ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 9
ระรินกับรสาปีนลงมาตามเสา ระรินรีบดึงมือรสาวิ่งไปทางหลังบ้าน ธานีกำลังจะเดินผ่านมาทางห้องอาหาร ชาติกับลูกน้องเดินตามมา ธานีสั่งการลูกน้อง
“หาตัวออกมาให้ได้ อย่าให้ระรินหนีออกไปสร้างปัญหาให้ฉัน”
ธานีเดินผ่านทางห้องอาหาร แล้วชะงักมองเข้าไปในห้องอาหาร ระรินหยิบไอศกรีมออกมาจากตู้เย็น ส่งช้อนให้รสาแล้วทั้งสองกินไอศกรีมด้วยกัน ธานีแปลกใจ เดินเข้ามา ระรินกับรสาแอบเหลือบมองกันพยายามเก็บอาการ รสามองลุ้น
“ทำอะไรของเธอ”ธานีถามเสียงเข้ม
ระรินแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“ทานไอติมค่ะ”
“ลูกน้องฉันบอกว่าเธอจะหนี”
“รินไม่โง่พอจะทำอย่างนั้นหรอกค่ะ...แค่อยากสั่งสอนลูกน้องคุณ ต่อไปให้พูดจากับน้องรินดีๆหน่อยเท่านั้นเอง”
ธานีมองระรินอย่างจับพิรุธ ระรินเก็บอาการ ทำเป็นหันกลับมากินต่อ ธานีหันมองลูกน้องอย่างตำหนิ ก่อนจะเดินออกไป ชาติกับลูกน้องตามไปด้วย ระรินกับรสาเหลือบมอง พอรู้ว่ารอดแล้ว ต่างก็ถอนหายใจเฮือก
ธานีกับชาติเดินออกมาจากห้องอาหาร
“คุณธานีเชื่อคุณระรินจริงๆเหรอครับ”
“เชื่อก็โง่สิ ดูก็รู้ว่าระรินปิดบังอะไรอยู่...สงสัยเมียตัวดีของฉันกำลังมีแผนการอะไรอีก แกจับตาดูสองพี่น้องนั่นอีกแรง...ช่วงที่รอผลดีเอ็นเอ ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องซะก่อน”
“ครับ คุณธานี”ชาติรับคำ
ระรินกับรสากลับเข้าห้องมาแล้วปิดประตู
“คุณธานีสงสัยว่าศพนั่นไม่ใช่คุณนาวิศ ก็เลยตรวจดีเอ็นเอศพ...แสดงว่าคุณธานีไม่ได้เห็นคุณนาวิศตายกับตา”ระรินบอกน้องสาว
“หรือว่าคุณธานีสงสัย ว่าคุณนาวิศยังไม่ตาย”
“คุณธานีคงไม่ไว้ใจนายเคี่ยม เพราะนายเคี่ยมก็รักและนับถือคุณนาวีมากตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่...”ระรินนิ่งคิด “หรือว่าที่ผ่านมานายเคี่ยมก็หาทางช่วยคุณนาวิศอยู่เหมือนกัน”
“รสาหลงคิดว่านายเคี่ยมเป็นคนเลว แอบทำชั่วใต้จมูกคุณนาวิศ...ไม่คิดว่านายเคี่ยมจะกลายเป็นฝ่ายธรรมะขึ้นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณนาวิศยังมีชีวิตอยู่รึเปล่านะพี่ริน”
ระรินคิดไป ไม่รู้คำตอบเช่นกัน
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศกับปาหนันนั่งอยู่บนรถสองแถวเข้าเมือง นาวิศมองหันกลับไปทางที่จากมา ทั้งรู้สึกโล่งใจที่หนีออกมาได้ แต่ก็รู้สึกหนักใจ นาวิศหันกลับมามองปาหนัน รู้สึกสะท้อนใจ ปาหนันหันมายิ้มให้ นาวิศแทบยิ้มตอบไม่ออก
ทางด้านแท่นจะกลับไปที่บ้านสวนมะพร้าว พอดีเดื่อหิ้วปิ่นโตสวนมา
“อ้าวไอ้เดื่อ กลับแล้วเหรอวะ ไม่อยู่ช่วยคุณหนันเฝ้าไอ้พร้าว”
“ข้ามันส่วนเกิน ไม่ได้รับเชิญให้ไป”
“พูดอะไรวะ ไปไหน”
“ไอ้พร้าวมันชวนคุณหนัน ไปซื้อดอกไม้มาทำบุหงาที่ตลาดโน่น...”
แท่นหน้าตื่น
“อะไรนะ”
“ที่บ้านสวนน่ะ ไม่มีใครอยู่ให้เอ็งเฝ้าหรอก...เขาออกไปกันตั้งพักนึงแล้ว ปล่อยให้ข้านั่งกินข้าวคนเดียว...”
แท่นไม่อยู่ฟังจนจบ วิ่งแจ้นไปเสียก่อน
“อ้าวเฮ้ย จะรีบไปไหนวะไอ้แท่น”
ดื่อมองตามแท่งส่ายหน้างงๆ ว่าทำไมรีบร้อนนัก
ทางด้านเคี่ยมกับสหัสเดินเข้ามา กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในสำนักงาน แท่นวิ่งเข้ามาเสียก่อน
“นาย...พี่สหัส...แย่แล้ว”
“มีอะไรไอ้แท่น”
“อยู่ๆนาวิศมันก็ให้คุณหนันพาเข้าเมือง สงสัยมันวางแผนหนีอีก ไอ้เดื่อบอกว่าออกไปได้พักนึงแล้ว”
สหัสตกใจ
“แล้วทำไมเอ็งไม่เฝ้ามันให้ดีๆ ข้าบอกแล้วไง อย่าให้มันคลาดสายตา”
“ผมออกไปกินข้าวน่ะพี่ ก็เห็นอยู่กันทั้งคุณหนันทั้งไอ้เดื่อ...ไม่คิดว่ามันจะหลอกคุณหนันให้พาออกไปแบบนี้”
เคี่ยมนิ่งคิด
“ลูกหนันต้องพานาวิศนั่งสองแถว ยังไงก็เสียเวลา พวกแกตามไปตอนนี้อาจจะยังทัน รีบไป”
สหัสกับแท่นวิ่งไปที่รถกระบะ ขึ้นรถขับออกไป เคี่ยมมองตาม หน้าเครียด
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันกับนาวิศลงรถสองแถว นาวิศหันมองรอบๆ หาทางหนี
“ที่นี่ไม่ค่อยมีแท็กซี่เลยนะครับ ไม่เหมือนในกรุงเทพ”
ปาหนันหันมองอย่างแปลกใจ
“พร้าวรู้ได้ไง เคยไปกรุงเทพเหรอ”
นาวิศอึกอัก
“เปล่าครับ...แค่เห็นในทีวี”
ปาหนันยิ้ม
“มาสองแถวก็กลับสองแถวน่ะแหละ ไม่ต้องหาแท็กซี่หรอก...มานี่เถอะพร้าว หนันพาไปดูอะไร”
ปาหนันเดินนำไป นาวิศยังมองหาทางกลับกรุงเทพ แต่ก็ตามปาหนันไปก่อน ปาหนันพานาวิศมาหยุดยืนหน้าร้านอาหารที่ดูน่ารักเธอมองเข้าไปในร้าน
“หนันอยากมานั่งกินที่นี่นานแล้ว แต่ยายเจ่งไม่ยอมมากินเป็นเพื่อนหนันซะที วันนี้พร้าวกินเป็นเพื่อนหนันนะ”
นาวิศอึกอัก ตั้งใจจะหนี แต่ปาหนันดันชวนกินข้าว
“เอ่อ...”
ปาหนันเห็นนาวิศท่าทางเหมือนไม่อยากกิน
“หรือว่าพร้าวไม่อยากกินที่นี่ อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร...”
“เปล่าครับ...ถ้าคุณหนันอยากกิน ผมก็อยากกินครับ”
นาวิศยิ้มให้ ปาหนันดีใจ
“งั้นเข้าไปในร้านกันเถอะ”
ปาหนันเดินนำเข้าไปในร้านก่อน นาวิศตัดสินใจตามเข้าไป
ขณะเดียวกัน สหัสขับรถกระบะโดยมีแท่นนั่งมาด้วย ทั้งสองร้อนใจ กลัวนาวิศจะหนีไปได้
“ผมไม่น่าเลย ดันทิ้งนาวิศไว้กับคุณหนันกับไอ้เดื่อ เกิดเรื่องจนได้”
“มันเกิดขึ้นแล้ว เลิกโทษตัวเองเหอะ ข้าแค้นไอ้นาวิศมากกว่า ที่มันใช้ความไว้ใจของคุณหนันเป็นเครื่องมือ...จะปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้ ยังไงก็ต้องลากคอมันกลับมา”สหัสบอกแล้วเหยียบคันเร่งทันที
ในร้าน...
ปาหนันนั่งกินสปาเก็ตตี้ ท่าทางมีความสุข ถึงแม้จะใช้ส้อมจิ้มเส้นขึ้นมา แล้วเส้นจะดิ้นหลุดจากส้อม แต่ปาหนันก็ยิ้มสนุก นาวิศมองปาหนันอย่างเอ็นดู นาวิศยื่นมือไปหยิบช้อน ส้อมจากปาหนัน
“ทำแบบนี้สิครับคุณหนันจะกินง่ายกว่า”
นาวิศใช้ส้อมหมุนเส้น แล้วใช่ช้อนประคอง ยื่นคืนให้ ปาหนันตื่นเต้น
“จริงด้วย แบบนี้กินง่ายกว่ากันเยอะจมเลย...พร้าวคิดได้ไงเนี่ย...เอ๊ะหรือว่าพร้าวเคยกินอาหารแบบนี้”
นาวิศยิ้มส่ายหน้า
“ผมเคยเห็นในทีวีน่ะครับ”
“พร้าวนี่ ดูทีวีบ่อยจังนะ”
ปาหนันไม่ติดใจสงสัย ใช้ส้อมหมุนเส้นสปาเก็ตตี้ขึ้นมากิน ท่าทางมีความสุข อีกทั้งเรียกให้นาวิศกินด้วย
“พร้าวก็กินด้วยสิ”
นาวิศยิ้มรับ พยักหน้าทำทีเป็นก้มหน้ากิน แต่ก็แอบเหลือบมองปาหนัน นึกสะท้อนใจ
‘…คุณหนันครับ ผมขอโทษที่ต้องหลอกคุณ...ผมไม่อยากให้คุณต้องเสียใจ แต่ผมไม่มีทางอื่น...ผมขอโทษจริงๆ…’
เมื่อทานอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว นาวิศและปาหนันออกมาจากร้าน ปาหนันท่าทางร่าเริงมีความสุขมาก
“อิ่มมากเลย...ขอบใจนะพร้าว ที่มากินเป็นเพื่อนหนัน...ไว้เรามากันอีกนะ”
นาวิศทุกข์ใจ แต่ฝืนยิ้ม
“เดี๋ยวเราเข้าตลาดไปซื้อดอกไม้ แล้วก็กลับกันได้แล้วล่ะ”
“ครับ”
ปาหนันเดินนำออกไป
“ตามหนันมาเลย”
นาวิศมองปาหนัน รำพึงเบาๆ...
‘…ผมคงไม่มีโอกาสมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนคุณหนันแล้ว...ยกโทษให้ผม ด้วยนะครับ...’
นาวิศผลักประตูเข้าไปในร้านอีกครั้ง พนักงานยังยืนอยู่ใกล้ประตู
ปาหนันนึกว่านาวิศกำลังเดินตามมา แต่พอหันกลับมา จึงเห็นเขากำลังคุยกับพนักงานอยู่หน้าร้าน ปาหนันแปลกใจ เดินกลับไป นาวิศยังหันหลังออกมาทางหน้าร้าน ปาหนันเดินเข้ามาใกล้ นาวิศหันออกมาพอดี เห็นปาหนัน แกล้งยิ้มให้
“พร้าวคุยอะไรกับคนในร้านเหรอ”
นาวิศเดินออกมาจากร้าน
“ผมถามเขาว่าร้านเปิดวันไหนบ้างน่ะครับ เผื่อคราวหน้าเรามา จะได้ไม่เสียเที่ยว”
ปาหนันชี้ไปที่หน้าร้าน
“นี่ไง...หน้าร้านก็เขียนไว้”
นาวิศอึกอัก
“ผมไม่เห็นน่ะครับ”
ปาหนันยิ้ม ส่ายหน้า ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
“ไปตลาดกันได้แล้ว ตามหนันมาเร็ว”
ปาหนันเดินนำนาวิศไปอีกครั้ง แต่คอยหันมามอง นาวิศตามไป แต่เดินรั้งท้ายไว้ ปาหนันเดินนำนาวิศเข้ามา ใกล้ทางเข้าตลาด
“นี่แหละ ตลาดที่หนันมาซื้อดอกไม้ประจำ เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ปาหนันเดินนำไป นาวิศทำท่าเหมือนจะตาม แต่พอปาหนันเผลอ นาวิศก็หยุดยืนมองตามหลังปาหนันไป สะท้อนใจ
‘…ลาก่อนครับ คุณหนัน…’
นาวิศตัดใจ รีบหันหลังเดินหลบไปด้านหนึ่ง ล้วงเงินในกระเป๋ากางเกงออกมาจำนวนสามร้อยบาท นาวิศเงยหน้ามองไป แล้วเดินเข้าไปถามแม่ค้าหาบเร่หน้าตลาด
“ขอโทษนะครับ จากนี่ไปท่ารถ บขส. ไปยังไงครับ”
ปาหนันคิดว่านาวิศตามเข้ามา จึงพูดอยู่คนเดียวชี้ไป
“นั่นไงพร้าว ร้านที่หนันมาซื้อดอกไม้...”
ปาหนันหันกลับไป แต่ไม่เห็นนาวิศ
“พร้าว...”
ปาหนันหันมองหาไม่เห็นนาวิศ ยิ่งร้อนใจ
“พร้าว...แย่แล้ว พร้าวหลง”
ปาหนันเดินกลับมาทางเดิม พยายามมองหานาวิศ
“พร้าวอยู่ไหน”
ปาหนันมองหานาวิศด้วยความร้อนใจ
นาวิศเดินเข้ามา เห็นรถสองแถวจอดอยู่จึงเดินเข้ามาถามเด็กรถ
“ไปท่ารถบขส.ใช่ไหม”
เด็กรถพยักหน้า
“ขึ้นรถเลยพี่”
นาวิศขึ้นไปนั่งบนรถ แต่รถยังไม่ออก ปาหนันเดินทะลุออกมาจากในตลาด มองหานาวิศ แล้วเดินเข้าไปถามหานาวิศกับแม่ค้าแถวนั้น อธิบายถึงรูปร่างหน้าตาเสื้อผ้าที่สวมใส่ แม่ค้าส่ายหน้า ปาหนันร้อนใจ เดินหานาวิศมาทางรถสองแถว แวะถามพ่อค้าแม่ค้าข้างทาง นาวิศหันไปเห็นปาหนันยืนถามหาตนกับแม่ค้าคนหนึ่งก็ตกใจ
“คุณหนัน...”
นาวิศตัดสินใจลงจากรถไปหลบ กลัวปาหนันจะเดินมาทางนี้ ตัดสินใจข้ามถนนไปอีกฝั่ง แล้วหันมาแอบมองดูเห็นปาหนันตามหาตนด้วยความร้อนใจ ปาหนันมัวแต่มองหานาวิศไม่เห็นคนเข็นรถเข็นผักมาทางตน
“พร้าวอยู่ไหน...”
ปาหนันโดนรถเข็นผักเฉี่ยวล้ม
“โอ๊ย...”
นาวิตกใจ
“คุณหนัน...”
นาวิศจะออกไปจากที่ซ่อนเพราะเป็นห่วงปาหนัน แต่ก็ชะงักไว้เมื่อเห็นว่า คนเข็นผักและแม่ค้าแถวนั้นมาช่วยกันประคองขึ้นมา
“เดินใจลอย ไม่มองรถเลย”คนเข็นผักบ่น
“เป็นไงมั่งนังหนู”แม่ค้าถามอย่างเป็นห่วง
ปาหนันเจ็บขา แต่ส่ายหน้าคนเข็นผักกับแม่ค้าเห็นปาหนันไม่ได้เป็นอะไรมากก็แยกย้ายกันไป ปาหนันยืนน้ำตาคลอ หันมองหานาวิศด้วยความเป็นห่วง นาวิศมองดูปาหนัน กำมือแน่น เจ็บใจตัวเองที่ทำให้ปาหนันต้องเสียใจ
“คุณหนัน ผมขอโทษ...”
นาวิศตัดสินใจหันหลังให้ ไม่อาจทนมองเธอได้อีก ปาหนันยืนมองแถวนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เห็นเขาแล้วจึงตัดใจ หันหลังเดินกลับเข้าไปในตลาด
ปาหนันเดินคอตกเข้ามาได้ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นมีมือข้างหนึ่งเข้ามาคว้าแขนปาหนันไว้ ปาหนันหน้าตื่น หันไปมอง
“พร้า...”
ปาหนันพูดได้แค่นั้นก็ชะงักไป เมื่อปรากฏว่าเจ้าของมือข้างนั้นคือ สหัส
“ไอ้พร้าวอยู่ไหน คุณหนัน”
ปาหนันดึงแขนออกจากสหัส
“พร้าวหลงทาง เลิกจ้องจะหาเรื่องพร้าวแล้วช่วยหนันตามหาเขาดีกว่า”
แท่นหน้าเสีย
“แย่แล้วพี่สหัส มันหนีไปแล้ว”
“อะไรอีกล่ะแท่นหนันบอกว่าพร้าวหลง...”
สหัสขัดขึ้น
“มันไม้ได้หลง มันตั้งใจหนีตั้งแต่แรก ถึงหลอกคุณหนันออกมา”
“ไม่จริง!”ปาหนันเถียงเสียงหนักแน่น
“คุณหนันคิดว่าคนอย่างไอ้พร้าวมันจะซื่อบื้อเดินหลงกับคุณหนันเหรอ...ยอมรับความจริงเถออะครับ ไอ้พร้าวมันหลอกใช้คุณหนัน มันหลอกให้คุณหนันพามันออกมา”
ปาหนันเริ่มลังเล
“ม...ไม่จริง...”
แท่นรีบตัดบทอย่างร้อนใจ
“พี่สหัส รีบตามหามันเหอะ มันคงไปไม่ไกล”
สหัสพยักหน้ารับ หันบอกปาหนัน
“คุณหนันรีบกลับบ้านด่วนเลย ถ้าผมไม่เจอตัวมัน ผมจะรีบโทรรายงานนายเคี่ยม...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เราก็ต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด”
สหัสหันหลังจะไป ปาหนันดึงชายเสื้อสหัสไว้
“เดี๋ยวก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ผมไม่มีเวลาอธิบายแล้ว...ไป แท่น”
สหัสกับแท่นรีบร้อนออกไป ปาหนันสับสน สะเทือนใจ ไม่คิดว่านาวิศจะหลอกตนเธอตัดสินใจเดินออกไปจากตลาด
นาวิศเดินคอตกกลับมา จะกลับไปข้ามถนนขึ้นสองแถว สหัสกับแท่นออกมาจากในตลาดพอดี แท่นเห็นนาวิศรีบบอกสหัส
“พี่สหัส มันอยู่นั่น”
นาวิศเงยหน้ามาเห็นสหัสกับแท่น รีบวิ่งหนีไปทางหนึ่ง สหัสกับแท่นข้ามถนนตามมา
“อ้อมไปดักมันด้านโน้น”สหัสหันไปสั่งแท่น
แท่นรีบวิ่งไปตามคำสั่ง ส่วนสหัสไล่กวดตามหลังนาวิศ
ปาหนันเปิดประตูกลับเข้ามาในร้าน มองหานาวิศ พนักงานร้านเห็นก็รีบเดินเข้ามาหา
“ลืมอะไรเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะ...เอ่อ...ผู้ชายที่มากับฉัน เขากลับมาที่นี่รึเปล่าจ๊ะ”
“ไม่นี่คะ”
ปาหนันพยักหน้ารับ จะกลับออกไป แต่หยุดคิดอะไรขึ้นมาหันกลับมาที่พนักงานอีกครั้ง
“ตอนออกจากร้าน ผู้ชายที่มากับฉันเขาคุยอะไรกับคุณเหรอจ๊ะ”
“อ๋อ...เขาถามทางเข้ากรุงเทพน่ะค่ะ”
ปาหนันอึ้ง
“อ...อะไรนะ”
“ก็ถามว่าจากนี่ไปท่ารถไปยังไง ไกลไหมน่ะค่ะ”
ปาหนันนิ่งอึ้งไป ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้วผิดหวังเสียใจ ไม่เข้าใจว่าพร้าวหลอกเธอทำไม
อ่านต่อหน้าที่ 2
ตอนที่ 9 (ต่อ)
นาวิศวิ่งหนี หันไปมองเห็นสหัสไล่กวดตามมา นาวิศเลี้ยวที่มุมตึก แท่นวิ่งโผล่มา ขวางนาวิศไว้ นาวิศหันกลับมา สหัสดักทางไว้อีกด้าน
“หมดเวลาเล่นแล้วนาวิศ...แท่น เอาตัวมันกลับ”
“ได้เลยพี่”
แท่นเข้ามาจับตัวนาวิศ
“กลับกันได้แล้ว”
นาวิศรู้ว่ากลับไปคราวนี้จะต้องไม่รอดแน่ ตัดสินใจฉวยจังหวะที่แท่นเผลอ ผลักแท่นแล้ววิ่งหนีไปอีก แท่นเสียหลักไป สหัสรีบตาม
“แกหนีไม่พ้นหรอก กลับมา”
นาวิศเห็นรถคันหนึ่งกำลังแล่นตรงมา นาวิศหันมองสหัสกับแท่นที่กำลังตามมา ตัดสินใจวิ่งไปที่รถคันนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยครับ...ช่วยด้วย”
สหัสกับแท่นตามออกมาเห็น หน้าตื่นเล็กน้อย รถกระบะแล่นเข้ามาจอด นาวิศวิ่งมาที่ประตูด้านคนขับ แต่ไม่ทันมองหน้าคนขับรถเพราะมัวพะวักพะวงมองไปที่สหัสกับแท่น
“ช่วยด้วยครับ มีคนจะทำร้ายผม”
ประตูรถเปิดออก คนที่ก้าวออกมาจากรถก็คือเคี่ยม นาวิศชะงัก ขยับถอยหลังไม่คิดว่าตัวเองจะซวยขนาดนี้
“นายเคี่ยม...”
สหัสกับแท่นตามมาล็อคตัวนาวิศไว้ทันที นาวิศหมดทางหนี
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันยืนหน้าเศร้า มองออกไปนอกหน้าต่าง เดื่อกับทับทิมรู้เรื่องที่พร้าวหลอกให้ปาหนันพาออกไปเพื่อจะหนี เจ่งอยู่ด้วย
“ตกลงว่าพร้าวหลอกให้คุณหนันพาเข้าเมืองเพื่อจะหนีเหรอคะ ทำไมพร้าวต้องทำอย่างนั้นด้วย”ทับทิมถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็มันคิดว่านายเคี่ยมจะฆ่ามันไง” เดื่อหันมามองปาหนัน “ใช่ไหมคุณหนัน”
ปาหนันหน้าเศร้า พูดไม่ออก ทับทิมหันไปถามเจ่ง
“ยายเจ่ง เรื่องนี้มันยังไงกันแน่ ทำไมฉันรู้สึกว่ามันซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนี้ ไม่รู้อะไรนักหนา”
เจ่งแกล้งส่ายหน้าไม่รู้
“ข้าไม่รู้เรื่องหรอก”เจ่งมองปาหนัน “แต่ถึงยังไง...วันนี้ไอ้ พร้าวมันก็พิสูจน์ความจริงใจที่มันมีต่อคุณหนันแล้ว”
ปาหนันชะงัก ทับทิมไม่เข้าใจ
“ยังไงเหรอยายเจ่ง”
“ไม่ว่าไอ้พร้าวมันจะมีเหตุหลอะไร มันก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ ว่าไอ้พร้าวมันหลอกคุณหนัน ใช้คุณหนันเป็นเครื่องมือเพื่อจะหนีไปจากที่นี่”
ปาหนันสลด เจ่งพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น นาวิศโดนสหัสกับแท่นจับโยนเข้ามาในห้องของบ้านสวน เคี่ยมเดินตามเข้ามา
“เป็นอันว่าความทรงจำของนายกลับคืนมาแล้วใช่ไหม นาวิศ”
นาวิศรู้ชะตากรรมของตัวเอง หันไปเผชิญหน้ากับเคี่ยม
“ยังไงฉันก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือนายเคี่ยมแล้ว อยากทำอะไรฉันก็ลงมือได้เลย ไม่ต้องถามให้มากความ”
“ฉันไม่เคยต้องการจะทำร้ายนาย”
นาวิศแปลกใจ
“นายเคี่ยมหมายความว่าไง”
“ฉันไม่ขออธิบายอะไรดีกว่า...รอให้พ้นคืนนี้ไป เราก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
เคี่ยมหันหลังจะไปนาวิศรีบเข้ามาขวางเคี่ยมไว้
“เดี๋ยวก่อนนายเคี่ยม...นายเคี่ยมหมายความว่ายังไง”
เคี่ยมไม่ตอบ หันไปพยักหน้ากับสหัส แล้วเดินนำออกไป นาวิศจะตามเคี่ยม สหัสเข้ามาผลักอกนาวิศกลับเข้าไปในห้อง
“ไม่ได้ยินที่นายเคี่ยมบอกหรือไง รอให้พ้นคืนนี้...แล้วแกจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกฉัน...และคุณหนันอีก”
สหัสกับแท่นออกไป แท่นจัดการคล้องแม่กุญแจกับสายยูหน้าห้อง นาวิศเข้ามาดึงประตูจึงรู้ว่าโดนขังไว้อีกครั้ง นาวิศตะโกนออกไป
“สหัส...แท่น เปิดประตู มาขังฉันไว้อีกทำไม เปิดประตู”
เคี่ยมมองประตูห้องนาวิศอย่างหนักใจ หยิบกระเป๋าตังค์ของนาวิศที่สหัสกับแท่นเก็บได้ตั้งแต่แรกซึ่งมีบัตรประชาชนของนาวิศอยู่
“ของของนาย...ฉันคืนให้”
เคี่ยมโยนกระเป๋าตังค์ไปที่โต๊ะ กระเป๋ากระดอนจากโต๊ะหล่นลงพื้น เคี่ยมเดินนำสหัสกับแท่นออกไป...นาวิศเห็นว่าเงียบไป คาดว่าทั้งหมดไปกันแล้ว จึงได้แต่แปลกใจ
“ทำไมนายเคี่ยมไม่ฆ่าเรา มาจับเราขังไว้ที่นี่เพื่ออะไรอีก”
เคี่ยม สหัส แท่น เดินออก แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อปาหนันเดินเข้ามา
“ถึงขั้นนี้แล้ว พ่อจะบอกหนันได้รึยังจ๊ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
เคี่ยมหนักใจ สหัสกับแท่นเหลือบมองกัน หนักใจแทนเคี่ยมไปด้วย ปาหนันมองหน้าพ่ออย่างคาดคั้น เอาจริง ไม่ยอมปล่อยให้พ่อปิดเธออีกต่อไปแล้ว
เคี่ยมเดินกลับเข้ามาในบ้านหน้าเครียดขรึม ปาหนันตามเข้ามา
“ตกลงพร้าวเป็นใครกันแน่จ๊ะ ที่เขาต้องหนีเพราะพ่อจะฆ่าเขาจริงเหรอ”
เจ่งเดินออกมามอง หนักใจแทนเคี่ยม
“พ่อจะบอกลูกหนันทุกอย่างที่เกี่ยวกับไอ้พร้าว...แต่ต้องเป็นพรุ่งนี้ หลังจากที่เราไปจากที่นี่แล้ว”
“พ่อหมายความว่ายังไงจ๊ะ”
“เราจะย้ายไปอยู่ที่มวกเหล็ก สระบุรี...เราต้องหนี ลูกหนัน”
ปาหนันอึ้งไป
“ต้องหนี เราต้องหนีใครจ๊ะ แล้วทำไมต้องหนีด้วย”
“คุณธานีสั่งให้พ่อฆ่าคน แต่พ่อขัดคำสั่งเขา เขาเลยจะเล่นงานพ่อ...นั่นก็คือเหตุผล ว่าทำไมเราต้องหนี” ปาหนันตกใจ
“เขาให้พ่อฆ่าใครจ๊ะ”
เคี่ยมชะงัก หันมองหน้ากันกับเจ่ง เจ่งหน้าเสีย กลัวปาหนันจะรู้ว่าเป็นนาวิศ
“ลูกหนันไม่รู้จักหรอก เขาไม่ใช่คนแถวนี้”
เจ่งรีบเข้ามาช่วยเปลี่ยนเรื่อง
“เอาล่ะค่ะคุณหนัน... ตอนนี้ก็รีบไปเก็บของได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้ามืด”
เจ่งจะพาปาหนันไป แต่ปาหนันยื้อไว้
“เดี๋ยวก่อน”ปาหนันมองหน้าพอ “เรื่องนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพร้าวหรือเปล่าจ๊ะ”
เคี่ยมกับเจ่งชะงัก เจ่งรีบตัดบท
“ไอ้พร้าวมันจะมาเกี่ยวข้องอะไรด้วยล่ะคะ คุณหนันก็... เหมารวมเป็นเรื่องเดียวกันไปได้”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมพ่อถึงไม่ยอมบอกหนันซักที ว่าพร้าวเป็นใคร ทำไมพ่อต้องปิดหนันด้วย”
เคี่ยมหน้าเครียด
“เพราะเรื่องของคุณธานีก็ทำให้พ่อปวดหัวมากพอแล้ว พ่อไม่อยากพูดถึงคนที่ชอบก่อเรื่องอย่างไอ้พร้าวอีก”
“แต่ที่พร้าวก่อเรื่อง ก็เพราะเขาคิดว่าพ่อจะฆ่าเขานี่จ๊ะ”
“แต่มันคิดไปเองทั้งนั้นนะคะ คุณหนันก็รู้ ถ้านายเคี่ยมจะฆ่าไอ้พร้าวจริงๆ มันคงไม่มีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้หรอกค่ะ”เจ่งเถียงแทน
ปาหนันนิ่งอึ้งไป เคี่ยมเข้าไปจับไหล่ปาหนัน
“พ่อรู้ว่าลูกหนันห่วงไอ้พร้าวมาก แต่วันนี้ไอ้พร้าวมันแสดงให้เห็นแล้วว่ามันไม่ได้แคร์ลูกหนัน เหมือนที่ลูกหนันแคร์มัน...อีกอย่าง ที่มันหนีวันนี้ ทำให้พ่อรู้ว่า มันไม่ได้ความจำเสื่อม”
ปาหนันชะงัก
“พ...พร้าวหายความจำเสื่อมแล้วเหรอจ๊ะ”
“ลูกหนันคิดดู ถ้ามันจำไม่ได้ว่ามันเป็นใคร แล้วที่มันหนี มันจะหนีไปไหน หนีไปหาใคร นอกซะจากว่ามันรู้ว่ามันเป็นใคร มันถึงได้คิดหนี”
ปาหนันสะเทือนใจพูดไม่ออก น้ำตารื้น
“ไอ้พร้าวมันหลอกลวงลูกหนันมาตลอด ถึงเวลาที่ลูกหนันต้องเลิกใส่ใจมันซะที มันไม่มีค่าพอสำหรับลูกหนัน”
ปาหนันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เคี่ยมมองสงสารปาหนัน จำต้องทนใจแข็งให้ลูกเจ็บแค่ตอนนี้ เจ่งสงสารปาหนัน เข้ามากอดปลอบ
ปาหนันเข้าห้องนอน เตรียมเก็บกระเป๋า ท่าทางเศร้า เธอเหลือบเห็นโถแก้วใส่กลีบดอกไม้อบควันเทียนทำบุหงารำไปจึงเดินไปหยิบโถแก้วขึ้นมา นึกถึงเมื่อครั้งที่เธอกับนาวิศช่วยกันเด็ดกลีบดอกไม้ใส่โถเพื่อทำบุหงารำไป ปาหนันมองโถแก้วน้ำตารื้น นึกถึงคำพูดของเจ่ง
‘…ไม่ว่าไอ้พร้าวมันจะมีเหตุหลอะไร มันก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ ว่าไอ้พร้าวมันหลอกคุณหนัน ใช้คุณหนันเป็นเครื่องมือเพื่อจะหนีไปจากที่นี่...’
ปาหนันเศร้าเสียใจมาก และนึกถึงคำพูดของพ่อ ที่ตอกย้ำเข้ามาในจิตใจ
‘…ไอ้พร้าวมันหลอกลวงลูกหนันมาตลอด ถึงเวลาที่ลูกหนันต้องเลิกใส่ใจมันซะที มันไม่มีค่าพอสำหรับลูกหนัน…’
ปาหนันสะเทือนใจ หยิบโถแก้วไปที่หน้าต่าง จะขว้างออกไป แต่แล้วก็ทำใจไม่ได้ ทรุดลงนั่งร้องไห้
“ทำไม...ทำไมคุณถึงหลอกหนันได้ลงคอ...ทำไมถึงใจร้ายกับหนันแบบนี้...”
ปาหนันร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจลุกออกไป
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศพยายามถอดน็อตเหล็กดัดหน้าต่างด้วยมีดปอกผลไม้ ท่าทางทุลักทุเล ครู่หนึ่ง นาวิศพลาด ทำมีดหลุดมือ ตกออกไปนอกหน้าต่าง
“บ้าจริง”
นาวิศก้มมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อพบว่าปาหนันเดินเข้ามาหยุด เงยหน้ามองขึ้นมา
“คุณหนัน...”
ปาหนันเดินเข้ามา เห็นประตูห้องนาวิศคล้องกุญแจไว้ นาวิศเดินมาหยุดที่ประตู รู้ว่าปาหนันเดินเข้ามาเขายกมือขึ้นทาบประตู ปาหนันเดินเข้ามา ยกมือขึ้นทาบประตูเช่นกัน
ทั้งสองต่างมีใจรักกัน แต่ปาหนันคิดว่านาวิศหลอกลวง นาวิศรู้ว่าการที่หลอกปาหนันวันนี้ ทำให้ปาหนันต้องเสียใจทั้งสองต่างสะเทือนใจ
“ผมคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าคุณหนันอีกแล้ว”
ปาหนันเจ็บปวดใจ คิดว่าเขาหยอดคำหวานเพื่อหลอกลวงอีก
“ที่คุณหลอกหนันวันนี้มันก็น่าละอายจริงๆ เป็นธรรมดา ที่คุณไม่อยากสู้หน้าหนัน”
นาวิศยิ่งรู้สึกผิด
“ไม่ว่าผมจะแก้ตัวยังไง มันก็คงฟังดูทุเรศอยู่ดี เพราะสิ่งที่ผมทำลงไป คือการหลอกลวงคุณหนัน...ที่ผมจะพูดได้ คือผมขอโทษ”
ปาหนันน้ำตารื้น
“อย่าขอโทษ ถ้าคุณไม่รู้สึกผิดจริงๆ”
“คุณหนัน...”
“คุณหลอกลวงหนันมาตลอด คุณแกล้งทำเป็นความจำเสื่อม ทั้งที่ความจริงความจำของคุณกลับมาแล้ว... ทำไมคุณไม่คิดจะบอกหนันบ้างเลย”
นาวิศหนักใจ
“จะให้ผมบอกคุณหนันได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อพ่อคุณหนันต้องการจะฆ่าผม ที่ผมรอดตายมาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะนายเคี่ยมเข้าใจว่าผมความจำเสื่อม”
“คุณก็เลยใช้ความไว้ใจของคนอื่นเป็นเครื่องมือ คุณหลอกหนันมาตลอด เห็นว่าหนันเป็นคนบ้านนอกซื่อๆที่คุณจะหลอกยังไงก็ได้ใช่ไหม”
นาวิศลำบากใจ
“ผมรู้ว่าคุณหนันจะต้องโกรธ...แต่พ่อคุณจะฆ่าผมนะคุณหนัน จะให้ผมทำยังไง”
“คุณคงเกลียดพ่อหนันมาก มากจนความเกลียดชังของคุณมันทำให้คุณ ไม่เคยเห็นสิ่งที่หนันทำเพื่อคุณเลย”
นาวิศอึ้งไป
“ไม่ใช่นะครับคุณหนัน”
“พอเถอะ หนันไม่อยากฟังคำโกหกของคนเห็นแก่ตัวอย่างคุณแล้ว พรุ่งนี้ หลังจากเราไปจากที่นี่แล้ว หนันจะให้คนงานมาปล่อยคุณ...ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ชื่ออะไร จากนี้ไป หวังว่าหนันจะไม่ต้องเห็นหน้าคุณอีก”
ปาหนันหันออกไป นาวิศอึ้ง
“เดี๋ยวครับ คุณหนัน คุณหนันจะไปไหน”
ปาหนันหยุดแวบหนึ่ง แต่ก็ตัดใจ วิ่งออกไปอย่างเศร้า เสียใจ
“เดี๋ยวก่อนคุณหนัน...คุณหนัน”
นาวิศได้ยินเสียงปาหนันวิ่งออกไปแล้ว รีบไปดูที่หน้าต่าง ปาหนันวิ่งออกมา แล้วหันมามองนาวิศ ทั้งสองสบตากัน ปาหนันสะเทือนใจ วิ่งหนีไป
“นาวิศทรุดลงนั่ง รู้สึกผิดหวังเสียใจที่เขากับปาหนันไม่มีทางคืนดีกันได้อีกแล้ว เพราะปาหนันเข้าใจเขาผิด”
ปาหนันกับนาวิศต่างก็เจ็บปวดทรมานหัวใจเป็นที่สุด ความรักของเขาและเธอจะต้องจบสิ้นแล้วหรือ
+ + + + + + + + + + + +
เช้ามืด..ปาหนัน เห็นนาฬิกาบอกเวลา 4:00 น. เธอนั่งอยู่ในความมืด นอนไม่หลับ ครู่หนึ่ง เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจ่งเปิดประตูเข้ามา เปิดไฟในห้อง เห็นปาหนันนั่งอยู่ ไม่ได้หลับ เจ่งมองอย่างสะท้อนใจ
“ได้นอนบ้างรึยังคะคุณหนัน”
“ยังมีเวลานอนในรถตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะไปถึงสระบุรี...นี่เราจะเดินทางกันแล้วใช่ไหม”
เจ่งพยักหน้า
“งั้นก็ไปเถอะ หนันไม่มีอะไรที่จะต้องห่วงแล้ว”
ปาหนันลุกไปหยิบกระเป๋า เจ่งมองอย่างสงสาร
ด้านนอก เดื่อ ทับทิม แท่นเตรียมนำกระเป๋าเสื้อผ้าของตนขึ้นกระบะท้ายรถ สหัสช่วยทับทิมโยนกระเป๋าขึ้นไป เคี่ยมยืนหน้าเครียดอยู่ใกล้ประตูบ้าน เดินเข้ามาหาทุกคน
“ฉันขอโทษพวกแกทุกคนด้วยนะ ที่ทำให้เดือดร้อน”
“เดือดร้อนอะไรกันนาย พวกเราต้องขอบคุณนายต่างหาก ที่ไม่ทิ้งพวกเรา”แท่นบอกอย่างจริงใจ
“แต่ถ้าฉันตัดใจทำตามที่คุณธานีสั่งตั้งแต่แรก พวกเราก็ไม่ต้องย้ายหนีกันแบบนี้”
“นายเป็นคนมีธรรมะ โดนบังคับให้ทำเรื่องชั่วๆอย่างนั้นก็ต้องไม่อยากทำเป็นธรรมดา...เรื่องนี้ถ้าจะโทษใคร ก็ต้องโทษคุณธานี”สหัสพูดอย่างแค้นๆธานี
เคี่ยมหน้าเครียดไป ไม่ตอบอะไรอีก ทับทิมแอบกระซิบเดื่อ
“มันเรื่องอะไรกันแน่ คุณธานีบังคับให้นายทำอะไร”
“แล้วเดื่อจะรู้ไหมล่ะ”
ทับทิมขัดใจ
“อยู่บ้านนี้ซะเปล่า...รู้อะไรมั่งเนี่ย”
เดื่อส่ายหน้าไม่รู้ ทับทิมมองเดื่อเอือมๆอย่างขัดใจ ปาหนันเดินออกมากับเจ่ง เคี่ยมหันไปเห็น
“พร้อมเดินทางแล้วใช่ไหมลูกหนัน”
ปาหนันพยักหน้ารับ
“จ้ะ พ่อ...”
“อ้าว...แล้วพร้าวล่ะคะคุณหนัน”ทับทิมถามขึ้น
ปาหนันชะงัก แท่นหันไปดุทับทิม
“พูดมากน่ะทับทิมขึ้นรถเหอะ ไอ้พร้าวไม่ได้ไปกับเรา”
แท่นขึ้นไปนั่งเป็นคนขับ ทับทิมกับเดื่อมองหน้ากันงงๆ แต่ก็ปีนขึ้นกระบะหลังรถ เคี่ยมกับเจ่งเปิดประตูรถอีกคัน เคี่ยมหันมองปาหนัน สหัสกำลังเปิดรถประตูข้างคนขับ มองปาหนันที่กำลังมองไปทางบ้านสวน สะเทือนใจ ก่อนตัดใจขึ้นรถ สหัสขับรถให้เคี่ยม เดื่อกับทับทิมเดินขึ้นรถคันที่แท่นขับ เดื่อหันมองบ้านอย่างอาลัย...
“ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ต้องไปจากที่นี่”
ทับทิมหน้าเศร้าสลดลง
“ฉันก็เหมือนกัน...”
เดื่อแอบปาดน้ำตา ทับทิมเห็นก็สงสาร
“แต่ก็ยังโชคดีนะที่พวกเรายังอยู่ด้วยกัน...ทั้งฉัน เดื่อ แล้วก็คุณหนันด้วย...ต่อให้ต้องไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนก็ไม่ต้องกลัว จริงไหม”
เดื่อหันมอง ทับทิมฝืนยิ้มให้ เดื่อยิ้มตอบทั้งน้ำตา ทั้งสองขึ้นรถแท่นสตาร์ทรถ ขับออกไป
รถกระบะของเคี่ยมแล่นออกมาผ่านสวนมะพร้าวทุกคนเศร้า สะเทือนใจ ปาหนันเหลียวหลังมอง พยายามจะมองให้เห็นบ้านสวนมะพร้าว รถกระบะของเคี่ยมแล่นเลยสวนมะพร้าวออกมา ปาหนันหันกลับมา น้ำตาร่วง…
จบตอนที่ 9
ติดตามอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.