xs
xsm
sm
md
lg

ในรอยรัก ตอนที่ 27

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในรอยรัก
ตอนที่ 27
 
เช้าวันรุ่งขึ้นมธุรินเดินเข้ามาในห้องอาหาร เห็นแววกำลังยกชามที่บัวบงกชกินข้าวเสร็จออกไป จึงถามออกมา


“คุณแม่ออกไปแล้วหรือ”
“ค่ะ คุณเดียร์จะทานข้าวต้มกุ้งหรือว่า”
“ขอน้ำส้มแก้วเดียวพอจ้ะ”
แววเดินเข้าครัวไป แล้วกลับออกมาพร้อมถาดวางแก้วน้ำส้ม
“คุณเดียร์น่าจะทานข้าวต้มสักหน่อยนะคะ หมู่นี่คุณผอมไป”
“ก็ฉันไม่หิวนี่”
มธุรินจิบน้ำส้มเพียงนิดเดียวแล้วเดินออกไป

มธุรินตัดสินใจมาหากานนที่ออฟฟิศกานนลุกขึ้นขณะที่มธุรินเดินเข้ามา
“เชิญนั่งครับ”
“ขอบคุณค่ะ... เดียร์มีเรื่องทุกใจมาก ไม่รู้จะปรึกษาใคร มีกานนคนเดียวที่เดียร์ไว้ใจมากที่สุด”
“ผมดีใจที่เดียร์คิดอย่างนั้น”
“คุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว เมื่อเย็นวานนี่เอง เดียร์อุตส่าห์ชวนคุณพ่อมาทานข้าวที่บ้าน วางแผนเสียดิบดีว่าจะให้ท่านคืนดีกัน คุณพ่อขึ้นไปหาคุณแม่เดี๋ยวเดียว ก็หน้าบึ้งลงมาออกจากบ้านไปเลย” มธุรินเล่าน้ำตาซึม
“ถ้าไม่รักกัน ทำไม่ไม่หย่ากันให้รู้แล้วรู้รอด ที่จริงเขาไม่น่าจะแต่งงานกันเสียด้วยซ้ำ เดียร์จะได้ไม่ต้องเกิดมา”
เสียงมธุรินขาดหายไปเพราะสะอื้น กานนเอื้อมมือมาแตะมือมธุรินอย่างอ่อนโยน
“อย่าคิดอย่างนั้น เท่าที่เห็นผมแน่ใจว่าคุณอาทั้ง 2 รักเดียร์มาก”
มธุรินนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ เรียบเรียงคำพูด
“เดียร์รู้สึกมานานแล้วว่า ระหว่างคุณพ่อคุณแม่ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างขวางกันอยู่ แต่ก็ไม่ชัดเจน จนกระทั่งม่านมัสลินเข้ามา” กานนอึ้งไป มธุรินถอนใจยาว แล้วมองหน้ากานนเพ่งพิศ
“กานนคิดว่า เรื่องที่เขาลือกันเป็นความจริงหรือเปล่าคะ”
“ผม ไม่กล้าออกความคิดเห็น แล้วก็ไม่อยากให้คุณไปหมกมุ่นจนหมดความสุข”
“ไม่หมกมุ่นไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันเกี่ยวกับครอบครัวของเดียร์โดยตรง กานนเองก็สนิมกับม่านมัสลิน เขาเคยพูดเรื่องนี้กับคุณบ้างไหมค่ะ”
“ไม่เคยนะ ผมรู้แต่ว่า เขารักคุณแม่ของเขามาก”
“เดียร์ไม่ดีอีกตามเคย”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมเพียงแค่อยากจะแนะนำให้เดียร์ไม่สนใจเรื่องนี้ของมัสลิน”
มธุรินไม่พอใจทันที
“เดียร์ไม่ใช่ม่านมัสลิน แล้วเขาก็ไม่ใช่เดียร์ คุณจะให้เดียร์ทำเหมือนเขาไม่ได้ และเดียร์ก็จะไม่ทำด้วย เดียร์ไปละค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่เอาเรื่องเหลวไหลมารบกวน”
มธุรินลุกเดิน
“เดี๋ยว”
มธุรินเปิดประตูออกไปโดยไม่ฟังเสียง

พอออกจากออฟฟิศกานน มธุรินแวะมาหาพิณสุดาที่บ้าน...พิณสุดานั่งมองมธุรินร้องไห้อย่างสะใจ
“ร้องไห้เถอะ ร้องไห้พอ ฉันเข้าใจแกดี”
พิณสุดาแกล้งกอดปลอบมธุริน
“ฉันจะทำยังไงดี”
“แกไม่ต้องทำ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง รับรองว่า นังตัวมารม่านมัสลินจะต้องเละเป็นโจ๊ก เชอะ! ดันชื่อม่านมัสลิน เพราะตายละ ฉันชอบเรียกมันว่านังมุ้งลวด”
มธุรินชะงักนิดหนึ่ง
“แกจะทำยังไง จะปล่อยคลิปอย่างที่บอกนะเรอะ”
“แกอยู่เฉยๆ ดีกว่า ไม่ต้องรับรู้อะไร บอกแล้วไงว่าฉันจัดการเอง โอ.เค้”
สีหน้ามธุรินเหมือนกังวลอีก

+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันต่อมาขณะที่ม่านมัสลินกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว เสียงโทรศัพท์ดังติดกันเรื่อยๆ จนม่านมัสลินลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย
“ฮัลโหล”
“มัส เอาอีกแล้วละ”
เกวลินบอกทางโทรศัพท์
“เอาอะไรพี่”
“คลิปออกมาอีกแล้ว”
“คลิป” ม่านมัสลินตื่นเต็มที่ทันที “เกี่ยวกับมัสหรือเปล่า”
“ใช่”
ม่านมัสลินเม้มปาก สีหน้าหงุดหงิดสุดๆ
ขณะนั้นจิรดานั่งหน้าหงิกงออยู่ในห้องรับแขก พัดกับแป้นหลบอยู่อีกมุม ม่านมัสลินเดินลงมา เตรียมจะออกจากบ้าน
“ตื่นแล้วหรือยะ แม่ตัวดี” เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ตามด้วยโทรศัพท์จิรดา โทรศัพท์ม่านมัสลิน “ตั้งแต่ตื่นมา มีแต่เสียงโทรศัพท์”
“พัด! เอาปลั๊กออกซะ” มัสลินบอก
“ค่ะ” พัดทำตามแล้วกลับไปหลบที่เดิม
“ฉันถามจริงๆ เถอะ แกไปถ่ายไอ้หนังโป๊นั่นจริงๆ หรือเปล่ามันถึงมีคลิปออกมาไม่จบไม่สิ้น”
“แม่เป็นแม่มัส แม่น่าจะรู้จักมัสยิ่งกว่าใครๆ นะคะ” คำถามนี้ทำให้จิรดาอึ้งไป
“แม่เชื่อหรือคะว่า ลูกของแม่จะทำอย่างนั้น”
“ฉันจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็ไม่สำคัญ แต่คนค่อนประเทศเขาอาจจะเชื่อไปแล้ว รวมทั้งคนที่ไม่เชื่อตอนแรกด้วย”
“คนอื่นไม่สำคัญกับมัสเท่าแม่”
“ถ้าแกเล่นละครไม่ได้ ทำมาหากินในวงการไม่ได้ แล้วเราจะเอาอะไรกินจะให้ฉันไปของเงินคนอื่น ฉันก็ทำไม่ได้”
“แต่คนอื่นที่แม่พูด คือพ่อของแม่นะคะ”
“นั่นแหละ ฉันยิ่งรับไม่ได้เลย ทำหยิ่งกับเขาไว้มากด้วย”
“แม่ไม่ต้องไปขอเงินใครทั้งนั้นค่ะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมัส” จิรดานั่งนิ่ง แต่สีหน้าดีขึ้น
“มัสจะออกไปข้างนอกนะคะ พัด แป้น ดูแลแม่ให้ดีนะ”
“ค่ะ”
ม่านมัสลินเดินออกไป เธอตรงไปที่รถแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นกานนยืนอยู่ที่ประตูรั้ว
“คุณกานน” กานนมองมาด้วยสีหน้าแววตาอ่อนโยน

+ + + + + + + + + + + +

กานนอาสาขับรถให้ม่านมัสลิน เขาขับมาเรื่อยๆ ขณะที่ม่านมัสลินหลับตาเอนหลังพิงพนัก
“วันนี้มีถ่ายละครหรือเปล่า”
กานนเอ่ยถามขึ้นมา
“มีค่ะ แต่เขาโทรมาให้มัสพักผ่อน เพราะที่กองถ่ายนักข่าวรอกันเต็ม”
“งั้นไปบ้านสวนของคุณกัน”
“ขอบคุณมากค่ะ”

กานนขับรถพาม่านมัสลินมาที่บ้านสวนของม่านมุก เมื่อไปถึงทั้งคู่ยกมือไหว้ม่านมุก
“ไหว้พระเถอะหลาน หิวกันหรือเปล่า ปิ่น ไปเอากล้วยเชื่อมมาให้หลานฉันซิ มัวแต่อมยิ้มมองอยู่นั่นละ”
“ก็คุณมัสไม่ได้มาตั้งหลายวันแล้วนี่คะ”
“มัสไม่ค่อยว่างคะ”
“ปิ่น เลิกต่อว่าต่อขานหลานฉันได้แล้ว ไปเอากล้วยเชื่อมมา”
“ค่ะ”
ปิ่นเดินเข้าไปในครัว ม่านมุกหันหน้ามาทางกานน
“คุณก็ว่างเหมือนกันเรอะ”
“คุณย่าน้อยอย่าเรียกผมอย่างนั้นเลยครับ เรียกปลิวหรือไม่ก็กานนเฉยๆ ดีกว่า”
“มันยังไม่เคยปากน่ะ”
ม่านมัสลินมองกานนด้วยสีหน้าอ่อนโยน
กานนกับมัสลินพากันออกมาเดินในสวน ทั้งคู่เดินกันมาช้าๆ สีหน้าม่านมัสลินมีแววเป็นกังวล ใคร่ครวญครุ่นคิด
“มันต้องเป็นทีมเดิมแน่ๆ คราวนี้มัสต้องเอาเรื่อง”
“เราก็ยังไม่มีหลักฐานอยู่ดี”
ม่านมัสลินหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“แล้วจะปล่อยให้มันรังแกอย่างนี้น่ะหรือค่ะ”
“ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก”
“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ แม่ยังบอกเลยว่า ป่านนี้คนที่ไม่เชื่อ อาจจะเชื่อไปแล้ว”
“ก็อย่างที่บอก เรื่องอย่างนี้จับมือใครดมยากทั้งๆ ที่รู้ว่าใครเป็นคนทำ”
ม่านมัสลินเลียนคำพูดกานนอย่างฉุนๆ
“ก็อย่างที่บอก คุณเกรงใจครอบครัวมธุริน”
“ฟังกันบ้างซิ ถ้าผมเกรงใจครอบครัวเดียร์ ก็คงไม่มาหาคุณแต่เช้า แล้วถ้ากลัว ผมก็คงไม่เลิกกับเขา ของอย่างนี้ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด” กานนเตือนสติ
ม่านมัสลินเดินมาทรุดตัวลงนั่ง สีหน้าท่าทางเหมือนอึดอัดใจเต็มที กานนยืนมองครู่หนึ่ง แล้วลงมานั่งข้างๆ
“ถ้าคุณมีธุระ”
“พูดแบบนี้จะไล่ผมกลับล่ะซิ”
“แล้วคุณจะมาอยู่กับฉันตลอดทั้งวันได้ยังไง”
“ผมอยากอยู่กับคุณตลอดชีวิตด้วยซ้ำ”
ม่านมัสลินอึ้งไปครู่หนึ่ง
“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ”
“มัสลินถ้าผมจะเห็นแก่ตัวมากว่านั้นสักนิด ผมคง...”
กานนหยุดพูดไว้แค่นั้น ม่านมัสลินมองกานนด้วยความแปลกใจ

+ + + + + + + + + + + + +

เกวลินถึงกับเครียดเมื่อเห็นคลิปมัสลินจึงโทรหาศิธาทันที เกวลินคุยโทรศัพท์กับศิธาด้วยสีหน้าอย่างเคร่งเครียด โดยศิธานั่งอยู่หน้าจอคอมฯ บอกกับเกวลินว่าเขากำลังเปิดอยู่
“สาบานได้หรือเปล่าว่าคุณไม่เกี่ยวข้อง”
“จะให้ไปกี่วัดก็ได้”
“แล้วงั้นจะเป็นใคร”
“อาจจะเป็นเขาเองมั้ง”
“ศิธา”
“เก๋ มัสลินเป็นเพื่อนรักของคุณก็จริง แต่คุณก็ไม่ได้รู้เรื่องของเขาไปหมดทุกอย่างหรอก”
“ยังไง เก๋ก็ไม่เชื่อว่าคนอย่างมัสจะทำได้”
“คุณเชื่อใจเพื่อนก็ดีแล้ว”
เกวลินวางโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ศิธาเบ้ปากเหมือนจะเยาะเย้ยพีระพลเดินเข้ามาหาศิธา
“เป็นไง มันมั้ย”
“มันสุดๆ”
ศิธาและพีระพลนั่งดูคลิปมัสลินแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน สะใจ

+ + + + + + + + + + + + +

คลิปที่ออกมาทำให้บัวบงกชอยู่เฉยไม่ได้ จึงโทรศัพท์หาจิรดาทันที บัวบงกชนัดให้จิรดามาหาที่สตูดิโอ เมื่อจิรดามาถึง บัวบงกชรีบพาจิรดาเข้ามาคุยในห้องทำงาน
“ขอบคุณที่อุตส่าห์มาตามที่ฉันขอร้อง เชิญนั่ง”
จิรดาทรุดตัวลงนั่ง ขณะที่บัวบงกชชงกาแฟมาให้
“มีธุระอะไร”
“มัสลินเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นยังไงนอกจากกระเหี้ยนกระหือรือ จะจับไอ้พวกวิปริตมือบอนให้ได้แล้วคุณถามมธุรินหรือยังล่ะลูกสาวคุณอาจมีส่วนเกี่ยวข้องนะ” บัวบงกชอึ้งไป “นึกแล้วว่าไม่กล้าถาม”
“มธุรินไม่มีนิสัยร้ายกาจแบบนั้น”
“แน่ใจเรอะ เวรกรรมน่ะมีจริง คุณตั้งใจจะทำลายความสงบสุขในครอบครัวฉัน โดยส่งนังม่านมัสลินเข้ามา เป็นยังไงล่ะครอบครัวคุณกลับแตกแยกไปคนละทาง แล้วที่ร้ายที่สุด ลูกของคุณกำลังจะทำร้าย ทำลายกันเอง”
“ฉันบอกแล้วว่ามธุรินไม่เกี่ยว”
“ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วสบายใจก็คิดไปเถอะ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จิรดาหยิบขึ้นมาดู “มัสลิน โทรมา”
บัวบงกชกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“ถามซิว่าแกเป็นยังไงบ้าง”
“แกเป็นยังไงบ้าง” จิรดาถามม่านมัสลิน
“ก็พยายามใช้สติอยู่ค่ะ”
“ฉันให้แกทายเท่าไหร่ แกก็ทายไม่ถูกว่าเวลานี้ฉันอยู่กับใคร”
บัวบงกชสะดุ้ง
“แม่อยู่กับใครละค่ะ”
“คุณบัวบงกชไงล่ะ เขาพยายามแก้ตัวแทนลูกเขาว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องคลิปใหม่ของแก”
บัวบงกชเสียงดังขึ้นเพื่อให้เสียงเข้าโทรศัพท์
“มธุรินไม่เกี่ยวจริงๆ”
“แค่นี้ก่อนนะคะแม่ คุณยายเรียกแล้ว”
“เออ”
จิรดาเก็บโทรศัพท์ยิ้มกับบัวบงกช
“เพื่อให้คุณสบายใจหายห่วง ฉันจะบอกให้ว่า คุณกานนอยู่กับมัสลินด้วย เขาไปรับกันที่บ้านแต่เช้า เฮ้อ! สงสัยว่า ลูกคุณจะแย่งผู้ชายคนเดียวกันอีกแล้วละ”
บัวบงกชมีสีหน้าเจ็บปวด

ม่านมัสลินเก็บโทรศัพท์แล้วขยับออกเดินช้าๆ กานนเดินตาม
“แม่ฉันอยู่กับแม่มธุริน” กานนฟังเงียบๆ ไม่มีวี่แววประหลาดใจ นอกจากเข้าใจ “เขาแก้ตัวให้ลูกสาวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
“ก็น่าจะจริงนะ โดยพื้นฐานแล้วเดียร์เป็นคนดี”
“งั้นฉันก็เป็นคนเลว”
“คุณก็เป็นเสียอย่างนี้ ชอบประชดประชัน ลงโทษตัวเอง”
“ใช่! ใครที่ไหนจะดีเหมือนนางฟ้ามธุรินล่ะ”
กานนดึงแขนม่านมัสลินไว้อย่างแรง จนเธอเสียหลักเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยเสียๆ พวกนี้เสียที”
“ไม่เลิก เลิกไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่นิสัย แต่กลายเป็นสันดานไปแล้ว” ม่านมัสลินพยายามผลักกานนออก “ปล่อย ฉันจะรีบไปหาคุณยาย”
กานนค่อยๆ คลายแขนออก ม่านมัสลินรีบเดินไป กานนมองตามแล้วค่อยๆ เดินตามกลับเข้าไป ขณะนั้นปิ่นกำลังช่วยพยุงม่านมุกลุกขึ้น
“คุณยายเรียกมัสทำไมหรือคะ”
“ยายจะขึ้นเอนหลังข้างบน หลานๆ พักผ่อนกันตามสบายนะ”
กานนกำลังจะขอบคุณ แต่มัสลินรีบพูดขึ้นก่อน
“คุณกานนกำลังจะกลับพอดีเลยคะ”
กานนสะดุ้ง หันมามองม่านมัสลิน
“อ้าว! ทำไมจะรีบกลับล่ะ ว่าจะชวนกินข้าวเย็นด้วยกันเลย”
“งั้นผมเปลี่ยนใจไม่กลับแล้วครับ” ม่านมัสลินซึ่งกำลังยิ้มชอบอกชอบใจ เป็นฝ่ายหันขวับมามองกานนบ้าง “คุณยายอุตส่าห์ชวนทานข้าวเย็นทั้งที จริงไหมครับคุณมัสลิน”
“มันต้องอย่างนี้ซิ คุยกันฉันท์พี่น้องไปก่อนนะ”
“ครับ”
“ปิ่นจะผัดหมี่กรอบชาววังด้วยค่ะ”
“ดีครับ ผมชอบ”
ปิ่นพาม่านมุกเดินออกไป
“คุณอยากอยู่ใช่มั๊ย ฉันจะกลับ”
“ไม่กลัวคุณยายคุณจะเสียใจหรือ”
ม่านมัสลินนิ่งไป มีเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ทั้งคู่เบือนหน้าไปมองพร้อมๆ กันพอดี
“แม่มั้ง แต่ปกติแม่จะบีบแตร” ม่านมัสลินพูดยังไม่ทันจบ กานนเดินไปที่หน้าต่างอย่างระมัดระวังตัวจึงเห็นนักข่าวยืนอยู่ “ใครคะ”
“น่าจะเป็นนักข่าว คุณขึ้นไปตามปิ่นมาซิ”
มัสลินรีบเดินขึ้นไป มีเสียงกริ่งดังขึ้นอีก
ปิ่นกำลังห่มผ้าแพรให้ม่านมุกขณะที่มัสลินเดินเข้ามา
“ใครมาหรือลูก”
“ไม่ทราบค่ะ ปิ่น ลงไปช่วยดูหน่อยซิ”
“ค่ะ”
ปิ่นเดินออกไป ม่านมุกลุกขึ้นนั่ง
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ คุณยายนอนพักดีกว่า”
“มัสอย่าปิดยายเลยลูก เล่ามาเถอะ”
ม่านมัสลินก้มหน้าลงครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างตัดสินใจ
ปิ่นลงมาข้างล่าง กานนจึงกำชับกับปิ่นไม่ให้บอกนักข่าวว่าม่านมัสลินอยู่ที่นี่
“อย่าบอกเป็นอันขาดว่ามัสลินอยู่ที่นี่”
“แล้วถ้าเขาถามถึงรถคุณกานนล่ะคะ”
“ก็บอกว่าฉันมาเยี่ยมคุณย่าน้อย ถ้ายังไม่เชื่ออีก ฉันจะจัดการเอง”
“ค่ะ”
“ตั้งสติให้ดี อย่าหลงไปกับคำถามเด็ดขาด”
ปิ่นพยักหน้าสูดลมหายใจยาว แล้วเดินออกไป กานนหลบมุมแอบมอง...ปิ่นคุยกับนักข่าวด้วยท่าทีปกติ

+ + + + + + + + + + + +

ม่านมุกพยักหน้าช้าๆ หลังจากม่านมัสลินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“พวกนี้มันมีความพยายามจะทำลายจริงๆ ก็ยังอุตส่าห์มีคลิป 2 คลิป 3 สักวันหนึ่ง เวรกรรมมันต้องตามสนอง”
มีเสียงเคาะแระตูเบาๆ ม่านมัสลินเดินไปเปิด
“พวกนักข่าวไปแล้ว แต่คิดว่าเดี๋ยวมีใครมาคอยเฝ้าแน่ๆ ผมจะพามัสลินไปก่อน”
“คนเราหนีไม่ได้ตลอดไปหรอกค่ะ มัสจะให้สัมภาษณ์จะได้หมดเรื่องหมดราวไปเสียที”
“ยายเห็นด้วย”
“แต่ไม่ใช่ที่นี่ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นคุณกานนรู้เห็นเป็นใจช่วยมัสเรื่องจะยิ่งลุกลามไปกันใหญ่ ...มัสจะไปขอความช่วยเหลือจากกองถ่าย”
“งั้นก็ไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ได้ค่ะ คุณกานนต้องอยู่ที่นี่ก่อน มัสจะไปแท็กซี่”
“ผมจะไปกับคุณ ใครจะลืออะไรก็ให้ลือไป เราไปห้ามเขาไม่ได้”
“ยายก็เห็นด้วยอีกเหมือนกันจะทำอะไรก็รีบตัดสินใจ”
“งั้นมัสกลับก่อนนะคะ นึกว่าจะไม่มีใครตามมาถูกเสียแล้ว”
“ไปเถอะลูก”
กานนกับม่านมัสลินกราบม่านมุก แล้วเดินออกไป ม่านมุกมองตามอย่างครุ่นคิด

พอออกจากบ้านสวนม่านมัสลินกำลังโทรศัพท์ขณะที่กานนขับรถพลางฟังพลาง
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้นะคะ”
ม่านมัสลินปิดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าผิดหวังพลางถอนใจยาว
“ไม่สำเร็จงั้นหรือ”
“ค่ะ วันนี้หยุดกอง ผู้กำกับพาลูกเมียไปเที่ยวต่างจังหวัด ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว”
“งั้นไปพบคุณแตงที่สถานีเลยไหม”
“คุณแตงไปอเมริกาเมื่อวาน มัสเองก็เพิ่งเล่นละครเรื่องแรก จะประสบความสำเร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยไม่อยากรบกวน”
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมจัดการเอง”
“ทำยังไงค่ะ”
กานนไม่ตอบแต่กดโทรศัพท์ทันที
“สวัสดีครับคุณอา ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือครับ”
ม่านมัสลินมองหน้ากานนอย่างระแวง
“คุณอาไหนคะ”
กานนไม่ตอบ
“คืออย่างนี้ครับคุณอา”
กานนคุยโทรศัพท์ต่อจากนั้นก็ขับรถพาม่านมัสลินมาที่สตูดิโอ
“ฉันไม่ลง คุณอยากจะลงเชิญลงไปคนเดียว”
ม่านมัสลินบอกเมื่อกานนจอดรถ
“มัสลิน ผมอุตส่าห์อธิบายมาตลอดทาง ทำไมคุณไม่ยอมเข้าใจบ้าง”
“ลูกเขาเกลียดฉัน แม่เขาจะชอบขี้หน้าฉันได้ยังไง ป่านนี้เขาคงโทรบอกกันแล้วหัวเราะเยาะฉันไปแล้ว”
“คุณบัวบงกชไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“ฉันไม่เชื่อ”
กานนเปิดประตูลงจากรถ ม่านมัสลินมองตามอย่างแปลกใจ แล้วสะดุ้งเมื่อกานนอ้อมมาเปิดประตูให้
“ลงมา”
“ไม่”
กานนก้มลงจะช้อนตัว แต่ม่านมัสลินยึดพนักพิงแน่น
“จะทำอะไรน่ะ”
“ก็จะอุ้มคุณเข้าสตูไง”
“บ้า ฉันเดินเองได้”
กานนถอยออกมา ม่านมัสลินก้าวลงจากรถ หน้างอกระแทกเท้าอย่างหงุดหงิด
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย แล้วตามผมมา อย่าเบี้ยวเด็ดขาด”
กานนเดินนำออกไป ม่านมัสลินเดินตามหน้างอหงิก

+ + + + + + + + + + + +

กานนพามัสลินมาที่ห้องทำงานบัวบงกช บัวบงกชเปิดประตูรับทั้งคู่อย่างยินดี
“มากันแล้ว แต่งหน้าทำผมในห้องนี้เลย”
“ผมออกไปรอข้างนอกนะครับ”
“ค่ะ”
กานนหันมองม่านมัสลิน
“อย่าดื้อกับคุณบัวนะ”
กานนเดินออกไปแล้วปิดประตู ช่างแต่หน้าทำผมลงมือแต่งหน้าทำผมให้มัสลินทันที
“ระหว่างหนูแต่งตัว เอ้อ อาจะช่วยบริ๊ฟให้นะจ๊ะ”
“ไม่ต้องค่ะ ดิฉันเตรียมมาระหว่างทางแล้ว”
บัวบงกชหน้าเสียเล็กน้อย
“งั้นก็ไม่เป็นไร”
บัวบงกชถอยมานั่งมองม่านมัสลินด้วยความรัก ซาบซึ้งใจ
+ + + + + + + + + ++ +
เตชยังนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ แต่แล้วมีเสียงเคาะประตูเบาๆ แต่รีบร้อน เตชเงยหน้าขึ้น ขณะที่ทิพย์เปิดประตูเข้ามาสีหน้าตื่นเต้น
“คุณเตชคะ เปิดทีวีช่อง 7 ซิค่ะ”
“ทำไม มีอะไรหรือ”
“เปิดเถอะค่ะ”
เตชกดรีโมทแล้วชะงักเมื่อเห็นม่านมัสลินกำลังแถลงข่าวโดยมีบัวบงกชอยู่ข้างๆ เตชขบกรามแน่น
“ทำไมต้องออกมาเสนอหน้ากับเขาด้วย”
“เป็นรายการของคุณบัวค่ะ”
ทิพย์บอกซึ่งขณะนั้นม่านมัสลินกำลังแถลงข่าวเรื่องคลิปที่ออกมา
“มัสขอยืนยันว่า ผู้หญิงในคลิปนั้น ไม่ใช่มัสอย่างแน่นอน”
“น้องมัสเห็นคลิปหรือยังคะ”
“ยังค่ะ แล้วก็ไม่อยากเห็นด้วย”
“ครั้งนี้จะมีใส่บิกินี่เปรียบเทียบอีกมั้ยค่ะ”
“ไม่ค่ะ เพราะมัสคิดว่าไม่จำเป็น มัสพิสูจน์ตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว”
“ดิฉันขอยืนยันอีกคนค่ะว่า คุณม่านมัสลินไม่มีวันทำลายตัวเอง เขากำลังมีอนาคตที่ดีรอยู่ ครอบครัวเธอก็เป็นครอบครัวใหญ่ มีกิจการเป็นของตัวเอง คลิปนี้น่าจะเป็นการแก้แค้นของคนร้ายที่พยายามทำลายมัสลินในคลิปแรก แต่ไม่สำเร็จ”
“พอจะทราบไหมค่ะว่า คนร้ายนั้นเป็นใคร”
“ทราบค่ะ และมัสก็กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่”
ม่านมัสลินบอกเสียงหนักแน่น เตชกดรีโมทปิดทีวีทันที สีหน้าแววตาหงุดหงิดเต็มที่

มธุรินกำลังนั่งดูการแถลงข่าวของมัสลินอยู่ที่ห้องทำงานตัวเองเหมือนกัน คำพูดของบัวบงกชที่ช่วยยืนยันว่าคลิปที่ออกมาไม่ใช่ม่านมัสลินทำให้มธุรินต้องปิดรีโมททั้งน้ำตา
“ทำไมคุณแม่ต้องปกป้องมันขนาดนี้ด้วย”
มธุรินลุกเดินออกไป
มธุรินเดินเข้ามาในห้องทำงานเตช น้ำตาพร่างพรูทันทีที่เปิดประตู
“คุณพ่อขา”
เตชลุกเดินมาโอบลูกไว้อย่างอ่อนโยน
“ลูกเดียร์”
“ทำไมคุณแม่ทำอย่างนั้น ทำไมคุณแม่ถึงต้องคอยปกป้องมันยิ่งกว่าเดียร์อีก”
เตชแค้นใจแต่พยายามปลอบโยนลูก
“แม่เขาเป็นคนยุติธรรม ขี้สงสารชอบช่วยเหลือคนกำลังทุกข์ เดียร์ก็รู้นี่ลูก”
“แต่นี่มันเกินไปหรือว่ามันเป็นลูกคุณแม่กับแฟนเก่าจริงๆ” เตชชะงัก สีหน้าเคร่งเครียดถมึงทึง ขณะเดินไปยืนหันหลังให้ลูก “ใช่มั้ยคะ คุณพ่อ”
“ไม่ใช่”
“แล้วทำไม”
คราวนี้เตชหันขวับมาอย่างหงุดหงิด “ทำไมไม่ไปถามเขาเองล่ะ”
“คุณพ่อ”
มธุรินสะอื้น เตชจึงเริ่มรู้สึกตัว
“พ่อขอโทษ พ่อไม่ควรหงุดหงิดกับลูก โดยเฉพาะในเวลาอย่างนี้”
“เดียร์เกลียดมัน เกลียดนังมัสลิน มันแย่งทุกอย่างไปจากเดียร์ ทั้งกานน คุณแม่ เดียร์เหลือแค่คุณพ่อคนเดียวเท่านั้น”
มธุรินสะอื้น เตชกอดลูกอย่างเวทนา

+ + + + + + + + + + + +

กานนนั่งรออยู่ในห้องด้วยความกระวนกระวาย บัวบงกชพาม่านมัสลินเดินเข้ามา บัวบงกชดูโล่งใจ ดีใจที่ได้มีโอกาสช่วยลูก
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
“ตอนนี้นักข่าวยังอยู่ข้างนอกกันหลายคน อาว่าเราสั่งอะไรมาทานกันในนี้ดีไหม”
กานนถามม่านมัสลินอย่างอ่อนโยน
“หิวหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ มัสอยากกลับบ้าน”
“ก็คุณอาเพิ่งบอกว่าข้างนอกยังมีนักข่าว”
“เอาอย่างนี้ อาจะให้เด็กไปซื้อขนมกับผลไม้มาทานกัน อีกสักประเดี๋ยวก็คงไปกันแล้ว”
บัวบงกชเดินออกไป
“ทำไมถึงได้ทำหมางเมินกับคุณอา ท่านทุ่มสุดตัว เพื่อช่วยคุณโดยไม่กลัวปัญหาที่จะตามมาเลย”
“ปัญหาเรื่องสามีกับลูกของเขาจะไม่พอใจน่ะหรือค่ะ”
“ใช่ ผมยืนยันได้เลยว่าคุณอาจริงใจกับคุณมาก ผมไม่อยากให้คุณเอาเรื่องที่คุณไม่พอใจคุณอาเตชกับเดียร์มาปนกับเรื่องที่คุณอาบัวช่วยคุณ มันไม่ยุติธรรม”
บัวบงกชเปิดประตูเดินเข้ามา กานนพยักหน้ากับม่านมัสลิน ม่านมัสลินจึงยกมือไหว้ขอบคุณบัวบงกช
“ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยดิฉัน”
บัวบงกชโอบกอดมัสลินไว้ด้วยอย่างชื่นอกชื่นใจ
“ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เป็นไร”
มัสลินมีสีหน้าท่าทางอึดอัด กานนมองภาพนั้นเหมือนจะเอาใจช่วยบัวบงกช

+ + + + + + + + + + + +

มธุรินเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานอย่างหงอยๆ ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่ง น้ำตาที่แห้งแล้วไหลออกมาใหม่ มธุรินนั่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งแล้วมีเสียงเคาะประตูเบาๆ มธุรินรีบเช็ดน้ำตา แต่พิณสุดาเปิดประตูเข้ามาอย่างแจ่มใส
“เดียร์ อ้าว! ร้องไห้ทำไม”
“เปล่า”
“รู้แล้ว เรื่องที่คุณแม่เธอออกมาปกป้องนังมัสลินจนเกินงามใช่มั้ยล่ะ”
“กิ๊บ เรื่องที่แกค้นมาจากเน็ตน่ะ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
“ไม่รู้ แต่อย่างน้อยข้อมูลก็ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ทำไม แกไม่อยากเป็นพี่น้องท้องเดียวกับนังมัสหรอกเรอะ”
“ฉันเกลียดมัน”
พิณสุดาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“มันก็น่าอยู่หร้อก ก็แม่แกเล่นปกป้องมันซะ ขนาดนั้น ไม่เป็นไร ฉันยังเหลือคลิปมัสลิน 3 ที่จะเปิดอีก”
“พอแล้วมั้ง”
“สงสาร เห็นอกเห็นใจมันขึ้นมาตามประสาพี่น้องแล้วล่ะซิ”
“เลิกพูดเรื่องนี้เสียทีได้ไหม ฉันไม่อยากฟัง” มธุรินอุดหู
“เย็นนี้ฉันจะเลี้ยงฉลองความสำเร็จ แกไปด้วยนะ” มธุรินขยับจะปฏิเสธ แต่พิณสุดาพูดขึ้นก่อน “ห้ามปฏิเสธ ยังไงแกก็ต้องไป หุ้นส่วน”
มธุรินเม้มปาก ขณะที่พิณสุดาหัวเราะคิกคัก

+ + + + + + + + + + + +

กานนกลับเข้าออฟฟิศแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นกุเทพนั่งรออยู่
“อาปลิว หายไปแต่เช้า”
“อาก๋งให้ไปดูแลมัสลิน”
“ถึงท่านไม่บอกก็ต้องไปอยู่แล้ว จริงมั้ย”
“นายมาหาเรื่องฉันเรอะ”
กุเทพแค่นหัวเราะตัวเอง
“ผมมันช้ากว่าอาปลิวก้าวหนึ่งเสมอ สมน้ำหน้าตัวเอง”
“กุเทพ”
“ดีใจด้วย ที่ได้หน้าไปเต็มๆ”
กุเทพลุกเดินไปที่ประตู
“นายกำลังเข้าใจผิด”
“ไม่ผิดหรอก คุณอาผู้ทรยศ”
กุเทพเปิดประตูเดินออกไป กานนมองตามด้วยความหนักใจ

ส่วนม่านมัสลินเมื่อกลับเข้าบ้านก็เจอจิรดาด่าทอต่อว่าทันที
“มันเรื่องอะไรที่ต้องเสนอหน้าไปแก้ตัวในรายการของแม่บังบงกชนั่น”
“ไม่ได้เสนอหน้าค่ะ แต่เขายื่นข้อเสนอมาเอง”
“เขาเสนอ แกไม่จำเป็นต้องสนอง”
“มันเกี่ยวกับชื่อเสียงของมัสนะคะ แม่”
“แล้วทีนี้ แกก็ต้องเป็นหนี้บุญคุณเขา ต้องไปออกรายการเขาล่ะซิ”
“คุณบัวบงกชเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรมัสเลยค่ะ”
“เออ ปลื้มเปรมกันเข้าไป แม่นักบุญคุณโทษนั่นกลายเป็นคนที่แตะต้องไม่ได้”
ม่านมัสลินลอบถอนใจ
“มัสขอขึ้นไปนอนพักก่อนนะคะ”
“ทำไม ไปคุยกับนังนั่นมาแล้วคุยกับฉันไม่ได้ใช่ไหม”
“แม่อย่าเพิ่งหาเรื่องมัสเลย มัสเหนื่อยจริงๆ”
ม่านมัสลินรีบเดินขึ้นข้างบน
“มัสลิน นังมัส ลงมาเดี๋ยวนี้ ฉันยังพูดไม่จบ” จิรดาตะโกนตามหลังมา
พัดกับแป้นค่อยๆ ออกมา
“คุณดาคะ”
จิรดาหันขวับมาตวาดทันที
“อะไร”
“คุณมัสเธอเหนื่อย”
จิรดาชี้หน้าทันที
“กลับเข้าครัวไปเลย กลับไป๊”
แป้นกับพัดค่อยๆ ถอยร่นกลับเข้าครัว
“ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย ไม่มีเลย”
จิรดาตะโกนอย่างโมโหก่อนจะตัดสินใจออกจากบ้าน

ขณะนั้นบัวบงกชกำลังนั่งดูตารางงานอยู่ที่สตูดิโอแต่แล้วจู่ๆ จิรดาก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามา ติดตามด้วยเลขาของบัวบงกชที่หน้าตาตื่น
“หนูพยายามห้ามแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไร ไปเถอะ”
บัวบงกชบอกอย่างใจเย็น
“ค่ะ”
เลขาออกแล้วปิดประตูให้เรียบร้อย บัวบงกชเบือนหน้ามามองจิรดา
“แกคิดจะทำอะไร”
“หมายความว่ายังไง”
“ไม่ต้องมาตีหน้าแสนดีเป็นเทวดานางฟ้าเลย แกต้องการจะแย่งมัสลินไปจากฉันใช่ไหม แกพยายามทำดีกับมัน ช่วยเหลือมัน”
“เปล่าเลย ฉันทำไปเพราะต้องการช่วยมัสลินจริงๆ”
“เรอะ ทำไมฉันถึงไม่เชื่อเลยล่ะ”
“นั่นมันสุดแล้วแต่เธอ”
“อย่าล้ำเส้นอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะยุยงให้นังมัสมันเกลียดแก เกลียดมากกว่านี้อีกไม่รู้กี่เท่า อย่านึกนะว่าฉันทำไม่ได้นะ” จิรดาชี้หน้าบัวบงกช
“ฉันหวังดีจริงๆ ไม่เชื่อถามคุณกานนดูก็ได้”
“นายคนนั้นอีกคน เจ้ากี้เจ้าการดีนัก จำใส่หัวเอาไว้เลย”

จิรดาเดินพรวดพราดออกไป บัวบงกชมองตามอย่างหนักใจ

โปรดติดตามอ่านต่อหน้า 2







ในรอยรัก
ตอนที่ 27 (ต่อ)

เย็นวันเดียวกันนั้น กุเทพนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่แล้วกุเทพก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงพิณสุดา

“เอาโต๊ะนั้นดีกว่า”
กุเทพพยายามบังตัว เมื่อทั้งหมดเดินเข้ามานั่งโต๊ะไม่ห่างนัก
“พวกแกกินกันเต็มที่เลยนะ พี่เดียร์เขาเลี้ยงที่ทำสำเร็จด้วยดี” พิณสุดาบอก
“กิ๊บ ฉันไม่เกี่ยว” มธุรินรีบบอก
“แกเป็นคนได้ประโยชน์ ไม่เกี่ยวไม่ได้”
บริกรเข้ามารอรับออร์เดอร์ ขณะที่พีระพลอ่านเมนู
“โก้ สั่งเลย” ศิธาบอกพีระพลวางเมนูลง
“เอาอย่างนี้ดีกว่า เอาจานเด็ดของร้านมาทุกจานเลย”
“ครับ” บริกรเดินออกไป
“ไม่เอาน่าเดียร์ ทำหน้าดีๆ หน่อยซิ”
“น้อง เช็คบิล”
กุเทพเรียกพนักงาน ทุกคนสะดุ้ง หันไปมองเห็นบริกรกำลังหยิบบิลไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์ กุเทพมองกลุ่มพิณสุดาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะที่พิณสุดา มธุริน หน้าเสีย กลืนน้ำลาย

กุเทพกับเพื่อนๆ เดินออกมาจากร้านอาหาร พิณสุดารีบเดินตามออกมาร้องเรียก
“กุเทพ”
กุเทพพยักหน้ากับเพื่อน เพื่อนๆ แยกตัวไป
“เอ้อ คุณมาทานข้าวที่นี่เหมือนกันหรือคะ”
พิณสุดาถามเมื่อเดินเข้ามาหากุเทพ
“ใช่”
“เดียร์เขาชวนกิ๊บกับน้องๆ มาเลี้ยงน่ะค่ะ”
“เนื่องในโอกาสอะไร”
“คุณต้องถามเขาเอาเอง กิ๊บพูดไม่ได้”
“เกี่ยวกับมัสลินหรือเปล่า”
“กิ๊บบอกไม่ได้จริงค่ะ เดียร์เป็นเพื่อนกิ๊บ กิ๊บต้องปกป้องเพื่อน”
“ผมต้องกลับแล้ว”
“แล้วกิ๊บจะโทรไปหานะคะ”
กุเทพเดินไป พิณสุดามองตามยิ้มๆ

พิณสุดาเดินกลับเข้ามาในร้าน พร้อมปั้นสีหน้ากังวล
“เขาว่าไง” มธุรินรีบถาม
“ดูเหมือนเขาจะคิดว่า พวกเรามีส่วนเกี่ยวข้อง”
“ฉันไม่เกี่ยว”
“ฉันรู้ แล้วฉันก็พยายามแก้ให้แกทุกอย่าง”
มธุรินเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์
“พี่เดียร์จะทำอะไรน่ะ” ศิธาถาม
“โทรถึงกุเทพ”
“โทร ว่าไง” ทุกคนถามออกมาพร้อมกัน
“ฉันจะบอกเขาว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไร”
พิณสุดาเก็บมือถือมธุรินเข้ากระเป๋า
“ฟังให้ดีนะ เดียร์ บางทีกุเทพเขาอาจะไม่ได้คิดไกลไปถึงขนาดนั้นก็ได้”
“แล้วแกตามเขาออกไปทำไม”
“ก็แค่ไปหยั่งเชิงดู”
“ถ้ารู้ พวกเราก็ยืนกรานปฏิเสธ ไม่เห็นจะยาก”
“ใช่ พี่กิ๊บกับพี่เดียร์ร้อนตัวกันไปเอง”
“ใช่ เราอาจจะร้อนตัวกันไปเอง ใจเย็นๆ นะเดียร์ ไม่ว่าเขาจะถาม จะสงสัยอะไร เราต้องแท็คทีมกันปฏิเสธ โอเค้”
มธุรินยังมีสีหน้ากลัดกลุ้ม

คืนนั้นบัวบงกชนั่งนั่งดูทีวีรอมธุรินโดยมีแววนั่งเป็นเพื่อน เสียงแตรรถดังขึ้น บัวบงกชโล่งใจ
“กลับมาแล้ว” มธุรินเดินเข้าบ้านมา “ไปไหนมาลูก”
บัวบงกชถามแต่มธุรินไม่ตอบ เดินขึ้นข้างบนไปเลย บัวบงกชนิ่วหน้าเดินตาม
มธุรินกำลังจะเปิดประตูห้องขณะที่บัวบงกชเรียกไว้
“ลูกเดียร์”
มธุรินหันขวับมาทันที
“คุณแม่ทำอย่างนั้นทำไม” บัวบงกชนิ่งอึ้ง “คุณแม่อุตส่าห์จับมันยัดเยียดใส่รายการของตัวเอง ออกโรงปกป้องมันโดยไม่นึกถึงคุณพ่อกับเดียร์เลย เดียร์ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
“มัสลินเป็นเด็กผู้หญิงอายุใกล้เคียงกับลูก”
“อายุใกล้เคียงกับลูก หรือว่าเป็นลูกของคุณแม่กันแน่คะ”
คำถามนี้ทำให้บัวบงกชถึงกับอึ้ง
“เดียร์”
“คุณแม่ทำให้คุณพ่อกับเดียร์ทั้งเจ็บปวด ทั้งอับอาย โดยเฉพาะคุณพ่อ เดียร์รู้ว่าท่านรักคุณแม่มาก แต่คุณแม่กลับไม่สนใจท่านเลย คุณแม่ใจดำที่สุด หลังจากวันนี้ไป หลังจากที่คุณแม่ออกมาปกป้องนังมัสลินยิ่งกว่าลูก คุณพ่อจะต้องเจอสายตาทุกสายตาที่มองเหมือนถามคุณพ่อว่า ภรรยาคุณมีชู้หรือเปล่า”
บัวบงกชเซผงะไปด้วยความตกใจ มธุรินเดินกลับเข้าห้อง

บัวบงกชกลับเข้าห้องตัวเองแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรง ขณะนั้นมีเสียง
โทรศัพท์ดังขึ้น บัวบงกชเดินมาหยิบ แล้วทอดถอนใจเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา
“คุณมีธุระอะไรกับฉัน”
เตชอยู่ที่ออฟฟิศมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะคุยโทรศัพท์กับบัวบงกช
“คุณต้องการหย่ากับผมใช่ไหม” บัวบงกชนิ่งอึ้ง ตกใจอย่างไม่คาดคิด
“เอาไว้ให้เรื่องนี้ซาไปสักพัก แล้วเราจะหย่ากันเงียบๆ เพราะจะได้กระทบกระเทือนคุณน้อยที่สุด”
“เตช” บัวบงกชอุทาน
“ผมรู้แล้วว่าการที่ได้แต่ตัวคุณ แต่ไม่ได้หัวใจมาด้วย มันเจ็บปวดขนาดไหน คุณชนะแล้วบัว ผมขอโทษ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”
เตชปิดโทรศัพท์วางลง แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปอย่างเศร้าๆ เตชค่อยๆ ขบกรามแน่น
“ภาษิต แกได้เมียฉันไป ฉันก็ได้เมียแกมาเหมือนกัน”

เตชหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่แล้วกดหาจิรดา ซึ่งขณะนั้นดูคิวงานของมัสลิน
“พรุ่งนี้ 11 โมงมีงานอีเว้นท์”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จิรดาหยิบมาดู ขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อสายตา
“ฮัลโหล”
“พรุ่งนี้คุณว่างหรือเปล่า”
“จะทำไม หรือว่าโดนเมียทิ้ง เลยคิดจะมาหาเศษหาเลยกับฉันอีก”
“เราก็โดนทิ้งทั้ง 2 คนนั่นแหละ ต่างกันที่ว่า ผมโดนทิ้งทั้งเป็น ส่วนคุณสามีตาย”
จิรดาหัวเราะ
“ฉันถูกทิ้ง มาตั้งแต่เขายังไม่ตายเลย”
“งั้นเราต้องไปฉลอง”
“ที่ไหน ยุโรปหรือว่าอเมริกา”
“ในเมืองไทยนี่แหละ แค่กินข้าวกัน แล้วก็คุยปรับทุกข์ตามประสาคนถูกทิ้งด้วยกัน”
จิรดายิ้มนิดๆ สะใจลึกๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่พัดกำลังดูแลม่านมัสลินทานอาหารเช้า พัดก็ต้องชะงักเมื่อเห็นจิรดาแต่งตัวจัดเต็มเดินลงมา
“โอ้โฮ จะไปไหนคะแม่”
ม่านมัสลินถามอย่างแปลกใจ
“ทำผม ทำเล็บ แล้วก็ไปเที่ยว พัด ไปดูซิว่าคนรถมาหรือยัง”
“คนรถ”
ม่านมัสลินกับพัดถามออกมาพร้อมกัน
“ก็สุมานที่ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างไง”
“ก็ไหนคุณตาบอกว่า ให้แม่เรียกคนรถที่บ้านท่าน”
“ไม่มีวัน เดี๋ยวแม่อุษยาจะมานั่งทำตาประหลับประเหลือกอีก” เสียงกริ่งประตูดังขึ้น

“อ้อ คงจะมาแล้ว ฉันไปละ วันนี้ได้ฤกษ์นั่งรถใหม่เสียที แป้น แป้นเอ๊ย! ไปเปิดประตูหน่อย”
“ค่ะ” แป้นรีบออกมาแล้วชะงัก “โอ้โห คุณผู้หญิงจะไปงานราตรีสโมสรที่ไหนคะ”
“จะบ้าเรอะ นังแป้น สว่างโร่อย่างงี้ จะไปงานสโมสรได้ไง”
จิรดาเดินออกไป แป้นรีบตาม
“คุณมัสคิดเหมือนพัดมั้ยคะ”
ม่านมัสลินมีสีหน้ากังวล

จิรดามาที่ออฟฟิศของเตช ทุกคนมองจิรดาอย่างตกตะลึง จิรดาเดินแบบเยื้องย่างตรงมาที่หน้าห้องเตช เลขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
“เจ้านายเธอเชิญฉันมาที่นี่”
เลขามองจิรดาด้วยความรู้สึกมึนงง ก่อนที่จะเข้าไปบอกเรื่องจิรดา เตชลุกขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“บ้าจริง”
“จะให้เชิญออกไปไหมค่ะ”
“บ้าเหรอ! รีบไปตามเข้ามา”
“ค่ะ” เลขารีบออกไป
“เดี๋ยวลูกเดียร์เห็นได้ไปกันใหญ่หรอก”
เตชบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด
จิรดาอยู่หน้าห้องเตช มองเลขาด้วยหางตา
“ว่ายังไง จ๊ะ”
“ท่านให้เชิญเข้าไปข้างในค่ะ”
จิรดาเหยียดยิ้มแล้วเดินไปที่ประตู
“เปิดซิจ๊ะ”
จิรดาหันมาบอกเลขา เลขาเดินมาเปิดประตูให้ จิรดาเดินนวยนาดเข้าไป

“คุณมาที่นี่ทำไม”
เตชถามทันทีเมื่อจิรดาเข้ามาในห้องและประตูห้องปิดลง
“อ๊าย! แล้วจะให้เดินไปนั่งรอที่ไหนล่ะ! อย่าลืมว่าคุณเป็นคนนัดฉันเองนะ”
“ผมนัดที่ร้าน ไม่ใช่ที่นี่”
จิรดาท้าวสะเอวแหวทันทีอย่างลืมตัว
“จะเอายังไงกันแน่ย่ะ...ฉันไม่ใช่จิรดาคนเดิมแล้วนะ”
เตชสะดุ้งแล้วรีบประนีประนอม
“โอเค! โอเค! รอเดี๋ยวให้ผมเซ็นชื่อเดี๋ยวเดียว แล้วค่อยออกไป”
จิรดาทรุดตัวลงนั่ง
“ไม่เป็นไรไม่ต้องรีบ”
เตชลอบถอนหายใจตั้งท่าจะเซ็นชื่อต่อ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
“ไปเดี๋ยวนี้ดีกว่า ไป”
“กลัวเมียคุณมาเห็นอีกละซี้”
“ไปเถอะน่า!”
เตชจับแขนจิรดา แต่จิรดาขืนตัวไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรอีกล่ะ”
“ถ้าจะกลับมาคบกันคราวนี้ ทุกอย่างต้องเปิดเผย”
“เปิดเข้าไปได้ยังไง คุณไม่เกรงใจลูกคุณเหรอ”
“ไม่ ฉันเลี้ยงลูกให้เป็นลูก ไม่ได้เลี้ยงให้เป็นแม่”
“เอาอย่างนี้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีกว่า”
จิรดาดึงแขนออกมา
“ฉันไม่ใช่ของตาย จำเอาไว้”

จิรดาเดินออกไป เตชส่ายหน้าแล้วเดินตามออกไป ด้วยความรีบร้อนกลัวว่ามธุรินจะเข้ามาเห็น จนทำให้ลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วย
เตชก้าวออกมาจากห้องสั่งเลขาเบาๆ
“ถ้าใครถาม บอกว่าผมไปกับลูกค้านะ”
“ค่ะ”
เตชเดินตามจิรดาไปที่ลิฟท์ เตชกับจิดราเข้าลิฟท์ไปเพียงครู่เดียว มธุรินก็เดิน
ตรงมาหน้าห้อง
“คุณพ่อไม่อยู่ค่ะ”
เลขารีบบอก
“อ้าวไปไหนหล่ะ”
“ออกไปกับลูกค้าค่ะ”
“ไม่เห็นบอกเดียร์เลย”
เลขายิ้มแบบไม่รู้จะพูดยังไงดี มธุรินเดินกลับเข้าห้องแล้วหยิบโทรศัพท์มาโทรหาพ่อเสียงสัญญาณรับดังขึ้นแต่ไม่มีคนรับ มธุรินวางโทรศัพท์ลงอย่างหงุดหงิด
“ทำไมพ่อไม่รับโทรศัพท์”

จิรดาเดินกลับมาที่รถ แล้วส่งธนบัตรใบละห้าร้อยให้คนขับ
“รอฉันอยู่ที่นี่นะ เอ้า!เอาไว้ซื้ออะไรกิน”
“ครับ”
เตชเดินมาที่รถกดรีโมท ทั้งสองคนขึ้นนั่ง
“ทำไมไม่ให้เขากลับไปก่อน”
“แล้วคุณจะไปส่งฉันเหรอ”
“ผมต้องกลับมาทำงาน คุณก็กลับแท็กซี่ซิสะดวกดี”
“ฉันเลิกขึ้นแท็กซี่แล้ว”
“จริงซิ เป็นลูกเศรษฐีแล้วนิ”
“ฉันไม่ได้ใช้เงินเศรษฐี แต่เงินที่ลูกสาวฉันหามาให้ก็กินไม่หมดแล้ว เลยต้องเอาไปซื้อเพชรซื้อทองเก็บไว้บ้าง”
“อ๋อ! ให้ลูกหาเลี้ยง”
“แหงล่ะ”

เตชขับรถออกไป โดยพาจิรดามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทั้งคู่เดินเข้ามาในร้านเลือกที่นั่งในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
“ทำไมคุณถึงต้องพยายามให้ร้ายลูกฉัน”
“ผมเปล่า”
“โกหก”
“งั้นผมถามคุณบ้าง ม่านมัสลินเป็นลูกแท้ๆ ของคุณหรือเปล่า” จิรดามองหน้าเตชแล้วค่อยๆ ยิ้ม “ผมถามว่าใช่มั้ย”
“คงนึกว่า มัสลินเป็นลูกเมียคุณกับผัวฉันละซิ ทำไม่ถามเมียคุณเองละ”
“ผมอยากรู้จากคุณ”
“มัสลินเป็นลูกฉัน ชัดมั้ย” เตชค่อยๆ ถอนลมหายใจ “โล่งใจละซี”
“สามีคุณเป็นอะไรตาย” เตชถามต่อ
“ขี้เกียจหายใจมั้ง”
คำตอบนี้ทำให้เตชเหมดอารมณ์ที่จะถามต่อ

มธุรินกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มธุรินหยิบขึ้นมามองเบอร์ที่โทรเข้ามาอย่างแปลกใจก่อนกดรับ
“ฮัลโหล” กุเทพนั่นเองที่โทรเข้ามา
“ผมอยากพบคุณหน่อย”
“เดียร์ไม่ว่างค่ะ”
“ผมก็ไม่ได้จะพบตอนนี้นี่”
“ตอนไหนเดียร์ก็ไม่ว่างค่ะ”
“ไม่เป็นไร...แค่ผมว่างก็พอ คุณเตรียมตัวไว้ก็แล้วกัน”
กุเทพวางสาย มธุรินมีสีหน้าเป็นกังวลหวาดระแวงเต็มที่
“กิ๊บนะกิ๊บ! หาเรื่องให้ฉันเดือดร้อนจนได้”

ทางด้านเตชหลังจากทานอาหารเสร็จ กำลังจะหยิบบัตรเครดิต แต่จิรดาหยิบบัตรของเธอส่งให้บริกรก่อน
“ฉันเลี้ยงเองค่ะ”
จิรดาหยิบธนบัตรใบละ 100 วางทิปให้อีก 1 ใบ บริกรโค้งขอบคุณ
“ขอบคุณครับ” บริกรเดินออกไป
“คุณเปลี่ยนไปมาก”
“ในทางที่ดีด้วยค่ะ คุณทะเลาะกับเมียคุณใช่มั้ย”
“เปล่า”
“โกหกอีกละ”
“อย่าลืม เขาสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว”
บริกรนำบัตรและสลิปกลับมา จิรดาเซ็นชื่ออีกครั้ง
“เราจะไปไหนต่อดี”
“ไปบริษัทคุณ แวะเอารถแล้วกลับบ้าน”
“คุณเปลี่ยนไปจริง”
“แน่นอน ฉันต้องรักษาชื่อเสียงของลูกสาวฉันไว้” บริกรเอาบัตรเครดิตมาคืน “ไปค่ะ”
จิรดาเดินนำหน้าไปอย่างสง่า เตชเดินตาม

จิรดาแยกจากเตชก็กลับบ้านจริงตามที่พูด จิรดาเดินเข้าในห้อง วางกระเป๋าลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาบัวบงกชทันที บัวบงกชหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“ฮัลโหล”
“ฉันเพิ่งกลับบ้าน” บัวบงกชมีสีหน้าแปลกใจ “อ๋อ ลืมบอกไป ฉันไปกินข้าวกับสามีคุณมา อะ อะ ขอบอกก่อนว่าฉันเป็นคนเลี้ยงนะ”
“แล้วทำไมไม่ให้เขาเลี้ยงละ”
“ไม่ได้อวดนะ มัสลินลูกสาวฉันมีรายได้ดีมากๆ หามาได้เท่าไหร่ให้ฉันโม้ด เด็กคนนี้มันมีความ...” จิรดาแสยะยิ้ม
“ถึงเวลาเอาคืนแล้ว บัวบงกช”

บัวบงกชเดินกลับเข้าห้องทำงานหลังวางหูจากจิรดา ทรุดตัวลงนั่ง สีหน้าแววตาเหมือนพยายามจะระงับอารมณ์ให้เป็นปกติ
“เพราะอย่างนี้ละซิ คุณถึงขอหย่าฉัน”
บัวบงกชน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความสะเทือนใจ

ระหว่างนั้นกานนมาหาม่านมัสลินที่กองถ่าย คนขับรถของกานนขับรถขับมาช้าๆ หาที่จอด
“จอดตรงนี้แหละ”
“ครับ”
คนขับจอดรถ กานนเปิดประตูลงไป ม่านมัสลินกำลังไหว้ลาทีมงานทุกคนที่กองถ่าย แล้วเดินตรง
“มัสลิน” ม่านมัสลินชะงักหันกลับมา
“คุณอีกแล้ว ไม่รู้จักทำงานทำการบ้างรึไง”
“ผมให้กุเทพทำแทนแล้ว”
“ดีนี่”
“อาก๋ง ท่านอยากพบคุณ” ม่านมัสลินหันหน้ามามองหน้ากานนเป็นเชิงถาม
“จริง ไม่เชื่อเดี๋ยวคุณถามท่านดู”
ม่านมัสลินลังเล กานนดึงกระเป๋าและข้าวของจากมือม่านมัสลิน
“รถอยู่ทางนั้น”
“แล้วรถฉันล่ะ”
“เดี๋ยวให้คนขับผม ขับไปส่งให้ที่บ้าน”
“ฉัน...”
“ไปเถอะน่า เดี๋ยวนักข่าวเห็นไม่รู้ด้วยนะ”
ม่านมัสลินหันไปมอง แล้วรีบเดินไปกับกานนทันที

กานนพาม่านมัสลินมาบ้าน ม่านมัสลินทรุดตัวลงนั่งก้มกราบเจ้าสัวทศที่ตัก แล้วหันไปไหว้อุษยาซึ่งนั่งเมินหน้าไปอีกทางขวางๆ อุษยารับไหว้อย่างแกนๆ
“เจริญสุขลูก” เจ้าสัววางมือบนศีรษะม่านมัสลิน “หายไปหลายวันเชียวนะ จนตาต้องให้เจ้าปลิวไปรับ”
“นี่ก็ไม่ยอมมาเหมือนกันครับ ผมต้องอ้างก๋ง”
ม่านมัสลินหันขวับมาค้อนทำตาเขียวใส่กานน กานนสบตาอย่างล้อเลียน ในขณะที่อุษยาลุกขึ้น
“อ้าว! นั่นจะไปไหนล่ะ”
“ไปพักผ่อนค่ะ คุณพ่อมีเพื่อนคุยเยอะแล้ว”
“ไปพักผ่อนนะได้ แต่อย่าเจ๋อไปชวนคนอื่นอีกล่ะ” เจ้าสัวทศดักคอ
“ก็ถ้าเขามาเองโดยไม่ได้นัดหมายล่ะคะ”
“มันไม่มีมหัศจรรย์วันเดอร์แบบนั้นหรอก” อุษยาเดินออกไป
“นังคนนี้มันเหลือเกินจริงๆ”

พอพ้นสายตาเจ้าสัวทศ อุษยาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหามธุรินทันที ขณะนั้นมธุรินกำลังเดินออกจากออฟฟิศ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นกุเทพยืนรออยู่
“ผมมารับตามสัญญา”
กุเทพบอก พร้อมกับเสียงโทรศัพท์มือถือของมธุรินดังขึ้น มธุรินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“สวัสดีค่ะ”
“หนูเดียร์ มากินข้าวเป็นเพื่อนอาหน่อยได้มั้ยจ๊ะ” มธุรินมองหน้ากุเทพ กุเทพมองเขม็ง มธุรินอึกอัก “ว่าไงจ๊ะ หนูเดียร์”
“เอ้อ..พอดีเดียร์ไม่ว่างค่ะ เพื่อนมารับไปทานข้าว”
กุเทพยิ้มออกมา
“ว้า!..เสียดายจัง บอกเลิกเขาไม่ได้เหรอลูก”
“เขามายืนทำหน้ายักษ์อยู่ตรงนี้แล้วละ”
“งั้นชวนเขามาด้วยก็ได้”
มธุรินมองหน้ากุเทพขณะตอบ
“ถ้าเดียร์พาไปจริงๆ คุณอาจะทานข้าวไม่ลงนะซิคะ เพราะเพื่อนคนนี้เป็นคนมูมมามทานข้าวไม่ใช้ช้อนกลางแถมชอบคุยทั้งๆ ที่ข้าวเต็มปาก น้ำลายกระเด็นลงกับข้าว”
กุเทพนิ่วหน้าขณะฟังมธุรินพูด
“แหวะ! ถ้าอย่างนั้นก็อย่าพามาเลย แล้วหนูก็ไม่ควรคบเพื่อนไร้อารยะอย่างนั้นนะจ๊ะ”
“แน่นอนค่ะ”
มธุรินเก็บโทรศัพท์
“ใครโทรมา”
“ญาติผู้ใหญ่ค่ะ”
“แล้วไอ้เพื่อน คุณบรรยายซะทุเรศเลยนะ”
“หมายถึงคุณค่ะ”
“เฮ้ย!... ผมเนี่ยนะ”
มธุรินยอมขึ้นรถไปกับกุเทพ

ระหว่างนั้นที่บ้านกานน ม่านมัสลินยังนั่งอยู่ในห้องรับแขกกับเจ้าสัวทศและกานน
“กับข้าวยังไม่เสร็จ แกพาน้องไปดูกล้วยไม้ของฉันก่นซิ” เจ้าสัวทศบอกกานนแล้วหันมาทางม่านมัสลิน
“ช่วงนี้กล้วยไม้ออกดอกเรื่อยๆ เต็มไปหมด”
“เอ้อ คุณตาออกไปด้วยซิคะ” ม่านมัสลินชวน
“ตาไม่ค่อยสบายโดนลมแรงๆ บ่อยเข้ามันจะจับไข้ทุกที”
“เชิญครับ” กานนบอก
มัสลินลุกขึ้นเดินตามกานนออกไปอย่างจำใจ เจ้าสัวทศมองตามด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

ทางด้านอุษยาหลังจากมธุรินไม่ว่างมาทานข้าวด้วย เธอก็ไม่ยอมแพ้โทรหาพิณสุดาแทน
“ฮัลโหล คุณย่าขา..คุณย่ามีอะไรจะให้กิ๊บรับใช้หรือคะ”
“มากินข้าวเป็นเพื่อนย่าหน่อยซิ”
“คุณย่าชวนเดียร์รึยังค่ะ”
“ชวนแล้ว แต่เขาติดนัดกับเพื่อน”
“เอ๊ะ! เพื่อนที่ไหนกัน”
“ย่าก็ไม่รู้แต่เห็นบรรยายว่าสกปรกโสโครกจนย่าคลื่นไส้ ก็ไม่รู้หนูเดียร์ไปเป็นเพื่อกับคนแบบนี้ได้ยังไง หนูกิ๊บรู้จักมั้ยจ๊ะ”
แววตาพิณสุดาเป็นประกายแว่บนึง
“อ๋อ!คิดว่ารู้จักค่ะ”
“ตกลงหนูมาบ้านย่านะ”
“ต้องขอประทานโทษจริงๆ ค่ะ คืนนี้กิ๊บต้องเฝ้าบ้าน นายโก้เขาค้างที่ออฟฟิศค่ะ เห็นบอกว่ามีงานค้างเยอะ”
“จ้า!”
“เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะค่ะ รับรองว่ากิ๊บไม่พลาดแน่”
“จ๊ะ ไม่ว่างก็ไม่ว่าง” อุษยาปิดโทรศัพท์พร้อมกับบ่นออกมา “ไม่ว่างกันหมด”
พิณสุดาเม้มปากอย่างเจ็บใจ
“ต้องเป็นกุเทพแน่ๆ! พลาดจากอาจะมาเอาหลาน มักง่ายไปหน่อยมั้งนังเดียร์”

กานนพาม่านมัสลินออกมาเดินในสวน พูดเรื่องคลิปที่กำลังปล่อยออกมา
“คลิปที่ออกมาคราวนี้ ดูเหมือนคนไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่นะ”
ม่านมัสลินมีสีหน้าขรึมลง
“แต่ก็มีเหมือนกันที่บอกว่าเป็นมัส”
“อย่าไปสนใจเลย... นี่ถ้าผมไม่ไปดักที่กองถ่ายก็คงจะไม่ได้พบคุณ” มัสลินนิ่ง
“จริงไหม” กานนถามจริงจัง
“เราไม่ควรจะพบกันบ่อย”
“เพราะจะทำให้เราผูกพันกัน”
ม่านมัสลินเบือนหน้าไปอีกทาง
“อย่าพูดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ”
กานนถอนหายใจ
“ถ้าผมเห็นแก่ตัวสักนิดแล้วรักคุณน้อยกว่านี้สักหน่อย อะไรๆ มันก็คงง่ายขึ้น”
“คุณควรจะกลับไปหามธุริน”
“ผมคงไปหาใครไม่ได้แล้ว ว่าจะไม่พูดอย่างนี้ แต่ก็อดไม่ได้สักที ผมอาจจะต้องหนีไปไกลซักพัก”
ม่านมัสลินน้ำตารื้นขึ้นมา ขณะเบือนหน้าไปมองดอกกล้วยไม้
“หายไปไหนกันหมดล่ะคะ”
เจ้าสัวทศตอบขณะที่สายตายังมองดูทีวี “ฉันบอกให้เจ้าปลิวพามัสลินไปดูดอกกล้วยไม้ข้างนอก”
อุษยาเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปเห็นภาพกานนกับมัสลิน กำลังคุยกัน แค่นี้ก็เดาออกว่าเป็นอุบายของเจ้าสัวทศนั่นเอง
“เอาอีกแล้วคุณพ่อ เจ้าปลิวกับแม่มัสลินนั้นเป็นญาติกันนะคะ”
“ทีอย่างนี้ล่ะ นับเขาเป็นญาติ” เจ้าสัวทศย้อนกลับ
“ก็มันจริงนี่คะ หนูไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพ่อถึงได้เปิดโอกาสให้สองคน นั้นบ่อยๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอก”
“เพราะว่ารู้อยู่เต็มอกน่ะซิ ถึงได้เปิดโอกาส”
“โอ้ย คุณพ่อเป็นอะไรไปคะ หรือว่าเริ่มมีอาการอัลไซเมอร์”
“แก่น่ะซิโสดไซเมอร์”
“หนูจะต้องขัดขวางสุดลิ่มทิ่มประตู” อุษยาพูดน้ำเสียงจริงจัง
“ก็ขวางไปซิ ใครไปห้ามแกล่ะ”
“หนูไม่เข้าใจคุณพ่อเลย”
“แกเคยเข้าใจใครบ้าง นอกจากตัวเอง”
เจ้าสัวทศพยายามเตือนสติลูกสาววัยทอง

ทว่าอุษยาไม่รอฟังเจ้าสัวทศพูดจบ รีบเดินออกไปทันที


โปรดติดตามอ่านต่อหน้า 3






ในรอยรัก
ตอนที่ 27 (ต่อ)

เมื่อหาแนวร่วมทั้งมธุริน และพิณสุดาไม่สำเร็จ อุษยาก็เดินหนีเจ้าสัวทศ พุ่งตรงมาหากานนกับม่านมัสลิน ที่ยังอยู่ในสวนกล้วยไม้

“คุยอะไรกันน่ะ” อุษยาแกล้งถามขึ้น ทั้งกานน และม่านมัสลิน หันมามองกันอย่างงงๆ
กานนเป็นฝ่ายถามขึ้นเพราะนึกว่าเจ้าสัวทศให้ออกมาตาม
“อาก๋งให้มาตามหรือครับ”
“เปล่า ฉันมาตามเอง” อุษยาบอก
กานนหันมาพยักหน้ากับม่านมัสลิน “ไป”
“เธอไปคนเดียวก่อน อาจะคุยกับมัสลิน” อุษยาชิงพูด
กานนมีสีหน้าระแวงขึ้นมาแว่บหนึ่ง ท่าทางลังเล จนม่านมัสลินซึ่งดูอาการออกเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ทำไม เธอกลัวอาจะกินมัสลินเหรอ” อุษยาแขวะ
“เปล่าครับ”
“เปล่าก็ไปซิ”
กานนเดินออกไป โดยไม่วายหันมามองม่านมัสลินอย่างกังวล และเป็นห่วง คล้อยหลังกานน อุษยาชวนม่านมัสลินไปนั่งคุยอีกมุมของสวน โดยเดินนำหน้าไปก่อน ม่านมัสลินเดินตามไป
เวลาเดียวกันนั้นกานนเดินเข้ามาภายในบ้านคนเดียว เจ้าสัวทศ ถามถึงม่านมัสลิน กานนบอกว่าอุษยามีธุระจะคุยด้วยส่วนตัว เจ้าสัวทศว่าอุษยานิสัยเจ้ากี้เจ้าการไม่มีใครเกิน

“นายปลิวเขาห่วงเธอมากนะ” อุษยาเริ่มธุระแบบอ้อมๆ ม่านมัสลินยิ้มนิดๆ
“ดูเหมือนกุเทพก็เหมือนกัน”
“คุณอาจะพูดเรื่องอะไรกับมัสหรือคะ” ม่านมัสลินชวนเข้าเรื่อง
“พูดเรื่องตามควรไม่ควร” อุษยาเหน็บ
“ค่ะ” ม่านมัสลินตอบนิ่งๆ
อุษยาขยับตัวเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “เนื่องจากเราเกิดรู้โดยบังเอิญว่า แม่เธอคือลูกอีกคนนึงของคุณพ่อฉัน”
“ค่ะ” ม่านมัสลินยังนิ่งเหมือนเดิม
“แต่เธอกับสนิทสนมกับนายปลิวแล้วก็กุเทพมาก”
“ค่ะ”
“ซึ่งปกติก็ไม่สมควรอยู่แล้ว ที่ผู้หญิงจะสนิทสนมกับผู้ชาย 2 คนพร้อมๆ กัน”
“ค่ะ”
“เอ๊ะ! นี่จะไม่พูดอะไร นอกจาก ค่ะ ค่ะ ค่ะ เรอะ” อุษยาเริ่มฉุน
“ค่ะ”
เมื่อเห็นอาการม่านมัสลินนิ่งเฉย ไม่ตอบรับใดๆ อุษยาจึงมีอารมณ์ฉุนเฉียวสุดๆ
“นี่แม่เธอไม่ได้อบรมมารยาทบ้างรึไง”
“มัสไม่ทราบจะพูดอะไร นอกจากนี้ค่ะ” ม่านมัสลินบอกตามตรง
“ก็พูดรับปากซิว่า จะไม่มีการรักชอบฉันชู้สาวกันในระหว่างพี่น้อง”
“มัสไม่ทำอย่างนั้นแน่ค่ะ”
“ใหัมันจริงเถอะ ความจริงหลานฉันทั้ง 2 คน เขาก็มีคู่รักที่เหมาะสมกันอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ก็เห็นชอบด้วย แต่พอเธอเข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงหมด”
ม่านมัสลิน นิ่งไป อุษยาจึงเข้าธุระเรื่องที่อยากพูดจริงๆ
“เพื่อเห็นแก่ความสุขของตาปลิวแล้วก็ตากุ เธอช่วยออกไปจากชีวิตพวกเขาเสีย มรดกหุ้น เงินทองคุณพ่อท่านก็แบ่งให้พอสมควรแล้ว และฉันก็ไม่ได้ไปห้ามปราบอะไร เพราะเห็นว่าแม่เธอควรได้รับในฐานะลูกอีกคน เธอจะทำตามที่ฉันขอได้ไหม”
“เงินทองพวกนั้น ทั้งแม่ทั้งมัส ไม่ได้แตะต้องเลยค่ะ เราใช้เฉพาะที่มัสหาได้ คุณอาคงต้องห้ามสองคนนั่นเอง ไม่ให้มาหามัส เพราะมัสไม่ได้ไปหาใครแน่นอน”
ระหว่างพูดสีหน้าของม่านมัสลินหนักแน่นจริงจังอย่างยิ่ง

ครู่ต่อมาอุษยาเดินนำหน้าม่านมัสลินเข้ามาภายในบ้าน เจ้าสัวทศมองอุษยาอย่าง
ระแวงๆ พลางถาม “คุยอะไรกันเป็นนาน 2 นาน”
“เดี๋ยวเดียวเองค่ะ คุณพ่อ เราคุยกันถูกคอ”
อุษยาเบือนหน้ามามอง พยักเพยิดจะให้ม่านมัสลินช่วยสนับสนุน แต่อีกฝ่ายให้ได้แค่ยิ้มนิดๆ
เจ้าสัวทศมองม่านมัสลินอย่างเพ่งพิศ “จริงหรือเปล่ามัสลิน”
“คุณอาให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ” ม่านมัสลินตอบ
“เป็นโทษล่ะมากกว่า” เจ้าสัวทศรู้ทันลูกสาวคนเล็ก ซึ่งได้ยินผู้เป็นพ่อแขวะก็ร้องขึ้นอย่างฉุนๆ
“คุณพ่อ”
กานนเบือนหน้ายิ้มๆ เขาหันมามองม่านมัสลิน ซึ่งสีหน้าดูเศร้าๆ

ช่วงหัวค่ำวันเดียวกันนั้น กุเทพนัดมธุรินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง คล้อยหลังบริกรนำของหวานมาเสิร์ฟให้ มธุรินเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น
“จะบอกได้หรือยังคะว่า ทำไมถึงได้ใจดีไปรับเดียร์มาเลี้ยง”
“ไม่ทานให้หมดก่อนหรือ” กุเทพพูดด้วยสีหน้าเหมือนมีเลศนัยบางอย่างแอบแฝง
“ทานไปพูดไปก็ได้” มธุรินว่า
“คุณเป็นคนวางแผนทำลายมัสลินใช่ไหม” กุเทพถามเสียงเคร่ง มธุรินตกใจสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ส้อมตกร่วงจากมือโดยไม่รู้ตัว
กุเทพซึ่งมองอยู่ นัยน์ตาเป็นประกาย จับผิดจ้องมธุรินเขม็ง
“ทำไมต้องตกอกตกใจขนาดนั้น”
มธุรินหลบตา มือสั่น เสียงสั่น
“ขอโทษค่ะ” กุเทพยกมือเรียกบริกร
“น้อง ขอส้อมให้คุณผู้หญิงใหม่อีกคัน” บริกรรับคำ
กุเทพเบือนหน้าหันมาจ้องหน้ามธุรินใหม่ ซึ่งขณะนั้นเธอยื่นมือมาหยิบแก้วน้ำจะยกขึ้นดื่มแบบสั่นๆ
กุเทพจับมือนั้นพูดอย่างรู้ทัน “ระวังหน่อย เดี๋ยวแก้วตกแตกอีก”
มธุรินจะวางแก้วน้ำลง แต่ถูกกุเทพจับแก้วไว้แน่นเอาจ่อที่ปาก เหมือนจะบังคับให้ดื่ม
“ดื่มซิ หิวน้ำไม่ใช่หรือ”
“ปล่อย” มธุรินร้อง
“ดื่ม” กุเทพพูดแกมบังคับ มธุรินจำใจดื่ม แต่ดื่มแบบจิบนิดเดียว
กุเทพจับมือมธุรินวางแก้วน้ำลง ขณะที่บริกรเอาส้อมอันใหม่มาให้
“ขอบใจนะ” กุเทพพูดกับบริกรแล้วส่งให้เดียร์ “เอ้า ทานเสียให้หมด”
“เดียร์อิ่มแล้วค่ะ”
“อย่าเพิ่งอิ่ม มา...ผมป้อนเอง”
“ไม่” มธุรินพูดแทบเป็นตะโกน ผลักช้อนส้อมตก แล้วลุกขึ้นยืน ลูกค้าและทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว มธุรินรีบเดินออกไปจากร้านทันที

มธุรินก้าวไปที่รถกดรีโมท เปิดประตูเข้ามานั่ง รีบร้อนจนลืมล็อกรถ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ มธุรินกัดปากตัวเอง น้ำตาไหลพราก ก้มหน้าฟุบกับพวงมาลัยร้องไห้
ระหว่างนั้นเองประตูรถเปิดออก กุเทพก้าวเข้ามานั่งข้างๆ
มธุรินสะดุ้ง หันขวับมามอง
“ทีหน้าทีหลังอย่าลืมล็อคประตูรถ นี่ดีนะว่าเป็นผม” กุเทพเยาะ
“ลงไป ฉันจะกลับแล้ว” มธุรินไล่
“คุณยังไม่ได้ตอบผมเลย”
“กิ๊บโกหก”
“ผมว่าพวกคุณโกหกทั้ง 2 คนนั่นแหละ ผมเห็นกับตา ได้ยินกับหู พวกคุณมาเลี้ยงฉลองกันที่ทำงานสำเร็จ”
มธุรินเริ่มตั้งสติได้เถียงกุเทพข้างๆ คูๆ
“เราไม่ได้พูดซักนิดว่างานอะไร”
กุเทพจ้องหน้ามธุรินเขม็ง ขณะที่มธุรินเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“พวกคุณนิสัยเหมือนกัน ขี้อิจฉาเหมือนกันถึงได้คบกันได้”
“ลงไป” มธุรินโวยวายไล่ส่ง
“มิน่าล่ะ อาปลิวถึงได้ทิ้งคุณ” กุเทพพูดแทงใจดำ
มธุรินได้ฟังแทบอยากจะกรี๊ด ออกปากไล่กุเทพอีกครั้ง
“บอกให้ลงไป” กุเทพเยาะ
“คืนนั้น คืนที่ผมเมา พวกคุณก็ช่วยกันวางแผนจะจับผมใช่ไหม แผนเดิมคงจะเป็นกิ๊บ แต่เกิดความผิดพลาด ถึงได้กลายเป็นคุณแทนคุณถึงไม่ยอมให้ผมรับผิดชอบ แต่ถ้าหากเป็นอาปลิว คุณคงรับแทบไม่ทัน” น้ำเสียงท้ายประโยคเย้ยหยันเต็มที่
มธุรินหันขวับกลัวมารัวกำปั้นทุบกุเทพเป็นพัลวัน
“หยาบคาย เลว เลวที่สุด”
“ยังเลวไม่เท่าคุณมั้ง” กุเทพจับข้อมือทั้ง 2 ของมธุรินรั้งไว้ พูดต่อเสียงแข็ง “ผมจะไปบอกอาปลิว”
“ฉันไม่ได้ทำ จะต้องให้พูดยังไงถึงจะเชื่อ”
“ผมไม่มีวันเชื่อคุณอีกแล้ว ถ้าคุณยังไม่หยุดทำร้ายมัสลินอีกล่ะก็ผมนี่แหละจะตอบแทนคุณให้สาสม”
พูดจบแค่นั้นกุเทพก็เปิดประตูรถ ก้าวออกไป ขณะที่มธุรินนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น

เวลาต่อมา ขณะที่พิณสุดากำลังดูทีวีอยู่ภายในบ้าน เสียงแตรรถก็ดังขึ้น พิณสุดาลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านพูดกับตัวเอง “ใครมา เสียงแตรคุ้นๆ” แล้วเดินออกไป
เมื่อเห็นว่าเป็นรถมธุรินก็โบกไม้โบกมือให้รอเดี๋ยว
“รอเดี๋ยว เดียร์”
พิณสุดาเปิดประตูให้มธุรินขับรถเข้ามา แต่แล้วก็ต้องกระโดดหลบอย่างรวดเร็วเมื่อมธุ
รินขับปาดเข้ามาจนเกือบชนเธอ
พิณสุดาร้องเสียงหลง เดินไปที่รถโวยวายลั่นเฮ้ย
“แกขับรถภาษาอะไร”
พูดยังไม่ทันจบ มธุรินก็เปิดประตู ก้าวพรวดออกมาตบจนร่างพิณสุดาเซถลา ร้องลั่น
“ว้าย!”
“มันยังไม่ถึงครึ่งที่แกทำกับฉัน”
“คิดว่าแกมีมือมีตีนคนเดียวเรอะ” พิณสุดาเอาคืนทันควัน ตบจนมธุรินล้มลง พิณสุดาลงไปซ้ำ ทั้ง 2 คนกอดปล้ำตบกันเละเทะ
ขณะนั้นมีแสงไฟจากรถคันหนึ่งสาดมา แต่ทั้ง 2 ก็ยังตบกันเมามัน พีระพลก้าวลงมาจากรถ แล้วลงมาแยก คู่มวยหญิง
“โอ๊ย! พี่กิ๊บ พี่เดียร์ หยุด! หยุด!”
พิณสุดาง้างมือจะตบมธุรินแต่อีกฝ่ายหลบ และไปถูกใบหน้าพีระพลแทน เหตุการณ์ยังชุลมุนวุ่นวายต่อไป เมื่อมธุรินจะตบพิณสุดา แต่คนที่รับฝ่ามือไปเต็มๆ ก็คือพีระพล อีกเช่นเคย

หลังมธุรินขับรถกลับออกไป ทั้ง 2 พี่น้อง พิณสุดากับพีระพล หน้าตา ผมเผ้าเละ เดินเข้ามาในบ้านทิ้งตัวลงนั่ง
“มันเรื่องอะไรน่ะพี่กิ๊บ” พีระพลร้องถามอย่างโมโห
“ไม่รู้ ฉันออกไปเปิดประตูรับมัน พอมันก้าวลงมาก็ตบฉันเปรี้ยงเลย อูย….”

“พี่เดียร์ตบพี่กิ๊บนี่เป็นไปไม่ได้ที่สุดในโลก มันต้องมีอะไรสักอย่าง”
พีระพลยังไม่อยากเชื่อกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ทั้ง 2 คนนั่งคิดครู่หนึ่ง แล้วหันมามองกัน
“กุเทพ” สองพี่น้องสุดแสบ ร้องขึ้นพร้อมๆ กัน

ขณะเดียวกันนั้น บัวบงกชนั่งชะเง้อรอมธุรินอยู่ในบ้าน โดยมีแววสาวใช้นั่งดูทีวีเป็นเพื่อน
“จะ 4 ทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่กลับ”
บัวบงกชกดโทรศัพท์ แต่ไม่มีคนรับ จึงลุกขึ้นเดินไปชะโงกมอง แล้วก็ถอนใจเฮือกอย่างโล่งใจ
เมื่อเห็นไฟหน้ารถพุ่งเข้าจ่อหน้าประตู พร้อมเสียงบีบแตร
“คุณเดียร์มาแล้วค่ะ” แววบอกแล้วรีบเดินออกไปรับ
มธุรินเดินก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามา ตามด้วยแววที่มีสีหน้าตกอกตกใจที่เห็นใบหน้ามธุริน
“ไปไหนมาลูก เอ๊ะ”
มธุรินรีบเดินขึ้นข้างบน บัวบงกชรีบตามขึ้นไป
“ลูกเดียร์ นั่นไปทำอะไรมา”

บัวบงกชเดินตามมธุรินจนทัน แล้วจับตัวให้หันมาดูชัดๆ บัวบงกชตกตะลึง เมื่อเห็นมธุริน หน้าตาเขียวช้ำ บวมปูดของลูกสาว
“ตายแล้ว ใครทำอะไรลูก”
“เดียร์ไปตบกับนังกิ๊บมาค่ะ”
พูดจบมธุรินก็เปิดประตูเดินเข้าห้อง บัวบงกชมองตามยังไม่หายตกใจ
พอเข้ามาในห้องมธุรินเหวี่ยงกระเป๋าทิ้งไปอย่างโมโห ขณะทรุดตัวลงนั่ง
“นังกิ๊บ เสียแรงคบกันมาตั้งนาน”
ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มธุรินหยิบขึ้นมาดู เป็นพิณสุดาโทรเข้ามา กดรับพูดเสียงขุ่นๆ
“อย่าโทรมาอีก แกกับฉันเลิกคบกัน”
“แน่ใจนะเดียร์ เลิกคบกับฉันแล้วแกจะเหลือใคร จะหันไปหานังมัสลิน มันก็คงยอมเป็นเพื่อนแกหรอก ทำกับมันซะขนาดนั้น” พิณสุดาแดกดัน
“ฉันคบกับใครก็ไม่เกี่ยวกับแก”
พูดจบมธุรินก็ปิดโทรศัพท์ทันที
นั่นยิ่งเท่ากับสุมไฟในอกพิณสุดา เพราะเธอกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด พูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น
“ฉันจะสั่งสอนแก นังเดียร์”

กุเทพในชุดนอนกำลังเดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิด อยู่ในห้องนอนชั้นล่างของบ้านรัตนรัช เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงดังขึ้น เขาเบือนหน้ามามอง แล้วเดินมาหยิบดู สีหน้าประหลาดใจเพราะเป็นเบอร์บ้านมธุริน
“เดียร์” กุเทพกดรับโดยไม่รู้ว่าที่แท้เป็นบัวบงกช ใช้เบอร์บ้านโทรมา
“อาเอง”
“ขอโทษครับคุณอา”
“ยัยเดียร์เพิ่งกลับมาเดี๋ยวนี้เอง หน้าตา เนื้อตัวฟกช้ำดำเขียวไปหมด อาถามก็บอกว่าไปตบกับกิ๊บมา”
กุเทพสะดุ้ง “ถึงขนาดไปตบกันเชียวหรือครับ”
“นั่นซิ อาไม่สบายใจเลย คุณกุเทพรู้มั้ยว่าเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร”
“คงไม่มีอะไรมากมั้งครับ”
“ตบกันเนี่ยนะไม่มีอะไรมาก”
น้ำเสียงคาดคั้นไม่พอใจของบัวบงกชทำเอากุเทพนิ่งไป
“อาขอโทษที่โทรมากวน” บัวบงกชกดสาย
“เดี๋ยวครับคุณอา” เสียงวางโทรศัพท์ลง กุถอนใจเฮือก
กุเทพพูดกับตัวเองอย่างครุ่นคิด “ถึงกับตบกันเลยเรอะ”


เช้าวันรุ่งขึ้นกุเทพร้อนใจเพราะเป็นห่วง จึงพุ่งตรงมาพบมธุรินที่ออฟิศตั้งแต่เช้า กุเทพมองหน้ามธุรินซึ่งสวมแว่นดำอันใหญ่ปกปิดรอยช้ำบนใบหน้า
“อยู่ในห้องทำไมถึงยังต้องสวมแว่นดำ”
มธุรินโกหก “ฉันตาเจ็บ”
“ไม่ใช่ไปตบกับกิ๊บมาเรอะ” กุเทพดักคอ
มธุรินสะดุ้งนิดหนึ่ง แล้วปรับสีหน้าเป็นยิ้มเยาะ “อ้อ ไปฟ้องกันมาแล้ว”
กุเทพเข้าเรื่อง “เกิดอะไรขึ้น ถึงได้ตบกันโดยไม่อายเทวดาฟ้าดินบ้าง”
“กิ๊บเขาฟ้องว่าอะไรล่ะ”
“ผมอยากฟังจากคุณ”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด เพราะถึงพูด คุณก็ไม่เชื่อ” มธุรินเยาะ
“ทำไมไม่ลองเล่าดูก่อน”
“เสียลายน้ำลาย แถมยังเมื่อยปากอีก”
“ต้องเป็นอาปลิวถามใช่ไหม คุณถึงจะตอบ”
มธุรินนิ่งไป
“งั้นก็ต้องขอโทษที่สะเออะมารบกวนคุณ
กุเทพเดินออกไปด้วยความโมโห มธุรินทำท่าจะเรียก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

กุเทพก้าวออกมาจากห้องมธุรินอย่างฉุนเฉียว กำลังจะเดินตรงไปที่ลิฟท์ ทิพย์เลขาของเตชเดินกึ่งวิ่งรีบตามมา พร้อมกับส่งเสียงเรียก
“คุณกุเทพคะ” กุเทพหยุดชะงัก เบือนหน้ากลับมามอง
“คุณเตชให้เชิญไปพบหน่อยค่ะ” ทิพย์บอก
กุเทพมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เตชอยากพบตน แต่ก็ยอมเดินตามทิพย์มาโดยดี เมื่อเข้ามาภายในห้องทำงานของเตช กุเทพยกมือไหว้ เตชนั่งมองมาด้วยสีหน้า เคร่งขรึม ไม่ยอมรับไหว้พูดเสียงขรึม
“นั่งซิ”
“ขอบคุณครับ” กุเทพนั่งลง
“มีธุระอะไรกับเดียร์” เตชถาม
“เอ่อ... ผมมาเยี่ยมเธอครับ”
“ลูกสาวผมไม่ได้เจ็บป่วยอะไร ไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยม”
กุเทพนิ่งไป เตชพูดต่อ
“ผมมีลูกสาวคนเดียว ผมย่อมต้องห่วง ต้องหวงเป็นธรรมดา ถ้าเขาได้คนดีก็ดีไป แต่ประเภทอาจีบที หลานจีบที แบบนี้ไม่ชอบ”
กุเทพสะอึก กลืนน้ำลายลงคอ
“กลับไป แล้วไม่ต้องมายุ่งกับลูกสาวผมอีก...” เตชเว้นระยะนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ “ทั้งอาทั้งหลานนั่นแหละ เราขาดกันตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
“งั้นผมก็ลาล่ะครับ”
กุเทพไหว้เตชแล้วเดินออกไป

ในกองถ่ายละคร “รอยแค้น” ม่านมัสลินอยู่ในชุดสาวใช้ ขณะที่นักแสดงหญิงที่รับบทนางร้ายแต่งเป็นคุณหนู ทั้งคู่กำลังรอเข้าฉาก ขณะที่ทีมงานทุกคนต่างเข้าประจำที่ “ผู้กำกับไก่” สั่งแอ็คชั่น!!
นางร้ายยกมือขึ้นถลาเข้ามาตบ ม่านมัสลินคว้าถังน้ำขึ้นมาสาดโครม นางร้ายร้องลั่น เปียกมะล่อกมะแล่ก
“นี่แน่ะ เอะอะก็จะตบ เอะอะก็จะตบ หายอยากเลยใช่มั้ย” ม่านมัสลินเล่นไปตามบท
“ฉันจะไปฟ้องคุณพ่อคุณแม่” นางร้ายบอก
“อย่าลืมฟ้องคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายคุณลุงคุณป้าคุณน้าคุณอาด้วยนะคะ” ม่านมัสลินในบทนางเอกสาวใช้พูดใส่หน้า นางร้ายร้องกรี๊ด กระทืบเท้าเร่าๆ
ผู้กำกับไก่สั่งเสียงดัง “คัต” พร้อมกับที่ทีมงานทุกคนตบมืออย่างพออกพอใจในการถ่ายฉากนี้
“ดีมากทั้ง 2 คน” ผู้กำกับกล่าวชม
ม่านมัสลินรีบเดินเข้าหานางร้าย “ขอโทษนะคะ”
นางร้าย...นักแสดงรุ่นพี่ยิ้มรับ “อีกสักถังก็ยังได้ค่ะน้อง”
ทีมงานทุกคนหัวเราะพากันเฮฮา

สักครู่ธุรกิจกองถ่ายก็เดินมาหา บอกให้ม่านมัสลินไปรับโทรศัพท์ “น้องมัส โทรศัพท์ค่ะ”
ม่านมัสลินรีบเดินมารับสาย พลางกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ...มีอะไรหรือค่ะแม่”
“คุณยายหกล้ม” จิรดาบอกทางปลายสาย
“ตายจริง เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” ม่านมัสลินตกใจ
“ก็แขนหัก พัดโทรมาบอก ฉันก็เลยมารับไปโรงพยาบาล ตอนนี้กลับบ้านแล้ว”
ม่านมัสลินผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณมากค่ะแม่”
จิรดานิ่วหน้า แขวะกลับตามนิสัย
“ทำไมจะต้องมาขอบอกขอบใจ แม่ฉันนะยะ ไม่ใช่แม่แก”
ม่านมัสลินยิ้มกับตัวเองอย่างคุ้นชินนิสัยจิรดา
“มัสเหลืออีก 5 ฉาก เสร็จแล้วมัสจะรีบไปนะคะ”
“เออ”
“อ้อ แล้วแม่อย่าลืมโทรไปบอกคุณตาด้วยนะคะ” ม่านมัสลินกำชับผู้เป็นมารดาให้โทรบอกเจ้าสัวทศ
“นี่ แกเป็นแม่ฉัน หรือฉันเป็นแม่แกกันแน่”
จิรดาโวยวายแล้ววางโทรศัพท์ลง
“อย่าเพิ่งโทรไปบอกเจ้าสัวนะ เดี๋ยวจะวุ่นวายกันยกใหญ่” ม่านมุกบอกลูกสาว จิรดารับคำ
“ค่ะ หนูบอกมัสลินคนเดียว”

จบตอนที่ 27
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น