ลิขิตเสน่หาตอนที่ 8
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันต่อมา บรรยากาศที่โรงเรียนอนุบาลใจดีเป็นไปอย่างคึกคัก ใครต่อใครต่างสะดุดตากับรูปน่ารักๆ ของไข่ตุ๋น ที่สกรีนอยู่บนเสื้อยืดของเด็กๆ ลูกทีมหาเสียง ลูกทีมอีกหลายคนถือพู่กำลังเต้นตามเสียงกลองอย่างเมามัน ซึ่งว่านกับนัทช่วยกันตีกลองและเครื่องเคาะให้จังหวะ
ด้านหลังกองเชียร์มีแบนเนอร์รูปไข่ตุ๋น พร้อมสโลแกน “เรียนเด่น เล่นดี มีวินัย ใส่ใจคุณธรรม” โชว์หราเร้าความน่าสนใจ
ขณะนั้นณนนท์กับสุดยอดและไข่ตุ๋นกำลังยืนแจกสติ๊กเกอร์เบอร์หนึ่งให้เด็กนักเรียนคนอื่นๆ
“อย่าลืมเลือกเรา ไข่ตุ๋น เบอร์หนึ่งนะ”
ณนนท์มีอาการไม่ค่อยมั่นใจกับการแจกสติ๊กเกอร์ หันมาถามสุดยอด
“แน่ใจเหรอวะ แม่น้องมิ้นที่เป็นกกต. เค้าบอกว่าห้ามแจกขนมกับของเล่น มันผิดกติกาการเลือกตั้ง” ณนนท์คิดไปไกลระดับประเทศ
“ไม่ผิดหรอกพี่ ไอ้นี่ถือเป็นสื่อประชาสัมพันธ์” สุดยอดลดเสียงลงมาเป็นกระซิบ “แต่พี่เชื่อผมเหอะ เด็กที่ไหนก็ชอบเล่นสติ๊กเกอร์ทั้งนั้นแหละ
จริงดังว่า เพราะเด็กกลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามาขอรับสติ๊กเกอร์จากณนนท์ สุดยอด และไข่ตุ๋น
ส่วนอีกมุมหนึ่งของ โรงเรียนอนุบาลใจดี กองเชียร์ของข้าวตูก็กำลังเต้นกันสะบัดเช่นกัน ยี่หวา และยาหยี กับข้าวตู และลูกทีมหาเสียงเต้นตามเสียงกลองแบบลืมตาย ยี่หวาคว้าโทรโข่งขึ้นมาส่งเสียงบิ้วท์อารมณ์ลูกทีม
“เลือกข้าวตู”
“เบอร์สอง” ยาหยี ข้าวตูและกองเชียร์ตะโกนรับ
“รู้เรียน” ยี่หวาตะโกน อีกฝ่ายขานรับทันท่วงที
“รู้เล่น”
“เป็นเด็กดี”
“เลือกเบอร์สอง”
“ข้าวตู เบอร์สอง เอ้า...” ยี่หวาเป็นต้นเสียงขึ้นเพลงเชียร์ข้าวตู ยาหยี ข้าวตูและกองเชียร์ทั้งร้องทั้งเต้นตามเพลงกันอย่างสนุกสนาน
ระหว่างนั้นยี่หวาหันไปเห็นเด็กๆ นักเรียนแทบจะทุกคน พากันติดสติ๊กเกอร์เบอร์หนึ่งของไข่ตุ๋นกลางหน้าอกเสื้อหรา เดินกันอยู่เต็มไปหมด จึงหันมาถามยาหยีอย่างกังวล
“หยี ทำไมทุกคนติดเบอร์หนึ่งกันหมดเลยล่ะ”
ยาหยีมองตามอย่างกังวลแล้วคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“ไม่ต้องกลัวค่ะ หยีมีวิธี”
ยาหยีหันไปมองบนโต๊ะที่มีกระติกน้ำแข็ง ถ้วยน้ำพลาสติก จานกระดาษกองอยู่ ยาหยีหยิบกรรไกรกับจานกระดาษขึ้นมาด้วยสีหน้ามั่นใจ
ดูเหมือนว่า เจ้าแม่ดีไอวาย มาร์ธา สจ๊วต เมืองไทย กำลังไอเดียกระฉูด
ภายในบริเวณโรงอาหารการหาเสียงยิ่งเป็นไปอย่างคีกคักและเข้มข้นมากขึ้นตลอดเวลา เด็กนักเรียนหญิงในห้องใส่ที่คาดผมกระดาษ ที่มีเลขสองติดไว้ตรงกลาง ส่วนเด็กผู้ชายใส่หน้ากากที่ทำจากจานกระดาษ เพนท์สีเป็นเลขสอง เด่นสะดุดตาจนสติ๊กเกอร์ของทางไข่ตุ๋นดูด้อยไป ผลงานของยาหยีเจ้าแม่ดีไอวาย นั่นเอง
ขณะเดียวกันนั้นที่หน้าห้องเรียน ไข่ตุ๋นในยอดมนุษย์หรือมาสก์ไรเดอร์ มีก๊วนแก๊งสาวๆ ใส่เสื้อยืดรูปหน้าไข่ตุ๋นเป็นกองเชียร์ ส่วนข้าวตูใส่ชุดตัวการ์ตูนน่ารักๆ ชูป้ายเบอร์สองยืนรวมกับลูกทีมหาเสียงที่แต่งตัวน่ารักไม่แพ้กัน โดยมีตี่ตี๊เด็กแว่นรูปร่างอ้วนๆ แต่งชุดคล้ายซุปเปอร์แมน เดินถือป้ายเบอร์สามพร้อมกองเชียร์อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นทางเลือก
สองผู้ปกครองกลุ่มยี่หวากับกลุ่มณนนท์ยืนเชียร์อยู่ข้างๆ ต่างฝ่ายก็ไม่มีใครยอมแพ้ใคร จิกตีกันด้วยสายตาตลอดเวลา
“เอาล่ะค่ะ เรามาฟังผู้สมัครแต่ละคนหาเสียงกันนะคะ ขอเชิญน้องไข่ตุ๋นค่า” ครูปราณีเปิดเวทีหาเสียง
กองเชียร์ของไข่ตุ๋นต่างส่งเสียงเฮลั่น นำเพื่อนนักเรียนให้พากันปรบมือ ว่านทำเสียงบีทบ็อกซ์ สุดยอดกับนัทช่วยกันแร๊พ
“อยากเป็นเด็กดี ต้องเรียนเด่น อยากแบ่งเวลาเป็น ต้องเล่นดี อยากโตมามีวินัย อยากเป็นคนไทยที่มีคุณธรรม...อยากเป็นเด็กดี อยากมีวินัยๆ ต้องใฝ่คุณธรรม”
ทุกคนสนุกสนานกับเพลงแร๊พ ขนาดครูปราณีเองยังลืมตัวเผลอเต้นตามไปด้วย
พอเพลงจบ กองเชียร์ตะโกนเบอร์หนึ่งๆ ขึ้นพร้อมกัน
ไข่ตุ๋นยืนถือไมค์แสดงวิสัยทัศน์สั้นๆ
“เรียนเด่น เล่นดี มีวินัย ใฝ่คุณธรรม เลือกเบอร์หนึ่ง ไข่ตุ๋นนะคะ” กองเชียร์ส่งเสียงเฮกันเกรียวกราว ณนนท์กับสุดยอดปรบมือเสียงดังออกนอกหน้า
“ชนะใสๆ เลยพี่นนท์” สุดยอดบอกยิ้มๆ
“เนี้ยะ..ที่เค้าเรียกว่าชนะแบบนอนมาไงละคร้าบ”
ขณะพูดณนนท์ทำหน้าเยาะเย้ยใส่ยี่หวา ยี่หวากับยาหยีหมั่นไส้
“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งรีบนับศพทหารสิคะ” ยี่หวาขอไม่ยอม
“รอฟังข้าวตูพูดก่อนเถ๊อะ รับรอง ทุกคนจะต้องซึ้งจนน้ำตาร่วง!” ยาหยีเสริมขึ้น
“เชิญผู้สมัครคนต่อไป น้องข้าวตู เบอร์สองค่า” ครูปราณีเอ่ยขึ้น เท่านั้นแหละกองเชียร์ของข้าวตูส่งก็เสียงเฮลั่น ข้าวตูรับไมโครโฟนจากครูปราณี
“สวัสดีครับทุกคน ผมข้าวตู เบอร์สอง
เด็กชายคนหนึ่งที่ใส่หน้ากากทำท่าแปลงร่างให้เพื่อนดู ยาหยีลืมตัวเผลอไปดุเด็กชายคนนั้น
“นี่ ฟังข้าวตูก่อนสิคะ”
เด็กชายตกใจ เบะปากร้องไห้ เด็กคนอื่นๆ เลยร้องไห้ตาม กลายเป็นว่าทีนี้เลยร้องกันทั้งโรงอาหาร ข้าวตูจอมอ่อนไหว พอเห็นทุกคนร้องไห้ก็เลยร้องตามไปด้วย
“ทำไงดีล่ะพี่ยี่หวา” ยาหยีตกใจหันไปถามพี่สาว
“ทำไงล่ะก็ช่วยกันปลอบสิ” ยี่หวาบอก ต่างคนต่างช่วยกันปลอบเด็กๆ
“อย่าร้องนะคะ อย่าร้อง พี่ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ อย่าร้องนะ”
ทว่าเด็กๆ ยังร้องไห้จ้า ยี่หวากับยาหยีหน้าเสีย เลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก เหตุการณ์อยู่ในณนนท์กับสุดยอดทั้งคู่พากันขำ
การแข่งขันหาเสียงในวันแรก ดูเหมือนไข่ตุ๋นจะนำไปก่อน ค่ำนั้นพอกลับมาถึงบ้านยี่หวาก็นั่งหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เราไม่น่าเพลี่ยงพล้ำเสียคะแนนเสียงให้ทีมไข่ตุ๋นเลย”
ยาหยีกำลังทำสปามือ เท้า ให้บุญเลื่อง ข้าวตูนอนระบายสีสมุดภาพอยู่ที่พื้น เงยหน้าท้วง
“ข้าวตูขอโทษครับแม่ แต่มันไม่ใช่ความผิดของข้าวตูนะครับ
“แม่ไม่ได้ว่าข้าวตูหรอกลูก ข้าวตูทำดีแล้ว แต่ทางโน้นเค้านำเราไปมากเพราะเค้าขี้โกง เอาดารามาช่วยหาเสียง”
“พรุ่งนี้วันเลือกตั้ง เราต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อเรียกคะแนนกลับมาให้ได้” บุญเลื่องปลอบขวัญ
“ว่าแต่เราจะทำยังไงกันดีล่ะ” ยี่หวายังเป็นกังวล
“หยีมีวิธีค่ะ”
ยาหยีไม่พูดเปล่าแต่สีหน้าของเธอฉายแววมุ่งมั่นสุดฤทธิ์
เช้าวันใหม่ที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ก่อนถึงเวลาเลือกตั้งช่วงกลางวันของวันนั้น ยี่หวากับยาหยีลงทุนใส่ชุดคอสเพลย์เป็นตัวการ์ตูน ยืนแจกลูกโป่งให้เด็กๆ
“เลือกเบอร์สอง ข้าวตูนะจ้ะๆ” ยาหยีแจกไปพูดไป ยี่หวาไม่ค่อยสบายใจพยายามท้วงวิธีของน้องสาว
“หยี พี่ว่ามันผิดนะ กกต.เค้าห้ามแจกของเล่นกับขนมให้เด็กในช่วงเลือกตั้ง”
“แต่มันเป็นโค้งสุดท้ายแล้วนะคะพี่ยี่หวา ถ้าเราไม่ทำ ทางโน้นเค้าก็เอาคะแนนไปคนเดียวเต็มๆ สิคะ พี่ไม่อยากให้ข้าวตูชนะเหรอคะ” ยาหยีแย้ง
“ไอ้อยากมันก็อยากหรอก แต่เรากำลังจะทำให้เด็กๆ เข้าใจผิดว่าการให้สินบนคือสิ่งที่ถูกนะหยี”
“โอเคค่ะ ไม่แจกก็ไม่แจก”
ทันใดนั้น บรรดาเด็กๆ ต่างวิ่งกรูกันผ่านหน้ายี่หวากับยาหยีไป ยี่หวากับยาหยีมองตามไปงงๆสายตาของสองพี่น้องมองเห็น ณนนท์กับสุดยอดกำลังตักไอติมจากถัง แจกจ่ายให้เด็กๆ ที่ต่อแถวกันยาวเหยียด ยี่หวากับยาหยีเห็นก็ยิ่งโมโห ถือลูกโป่งเดินเข้าไปหาณนนท์กับสุดยอดทันที
“นี่นาย ทำอย่างงี้มันผิดกติกาเลือกตั้งนะ” ยี่หวาใส่ณนนท์
ณนนท์ชี้ที่ลูกโป่งในมือ “คุณก็แจกลูกโป่ง แล้วคุณจะมาว่าผมได้ไง”
“พวกเราถือไว้เฉยๆ ไม่ได้แจกซักกะหน่อย แต่พวกคุณน่ะแจกไอติม ผิดเห็นๆ” ยาหยีว่า
“ใช่ ผิดเต็มประตูถ้าแจกเพื่อซื้อเสียง แต่นี่พวกผมเอามาเลี้ยงเด็กเฉยๆ โน่น…”
สุดยอดชี้ไปที่ข้าวตูกับไข่ตุ๋นซึ่งกำลังเดินเข้ามา ในมือถือไอติมกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย
“หลานคุณก็กิน แล้วจะเรียกว่าซื้อเสียงได้ไงคร้าบ
“ข้าวตู” ยี่หวาร้องเสียงหลง เดินไปดึงไอติมออกจากมือข้าวตู
“ไปกินของเค้าทำไม ไม่เอาลูก อย่าไปกินของคู่แข่ง”
“งั้นถ้าข้าวตูไม่ลงแข่ง ข้าวตูก็กินไอติมได้ใช่มั้ยครับแม่” ข้าวตูบอกอย่างไร้เดียงสา
“ใช่แล้วข้าวตู ถ้าข้าวตูยอมแพ้ไข่ตุ๋นนะ ลุงยกไอติมให้ข้าวตูทั้งถังเลย ดีมั้ย” ณนนท์สบโอกาสข้าวตูได้ยินก็ตาโต
“ดีครับ”
“นี่คุณ อย่ามาทำนิสัยเสียให้ลูกฉันเห็นนะ” ยี่หวาแค้นจัดลดเสียงแล้วหันไปทางข้าวตู “ข้าวตู อย่าเอาอย่างนะลูก เด็กดีต้องไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงนะครับ”
“ครับแม่” ข้าวตูจ๋อยไป
“พ่อขา ถ้าไข่ตุ๋นไม่ลงแข่ง ไข่ตุ๋นก็ได้กินไอติมทั้งถังเหมือนกันใช่มั้ยคะ งั้นไข่ตุ๋นก็ไม่สมัครแล้วค่ะ” ณนนท์เจอคำถามนี้ของไข่ตุ๋นก็ถึงกับไปไม่เป็น
“สม ! อยากขี้โกงดีนัก” ยี่หวาสมน้ำหน้า
“คุณน่ะแหละขี้โกง”
ทั้งยี่หวากับณนนท์เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนเด็กๆ มายืนมุงดู ครูปราณีเห็นเหตุการณ์รีบแหวกฝูงเด็กๆ เข้ามา
“คุณพ่อคุณแม่ขา หยุดก่อนเถอะค่ะ ถึงเวลาลงคะแนนเสียงแล้วนะคะ เชิญค่ะๆ ไปจ้ะ เด็กๆ ไปลงคะแนนเสียงที่คูหาเลือกตั้งนะจ้ะ”
ครูปราณีกับครูผู้ช่วย ช่วยกันต้อนไข่ตุ๋น ข้าวตู และเด็กๆ ไปทางโรงอาหารอันเป็นสถานที่เลือกตั้ง
ยี่หวามองหน้าณนนท์ ยาหยีมองหน้ากับสุดยอด
“ไอติมใส่แห้วคนละถ้วยมั้ยครับ” ณนนท์เอ่ยขึ้น
“เวลาแพ้จะได้ไม่ช้ำนาน” ณนนท์ซ้ำ
“ไม่เอา” ยี่หวากับยาหยีตอบพร้อมๆ กัน
ตามด้วยออฟชั่นเสริมกระทืบเท้าณนนท์กับสุดยอดพร้อมกันอย่างหมั่นไส้ แล้วเดินไป ณนนท์กับสุดยอดเจ็บ กุมเท้าร้องลั่นพร้อมกัน
“ยัยพวกผู้หญิงอันธพาล”
“แน่จริงก็กลับมาก่อนเด้”
การลงคะแนนเพื่อเฟ้นหาประธานนักเรียนคนใหม่เริ่มขึ้น และกำลังดำเนินไป ไข่ตุ๋น ข้าวตู และเด็กนักเรียนพากันมาเข้าแถว แสดงบัตรนักเรียน แล้วรับบัตรเลือกตั้ง เดินเข้าไปในคูหา แล้วออกมาหย่อนบัตรเลือกตั้งลงในกล่อง ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของ ณนนท์ ยี่หวา สุดยอด และยาหยี
หลังจากปิดกล่องเลือกตั้ง มือของครูปราณีกำลังล้วงหยิบบัตรเลือกตั้งออกจากกล่อง คลี่บัตรเลือกตั้งออกดู ขานคะแนน
“น้องไข่ตุ๋น หนึ่งคะแนนค่า” เด็กกองเชียร์ไข่ตุ๋นทุกคนส่งเสียงเฮ แล้วเต้นกันใหญ่ เสียงกลองสร้างบรรยากาศครึกครื้น ณนนท์กับสุดยอดทำหน้าเยาะเย้ยมาทางกลุ่มยี่หวากับยาหยี
“น้องข้าวตู หนึ่งคะแนนค่า” ครูปราณีขานคะแนน คราวนี้เป็นของข้าวตู กองเชียร์ส่งเสียงเฮ ทีมหาเสียงข้าวตูลุกขึ้นเต้น ยี่หวากับยาหยีเยาะเย้ยณนนท์กับสุดยอดคืน
บนกระดานตารางคะแนน ช่องเบอร์หนึ่ง ของไข่ตุ๋น มี 1 คะแนน ช่องเบอร์สอง ข้าวตู มี 1 คะแนน แต่ช่องเบอร์สาม ตี่ตี๊ คู่แข่งอีกคนมีคะแนนเพียบ
“เป็นอันว่าการนับคะแนนเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วนะคะ ผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือน้องตี่ตี๊ ขอแสดงความยินดีด้วยค่า” สิ้นเสียงประกาศของครูปราณี ตี่ตี๊กับเด็กๆ กองเชียร์ ลุกขึ้นเต้นด้วยความดีใจ
ไข่ตุ๋นกับข้าวตูจ๋อย ณนนท์ ยี่หวา สุดยอด ยาหยี จ๋อยกว่า
เวลาต่อมาครูปราณีกำลังเดินออกมาจากโรงอาหาร ณนนท์ สุดยอด ยี่หวา และยาหยีกรูกันเข้ามาหาครูปราณี
“ครูคะ พวกเราลงทุนไปตั้งเยอะ ทำไมน้องข้าวตูถึงแพ้ล่ะคะ” ยี่หวาโอดอย่างไม่เข้าใจ
“นโยบายก็ดี อะไรก็ดี ไข่ตุ๋นแพ้ได้ยังไง ผมไม่เข้าใจ” ณนนท์ครวญ
“มีการโกงคะแนนเสียงรึป่าวครับครู” สุดยอดว่า ยาหยีฟังอยู่ค้อนสุดยอด “บ้า เด็กอนุบาล จะโกงได้ไงล่ะ...ครูคะ ข้าวตูเหมาะเป็นประธาน นักเรียนที่สุด แต่ทำไมแพ้ล่ะคะ”
ครูปราณีมองผู้ปกครองทั้งสี่คนแล้วถอนหายใจ
“โรงเรียนต้องการปลูกฝังเรื่องการเลือกตั้งที่ถูกต้องให้เด็กๆ เค้าจะได้โตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีทัศนคติที่ดีและเข้าใจระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นถึงเค้าจะเป็นแค่เด็กอนุบาล แต่เค้าก็รู้ว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูกนะคะคุณพ่อคุณแม่”
ครูปราณีพูดจบแล้วเดินจากไป คราวนี้ทั้งสี่คนจ๋อยสนิท
คืนนั้นณนนท์หยิบชุดนักเรียนไข่ตุ๋นมาแขวนหน้าตู้เสื้อผ้าในห้องนอนลูกสาว พลางบ่นกับเท่งที่กำลังห่มผ้าให้ไข่ตุ๋นบนเตียง
“กะว่าชนะเลือกตั้งแบบนอนมาแล้วเชียว ไม่น่าแพ้เล๊ย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะพ่อ ครูของไข่ตุ๋นสอนว่าการแข่งขันต้องมีคนแพ้คนชนะเป็นเรื่องธรรมดา”
เท่งฟังหลายสาวพูดแล้วก็หัวเราะชอบใจ
“ไงโดนลูกสอนเข้าให้แล้วเจ้านนท์” ณนนท์หัวเราะ ลงนั่งข้างไข่ตุ๋นบนเตียง
“ผมก็ชักจะไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเป็นลูกแล้วล่ะฮะพ่อ” ไข่ตุ๋นลุกขึ้น ยกมือหรา
“ไข่ตุ๋นรู้ค่ะ พ่อเป็นพ่อ ไข่ตุ๋นเป็นลูก ไข่ตุ๋นเชื่อฟังพ่อ แล้วพ่อก็เชื่อฟังไข่ตุ๋น ถูกมั้ยคะปู่”
“เออๆ ถูกๆ แล้วปู่ล่ะ” เท่งถาม
“ไข่ตุ๋นเชื่อฟังปู่ แล้วก็รักปู่มากที่สุดในโลกเล๊ย”
ไข่ตุ๋นพูดพร้อมกับโถมตัวเข้ากอดคอเท่งแล้วหอมแก้ม เท่งกับณนนท์หัวเราะชอบใจ
ณนนท์ กำลังเดินคุยกับลูกค้า มาตามทางเดินในบริษัทดีเด็ดของเขา ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามียี่หวาอยู่แถวๆ นั้นด้วย ณนนท์ยืนยันความพร้อมของงานในสัปดาห์หน้า
“สบายใจได้เลยครับ งานสัมมนาอาทิตย์หน้าทุกอย่างเรียบร้อยได้ตามที่ต้องการทุกอย่างเลยครับ แต่ว่า...งานหน้าที่ผมยื่นซองไว้ ผมคงไม่ต้องลุ้นเก้อใช่มั้ยครับ”
“ไม่เก้อหรอกครับ ถ้าคุณไม่ลืมที่เราตกลงกันไว้”
“ถ้าเป็นเรื่องค่าเหนื่อยของคุณบูรณ์ ผมไม่ลืมแน่ครับ
“ดีครับ บริษัทดีเด็ดเตรียมรับงานใหญ่ได้เลยครับ”
ณนนท์กับลูกค้าจับมือกันแสดงความยินดี โดยไม่รู้ตัวว่าขณะนั้นยี่หวาที่ยืนฟังอยู่อย่างไม่พอใจ
“ฉันขอถอนตัว” ยี่หวาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงขุ่นๆ ในห้องทำงานของณนนท์นั่นเอง
“อะไรของคุณ ถอนตัวเรื่องอะไรครับ” ณนนท์งง แล้วทั้งคู่ก็เปิดฉากโต้เถียงกันไปมา
“ฉันจะไม่ทำงานกับบริษัทของคุณอีกต่อไป”
“เหตุผล?”
“เพราะฉันไม่ชอบการใช้วิธีสกปรกของคุณ”
“วิธีสกปรกของผม?”
“ก็เรื่องที่คุณยัดสินบนใต้โต๊ะเพื่อให้ได้งานประมูลไงล่ะ”
“นี่มันธุรกิจนะคุณ ไม่ใช่เลือกตั้งอนุบาล ไอ้เรื่องค่าน้ำร้อนน้ำชานี่มันมีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว”
“นั่นไง มันก็คือสิ่งที่คุณเอาไปสอนลูก สอนให้โกงเลือกตั้ง ฉันรับไม่ได้”
“โอ๊ย คุณจะไปจริงจังอะไรนักหนา เลือกตั้งอนุบาลมันก็จบไปแล้ว ถ้าคุณรับไม่ได้คุณก็ไม่ต้องรับรู้ คุณทำงานของคุณไป ผมก็ทำงานของผม โอเคป่ะ”
“ไม่โอเค ฉันขอไม่ทำงานกับคนอย่างคุณ”
“คิดเหรอว่าผมจะง้อ...เชิญ!”
ยี่หวาเดินเชิดหน้าออกไป ณนนท์มองตามอย่างหงุดหงิด พึมพำอยู่คนเดียว
“ร้านต้นไม้มีร้านเดียวในโลกซะเมื่อไหร่กัน”
เย็นวันนั้น เท่งอยู่ในสวนที่บ้าน กำลังใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ในสวน และกำลังอบรมลูกชายคนโต หลังทราบเรื่องความคิดเห็นไม่ตรงกันระหว่างณนนท์กับยี่หวา
“แกอย่าลืมนะนี่เป็นจุดขายของบริษัทแกที่จัดงาน จัดต้นไม้ดอกไม้ในงานตามหลักฮวงจุ้ย
“มันก็จริงล่ะครับพ่อ แต่ต่อให้เหลือเจ้าเดียวในโลก ผมไม่ง้อเค้าหรอก เพราะผมมีนี่...”
พร้อมกันนั้นณนนท์ก็หยิบหนังสือฮวงจุ้ยขึ้นมาวางบนโต๊ะตั้งใหญ่มาก เท่งมองอย่างอดทึ่งไม่ได้
“แน่ใจนะว่าจะอ่านหมดนี่”
“แหมของอย่างนี้ยากที่ไหน จำเค้ามาทั้งนั้นแหละครับ”
“แต่งานมันมีอีกไม่กี่วันแล้ว แกจะอ่านทันเหรอ”
“ยังไงก็ต้องทันครับ”
ณนนท์พูดออกมาอย่างมุ่งมั่น เพราะอยากเอาชนะยี่หวามากๆ
ณนนท์คร่ำเคร่งในการอ่านตำราฮวงจุ้ยจนหลับพับคากองหนังสือบนโต๊ะทำงาน ไข่ตุ๋นเข้ามาเห็นค่อยๆ วางตั้งหนังสือบนโต๊ะข้างๆ พยายามวางตั้งหนังสืออย่างเบามือ แล้วหันไปหาสุดยอดที่อยู่ตรงนั้นด้วย สุดยอดทำมือชู่ว์แล้วส่งตั้งหนังสือให้อีก
ไข่ตุ๋นวางตั้งหนังสือลงไปอีกจนกองหนังสือสูงมาก ไข่ตุ๋นทำหน้าหวาดเสียวกลัวว่าจะล้ม สุดยอดกวักมือให้ไข่ตุ๋นออกมา แล้วเข้าไปวางหนังสืออีกตั้ง โดยจับให้เอียงมาทางตัวณนนท์
แล้วไข่ตุ๋นกับสุดยอดก็ค่อยๆ พากันย่องออกไปห่างๆ สุดยอดทำท่านับหนึ่ง-สอง-สาม
“พ่อคะ!”
ณนนท์สะดุ้งตื่น ตั้งหนังสือเอนเอียงไปมาก่อนที่ตั้งหนังสือจะล้มใส่
“โอ๊ย”
ไข่ตุ๋นกับสุดยอดแอบหัวเราะชอบใจ แล้วรีบเผ่นออกจากห้อง เท่งชะโงกหน้าเข้ามาดู เห็นณนนท์เอามือกุมหัว มีหนังสือกองรอบตัวเต็มไปหมด
“นี่ละน้า ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด”
สุดยอด ว่าน และนัทเดินเข้ามาในห้อง เห็นยิ่งยืนอยู่บนหน้าต่าง ยิ่งปีนขึ้นไปยืนที่ขอบหน้าต่าง หันหน้าออกไปข้างนอก มือเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างอย่างน่าหวาดเสียว
“พี่ยิ่ง ขึ้นไปทำอะไร” ว่านถามขึ้นก่อนใคร
“ลงมาครับพี่ เดี๋ยวผีผลักตกลงไป” นัทเป็นห่วง
“ดีเลย พี่อยากตายๆ ไปซะ” ยิ่งว่า
“โธ่พี่ มีอะไรก็ลงมาคุยกันก่อน ปัญหาทุกอย่างมันแก้ไขได้ เชื่อผมสิ”
สุดยอดปลอบ แต่แล้วยิ่งก็ร้องขึ้นมา
“ตกแล้ว ตกแล้ว”
สุดยอดผวาเข้าไปคว้าขาพี่ยิ่ง ว่านกับนัทรีบเข้ามาช่วยกันดึง
“มันตกลงไปแล้วฮือๆ” ยิ่งครวญ
“ยังพี่ ยังไม่ตก ผมจับพี่ไว้แล้ว” ยอดบอก
“ไม่ใช่พี่ แต่เป็นเรตติ้ง เรตติ้งมันตกลงไปแล้ว ถ้ามันตกไปเรื่อยๆ สปอนเซอร์ก็จะถอน สถานีก็จะ
เอาเวลาคืน พี่ก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น สู้ตกตึกตายมันซะตอนนี้เลยดีกว่า ปล่อยพี่”
ยิ่งเฉลยพลางสะบัดขา ทำท่าจะโดดตึก สุดยอด ว่านและนัทรีบกอดขายิ่งไว้แน่น
“อย่าพี่” ว่านร้องขอ
“ผมขอล่ะพี่ อย่าโดดเลยนะ” มีนัทเสริม
“พวกเอ็งก็บอกให้ไอ้ยอดมันไปง้อน้องหยีสิ เอายาหยีกลับมาๆ” เห็นอาการยิ่งงอแง ว่านกับนัทหันมามองสุดยอด ซึ่งออกอาการหนักใจไม่ยอมตอบ
“งั้นพี่โดด” ยิ่งว่า
“อย่าครับพี่” ยิ่งฟังสุดยอดพูดแล้วแอบกระหยิ่ม
สุดยอดออกอาการลังเล “ผม...ผม...ยังไงผมก็ไม่ง้อ”
แล้วสุดยอดก็เดินออกไป ยิ่งอ้าปากค้าง
“อะไรวะ แผนนี้ก็ยังไม่สำเร็จอีกเหรอเนี่ย โธ่!”
ที่ศูนย์ประชุม ทีมงานของณนนท์ทุกคนต่างเร่งมือตกแต่งสถานที่ ณนนท์ยืนกางหนังสือฮวงจุ้ยเล่มนึง แล้วยังมีอีกหลายเล่มถือไว้ในมือ จังหวะหนึ่งณนนท์ชี้ไปที่กระถางสั่งงาน
“กระถางวางตรงนั้นไม่ได้...ตรงนั้นมันไปขวางทางหมุนเวียนของพลัง เอ๊ะ...” ณนนท์หยิบอีกเล่มมาเปิดดู “เล่มนี้บอกว่าได้นี่หว่า”
“แล้วตกลงจะให้วางตรงไหนครับพี่” คนงานยกกระถางละล้าละลัง
“วางตรงนั้นแหละ”
คนงานวางกระถางลง ณนนท์มองแล้วเปลี่ยนใจ
“ไม่เอาๆๆ ยกออกๆ เอาน้ำพุมาวางแทน”
“ครับพี่” คนงานทำตามอย่างงงๆ
ระหว่างนั้นลูกค้าสองคนก็เดินเข้ามา ณนนท์รีบทักทาย
“สวัสดีครับ คุณเธียร คุณวิบูรณ์ ...ใกล้เสร็จแล้วครับ เหลือตกแต่งอีกนิดหน่อยครับ”
“อ้าว คุณยี่หวาไปไหนซะล่ะคุณณนนท์” เธียรถาม
“คุณยี่หวา....ไม่ได้ทำงานนี้ครับ” ณนนท์ตอบ เธียรโวยวาย
“เฮ้ย ได้ไงกัน งานนี้ผมจ้างบริษัทคุณก็เพราะความสามารถเฉพาะตัวของคุณยี่หวา ไม่ได้ๆ คุณต้องไปเอาคุณยี่หวากลับมาให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่มีงานหน้าสำหรับบริษัทดีเด็ดออกาไนเซอร์ ฟังเคลียร์มั้ย”
ณนนท์ฟังแล้วหน้าเครียดขึ้นมาทันที
เหตุการณ์ที่ร้านมอร์แดนทรี ยี่หวากับบุญเลื่องกำลังมองกระถางต้นไม้ดอกไม้กองพะเนินอย่างหนักใจ บุญเลื่องบ่นไม่ขาดปาก
“อุตส่าห์ลงทุนค่าปุ๋ยเร่งดอกเร่งใบซะสวย กะให้ทันใช้วันนี้ แต่แคนเซิ่ลงานไปแล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ”
“ส่งกลับไปที่สวนได้มั้ยคะแม่” ยี่หวาบอก
“ทำงั้นมันก็ขาดทุนค่าน้ำมันค่าขนส่งน่ะสิ แม่ว่าจะยิ่งแย่นะ”
ยาหยีเดินมาหายี่หวาหน้าเครียด
“พี่ยี่หวา ของที่ระลึกที่สั่งทำตั้งเยอะ เอาไงดีคะ”
บุญเลื่องกับยาหยีมองหน้ายี่หวา ยี่หวามองต้นไม้อย่างเครียดๆ ยี่หวาปิ๊งไอเดีย
“เอางี้ดีมั้ย เราลองเอาไปเหมาขายให้แม่ค้าที่ตลาดต้นไม้ถูกๆ อย่างน้อยได้เงินมานิดหน่อยก็ยังดีกว่าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้”
“แล้วของที่ระลึกจะเอายังไง”
“เรื่องของที่ระลึก หยีจัดการให้เองค่ะ”
ยาหยีครุ่นคิดหาวิธี
ยิ่งเดินคุยโทรศัพท์มือถือ
“ว่าไงนะครับ รายการโซลเมทคู่กันแล้วไม่แคล้วกัน ...รายการนี้ผมเสนอช่องไปตั้งนานแล้วนี่ครับ ฮ้า...ผ่านการพิจารณาให้ทำเทปไพรอทมาส่งเหรอครับ ได้เลยครับ ผมจะรีบทำเทปไพรอทส่งให้โดยด่วน...อะไรนะครับ ให้สุดยอดเป็นพิธีกร...ไม่มีปัญหาครับ...(หน้าเครียด) ยาหยี...อยากให้มียาหยีด้วย ถ้าไม่มียาหยี ก็ไม่อนุมัติ..ครับๆๆ”
พอวางสาย แล้วยิ่งก็ทำท่าเหมือนจะหายใจไม่ออก ว่านกับนัทถืออุปกรณ์กล้องเตรียมจะออกไปถ่ายรายการ เดินมาเห็นยิ่งกำลังเอามือจับหัวใจ อาการเหมือนคนหน้ามืด
“พี่ยิ่ง เป็นอะไรครับ ไอ้ยอดๆ มาดูพี่ยิ่งเร็ว พี่ยิ่งจะตายแล้ว”
สุดยอดวิ่งออกมาจากห้องทีมงาน
“พี่ยิ่งเป็นอะไรครับพี่”
ยิ่งจับหัวใจแน่น
“ใจ...ใจพี่จะขาด...รายการที่มีก็จะแย่อาการร่อแร่ ช่องยังจะให้เพิ่มอีกรายการ”
นัทดี๊ด๊า “ได้รายการเพิ่มก็ดีสิพี่”
“ดีกับผีน่ะสิ ช่องเค้าจะให้มียาหยีเป็นพิธีกรด้วย ถ้าไม่มี...ก็หมาย ความว่า….ออสระอดดอ….อด…เข้าใจ๋”
สุดยอดอึ้ง เจอมุกยิ่งที่วิ่งมาคุกเข่าตรงหน้าสุดยอดอึ้งกว่าเก่า
“น้องยอดที่รัก ไปง้อยาหยีกลับมาให้พี่นะ นะๆ คิดซะว่าทำเพื่อพี่นะ” สุดยอดจับมือยิ่ง ทำหน้าตาซึ้ง
“พี่ยิ่ง...เพื่อพี่ ผมทำได้ทุกอย่าง ...ยกเว้น ง้อยัยตัวแสบ”
สุดยอดปล่อยมือยิ่งแล้วทำท่าเดินออกไป
“ฉันอยากตาย” ยิ่งร้องลั่นแล้ววิ่งไปเอาหัวจุ่มลงไปในอ่างเลี้ยงปลาที่อยู่ในห้องทำงาน
“เฮ้ย นัท ห้ามพี่ยิ่งเร็ว” ว่านร้องบอก ยิ่งโผล่หัวขึ้นมาจากอ่างปลา
“อย่าห้าม ฉันอยากตาย” ว่านกับนัทช่วยกันห้าม แต่ยิ่งเอาหัวจุ่มลงไปในอ่างปลาอีก
สุดยอดหันมามอง ส่ายหน้าแล้วเดินออกไป ยิ่งโผล่หัวขึ้นมาจากอ่างเลี้ยงปลา มองสุดยอดพลางบ้วนปลาออกมาจากปากตัวหนึ่ง
“ไอ้ยอด ไอ้น้องใจดำ! ทำขนาดนี้ยังไม่เห็นใจกันอีก”
ที่ตลาดนัดแห่งหนึ่ง มีคนเอาสินค้าพวกงานศิลปะ ของทำมือมาเปิดท้ายขาย ในมือสุดยอดถือไมโครโฟน กำลังถ่ายทำรายการ
“คุณผู้ชมครับ วันนี้เราอยู่กันที่ตลาดนัดคนเดิน มีทั้งสินค้าตกแต่งบ้าน ของเก่ามือสอง เรามาดูกันนะครับว่าที่นี่เค้ามีอะไรเจ๋งๆ บ้าง”
ขณะเดียวกันนั้นที่ร้านขายของยาหยีนั่งที่พื้น ข้างๆ ตัว มีผ้าพลาสติกวางของที่ระลึกกับต้นไม้ขายอยู่
“ขายถูกเท่าทุน ไม่เอากำไรวันนี้วันเดียวเลยค่า” ยาหยีร้องเรียกลูกค้า นัทซึ่งกำลังถ่ายวิดีโอมองเห็นยาหยี
“เฮ้ย นั่นยัยยาหยีนี่”
ยาหยีกำลังหยิบของที่ระลึกใส่ถุงส่งให้ลูกค้า รับเงินแล้วยิ้มหวาน
“ขอบคุณนะคะ”
ลูกค้าคนนั้นเดินออกไป สุดยอด ว่าน และนัทเดินเข้ามา
“เดี๋ยวนี้ตกอับถึงขนาดมานั่งขายของเก่ากินแล้วเหรอครับคุณยาหยี”
“ฉันไม่ได้ขายของเก่า แต่มันเป็นผลงานที่มาจากหนึ่งสมองสองมือ เพราะฉันไม่ได้เกิดมามีหน้าหล่อๆ สวยๆ แล้วคิดว่าตัวเองเป็นเทวดาเหนือกว่าคนอื่น!” ว่านกับนัทอ้าปากค้าง
นัทกระซิบว่าน “โฮ่ ไอ้ยอดซัดลูกซองไปนัดเดียว น้องหยีรัวปืนกลกลับมาเป็นชุด”
ว่านกระซิบนัท “ข้าว่าเรียกเฮียปอมารอเก็บศพเฮอะ”
สุดยอดจุ๊ปากพูดขึ้น “ท่าทางเก็บกดนะเนี่ย เป็นอะไรมากป่ะ”
“คุณน่ะแหละ เป็นอะไรมากป่าว ถอยไปชิ่วๆ... อย่ามาเกะกะหน้าร้านฉัน” ยาหยีทำท่าไล่
สุดยอดฉุนคิดแผนชั่วร้ายขึ้นได้ แกล้งตบมือเสียงดังแล้วกวักมือ
“น้องๆ” น้องที่ว่าคือบรรดาแฟนคลับ สุดยอดเอฟซี ที่กำลังเดินหาสุดยอด
“พี่สุดยอดอยู่ทางโน้น พวกเรา...ไปเร้ววว”
แฟนคลับพากันวิ่งกรูเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังสุดยอด ขอถ่ายรูปขอลายเซ็นต์จนบังหน้าร้านยาหยีซะมิด ว่านเกาหัวแกรกๆ
“ยืนกันซะเต็ม แล้วหยีเค้าจะขายของได้เหรอวะ”
ยาหยีมองสุดยอดกับพวกแฟนคลับอย่างเจ็บใจ เหลือบไปมองร้านข้างๆ ที่ขายแผ่นซีดีเพลงแล้ว
คิดแผนเอาคืนขึ้นมาได้
เสียงเพลงสนุกๆ ดังขึ้น ยาหยีแหวกเข้าไปหาสุดยอดแล้วจับมือสุดยอดเต้น สุดยอดงง แฟนคลับชอบใจส่งเสียงเชียร์
“เต้นเลยค่ะพี่สุดยอด”
แฟนคลับปรบมือ “เต้นเลยๆๆ”
เพื่อแฟนคลับสุดยอดจำใจเต้นกับยาหยี คนเข้ามามุงดูสุดยอดกับยาหยีกันเพียบ ว่านสะกิดนัทที่มัวแต่ยืนงง
“ถ่ายไว้สิวะ นานๆ ไอ้ยอดมันจะแสดงเปิดหมวกโชว์นะเว้ย”
ซักพักยาหยียกถาดใส่ของที่ระลึกมาเดินขายคนที่เข้ามามุงดูสุดยอดเต้น
“ช่วยซื้อหน่อยนะคะ ชิ้นละสี่สิบเองค่า” ทุกคนพากันอุดหนุนกันหนุบหนับ ยาหยีเก็บเงินใส่กระเป๋าสบายใจ สุดยอดมองยาหยีอย่างเจ็บใจ
ที่หลงกลกลายเป็นเครื่องมือหากินของยาหยีไปจนได้
อ่านต่อหน้า 2
ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 8 (ต่อ)
เย็นวันนั้นก่อนเข้าบ้าน ยี่หวาแวะร้านกาแฟในปั้มน้ำมัน ระหว่างที่ยี่หวากำลังรับแก้วกาแฟจากคนขาย เธอคุยโทรศัพท์มือถืออยู่กับบุญเลื่อง
“ส่งต้นไม้หมดแล้วค่ะแม่ นี่กำลังจะไปรับข้าวตูที่โรงเรียน”
ยี่หวาพูดกับแม่ไป โดยที่ไม่รู้ว่าณนนท์เดินเข้ามาในร้านกาแฟพอดี
“ค่ะแม่ เจอกันค่ะ” ยี่หวาวางสาย หันมาเจอณนนท์ ทั้งสองคนต่างอึดอัด
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ มา...มาซื้อกาแฟเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ธุรกิจของคุณไปได้ด้วยดีมั้ยครับ”
ถูกณนนท์ถามแทงใจ ยี่หวารีบตอบเสียงสูง
“ดีค่ะ ดีมากกก นี่ก็มีอีกสองสามงานติดต่อเข้ามา...ถามทำไมคะ อยากจะง้อฉันแล้วล่ะซี่”
ณนนท์พูดตอบเสียงสูงเช่นกัน
“เปล๊า เปล่าเลย พอคุณไม่อยู่ ลูกค้าผมก็เพียบเหมือนกัน”
ยี่หวากับณนนท์มองหน้ากันอย่างชั่งใจ แล้วพูดออกมาพร้อมๆ กัน
“ดีใจด้วยค่ะ” / “ดีใจด้วยครับ”
พูดจบยี่หวากับณนนท์พากันอึ้งไปอีก ต่างคนต่างมีอะไรในใจจะพูด อยากจะง้อแต่ก็กลัวเสียฟอร์ม คำพูดที่เอ่ยออกมาจึงต่างจากความรู้สึกภายในใจ
“ฉันไปก่อนนะ”
“โชคดีครับ” พอยี่หวาขยับเดินไป ณนนท์รีบเรียก
“เดี๋ยว คุณยี่หวา” ยี่หวาอมยิ้มอย่างดีใจ แต่แล้วก็ทำหน้าเฉยเมื่อหันกลับมา
“มีอะไรเหรอคะ?”
“คือว่า......ดิ้นเปื้อนตรงนี้...น่ะครับ” ชี้ไปที่ท้องแขนของยี่หวา
“ขอบคุณค่ะ” ยี่หวาเสียเซ้ลฟ์นิดๆ รีบเดินออกมาหน้าร้าน
“อีตาบ้า นึกว่าจะง้อ เชอะ”
ว่าพลางยี่หวาก็สะบัดบ๊อบแล้วเดินขึ้นรถไป
ที่สนามเด็กเล่น โรงเรียนอนุบาล ตอนเย็นๆ วันนั้น ข้าวตูกับไข่ตุ๋นเล่นชิงช้าอยู่ด้วยกัน
“แม่เรากับพ่อเธอทะเลาะกันอีกแล้วอ่ะไข่ตุ๋น” ข้าวตูเอ่ยขึ้น
“อาเรากับน้านายก็ด้วย เฮ้อ เด็กๆ อย่างพวกเราทะเลาะกันแป๊บเดียวก็หายแล้ว แต่พวกผู้ใหญ่ทะเลาะกันนานเนอะ” ไข่ตุ๋นเห็นด้วย
หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองก็คุยและปรึกษากันอยู่แต่เรื่องนี้
“แล้วเราจะช่วยให้เค้าคืนดีกันยังไงดีล่ะ
“ผู้ใหญ่เค้าไม่ฟังเราหรอก เค้าต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
“พวกผู้ใหญ่เค้าไม่รู้ ว่าเด็กอย่างเราก็มีหัวใจ”
“งั้นเราแกล้งไม่สบายกันดีมั้ย พ่อเรากับแม่นายจะได้รีบมา แล้วครูปราณีจะได้บอกให้สองคนคืนดีกัน”
“ทำอย่างงั้นเราก็กลายเป็นคนโกหกน่ะสิ” ข้าวตูไม่เห็นด้วย
“ถ้างั้นเราก็อย่าโกหก”
“ทำไงเหรอ ไข่ตุ๋น”
ไข่ตุ๋นไม่ยอมตอบ แต่ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ เหมือนคิดแผนการออกแล้ว
เวลาต่อมาที่ประตูโรงเรียน ณนนท์กับยี่หวาต่างวิ่งแข่งกันเข้ามา แล้วตรงไปที่สนามเด็กเล่น ซึ่งข้าวตูกับไข่ตุ๋นกำลังต่อสู้กันอยู่ที่พื้นสนาม มีครูปราณีพยายามห้าม และเด็กคนอื่นๆ ยืนมุงดู
“ข้าวตู ไข่ตุ๋น หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ ครูบอกให้หยุ๊ดด.............”
ครูปราณีพยายามจับแยก แต่พอแยกอีกคนได้ อีกคนหนึ่งก็พุ่งเข้าไปหาอีก
“อย่าตีกันค่ะ เป็นอะไรไป ฉันจะเอาที่ไหนไปใช้พ่อแม่เธอเนี่ย”
ณนนท์กับยี่หวาวิ่งมาถึง ต่างคนต่างคว้าลูกตัวเองออกมา
“ข้าวตู หยุดลูกหยุด”
“ไข่ตุ๋น พอได้แล้ว”
ส่วนครูปราณีถึงกับหอบแฮ่กๆ
“ทุกทีห้ามก็หยุดนะคะ ทำไมเที่ยวนี้ไม่ยอมหยุดก็ไม่รู้”
“ทีพ่อไข่ตุ๋นกับแม่ข้าวตูยังไม่หยุดทะเลาะกันเลยค่ะ” ไข่ตุ๋นฟ้องครูปราณี
“ถ้าผู้ใหญ่เลิกทะเลาะกัน เราสองคนก็จะหยุดครับ” ข้าวตูเอาด้วย
“ครูขา ครูบอกให้พ่อกับแม่ข้าวตูเลิกทะเลาะกันสิคะ”
ครูปราณีมองหน้าณนนท์กับยี่หวา แล้วยิ้มแหยๆ
“เอาไงกันดีคะคุณพ่อคุณแม่ หยุดทะเลาะกันซะทีดีมั้ยคะ เห็นแก่...” ครูปราณีชี้ไปที่เด็กสองคนที่มองตาแป๋วรอคำตอบ ณนนท์กับยี่หวาหันมามองหน้ากัน
พูดขึ้นพร้อมกันว่า “ไม่มีทาง!!”
ก่อนที่ต่างคนก็ต่างสะบัดหน้าไปคนละทาง
“งั้นเราก็ไม่เลิก!” ข้าวตูมุ่งมั่นเอาจริง
พอพูดจบ ข้าวตูเอื้อมมือไปดึงผมไข่ตุ๋นทันที ไข่ตุ๋นร้องลั่น
เย็นวันนั้นไข่ตุ๋นร้องลั่นเสียงดัง ขณะที่ณนนท์คอยประคบน้ำแข็งที่หัวให้
“โอ๊ยยยย พ่อ เบาๆ ไข่ตุ๋นเจ็บค่ะ” ไข่ตุ๋นบอกพ่อ
“ก็อยากซ่านักนี่นา วันหลังเกเรให้มันน้อยๆหน่อยสิลูก”
เท่งยืนมองส่ายหน้า แล้วอบรมลูก
“งานนี้ต้องโทษผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ทะเลาะกันก็เลยพลอยทำให้เด็กวุ่นวายไปด้วยชักจะไปกันใหญ่แล้ว”
“ผมรู้ครับพ่อ นี่ลูกค้าก็จะยกเลิกงานถ้าผมเอาตัวยี่หวากลับมาทำงานด้วยไม่ได้”
ณนนท์พูดแล้วก็ถอนหายใจยาว ขณะที่เท่งมีสีหน้ากังวลครุ่นคิด
ยี่หวาคุยโทรศัพท์กับยาหยีอยู่ ขณะที่บุญเลื่องกำลังทายาให้ข้าวตู โดยวันนี้ยาหยียืนรอพี่สาวมารับที่บริเวณป้ายรถเมล์
“ตายแล้วหยี พี่ลืมซะสนิทเลย เดี๋ยวพี่จะออกไปรับเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ที่ป้ายรถเมล์เวลานั้นบรรยากาศค่อนข้างมืดๆ ยาหยีนั่งอยู่คนเดียว
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ เดี๋ยวหยีขึ้นแท็กซี่ไปเองดีกว่า”
ยาหยีบอกพี่สาว แล้ววางสายพอจะลุกไปโบกแท๊กซี่ ก็มีรถกะบะที่มีชายฉกรรจ์นั่งอยู่เต็มกะบะหลังวิ่งเข้ามาจอดเทียบ ยาหยีตกใจกลัวแต่ยังตั้งสติได้ รีบหันหลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแกล้งพูดเสียงดัง
“ฮัลโหลผู้กองเหรอคะ ใกล้ถึงแล้วเหรอคะ รีบมานะคะผู้กอง รออยู่”
ได้ผล...รถกะบะคันนั้นขับออกไปทันที ยาหยีถอนหายใจโล่งอก ทันใดนั้นก็มีผู้ชายอีกคนมายืนประกบที่ด้านหลังยาหยี
“ไปกับพี่มั้ยน้อง”
ยาหยีไม่รู้ว่าเป็นสุดยอด จึงหันมากรี๊ดใส่เต็มเสียง โชคดีที่สุดยอดอุดหูทัน
ครั้นพอยาหยีมองดีๆ เห็นว่าเป็นสุดยอด ก็เลิกกรี๊ดแต่ยังตกใจอยู่นิดหน่อย สุดยอดหัวเราะขำทำหน้าทะเล้นใส่
“ตกใจเหรอ”
ยาหยีหงุดหงิด เสียฟอร์ม “เออ ก็ตกใจดิ”
“ไปส่งให้เอาป่ะ” สุดยอดเสนอตัว แต่ถูกยาหยีปฏิเสธ
“ไม่เอา ฉันกลับเองได้”
“ตามใจ เพราะไงก็มีคนมารอเป็นเพื่อนแล้วนี่”
พูดจบสุดยอดก็ชี้ไปข้างหลัง ซึ่งคนจรจัดหน้าตาน่ากลัวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ป้ายรถเมล์ พลางยิ้มฟันหลอส่งมาให้ ยาหยีกรี๊ดลั่น รีบคว้ามือสุดยอด
สุดยอดหัวเราะ แล้วจูงยาหยีวิ่งออกไป
ทั้งคู่พากันแวะร้านบะหมี่เกี๊ยวข้างทาง ก่อนที่ยาหยีจะเข้าบ้าน
“กินบะหมี่เกี๊ยวก่อนเนอะ”
“ไม่เอา ฉันจะกลับ” ยาหยีบอก
“ผมหิวอ่ะ” สุดยอดอ้อน
“งั้นคุณก็กินไป ฉันกลับเอง” ว่าแล้วยาหยีทำท่าจะไปเรียกแท็กซี่ สุดยอดวิ่งมาคว้ามือ
“น่า กินก่อนแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวค่อยทะเลาะกันต่อ นะ..ผมเหนื่อย หิวด้วย”
ท้องเจ้ากรรมของยาหยีร้องจ๊อกๆ แบบไม่ไว้หน้า ยาหยีอายสุดยอดยิ้ม
“เห็นป่ะ ท้องคุณประท้วงกันลั่นเลย”
พูดจบสุดยอดก็ลากมือยาหยีไปนั่งโต๊ะแล้วสั่งบะหมี่
“เฮีย หมี่เกี๊ยวสอง”
ยาหยีมองสุดยอด ที่กำลังยิ้มหน้าเป็นมาให้ ยาหยีเลยค้อนให้หนึ่งวง
พอกินอิ่ม สุดยอดวางตะเกียบ แล้วเรอออกมาเสียงดังลั่น
“ต่ำตมที่สุด” ยาหยีค้อนให้อีกหนึ่งวง
“คนหล่อทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด” ว่าพลางสุดยอดยักคิ้วกวนๆ ยาหยีไม่ขำ เบะปากใส่
“พวกหลงตัวเอง อ๊วกจะแตก”
“นี่ ถามจริงไม่คิดจะกลับไปทำรายการแล้วเหรอ อ๊ะๆๆๆ นี่ผมไม่ได้ง้อนะ ถามเฉยๆ อยากรู้” สุดยอดรีบออกตัว
“ไม่ทำ ถึงนายง้อฉันยังไง ฉันก็ไม่กลับปาทำ”
“ฮื้อหือ...อาร์ตตัวแม่ แน่ยิ่งกว่าซุปตาตัวจริง”
“ก็ปากนายมันไม่มีหูรูดซะอย่างเงี้ย ฉันถึงไม่อยากกลับไปทำงานด้วย รู้ไว้ซะ”
“ปากผมไม่ดีตรงไหนล่ะ เห่าก็ดัง” สุดยอดโชว์ทำเสียงหมาเห่า “เฝ้าบ้านก็เก่ง” แล้วทำเสียงหมา
หอน “ผู้หญิงที่ไหนเค้าก็อยากเอาไปดูแลทั้งนั้นแหละ”
“ไม่น่าเชื่อ คนหลงตัวเองอย่างนี้ก็มีด้วย”
ยาหยีควักเงินวางบนโต๊ะ
“ฉันเลี้ยง ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนประสาทอย่างนาย”
ยาหยีพูดจบก็วิ่งไปโบกแท็กซี่ขึ้นรถหนีไปต่อหน้าต่อตา สุดยอดมองตาม ปวดกะโหลกยังง้อยาหยีไม่สำเร็จสักที
ข้าวตูรออยู่ พอเห็นยาหยีเดินเข้าประตูรั้วมา ก็วิ่งออกมาจากในบ้านมารับ พร้อมกับคำถามคาใจ
“น้าหยี”
“คร้าบ”
“เจ๊งแปลว่าอะไรครับน้าหยี”
“ไปเอาคำนี้มาจากไหนจ๊ะ”
“ข้าวตูได้ยินแม่บ่นว่า เจ๊งๆๆๆ แล้วล่องจุ๊นแปลว่าอะไรครับน้าหยี”
ยาหยีอึ้ง ตอบหลานไม่ถูก ครั้นมองเข้าไปภายในบ้าน เห็นยี่หวากำลังนั่งทำบัญชีหน้าเครียดอยู่ ระหว่างนั้นบุญเลื่องก็เดินออกมาจากบ้าน ยาหยีรีบถาม
“ถึงกับเจ๊งเลยเหรอคะแม่” บุญเลื่องพยักหน้ารับในอาการเครียดๆ
ช่วงตอนกลางวัน ขณะที่เท่งกับบุญเลื่องเต้นรำอยู่ในห้องเรียนลีลาศ ทั้งสองคนหน้าตาบูดบึ้ง เคร่งเครียด จังหวะหนึ่งจู่ๆ บุญเลื่องก็ผลักอกเท่งอย่างแรง
“นี่คุณเท่ง เลิกเหยียบเท้าฉันซักทีได้มั้ย”
“คุณก็เต้นให้มันถูกจังหวะหน่อยสิ อย่าบอกนะว่าหูตึงจนจับจังหวะเพลงไม่รู้เรื่องน่ะ”
“ขอโทษ ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นนะยะ” ครูฝึกรีบเข้ามาห้ามทัพ
“ใจเย็นๆ นะคะคุณเท่ง คุณบุญเลื่อง ใจเย็นๆ ค่า”
บุญเลื่องกับเท่งเริ่มเต้นกันใหม่ ครูฝึกถอยออกไปยืนดู คราวนี้บุญเลื่องแกล้งเหยียบเท้าเท่งบ้าง เท่งโกรธก็เลยแกล้งขัดขาบุญเลื่อง
“ว้าย”
บุญเลื่องกับเท่งต่างคนต่างเสียหลักจึงล้มลงไปทั้งคู่ ทุกคนในห้องตกตะลึง
เวลาต่อมา พอณนนท์ ยี่หวา สุดยอด ยาหยี รู้เรื่องก็รีบตรงมายังโรงพยาบาลทันที ทั้งสี่คนมาถึง พร้อมๆ กัน
ณนนท์กับสุดยอดรีบเปิดเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ซึ่งเป็นห้องแบบเตียงคู่ ด้านในปิดผ้าม่านกั้นไว้ บนเตียงผู้ป่วยเตียงหนึ่ง มีคนนอนห่มผ้ามิดปิดตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า
“โธ่ พ่อครับ พ่อ” สุดยอดรู้สึกเศร้าสุดๆ
“พ่อ หกล้มแค่นี้ ไม่น่าถึงกับตายเลย ฮือๆ” ณนนท์ก็ไม่ต่างกัน
ยาหยีกับยี่หวาวิ่งเข้ามา เห็นณนนท์กับสุดยอดกำลังร่ำไห้ฟูมฟาย
“ไม่น่าอายุสั้นเลย ฮือ”
“ยังแข็งแรงอยู่แท้ๆ จะรีบตายไปไหน ฮือ”
ระหว่างนั้นเสียงของเท่งก็ดังแทรกขึ้นมา “พ่อยังไม่ตายเว๊ย”
ณนนท์กับสุดยอดได้ยินก็หยุดร้องไห้ ณนนท์มองจ้องคนที่นอนคลุมผ้าอยู่ตรงหน้า
“พ่ออยู่เตียงนี้”
ณนนท์หันไปทางผ้าม่านในห้องที่มีเสียงเท่งลอดมา แล้วเปิดม่านออก เห็นเท่งนอนอยู่อีกเตียงหนึ่ง ในสภาพใส่เฝือกที่ขา
“อ้าว งั้นเตียงนี้ก็...”
ณนนท์กับสุดยอดผวา พากันถอยหลังไปทางเตียงเท่ง
“แล้ว...แล้วเตียงนี้ใครล่ะครับ” ณนนท์ชี้ไปที่เตียงที่เข้าใจผิด
จังหวะนั้นบุญเลื่องก็เปิดผ้าคลุมโผล่หน้าออกมา
“ฉันเอง”
ยี่หวากับยาหยีที่มองเหตุการณ์อยู่รู้สึกโกรธจัด
“นี่คุณสองคนแช่งให้แม่ฉันตายเหรอ” ยี่หวาเม้ง
“เฮ้ย เปล่า” ณนนท์ปฏิเสธ
“ผมไม่ได้แช่ง”
“เปล่าได้ไงคะ ก็ได้ยินอยู่เห็นๆ” ยาหยีใส่อีกดอก
“จะโกรธจะเกลียดกันยังไงก็ไม่เห็นจะต้องแช่งชักกันเลยนี่”
“ผมเปล่าจริงๆ ก็แม่คุณนอนคลุมผ้า ผมนึกว่าเป็นพ่อผม” ณนนท์พยายามอธิบาย
บุญเลื่องตัดบทขึ้นมา
“เอาเถอะๆ ไม่มีใครแช่งใครหรอก แม่หนาว แม่ก็เลยนอนคลุมผ้าเองล่ะยี่หวา”
“แล้วทำไมแม่ถึงบาดเจ็บแข้งขาหักอย่างงี้ล่ะคะ” ยี่หวาถามสาเหตุอย่างห่วงใย
บุญเลื่องค้อนไปทางเท่ง
“ก็คู่เต้นเฮงซวยน่ะสิ ร้อยวันพันปีไม่เคยล้ม ดั๊นมาล้มเอาวันนี้ นี่คุณ บอกมานะ แกล้งฉันใช่มั้ย”
“ผมแกล้งอะไรคุณ คุณแกล้งเหยียบเท้าผมชัดๆ” เท่งปฏิเสธ
“ฉันไม่ได้แกล้ง คุณน่ะแหละ แค้นที่ลูกฉันไม่ทำงานให้ลูกคุณใช่มั้ยล่ะ เลยแกล้งเตะขาฉัน สม ก็เลยล้มด้วยกัน ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
“ถ้าคุณไม่เหยียบขาผมก่อน ผมก็ไม่เตะขาคุณหรอก” เท่งเถียงขึ้นอีก
บุญเลื่องตบเตียงเสียงดังป้าบ “นั่นไง ...ชัดรึยัง พวกเนี้ยอยู่ไปก็รกโลก ให้ฉันหายก่อนเถ๊อะ ฉันจะกลับไปเผาพริกเผาเกลือแช่งให้ตายๆ ไปเลย อ่ะแค่กๆ”
บุญเลื่องพูดจนหายไม่ทัน จนไอแค่กๆๆ ยี่หวากับยาหยีตกใจ
“ใจเย็นๆ ก่อนค่ะแม่” ยาหยีรินน้ำส่งให้ยี่หวาเอาให้บุญเลื่องจิบ ณนนท์เดินมาหายี่หวา
“นี่คุณ ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อย”
ณนนท์ สุดยอด พร้อมด้วยยี่หวากับยี่หวา ออกมาหยุดคุยกันที่มุมหนึ่ง ในโรงพยาบาลแห่งนั้น
“ผมว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว” ณนนท์เอ่ยขึ้น
ยี่หวากับยาหยียืนผิงผนังอยู่อีกฟากนึง ขณะที่สุดยอดก็ยืนพิงอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
“แล้วคุณจะเอายังไง” ยี่หวาถามกลับ
“เราลดทิฐิกันคนละครึ่งดีมั้ย ตอนนี้ทุกคนต่างก็เดือดร้อนไปหมด ทั้งลูก พ่อแม่ ทั้งงาน แล้วก็ตัวพวกเราเองด้วย คุณว่าดีมั้ย”
“ก็ดีค่ะ เซ็นต์สัญญาสงบศึกกันซะได้ก็ดี หยีล่ะว่าไง” ยี่หวาหันไปพูดกับน้องสาว
“หยียังไงก็ได้อยู่แล้ว” ยาหยีเห็นด้วย
“นายยอดล่ะ”
สุดยอดไม่ตอบคำถามพี่ชาย แต่หันไปมองหน้ายาหยีแบบยังโมโหๆ อยู่ สุดยอดถอนหายใจแรงๆ ส่ายหน้าแล้วทำท่าจะเดินไป ณนนท์ร้องถาม
“เฮ้ย ยอด จะไปไหน”
สุดยอดเก็กปั้นหน้าบึ้งเอ่ยขึ้น “หากาแฟกินครับ”
“แล้วแกจะไม่ยอมคืนดีกับเค้าจริงเหรอวะ”
“ใครบอก ผมอ่ะโอเคไปตั้งนานแล้ววว...”
สุดยอดหันไปยักคิ้วกวนๆ ให้ยาหยีแล้วเดินไป ณนนท์มองตามสุดยอดส่ายหัวในความกวนของน้องชาย ยี่หวารู้สึกขำๆ ส่วนยาหยีพึมพำไล่ตามหลัง
“จิต!!!”
คุยธุระเสร็จ พร้อมกับทำสัญญาสงบศึก ทั้งสี่คนเดินกลับเข้ามาในห้องผู้ป่วย สุดยอดถือแก้วกาแฟมาด้วย เห็นเท่งกับบุญเลื่องเปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับบ้าน ไม่ได้ใส่เฝือกแล้ว ทั้งสี่คนงง
“อ้าว แม่คะ แม่จะกลับบ้านแล้วเหรอคะ” ยี่หวาถามอย่างงๆ
“แม่ไม่ได้เป็นอะไร จะนอนโรงพยาบาลทำไมให้เปลืองล่ะ” บุญเลื่องตอบหน้าตาเฉย
ณนนท์คิดออกทันที “สรุปว่าพ่อแกล้งขาหักหรอกเหรอเนี่ย”
“ก็เออน่ะสิ ถ้าไม่แกล้งขาหัก พวกแกจะยอมคืนดีกับพวกผู้หญิงเค้าเหรอ”
“โห แม่อ่ะ ต้มกันซะสุกเลย” ยาหยีโวยเล็กๆ
“แน่นอน ฝีมือระดับแม่ ถ้าไม่ติดว่ามีลูกนะ แม่เป็นดาราไปแล้ว” คราวนี้บุญเลื่องคุยโว
แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะขึ้น ณนนท์กับยี่หวาสบตากันขำๆ สุดยอดหัวเราะแล้วมองยาหยี ยาหยีค้อนใส่
ฉากที่29บ้านเอนิตา / ที่ใดๆ / กลางวัน
ตัวละครเอนิตา / พีท(คู่ขาเอนิตา)
เอนิตาใส่ชุดนอนเดินลงมาจากบนบ้าน อยู่ในอาการหาวหวอดๆทั้งๆที่เป็นเวลากลางวันแท้ๆ ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เอนิตารีบรับ
“คลิปอะไร ใครปล่อย ฉันไม่รู้เรื่องเลยแก” เป็นเพื่อนเอนิตาที่โทรมาบอกข่าวร้าย เอนิตายังไม่วางหู แต่รีบไปเปิดคอมฯ อย่างร้อนใจ
ภาพคลิปในจอคอมฯ เห็นเป็นหน้าเอนิตาชัดเจนอยู่ในชุดเซ็กซี่ ภายในห้องนอน โดยมีหนุ่มคนหนึ่งกำลังไซ้ซอกคอ ซึ่งเอนิตาหัวเราะชอบใจ
เอนิตาตกใจหน้าซีดเผือด พูดกับเพื่อนต่อ
“ไอ้พีท ไอ้พีทมันถ่ายไว้แล้วเอาไปปล่อยแน่ๆ แค่นี้ก่อนนะแก”
วางสายจากเพื่อน เอนิตาก็กดโทรศัพท์หาพีททันที
“พีท แกปล่อยคลิปฉันใช่มั้ย” เอนิตาโวยวาย
“ใช่ ผมปล่อยเอง นี่มันแค่หนังตัวอย่างนะ ยังมีชุดสอง ชุดสาม ชุดสี่ อีกเพียบ”
“อะไรนะ สามแสน แกจะบ้าเหรอ ฉันจะไปเอาเงินที่ไหนมาให้แก ....อย่าเพิ่งวางสายสิ ไอ้เลวๆ ไอ้เลวพีท”
เจอกิ๊กแบล็คเมล์เข้าให้ เอนิตาแทบคลั่ง
ไม่นานหลังจากนั้น เอนิตาก็พาตัวเองมานั่งร้องไห้อยู่ตรงหน้าณนนท์ที่บริษัท ณนนท์มองอย่าง
หนักใจ
“ถ่ายคลิปกับชายชู้แล้วยังมากล้าขอเงินผมอีกเหรอนิตา คุณนี่มันหน้า....” ณนนท์ส่ายหน้า
“ฉันไม่ได้ถ่าย ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ นะนนท์ ฉันโดนแกล้ง”
“ผมจะรู้ได้ไงล่ะว่าคลิปนั่นไม่ได้หลุดออกมาเพราะคุณต้องการสร้างกระแส แล้วมาอ้างว่าโดน
แบล็คเมล์ หลอกเอาเงินผมอีกต่อ...ฉลาดนี่ แต่คงใช้กับผมไม่ได้แล้วล่ะ
พูดจบณนนท์ก็ลุกขึ้น เอนิตารีบคว้ามือณนนท์ไว้
“นนท์ ฉันเดือดร้อนจริงๆนะ มันบอกว่าถ้าไม่ให้ มันจะเอาคลิปทั้งหมดมารวมแผ่นขาย ทีนี้ฉันคงไม่มีหน้าสู้ใครได้..แล้วไข่ตุ๋นอีกล่ะ ไข่ตุ๋นจะทำไงถ้าแม่ต้องกลายเป็นดาราหนังเอ็กซ์แบบไม่ตั้งใจ….ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะนนท์” เอนิตาร้องไห้คร่ำครวญ ณนนท์มองอย่างชั่งใจ
“โอเค ผมจะช่วย แต่มีเงื่อนไขนะ คุณต้องไปรับไข่ตุ๋นที่โรงเรียนทุกวัน หัดทำหน้าที่แม่บ้าง”
“ถ้าคุณช่วยฉัน เรื่องแค่นี้ฉันทำได้อยู่แล้ว”
เอนิตายิ้มออก ณนนท์ถอนหายใจ
เอนิตาทำอย่างที่รับปากกับณนนท์ไว้จริงๆ เธอสวมแว่นตาดำ มานั่งรอก่อนเวลาโรงเรียนเลิก ที่บริเวณม้านั่งของผู้ปกครองที่มานั่งรอลูกหลาน ระหว่างนั้น ผู้ปกครองคนอื่นๆ แอบมองเอนิตาแล้วพากันซุบซิบ ยี่หวาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กันมองเห็นเอนิตา
“คุณนิตา แม่ไข่ตุ๋นใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ”
เอนิตาหันไปดู พอเห็นเป็นยี่หวา ก็ทำคอแข็ง เพราะจำได้แม่นว่าณนนท์กับยี่หวาใกล้ชิดกันมากเมื่อตอน ตามหาไข่ตุ๋นกับข้าวตู
“ดีจังเลยค่ะ ดิฉันอยากพบคุณมาตั้งนานแล้ว”
“พบทำไม มีอะไรกับฉันเหรอ” เอนิตาพูดอย่างไว้ตัว
“ดิฉันอยากปรึกษาคุณ เรื่องน้องไข่ตุ๋นกับข้าวตูน่ะค่ะ เด็กสองคนนี้เค้ามีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ...” ยี่หวายังพูดไม่ทันจบ เอนิตาก็พูดแทรกอย่างรำคาญ
“โอ๊ย ไม่เห็นจะยากเลย คุณก็ห้ามลูกคุณซิ ว่าทีหลังอย่ามารังแกลูกฉัน แค่นี้ก็จบแล้ว”
“แต่ข้าวตูไม่เคยรังแกไข่ตุ๋นก่อนนะคะ” ยี่หวาพยายามอธิบาย แต่กลายเป็นชวนอีกฝ่ายทะเลาะ
“อ๋อ คุณจะบอกว่าลูกฉันรังแกลูกคุณงั้นสิ ไข่ตุ๋นเป็นเด็กผู้หญิงเรียบร้อยน่ารัก กริยามารยาทอ่อนหวานนุ่มนวล ลูกฉันไม่มีทางรังแกใครก่อนแน่”
“แต่...คุณนิตาอาจจะไม่ค่อยมีเวลาได้ใกล้ชิดกับน้องไข่ตุ๋นก็เลยไม่รู้ว่าน้องไข่ตุ๋นเค้าค่อนข้างจะเป็นเด็กที่เหมือนผู้ชายน่ะค่ะ”
“อย่ามาใส่ร้ายลูกฉัน ฉันเป็นแม่ ฉันรู้ดีว่าลูกฉันเป็นยังไง ....ใช่ซี่ ฉันมันไม่ใช่แม่ตัวอย่างแต่โดนผัวทิ้งอย่างใครบางคน”
ถูกเอนิตาเหน็บยี่หวาหน้าตึงขึ้นมาทันที
“คุณว่าใคร”
“ใครก็ด้าย....ใช่คุณรึป่าวล่ะ”
ยี่หวาเริ่มโกรธ
“ดิฉันแค่ขอคำปรึกษาคุณเรื่องลูก ไม่เห็นต้องกระแนะกระแหนกันเลยนี่คะ”
“แน่ใจเหรอว่าแค่เรื่องลูก ไม่ได้กำลังจ้องจับสามีคนอื่น!”
“ดิฉันว่าคุณเอาเวลาที่คิดเรื่องไร้สาระพวกนี้ไปดูแลอบรมลูก ไข่ตุ๋นจะได้โตมามีความรับผิดชอบแบบที่แม่ของเค้าไม่เคยมี จะดีกว่ามั้ยคะ!” ยี่หวาด่าเอนิตา
“แกว่าฉันเหรอ”
ว่าแล้วเอนิตาก็เงื้อมือขึ้นจะตบ แต่ยี่หวาคว้าไว้ทัน แล้วบิดมือเอนิตาจนข้อพับ เอนิตาลงไปกองอยู่กับพื้น
ครูป้อม ครูผู้ช่วยวิ่งกระหืดกระหอบไปรายงานครูปราณี ที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง ครูป้อมอยู่ในอาการหอบแฮ่กๆ ในขณะที่รายงาน
“ครูปราณีคะ ซัดกันใหญ่แล้วค่ะ”
“อะไรคะครูป้อม ใครซัดกับใครคะ”
ครูป้อมยังหอบอยู่พูดออกมาได้แค่ว่า “ไข่ตุ๋น...ข้าวตู....”
“ฮ้า อีกแล้วเหรอ”
ครูปราณีวิ่งออกไปทันที
ที่สนามเด็กเล่น ขณะนั้นไข่ตุ๋นกำลังจับข้าวตูล็อคที่พื้นในท่ามวยปล้ำ
“ยอมรึยัง” ไข่ตุ๋นถาม
“ไม่มีทาง!” ข้าวตูตอบแล้วพยายามดิ้น แต่ไข่ตุ๋นรัดแน่น เพื่อนๆ พากันส่งเสียงเชียร์กันลั่น ครูปราณีวิ่งมาหน้าตาตื่น
“ตายแล้ว....หยุดเดี๋ยวนี้เลย หยุดทั้งสองคน”
ครูป้อมกับครูปราณีช่วยกันจับไข่ตุ๋นกับข้าวตูแยกออกจากกัน
“ทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกคะข้าวตู ไข่ตุ๋น” ครูปราณีถาม
“เปล่านี่คะ เราไม่ได้ทะเลาะกันซักกะหน่อย” ไข่ตุ๋นตอบ
“ไข่ตุ๋นกำลังสอนผมเล่นมวยปล้ำตะหากล่ะครับ ครูห้ามทำไมล่ะครับ” ข้าวตูงง
“อ้าว ครูก็นึกว่าตีกันอีกแล้วน่ะสิ” ครูปราณีหัวเราะขำๆ
“เออๆ ไม่ทะเลาะกันก็ดีแล้วนะ เล่นกันก็ระวังหน่อย แข้งขาหักไป ครูไม่มีลูกไปใช้คืนพ่อแม่เธอหรอก”
ระหว่างนั้น ครูน้อยโหน่งก็วิ่งเข้ามาหาครูปราณีด้วยหน้าตาตกใจ
“ครูปราณีค้า ครูปราณี ตีกันอีกคู่แล้วค่า”
“ฮ้า อีกคู่เหรอ”
ครูปราณีตกใจ
ขณะนั้นยี่หวากำลังจับเอนิตาล็อคกับพื้น เป็นท่าเดียวกับที่ไข่ตุ๋นและข้าวตูซ้อมมวยปล้ำให้กันเมื่อครู่
“ปล่อยฉันนะ บอกให้ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“เรื่องอะไรจะปล่อย เธอก็มาตบฉันสิ”
พวกผู้ปกครองคนอื่นยืนดูแต่ไม่กล้าเข้าไปห้าม ครูปราณี ครูน้อยโหน่งและครูป้อมวิ่งมา
“คุณแม่ขา อย่าตีกันค่า อย่าตีกัน”
บรรดาครูต่างมาช่วยกันจับเอนิตากับยี่หวาแยกออกจากกัน กว่าจะแยกได้ครูปราณีถึงกับต้องปาดเหงื่อ
“เฮ้อ น่าจะเปิดเวทีมวยแทนโรงเรียนอนุบาลนะเนี่ย” ครูปราณีพูดแบบเซ็งๆ
เอนิตามองยี่หวาอย่างโกรธแค้นสุดๆ
ค่ำคืนนั้นวสันต์เดินออกมาจากผับกับสาวๆ ในมาดเพลย์บอย วสันต์หอมแก้มสาวๆ ซ้ายที ขวาที
“วันหลังมาเที่ยวกันใหม่นะครับ บ๋ายบาย” สาวๆ เดินจากไป วสันต์โบกมือให้ ขณะจะเดินกลับเข้าไปในผับ เอนิตาก็เดินสวนออกมาพอดี
“ฮัลโหลคุณนิตา นึกว่าใครที่ไหน”
“คุณวสันต์ พ่อของข้าวตูนี่เอง มาเที่ยวเหรอคะ”
“ครับ แล้วนี่...จะกลับแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ช่วงนี้มีข่าวเยอะค่ะ ต้องถนอมตัวนิดนึง”
เวลาเดียวกันนั้น ณนนท์พาลูกค้าสองสามคนมาถึง และกำลังเดินเข้าผับ ผู้จัดการร้านรีบเดินมาต้อนรับ
“ผมจองโต๊ะไว้ในนามบริษัทดีเด็ดครับ” ณนนท์บอก ผู้จัดการร้านพยักหน้า พลางผายมือเชิญ
ระหว่างนั้นณนนท์มองไปเห็นเอนิตากับวสันต์ยืนคุยกันอยู่ จึงขอตัว บอกลูกค้าให้เข้าไปก่อน
“เดี๋ยวผมตามเข้าไปนะครับ”
ระหว่างนั้นวสันต์กำลังป้อเอนิตาอย่างเพลิดเพลิน
“ให้ผมไปส่งมั้ย รับรองว่าปลอดภัยจากปาปารัสซี่ร้อยเปอร์เซ็นต์”
“แหม พอดีนิตาชอบทำอะไรเสี่ยงๆ ด้วยสิคะ มันเร้าใจดีค่ะ” ว่าพลางเอนิตาส่งสายตาเย้ายวนไปให้วสันต์ นาทีเองนั้นเสียงของณนนท์ก็กระแอมขัดจังหวะขึ้น
“นิตา” เอนิตาสะดุ้ง แต่แกล้งทำเนียนทักทายเป็นปรกติ
“อุ๊ย นนท์ มาทำอะไรที่นี่คะ” ณนนท์ไม่ตอบที่เอนิตาถาม แต่ใส่เป็นชุด
“แล้วคุณล่ะ มาทำอะไรที่นี่ ข่าวเก่ายังไม่ทันซา จะหาเรื่องใหม่มาอีกแล้วเหรอ”
“ก็แค่คนรู้จักทักทายกัน จะเป็นข่าวอะไรกันนักหนาครับคุณณนนท์” วสันต์ท้วงเพื่อทำคะแนน
“ผมว่าคุณเอาเวลาไปดูแลลูกเมียดีกว่านะครับคุณวสันต์ เรื่องภรรยาผมขอให้ผมจัดการเอง” ณนนท์ตอกกลับ
“โอเค๊ ไปก็ได้” วสันต์ยักไหล่แล้วเดินเข้าไปในผับ
“กลับบ้านซะ ผมต้องดูแลลูกค้า” ณนนท์พูดจบทำท่าจะเดินเข้าไปในผับ
เอนิตางงๆ ที่ณนนท์เฉยกับสิ่งที่ตนทำเมื่อครู่
“นี่คุณจะไม่ด่าฉันซักคำเลยเหรอ”
“ไม่ล่ะ ผมเบื่อ ผู้หญิงอย่างคุณถึงด่าไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่บอกไว้ก่อน ถ้าคราวหน้ามีเรื่องอีก อย่าหวังนะว่าผมจะช่วย”
เอนิตาจ๋อย เพราะณนนท์พูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมและเอาจริง ก่อนจะเดินเข้าไปในผับ
จบตอนที่ 8
โปรดอ่านต่อวันพรุ่งนี้
วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554