตอบอะไรไม่ถูก
“แต่คุณนอมคงไม่เข้าใจผิดอยู่แล้ว ผู้หญิงฉลาดๆอย่างคุณนอมคงรู้ว่าเส้นแบ่งระหว่างเจ้านายกับลูกน้องอยู่ตรงไหน ณิชาเชื่อว่า ทั้งคุณนอมทั้งธัช ไม่มีใครก้าวล้ำเส้นแน่ ณิชาเข้าใจถูกมั้ยคะ”
พงษ์เทพเดินเข้ามาเห็นณิชมนก็เดินไปหาอย่างดีใจ
“คุณนอม..ดีใจจังที่ได้เจอคุณที่นี่” พงษ์เทพทัก
ณิชาภัทรจับท่าทีของพงษ์เทพที่มีต่อณิชมนได้
“คุณพงษ์เทพมาได้จังหวะพอดีเลย ช่วยพาคุณนอมทัวร์รอบๆ รีสอร์ตหน่อยนะคะ ณิชาต้องไปทำงานต่อแล้ว”
ณิชาภัทรเดินออกไป พงษ์เทพมองณิชมนที่ดูสีหน้าไม่สู้ดีนัก
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พงษ์เทพเดินพาณิชมนมาอีกมุมหนึ่งของรีสอร์ต
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ท่าทางคุณดูไม่ค่อยสบายใจ”
“ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางยังไงไม่รู้”
“ถ้าคุณไม่สบายใจจะทำงานกับคุณชายธัชล่ะก็ มาทำงานกับผมที่นี่ซิครับไม่ต้องเป็นเลขาฯผมก็ได้ คุณอยากทำงานตำแหน่งอะไร บอกมาได้เลยผมจะช่วยดูให้”
“ขอบคุณนะคะ แต่ฉันทำงานกับคุณที่นี่ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้ฉันอยากไปให้ไกลจากความวุ่นวายของผู้คนที่นี่”
“คุณจะกลับไปซิดนีย์เหรอครับ”
ณิชมนนึกถึงนวลแขที่พูดถึงการตามหาครอบครัวของเธอ
“ถ้าหากย่าตายไปเมื่อไหร่ผีพนันอย่างตาชยทัตได้ส่งลูกสาวมาฟ้องร้องแบ่งมรดกจากเราแน่ ทีนี้ก็ได้เป็นข่าวอื้อฉาวกันอีกล่ะ ย่าถึงต้องตามสองแม่ลูกนั่นให้มารับทราบข้อตกลงกันก่อน จะได้ไม่เป็นเรื่องเป็นราวกันภายหลัง”
ณิชมนแน่วแน่ที่จะไม่กลับไปหานวลแขอีก
“ค่ะ ฉันจะกลับซิดนีย์ ฉันจะไม่อยู่ที่นี่สร้างปัญหาให้ใครอีก ถ้าฉันไปแล้วจะไม่กลับมาที่นี่อีก”
“ผมจะช่วยคุณเอง ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไง ผมยินดีช่วยทุกอย่าง ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า ผมอยากเป็นเพื่อนคุณจริงๆ”
ณิชมนมองพงษ์เทพอย่างขอบคุณ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชนั่งอ่านเอกสารที่ล็อบบี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นณิชาภัทรที่เดินเข้ามาคนเดียว
“ประนอมล่ะครับ”
“อ้าว คุณนอมยังไม่กลับมาเหรอคะ สงสัยคุณพงษ์เทพจะพาทัวร์รีสอร์ตเพลินจนลืมเวลา”
“คุณปล่อยให้ประนอมไปกับนายพงษ์เทพได้ไง”
บุรธัชรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที ณิชาภัทรรีบเดินตาม
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ คุณนอมกับคุณพงษ์เทพรู้จักสนิทสนมกันอยู่แล้ว ให้คุณพงษ์เทพพาคุณนอมเดินเล่นฆ่าเวลาน่ะดีแล้ว คุณนอมจะได้ไม่เบื่อที่ต้องมารอธัชเป็นชั่วโมงๆ”
“ประนอมมาทำงานไมได้มาเที่ยว ผมสั่งให้รอก็ต้องรอ”
ณิชมนกับพงษ์เทพเดินคุยกันมาแต่ไกล
“คุณชายธัชไม่ให้เงินเดือนคุณจริงๆหรือครับ อย่างนี้คุณก็เสียเวลาเปล่าไปตั้งสองอาทิตย์ แล้วจะเมื่อไหร่จะเก็บเงินค่าตั๋วเครื่องบินได้ล่ะ เอาอย่างนี้ คุณยืมเงินผมไปก่อนก็ได้ มีเมื่อไหร่ค่อยใช้คืน”
“ดูคุณจริงจังที่จะช่วยฉันจังเลยนะคะ”
“ผมเป็นห่วงคุณ ผมอยากช่วยคุณไปจากคุณชายธัชให้เร็วที่สุด”
บุรธัชเดินเข้ามาทันได้ยินพอดิบพอดี
“ดูเหมือนคุณจะวุ่นวายกับคนของผมอีกแล้วนะครับ คุณพงษ์เทพ”
“คุณนอมคงเป็นคนของคุณอีกไม่นานหรอกครับ คุณชายธัช”
“แต่ตอนนี้ประนอมยังเป็นคนของผมอยู่ คุณไม่มีสิทธิ์จะพาคนของผมไปไหนมาไหนโดยไม่มาขออนุญาตผมก่อน ขอให้นี่เป็นครั้งสุดท้ายนะครับคุณพงษ์เทพ เรากลับกันได้แล้ว”
บุรธัชดึงตัวณิชมนออกไปทันที
“เดี๋ยวซิคะ ธัช แล้วไม่ประชุมแล้วเหรอคะ”
ณิชาภัทรกับพงษ์เทพมองตาม
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชลากตัวณิชมนมาที่รถ ณิชมนสะบัดมือหลุดจากบุรธัช
“นี่เธอกำลังหาที่เกาะใหม่หรือไง ถึงได้ไปโอดครวญเรียกร้องความเห็นใจจากนายพงษ์เทพน่ะ”
“ฉันไม่เคยเรียกร้องความเห็นใจจากใคร”
“ทำไมอยู่กับฉันมันเหนื่อยยากลำบากนักหรือไง ถึงต้องไปขอร้องให้คนอื่นเค้าช่วย”
“ฉันไม่จำเป็นต้องพูดอะไร คุณพงษ์เทพก็เห็นอยู่แล้ว คุณทำกับฉันยังไงบ้าง ถ้าเค้าจะเห็นใจฉัน อยากช่วยเหลือฉัน ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร”
“ก็คงไม่แปลกหรอก นายพงษ์เทพจับจ้องเธอนานแล้วนี่ นี่คงตกลงกันไปเรียบร้อยแล้วซินะ เธอเรียกค่าตัวไปเท่าไหร่ล่ะ”
“คุณชายธัช !”
“เมื่อวานฉันก็พูดเคลียร์แล้วนะว่า ยังไงเค้าก็ไม่มีวันซื้อตัวเธอไปจากฉันได้ แต่ก็ยังมาแอบมาตกลงตัวเลขกับเธอจนได้ ว่าไง เธอเรียกค่าตัวไปเท่าไหร่ อย่าลืมล่ะว่า ผู้ชายลงเงินไปแล้ว ยังไงก็ต้องถอนทุนคืน”
ณิชมนเดินหนีออกไปทันที
“เธอจะไปไหน”
“ฉันขอลาออก ฉันจะไม่ทนอยู่ให้คุณดูถูกอีกต่อไปแล้ว” ณิชมนโมโห
“ฉันไม่ให้เธอลาออก ประนอม เธอจะไปไหน”
ณิชมนไม่ตอบเดินดุ่มๆออกไปอยางโมโห บุรธัชยืนอึ้งไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชาภัทรกับพงษ์เทพมาด้วยกัน
“ณิชาต้องขอโทษแทนธัชด้วยนะคะ ช่วงนี้งานเยอะน่ะค่ะ ธัชก็เลยอารมณ์เสียง่าย”
“คุณชายธัชไม่มีเหตุผลอย่างนี้ ผมถึงไม่อยากให้คุณนอมทำงานกับคุณชายธัชอีกต่อไป”
“ณิชาก็เป็นห่วงคุณนอมอยู่เหมือนกันค่ะ ถึงคุณนอมจะตั้งใจทำงานกับธัชแค่ชั่วคราว แต่ดูเหมือนคุณนอมจะเริ่มทนธัชไม่ไหวแล้ว น่าเห็นใจนะคะ”
“คุณนอมคงอยากลาออกแต่ติดข้อตกลงที่ให้กับคุณชายไว้”
“ถ้าหากคุณนอมจะลาออกจริงๆ ก็คงออกได้แหละค่ะ เค้าอาจจะลังเลเพราะยังหางานใหม่ไม่ได้ คุณลองคุยกับคุณนอมอีกครั้งซิคะ ณิชาก็จะลองเกลี้ยกล่อมธัชดู เรามาช่วยกันนะคะ คุณนอมจะได้ไม่ต้องทนทำงานกับคนเอาแต่ใจอย่างธัช”
“ได้ครับ ผมเองก็อยากให้คุณนอมเป็นอิสระเร็วๆ คุณนอมควรจะไปมีอนาคตดีๆ ไม่ควรเสียเวลากับคนอย่างคุณชาย”
ณิชาภัทรยิ้มดีใจที่ได้พงษ์เทพมาช่วยอีกคน
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนเดินจ้ำเอาๆ มาตามถนนพลางมองหารถแต่เห็นถนนโล่งไม่มีวี่แววรถผ่านมา บุรธัชเดินตามมาจนทัน
“กลับไปกับฉัน !”
ณิชมนทำเป็นไม่ได้ยินยังเดินจ้ำต่อไปเรื่อยๆ บุรธัชเข้าไปดึงตัวเธอไว้
“กลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้ ประนอม เธอยังลาออกไม่ได้ เธอต้องทำงานกับฉันตามที่เราตกลงกันไว้”
“ยังไงฉันก็จะไม่กลับไปกับคุณ”
“เธอจะไม่รักษาคำพูดเหรอไง”
“คุณไม่เคยมองฉันในแง่ดีอยู่แล้วนี่ ฉันจะต้องรักษาคำพูดไปทำไม แล้วที่ฉันทำงานให้คุณมาสองวันบวกกับต้องทนฟังคำพูดแย่ๆบวกกับต้องทนอารมณ์ขึ้นๆลงๆของคุณ ก็ถือว่าหักกลบลบหนี้บุญคุณกันไป”
“นี่ฉันจะต้องทำยังไง เธอถึงจะกลับไปกับฉัน”
“ขอโทษฉัน”
“อะไรนะ”
“คุณต้องขอโทษฉัน”
ณิชมนจ้องหน้าบุรธัชนิ่งอย่างเอาจริง บุรธัชนิ่งคิดเพราะไม่อยากเสียฟอร์ม
“คุณไม่รู้สึกผิดเลยหรือไงคะ หรือคุณคิดว่า ผู้หญิงอย่างฉันซื้อได้ด้วยเงินจริงๆ คุณถึงพูดดูถูกฉันอย่างนั้น ก็ได้ถ้าคุณมีศักดิ์ศรีเกินกว่าที่จะขอโทษแม่บ้านอย่างฉันล่ะก็..”
“ฉันขอโทษ.... กลับกันได้หรือยัง”
“ขอโทษแล้วก็ต้องรับปากฉันด้วยว่า จะไม่พูดดูถูกฉันอีก คุณจะต้องให้เกียรติฉันมากกว่านี้ แล้วห้ามหาเรื่องแกล้งฉันอีก แล้วก็ห้าม..”
“ก็ได้ๆ ฉันรับปากเธอ แล้วเธอก็ต้องรับปากฉันว่าจะไม่ลาออก” บุรธัชรีบขัด
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะทนทำงานให้ครบสองอาทิตย์ตามที่ตกลงกันไว้”
“งั้นกลับกันได้แล้ว ไป”
บุรธัชจับมือณิชมนเดินกลับไปทางรีสอร์ต
“นี่คุณ..ฉันไม่หนีไปไหนแล้วน่า คุณรับปากฉันแล้วจะว่าจะให้เกียรติฉัน..”
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยเริ่มต้นใหม่แล้วกัน”
บุรธัชทำไม่รู้ไม่ชี้จับมือณิชมนแน่นเดินไปด้วยกัน ณิชมนมองบุรธัช บุรธัชหันกลับมามอง ทั้งสองสบตากันณิชมนยอมให้บุรธัชจูงมือกลับไปอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลเก็บเสื้อผ้าแพคใส่กระเป๋าเดินทาง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู ชื่อ“พี่ภาส” ขึ้นหน้าจอ เธอกดปิดไม่รับสายจากเขา
“จ้างให้ก็ไม่คุยด้วย”
พรรณอรกับพรพรรณเดินเข้ามา
“จัดกระเป๋าจะไปไหนเหรอ นมล” พรรณอรทัก
“ไปออกค่ายค่ะ”
“ออกค่ายอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไมน้าไม่รู้เรื่อง”
“นมลไปออกค่ายช่วยสร้างห้องเรียนห้องสมุดให้โรงเรียนเวียงดอยค่ะ นมลขออนุญาตคุณแม่แล้ว คุณแม่ลืมอีกแล้วหรือคะ”
“แม่ลืมจริงๆ ด้วย เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน แป๊บๆ ก็ปิดเทอมแล้วหรือเนี่ย
“แล้วเธอจะไหวเหรอ นมล ไปออกค่ายอย่างนี้ก็ต้องไปโรงเรียนที่มันทุรกันดารใช่มั้ย แล้วเธอจะทนลำบากได้เหรอ” พรพรรณถาม
“น้าพรก็เห็นนมลไม่เอาไหนอีกคนเหรอคะ”
“น้าก็พูดไปตามที่เห็น น้ากลัวว่าเธอจะไปเป็นภาระของคนอื่น แต่ถ้าคิดว่าตัวเองทำได้ ก็ลองดูแล้วกัน ถ้าไปเจองานหนักก็อย่าถอดใจหนีกลับบ้านแล้วกัน”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ถ้าทำไม่ไหวก็กลับมา คนเราไม่ได้เก่งไปซะทุกอย่าง” พรรณอรบอก
“จะทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุดนะคะ พี่อร ถ้ารู้ว่าทำไม่ได้ต้องล้มเหลวกลับมาก็อย่าไปเลยซะดีกว่า คิดให้ดีๆล่ะ นมล”
พิมพ์นฤมลนิ่งคิดฟังคำเตือนของพรพรรณ
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักปาฏิหาริย์ตอนที่ 15 (ต่อ)
ณ บ้านสุธาสิน ดาวเรืองรินน้ำชาใส่ถ้วยแล้วเลื่อนให้นวลแข
“ณิชมนคงจะกลับมาเมืองไทยแล้วจริงๆนะคะ คุณหญิง คนของเราที่ไปตามข่าวที่ออสเตรเลียถึงได้ตามหาณิชมนไม่เจอซักที” ดาวเรืองกล่าว
“ถ้าณัชชาให้ลูกกลับมาเมืองไทยเพื่อจัดการเรื่องบ้านชุติมันต์ ป่านนี้ทำไมไม่มีวี่แววเลยล่ะ” นวลแขสงสัย
“แล้วถ้าณิชมนกลับมาจริงๆ คุณหญิงพร้อมที่จะต้อนรับหลานสาวคนใหม่หรือยังล่ะคะ”
“ก็รอให้กลับมาจริงๆ แล้วค่อยว่ากันอีกที”
ณิชาภัทรเดินเข้ามาท่าทางเหนื่อยๆเซ็งๆยกมือไหว้ดาวเรือง
“สวัสดีค่ะ คุณป้า”
“วันนี้งานหนักมากเลยเหรอ ณิชา ดูท่าทางเหนื่อยเชียว”
“วันนี้ณิชายุ่งวุ่นวายทั้งวันเลยค่ะ ธัชรับปากว่าจะมาช่วยงานที่รีสอร์ตกับณิชา แต่หนีงานกลับไปกับคุณนอมซะงั้น”
“คุณชายคงมีธุระด่วนต้องรีบไปล่ะมั้ง”
“ธัชไม่ได้มีธุระด่วนอะไรหรอกค่ะ คุณย่า คุณพงษ์เทพไปตอแยกับคุณนอม ธัชก็เลยโกรธปึงปังรีบพาคุณนอมออกไป ธัชแสดงอาการหวงคุณนอมขนาดนี้ คุณย่ายังคิดว่าณิชาคิดมากอีกเหรอคะ”
“นี่ณิชาหมายความว่ายังไง” ดาวเรืองสงสัย
“ก็หมายความว่าธัชคิดกับคุณนอมเกินเจ้านายกับลูกจ้างน่ะซิคะ คุณป้า”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณชายจะไปชอบประนอมได้ยังไง ถึงคุณชายจะมองข้ามเรื่องหน้าตาไปได้ แต่ก็คงจะคุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดีถึงประนอมจะทำงานบ้านดี แต่ก็ออกจะเซ่อๆซ่าๆ ไม่ทันคน ป้านึกภาพคุณชายกับประนอมไม่ออกเลยล่ะค่ะ” ดาวเรืองยิ้มขำ
“เราพูดถึงแม่บ้านประนอมคนเดียวกันหรือเปล่าคะเนี่ย”
ณิชาภัทรมองดาวเรืองอย่างแปลกใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชาภัทรเดินออกมาส่งดาวเรือง
“ณิชาอย่าเป็นห่วงเรื่องประนอมเลยนะ ยังไงคุณชายก็ไม่มีวันสนใจผู้หญิงบ้านๆอย่างประนอมหรอก เชื่อป้าเถอะ”
“แต่ดูท่าทางธัชจะชอบคุณนอมจริงๆนะคะ คุณป้า”
“แค่คุณชายรับประนอมไปทำงาน ไม่ได้หมายความว่าคุณชายจะคิดเกินเลยกับประนอมหรอกนะ อาจจะเพราะสงสารหรืออาจจะเพราะเหตุผลอื่นแต่ไม่ใช่เพราะชอบประนอมแน่ๆ”ดาวเรืองมั่นใจ
“ที่จริงธัชสนใจคุณนอมตั้งแต่เจอกันแรกๆแล้วนะคะ ธัชชอบบอกว่าคุณนอมดูไม่เหมือนเป็นแม่บ้าน ไม่ใช่แม่บ้านธรรมดา คุณป้าบอกว่าคุณนอมเป็นผู้หญิงบ้านๆ เซ่อๆซ่าๆ แต่คุณนอมที่ณิชาเห็นนี่..ตรงข้ามกับที่คุณป้าพูดทุกอย่าง”
“ณิชาพูดอะไร ป้าฟังไม่เข้าใจเลย”
“คุณป้ายังมีประวัติของคุณนอมอยู่ใช่มั้ยคะ ณิชาขอดูหน่อยได้มั้ยคะ ณิชาชักเชื่อธัชแล้วว่า คุณนอมไม่ใช่แม่บ้านธรรมดาอย่างที่เราคิด”
ณิชาภัทรเริ่มสงสัยณิชมนขึ้นมาตะหงิดๆ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชกลับจากวิ่งออกกำลังกายกำลังจะวิ่งกลับเข้ามาในบ้าน รวิภาสแบกกระเป๋าเป้เดินออกมา
“แกจะไปไหนแต่เช้า”
“ไปเที่ยวกับไอ้กันต์”
“ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้แกไป”
“ผมไม่จำเป็นต้องขออนุญาตพี่ธัช ผมโตแล้ว ผมตัดสินใจเองได้”
“ตราบใดที่แกยังอยู่ในบ้านนี้ แกก็ต้องเชื่อฟังฉัน แกจะไปไหนไม่ได้จนกว่าจะบอกว่าแกจะไปไหน”
ณิชมนกับอาจเดินออกมาดู
“ผมจะไปไหนก็เรื่องของผม ผมรับรองว่า ผมจะไม่ไปสร้างปัญหาให้พี่ธัชแน่ ผมรู้ตัวว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่”
“ถ้าแกรู้ว่า แกกำลังทำอะไรอยู่ แกคงไม่ออกไปเที่ยวทำตัวไร้สาระ แกควรจะอยู่ช่วยงานที่ไร่ แกอย่าลืมซิว่า แกก็เป็นเจ้าของไร่บุริศราวัณเหมือนกัน หัดมีความรับผิดชอบบ้าง”
“ก็ขอให้ผมเรียนจบก่อนไม่ได้หรือไง ตอนนี้ผมขอเที่ยวให้สุดเหวี่ยงส่งท้ายชีวิตนักศึกษาหน่อย ไงผมก็ต้องกลับมาทำงานรับใช้พี่ธัชแน่ ไม่ต้องห่วง ผมไปล่ะ”
รวิภาสเดินออกไปอย่างไม่สนใจ
“นายภาส !”
ณิชมนดึงบุรธัชไว้ไม่ให้ตามรวิภาสไป
“ปล่อยคุณภาสไปเถอะค่ะ คุณภาสจำเป็นต้องไปจริงๆ เค้ามีหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องทำ คุณนี่ไม่รู้จักน้องชายคุณเอาซะเลย”
บุรธัชมองณิชมนอย่างไม่เข้าใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
กันต์ยืนเช็ครายชื่ออยู่ที่ประตูขึ้นรถบัส กลุ่มนักศึกษาทยอยขึ้นรถ
“น้องๆครับ ใครมาถึงแล้วมาเช็คชื่อกับพี่ก่อนนะครับ แล้วค่อยขึ้นรถน้องจอย ไอ้หนึ่ง ไอ้หมี ไอ้ภู น้องนิด” กันต์พูด
รวิภาสเดินเข้ามากันต์
“ไง มาครบกันหรือยัง” รวิภาสถาม
“ขาดอีกคนเดียว นั่นไง มาแล้ว”
มีนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“มีนขอโทษค่า มีนมาช้าไปหน่อย”
“มาช้าไปห้านาทีเอง ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นรถไปได้แล้ว”
“เดี๋ยวนะคะ มีนขอรอเพื่อนก่อน”
“รอใครอีกล่ะ มาครบแล้วนี่นา”
มีนชะเง้อไปมองหาพิมพ์นฤมล รวิภาสหันมองตาม พิมพ์นฤมลเดินแบกกระเป๋าใบใหญ่เท่าบ้านเดินเอียงไปเอียงมา
รวิภาสเดินไปหาพิมพ์นฤมลอย่างหงุดหงิด
“นมล พี่บอกแล้วไงว่า เธอไปด้วยไม่ได้”
“แต่นมลจะไป แล้วก็จะไม่มีใครห้ามนมลได้ พี่ภาสอย่ามาทำเหมือนนมลเป็นเด็ก นมลโตแล้ว นมลรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้”
“งั้นก็ตามใจ” รวิภาสพูด
“ไป รีบขึ้นรถกันเร็ว นมล”
“เธอมาสาย ต้องถูกลงโทษ ไปนั่งรถกระบะโน่นไป”
“มีนก็มาสายเหมือนกัน” มีนบอก
“มีนไม่ต้อง ให้นมลไปคนเดียว ไปซิ ถ้าจะไปออกค่ายด้วยกัน ก็ต้องทำตามกฎระเบียบของค่าย ใครทำผิดกฎ ก็ต้องถูกลงโทษ ไม่ว่าใครก็ไม่มีข้อยกเว้น”
พิมพ์นฤมลแบกกระเป๋าเดินไปขึ้นท้ายรถกระบะอย่างทุลักทุเล
“มีกฎลงโทษอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไอ้ภาส” กันต์ถาม
“ไปขึ้นรถ เราออกเดินทางได้แล้ว”
กันต์กับมีนขึ้นรถไปอย่างไม่สบายใจ รวิภาสหันไปมองพิมพ์นฤมลที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ท้ายรถกระบะที่ไม่มีหลังคา
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนเดินเข้ามาจัดเตรียมอาหารเช้าที่โต๊ะอาหาร บุรธัชเดินตามเธอเข้ามา
“นี่แสดงว่าเธอรู้ว่า นายภาสจะไปไหน”
“ค่ะ ฉันรู้ว่า คุณภาสจะไปไหน คุณภาสไม่ได้ไปเที่ยวทำตัวไร้สาระอย่างที่คุณคิด คุณภาสไปออกค่ายสร้างโรงเรียนให้เด็กๆค่ะ”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อ”
“ฉันก็เคยบอกคุณแล้วว่า คุณภาสเป็นหัวหน้าชมรมค่ายอาสา แล้วนี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณภาสออกไปทำเรื่องดีๆอย่างนี้”
“แล้วทำไมนายภาสไม่บอกฉันตรงๆล่ะ”
“บอกไปก็คงจะเสียเวลาเปล่า เพราะคุณคงไม่เชื่ออยู่ดี คุณตัดสินคุณภาสไปแล้วว่า เค้าเป็นคนเหลวไหลไม่มีทางจะเอาดีได้ ถ้าหากคุณหยุดมองคุณภาสซักนิด คุณจะรู้ว่า คุณภาสเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”
บุรธัชนิ่งคิด
“ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณก็ตามไปดูคุณภาสซิคะ”
“แล้วฉันจะไปตามมันที่ไหน เธอรู้หรือว่ามันไปออกค่ายที่ไหน”
“เรื่องนั่นฉันไม่รู้หรอกค่ะ แต่ฉันคิดว่า ลุงอาจน่าจะรู้”
บุรธัชหันไปเห็นอาจเดินเข้ามา
“ลุงอาจ นายภาสไปออกค่ายจริงๆเหรอ แล้วมันไปออกค่ายที่ไหน”
“คุณภาสไปออกค่ายจริงๆครับ เห็นว่าเตรียมงานอยู่หลายเดือน คราวนี้จะไปสร้างห้องเรียนที่โรงเรียนเวียงดอยครับ”
บุรธัชมองอาจอย่างแปลกใจ
“ถ้าคุณใส่ใจคุณภาสมากกว่านี้ คุณก็คงไม่รู้เรื่องนี้เป็นคนสุดท้ายแต่ยังไม่สายเกินไปนะคะที่คุณจะมองคุณภาสใหม่”
บุรธัชยังคงดื้อดึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ดี
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถบัสแล่นเข้ามาจอดที่โรงเรียนเวียงดอย รวิภาสรีบลงจากรถหันไปมองรถกระบะที่แล่นมา รถกระบะที่บรรทุกข้าวของเครื่องมืออุปกรณ์ก่อสร้างเต็มรถแล่นเข้ามา
พิมพ์นฤมลนั่งตากแดดหน้าดำเหงื่อแตกพลั่กๆอยู่ท้ายรถ ถือผ้าคลุมหัวกันแดดมาตลอดทาง รวิภาสเดินไปหาเธอ กันต์มีนและกลุ่มนักศึกษาทยอยลงจากรถพากันไปหยิบกระเป๋าใต้ท้องรถ
พิมพ์นฤมลลุกขึ้นกระย่องกระแย่งเหมือนเป็นเหน็บที่ขา รวิภาสยื่นมือจะพยุงช่วยเธอลงจากรถแต่เธอปัดมือเขาออกไปไม่ยอมให้ช่วยแล้วกระโดดลงจากท้ายรถกระบะแต่เสียหลักหกล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
“โอ๊ย เจ็บๆๆ” พิมพ์นฤมลร้อง
“อยากอวดเก่งดีนัก ลุกขึ้นมา เร็วเข้า”
รวิภาสเข้าไปดึงพิมพ์นฤมลให้ลุกขึ้นยืน
“เดินไหวหรือเปล่า”
“เดินไหว ไม่ต้องมายุ่ง เดินเองได้”
“งั้นก็ตามใจ ตามมาเร็วๆเข้าล่ะ”
รวิภาสเดินออกไปทันที รวิภาสเดินไปเฉียดกระซิบกับมีน
“ไปช่วยนมลหน่อย มีน”
มีนรีบเดินไปพยุงพิมพ์นฤมลให้เดินไปด้วยกัน รวิภาสคว้ากระเป๋าของตัวเองได้ก็เดินลิ่วๆออกไป พิมพ์นฤมลมองตามอย่างเจ็บใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รวิภาสกับกันต์เดินนำพิมพ์นฤมล มีนและกลุ่มนักศึกษาเข้ามาในห้องประชุมที่เป็นห้องโล่ง กันต์แยกไปปิดป้ายกำหนดการของค่ายที่บอร์ดของห้องประชุม
“เราจะนอนกันในห้องนี้ ผู้ชายนอนฝั่งนี้ ส่วนผู้หญิงนอนฝั่งโน้นห้ามข้ามเขตกันอย่างเด็ดขาด” รวิภาสบอก
“ผมชอบเดินละเมอตอนดึกๆซะด้วย พี่ภาส” นศ.ชายคนหนึ่งแซว
“ก็อย่าเดินละเมอไปหาน้องจอยก็แล้วกัน ไม่งั้นไอ้พี่กันต์เอาเอ็งตายแน่”
“งั้นผมขอเดินละเมอไปหาน้องนมลแทนได้มั้ยอ่ะ”
กันต์เข้าไปตบไหล่นศ.ชายคนนั้น
“ไอ้หมี อย่าปีนเกลียวกับรุ่นพี่ เดี๋ยวก็ได้เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่หรอก”
“อย่าพูดเล่นให้เสียเวลา เก็บกระเป๋าให้เข้าที่เข้าทาง แล้วไปเริ่มงานกันได้ ใครอยู่ฝ่ายโยธาไปกับพี่ ส่วนฝ่ายอื่นๆ ก็ไปกับหัวหน้าฝ่ายของตัวเอง ไปได้แล้ว ไป !”
พิมพ์นฤมลกับมีนเดินเข้ามาหารวิภาส
“พี่ภาสคะ ทางฝั่งผู้หญิงขาดหมอนกับผ้าห่มไปชุดนึงนะคะ” มีนบอก
“ทางโรงเรียนเค้าจัดไว้ครบแล้ว ทางเราต่างหากที่มีคนมาเกิน”
รวิภาสหันไปมองพิมพ์นฤมลเป็นการกล่าวโทษ
“แล้วเราจะไปหาหมอนกับผ้าห่มเพิ่มได้ที่ไหนคะ”
“มีแค่ไหนก็ใช้แค่นั้น ใครที่รู้ตัวว่าเป็นตัวปัญหาก็น่าจะรู้ว่า จะต้องทำยังไง”
รวิภาสเดินออกไป พิมพ์นฤมลมองตามหน้าคว่ำ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พันธ์นฤสรร์ดึงตัวพรรณอรให้ออกไปข้างนอก
“ไปเถอะครับ นะครับๆ คุณแม่” พันธ์นฤสรร์งอแง
“รอให้พี่นมลกลับจากไปค่ายก่อนนะ ลูก แล้วเราค่อยไปเที่ยวกัน”
“เราไปเที่ยวที่ไร่กันก่อนก็ได้นี่ครับ แล้วพี่นมลกลับมาเมื่อไหร่ ค่อยไปเที่ยวสวนสนุกที่ฮ่องกงกัน”
“แต่แม่ว่า เรารอพี่นมลดีกว่านะ ไปกันหลายๆคนน่าจะสนุกกว่า”
พรพรรณเดินเข้ามา
“คุณแม่จะผิดสัญญาหรือครับ ถ้าคุณแม่ไม่พาผมไปเที่ยว ผมจะไม่เรียนหนังสือ จะไม่กินจะไม่นอนจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น”
“พันสรดื้ออะไรกับคุณแม่อีกล่ะ”พรพรรณถาม
“ก็คุณแม่ทำผิดสัญญาก่อน คุณแม่สัญญาว่า ปิดเทอมเมื่อไหร่จะพาผมไปเที่ยว นี่ก็ปิดเทอมตั้งหลายวันแล้ว คุณแม่ก็ไม่เห็นพาผมไปไหนเลย”
“เธอไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ไปเที่ยว เธอจะหยุดไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้นี่นา แต่ตอนนี้รอให้คุณแม่เคลียร์งานก่อนดีมั้ย แล้วค่อยมาวางแผนกันว่าเราจะไปเที่ยวไหนกันดี” พรพรรณกล่าว
พรพรรณหันไปเห็นชัยวัฒน์เดินผ่านมาจึงร้องเรียก เขาทำท่าเหมือนจะหลบแต่ก็หลบไม่ทัน
“นี่มันเวลาเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมปล่อยให้พันสรมาเดินอยู่แถวนี้”
“ผมก็กำลังมาตามคุณพันสรอยู่นี่ล่ะครับ ไปครับ คุณพันสร ไปเรียนกัน วันนี้ผมเตรียมเกมสนุกๆไว้เพียบเลยครับ”
“ไม่ใช่ว่าให้พันสรเล่นแต่เกมนะ ครูชัย อาทิตย์หน้าพันสรก็ต้องไปสอบวัดความรู้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้เลื่อนชั้นกันพอดี”
“เกมที่ผมเตรียมไว้เป็นเกมท่องศัพท์ภาษาอังกฤษน่ะครับ เรียนด้วยวิธีเล่นเกมอย่างนี้ทั้งสนุกทั้งได้ความรู้ คุณพันสรถึงได้ไม่เบื่อการเรียน”
“ครูเคยให้เล่นเกมแบบนั้นที่ไหน มีแต่ให้เล่นเกมเตะบอลเกมรถแข่ง..”
ชัยวัฒน์ตะปบปิดปากพันธ์นฤสรร์ไว้
“ไปเรียนกันดีกว่านะครับ”
ชัยวัฒน์รีบพาพันธ์นฤสรร์ออกไปทันที พรรณอรกับพรพรรณมองตาม
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
กันยากับสายใจกำลังช่วยกันทำความสะอาดอยู่ พรรณอรกับพรพรรณเดินเข้ามา
“ถ้าพี่อรว่างก็ช่วยดูพันสรหน่อยนะคะว่า เรียนเป็นยังไงบ้าง ถ้าหากว่าพันสรยังไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอย่างนี้ เราอาจจะต้องเปลี่ยนครูใหม่”
กันยากับสายใจหันมาสบตากันอย่างตกใจ กันยากับสายใจรีบขยับตัวไปใกล้ๆ แอบฟังอย่างสอดรู้
“ถ้าประนอมอยู่ก็ดีนะ จะได้ช่วยดูพันสรให้ ดีไม่ดีประนอมอาจจะช่วยสอนหนังสือพันสรอีกคน”
“ประนอมอาจจะเคยเลี้ยงเด็กมาบ้าง แต่คงไม่เก่งถึงกับจะสอนหนังสือได้หรอกค่ะ แล้วนี่พี่อรพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้วเหรอคะ ถึงได้ไปสัญญากับพันสรว่าจะพาไปเที่ยวน่ะ”
“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน พี่ไม่ได้ก้าวออกไปจากบ้านนี้ตั้งสี่ปีแล้ว..”
“พี่อรเป็นโรคแบบที่เคยเห็นในหนังฝรั่งหรือเปล่าคะ โรคกลัวที่กว้างที่โล่งออกไปจากบ้านไม่ได้น่ะค่ะ”
“โรคแอโกราโฟเบีย Agoraphobia น่ะเหรอ เมธาวี นางเอกในเรื่องม่านมนตราของพี่ก็เป็นโรคนี้นะ เมธาวีช็อคจากการสูญเสียพ่อกับแม่อย่างกะทันหันก็เลยหนีโลกแห่งความจริง..เก็บตัวอยู่แต่ในอพาร์ตเมนท์ไม่ก้าวออกจากห้องเป็นเวลาสี่ปี...”
“พี่เขียนตัวละครตัวนี้จากตัวพี่อรใช่มั้ยล่ะคะ แล้วพี่อรจะผ่านพ้นปัญหานี้ไปเหมือนนางเอกของพี่หรือเปล่า”
“พี่ก็ยังไม่รู้ว่า พี่จะกล้าก้าวออกไปจากบ้านได้หรือเปล่า ถ้าประนอมอยู่ประนอมคงจะช่วยพี่ได้แน่”
“ประนอมอีกแล้ว อะไรๆก็ประนอม พรล่ะเบื่อจริงๆ”
กันยากับสายใจฟังอย่างตั้งอกตั้งใจครบทุกเม็ด พรพรรณนิ่งคิดเพราะเห็นความดีของประนอมอยู่เหมือนกัน
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พันธ์นฤสรร์นั่งเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษอย่างขี้เกียจๆ ชัยวัฒน์นั่งอ่านหนังสืออยู่ไกลออกมา กันยากับสายใจเดินหน้าตื่นเข้ามา
“เกิดเรื่องแล้วล่ะค่ะ ครูชัย”
“ไปพักได้ครับ คุณพันสร ครูให้เวลาครึ่งชั่วโมง”
“นี่เพิ่งเรียนไปสิบนาทีเอง” พันธ์นฤสรร์แย้ง
“ผมให้พักก็ไปพักเถอะน่า จะไปเล่นเกมหรือไปเล่นที่ไหนก็ได้ตามสบายเลยครับ”
พันธ์นฤสรร์วิ่งออกไป
“เกิดเรื่องอะไรเหรอ” ชัยวัฒน์ถาม
“คุณพรจะไล่ครูชัยออกน่ะค่ะ”
“แล้วก็จะจ้างยัยนอมมาสอนคุณพันสรแทน”
“ยัยแม่บ้านจบม.6 นั่นเหรอจะมาสอนแทนฉัน เป็นไปไม่ได้หรอก”
“แต่มันก็เป็นไปได้ ถ้าผลการเรียนของคุณพันสรไม่ดีขึ้น ครูชัยต้องกระเด็นออกไปจากบ้านนี้แน่ๆ”
“ครูชัยระวังตัวด้วยแล้วกัน ยัยนอมกำลังรอเสียบอยู่”
“ฉันไม่ให้ใครมาแย่งงานฉันง่ายๆหรอก ไม่เชื่อก็คอยดู”
ชัยวัฒน์โกรธฟึดฟัดไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชเดินออกมาจากตัวบ้านณิชมนเดินตามมาติดๆ
“คุณจะไปไหนคะ จะไปหาคุณภาสใช่มั้ยคะ”
“ฉันจะไปทำงาน ฉันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องไร้สาระหรอก”
“คุณไม่กล้าไปล่ะซิ คุณไม่กล้ายอมรับความจริงว่า คุณคิดผิดเรื่องคุณภาสมาตลอด คุณควรจะแก้ไขความผิดของตัวเองไม่ใช่วิ่งหนีความผิดอย่างนี้”
“ถ้าหากนายภาสอยากให้ฉันเข้าใจมันใหม่ ก็ให้มันมาพูดกับฉันเอง”
ณิชมนเข้าไปยืนขวางทางบุรธัชไว้
“คุณต่างหากที่จะต้องไปคุยกับคุณภาส คุณตามไปดูคุณภาสด้วยตาคุณเองซิคะ คุณจะได้เข้าใจน้องชายคุณซะที”
“ก็ได้ ฉันไปก็ได้”
“นี่ค่ะ ฉันได้แผนที่โรงเรียนเวียงดอยมาแล้ว”
ณิชมนส่งกระดาษแผนที่ให้ บุรธัชดึงแผนที่จากมือณิชมนแล้วก็ดึงมือณิชมนไปด้วย
“เธอต้องไปกับฉันด้วย”
“นี่มันเรื่องในครอบครัวของคุณ อย่าให้ฉันไปยุ่งด้วยเลย”
“เธอเข้ามาจุ้นจ้านเรื่องในครอบครัวฉันขนาดนี้แล้ว จะมาถอนตัวตอนนี้ก็สายเสียแล้ว ไปกันฉันเดี๋ยวนี้เลย”
บุรธัชดึงณิชมนไปด้วยจนได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รวิภาส กันต์และกลุ่มนักศึกษากำลังซ่อมแซมทาสีห้องเรียนอยู่ ครูมงคลเดินเข้ามา รวิภาสกับกันต์ผละจากงานเดินเข้าไปยกมือไหว้ครูมงคล
“สวัสดีครับ ครูมงคล” รวิภาสทัก
“สวัสดีครับ คราวนี้มากันเยอะเลยนะ เห็นอย่างนี้ก็ดีใจที่เด็กๆรุ่นใหม่สนใจทำกิจกรรมดีๆเป็นประโยชน์ให้กับสังคม ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากๆเลยที่มาช่วยเหลือโรงเรียนของเรา”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเรายินดีที่จะมาช่วยจริงๆ” กันต์ตอบ
“วันนี้เราจะซ่อมแซมห้องเรียนที่ถูกน้ำท่วมเสียหายก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้จะเริ่มสร้างห้องสมุดครับ”
พิมพ์นฤมลกับมีนถือตะกร้าฟักทองใบใหญ่เดินผ่านมา
“นมล มีน นี่ครูมงคล ครูใหญ่ของโรงเรียนเวียงดอย” กันต์แนะนำ
พิมพ์นฤมลกับมีนยกมือไหว้ครูมงคล
“นี่กำลังจะทำอาหารเย็นกันล่ะซิ ทำอาหารให้คนเป็นสิบนี่หนักไม่ใช่เล่นนะ เดี๋ยวครูให้เด็กๆมาช่วย”
“ไม่ต้องหรอกครับ ครู เห็นท่าทางเหยาะแหยะอย่างนี้ แต่น้องๆ พวกนี้อึดนะครับครู สู้งานหนักได้ทุกอย่าง”
“ค่ะ พวกเราไม่ต้องการใครช่วยจริงๆ ถึงจะมีคนคอยแช่งอยู่ แต่รับรองเราทำกันไหวแน่ๆ ค่ะ” พิมพ์นฤมลพูดจิกกัดรวิภาส
“แล้วจะคอยดูว่าจะทำไหวไปได้นานแค่ไหน ดูซิว่าจะพ้นวันนี้ไปได้หรือเปล่า”
พิมพ์นฤมลมองรวิภาสอย่างไม่ชอบใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลยกน้ำถังใหญ่เข้ามาเทใส่ตุ่มถังแล้วถังเล่า เธอปอกเปลือกฟักทองกองโตอยู่จนเหงื่อแตกพลั่ก ผมเผ้ายุ่งเหยิง มีนหุงข้าวด้วยเตาถ่านอยู่ไม่ห่าง
“ฉันกลัวข้าวไม่สุกจังเลย ไม่เคยหุงข้าวด้วยเตาถ่านซะด้วยซิ ต้องเทน้ำออกตอนไหนน่ะ แล้วต้องดงข้าวด้วยใช่มั้ย” มีนถาม
“อย่ามาถาม ฉันหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้ายังไม่เป็นเลย”
รวิภาสเดินเข้ามา
“ไม่ต้องบอกก็รู้ แค่ปอกฟักทองยังแทบไม่เหลือเนื้อฟักทองเลย ตกลงจะทำเปลือกฟักทองผัดไข่หรือยังไง”
“พี่ภาสมาช่วยหรือคะ ดีจังเลย ฝ่ายสวัสดิการไม่รู้หายไปไหนหมด เหลือมีนกับนมลแค่สองคนเอง” มีนดีใจ
“ไม่ได้มาช่วย พี่มาตามมีนไปช่วยกันต์ทาสีห้องเรียน”
“พี่กันต์มีคนช่วยตั้งเยอะแล้ว”
“พี่บอกให้ไปก็ไปซิ” รวิภาสสั่ง
“ฝากดูข้าวให้ด้วยนะ นมล”
มีนเดินออกไป
“นี่จะแกล้งกันใช่มั้ย พี่ภาส”
“แกล้งอะไร แค่หุงข้าวแล้วทำกับข้าวสองอย่าง ไม่ได้ยากอะไรเลย ถ้าทำไม่ไหวก็กลับบ้านไปได้นะ เดี๋ยวจะหารถไปส่ง”
“ไม่กลับ นมลทำไหว พี่ภาสจะไปไหนก็ไป อย่ามาอยู่เกะกะ”
พิมพ์นฤมลชนรวิภาสให้พ้นจากทางแล้วไปเปิดดูหม้อหุงข้าวอย่างจนปัญญาว่าจะทำไงต่อ รวิภาสมองพิมพ์นฤมลอย่างขำๆ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
อาจนั่งทำบัญชีรับจ่ายของบ้านอยู่ เขาปิดสมุดบัญชี ณิชาภัทรเดินเข้ามา
“ธัชอยู่บ้านหรือเปล่าคะ ลุงอาจ”
“ไม่อยู่ครับ”
“ธัชไปไหนคะ ณิชาไปดูที่ไร่ก็ไม่อยู่ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ มือถือก็ไม่เปิด นี่ธัชจะเบี้ยวนัดกับณิชาอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
“คุณชายคงไม่ตั้งใจจะผิดนัดหรอกครับ คุณณิชา พอดีคุณชายเกิดติดธุระกะทันหันน่ะครับ”
“ธุระอะไรคะ ธัชไม่เคยเห็นเรื่องอื่นสำคัญกว่างานเลยนะคะ”
“ก็คงเป็นธุระสำคัญล่ะครับ แต่จะเป็นธุระอะไรนั้น ไว้คุณณิชาถามคุณชายเองดีกว่านะครับ”
“แล้วธัชไปคนเดียวหรือไปกับใคร”
“คุณชายพาคุณนอมไปด้วยครับ”
“ณิชาไม่น่าถามเลย คุณนอมก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว ถึงคุณนอมจะเป็นผู้ช่วยก็ไม่เห็นจะต้องไปไหนด้วยกันตลอดเวลาอย่างนี้เลยนี่คะ”
อาจนิ่งเงียบทำเฉยไม่ตอบอะไร ณิชาภัทรทำอะไรไม่ได้นอกจากหงุดหงิด
“ถ้าธัชกลับมาให้โทรหาณิชาด้วย ถ้าภายในวันนี้ณิชาไม่ได้รับการติดต่อจากธัชล่ะก็ ณิชาเอาเรื่องแน่”
ณิชาภัทรเดินออกไปอย่างหงุดหงิด อาจมองตาม
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลผัดฟักทองกับไข่บนกระทะใบยักษ์ เธอใช้อีกมือเปิดฝาหม้อข้าวดูพลางคนข้าวในหม้อไปมา
“สุกหรือยังหว่า”
เธอตักข้าวขึ้นมาชิมดู
“โอ๊ย ร้อนๆๆ”
พิมพ์นฤมลตกใจทำทัพพีหลุดมือร่วงหล่นลงพื้น รวิภาสเข้ามาหยิบทัพพีขึ้นมาล้างใหม่
“ฟักทองจะไหม้แล้ว” รวิภาสบอก
“โอ๊ยตายแล้ว”
พิมพ์นฤมลรีบยกกระทะฟักทองออกจากเตา
“ข้าวก็เละแล้ว รีบเทน้ำออกเร็วเข้า”
พิมพ์นฤมลเงอะงะเข้าไปยกหม้อข้าวแต่ยกไม่ขึ้น รวิภาสทนไม่ไหวเข้าไปช่วยยกหม้อข้าวเทน้ำข้าวออกให้
“เอ้า รีบดงข้าวซะ เดี๋ยวข้าวก็แฉะหมดหรอก”
“ดงข้าว? ทำยังไงเหรอคะ
“นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตใช่มั้ยที่ได้ยินคำว่า “ดงข้าว”
“ใครบอก...ครั้งที่สองต่างหาก ตะกี้มีนก็พูด”
“ดงข้าวคือการทำอย่างนี้นะ”
รวิภาสยกหม้อข้าวอังกับเตาถ่านให้ทั่วๆหม้อ
“แค่นี้ก็เสร็จแล้ว คราวนี้เราก็ได้ข้าวสวยกินแล้ว ถึงจะแฉะไปหน่อยก็ยังพอกินได้ แล้วกับข้าวอีกอย่างล่ะ”
“กับข้าวอีกอย่าง ผัดคะน้าปลาเค็ม”
“แล้วไหนล่ะ ต้องรีบตั้งโต๊ะได้แล้ว ตอนนี้ทุกคนหิวซ่กกันหมดแล้ว”
“อยู่...อยู่โน่นค่ะ”
รวิภาสหันไปมองยังเห็นคะน้ากองโตกองอยู่
“ขอโทษค่ะ..นมลลืม…”
รวิภาสมองพิมพ์นฤมลอย่างอ่อนใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถบุรธัชแล่นมาตามถนนที่เป็นถนนลูกรังฝุ่นฟุ้งบุรธัชขับรถอยู่ ณิชมนดูแผนที่ไป
“ตรงไปเรื่อยๆนะคะ แล้วพอถึงแยกข้างหน้าก็เลี้ยวซ้ายก็จะถึงทางขึ้นไปเวียงดอยแล้ว”
บุรธัชจอดรถอย่างกะทันหัน
“เธอดูแผนที่ผิดหรือเปล่า เราเลี้ยวซ้ายมาสามสี่เลี้ยวแล้วนะ ยังไม่เห็นทางขึ้นเวียงดอยเลย”
บุรธัชดึงแผนที่จากณิชมนมาดู
“ฉันบอกทางไม่ผิดหรอกน่า ฉันอ่านแผนที่เก่ง ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยหลงทางแม้แต่ครั้งเดียว”
บุรธัชลงจากรถ
“นั่นคุณจะไปไหน”
ณิชมนรีบลงจากรถตาม
“ขับรถมาหลายชั่วโมงแล้ว ขอเดินยืดเส้นยืดสายหน่อย”
“คุณกำลังถ่วงเวลา ถ้าหากคุณภาสไม่ได้เป็นคนเหลวไหลไร้สาระอย่างที่คุณคิด คุณก็น่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ เรื่องนี้น่าจะเป็นบทเรียนให้คุณได้ คุณจะได้รู้ว่า คุณไม่ได้เป็นฝ่ายถูกเสมอไป หลังจากวันนี้คุณต้องยอมรับว่าคุณภาสเป็นผู้ใหญ่แล้ว ปล่อยให้เค้าได้ใช้ชีวิตอย่างที่เค้าต้องการ”
“เธอรู้มั้ยว่า เวลาผู้ชายเจอผู้หญิงพูดมากนี่ เค้ามีวิธีปิดปากผู้หญิงยังไง”
ณิชมนมองซ้ายมองขวาเห็นว่าเป็นถนนเปลี่ยวๆ ข้างทางมีแต่ป่าและป่า บุรธัชขยับเดินเข้าไปใกล้ ณิชมนถอยหลังจนชนกับรถหลังติดประตูรถไปไหนไม่ได้
“คุณคิดจะทำอะไร !”
“ก็ปิดปากเธอน่ะซิ !”
ณิชมนเอามือปิดปากตัวเองไว้อย่างไม่รู้ตัว บุรธัชยิ่งเข้าไปใกล้หน้าณิชมนเข้าทุกทีๆ
จบตอนที่ 15
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.