xs
xsm
sm
md
lg

รอยไหม ตอนที่ 34

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้าเวลา 09.30 น.

รอยไหม ตอนอวสาน

สุริยวงศ์วิ่งลงตลิ่งมามองหา เรือเพิ่งเคลื่อนออกไปจากฝั่งได้ไม่ไกลนัก สุริยวงศ์ตะโกนสุดเสียง

“คุณริน”
ในเรือ...เรรินกระถดถอยหนีได้ไม่ไกล บัวเงินก้าวเข้ามาหา
“กูหันหน้ามึงแต่แรก กูก่อฮู้แล้วว่ามึงปิ๊กมาแก้แค้นกู มึงฝันไปเต๊อะอีมณีริน เพราะกูก่อจะขอจองเวรจองกรรมกับมึงกู่จาดไป จาดตี้แล้วมึงต๋ายด้วยน้ำมือกู แล้วจะไดจาดนี้กูจะล้างมึงแหมบ่ได้”
“คุณย่า...เจ้านางมณีริน ท่านไม่เคยคิดอาฆาตจองเวร คุณย่าเข้าใจผิดแล้ว”
“กูบ่เจื่อ...มึงยะหื้อผัวกูหมดฮักในตั๋วกู เปิ้นยอมต๋ายตวยมึงไป ละกูไว้คนเดียว บ่เกยหันความฮักตี้กูมอบหื้อเลย เป๋นผีไปแล้วยังใจ๋ดำบ่เกยมาเยี่ยมกูสักครั้ง เจ็ดสิบปี๋ มึงบ่ฮู้หรอกว่ากูต้องทนทุกทรมานจะได...”
“เจ้านางมณีริน ท่านไม่เคยรักเจ้าศิริวัฒนาท่าน ไม่เคยคิดแย่งชิงกับคุณย่าเลย”
“มึงบ่ต้องมาจุ๊ กูบ่เจื่อกำมึงหรอก มึงอยากเป๋นพระชายาเปิ้น อยากเป๋นแม่เจ้า หื้อคนทั้งแผ่นดินกราบไหว้มึง บ่จะอั้นมึงจะทอผ้าผืนนั้นยะหยัง”
เรรินได้แต่ส่ายหน้า เปล่าประโยชน์เพราะบัวเงินเต็มไปด้วยมิจฉาทิฐิ
“มึงบ่ได้ครองฮักกับผัวกู มึงก่อยังอุตสาห์ปิ๊กมาควักดวงใจ๋กู มึงบ่ฮู้กา กูฮักหลานกูขนาดไหน มึงกับสุริยะบ่มีวันได้สมหวังหรอก...อีเม้ย...มึงควักหัวใจ๋มันออกมากูอยากหัน”
ธนินทร์ก้าวเข้ามาหา เรรินกระถดถอยหนี ธนินทร์โถมเข้าบีบคอเรริน บัวเงินสะใจ ขณะเดียวกันนั้น สุริยวงศ์ที่ว่ายน้ำตามมาทัน ปีนขึ้นเรือมา แล้วพุ่งเข้าถีบธนินทร์อย่างแรง ธนินทร์ล้มเซพลัดหลุดจากเรริน
“คุณย่าครับ คุณย่าจะยะอะหยัง”
“บ่เกี่ยวกับมึง”
ธนินทร์หันขวับกลับมา หน้าธนินทร์ถูกซ้อนด้วยหน้าผีอีเม้ย
“มึงบ่มีวันได้ครองฮักกับอีนี่หรอก”บัวเงินประกาศกร้าว
“คุณริน...หนีไป”
สุริยวงศ์ร้องบอก เรรินคลานหนีไปทางหนึ่ง ธนินทร์จะตามตะครุบเรริน แต่สุริยวงศ์เตะเข้ากลางตัว แต่ผีอีเม้ยไม่สะทกสะเทือน เรรินโซเซหนีไปทางหัวเรือ เรรินเสียหลักเพราะอ่อนเพลียและหมดแรง ประกอบกับเรือโคลงเพราะแรงลมและน้ำ เรรินล้มลง บัวเงินก้าวตามเข้ามา เงื้อมีดด้ามสั้น ในมือขึ้นสุดแขน
“คุณย่าทำบาปมามากเกินไปแล้ว พอเสียทีเถอะค่ะ ความทุกข์ทรมานที่ คุณย่าได้รับมันคือบาปในใจคุณย่าเอง”
“มึงบ่ต้องมาสั่งสอนกู มึงน่ะแหละยัดเยียดนรกมาหื้อกูถ้ากูจะต้องตกนรก กูบ่ยอมไปคนเดียวหรอก มึงต้องไปตวยกู”
บัวเงินโถมเข้าจะแทง เรรินปัดป้องสุดกำลัง คมมีดที่กวัดแกว่งไปมา เฉือนเข้าแขนเรริน เมื่อเรรินออกแรงผลักบัวเงินจนเซไป บัวเงินยิ่งแค้น

+ + + + + + + + + + + +

สุริยวงศ์สู้กับธนินทร์แม้จะสู้แรงไม่ได้ ธนินทร์คว้าแขนสุริยวงศ์ได้ บิดอย่างแรง ข้อมือธนินทร์ทรงพลังมากเพราะเป็นกำลังของผีอีเม้ย สุริยวงศ์เริ่มอ่อนแรงด้วยความเจ็บปวด ธนินทร์ตะปบอีกมือนึงคว้าคอสุริยวงศ์ มาบีบสุริวงศ์หน้าเขียว แต่กัดฟันดิ้นรน หน้าผีอีเม้ย ซ้อนทับหน้าธนินทร์ สุริวงศ์รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย ดิ้นหลุดออกมาได้

สุริวงศ์ถอดสร้อยที่ห้อยพระออกมาจากคอ แล้วจู่โจมธนินทร์คล้องสร้อยใส่คอธนินทร์ได้สำเร็จ ธนินทร์ดิ้นพราดๆร้องโหยหวนออกมาเป็นเสียงอีเม้ย
ผีอีเม้ยหลุดพรวดออกมาจากร่างธนินทร์ สุริยวงศ์เห็นทุกอย่างกับตาตัวเอง ผีอีเม้ยโกรธแค้นคำรามก้องเพราะแสบร้อน ผลักร่างธนินทร์อย่างแรงล้มหงายหลังลงกับพื้นและทับเอาเหล็กแหลมเสียบทะลุกลางตัว ผีอีเม้ยเหมือนหมดพลังเพราะไม่มีร่างให้สิง กรีดร้องทรุนทุรายละร่างของมันค่อยๆเลือนกลายเป็นมวลสารสีดำเทา
ทางด้านเรรินกระถดถอยหนีมาจนมุมที่กราบเรือ บัวเงินพุ่งตามเข้ามาจะแทง
“คุณย่า...อย่า”
สุริยวงศ์ยื้อจับมือบัวเงินไว้ เรรินเสียหลักพลัดตกจากเรือ
“คุณริน...”
มือสุริยวงศ์ที่เหยียดยื่นออกไปสุดแขน เพื่อจะคว้ามือเรรินไว้เฉียดมือเรรินไปได้เพียงแค่สัมผัสกันครั้งสุดท้าย
“คุณ...ริน”
ร่างเรรินที่ตกลงมากระแทกผิวน้ำ จมดิ่งลง เรรินยังพยายามกระเสือกกระสน สุริยวงศ์จะกระโดดน้ำตามเรริน บัวเงินรีบพูดขัด
“ถ้ามึงตวยมันไป มึงกับกูขาดกั๋น”
สุริยวงศ์ หันมองบัวเงินสายตาเจ็บปวด
“คุณย่าครับ ถ้าผมจะต้องทนมีชีวิตอยู่อย่างปราศจากความฮักผมขอ ยอมต๋ายตวยคนตี้ผมฮักไปดีกว่าครับ”
บัวเงินอึ้งไป
“สุริยะ”
สุริยวงศ์กระโดดน้ำตามเรรินไปทันที
“สุริยะ”
สุริยวงศ์ แหวกดำลงลึกควานหาตัวเรริน บัวเงินที่หัวใจสลายหมดเรี่ยวแรงทรุดลงแต่ความแค้นยังแน่นอก
“กูจะต้องแป้มึงทุกจาดไปกา ว่าจะไดอีมณีริน”
บัวเงินเจ็บแปลบที่หัวใจอย่างแรง ลมหายใจค่อยๆอ่อนลง และทุกอย่างสงบนิ่งในที่สุด ดวงตาบัวเงินยังลืมค้างอยู่อย่างนั้น
สุริยวงศ์ดำน้ำลงมาลึกและควานพบตัวเรริน เขาช้อนร่างเรรินประคองพากลับขึ้นสู่ผิวน้ำ แล้วรีบพาขึ้นฝั่ง นำตัวเรรินส่งโรงพยาบาล
สุริยวงศ์นั่งเครียดอยู่มุมนึงของโรงพยาบาล ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นประดังประเดเข้ามา ยากจะเข้าใจ ยากจะปะติดปะต่อกัน วันดาราเดินเข้ามาหา
“สุริยะ”
“ปี้วันครับ”
“มันเกิดอะหยังขึ้นกั๋นแน่ คุณรินกับคุณย่าเกี่ยวข้องกั๋นหยั่งได”
“ผมเองก่อบ่ฮู้เหมือนกั๋นครับปี้วัน แต่เมื่อแรงผมงีบหลับไปผมเหมือนฝันหันท่านปู่ศิริวัฒนาครับ”
วันดารา หน้าตื่นขนลุกซู่
“ท่านปู่บอกหื้อผมรีบไปตี้คุ้ม ไปจ่วยคุณริน...ผมว่าผมฟังบ่ผิด ท่านเรียก คุณรินว่าเจ้ารินครับปี้วัน...มันบ่ใจ่แค่ฝัน ผมตื่นขึ้นมา ผมหันท่านปู่กับต๋า”
วันดาราอึ้งไม่หาย ขณะเดียวกันนั้น หมอออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“ญาติคุณเรรินครับ...”

สุริยวงศ์กับวันดารารีบเข้าไปหาหมอ
“คนไข้อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วงนะครับ เพราะจมน้ำอยู่นานเกินไป แต่น่าห่วงกว่านั้น คือหมอพบว่าเส้นโลหิตในสมองบางเส้นแตก...ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนที่สุด”
สุริยวงศ์ตกใจเป็นห่วงเรรินมาก
“ทำยังไงก็ได้ครับหมอ ยื้อชีวิตเธอกลับมาให้ได้ก็พอ”

+ + + + + + + + + + + +

เรรินอาการหนักมากถูกส่งมายังโรงพยาบาล กรุงเทพฯโดยเฮลิคอปเตอร์ภายในค่ำนั้น
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงเรริน ออกมาจากลิฟท์ มีพยาบาลประคองอุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉิน สุริยวงศ์ตามออกมาด้วย เรรินที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ถูกเข็นไปสู่ห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วนที่สุด
สุริยวงศ์นั่งเครียดกุมขมับเวลาแต่ละวินาทีเหมือนเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมานหัวใจ...สักครู่ พรรณวรินทร์รีบเดินเข้ามาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน สุริยวงศ์เงยหน้าขึ้นมอง รู้ได้ทันทีว่านี่คือ พรรณวรินทร์แม่ของเรริน
พรรณวรินทร์ หันมาเห็นและรู้ได้ทันทีเหมือนกันว่านี่ คือผู้ชายที่เป็นต้นเรื่องของปัญหาทั้งหมด
สุริยวงศ์ค่อยๆลุกขึ้น ยกมือขึ้นไหว้ พรรณวรินทร์ยิ่งได้เห็นหน้า ยิ่งเก็บความโกรธเกลียดไม่ได้ปราดตรงเข้ามาหา แล้วตบหน้าสุริยวงศ์ เป็นชุดใหญ่
“คุณทำอะไรลูกฉัน...คุณทำอะไรลูกฉัน...”
สุริยวงศ์ยืนนิ่งให้พรรณวรินทร์ได้ระบายอารมณ์ทั้งหมดออกมา ไม่คิดจะตอบโต้ใดๆ เพราะมันเป็นความผิดที่เขายินดียอมรับทั้งหมด พรรณวรินทร์ตบตีจนอ่อนแรงไปเองร้องไห้โฮออกมา สุริยวงศ์ ได้แต่ก้มหน้า น้ำตาร่วงเหมือนกัน

+ + + + + + + + + + + +

ศพบัวเงินตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่บ้านของบัวเงิน วันดาราส่งแขกที่มานั่งสวดชุดสุดท้ายกลับบ้าน
“ยินดีจ๊าดนักเจ้า...ยินดี”
วันดารากลับเข้ามาบ่าว 2 คน กำลังเก็บข้าวของ
“ดูแลเก็บข้าวของหื้อเรียบร้อยเน้อ”
“เจ้า...คุณวัน”
บ่าวแยกย้ายกันไปทำงาน วันดาราขยับไปกราบศพบัวเงิน
“ข้าเจ้าปิ๊กบ้านก่อนเน้อเจ้าคุณย่า”
วันดาราขยับออกไป งานศพเงียบเหงา แม้ว่าสถานที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม ไม่มีขาดตกบกพร่อง รูปถ่ายบัวเงินถูกตั้งไว้มุมหนึ่ง ในความสลัวของห้อง ไม่มีใครได้โอกาสเห็น...ร่างจางๆของบัวเงิน นั่งก้มหน้าเศร้าอยู่บนเก้าอี้โยกตัวโปรด หน้าบัวเงินมีน้ำตาเอ่อออกมา
ในอดีต...
ศิริวัฒนาที่จมอยู่ในความทุกข์ หมดสภาพอยู่บนพื้นปลายเตียง
“เจ้าริน...เจ้าริน...จะไดหนีอ้ายไปจะอี้...ปิ๊กมาเต๊อะ เจ้าริน...”
บัวเงินก้าวเข้ามา
“เปิ้นต๋ายไปแล้ว เจ้าอ้ายยังจะมาคร่ำครวญหาเปิ้นยะหยัง”
“เจ้าริน อ้ายฮักเจ้าริน...ปิ๊กมาเต๊อะ ใกล้ถึงวันแต่งงานของเฮาสองคนแล้วเน้อ ปิ๊กมาเต๊อะอ้ายรอเจ้ารินอยู่เน้อ”
บัวเงินโกรธจัดปราดเข้าตบหน้าศิริวัฒนาชุดใหญ่ ให้สติกลับคืนมา
“คนต๋ายไปแล้ว ยังจะมามัวคร่ำครวญหามันยะหยัง ฮ้องหามันหื้อคอแตกต๋ายมันก่อบ่อมีวันฟื้นปิ๊กคืนมาหรอก”
“เจ้าริน อ้ายรอเจ้ารินอยู่เน้อ”ศิริวัฒนายิ้ม
บัวเงินน้ำตาร่วงพรู
“เจ้าอ้ายใจ๋ดำ คนเป๋นๆยังอยู่ตี้นี้จะไดบ่หันหัวใจ๋ บ่หันความฮักกั๋นพ่อง”
บัวเงินระบายความทุกข์ ความแค้นออกมาเป็นเสียงกรีดร้องตัดอารมณ์กับศิริวัฒนา ซึ่งยิ้มทั้งน้ำตาจมอยู่กับความรักและการรอคอย
“เจ้าริน...เจ้ารินของอ้าย”

+ + + + + + + + + + + +

คำเที่ยงนั่งร้องไห้ เฝ้ากี่ทอผ้าอยู่ห่างๆ ศิริวัฒนาเดินโซเซเข้ามาอย่างบอบช้ำหนัก เข้าลูบคลำผ้าที่ทอค้างไว้บนกี่ ร้องไห้แล้วล้มทรุดลงกับพื้นกอดกี่ทอผ้าไว้
“เจ้าริน ปิ๊กมาเต๊อะ ดวงใจ๋ของอ้าย ปิ๊กมาตอผ้าผื้นนี้หื้อแล้ว วันแต่งของเฮาใกล้เข้ามาทุกทีแล้วเน้อ เจ้ารินปิ๊กมาเต๊อะ เจ้าริน”
คำเที่ยงเช็คน้ำตาป้อยๆ หมดปัญญาหมดที่พึ่งหมดสิ้นทุกอย่างเหมือนกัน ศิริวัฒนาเอาแต่ร้องไห้รำพันไม่หยุดปาก
ทางด้านพระชายาได้แต่ซับน้ำตา เจ้าหลวงจิตใจหม่อนหมองหดหู่
“น้องปลอบใจ๋ลูกจนบ่ฮู้จะปลอบใจ๋อย่างไดแล้ว ลูกบ่ยอมฮับฮู้อะหยังเลย”
“สุดแท้แต่บุญแต่กรรมเต๊อะ”
“ถ้าแม่ฮู้ความจริงเหียแต่แรก เรื่องร้ายๆหยั่งอี้ก่อคงบ่มีวันเกิดขึ้น”
“คร่ำครวญไปก่อบ่มีประโยชน์อะหยังหรอก ความฮักกับความหลง มีแค่เส้นบางๆมาขีดเส้นคั่นไว้เต่าอั้น ถ้าแยกบ่ออก ก่อมักจะยะหื้อเจ็บปวดกั๋นหยังอี้”
เจ้าหลวงเดินเศร้าออกไป

+ + + + + + + + + + + +

ดอกพุดบานขาวเต็มต้น ศิริวัฒนาเดินเหม่อลอยเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจเข้ามาหยุดมอง แล้วตรงเข้ามาที่ต้นดอกพุด ยิ้มเศร้าแล้วเอื้อมมือมาเด็ดดอกอย่างตั้งอกตั้งใจ
ดอกพุดกำใหญ่ที่เก็บมาจากในสวนถูกวางลงบนที่นั่งกี่
“อ้ายเก็บดอกเก็ดถะหวามาฝากเจ้ารินเน้อ ดอกกาสะลองโรยร่วงหมดแล้ว ในสวนมีแต่เก็ดถะหวา”
ศิริวัฒนานั่งลงกับพื้นเหมือนเฝ้ารอคอยอย่างที่ทำอยู่ทุกวี่วัน ขณะเดียวกันนั้น บริวาร 3-4 คน เข้ามารีรอลังเลเมื่อเห็นศิริวัฒนา
“เจ้าครับ”
“พวกมึงมายะหยัง”
“เจ้าหลวงเปิ้นสั่งหื้อพวกผม มารื้อหูกตั๋วนี้ไปเก็บในห้องใต้ดินครับ”
“กูบ่หื้อรื้อ...พวกมึงบ่ฮู้กาเจ้ารินเปิ้นยังตอผ้าผืนนี้บ่แล้วเปิ้น จะปิ๊กมาตอต่อ”
บริวารได้แต่มองหน้ากันเอาไงดี ศิริวัฒนาคว้าไม่ขึ้นมาอาละวาดไล่กวาดเหมือนจะตี บริวารตกใจกรูกันวิ่งหนีไปมุมนึง
“คนไหนมันกล้ามารื้อหูกเจ้าริน มันต้องข้ามศพกูไปก่อน”
บริวารไม่มีใครกล้า ศิริวัฒนาทิ้งไม้แล้วทรุดลงเหมือนหมดแรงกอดกี่ทอผ้าเอาไว้
“ฮ้ายจะรอเจ้ารินเน้อ...เมินเต่าใดอ้ายก่อจะรอ อ้ายฮู้ว่าซักวันเจ้ารินของอ้ายจะต้องปิ๊กมา...เจ้าริน...เจ้าริน”
ค่ำนั้นบัวเงินก้าวเข้ามาในห้องศิริวัฒนาเห็นศิริวัฒนา นอนขดตัวร้องครางเหมือนเด็กๆบัวเงินก้าวเข้ามาหาขยับเข้านอนกอดศิริวัฒนาไว้
“เจ้าอ้าย...เจ้าอ้ายเจ้า”บัวเงินพรมจูบ “บ่มีแม่ญิงคนใดจะฮักเจ้าอ้ายได้นักเต่าบัวเงินคนนี้แหมแล้ว เฮาแต่งงานกั๋น บัวเงินจะเป๋นเมียตี้ดีจะซื่อสัตย์ต่ออ้ายคนเดียว”
“แต่งงาน”ศิริวัฒนาพูดขึ้นเบาๆ
“เจ้า...ป้อเจ้าแม่เจ้าคงจะดีใจ๋นักขนาดบัวเงินจะมีหลานหื้อเปิ้นอุ้ม ลูกคนแรกของเฮาจะเป๋นป้อจายนะกะเจ้า”
“แต่งงาน”ศิริวัฒนาพึมพำ
บัวเงินยิ้ม
“เจ้าริน”ศิริวัฒนาคร่ำครวญ
รอยยิ้มบัวเงินค่อยๆเหือดแห้งหายไป ศิริวัฒนาค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องทันที
“เจ้าริน...”
บัวเงินน้ำตาร่วงออกมาอย่างเจ็บปวดชอกช้ำใจ

+ + + + + + + + + + + +

วันต่อมา...ศิริวัฒนา ก้าวเข้ามาในห้อง เดินตรงมาที่กี่ทอผ้า
“เจ้าริน...วันนี้ตอผ้าได้นักก่อ วันแต่งงานของเฮาใกล้เข้ามาทุกทีแล้วเน้อ เจ้าริน...งามนักขนาดฝีมือตอผ้าของเจ้ารินบ่มีคนไหนสู้ได้เลย...อย่าคร่ำเคร่งเกินไปนักเน้อเดี๋ยวจะเจ็บไข้ได้ป่วยไป...วันนี้ดึกแล้วพักผ่อนเหียพ่องเต๊อะเอาไว้วันพุกก่อยตอต่อ”
ศิริวัฒนาพูดไปน้ำตาร่วงไปทั้งที่ใบหน้ามีรอยยิ้ม
ทางด้านสล่าพันเข้ามาในห้องเสวย ก้มหน้าสลด
“ว่าจะไดไอ้พัน ลูกกูยังบ่ตื่นกา”
สล่าพัน ลำบากใจอย่างหนัก
“เจ็บไข้ไปรึเปล่าก่อบ่ฮู้ น้องจะขึ้นไปผ่อลูกซักหน่อย”
พระชายาลุกขึ้นจากโต๊ะ สล่าพันพูดขึ้น
“แม่เจ้า บ่ต้องขึ้นไปหรอกครับเจ้าศิริวัฒนาเปิ้นบ่ได้อยู่บนเฮือนครับ”
เจ้าหลวงแปลกใจ
“อ้าว...แล้วลูกกูอยู่ตี้ไหน”
“ห้องใต้ดินครับ”
“วันๆเอาแต่ไปเฝ้าหูกหลังนั้น น้องจะหื้อละอ่อนจัดสำรับลงไปหื้อลูก”
“แม่เจ้า...ป้อเจ้า”
“อะหยังของมึงไอ้พัน”
“เจ้าศิริวัฒนา...เปิ้น...สิ้นใจ๋แล้วครับ”
เจ้าหลวงหน้าซีดเผือด พระชายาหัวใจสลายกรีดร้องออกมาสุดเสียง
บัวเงินก้าวเข้ามาในห้องใต้ดิน น้ำตานองหน้า เห็นร่างศิริวัฒนานอนสิ้นใจข้างกี่ทอผ้า บัวเงินเข้าไปหาแล้วทรุดลงกอดศพศิริวัฒนาไว้
“เจ้าอ้าย...จะไดมาตัดรอนละน้องไว้คนเดียวจะอี้ ความฮักตี้น้องมีหื้อเจ้าอ้ายมันบ่มีก่าเลยกา ว่าจะได น้องยะทุกอย่าง ก่อเพื่อความฮักของเฮาจะไดบ่เกยหันใจ๋น้องเลยเจ้าอ้าย”
บัวเงินเขย่าตัว ศิริวัฒนาอย่างแรงเหมือนจะปลุกให้ตื่นขึ้นมาให้ได้
ปัจจุบัน...
วิญญาณบัวเงินนั่งสงบนิ่งอยู่ในห้อง สักครู่ก้อนมวลสารสีดำเทาเคลื่อนวนไปรอบบริเวณแล้วรอบตัวช้าๆกลายเป็นร่างผีอีเม้ย ค่อยๆคลานเข้ามาหมอบกราบวิญญาณบัวเงิน
“หม่อมกะเจ้า จ่วยเม้ยตวย เปิ้นจะมาเอาตัวเม้ยไปแล้ว เม้ยจะบ่ได้อยู่ใกล้คอยฮับใจ้หม่อมอีกต่อไปแล้ว”
“กูจะจ่วยมึงได้จะได กูเองก่อกรรมหนักหนาเอาไว้นักขนาด ต้องตกนรกในขุมตี้ลึกบ่ได้น้อยไปกว่ามึงหรอกอีเม้ย”
ผีอีเม้ยร้องไห้ขยับเข้ามากอดขาวิญญาณบัวเงินไว้
“หมดกรรมเมื่อใด ต่อหื้อได้เกิดเป๋นสัตว์เดรัจฉาน เม้ยก่อขอหื้อได้ปิ๊กมาเป็นข้าช่วงใช้หม่อมทุกจาดๆไป
“มันคงจะเมินนักขนาด เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์นะละอีเม้ยเอ๊ย”
“เปิ้นมาแล้ว เปิ้นมาแล้ว”
ทันใดนั้นร่างสีดำทะมึน ร่างกำยำนุ่งหยักรั้งเคลื่อนเข้ามามือถือกระบองหนาม ผีอีเม้ยกลัวรนลาน
“หม่อมจ่วยเม้ยตวย”
“มึงไปเต๊อะอีเม้ย จะไปขัดขืนเปิ้นเน้อ ตั้งหน้าตั้งตาฮับกรรม ฮับการลงโทษแล้วเฮาคงจะได้ปะกั๋นแหม”
ท้าวกุเลนเอื้อมมือมาจิกหัว ผีอีเม้ยแล้วกระชากออกไปอย่างแรง เสียงผีอีเม้ยกรีดร้องโหยหวนเหมือนจะขาดใจตาย ร่างของมันกลายเป็นมวลสารสีดำเทา อันตรธานไปพร้อมกับยมทูต
ร่างของวิญญาณบัวเงินจางๆที่ดูเหมือนจะอ่อนแรงลงทุกที
“ตัวกูเองก่อคงต้อง ฮับกรรมไปอีกเมินอีเม้ย”

+ + + + + + + + + + + +

ในห้องคนไข้พิเศษ...ดอกปีบถูกจัดใส่แจกันใบเล็กวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงคนไข้ เรรินนอนลืมตานิ่งแต่ลมหายใจไม่มีจิตวิญญาณรับรู้อะไรทั้งสิ้น สุริยวงศ์นั่งอยู่ข้างเตียง กุมมือเรรินเอาไว้ชวนคุยตลอดเวลา
“ผมเก็บดอกกาสะลองมาฝากคุณด้วย คุณรินได้กลิ่นไหมครับ งานเผาศพคุณย่าผ่านไปแล้ว ต่อไปนี้ผมคงมีเวลามาดูแลคุณรินทุกวัน วันนี้ผมทำซุปเห็ดมาฝากคุณรินด้วยนะครับ คุณรินจะกินเลยไหมครับ ซุปยังอุ่นๆอยู่เลย”
เรรินนิ่งไม่ตอบสนองใดๆ พรรณวรินทร์ เปิดประตูเข้ามาแล้วชะงักมองเขามาทุกวันและมาถึงก่อนเธอทุกครั้งเสียอีกด้วย สุริยวงศ์หันมาเห็น ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณแม่”
“คุณกลับมาอีกทำไม”
“ผมเสร็จธุระของผมที่เชียงใหม่แล้วครับ”
“ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องกลับมาอีก”
“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะดูแลคุณรินจนกว่าเธอจะ...”
สุริยวงศ์ยังพูดไม่จบ พรรณวรินทร์รีบขัดขึ้น
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น คุณก็ได้ยินที่หมอบอกไม่ใช่เหรอโอกาสที่ยัยรินจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้...ไม่มี นอกจากปาฏิหาริย์เท่านั้น”
“แล้วคุณแม่จะไม่หวังในปาฏิหาริย์นั้นเหรอครับ”
พรรณวรินทร์อึ้ง
“ตัวผมเองหวังทุกวัน ทุกนาที และคงจะไม่หยุดหวังหรอกครับ”
“คุณถอยออกมาจากลูกฉันซะฉันจะเช็ดตัวให้ลูก”
สุริยวงศ์ จำใจถอยออกมา พรรณวรินทร์ ขยับเข้าใกล้เรริน
“ริน...ลูก คุณหมอบอกว่าจะกลับไปอยู่บ้านก็ได้แล้วนะลูก รินอยากกลับไปอยู่บ้านของเราไหม”
เรรินนิ่ง ดวงตาเลื่อนลอย สุริยวงศ์ ไม่สิ้นกำลังใจ

+ + + + + + + + + + + +
 
(อ่านต่อหน้า 2)  











รอยไหม ตอนอวสาน (ต่อ)

ดอกปีบร่วงขาวกระจายบนพื้นและยังร่วงลงมาเป็นระยะๆ เรรินนั่งอยู่บนรถเข็นคนป่วยอยู่ในสวน สุริยวงศ์เดินเข้ามาทางประตูหน้าบ้านเดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับคุณริน”
เรรินหันมามองช้าๆยิ้มให้
“สวัสดีค่ะ”
สุริยวงศ์ยิ้มดีใจ
“คุณเป็นใคร”
สุริยวงศ์สลดลงแต่ก็ฝืนยิ้มออกมา
“คุณรินอยากเดินเล่นไหมครับ”
พรรณวรินทร์ เข้ามาพอดี
“คุณเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง ใครอนุญาต...”พรรณวรินทร์ตะโกน เรียก “สุดา...สุดา...หายไปไหนกันหมด ปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาถึงในบ้านได้ยังไง”
“คุณแม่ครับ...ในฐานะที่ผมทำให้คุณรินต้องเป็นอย่างนี้ ผมขอแสดงความรับผิดชอบ”
“ไม่จำเป็น”
“เป็นสิ่งเดียวที่ผมจะทำเพื่อคนที่ผมรักได้”
“รักเหรอ คุณกล้าพูดคำว่ารักลูกสาวฉันเหรอ”
“ผมรักคุณรินครับ”
“คุณรู้จักยัยรินดีแค่ไหนกัน...แค่ระยะเวลาสั้นๆ คุณกล้าเกินไปแล้วที่มาใช้คำว่ารักกับลูกสาวฉัน”
“คุณแม่อาจจะไม่เชื่อใจผม แต่ผมขอยืนยันว่าผมพร้อมที่จะดูแลคุณรินด้วยชีวิตของผมเอง”
พรรณวรินทร์อึ้งไปเหมือนกัน
“คุณไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นอะไรกับลูกฉันเลย ถ้าคุณคิดว่าคุณรู้จักความรักดีพอ คุณก็ต้องเข้าใจหัวอกของคนที่เป็นแม่อย่าให้ฉันต้องหยาบคายไปกว่านี้เลย ไปซะแล้วอย่ากลับมาอีก”
พรรณวรินทร์เข็นรถพาเรริน ออกไปทางนึง เรรินนิ่งไม่รับรู้อะไร...สุริยวงศ์นิ่งอึ้งไป

+ + + + + + + + + + + +

สุริยวงศ์กลับมาเชียงใหม่ เขาตรงไปหาวันดาราที่รีสอร์ท สุริยวงศ์นั่งเศร้าคอตกอยู่มุมนึงมองออกไปไกลไม่มีจุดหมาย วันดาราเดินมาหา
“หักอกหักใจ๋เหียเต๊อะสุริยะ คิดเหียว่าน้องกับคุณรินทำบุญฮ่วมกั๋นเพียงเต่าอี้”
“จาดนี้ผมฮักไผแหมบ่ได้แล้วครับปี้วัน”
วันดาราได้แต่ถอนใจ สุริยวงศ์เหมอลอยหน้าสลดเศร้า
วันต่อมาสุริยวงศ์ไปที่ห้องทอผ้า
ผ้าตุ๊มที่ทอเสร็จสมบูรณ์ ยังค้างอยู่บนกี่ สุริยวงศ์ก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ จนมาถึงข้างกี่ เขาลูบคลำผ้าผืนนั้น อย่างส่งกำลังจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและคิดถึงไปถึงเรริน
ทางด้านเรริน...มือเรรินขยับเขยื้อนเหมือนจะกำบางสิ่งบางอย่าง พรรณวรินทร์ ยกถาดอาหารเข้ามา
“ริน...หิวไหมลูก”พรรณวรินทร์วางถาดลงชะงักเพราะเห็นเรรินทำท่าแปลกๆ “ริน....ทำอะไรลูก”
เรรินหยุดชะงัก แล้วค่อยๆหันมามองด้วยสายตาว่างเปล่า
“แม่ทำข้าวต้มปลามาให้ กินข้าวก่อนนะลูก”
เรรินหันหน้ากลับ ขยับลุกขึ้นแล้วเดินช้าๆออกไปยังสวนหน้าบ้าน เหมือนมีบางสิ่งจากบางแห่งเรียกร้อง พรรณวรินทร์ได้แต่มองตาม เหนื่อยและจนปัญญา ที่จะเยียวยาลูก เธอร้องไห้ออกมา...เรรินออกไปยืนอยู่กลางสวน ปล่อยให้ดอกกาสะลองร่วงปลิวลงมาสัมผัสตน

+ + + + + + + + + + + +

สุริยวงศ์ที่ยืนมองดูตึกคุ้มเจ้าหลวงด้วยสายตาท้อแท้ นึกถึงสิ่งที่เขาได้คุยกับบัวซอนที่ผ่านมา
‘…คุณสิริยะเจ้า...’
สุริยวงศ์หันกลับมาบัวซอนยืนกอดสมุดบันทึก ของเรรินยื่นสมุดบันทึกให้
‘…อะหยังบัวซอน...’
‘…ตอนเก็บของส่งไปหื้อคุณรินข้าเจ้าบ่หันสมุดเล่มนี้เพิ่งมาปบเจ้า…’
สุริยวงศ์รับสมุดบันทึกมางงๆ
‘…เปิ้นคงจดบันทึกอะหยังไว้นักฝากคุณสุริยะส่งคืนเปิ้นตวย...’
‘…ขอบใจ๋เน้อบัวซอน ขอบใจ๋จ๊าดนัก...’
บัวซอนยิ้มให้แล้วเดินจากไป สุริยวงศ์กอดสมุดไว้เหมือนได้กอดตัวเจ้าของ
จากนั้นสุริยวงศ์ได้นั่งอ่านสมุดบันทึกของเรรินอย่างใจจดใจจ่อ สุริยวงศ์พลิกสมุดบันทึกหน้าแล้ว หน้าเล่า อย่างสนใจ เรื่องที่ไม่เคยเชื่อก็ต้องเชื่อ

+ + + + + + + + + + + +

หลายวันต่อมา...
พรรณวรินทร์ เดินเข้ามาในห้องรับแขก แล้วหยุดชะงัก เมื่อเห็นว่า แขกที่มาถึงบ้านคือวันดารา ลุกขึ้นยืน ไหว้พรรณวรินทร์
“สวัสดี เจ้า”
“คุณน่ะเอง”
“ข้าเจ้าตั้งใจมาเยี่ยมคุณริน เจ้า”
พรรณวรินทร์จำใจยอมให้ วันดาราเข้าไปเยี่ยมเรริน
วันดาราเอื้อมมือไปจับมือเรรินขึ้นมากุมไว้
“คุณริน เจ้า...สวัสดีเจ้า”
เรริน ค่อยๆหันหน้ามามอง
“สวัสดีค่ะ คุณคือใครคะ” เรรินถามยิ้มๆ
“พี่วันไงเจ้า คุณรินจำพี่ บ่ ได้ก๊ะ”
เรรินไม่ตอบยิ้ม เฉยๆว่างเปล่า
“คุณรินดูสดชื่น แข็งแรงดีนะเจ้า เมื่อใดจะได้ขึ้นไปแอ่วเชียงใหม่”
เรรินเหมือนไม่ได้ยิน ไม่รับรู้อะไร เลิกสนใจวันดารา พรรณวรินทร์มองทุกอย่างอย่างสงบ วันดารายังกุมมือเรรินไว้
หลังจากเยี่ยมเรรินแล้ว วันดาราจึงมานั่งคุยกับพรรณวรินทร์ในห้องรับแขก
“ฉันมีลูกคนเดียว ความหวัง ความฝันของฉันทั้งหมด อยู่ที่ลูกคนนี้ แต่ก็มีอันต้องเป็นไปอย่างนี้ ถ้าฉันไม่อยู่เสียแล้ว เรรินจะมีชีวิตอยู่ยังไงในสภาพแบบนี้”พรรณวรินทร์บอกอย่างกังวลใจห่วงใยลูกเป็นที่สุด
“คุณอย่างเพิ่งท้อแท้ หรือหมดกำลังใจเลยเจ้า ตราบใดที่เฮายัง บ่ หยุดมีความหวัง โอกาสต้องเป็นของเฮาเสมอเจ้า”วันดาราให้กำลังใจ
“คุณหมอกี่คนๆ ก็พูดเหมือนกันว่าโอกาสมีน้อยเต็มที่ จนถึงต้องทำใจ เพราะไม่มีโอกาสเลย”
“คุณพรรณวรินทร์เจ้า ข้าเจ้าเชื่ออยู่อย่างนึง ความฮักเป็นสิ่งเดียวที่จะ เยียวยาความเจ็บไข้ ทุกอย่างได้”
พรรณวรินทร์นิ่งและเปิดใจ วันดาราหยิบสมุดบันทึกของเรรินออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้พรรณวรินทร์
“คุณรินเปิ้นทิ้งสมุดบันทึกเล่มนี้ไว้ คุณพรรณวรินทร์อ่านดูเต๊อะเจ้า อาจจะช่วยหื้อเข้าใจอะหยังๆ ได้มากขึ้น เรื่องบางเรื่องที่เฮาคิดว่าเป็นเรื่องเหนือความจริงและเป็นไป บ่ ได้ บางครั้งก้เป็นความจริงที่เฮาปฎิเสธ บ่ ได้ดอกเจ้า”
พรรณวรินทร์รับสมุดบันทึกเล่มนั้นมา

+ + + + + + + + + + + +

วันต่อมา เรรินนั่งอยู่ในสวน พรรณวรินทร์ นั่งอ่านสมุดบันทึกอยู่อีกมุมถัดมา ใจความในสมุดบันทึก ดึงสมาธิและความสนใจของ พรรณวรินทร์ เปิดโลกอีกโลกนึงให้เธอได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยได้เห็น ได้สัมผัสในสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัส เรรินขยับลุกขึ้นก้มเอื้อมมือไปเก็บดอกปีบที่พื้นขึ้นมาดม พรรณวรินทร์สมาธิจดจ่ออยู่กับสมุดบันทึก ทันใดนั้นเสียงเรรินก็ดังขึ้น
“แม่ค่ะ...แม่”
พรรณวรินทร์ เหมือนหูแว่วไป ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเห็นเรริน ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ้มให้
“แม่...”
พรรณวรินทร์ เหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง เรรินยื่นดอกปีบออกมาส่งให้ พรรณวรินทร์รับดอกปีบมา แล้วลุกขึ้นสวมกอดลูกดีใจทั้งน้ำตาความทรงจำแรกของเรรินกลับมาแล้ว

+ + + + + + + + + + + +

สุริยวงศ์ กราบพระในวิหารเสร็จแล้วคลานเข้าไปที่พานแว่นแก้ว จะถวายกรวยดอกไม้ แต่แล้วต้องชะงัก
เมื่อในพานแว่นแก้ว มีกรวยดอกไม้ที่วางถวายเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว ความพิเศษของกรวยดอกไม้นั้น คือ ดอกกาสะลอง สุริยวงศ์หันขวับมองหาเจ้าของกรวยดอกไม้นั้น แต่ในวิหารไม่มีใครเลย สุริยวงศ์ทำใจเขาคงอุปาทานไปเอง
สุริยวงศ์เดินออกมาจากวิหารเหงาๆ ทันใดนั้นเสียงของวันดาราก็ดังขึ้น
“สุริยะ”
สุริยวงศ์หันไปมองเห็นวันดาราเดินยิ้มเข้ามาหา
“พี่วัน...มายังไงครับนี่”
“พี่ก็ตามโตมาไหว้พระ เหมือนกันน่ะแหละ”
“ผมตั้งใจมากราบขอพรพระทุกวัน ขอให้บุญกุศลที่ผมมี ที่ผมทำ ส่งไปถึงคุณริน ให้เธอแข็งแรงกลับมาเหมือนเดิมซักวันครับ”
“แรงอธิษฐานโต น่าจะใกล้เป็นความจริงเข้ามาทุกทีแล้วละ”วันดารายิ้มมองไปทางนึง
สุริยวงศ์มองตามสายตาวันดาราแล้วไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อพบว่า พรรณวรินทร์ จูงเรรินเดินเข้ามาไกล ๆ
“คุณริน”
สุริยวงศ์วิ่งเข้าไปหาเรรินทันที
“คุณริน”
เรรินยิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ คุณชื่ออะไรคะ”
สุริยวงศ์กุมมือเรรินไว้ พรรณวรินทร์หันมาบอก
“แม่ ได้อ่านทุกตัวอักษรที่เรรินได้บันทึกไว้แล้ว แม่ไม่มีคำถามอะไรที่จะต้องถามคุณอีกแล้ว...คุณกับเรรินน่าจะเกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ สิ่งเดียวที่น่าจะเยียวยาเรรินได้ คือ ความรัก อย่างที่คุณวันว่านั่นแหละ แม่ฝากเรรินด้วยนะคุณสุริยวงศ์”
“ผมขอยืนยันคำพูดเดิมครับคุณแม่ ผมจะดูแลคุณรินด้วยชีวิตของผมครับ”
พรรณวรินทร์ยิ้มตอบ ซึ้งน้ำใจ

+ + + + + + + + + + + +

สุริยวงศ์พาเรรินมาที่บ้านของเขา แล้วทำอาหารให้เรรินกิน เรรินที่นั่งหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่าง เลื่อนลอย
“คุณรินครับ กินข้าวเถอะครับ”
เรรินไม่มีปฏิกิริยา ตอบสนอง สุริยวงศ์ยกชามข้าวต้มเข้ามาแล้วตักข้าวต้ม ขึ้นเป่าไล่ความร้อน ป้อนเรรินแล้วซับปากให้ สายตาเรริน เลื่อนลอยว่างเปล่า
“อร่อยไหมครับ”
เรรินนิ่งเฉยไม่ตอบ
“กินอิ่มแล้ว เดี๋ยวเราออกไปเดินเล่นกันนะครับ”
สุริยวงศ์จะป้อนข้าวอีกคำ
“คุณเป็นใคร ชื่ออะไรคะ”
สุริยวงศ์ถูกถามครั้งที่ร้อย ที่พัน แต่ก็สะเทือนใจทุกที
“สุริยวงศ์ครับ คุณรินเรียกผมว่าสุริยะเฉย ๆ ก็ได้”
“สุริยะ...สุริยะ”
สุริยวงศ์ยิ้มตอบ พอใจ ทันใดนั้นวงพระจันทร์ก้าวข้ามา
“ร้านรวงก็ไม่ไปดูแล ถามใครต่อใครว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ไหม ก็ไม่มีใครรู้ ถ้าไม่มาเห็นกับตา วงพระจันทร์ก็คงไม่เชื่อหรอกว่า คุณเอาเวลาทั้งหมดมาคอยดูแลซากศพยัยนี่ น่าสมเพช”
สุริยวงศ์ ไม่พอใจ
“มีธุระอะไร วงพระจันทร์ ถ้าไม่มีผมขอตัว”
“ฉันอยากรู้ว่านอกจากบ้านกับที่ดิน คุณย่าทำพินัยกรรมยกอะไรให้คุณอีก”
“มันไม่ใช่ความลับอะไร คุณก็รู้ทุกอย่างจากทนายความแล้วนี่”
“ฉันก็หลานคนนึง ทำไมฉันได้แค่ไอ้ผ้าโบราณ เก่าๆขาดๆ ในหีบนั่น ทุเรศสิ้นดี คุณย่าลำเอียง”
สุริยวงศ์ มองหน้า
“คุณอยากได้เงินมากกว่า”
“ก็แหงละ คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ถ้าไม่มีเงิน”
“ผ้าโบราณพวกนั้นเป็นของรักของหวงของคุณย่า”
“ผ้าขี้ริ้วพวกนั้นน่ะนะ อยากจะบ้าตาย ใครอยากได้ก็เอาไปเถอะ...หรือคุณอยากได้”
“แน่นอน ผมอยากได้”
วงพระจันทร์ยิ้ม
“คุณจะจ่ายเท่าไหร่”
“แล้วคุณคิดว่า ผ้าขี้ริ้วพวกนั้นมีค่าเป็นเงินเท่าไรละวงพระจันทร์”
“ห้าหมื่น”
“ตกลง”
วงพระจันทร์คิดๆแล้วเปลี่ยนใจ
“ไม่ๆๆๆ ห้าหมื่นฉันซื้อกระเป๋าแบรด์เนมได้แค่ใบเล็กๆใบเดียว แสนนึงก็แล้วกัน”
“ตกลง ผมจะไห้ให้คุณมากไปกว่านี้ แล้วผมจะจัดการให้ทันทีที่คุณส่งของมาถึงมือผม”
สุริยวงศ์หันไปป้อนข้าวเรรินต่อ วงพระจันทร์มอง ยิ้มเยาะ เรรินลุกขึ้น จะเดินออกไป
“จะไปไหนครับคุณริน”
“ไปเดินเล่น”
“กินข้าวให้หมดก่อนเถอะครับ”
เรรินนั่งลงกินต่ออย่างว่าง่าย วงพระจันทร์มองเหยียด
“น่าสมเพช ใจคอคุณจะดูแลยัยบ้านี่จนตายรึไง มันจะเอาชีวิตคุณไปทั้งชีวิต เลยนะ”
“ถ้าคุณรู้จัก ความรักดีพอ คำพูดโง่ๆ จะไม่หลุดออกมาจากปากคุณอย่างนี้หรอก วงพระจันทร์...ถ้าหมดธุระของคุณแล้ว ก็เชิญ”
เรรินหันไปยิ้มให้วงพระจันทร์
“สวัสดีค่ะ คุณชื่ออะไรคะ”
วงพระจันทร์หัวเราะเยาะใส่ เรริน ก่อนจะเดินออกไป เรรินยิ้มให้สุริยวงศ์
“กินข้าวให้หมด จะได้ออกไปเดินเล่น”
เรรินอ้าปากคอยข้าว จากสุริยวงศ์ สุริยวงศ์รีบป้อนข้าว ยิ้มมีความสุข

+ + + + + + + + + + + +

สุริยวงศ์พาเรริน เดินเล่นออกมาที่สวน ชวนคุยไม่หยุด
“เราพบกันครั้งแรกที่แม่แจ่ม คุณรินจำได้ไหมครับ คุณรินชอบผ้าผืนนั้นมาก คุณรินเป็นอาจารย์สวนทอผ้า”
“ทอผ้า...”เรรินทวนคำ
สุริยวงศ์พาเรรินลงนั่งมุมหนึ่ง เก็บดอกปีบที่ร่วงเกลื่อนนั้นขึ้นมาส่งให้เรรินดอกนึง
“ดอกกาสะลอง ดอกไม้ที่คุณรินรักมากหอมชื่นใจไหมครับ”
เรรินดมดอกปีบ ขณะเดียวกันนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สุริยวงศ์หยิบโทรศัพท์ออกมา
“ผมรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ”สุริยะวงศ์กดรับ “ว่าไง นายต้อง...เช็คสต๊อกไวน์ด้วย แล้วรวบรวมบิลไว้ ฉันจะเข้าไปเคลียร์ให้ ฝากร้านด้วย ขอบใจมาก”
สุริยะกดวางสาย หันไปทางเรรินอีกทีก็ต้องชะงักเมื่อเห็น เรรินที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่ทำท่ากระแทกฟืมทอผ้า ในจินตนาการสลับการพุ่งกระสวย ด้วยสมาธิจดจ่อมาก
“คุณริน ครับ”
เรรินค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ยิ้มให้ สุริยวงศ์เกิดความหวัง ความคิดบรรเจิด เพราะนั่นหมายความว่า ความผูกพันบางอย่างจะดึงเรรินกลับมาได้
สุริยวงศ์ประคองพาเรริน เดินเข้ามาด้านหน้าตำหนักมณีริน เรรินมองตำหนักทั้งหลังแล้วเดินไปใต้ต้นปีบ สุริยวงศ์ปล่อยเรรินให้เดินไปคนเดียว ดอกปีบร่วงเต็มพื้น เรรินค่อยๆ ก้มลงเก็บดอกปีบขึ้นมาดอกนึง แล้วดม ทันใดเธอได้ยินเสียงพิณเปี๊ยะ ดังกังวานขึ้นจากที่ใดที่หนึ่ง กรีดแทงเข้าไปถึงขั้วหัวใจ เรรินชะงักเหมือนมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นต่อโสตประสาท สุริยวงศ์สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ไกลๆ
ภายในตำหนัก ทุกสิ่งอย่างในวันนี้ ยังถูกจัดวางไว้เหมือนในอดีต เรรินก้าวเข้ามามองรอบตัว เสียงพิณเปี๊ยะยังดังอยู่ในตวามรู้สึก
“คุณรินจะอยู่ที่นานเท่าไรก็ได้นะครับ ตามสบาย”
เรรินค่อยๆหันกลับมาหาสุริยวงศ์ที่มองอยู่นานแล้ว...
“คุณสุริยะ”
สุริยะวงศ์เหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง เรรินเรียกอีก
“คุณสุริยะ”
สุริยะหน้าตื่นดีใจ
“คุณริน...”
สุริยวงศ์โผเข้ากอดเรรินเอาไว้ดีใจสุดๆที่เธอจำเขาได้แล้ว

+ + + + + + + + + + + +

ในห้องจัดแสดงผ้าของ คุ้มเจ้าหลวง ผ้าตุ๊มผืนที่ทอเสร็จสมบูรณ์ ถูกแขวนโชว์ทิ้งลงมาในตำแหน่งที่น่าสนใจที่สุดอวดศักดิ์ศรีความงาม และแสงไฟเหมือนจะถูกจัดให้ผ้าผืนนี้โดดเด่นเป็นพิเศษท่ามกลางผ้าโบราณชิ้นอื่น ๆ ไหมแมอธิบายให้แขกที่เข้ามาฟัง
“เราเรียกผ้าชนิดนี้ว่าผ้าตุ๊ม คือ ผ้าห่มสำหรับผู้ชาย ผ้าผืนนี้ถูกทอขึ้นเพื่อใช้ในพิธีแต่งงาน เจ้าสาวจะเป็นผู้มอบผ้าที่ทอขึ้นด้วยฝีมือตัวเองให้กับเจ้าบ่าวที่ตัวรัก ผ้าผืนนี้มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง เพราะใช้เวลาการทอยาวนานถึงเจ็ดสิบปี กว่าผ้าผืนนี้จะเสร็จสมบูรณ์ ปกติศิลปะบนผืนผ้าโบราณ พวกเราจะแทบไม่รู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของผลงาน แต่ผู้ที่ทอผ้าผืนนี้ไว้ในอดีต คือ เจ้านางมณีริน เจ้าหญิงจากเชียงตุง”
กลุ่มผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์รุมล้อมดูผ้าผืนนั้นอย่างสนใจ
ทางด้านสุริยวงศ์กุมมือเรรินเดินเล่นกัน ทั้งคู่มองไปยังสายน้ำปิง
“ในความมืดมนที่เหมือนจะยาวนานชั่วกับชั่วกัลป์ ฉันคิดถึงคุณมาก สุริยะ ฉันคิดว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าคุณอีกแล้ว”
สุริยะดึงเรรินเข้ามากอดไว้
“ถ้าเราต้องพรากจากกันอีกในชาตินี้ ผมก็คงต้องทนมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุขเหมือนกัน ผมจะไม่ปล่อยให้คุณไปไหนอีกแล้ว อยู่กับผมที่นี่ตลอดไปนะครับ เรริน ผมรักคุณ”
สุริยะจูบเรรินอย่างนิ่มนวล เรรินกอดสุริยะแทนคำพูดว่ารักสุดดวงใจเช่นกัน
ในบ้านบัวเงิน...
ข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆที่ยังอยู่ในสภาพเดิมทุกอย่าง รูปถ่ายของบุคคลต่างๆ เรียงราย
ลมพัดผ้าม่านปลิวไหว มุมที่นั่งประจำของบัวเงิน เก้าอี้โยกตัวโปรด เริ่มโยกไหวช้าๆ
ร่างของบัวเงินค่อยๆ เลือนชัดขึ้นกลายเป็นร่างจางๆ
ที่นี่ยังเป็นคุกสำหรับบัวเงิน ถึงตัวจะตายไปแล้ว แต่ดวงวิญญาณก็ยังต้องถูกลงทัณฑ์อย่างสาสมด้วยการถูกกักขังต่อไปอีกนานแสนนาน

จบบริบูรณ์
......................................................................................................
วางแผงแล้ววันนี้!!!
เก็บเกี่ยวความประทับใจที่มีต่อละครเรื่อง “รอยไหม”
และบรรดาตัวละครที่คุณหลงรัก ทั้ง ผีอีเม้ย, หม่อมบัวเงินที่ร้ายแสบทรวงตั้งแต่สาวยันชรา, เรริน, เจ้านางมณีริน, เจ้าศิริวัฒนา, เจ้าศิริวงศ์, สุริยวงศ์, ฯลฯ ในผลงานละครโทรทัศน์เรื่องเยี่ยม ที่สร้างความฮือฮา เป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ตั้งแต่วันแรก ตอนแรกที่ออกอากาศ และเชื่อว่าเสียงอื้ออึง ตลอดจนคำชื่นชมเหล่านี้จะมีเซ็งแซ่ไปจวบจนวันที่ละครลาจอ สำนักพิมพ์ “ซูเปอร์บันเทิง” โดยทีมงาน ละครออนไลน์ รวบรวมเรียบเรียงบทละครโทรทัศน์ตั้งแต่บทแรกจนถึงตอนอวสาน ในรูปแบบพ็อกเก็ตบุ๊คเฉพาะกิจ “รอยไหม” พร้อมเบื้องหน้า เบื้องหลัง เอาไว้อย่างครบครัน ครบถ้วน สมบูรณ์ที่สุด ด้วยรูปเล่มกระทัดรัด ภาพประกอบ 4 สี สวยงามจุใจควรค่าแก่การเก็บสะสม  
ราคาเพียง 129 บา เจ้า..
แฮ่..............................................................
หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ ร้านซีเอ็ด บุ๊คเซ็นเตอร์, เซเว่นอีลัฟเว่น, ร้านหนังสือบุ๊คสไมล์, ร้านนายอินทร์, ร้านหนังสือ B2S, ศูนย์หนังสือจุฬา และร้าน ASTV Products. 
 
พบกับ “หมอโอ๊ต” พงศกร จินดาวัฒนะ เจ้าของบทประพันธ์ “รอยไหม”
อันเลื่องชื่อ ที่จะมามอบลายเซ็นต์เป็นที่ระลึกให้กับแฟนๆ ที่ซื้อพ็อตเกตบุ๊กเฉพาะกิจ “รอยไหม” ที่บูท M 01 โซน C ชั้นล่าง (ที่เดิม) ในวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคมนี้ ระหว่างเวลา 14.00 - 15.00 น. 
ในงาน “มหกรรมหนังสือแห่งชาติ” ครั้งที่ 16  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 
อย่าลืมมาปะ๊กันแหมโตยนะกะเจ้า

 










กำลังโหลดความคิดเห็น