xs
xsm
sm
md
lg

ในรอยรัก ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในรอยรัก
ตอนที่ 4
เช้าวันรุ่งขึ้นปิ่นยกตะกร้าผ้าเดินผ่านศาลาพักผ่อนแล้วต้องตกใจ
“คุณมัส!”
มัสลินนอนขดอยู่บนเบาะผ้าลายลูกไม้ หลับสนิท ปิ่นเดินตรงหามัสลินแล้วยิ่งตกใจเมื่อเห็นคราบเลือดแห้งๆ ที่ใบหน้ามัสลิน
“นั่นมันเลือดนี่ คุณมัส คุณมัสคะ”
มัสลินหยีตาตื่นขึ้น
“น้าปิ่น...”
“คุณมัสมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เรียกปิ่น แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมหน้าคุณมัส...”
มัสลินน้ำตารื้นขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่บ้านตัวเอง
ปิ่นปลอบโยนมัสลินหลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณดาเธอก็เป็นอย่างนี้แต่ไหนแต่ไร เฮ้อ...ปิ่นก็ตกใจคิดว่าเป็นเลือดคุณมัส เข้าในบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวปิ่นจัดเสื้อผ้าให้ คุณมัสจะได้อาบน้ำอาบท่า แล้วทำอะไรอร่อย ๆทานกัน ..นะคะ”
มัสลินพยักหน้าเบาๆ ยิ้มเซียวให้ปิ่น
“น้าปิ่นอย่าเล่าให้ยายฟังนะ”
“คุณท่านไม่อยู่หรอกค่ะ แว่บไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้ามืด”
“อ้าว ทำไมอย่างนั้นล่ะ ปรกติน้าปิ่นต้องไปกับยายไม่ใช่เหรอ”
“หลังๆ นี่ดื้อค่ะ คุณท่านบอกว่าเกรงใจปิ่นที่ทำงานบ้านแล้วยังต้องคอยตามรับตามส่งตามคอยคนแก่อีก”
“งั้นเดี๋ยวมัสไปรับยายเอง”
มัสลินทำท่าจะรีบลุก ปิ่นแตะตัวมัสลินไว้
“ปิ่นว่าอย่าดีกว่าค่ะ คุณท่านหาหมอเสร็จก็คงแวะเยี่ยมตาย้ง ปล่อยคุณท่านเถอะค่ะ คงอยากอยู่คุยกับตาย้งนาน ๆ”
มัสลินนิ่งไป เห็นด้วยกับปิ่น
+ + + + + + + + + + + +

พัดมีสีหน้าร้อนรนเป็นกังวล ขณะคุยโทรศัพท์กับปิ่น
“รู้ว่าคุณมัสไปที่นั่นฉันก็โล่งใจ เมื่อคืนยังกะสงคราม ทั้งเลือดทั้งเศษแก้วงี้เกลื่อน ฉันละอยากให้กรรมมันตามสนองคุณดาซะที...” พัดคุยไปก็เหลือบตาไปรอบ อย่างระมัดระวัง
“...คุณมัสเจออย่างนี้มากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วตั้งแต่เด็ก ยิ่งคุณผู้ชายไม่อยู่แล้ว คุณมัสก็ยิ่งโดนหนักขึ้นทุกวัน ใจคอคุณดาเธอทำด้วยอะไรฉันละอยากจะรู้นัก”
พัดน้ำตาคลอ ยกนิ้วซับๆ จิรดาโซเซ กุมขมับลงบันไดมา สายตาจับจ้องที่พัด พัดเหลือบเห็น แต่ไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้าน
“แค่นี้ก่อนนะนังปิ่น ฝากดูแลคุณมัสด้วยล่ะ”
พัดพูดกับปิ่นเรียบๆ ก่อนจะวางสาย แล้วเดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง จิรดาส่งเสียงลั่น
“นังพัด นั่นแกเดินหนีฉันเหรอ”
“เปล่านี่คะ พัดจะไปตั้งโต๊ะเช้าให้คุณดา”
“ใครบอกว่าฉันจะกิน!” พัดทำหน้าเนือย หลุบตาลงพื้นอย่างสุดเซ็ง “ไปเรียกนังมัสมาหาฉัน”
“คุณมัสไม่อยู่หรอกค่ะ”
“ไม่อยู่? มันไปไหน”
พัดได้ยินแล้วปรี๊ด เผลอเถียงจิรดา
“อ้าว ก็คุณดาไล่เธอเหมือนหมูเหมือนหมาตั้งแต่เมื่อคืนจำไม่ได้แล้วเหรอคะ” จิรดาขมวดคิ้ว คิดตามงง ๆ “คำก็ไม่ใช่ลูกสองคำก็ไม่ใช่ลูก แล้วไหนจะ...”
“นังพัด!” พัดหุบปากอย่างเสียไม่ได้ “อย่าคิดว่ามีแม่ฉันคุ้มกบาลแล้วฉันจะไม่กล้าไล่แกออกนะ”
“งั้นก็ไล่ซะทีสิคะ พัดก็อยากจะกลับไปอยู่บ้านสวนคุณท่านซะที แล้วเงินเดือนที่ติดพัดอยู่พัดยกให้”
จิรดาเดือดพล่าน “อ..อิ..อี...พัด”
“อ้อ...แล้วถ้าพัดไปนังแป้นมันก็ต้องไปนะคะ คงไม่มีใครสติแตกทนอยู่กับเจ้านายอย่างคุณเป็นสิบๆ ปีได้แบบพัดหรอกค่ะ ขอให้หาแม่บ้านใหม่ได้เร็วๆ นะคะ”
พัดค้อมหัวให้จิรดาแล้วเดินออกไป จิรดาอึกอัก สุดท้ายแผดเสียงลั่น
“ฉันจะกินข้าว ไปยกมาให้ฉัน!”
จิรดากระทืบเท้าไปทางห้องทานอาหาร พัดสะบัดหน้ามองขวางตามจิรดาที่ไล่เธอออกแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะสงสารคุณมัส ให้ตายฉันก็ไม่อยู่หรอกนะ”
+ + + + + + + + + + + +

ที่โรงพยาบาล กานนเดินคุยมือถือสั่งงานเลขาผ่านบริเวณจุดรับยา เสียงพนักงานเรียกรับยาดังคลอ ต่อเนื่องเรื่อยๆ
“เอกสารผมเซ็นให้เรียบร้อยแล้ว คุณเอาเข้าที่ประชุม แจกให้ทุกคนอ่านระหว่างรอ แล้วผมจะรีบเข้าไป อ้อแล้วอย่าลืมตีกลับโปรเจ็คต์พลาซ่าปากช่องให้ฝ่ายวิเคราะห์นะ”
“คุณม่านมุก สกุลนนท์เชิญรับยาที่ช่อง1ค่ะ”
กานนคุยซีเรียสกับเลขาฯ และแว่วได้ยินชื่อ”ม่านมุก” จึงเหลียวไปมองที่เคาน์เตอร์จ่ายยา
“ม่านมุกเหรอ?” กานนพึมพำออกมาเบาๆ เสียงเลขาฯ เรียกในมือถือ “อ้อ!อืมๆ บอกเค้าว่าตัวเลขมันเหลื่อมจากเอกสารของการตลาดจนผิดปรกติ”
กานนละความสนใจจากเคาน์เตอร์ คุยมือถือต่อ ขณะนั้นม่านมุกกำลังเดินช้า ๆจากเคาน์เตอร์รับยามาทางกานน กานนเดินห่างจากม่านมุกไปเรื่อยๆ แล้วพลันหยุดมองป้ายบอกทาง
“อ้าวผิดทางอีก... งั้นแค่นี้ก่อนนะ ผมเดินหลงมั่วซั่วไปหมดแล้ว แล้วผมจะรีบเข้าไป”
กานนกดวางสาย หมุนตัวกลับทางเดิม แล้วเห็นม่านมุกแต่ไกล กานนจำม่านมุกได้ทันที รีบเดินเข้าไปสวัสดี
“สวัสดีครับคุณยาย...”
ม่านมุกเงยหน้าขึ้นสบตากานน มองอย่างครุ่นคิดก่อนจะทักขึ้น
“อ้าวคุณนั่นเอง”
“มาหาหมอเหรอครับ”
“ค่ะ” กานนกวาดตาไปรอบบริเวณนั้น ม่านมุกตอบอย่างรู้ดี “วันนี้ยัยมัสไม่ได้มาด้วยหรอกค่ะ”
“เหรอครับ เอ่อ...แล้วไม่ทราบว่ามัสลินเค้าเป็นยังไงบ้างครับ”
ม่านมุกฟังแล้วทำหน้าฉงน
“คุณถามยังกับว่าเกิดอะไรขึ้นกับยัยมัสอย่างนั้นละ”
กานนนิ่งไป
+ + + + + + + + + + + +

ส่วนที่บ้านจิรดาพัดวางจานอาหาร น้ำ ให้จิรดาที่ค้อนประหลับประเหลือก
“คุณดาอยากได้อะไรเพิ่มมั้ยคะ”
จิรดาไม่ตอบ เมินหน้าไปทางอื่น พัดทำหน้าละเหี่ยก่อนจะค้อมๆ ตัวเดินออกไป จิรดาเหล่มองตามไปอย่างแค้น ๆ
“นังคนใช้กิตติมศักดิ์”
โทรศัพท์มือถือจิรดาดังขึ้น จิรดาสะดุ้งเฮือก เหลือบที่โทรศัพท์หวาดๆ แล้วหยิบมาดู
“ขออย่าให้ใช่เลย” จิรดาเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาแล้วหน้าซีด “...เอาไงดีเนี่ย...”
จิรดาผลักโทรศัพท์ออกห่าง โทรศัพท์ดังไม่เลิก จิรดาขบกรามโกรธจัด
“ฮึ้ย...นังมัสนะแก๊ฉันอยากจะฆ่าแกนัก”
จิรดาตัดสินใจหยิบมากดรับ ชิงพูดเร็วรัวไม่เว้นช่องกลัวเตชด่า
“ฮะโหลค่าคุณเตช..ดาจัดการเรื่องม่านมัสลินให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ไม่ต้องสนใจเรื่องข่าวน้าค้า ทุกอย่างไม่มีปัญหาค่าแล้วยังไงดาติดต่อไปนะค้าตอนนี้กำลังยุ่งเชียวค่า” จิรดาฟังเตชแล้วพลันอึ้ง “ห...หา?” ยิ่งฟังยิ่งซีด “ค..คะ ฟังอยู่ค่ะ ดาฟังอยู่”
จิรดากดวางสายอย่างเบลอๆ เสียงเตชที่ดังในโทรศัพท์เมื่อครู่ดังอยู่ในความคิดของจิรดา
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นให้ม่านมัสลินเตรียมแถลงข่าวโปรเจคต์นี้ในงานเลี้ยงน้ำชาประจำปีของบริษัทฉันด้วย” จิรดางึมงำกับตัวเอง
“...ลำพังจะหาตัวมันตอนนี้ยังยากเลย” จิรดากรีดร้องออกมาอย่างแค้นจัด “โธ่โว้ยยยย”
พัดโผล่พรวดเข้ามา “คุณดาจะเอาอะไรเพิ่มคะ!”
“นังบ้า ไม่แหกตาดูเหรอว่าบนโต๊ะยังเหลืออยู่บานเบอะ แกโทรบอกนังมัสมันเลยนะว่าให้มันรีบกลับมาหาฉัน เดี๋ยวนี้!”
“แต่คุณดาเพิ่งไล่คุณมัสไป”
จิรดาถลึงตาขู่ใส่พัด พัดทอดถอนใจเบื่อๆ ตรงไปยกหูโทรศัพท์บ้าน และกดเบอร์โทรออกไปหาปิ่น บ่นงึม
“ทำเวรทำกรรมอะไรไว้น้าคุณมัส”
พัดว่าพลางเหล่ๆ มองจิรดา จิรดาหน้านิ่ว คิดหาทางออกว้าวุ่น
ส่วนที่บ้านสวนของม่านมุก ขณะนั้นมัสลินอยู่ในชุดเสื้อยืดกับผ้าถุงสบายๆ นั่งบนเสื่อ กำลังห่อข้าวต้มมัดอยู่กับปิ่น บนเสื่อเรียงรายไปด้วยใบตอง ตอก อ่างใส่ข้าวเหนียว หวีกล้วยน้ำว้าสุกเหลืองงอม และอุปกรณ์อื่นๆ สำหรับทำข้าวต้มมัด มัสลินเป็นคนปอกกล้วย หั่นเป็นชิ้นลงแช่น้ำปูนในชามอ่าง
“มัสเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าบ้านยายมีกล้วยเยอะขนาดนี้”
“นี่ยังไม่ทั้งหมดนะคะ ถ้าตัดกันจริง ๆทั้งสวนละก็ใส่เข่งไปขายได้เลย แต่คุณท่านไม่ยอมค่ะ ท่านให้ตัดแจกคน หรือไม่ก็เอามาทำโน่นทำนี่ทานกันแบบนี้ละค่ะ”
“ยายเป็นคนใจดี...”
“ค่ะ” ปิ่นยิ้มภูมิใจในตัวเจ้านาย
“...ถ้าแม่เป็นแบบคุณยายบ้างคงจะดี” ปิ่นหุบยิ้ม ทอดถอนใจ “น้าปิ่นคะ”
“ขา”
“...ถ้ามีคนบอกว่ามัสไม่ใช่ลูกแม่ น้าปิ่นจะเชื่อมั้ย”
ของในมือปิ่นหลุดจากมือด้วยความตกใจและมีพิรุธ
“ใครกันคะที่พูดแบบนั้น เหลวไหลจริงๆ เลย คุณมัสอย่าไปฟังนะคะ”
“ไม่ฟัง แต่ได้ยินบ่อยๆ มันก็... ช่างเหอะ อืม..ตอนมัสเล็กๆ น้าปิ่นเคยอุ้มมัสมั้ย”
ปิ่นตอบพลางยิ้มอารมณ์ดี
“เคยสิคะทำไมจะไม่เคย คุณมัสน่ารัก แก้มสีชมพูเหมือนตุ๊กตา ใครเห็นก็อยากอุ้ม”
“แล้วแม่ล่ะ ...น้าปิ่นเคยเห็นแม่อุ้มมัสมั้ย” รอยยิ้มปิ่นหายวับ กลายเป็นอึกอัก
“...ก็...” มัสลินหน้าม่อย ปิ่นรีบแก้สถานการณ์ “เฮ้อ..คุณมัสถามปิ่นแต่ละคำถาม ตอบยากทั้งนั้นเลย ปิ่นแก่แล้ว จำไม่ได้ทุกเรื่องหรอกค่า”
ปิ่นชวนหัวเราะ มัสลินยิ้มขื่นๆ
“มัสดูรูปเก่าๆ แล้วมัสไม่เคยเห็นรูปที่แม่อุ้มหรือว่ากอดมัสเลย”
“คุณมัสคิดมากไปแล้วละค่ะ คุณดาเธอก็เป็นของเธออย่างนั้น อย่าว่าแต่คุณมัสเลย คุณท่านเป็นแม่ของเธอปิ่นยังไม่เคยเห็นคุณดาเธอกอดเลย หนำซ้ำเวลาคุณท่านแตะตัวนิด ๆหน่อย ๆคุณดาเธอก็ชอบ
สะบัดหนี”
มัสลินพยักหน้ารับฟังแล้วคิดตาม
“มัสคงคิดมากไปจริงๆ นั่นละ”
มัสลินเบนความสนใจไปก้มหน้าก้มตาห่อข้าวต้มมัด ปิ่นมองมัสลินอย่างแสนเห็นใจ รู้ดีว่ามัสลินไม่ใช่ลูกของจิรดา
+ + + + + + + + + + + +

กานนพาม่านมุกมานั่งคุย ม่านมุกจึงรู้ว่ากานนเป็นอาแท้ๆ ของกุเทพ
“คุณน่ะเหรอคะเป็นอาแท้ๆ ของคุณกุเทพเพื่อนยัยมัส”
“ครับ พอดีเมื่อวานกุเทพชวนมัสไปทานข้าวที่บ้าน แต่ปู่ผมเกิดป่วยกะทันหันเข้าไอซียู”
“คุณพระคุณเจ้าช่วย”
“ทุกคนก็เลยวุ่น ผมไม่รู้ว่ามัสลินเค้ากลับไปตอนไหน”
“รายนั้นน่ะไม่ต้องไปห่วงเค้าหรอกค่ะ ดูแลครอบครัวคุณก่อนเถอะค่ะ มิน่าล่ะ คุณถึงดูเหนื่อยนัก ยายว่าจะทักอยู่เชียว”
“ชุดนี้ใส่ตั้งแต่เมื่อวานน่ะฮะ”
“เอาละค่ะ ถ้าอย่างนั้นยายไม่กวนดีกว่า คุณจะได้กลับไปพักผ่อน” ม่านมุกใช้มือยัน พยุงตัวลุกขึ้น กานนรีบเข้าช่วย “ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจเกี่ยวกับอาการป่วยของคุณปู่ก็คุยกับยายได้นะคะ ยายเองก็มีเพื่อนนอนอยู่ไอซียูเหมือนกัน”
กานนตกใจ “อ้าว งั้นเหรอฮะ”
“เค้าเข้า ๆออก ๆอยู่สองคืนแล้วละ บางทีเราอาจจะได้เจอกันที่ห้องไอซียูนะคะ”
ม่านมุกยิ้มอ่อนโยนให้กานน แล้วทำท่าจะแยกไป กานนรีบเรียกไว้
“เอ่อเดี๋ยวครับคุณยาย”
กานนอาสาไปส่งม่านมุกที่บ้าน ขณะนั้นมัสลินเพิ่งเก็บมะนาวในสวนเสร็จจึงร้องบอกปิ่นอย่างอารมณ์ดี
“น้าปิ่น มัสเก็บมะนาวได้เต็มกระจาดเลยดูสิ” มัสลินก้มหน้าก้มตาวางกระจาดลง “ต้องถูกใจน้าพัดแน่ ๆ น้าพัดน่ะชอบคั้นน้ำมะนาวให้มัสกิน” มัสลินชักเอะใจที่ปิ่นไม่คุยตอบเลยสักนิด พอเงยหน้าขึ้นมองก็ตกใจมาก
“คุณ!”
กานนนั่งอยู่ตรงหน้า ยิ้มเรียบ ๆให้มัสลิน “ก็ผมน่ะสิครับ แล้วคุณคิดว่าเป็นใครล่ะ”
“คุณมาที่นี่ได้ไง” กานนไม่ตอบ แต่กลับเอียงคอมองเสื้อผ้าหน้าผมมัสลินที่ดูเหมือนสาวชาวบ้านยิ้ม ๆ มัสลินมองลงตาม “มองอะไร” กานนยิ้มไม่ตอบ “ขำอะไร”
มัสลินจับเนื้อตัวแบบเริ่มไม่มั่นใจ
“คุณน่ารักดีนะ”
มัสลินค้อนขวับ
“ตกลงคุณจะบอกฉันได้ยังว่าคุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ผมจ้างนักสืบไง”
“ว่าไงนะ!”
มัสลินทำหน้าตกใจ กานนหัวเราะ
“มัสลิน... คุณนี่บางทีก็ดูซื้อซื่อนะ ...ผมมากับคุณยายของคุณ”
“ยายฉัน?”
“ผมเจอท่านที่โรงพยาบาล” มัสลินนิ่งฟังกานนงง ๆ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กานนมองไปรอบๆ อย่างสบายอกสบายใจ “ที่นี่น่าอยู่ดีนะ”
กานนว่าแล้วเอนตัวลงนอนหงายสบายๆ
“อ้าว ฮึ้ยแล้วคุณจะมานอนอะไรตรงนี้ล่ะ คุณ!” กานนแกล้งหลับตาไม่รู้ไม่ชี้ “คุณ! ลุกเดี๋ยวนี้เลยนะ เดี๋ยวคุณยายฉันมาเห็นเข้า คุณ!”
กานนหลับไปจริงๆ มัสลินคิดว่ากานนแกล้ง ทำท่าจะตะโกนส่งเสียง แต่พลันเห็นมดเกาะอยู่ที่ไรผมกานน
“หลับจริงเหรอ... มดไต่ขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอีก” มัสลินจดๆจ้องๆ ยื่นมือเข้าไปหยิบออกให้ แล้วนั่งมองกานนงงๆ สังเกตเห็นเสื้อผ้าชุดเดิมตั้งแต่เมื่อวานของกานน
“...นี่ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้กลับบ้านเลยเหรอเนี่ย”

กานนกรนเบาๆ หลับสนิทด้วยความอ่อนเพลีย มัสลินถอนใจเบาๆ มองกานนด้วยแววตาที่อ่อนลง
+ + + + + + + + + + + +

มัสลินช่วยปิ่นยกจานกับข้าวลงโต๊ะ แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่กานน กานนนั่งยิ้มกริ่มอยู่ใกล้ม่านมุก ไม่สนสายตามัสลิน
“คุณกานนทานเยอะๆ นะคะ ปรกติยัยมัสไม่ค่อยลงมือทำอาหารเองหรอกนะคะ”
มัสลินฟังแล้วรีบอธิบายให้พ้นตัว
“เกรงใจน้าปิ่นน่ะค่ะ จู่ๆ ก็มีแขกมากะทันหัน”
ปิ่นทำหน้าไม่รับมุก
“คุณมัสก็พูดซะยังกับว่ามากันสักสิบคน... ไม่เป็นไรนะคะ วันหลังอยากทานอะไรสั่งปิ่นได้เลย”
ปิ่นบอกกานนจนมัสลินหน้าแตก เจื่อนไปเลย กานนขำปนเอ็นดูมัสลิน ม่านมุกลอบมองปฏิกิริยาของกานนกับมัสลินอย่างสนใจ
“มัวแต่โม้อยู่นั่น รีบตักข้าวสิ คุณเค้าหิวแล้วยัยปิ่น”
“อ้าวปิ่นลืมไปเลยค่ะ ฮะๆๆ”
จิรดาปรากฏตัวพร้อมเสียงสดใส
“อารมณ์ดีกันจัง วันนี้มีอะไรกินมั่ง... อ้าวยัยมัสแกก็อยู่นี่เหรอ”
จิรดาแสร้งทักมัสลินมัสลินมองจิรดางงๆ ว่ามาไม้ไหน จิรดาเหลือบเห็นกานน ก็ประหลาดใจ
กานนลุกขึ้นเก้อ ๆ มัสลินแนะนำกานนเรียบๆ
“คุณแม่ฉันค่ะ”
กานนรีบไหว้จิรดา
“สวัสดีครับ”
จิรดาจ้องหน้ากานนอย่างทวนความจำ
“อ้อนึกออกแล้ว เราเคยเจอกันที่บ้านใช่มั้ย” จิรดาเข้าใจว่ากานนเป็นคิม จิรดาจ้องหน้ายิ้มให้กานน
“จำฉันไม่ได้เหรอ”
กานนทำหน้างง มัสลินตัดบทอย่างแสนอึดอัด
“คุณกานนไม่เคยไปที่บ้านเรานะคะ”
“อ้าว ...ถ้างั้นคนที่ฉันเจอ”
“มัสไปหาของมาเพิ่มนะคะ”
มัสลินก้าวเร็วๆ ออกไปอย่างไม่สนว่าจิรดาจะคุยอะไรกับกานน
มัสลินก้าวเร็วๆ เข้ามาในครัวแล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างอ่อนใจ
“ทำไมเจอคุณทีไรมันมีแต่เรื่องนะ ..กานน”
จิรดาตามเข้ามา สายตาจับจ้องที่มัสลินอย่างมีเลศนัย มัสลินหันเจอจิรดาเข้าก็ตกใจ
“แม่...”
“ตกใจอะไรขนาดนั้น ...ถึงกับนั่งรำพึงรำพัน แกชอบนายคนนั้นใช่มั้ย”
มัสลินตาลุก รีบห้ามจิรดา “แม่พูดอะไรคะ เดี๋ยวเค้าก็ได้ยินหรอกค่ะ”
“หนอยปล่อยให้ฉันทักเค้าเป็นวรรคเป็นเวร ทำไมแกไม่บอกฉันตั้งแต่แรกว่าเค้าไม่ใช่คนที่ฉันเคยเจอ”
“พูดยังกับว่าแม่จะฟังมัส”
“อย่าพูดจากวนประสาทฉันนังมัส วันนี้ฉันอารมณ์ดี”
“เค้าชื่อกานน” มัสลินตอบเพียงสั้น ๆ แล้วเสไปตักอาหารใส่จาน
“นังมัสนี่แกจงใจจะยั่วประสาทฉันใช่มั้ย ตอบแค่นี้มันจะรู้มั้ยว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันบอกไว้เลยนะว่าถ้าโนบอดี้ไม่มีหัวนอนปลายเท้าก็ให้ห่างเลยนะ แกกำลังจะดัง หัดเลือกคบคนซะบ้าง”
มัสลินฟังจิรดาเอียน ๆ
“ต่อให้คุณกานนจะดีหรือไม่ดี เค้าก็ไม่เกี่ยวอะไรกับมัส เค้าเป็นแฟนกับมธุริน”
“มธุริน?”
“ลูกนายเตชของแม่นั่นละ”
“อ้าว แล้วเค้ามารู้จักแกได้ไง หรือว่าแกคิดแผนสูงจะแก้แค้นหนูเดียร์ด้วยการแย่งแฟนเค้า”
“แม่! แม่พูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่าคะ คุณกานนมาที่นี่ก็เพราะบังเอิญรู้จักกับคุณยาย เค้าเจอคุณยายที่โรงพยาบาล เค้าก็เลยมาส่งก็เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมัสเลย”
มัสลินรีบจัดจานอาหารลงถาด แล้วยกออกไป ภายในครัวจึงเหลือเพียงจิรดาคนเดียว สีหน้าจิรดายิ้มกริ่ม คิดทบทวนสิ่งที่ได้ยินอย่างมีเลศนัย
“แฟนลูกสาวนังบัวบงกช... หึ...”
++++++++++++++++++++

กุเทพชวนมธุรินมาทำร้านเครื่องประดับด้วยกัน มธุรินเดินคุยกับอินทีเรียที่มีแฟ้มงานตกแต่งอยู่ในมือ ไม่ห่างกันมีอินทีเรียอีกคนเดินถ่ายรูปทุกซอกมุมของร้าน
“ถ้าปรับให้มันดูเรียบลงอีกนิดก็ดี เฟอร์นิเจอร์อาจจะไม่ต้องมีลูกเล่นมาก เดียร์อยากให้เข้ามาแล้วรู้สึกว่าเป็นร้านเครื่องประดับทั้งของผู้หญิงและผู้ชายน่ะค่ะ”
มธุรินบอก อินทีเรียเปิดแผ่นงานในแฟ้ม
“คุณเดียร์หมายถึงเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดตามหน้านี้นะฮะ”
“ค่ะ ...แก้แล้วน่าจะถูกใจคุณกุเทพ ... อ้าว มาพอดีเลย”
กุเทพเดินเข้ามาด้วยท่าทางเพลีย ๆ แต่ก็ยังดูดีด้วยเสื้อผ้าที่หล่อเนี้ยบ อินทีเรียค้อมหัวให้กุเทพแล้วแยกไปทำงานกับเพื่อน มธุรินเดินตรงมาหากุเทพ
“คุณเดียร์เลยต้องเหนื่อยทำงานแทนผม ขอบคุณนะฮะ”
“เหนื่อยอะไรกันคะ ถามตัวเองก่อนเถอะค่ะ ท่าทางจะยังไม่ได้นอนทั้งคืนเลยสิคะเนี่ย คุณปู่เป็นยังไงบ้าง”
“การผ่าตัดเรียบร้อยดี ตอนนี้รอคุณปู่ฟื้นอย่างเดียว ถ้าไม่มีอะไรผิดปรกติก็น่าจะคืนนี้ละฮะ นี่คุณเดียร์ไม่ได้คุยกับอาปลิวเลยเหรอฮะ” มธุรินสั่นหัว หน้าเจื่อน ๆไป “ตอนผมออกจากโรงพยาบาลอาปลิวยังเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัด สงสัยคงยังหลับอยู่เลยไม่ได้โทรหาคุณเดียร์”
มธุรินพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเอ่ยถึงมัสลินอย่างระวังคำพูด
“น่าเห็นใจมัสลินนะคะ คุณกุเทพพาไปเปิดตัวครั้งแรกก็เกิดเรื่องเลย แถมเรื่องใหญ่ซะด้วย”
“ฮะ...”
“เมื่อคืนเดียร์ไปส่งเค้าที่บ้าน “
“คุณเดียร์เนี่ยนะฮะไปส่งมัสลินที่บ้าน” กุเทพทำหน้าประหลาดใจ
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นคะ เดียร์ดูเป็นคนแล้งน้ำใจงั้นเหรอคะ เมื่อคืนตอนเดียร์กลับออกจากโรงพยาบาล เดียร์เจอมัสลินเดินอยู่ริมถนนก็เลยรับเค้าขึ้นรถ”
“ได้ยินอย่างนี้ผมโล่งใจมากเลยรู้มั้ยฮะ ที่ผมกลัวที่สุดก็คือจะไม่มีใครยอมรับมัส”
“มันก็อยู่ที่ว่าเค้าจะทำตามที่คุยกับเดียร์ไว้รึเปล่า”
“อะไรเหรอฮะ”
มธุรินครุ่นคิดถึงสิ่งที่คุยกับมัสลินเมื่อคืนซึ่งเธอพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดให้มัสลินเลิกยุ่งกับกานน มธุรินยิ้มบาง ๆ ให้กุเทพอย่างอารมณ์ดี
“เดียร์กับเค้าคุยกันบางเรื่อง ไม่ต้องถามนะคะว่าเรื่องอะไร ไม่บอกค่ะ”
“อ้าวมีงี้อีก โอเค ๆไม่ถามก็ไม่ถาม ทำงานดีกว่า อีกเดี๋ยวก็ต้องไปโรงพยาบาลอีกแล้ว”
“เดียร์ไปด้วยนะคะ”
กุเทพพยักหน้ารับ ทั้งคู่เดินตรงไปหาอินทีเรียด้วยกัน แต่แล้วกุเทพก็ต้องชะงักเมื่อหันไปเจอพิณสุดา “เค้ามาที่นี่ทำไม”
พิณสุดาเดินเข้ามา ยกมือทักทาย ยิ้มกริ่ม “ไฮ”
มธุรินหน้าเจื่อนเมื่อเห็นพิณสุดา “ยัยกิ๊บ”
“มีอะไรให้ฉันช่วยบ้าง”
กุเทพเอ่ยเสียงขรึมกับมธุริน
“ถ้าคุณสองคนจะนัดเจอกัน ผมว่าเป็นที่อื่นจะสะดวกกว่านะฮะ”
มธุรินเจื่อนสนิท มองตาพิณสุดาตาขุ่น
“สงสัยกุคงยังไม่รู้ว่ากิ๊บก็เป็นเจ้าของที่นี่เหมือนกัน”
กุเทพตาลุกวาว มธุรินหน้าเสีย
“พูดบ้าอะไรของคุณ”
“บอกเค้าไปสิเดียร์ว่าเธอขายหุ้นให้ฉันครึ่งหนึ่ง”
กุเทพหันขวับมาที่มธุริน
“คุณเดียร์?”
“โธ่กิ๊บ ทำไมเธอต้องทำให้มันเป็นเรื่องด้วย เธอตกลงกับฉันไว้ไม่ใช่เหรอว่าเธอจะเป็นหุ้นส่วนเงียบ ๆ ไหนเธอบอกว่าแค่อยากมีรายได้เพิ่ม ไม่ได้อยากออกหน้า ฉันก็ช่วยเธอแล้วไง แล้วดูเธอทำกับฉันสิ”
พิณสุดาเบ้ปาก มธุรินทำหน้าจะร้องไห้ รู้สึกผิดสุดๆ กับกุเทพ กุเทพทอดถอนใจอย่างสุดเซ็ง
“โอเค ผมพอจะเข้าใจแล้วละ...ถ้าคุณก่อเรื่องวุ่นวายเมื่อไหร่ ผมถอนหุ้นปิดกิจการเมื่อนั้น นี่มันไม่ใช่ธุรกิจสุดท้ายในโลกที่ผมจะทำได้หรอก”
กุเทพเดินหนีออกนอกร้านไปทันที มธุรินรีบตามไป
“คุณกุเทพคอยเดียร์ก่อนค่ะ”
“อ้าวแล้วจะทิ้งฉันไว้อย่างนี้น่ะเหรอ เดี๋ยวก่อนสิยัยเดียร์”
พิณสุดาเกาะแขนมธุรินไว้ “ฉันต้องไปเยี่ยมคุณปู่กับคุณกุเทพ”
“แต่ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับแก”
“ไว้ทีหลังเหอะ แค่นี้คุณกุเทพก็เข้าใจฉันผิดไปถึงไหนแล้ว”
มธุรินแกะมือพิณสุดาออก ก้าวฉับออกไป พิณสุดามองตามตาเขียวอย่างหมั่นไส้
“นังโง่!”
+ + + + + + + + + + + +

กุเทพขับรถหน้าขรึม ขณะที่มธุรินนั่งหน้าจ๋อย มองกุเทพอย่างรู้สึกผิด
“เดียร์ขอโทษจริงๆ นะคะคุณกุเทพ ถ้าเดียร์รู้ว่ากิ๊บเค้าจะเป็นอย่างนี้เดียร์ไม่มีวันแบ่งหุ้นให้เค้าหรอกค่ะ”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณเดียร์หรอกฮะ กิ๊บเค้าสามารถพูดจาหลอกล่อคนได้สารพัด อ่อน ๆอย่างคุณเดียร์น่ะไม่ทันเค้าหรอก”
“นี่คุณกุเทพว่าเดียร์เหรอคะ”
“หะอะไรนะครับ เฮ้อย่าคิดอย่างนั้นสิ ผมไม่ได้ว่าคุณเดียร์ อ้าว...เลยกลายเป็นงอนผม”
“ถูกของคุณแล้วละค่ะ เดียร์มันไม่เคยทันใคร แต่ยังไงเดียร์ก็ไม่มีเจตนาจะทำให้คุณเดือดร้อน ถ้าคุณเชื่อแค่นี้เดียร์ก็สบายใจ”
“โธ่ อย่าพูดกับผมอย่างนี้สิครับคุณเดียร์ โอเค ๆ เอาเป็นว่าเราลืมเรื่องกิ๊บกันดีกว่า ผมไม่ติดใจอะไรทั้งสิ้น โอเคมั้ยครับ”
“จริงนะคะ”
มธุรินยิ้มดีใจ กุเทพเผลอยิ้มในความบริสุทธิ์ของมธุริน
พิณสุดากลับมาบ้านแล้วโยนปึกกระดาษบาง ๆ โครมลงบนโต๊ะ
“ตามใจแกนะนังเดียร์ แกอยากโง่ต่อไปก็เชิญ”
ปึกกระดาษเหล่านั้นที่แผ่ออกมา เป็นภาพภาษิตในวัยหนุ่มถ่ายคู่กับภาพเขียนขนาดใหญ่ในงานนิทรรศการภาพเขียนของภาษิต พิณสุดาหยิบกระดาษเหล่านั้นขึ้นดู
“ถึงแกจะไม่อยากรู้ แต่ฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่านังม่านมัสลิน อลงกรณ์ มันเป็นอะไรกับภาษิต อลงกรณ์คู่รักเก่าแม่แก”
พิณสุดานั่งลงที่หน้าจอคอมพ์พิวเตอร์โน้ตบุ้ค พิมพ์คีย์บอร์ดเซิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับ “ประวัติภาษิต อลงกรณ์”
+ + + + + + + + + + + +

ส่วนที่บ้านม่านมุก ม่านมุกกับมัสลินยืนส่งกานน กานนยกมือไหว้ม่านมุก
“ไหว้พระเถอะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่อุตส่าห์มาส่งยาย”
“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมซะอีกที่ต้องขอบคุณคุณยาย มาบ้านคุณยายนี่คุ้มจริง ๆ ทั้งได้นอนพัก ตื่นมาได้ทานของอร่อย ๆอีก”
มัสลินตีสีหน้านิ่ง ทำเป็นไม่สนสิ่งที่กานนพูด
“ว่าง ๆก็แวะมาเที่ยวนะคะ ถ้าคุณได้เข้าไปในสวนก็คงจะชอบ”
มัสลินขมวดคิ้วมุ่นที่จู่ ๆม่านมุกชวนกานน กานนยิ้มขำมัสลิน
“ผมลาดีกว่าครับ อยู่รบกวนคุณยายกับคุณมัสลินมาเกือบทั้งวันแล้ว ลาอีกทีนะครับ”
กานนยิ้มให้มัสลิน มัสลินค้อมหัวนิดๆ ให้ กานนเดินออกนอกรั้วไปที่รถ ม่านมุกแยกกลับเข้าตัวบ้าน พลันมัสลินนึกถึงเจ้าสัวขึ้นมาได้
“เอ่อ...คุณ”
กานนหันมา มัสลินรีบก้าวไปหา
“ฉันขอให้คุณปู่คุณปลอดภัยนะ ฝากบอกท่านด้วย ว่าฉันขอโทษ”
กานนหน้าขรึมลงทันที พยักหน้ารับฟังมัสลินอย่างเข้าใจ
“คุณทำใจให้สบายเถอะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”
มัสลินกับกานนสบตากัน จิรดาหลบอยู่มุมหนึ่ง กำลังแอบใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปมัสลินกับกานน
จิรดากระหยิ่มยิ้มพอใจ ขณะมองไปที่มัสลินกับกานน
+ + + + + + + + + + + +
หลังจากกานนกลับไปแล้วมัสลินมาถ่ายภาพนิ่งให้กับโฆษณาโลชั่นบำรุงผิวยี่ห้อหนึ่ง เป็นการทำงานสั้น ๆ ง่าย ๆทีมงานไม่มาก ...มัสลินยกมือไหว้ทีมงานทุกคนหลังถ่ายภาพสุดท้ายเสร็จ คิมเดินตรงมาหาแล้วคว้ามือมัสลินไป
“ไปเร็วเหอะคุณ เกิดเรื่องแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น”
“เกิด..เกิดอยากจะพาคุณไปเดท” มัสลินทำหน้ายี้ “ไม่ขำเหรอ” มัสลินส่ายหน้าหน่าย และตีมือคิมที่กุมมือเธออยู่ให้ปล่อย คิมหัวเราะร่วน “ไปเร็วเหอะ ผมหิวแล้วก็มีเรื่องสำคัญจะบอกคุณด้วย”
“มุกอีกละสิ”
“ไม่มุก เรื่องสำคัญจริง ๆ”
คิมบอกหน้าตาเปลี่ยนเป็นซีเรียส
คิมพามัสลินมาทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง คิมรวบช้อนลงบนจานตัวเอง มัสลินส่งแก้วน้ำให้
“ทีนี้จะบอกมัสได้รึยังว่าเรื่องสำคัญของคุณน่ะมันเรื่องอะไร”
“สำคัญสำหรับคุณก็แล้วกัน ...อืม..ยังไม่ค่อยอิ่มเลยอ่ะ”
คมหยิบเมนูขึ้นมาดู มัสลินเอามือตะปบเมนูไว้
“นี่!เดี๋ยเหอะนะ มาทำให้อยากรู้แล้วก็ไม่บอกซะที”
“โอเค ๆบอกก็ได้ คุณรู้มั้ยว่ารูปคุณไปโผล่ที่ออฟฟิศเสี่ยศักดากับนายเตชได้ยังไง”
“โธ่คิดว่าเรื่องอะไร ช่างมันเหอะ พวกนั้นจะได้รูปมัสไปยังไงก็ช่าง ยังไงมัสก็ไม่เล่นหนังให้เค้าอยู่แล้ว... คุณอยากทานอะไรก็สั่งต่อเหอะ โธ่..คิดว่าเรื่องอะไร” คราวนี้คิมเป็นฝ่ายตะปบเมนูไว้
“แล้วถ้าผมบอกว่าเมื่อวานผมเจอคุณเก๋ที่สตูฯของนายศิธาล่ะ”
“นายนี่อีกแล้ว ...แล้วพี่เก๋ไปเกี่ยวอะไรกับนายศิธา”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าไม่รู้อะไรเลยสิเนี่ย พี่เก๋ของคุณน่ะเค้าเป็นแฟนกับนายศิธา”
“จริงเหรอ ...โธ่พี่เก๋”
“นั่นยังไม่ใช่ไคลแมกซ์ ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือเพื่อนสนิทของนายศิธาที่ชื่อว่านายโก้ แล้วนายโก้ก็คือน้องชายแท้ ๆ ของยัยกิ๊บ พิณสุดา คู่แค้นของคุณ”
มัสลินพึมพำทวนคำพูดคิม
“ศิธาเพื่อนโก้ ...โก้น้องกิ๊บ ...คุณกำลังจะบอกว่ายัยกิ๊บเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด”
“ใช่แล้วครับ นายศิธามันไม่ชอบหน้าคุณอยู่เป็นทุน ทีนี้พอพี่สาวแฟน เอ้ยเพื่อนสนิทสั่งให้เล่นงานคุณปุ๊บ มันก็เลยจัดการปั๊บ ...เคลียร์มั้ย”
“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คุณว่าไงนะ นายศิธาเป็นอะไรกับนายโก้กันแน่ นายโก้นี่ผู้ชายใช่มั้ย”
“จะเป็นอะไรก็ช่างเค้าเหอะ ผมไม่ชอบแฉใคร”
มัสลินจ้องหน้าคิมอย่างจับผิด
“ยิ่งพูดอย่างนี้แสดงว่าต้องมีอะไร”
“บอกแล้วไงครับว่าคิม ลี ไม่ชอบแฉใคร เอาเป็นว่าคุณน่ะต้องระวังตัว เพิ่มโดยมีผมอยู่ใกล้ ๆโอเค้?” มัสลินหัวเราะ “แล้วก็หาทางให้คุณเก๋เลิกกับนายศิธาซะด้วย”
“คุณพูดยังกับเป็นเรื่องง่าย”
มัสลินกับคิมมองหน้ากันกลุ้ม ๆ
+ + + + + + + + + + + +

ทางด้านมธุรินเมื่อมาถึงโรงพยาบาลแอพยายามโทรหากนนแต่ติดต่อไม่ได้ กุเทพเดินเข้ามาหามธุริน สีหน้ากุเทพดูตื่นเต้นดีใจ
“ติดต่ออาปลิวได้มั้ยครับคุณเดียร์”
“ไม่มีสัญญาณเลยค่ะ น่าจะปิดเครื่อง”
“ไม่เป็นไร ถ้าอาปลิวอยู่ที่บ้าน ผมว่าเดี๋ยวคุณย่าก็บอกอาปลิวเองละว่าคุณก๋งฟื้นแล้ว”
“ค่ะ”
“ผมจะลงไปทำเรื่องจองห้องดูแลพิเศษให้คุณก๋ง คุณเดียร์ไปหาอะไรดื่มที่ร้านกาแฟรอผมนะฮะ”
“เดียร์ไปกับคุณดีกว่าค่ะ เผื่อมีอะไรที่เดียร์ช่วยได้”
กุเทพยิ้มอย่างขอบคุณมธุริน สองคนดูเข้าขากันดี
ขณะนั้นมัสลินกับคิมอยู่ที่ล็อบบี้โรงพยาบาล คิมบ่นอุบระหว่างรอพนักงานอยู่ที่เคาน์เตอร์กับมัสลิน
“ถ้ารู้ว่าคุณจะชวนผมมาเป็นเพื่อนที่นี่ผมพาคุณไปช็อปปิ้งดีกว่า”
“แล้วบอกว่าจะคอยดูแลมัส”
“ก็นี่ละฮะดูแล ถ้ายัยกิ๊บอะไรนั่นรู้ว่าคุณยังป้วนเปี้ยนอยู่กับนายกุเทพไม่เลิกแบบนี้เดี๋ยวก็ได้มีเรื่องอีก”
“ป้วนเปี้ยนกับพี่กุ? หืมใช้คำได้เยี่ยมมาก เดี๋ยวมัสจะหาเวลาสอนภาษาไทยคุณใหม่”
พนักงานเดินตรงมาหามัสลิน
“ต้องขออภัยจริง ๆค่ะ เราไม่สามารถให้ข้อมูลผู้ป่วยได้ หากไม่ใช่ญาติหรือมีสาเหตุจำเป็นทางกฎหมายน่ะค่ะ”
“แล้วงี้มัสจะรู้ได้ไงว่าเจ้าสัวทศปลอดภัยรึยัง”
มัสลินบ่นพึมพำกับคิม คิมมีท่าทีร้อนใจไปกับมัสลินทั้งที่เมื่อครู่ยังบ่นอยู่
“เอ่อคืองี้นะครับคุณคนสวย น้องสาวผมเนี่ยเค้าต้องบินไปขั้วโลกเหนือ มันหนาวแล้วก็ไกลมากเลยคุณว่ามั้ย”
“เอ่อ..ค่ะ”
“ใช่มะ แล้วคุณไม่สงสารเค้าเหรอฮะ เค้าแค่ขอรู้อาการป่วยของปู่เค้าก่อนขึ้นเครื่องแค่นั้นเอง เราคนไทยไม่ทอดทิ้งกันใช่มั้ยฮะ”
มัสลินกลั้นหัวเราะ พนักงานยิ้มแห้งๆ
“แต่มันเป็นระเบียบจริง ๆน่ะค่ะ”
“คร่อก...”
คิมฟุบหน้าลงกับแขนตัวเอง มัสลินยิ้มอาย ๆให้พนักงาน
“อย่าไปถือเค้าเลยนะคะ ...ไปได้แล้ว”
มัสลินฉุดแขนคิมออกมา
“ฮึ้ยเดี๋ยวสิคุณ เค้ากำลังจะยอมแล้ว”
“เดี๋ยวก็ได้ถูกลากไปหาจิตแพทย์หรอก”
กุเทพเดินออกมาพร้อมกับมธุริน พอเห็นมัสลินกับคิมก็หยุดยืนงง ๆ
“มัส”
มัสลินขำๆ คิมอยู่พอหันเจอกุเทพก็หุบยิ้ม
“พี่กุ...”
กุเทพมองมือมัสลินกับคิมที่กุมกันอยู่
“นี่มันอะไรกัน”
กุเทพถามเสียงไม่พอใจ ผลักอกคิมทันที มธุรินปราดเข้าดึงกุเทพไว้
“อย่านะคะคุณกุเทพ!”
“คุณคิมเป็นเพื่อนมัสนะคะ พี่กุทำแบบนี้ไม่ถูกเลย”
“มัส... นี่มัสว่าพี่ต่อหน้าไอ้หมอนี่เหรอ”
คิมหน้าเหลอ กระซิบถามมัสลิน
“เค้าว่าใครเป็นหมอ”
มัสลินถลึงตาใส่อย่างแสนหงุดหงิด
“มัสอยากทราบอาการเจ้าสัว เลยขอให้คุณคิมมาเป็นเพื่อน พี่กุคิดอะไรอยู่เหรอคะ”
“แต่เมื่อกี้...”
กุเทพเหลือบมองมือมัสลิน มธุรินจึงรีบพูดแทรกตัดบท
“เอาละค่ะ ไม่มีปัญหากันก็ดีแล้ว... คุณปู่ฟื้นแล้วนะ”
“เจ้าสัวฟื้นแล้ว!”
มัสลินยิ้มดีใจ มธุรินยิ้มฝืด ๆ ให้มัสลิน กุเทพยังมองเขม่นคิมไม่เลิก ขณะที่คิมก็มองกลับแบบไม่เข้าใจอยู่ดีว่ากุเทพโกรธอะไร
มัสลินยิ้มร่าขณะเดินกลับมาที่รถกับคิม
“เฮ้อ ค่อยโล่งใจหน่อย เจ้าสัวฟื้นแล้ว”
“ยังวางใจไม่ได้หรอกนะฮะ ปู่ผมก็เคยผ่าตัดแบบเดียวกันเนี่ย แล้วก็ฟื้น แต่สุดท้ายก็เสีย”
มัสลินหน้าเจื่อน
“เสียใจด้วยนะคะ ฟังอย่างนี้แล้วใจไม่ดีเลย ถ้าเจ้าสัวเป็นอะไรไปมัสจะทำยังไง มัสมีส่วนที่ทำให้เจ้าสัวเป็นอย่างนี้เต็ม ๆ”
“โรคนี้มันไม่ได้จู่ ๆเป็นกันได้นะฮะ เค้าต้องมีอาการอยู่ก่อนแล้ว เลิกคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุซะทีเถอะ”
“ไม่รู้ละ... ยังไงก็แล้วแต่คุณต้องมาเป็นเพื่อนมัสอีกนะคะ”
“เหรอ? เอ๊ะ ฟังแล้วงง ๆ นะฮะ ไหงวกมาหางานให้ผมได้ล่ะเนี่ย ...เมื่อกี้เกือบถูกชก คราวหน้าเจอนายกุเทพอีก ผมจะเหลือมั้ยเนี่ย”
มัสลินหัวเราะ ทั้งคู่ตรงต่อไป มธุรินก้าวตามหลังเข้ามา เรียกมัสลินไว้
“มัสลิน”
มัสลินกับคิมหันหามธุรินพร้อมกัน
+ + + + + + + + + + + +

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านมัสลิน จิรดากำลังไล่กรีดนิตยสารดูข่าวสังคมอย่างพอใจ ขณะนั่งอยู่กับกองนิตยสาร หนังสือพิมพ์มากมาย
“นังบัวบงกช ...แกกับลูกจะต้องดิ้นพล่านแน่ ๆ”
นิตยสารหลายเล่มที่จิรดาเปิดดู จะมีภาพคู่ของมธุรินกับกานนในงานสังคมหลาย ๆงาน จิรดาโยนนิตยสารเล่มสุดท้ายในมือลงบนโต๊ะ ยิ้มร้ายพลางหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเบอร์โทรออก
“ก็อสซิปไฮโซใช่มั้ยคะ เอ่อ...คืองี้ค่ะ” ทันใดนั้นเองพัดอุ้มตั้งนิตยสารหนา ๆหนัก ๆเข้ามาวางลงตึ้ง ใกล้จิรดา “ว้ายย!”
จิรดาอ้าปากค้าง จ้องพัดอย่างงุนงง พอตั้งสติได้ก็ด่าเปิง
“น..นังพัดดดดด”
จิรดานึกขึ้นได้ว่าคุยมือถือ รีบตัดสายทิ้ง แล้วหันมาเล่นงานพัดต่อ พัดตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และไม่กลัว
“ก็มันหนักนี่คะ”
“แล้วแกหอบมาฝังบรรพบุรุษแกเหรอ มากมายขนาดนี้”
“อะ..อ๊าว พูดงี้ได้ไงคะ ก็คุณดาบอกว่าไปหานิตยสารมาให้หมดบ้าน พัดก็รวบรวมมาให้แล้วนี่ไงคะ” พัดเดินออกไปพลางบ่นไปด้วย “จะขอบอกขอบใจกันสักคำก็ไม่มีเล้ย แถมโดนด่าซ้ำอีกเฮ้อคนเรา”
พัดพูดพลางเดินหนีไป จิรดาคว้าหนังสือมาเขวี้ยงไล่หลังพัด
“อีบ้า!”
+ + + + + + + + + + + +

ส่วนที่ลานจอดรถของรางพยาบาลขณะนั้นคิมยืนกอดอกพิงประตูด้านคนขับ มองไปที่มัสลินกับมธุรินอย่างสงสัย
“ฉันเห็นข่าวที่เธอจะไม่เล่นหนังของพ่อฉันแล้วนะ เธอทำตามคำพูดดีนี่”
“ฉันตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไม่เล่นหนังให้บริษัทพ่อคุณ ไม่เกี่ยวว่าคุณจะเคยคุยกับฉันรึเปล่า”
“ก็ดี... ทีนี้ก็เหลืออยู่แค่เรื่องเดียว” สีหน้ามัสลินกระตุกเจื่อนไปนิดหน่อย “เธอคงยังไม่ลืมที่เราคุยกันเรื่องกานนนะ”
มัสลินนิ่ง ไม่พูดอะไร
“ฉันเชื่อว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่ใครชอบพูด”
มัสลินยังคงนิ่ง ใบหน้ากานนยิ้มละไมตอนอยู่ที่บ้านสวนแว่บเข้ามาในความคิด...
มัสลินครุ่นคิดหน้าเครียด ขณะยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว ไม่มีมธุรินแล้ว คิมเข้ามาหามัสลินอย่างสงสัย
“เฮ้ เค้าว่าอะไรคุณอีกแล้วเหรอ”
มัสลินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคิม
“คะ? เปล่าค่ะ ..ไม่มีอะไร”
“แต่คุณยืนอยู่อย่างนี้ตั้งแต่ตอนที่มธุรินออกไปเลยนะ”
“เหรอคะ”
มัสลินตอบลอยๆ คิมงงกับท่าทางมัสลิน

อ่านต่อหน้า 2






ในรอยรัก
ตอน 4 (ต่อ)
ท่ามกลางความมืดในเช้าวันรุ่งขึ้นมัสลินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น นึกถึงสิ่งสำคัญที่ต้องทำแล้วรีบลุกขึ้น เวลาผ่านไป...มัสลินซึ่งยังอยู่ในชุดนอน กำลังนับธนบัตรในมือและวางเป็นกองๆ
“ดอกเบี้ย ...เงินเดือนน้าพัดกับแป้น... “
มัสลินบันทึกลงสมุดบัญชี ก่อนจะหยิบสมุดเงินฝากธนาคารมาเปิดดูด้วยสีหน้ามีความหวัง
“อีกไม่นานมัสจะเอาบ้านคืนให้พ่อได้แล้วนะคะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น มัสลินหันมองงงๆ พร้อมกับหันดูนาฬิกา
“น้าพัดเหรอจ๊ะ”
มัสลินเดินไปเปิดประตูจึงพบว่าคนที่เคาะประตูไม่ใช้พัดแต่เป็นจิรดา จิรดาเดินเข้ามาในห้องมัสลินมองแม่อย่างสำรวจ
“แม่เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ฉันต้องเป็นอะไรไปก่อนใช่มั้ย ถึงจะเหยียบเข้าห้องแกได้น่ะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
“ฉันจะมาชวนแกไปทำบุญให้พ่อแก”
“ครบรอบอะไรคะ” มัสลินถามอย่างประหลาดใจ
“ทำไมต้องรอให้ครบรอบอะไรด้วย จะไปรึไม่ไป ไม่งั้นฉันจะได้ไปคนเดียว”
มัสลินยิ้มอย่างดีใจ
“ไปสิคะ มัสรีบแต่งตัวเดี๋ยวนี้ละค่ะ”
มัสลินกระวีกระวาดไปคว้าผ้าเช็ดตัว จิรดามองตามมัสลินอย่างพอใจ
+ + + + + + + + + + + +

พัดวางตะกร้าของทำบุญลงที่ท้ายรถ
“ไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอคะน้าพัด”
“ม่ายละค่ะ ดูไม่ชอบมาพากลยังไงก็ไม่รู้”
พัดบอกำแล้วปรายตาไปทางจิรดา จิรดาเข้ามาพอดี ปราดตาเขียวใส่พัด พัดเงียบเสียงลง จิรดาหันยิ้มให้มัสลิน
“ไปกันรึยังลูก”
จิรดาว่าพลางก้าวขึ้นฝั่งคนขับ มัสลินทำหน้าประหลาดใจพอๆ กับพัด
“ร้อยวันพันปีคุณดาเคยเรียกคุณพัดว่าลูกซะที่ไหน แปลกๆ มั้ยล่ะคะ”
“ก็แล้วไม่ดีเหรอ”
มัสลินยิ้มขำๆ พัด ก่อนจะแยกไปขึ้นรถ พัดมองตามอย่างเป็นห่วง
+ + + + + + + + + + + +

ที่ออฟฟิศของเตช ขณะนั้นที่ลานหน้าออฟฟิศ มีการจัดเตรียมงานเลี้ยงขอบคุณสื่อของบริษัทเตชภายใต้ชื่องาน “Thank you party เตชะฟิล์ม”
ทีมงานเครื่องเสียง เวทีกำลังเตรียมความพร้อมกันให้วุ่น..ทิพย์ซึ่งเป็นแม่งานกำลังเดินดูความเรียบร้อยในทุกจุด กดรับโทรศัพท์จากเตชหน้าเครียด
“สวัสดีค่ะนาย ...อ๋อเรียบร้อยดีค่ะ นักข่าวกำลังทยอยมาแล้วค่ะ...คุณจิรดากับคุณมัสลินเหรอคะ เอ่อ...ยังมาไม่ถึงเลยค่ะ” ทิพย์สะดุ้งเฮือก เมื่อถูกด่า “ ค่ะๆๆๆ เดี๋ยวทิพย์โทรตามเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ทิพย์กดวางสายหน้าเซ็ง
“เฮื่อย...โทรไปก็ปิดเครื่อง เอาไงดีล่ะเนี้ย”
ทิพย์กดโทรออกอย่างไม่หวังว่าจะติด แต่แล้วกลับติด มีเสียงจิรดารับสาย
“ฮึ้ยติดได้ไงเนี่ย ฮะโหล!ฮะโหลคุณจิรดาเหรอคะ! นี่ทิพย์เตชะฟิล์มนะคะ .. อะไรนะคะ!ตกลงคุณมัสลินกำลังมาเหรอคะ! เยี่ยมเลยค่ะ นี่ทิพย์เพิ่งถูกนายโทรด่าจากฮ่องกงแน่ะค่ะ ค่ะ ๆๆ ขับรถดี ๆนะคะ”
ขณะนั้นมัสลินยังอยู่ที่วัดสีหน้าของเธอดูมีความสุขในมือมีตะกร้าทำบุญว่างๆ ขณะยืนคอยจิรดาที่ข้างรถ...ห่างออกไป จิรดากดวางสายโทรศัพท์มือถือหลังจากคุยจบ ก่อนจะเดินกลับมาหามัสลิน มัสลินหันตามเสียงจิรดาที่เข้ามาใกล้
“ฉันมีธุระด่วนน่ะ”
“แม่อยากให้มัสแยกกลับก่อนมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไร ไปด้วยกันนั่นละ กำลังอยากได้คนไปเป็นเพื่อน ว่างอยู่ไม่ใช่เหรอลูก”
มัสลินรู้สึกประหลาดๆ กับคำว่าลูกจากปากจิรดา แต่ก็กระตือรือร้นตอบ
“ค่ะ แม่อยากให้มัสไปไหน มัสไปได้ทั้งนั้นเลยค่ะ”
มัสลินเปิดประตูขึ้นรถไป จิรดามองตามด้วยสายตาเย็นชา
จิรดาขับรถพามัสลินมาที่ออฟฟิศเตช ขณะนั้นงานเลี้ยงเริ่มแล้วและและพิธีกรบนเวทีกำลังพูดคุยกับนักข่าว แขกเหรื่อที่มากันเต็มงาน
“และโปรแกรมในวันนี้ล้วนแล้วแต่น่าสนใจครับ เริ่มตั้งแต่ตัวอย่างภาพยนตร์ของเตชะฟิล์มตลอดทั้งปี พูดคุยกับผู้กำกับของแต่ละโปรเจ็คต์”
มัสลินยืนงงงันอยู่ไม่ห่างจากบริเวณจัดงานนัก จิรดากำมือมัสลินแน่น
“ยืนทำอะไรอยู่ล่ะ รีบเข้าไปสิ”
“ทำไมแม่ทำอย่างนี้คะ แม่หลอกมัส”
“ฉันหลอกอะไรแก ฉันบอกว่าจะมาทำธุระ ก็นี่ไงธุระของฉันที่ต้องพาแกมางานแถลงข่าว”
มัสลินนิ่งงัน มองจิรดาด้วยแววตาปวดร้าว พิธีกรยังดำเนินงานต่อไป
“ส่วนที่เป็นไฮท์ไลท์สำหรับวันนี้คือการเสวนาประเด็นเด็ดภาพยนตร์ “รักสามชาติ” การร่วมงานกันระหว่างเตชะฟิล์มและค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของฮ่องกงและเกาหลีค่ะ แขกรับเชิญจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณมัส..ม่านมัสลินนางเอกน้องใหม่ที่กำลังอยู่ในกระแสวงการบันเทิงในเวลานี้”
จิรดาแสร้งตีหน้าเครียด
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย ...ถ้าแกอยากเห็นฉันตายก็ตามใจแก”
“แม่...”
จิรดายื่นกุญแจรถให้
“แกกลับไปเลย ฉันต้องเข้าไปเคลียร์กับคุณเตช”
จิรดาเอากุญแจรถใส่มือมัสลินและเดินเข้างาน มัสลินมีสีหน้าว้าวุ่นใจ จิรดาก้าวไปพลางปรายตากลับไปที่มัสลินอย่างลุ้นๆ ในที่สุดมัสลินก็ส่งเสียงเรียกจิรดาไว้
“แม่” จิรดาเหยียดยิ้ม โล่งใจ
มัสลินนั่งทื่อเป็นหุ่นยนต์ขณะนั่งให้ช่างแต่งหน้า-ทำผมให้
“คุณน้องนี่ช่างกล้ารับเล่นหนังเรื่องนี้เนอะ คุณพี่เพิ่งเมาท์กับพีอาร์เห็นว่าบทงี้โป๊เลยนี่ใช่มั้ยคะ”
มัสลินหน้าร้อนผ่าว ไม่ตอบอะไร “จริงๆ อย่างน้องนี่หางานไม่ยากเลยนะคะ แถมกำลังเริ่มๆ ดังด้วย คิดไงถึงรับเล่นหนังแนวนี้ล่ะคะ”
มัสลินมีสีหน้าเรียบเฉย มือขยุ้มกระโปรงตัวเองแน่น สะกดอารมณ์อัดอั้นเจียนระเบิด
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นมธุรินกำลังเลี้ยวรถเข้ามาด้วยสีหน้าเครียดมาก ขณะคุยมือถือกับเตช
“เดียร์ถึงออฟฟิศแล้วค่ะคุณพ่อ แต่เดียร์ขออยู่แค่แป๊บเดียวนะคะ ...เปล่าค่ะ ไม่ได้มีธุระอะไร แค่มีเรื่องเซ็ง ๆน่ะค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวเดียร์ลงไปดูงานให้ค่ะ”
มธุรินกดวางสายจากเตช แล้วเหลียวมองหน้าข่าวสังคมในหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนเบาะข้าง
มธุรินเดินผ่านเข้ามาดูงาน พนักงานหลายคนยกมือไหว้มธุริน ทิพย์ รี่เข้ามาหามธุริน
“สวัสดีค่ะคุณเดียร์ จะมาทำไมไม่บอกคะ พี่ทิพย์จะได้จัดที่นั่งไว้ให้”
“เดียร์แวะมาดูแทนคุณพ่อเฉยๆ น่ะค่ะ อีกเดี๋ยวก็ไปแล้ว”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ งานบนเวที อาหาร เครื่องดื่ม แขกรับเชิญ”
มธุรินกวาดตาไปรอบงาน
“ไม่มีปัญหาอะไรนะ”
“ไม่มีค่ะ”
“งั้นเดียร์กลับนะคะ”
“ไม่รอเจอนายก่อนเหรอคะ เห็นว่าถึงสนามบินแล้ว”
“ไม่ละค่ะ ยังไงก็ได้เจอกันที่บ้านอยู่ดี เดียร์ไปนะคะ”
มธุรินหมุนตัวจะเดินไป แต่แล้วเหมือนเห็นใครบางคนที่มุมเครื่องดื่มจึงหันกลับไปที่ตรงนั้น ทิพย์มองตามสายตาเดียร์
“คุณจิรดาคุณแม่คุณม่านมัสลินนางเอกรักสามชาติของเราไงคะ”
มธุรินขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าเอาเรื่องเพราะไม่คิดว่าจะเจอจิรดาที่นี่ ...ที่มุมเครื่องดื่ม จิรดากำลังสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน มธุรินเดินเข้ามา
“ไหนพวกคุณบอกว่าจะไม่มาวุ่นวายที่นี่อีกแล้วไง”
จิรดาหันมองมธุริน ทักอย่างตื่นเต้น
“ต๊ายหนูเดียร์เองเหรอคะ สวัสดีค่ะ” จิรดาจับมือมธุรินไว้ “ไม่ต้องๆๆ ไม่ต้องไหว้คุณอาหรอกค่ะ คนกันเองแท้ๆ”
“คุณคิดว่าต่อหน้าคนเยอะแยะฉันจะไม่กล้าไล่คุณใช่มั้ย”
“โถ..ไม่ต้องถึงกับไล่กันหรอกค่า อีกเดี๋ยวคุณอาก็ไปแล้ว รอยัยมัสแถลงข่าวแป๊บเดียว”
“แถลงข่าว... แถลงข่าวอะไร มัสลินบอกฉันว่าจะไม่รับเล่นหนัง”
“งั้นเหรอคะ เอ...สงสัยต้องฟังพร้อมๆ กันดีกว่ามังคะ”
จิรดาบอกพร้อมกับปรายตาไปทางเวที มธุรินโกรธจัด หันขวับไปที่เวที จึงเห็นมัสลินก้าวขึ้นเวที แล้วนั่งลงตรงกลางระหว่างพิธีกรและผู้กำกับหนัง
“ครับ และนี่คือคุณมัส ม่านมัสลินนางเอกภาพยนตร์ “รักสามชาติ” ของเรา”
ทั้งงานปรบมือรับมัสลิน มัสลินสูดหายใจเข้าออกอย่างตั้งสติ มองบรรยากาศงานตัวแข็งทื่อ
พิธีกรเริ่มการเสวนา
“ขออนุญาตเริ่มต้นที่ผู้กำกับโปรเจคต์นี้ก่อนเลยนะครับ ช่วยเท้าความถึงที่มาที่ไปของโปรเจ็คต์ “รักสามชาติ” นี้สักนิดครับ”
“ภาพยนตร์รักสามชาตินี้เป็นโปรเจ็คต์ที่เราคิดกันมาหลายปีแล้ว และก็เฟ้นหาตัวนักแสดงมาตลอด โดยเฉพาะนางเอก” มัสลินมีสีหน้าอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผู้กำกับพูดต่อ “พอมาลงตัวที่น้องเค้า ผมก็ดีใจ...”
ทันใดนั้นเอง มัสลินพูดแทรกขึ้นมา
“ขอโทษนะคะ ดิฉันคิดว่ามีการเข้าใจผิดกันค่ะ” พิธีกรงง
“คุณมัสลินว่าไงนะครับ”
“คือที่ดิฉันมานี่ก็เพื่อจะแถลงข่าวว่า...” จิรดายิ้มพลางเหลือบตาที่มธุรินซึ่งยืนนิ่งงันอย่างสะใจ
มัสลินเอ่ยต่อหน้าเครียด “ดิฉันไม่ได้ตกลงรับเล่นหนังเรื่องนี้ค่ะ”
นักข่าวฮือฮา กรูเข้าใกล้เวที จิรดาหน้าถอดสี ถึงกับคว้าแขนมธุรินเพื่อยึดไว้กันล้ม นักข่าวยิงคำถามอื้ออึ้ง
“หมายความว่าจะขอถอนตัวเหรอคะ”
“ขอทราบสาเหตุได้มั้ยคะ”
“เพราะบทที่โป๊เกินไปรึเปล่าคะ”
มัสลินลุกขึ้นในที่สุด
“ดิฉันขออภัยถ้าทำให้ใครเดือดร้อน แต่ดิฉันจำเป็น ..ขอตัวนะคะ”
มัสลินก้าวฉับลงเวที นักข่าวกรูเข้าหา ยิงคำถามเซ็งแซ่
“เป็นเรื่องค่าตัวที่ตกลงกันไม่ได้หรือเปล่าคะ”
“ขอตัวนะคะ”
มัสลินฝ่าวงล้อมนักข่าวออกไป ทิพย์กับลูกน้องเข้ามายื้อไว้
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณมัสลิน คุณจะทิ้งงานไปอย่างนี้ไม่ได้นะคะ” โทรศัพท์มือถือทิพย์ดังขึ้น เป็นเตชที่โทรเข้ามา “นายโทรมา...” ทิพย์ส่งมือถือให้ลูกน้อง “รับทีเร็ว”
“ฮื้อ ไม่เอา หนูกลัว พี่ทิพย์รับเองสิ”
ทิพย์กับลูกน้องเถียงกัน มัสลินอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไป
จิรดาจ้ำเท้าตามมัสลินที่เดินนำอยู่ข้างหน้า
“แกทำอย่างนี้เท่ากับแกฆ่าฉันนะนังมัส นังมัส แกได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”
มัสลินหันมาพูดกับจิรดาด้วยสีหน้าเศร้าและเครียดมาก
“เรื่องนี้มัสทำตามใจแม่ไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะมันหมายถึงอนาคตของมัส ถ้ามัสไม่มีงานเพราะรับเล่นหนังเรื่องนี้ขึ้นมา มัสจะเอาเงินที่ไหนไปไถ่บ้านล่ะคะ แม่เข้าใจมัสซะทีเถอะค่ะ”
มัสลินหันตัวจะก้าวต่อ แต่แล้วเจอเข้ากับมธุริน มัสลินเอ่ยกับมธุรินอย่างบริสุทธิ์ใจ
“ขอโทษที่มาที่นี่อีก แต่คุณคงได้ยินที่ฉันพูดบนเวทีไปแล้ว”
“ขอบคุณ แล้วอีกเรื่องที่ฉันขอร้องเธอล่ะ ตกลงเธอลืม”
มัสลินขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ มธุรินวางหนังสือพิมพ์ใส่มือมัสลิน มัสลินยกขึ้นดูแล้วหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นภาพภาพเธอกับกานนแบบสนิทสนม มธุรินถามด้วยสีหน้าน้ำเสียงเยียบเย็น
“ฉันขอร้องให้เธอเลิกยุ่งกับกานนไม่ใช่เหรอ”
มัสลินพูดไม่ออก จิรดามีสีหน้าดีขึ้นโดยพลัน พอใจกับผลงานตัวเอง แต่แสร้งทำตกอกตกใจ
“อะไรกันเหรอคะหนูเดียร์” จิรดามองข่าวแล้วทำทีตกใจ
“ว้ายตายแล้ว ยัยมัส นี่มันแฟนหนูเดียร์เค้านี่ แล้วทำไมแกทำอย่างนี้ โถ..นี่หนูเดียร์คงเสียใจมากเลยสิคะ”
จรดาแตะตัวมธุริน มธุรินสะบัดตัวออก
“อย่ามาถูกตัวฉันนะ สกปรกทั้งแม่ทั้งลูก”
มัสลินตาลุกวาว
“ระวังคำพูดเธอด้วย ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เธอคิด”
“แล้วแม่เธอล่ะ”
มัสลินพูดไม่ออก ปรายตาที่จิรดาอย่างแสนเจ็บใจ จิรดาไม่ยี่หระ ยิ้มยวน
“ทำใจซะเถอะนะคะหนูเดียร์ มันเป็นเรื่องของเวรกรรมน่ะค่ะ แม่หนูเคยทำกับคนอื่นไว้ยังไง ถึงเวลากรรมตามสนองแล้วละจ้ะ...ไปจ้ะลูกมัส”
จรดาคล้องแขนมัสลิน มัสลินปล่อยให้จิรดาพาออกไปอึ้ง ๆ มธุรินโกรธปากสั่น ส่งเสียงตามอย่างสับสน
“แม่ฉันไปทำอะไรให้พวกเธอ กลับมาพูดกันให้รู้เรื่อง กลับมานะ”
จิรดาหัวเราะออกมาอย่าง สะใจ มัสลินเหลือบตามองจิรดาอย่างสงสัยและหวาดหวั่น
+ + + + + + + + + + + +

ทางด้านกานนเมื่อเข้าออฟฟิศ เลขารีบเข้ามาดักไว้
“มีอะไร หน้าตาตื่น”
“คุณอุษยาคอยคุณกานนอยู่เป็นชั่วโมงแล้วค่ะ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่มีใครโทรบอกผม”
“คุณอุษยาห้ามไม่ให้โทรน่ะค่ะ” เลขาฯ ทำหน้าเจื่อนๆ
“ว่าไงนะ ...แล้วตอนนี้คุณอาอยู่ไหน”
“ในห้องค่ะ”
กานนก้าวไปที่ประตูห้อง กุเทพก้าวฉับเข้ามาเรียกกานนไว้ สีหน้ากุเทพดูขรึมผิดไปจากปรกติ
“ผมว่าอาไม่ควรเข้าไปตอนนี้นะฮะ” กานนเหลียวเจอกุเทพ ขมวดคิ้วงงๆ
“ถ้าอายังไม่พร้อมตอบคำถามคุณย่า”
กุเทพยื่นหนังสือพิมพ์ในมือให้กานน กานนรับมางงๆ แต่พอเห็นข่าวแล้วหน้าเสีย
กานนกับกุเทพเดินมาด้วยกัน กุเทพยังมีหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ พนักงานผ่านไปมาหยุดทำความเคารพกานนอยู่เป็นระยะ
“ผมว่าคุยกันตรงนี้ไม่เหมาะมังฮะ”
กานนเอาหนังสือพิมพ์ในมือกุเทพไปวางรวมกับหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆ สีหน้าเรียบเฉย
“ถ้าเราทำให้มันเป็นเรื่องปรกติซะมันก็ไม่มีอะไร”
“แต่รูปอากับมัสในข่าว ใครดูก็ต้องคิดว่ามันเกินปรกติ คงมีผมคนเดียวละฮะที่คิดว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญอะไรสักอย่าง”
“ฉันบังเอิญรู้จักคุณยายของมัสลิน ฉันเจอท่านที่โรงพยาบาล”
“คุณยายของมัส?”
“คุณยายมาคนเดียวฉันก็เลยไปส่งให้ที่บ้าน ไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าจะเจอมัสลิน เพราะมันคนละหลังที่แกกับฉันเคยไปด้วยกัน” สีหน้ากุเทพคลายสงสัยลงบ้าง “ส่วนเรื่องรูป...ฉันไม่รู้จริงๆ ว่ามายังไง แต่ถ้าจะสืบกันจริง ๆก็คงไม่ยาก”
กานนเลิกคิ้ว เชิงถาม กุเทพสั่นหัว
“ไม่มีประโยชน์ มัสเจอเรื่องร้ายๆ มาเยอะแล้ว ผมว่าเราอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ดีกว่าฮะ จะว่าไป อาปลิวสนิทกับมัสก็ดีแล้วจะได้อยู่ข้างผมเวลาคุณย่าหาเรื่องมัส”
กานนฟังแล้วสีหน้าผ่อนคลายลง
“อืม..ขอบใจนะ”
กุเทพหัวเราะ
“เรื่องข่าว ผมจะอธิบายให้คุณย่าเข้าใจอาปลิวนะฮะ อาไม่ต้องห่วง เรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย”
กานนฟังแล้วรู้สึกผิด
+ + + + + + + + + + + +

ส่วนที่บ้านม่านมุกขณะนั้นปิ่นกำลังถือตะกร้าเก็บยอดตำลึงที่เลื้อยตามระแนงไม้อยู่กับม่านมุก
“ฝนชุกอย่างนี้เก็บกินกันแทบไม่ทันเลยนะคะคุณท่าน”
“กินไม่ทันก็ต้องหมั่นเก็บไปแบ่งคนอื่น ดีกว่าปล่อยให้แก่คาต้น เสียประโยชน์ไปเปล่า ๆ”
ปิ่นยิ้มอย่างเห็นด้วย เสียงรถแล่นดังจากรั้วบ้าน ม่านมุกหันมองอย่างเดาออกว่าเป็นจิรดา
ปิ่นปากไวเท่าความคิด
“จู่ ๆก็มาอย่างนี้ ท่าทางจะมีเรื่องมาอีกแล้วละค่ะ”
ม่านมุกมองไปที่รถจิรดา เอ่ยเสียงขรึมพลางวางกำผักในมือลงตะกร้าของปิ่น
“ใช่แม่มัสรึเปล่าที่นั่งมากับแม่ดาน่ะ”
จิรดาลากแขนมัสลินเข้ามา แล้วโยนกระเป๋าสะพายของมัสลินลงเก้าอี้รับแขก
“อยู่ที่นี่ไปเลย ไม่ต้องไปให้ฉันเห็นหน้าที่บ้านอีก”
“ที่มัสทำไปเพราะมัสรักแม่นะคะ แล้วมัสก็ยังยืนยันคำเดิมว่ามัสจะหาเงินไปใช้คืนนายเตชให้แม่”
“นี่แกคิดว่าแกฉลาดตายสิเนี่ย ดี๊!ถ้างั้นก็ทำตามที่พูดด้วยล่ะ แล้วฉันจะขยันสร้างหนี้ให้แกตามใช้ไม่ทันเชียว อวดเก่งนัก”
จิรดาทำหน้าถมึงใส่มัสลิน ก่อนจะผละไปแล้วเจอเข้ากับม่านมุกที่ยืนฟังอยู่นานแล้ว สีหน้าจิรดากระตุกไปด้วยความประหลาดใจเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเชิดหน้าพูดพร้อมก้าวฉับออกไป
“เชิญเลี้ยงกันเองก็ละกัน”
ม่านมุกทำท่าจะเรียกจิรดา มัสลินห้ามไว้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะยาย”
ม่านมุก มองหน้าเศร้า ๆของมัสลินอย่างเห็นใจ
“ยังไงวันนี้ยายก็ต้องคุยกับแม่แกให้รู้เรื่อง”
ม่านมุกผละไป มัสลินนิ่ง ได้แต่มองตามม่านมุกไป
จิรดาไขกุญแจเปิดประตูรถ เสียงม่านมุกดังจากข้างหลัง
“แกจะทิ้งยัยมัสไปอย่างนี้ไม่ได้นะจิรดา”
จิรดาไม่หันไปในทันที แต่กลับทำหน้าเอือม และเปิดประตูรถอย่างไม่สนใจ ม่านมุกเดินตรงมาหาจิรดา
“ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นแม่ ...พามัสลินกลับไปกับแก”
จิรดาเหลียวมองม่านมุก แววตาก้าวร้าว
“แม่ห่วงความรู้สึกนังมัสมันเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ สำหรับฉัน ยังไงยัยมัสก็คือเด็ก แกไม่ควรทำร้ายจิตใจทิ้งขว้างลูกแบบนี้”
“ทำร้ายจิตใจ... หึ..หึ...”
ม่านมุกขมวดคิ้วมุ่น
“มันก็แบบเดียวกับที่แม่ทำกับหนูนั่นละ”
ม่านมุกหน้าเจื่อน รู้ดีว่าจิรดาจะพูดปมขาดพ่อเหมือนเคย
“มันคนละเรื่อง แกอย่าเอามาปนกัน”
จิรดาไม่สนคำม่านมุก
“ตั้งแต่เล็กจนแก่หัวหงอก หนูถามแม่ปากจะฉีกถึงหูว่าพ่อหนูอยู่ไหน พ่อหนูเป็นใคร ...แม่ไม่เคยตอบ” ม่านมุกฟังจิรดาอย่างฝืนทนที่สุด “นั่นมันไม่ทำร้ายจิตใจหนูเลยใช่มั้ย”
“จิรดา... แกพูดเหมือนฉันไม่ได้เลี้ยงดูแก ถึงแกจะมีแค่ฉัน แต่ฉันก็เลี้ยงแกโตมาได้”
“หนูเคยบอกแม่เมื่อไหร่เหรอว่าหนูอยากมีแค่แม่คนเดียว!”
ม่านมุกมีสีหน้าปวดร้าว รำพึงเสียงแผ่ว
“ทำไมแกพูดกับฉันแบบนี้”
“มากกว่านี้นังลูกไม่มีพ่ออย่างหนูก็พูดได้”
ม่านมุกตอบกลับอย่างกล้ำกลืน
“ไม่เป็นไร แกจะโกรธจะเกลียดฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าดึงยัยมัสเข้ามาเกี่ยว”
“ไม่ ...ตราบใดที่หนูยังไม่รู้ว่าพ่อเป็นใครอยู่ที่ไหน หนูจะทำให้ทุกคนทุกข์ยิ่งกว่าที่หนูทุกข์”
“รวมทั้งฉันด้วยใช่มั้ย”
ม่านมุกถามเสียงเครือสีหน้ากร้าวของจิรดาคลายลงเป็นอึกอัก ก่อนจะตัดบทก้าวขึ้นรถปิดประตูปึงและรีบสตาร์ทเครื่องขับออกไป มัสลินยืนมองม่านมุกอยู่มุมหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปเกาะแขนม่านมุกที่สั่นเทาด้วยความเสียใจ
“ให้อภัยแม่เถอะนะคะยาย มัสเข้าใจความรู้สึกแม่ค่ะ มัสถึงไม่เคยโกรธแม่เลย”
ม่านมุกมองมัสลิน สุดแสนเวทนามัสลินที่ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็รักจิรดาเสมอ และช่างไม่รู้เอาซะเลยว่าจิรดาไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้า
++++++++++++

ร้านเครื่องประดับของกุเทพ สภาพภายในร้านแตกต่างไปจากเดิม มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ สวยงาม มธุรินเดินตรวจงานไฟอยู่กับมัณฑนากร มัณฑนากรกดรีโหมดเปิดไฟตามจุดต่าง ๆ มธุรินหน้าเครียดจนมัณฑนากรเข้าใจผิด
“เอ่อ ส่วนไหนไม่ถูกใจคุณเดียร์บอกได้นะครับ”
มธุรินไม่ได้ยิน กำลังมองไปจุดหนึ่งอย่างครุ่นเครียด นึกถึงข่าวของกานนกับมัสลิน ...มธุรินยังอยู่ในความคิด มัณฑนากรหน้าเสีย เข้าใจว่ามธุรินไม่ชอบผลงาน
“ยังไงผมจะแก้ให้ทันวันเปิดร้าน คุณเดียร์ไม่ต้องห่วงนะครับ”
มธุรินหันมามองมัณฑนากรงงๆ
“คะ?”
“คือ... คุณเดียร์เหมือนจะยังไม่ค่อยถูกใจงานที่ออกมาเท่าไหร่”
“อ้อ! ...ไม่ใช่หรอกค่ะ ทุกอย่างออกมาโอเคแล้ว”
มัณฑนากรมองมธุรินงง ๆ ขณะนั้นพิณสุดาเดินหน้าตื่นเข้ามาหามธุริน
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉันห้ะแก”
มธุรินหน้าซีด แต่ฝืนยิ้มให้พินสุดา
“อ้าวกิ๊บ แกมาก็ดีแล้ว ช่วยฉันตรวจรับงานหน่อยสิ ... เดี๋ยวเรื่องเฟอร์คุยกับคุณกิ๊บเลยนะคะ”
มธุรินฉวยโอกาสเลี่ยงไปทันที แต่พิณสุดาคว้าแขนไว้ฉับ พูดเชิงบังคับ
“คุยกันก่อนจ้ะเพื่อน”
มธุรินหันมาสีหน้าละเหี่ย รู้ดีว่าพิณสุดาต้องชวนคุยเรื่องข่าวมัสลินกับกานน
พิณสุดาพามธุรินมาคุยที่ร้านกาแฟ พิณสุดาขัดใจที่มธุรินไม่มีท่าทีโกรธเคืองมัสลินตามที่หวัง มธุรินพูดกับพิณสุดาปลง ๆ
“ที่จริงแกน่าจะดีใจที่มัสลินเปลี่ยนใจจากคุณกุเทพนะ”
“แกรู้จักนังมัสลินมันน้อยไป ตอนอยู่ที่โน่นนังนี่มันก็กินรวบผู้ชายทั้งเมือง ให้ตายชั้นไม่มีทางไว้ใจมัน”
มธุรินสายตาจับจ้องที่โทรศัพท์มือถืออยู่ตลอด พิณสุดาเหลือบมองตามเซ็ง ๆ
“อาปลิวไม่โทรมา แกก็โทรหาเค้าให้มันรู้เรื่องไปซะเลยสิ”
“ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เอาเข้าจริงๆ ฉันกับเค้าก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่แกเคยว่านั่นละ”
“โฮ้ยแกนี่มันไม่ได้ดั่งใจจริง ๆนะ ตามใจ! แต่ฉันบอกไว้เลยนะว่าแกจะต้องเสียใจ ถ้าแกยังทื่อมะลื่ออย่างนี้...ฉันไปคอยกุที่ร้านดีกว่า”
พิณสุดาคว้ากระเป๋าจะเดินออกไป
“คุณกุเทพเพิ่งโทรมาบอกว่าคุณก๋งเค้าอาการไม่ค่อยดี วันนี้คงไม่ได้มาร้านหรอก”
พิณสุดาตาลุกวาวในทันที
“หรือว่าแอบไปเจอนังมัสลินเพราะข่าว”
“ขอเถอะกิ๊บ ฉันไม่อยากได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้ ...คืนนี้เราไปเที่ยวกันดีมั้ย”
พิณสุดายิ้มอย่างประหลาดใจ
“แกพูดจริงเหรอ ฮื้อ..ฉันดีใจจังเลย”
พิณสุดาสวมกอดมธุริน มธุรินขำท่าทีดีใจโอเวอร์ของเพื่อนรัก
“นี่ฉันไม่ได้ไปเที่ยวกับแกนานขนาดนี้เลยเหรอ”
“ย่ะ เพิ่งรู้เหรอ เชอะ”
พิณสุดาแกล้งค้อนใส่มธุริน
ที่โรงพยาบาลขณะนั้นกานนกับกุเทพคุยกับหมอ ใกล้ ๆ จอแสดงฟิล์มเอ็กซเรย์ภาพสมองของเจ้าสัว
“การผ่าตัดด้วยกล้องไมโครสโคป แผลผ่าตัดจะเล็กกว่าการผ่าตัดปรกติก็จริง แต่ก็ยังต้องรอดูอาการแทรกซ้อนเหมือนการผ่าตัดทั่วไป ถ้าภายใน24ชั่วโมงสมองไม่มีอาการติดเชื้อหรือบวม เจ้าสัวพักที่
โรงพยาบาลไม่นานก็กลับบ้านได้ครับ”
กุเทพหันหากานนอย่างดีใจ กานนเอ่ยถามหมอต่ออีก
“หมายความว่าคุณปู่ก็จะกลับมาเป็นปรกติเลยใช่มั้ยครับ”
“ก็ไม่เชิงนะครับ ยังต้องดูแลเรื่องพฤติกรรมเสี่ยงให้มาก หลีกเลี่ยงอาหารก่อโรคต่าง ๆพวกอาหารรสจัด อาหารไขมันสูง และโดยเฉพาะเรื่องความเครียดถือว่าต้องห้ามเลยนะครับ”
กุเทพฟังแล้วเบาใจ หันคุยกับกานน
“ก็แค่ตามใจคุณก๋งนั่นละฮะอาปลิว อยากได้อะไรจัดให้ อย่าขัดใจเป็นดีที่สุด แค่นี้คุณก๋งก็ไม่เครียดแล้ว”
กานนฟังแล้วครุ่นคิด สีหน้าขรึมลงทันที ด้วยเรื่องที่เจ้าสัวให้ตามหาเมียคนไทยยังไม่ก้าวหน้าไปถึงไหนเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นที่คอนโดของคิม...คิมเพิ่งตื่นนอนจึงอยู่ในชุดนอนสบาย ๆ มือถือแก้วกาแฟควันฉุยตรงมานั่งหน้าทีวีที่เปิดทิ้งไว้ และหยิบหนังสือพิมพ์ เสียงทีวีดัง ขณะที่คิมจดจ่ออยู่กับหนังสือพิมพ์ในมือ
“และนั่นคือการแถลงข่าวภาพยนตร์”รักสามชาติ”ของค่ายเตชะฟิล์ม และ”ม่านมัสลิน”นางเอกดาวรุ่งคนใหม่”
ทันทีที่ได้ยินชื่อมัสลิน คิมรีบปราดตาไปที่ทีวี แต่เป็นรายการใหม่เข้ามาแทนแล้ว มีเสียงจิงเกิ้ลเข้ารายการนั้นดังประกอบ
“เออ พอจะดูก็จบซะนี่”
คิมกดรีโหมดทีวีไล่หาข่าวอีกสองสามช่อง แต่ไม่เจอ
“แถลงข่าวอะไร? ...ก็ไหนมัสลินบอกว่าปฏิเสธไปแล้วนี่”
คิมคว้าโทรศัพท์มากดโทรหามัสลิน เสียงอัตโนมัตปลายสายว่าปิดเครื่อง คิมจึงกดเบอร์ใหม่ไปที่ออฟฟิศตัวเอง
“ผมเองนะ วันนี้เรามีชู๊ตที่สตู7 ใช่มั้ย อืมเช็คคิวมัสลินให้ผมด่วนเลย นัดเค้ามากี่โมง-เลิกกี่โมง ด่วนนะ”
คิมกดวางสาย แล้วลุกไปพลางแกะกระดุมเสื้อนอนแบบรีบๆ
วันนี้มัสลินมีงานถ่ายโฆษณาที่สตูดิโอของคิม พอเจอหน้ามัสลินคิมยิงคำถามไม่หยุดจนมัสลินต้องจ้องคิมตาแป๋ว
“นี่คุณเป็นไรมากรึเปล่าเนี่ย ตั้งแต่เจอหน้ามัส คุณยิงคำถามไม่หยุดเลย”
“ก็คุณไม่ตอบผมสักทีนี่ว่าตกลงคุณเปลี่ยนใจไปเล่นหนังให้พวกเสี่ยศักดาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ผมบอกแล้วไงว่า...”
“หยู้ดดด มัสจะเล่าให้คุณฟังทันทีที่เราออกจากที่นี่ดีมั้ยคะ”
คิมเหลียวไปที่กองถ่าย ซึ่งกำลังเลิกงาน
“รึจะรอให้เหลือเราแค่สองคน”
คิมถอนใจใส่มัสลิน มัสลินหัวเราะเบาๆ
“เชิญครับ”
คิมขับรถมาส่งมัสลินที่บ้าน มัสลินจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คิมฟังระหว่างอยู่ในรถ
“สรุปว่าทุกอย่างเป็นฝีมือคุณแม่ของคุณ”
“อย่าโทษแม่เลยค่ะ มัสเองก็ไม่รอบคอบด้วย ที่จริงพอไปถึงหน้าออฟฟิศเตชะฟิล์มก็ไม่ต้องเข้าไปซะมันก็สิ้นเรื่อง”
คิมเหลียวเข้าในบ้านมัสลินห่วง ๆ
“ให้ผมเข้าไปส่งมั้ย”
“นี่มันบ้านมัสเองนะ แล้วที่เล่าเรื่องแม่ให้ฟังน่ะ ก็เพราะคุณเคยเจอแม่มัสมาแล้ว”
“ก็นั่นละถึงได้รู้สึกว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับคุณไง รึคุณจะไปอยู่คอนโดผม”
“ดีนะที่เป็นมัส ถ้าคุณพูดกับคนอื่นอย่างนี้รับรองมีหวังถูกเค้าตบ”
“ทำไมล่ะ ชวนไปค้างที่บ้านเพราะเป็นห่วง ทำไมต้องถูกตบ”
มัสลินยิ้มหน่ายๆ พลางเปิดประตู
“ไปละ ขอบคุณที่มาส่งมัสนะ”
มัสลินก้าวออกจากรถ คิมค้อมตัว...
คิมกลับมาที่คอนโด คิมเดินผ่านเคาน์เตอร์ไปแล้วแต่นึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง จึงตรงไปหาพนักงานฯ
“ขอโทษครับ”
พนักงานเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพ์ฯ ยิ้มให้คิม
“อ้อมิสเตอร์ลี มีเอกสารถึงคุณค่ะ สักครู่นะคะ” คิมมองตามพนักงานที่หมุนตัวไปหยิบเอกสาร สักพักก็กลับมาพร้อมซองเอกสารซองหนึ่ง “นี่ค่ะ”
คิมรับไว้โดยเหลือบมองหน้าซองเพียงแว่บหนึ่ง และทำท่าจะออกไปทันที
“ขอบคุณครับ”
“เอกสารถูกต้องมั้ยคะ คือถามเท่าไร คนส่งเค้าก็ไม่บอกว่าจากใครน่ะค่ะ “
“ผมเองละฮะ ที่เป็นคนส่ง”
คิมยิ้มใจดีและก้าวออกไป พนักงานมองตามงง ๆ
“ส่งเอกสารให้ตัวเอง...?”
พนักงานพึมพำอย่างแปลกใจ
คิมกลับขึ้นห้องและเดินวนไปมาช้าๆ คุยโทรศัพท์มือถือ ในมือมีเอกสารถืออยู่ บนโต๊ะใกล้ๆ มีรูปแอบถ่ายจิรดาวางทับซองเอกสาร
“แน่ใจนะว่าเจ้าหนี้ทั้งหมดของเค้ามีเท่านี้” คิมว่าพลางเหลือบตาลงที่รูปจิรดา “อืม...ดีมาก งั้นจัดการตามที่ผมสั่ง ...เร็วที่สุด”
คิมสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด ต่างไปจากปรกติ
+ + + + + + + + + + + +

วันต่อมากานนขับรถมาที่บ้านเก่าของเจ้าสัวทศ กานนขับรถเข้ามาในเขตบ้านช้าๆ
พลางยกมือเชิงทักทายอาแปะ คนเฝ้าบ้านอย่างคุ้นเคย อาแปะปิดประตูแล้ววิ่งเหยาะไปหากานน
กานนลงจากรถ มาหยุดยืนมองที่หน้าตัวบ้าน อาแปะตรงมาที่กานน และยกมือไหว้ เอ่ยทักด้วยเสียงแหบเครือ
“สวัสดีครับเสี่ยน้อย”
“ฉันกานน ..เสี่ยใหญ่ ไม่ใช่กุเทพ”
อาแปะหรี่ตา เพ่งมองหน้ากานน
“ล้อผมเล่นอีกแล้วเสี่ยน้อย”
“โอเค เสี่ยน้อยก็เสี่ยน้อย ไหนล่ะกุญแจบ้าน”
“ครับ? อ๋อผมกินแล้ว ขอบคุณมากครับ”
“ไม่ใช่ ฉันถามถึงกุญแจบ้านน่ะ กุญ..แจ..บ้าน”
“อ้อๆ ...ประตูไม่ได้ลงกลอนหรอกครับ ผมเพิ่งเข้าไปเก็บซากนกซากหนูเมื่อเช้า”
กานนถอนใจเหนื่อยๆ เหลียวมองที่ตัวบ้าน
“งั้นแปะมีอะไรทำก็ไปเถอะ”
“เมื่อเช้า มีผู้หญิงมาที่นี่”
แปะคุยต่อแบบไม่ได้ยินที่กานนพูด
“ว่าไงนะ”
กานนถามสีหน้าประหลาดใจ แปะเข้าใจว่าถูกไล่ จึงค้อมหัวขอโทษ
“อ้อๆ ไปเดี๋ยวนี้ครับ ขอโทษครับ”
แปะทำตัวลีบออกไป บ่นพึมพำภาษาจีน ฟังไม่ได้ศัพท์ กานนมองตามไปอย่างสงสัยที่แปะพูด
“อะไรของแปะแกวะ”
กานนส่ายหัว เบนความสนใจไปที่ในบ้าน
+ + + + + + + + + + + + +

ออฟฟิศของดุสิตกับคิม ภายในห้องทำงานของคิม ชายหนุ่มยิ้มพอใจให้ลูกน้องที่ค้อมหัวลา บนโต๊ะตรงหน้ามีซองเอกสารขนาดใหญ่ซองหนึ่งวางอยู่
“ขอบใจมาก” ลูกน้องออกไป คิมหยิบซองเอกสารบนโต๊ะมาเปิดดูในทันที และหยิบโฉนดที่ดินฉบับหนึ่งขึ้นกางดู “อ้าว...ภาษาไทยทั้งนั้นเลย แล้วดูตรงไหนถึงจะรู้ว่าเป็นบ้านมัสลินล่ะเนี่ย”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น คิมเอ่ยอนุญาตโดยไม่หันมองเพราะคิดว่าเป็นลูกน้องคนเดิม
“ว่าไง ลืมอะไร”
มัสลินเปิดเข้ามา มองคิมงงๆ คิมยังคงหมกมุ่นพลิกโฉนดไปมา
“มาก็ดีแล้ว ไหนแกช่วย” คิมเงยหน้าเจอมัสลินแล้วตกใจมาก “มัส!”
มัสลินผงกหัวรับ สีหน้าเกรง ๆ
“มัสขอโทษที่ไม่ได้โทรหาคุณก่อน มัสออกไปก่อนก็ได้นะคะ”
มัสลินทำท่าจะออกไป คิมยกมือจะห้าม
“เฮ้เดี๋ยวครับคุณมัส เอ่อ...”
คิมเหลือบเห็นโฉนดในมือเลยกลายเป็นอึกอัก ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายรีบจับโฉนดซ้อนๆ ไว้ในกองเอกสารแล้วปราดไปขวางมัสลินไว้ มัสลินหน้าเหวอ เอนตัวหลบ
“ว้าย!”
“จะไปไหน ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย ดูทำหน้าสิ”
“ถ้างั้นก็ ...ห่างนิดดีมั้ยคะ”
คิมยิ้มซื่อๆ เพิ่งรู้ตัวว่าทำมัสลินตกใจ
“โอ้ว ซอรี่!”
พอได้จังหวะ มัสลินพูดหน้าเครียด
“มัสมีเรื่องให้คุณช่วย”
“หืม?”
“ด่วนมาก”
มัสลินบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
มัสลินขับรถมาที่บ้านเก่าเจ้าสัวทศด้วยท่าทีที่ยังไม่คุ้นชินกับรถนัก มีคิมนั่งอยู่เบาะข้างๆ เหงื่อซึมตามหน้าผาก มัสลินเหลือบมองคิมขำๆ
“ยังไม่เลิกกลัวอีกเหรอคะ มัสขับรถแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใครบอกผมกลัว”
“ก็หน้าคุณน่ะสิ เหงื่อแตกพลั่กเลย เอ๊ะ!หรือว่าแอร์ไม่เย็น”
มัสลินเอามืออังๆ ที่ช่องแอร์ คิมปาดเหงื่อ
“ไม่ต้องเดาเลย ผมน่ะเปียกโชกไปทั้งหลังแล้ว”
“ทำไมมัสไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยล่ะ” มัสลินทำหน้างง
“ก็ใจคุณจดจ่ออยู่กับบ้านเดิมของคุณยายคุณน่ะสิ”
“สงสัยจะจริง ขอบคุณที่มากับมัสนะคะ”
“ยังไม่รู้ว่าจะช่วยคุณได้แค่ไหนเลย ว่าแต่ทำไมคุณถึงมั่นใจว่าที่นั่นเป็นบ้านเดิมที่คุณยายคุณเคยอยู่ล่ะครับ”
“จะว่ามั่นใจก็คงไม่ใช่หรอกค่ะ แต่เท่าที่ถามคนละแวกนี้ดู เค้าก็พูดเป็นเสียงเดียวว่าบ้านที่เจ้าของเป็นเจ้าสัวร่ำรวยก็มีแค่หลังนั้นหลังเดียว”
“คุณนี่มันน่าโมโหจริง ๆเลยนะ โผล่เข้าไปได้คนเดียว แล้วถ้าตาแปะแก่อะไรนั่นมันเกิดโรคจิต ลากคุณไปทำอะไรขึ้นมาจะว่ายังไง”
“ไม่มีทาง คุณตาคนนั้นไม่ได้ดูน่ากลัว แค่พูดไม่รู้เรื่องก็เท่านั้นเอง”
“เฮ้อ... ไม่เคยกลัวอะไร นี่ละตัวจริงของคุณ”
“พูดยังกับว่ารู้จักมัสมาสักสิบปีงั้นแหละ”
คิมเห็นรั้วบ้านเจ้าสัว เป็นจังหวะเดียวกับที่มัสลินชะลอรถ
“หลังนี้แน่เลย”
มัสลินพยักหน้าขณะหยุดรถ
“ช่วยมัสทีนะ แม่คงมีความสุข ถ้าแม่ได้รู้ว่าพ่อของแม่คือใคร”
“ไม่ต้องบอกเหตุผลมากมาย ผมก็ต้องช่วยคุณอยู่แล้ว”
มัสลินยิ้มอย่างซึ้งในน้ำใจคิม
+ + + + + + + + + + + +

ในห้องเก็บของบ้านเจ้าสัวเต็มไปด้วยหีบใส่ของ ตู้ โต๊ะ และของอื่น ๆ ที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีหม่น กานนก้าวเข้ามาช้าๆ สายตามองกวาดไปในห้องอย่างพิจารณา เสียงอุษยาดังอยู่ในความคิดของกานน
“จู่ ๆทำไมถามถึงบ้านเก่าล่ะ ร้อยวันพันปีอาไม่เคยเห็นปลิวจะสนใจอยากรู้เรื่องนี้เลย”
กานนก้าวเข้าใกล้หีบใส่ของที่ซ้อนกันอยู่หลายใบ
“ในหีบส่วนใหญ่ก็จะเป็นผ้าเก่าที่คุณย่าสะสม หรือไม่ก็พวกรูปถ่ายของคุณปู่”
กานนเปิดฝาหีบ ๆหนึ่งขึ้น ภายนั้นเต็มไปด้วย กล่องเหล็กย่อย ๆ หลายใบ กานนยกใบหนึ่งขึ้นเปิด เห็นเป็นรูปถ่ายหลายสิบใบวางเรียงเป็นปึก ...กานนหยิบรูปดูเป็นรูปเจ้าสัวทศในวัยหนุ่ม ถ่ายกับคนโน้นคนนี้ ภาพหมู่บ้าง ภาพเดี่ยวบ้าง ปนกันไป
“แต่อย่าได้คิดว่าจะมีรูปคุณย่านะ พอรู้ว่าคุณย่าเป็นคนไล่แม่เมียคนไทยของคุณปู่ไป คุณปู่ก็โกรธคุณย่ามาก แม้แต่รูปถ่ายยังให้แยกไปเก็บไว้ที่อื่น”
กานนถือปึกรูปค้างไว้ในมือ กวาดตามองไปรอบอย่างครุ่นคิด
“หรือว่าความคิดนี้จะไม่เวิร์ค ต้องหาทางใหม่”
กานนรวบรูปในมือ ทำท่าจะวางคืนในกล่องเหล็ก แต่เห็นอะไรบางอย่างในนั้น จึงวางปึกรูปไว้ แล้วหยิบสิ่งนั้นขึ้นมา ...กรอบรูปเงินขนาดเท่าฝ่ามือคว่ำหน้าอยู่ในกล่องเหล็กถูกมือกานนหยิบขึ้นมา กานนหงายกรอบรูปนั้นดู มองผู้หญิงในภาพอย่างสนใจ
รูปในกรอบเงินเล็กๆ เห็นเป็นรูปผู้หญิงไทยรุ่นสาว หน้าตาสวยคนหนึ่ง มุมล่างของภาพมีภาษาจีนเขียนไว้ว่า “ม่านมุก” (”曼木” = ออกเสียงว่า “ม่านมู่”)
กานนเพ่งมองตัวอักษรจีนนั้น พยายามจะอ่าน แต่มองเห็นได้ไม่ทั้งหมด เพราะกรอบรูปที่บังไว้ จึงพลิกเพื่อเปิดฝาปิดหลังกรอบ ทันทีที่กานนจับฝาปิดหลังจากกรอบรูป ปรากฏว่าฝาปิดนั้นกรอบเพราะความเก่า มันแยกออกจากกันคามือกานนกานนมองอย่างเสียดาย แต่สุดท้ายก็หยิบรูปออกจากกรอบ เพ่งมองอักษรจีนอีกครั้ง ออกเสียงอ่านอย่างไม่ถนัด
“มาน... มู่... อืมก็ใกล้เคียงม่านมุกนะ ...หรือว่าชื่อจีนของคุณย่าเล็กคืออามู่”
ทันใดนั้นเอง เสียงอาแปะโวยวายดังแว่วเข้ามาไกล ๆ กานนเหลียวมองตามเสียง
แปะกำลังโวยใส่มัสลินซึ่งยืนอยู่กับคิมที่นอกรั้ว ด้วยภาษาจีนปนไทย
“เอ๊ะลื้อนี่ยังไง เมื่อเช้าโดนด่าไปรอบนึงไม่เข็ดรึยังไง”
แปะต่อว่าและตามด้วยภาษาจีนเป็นชุด มัสลินพยักหน้าให้คิมพูดกับแปะ คิมพูดกับแปะเป็นภาษาจีน
“คืองี้นะครับคุณลุง พวกผมน่ะมาตามหาคน แล้วก็คิดว่าเค้าเคยอยู่ที่นี่”
แปะดูอ่อนลงบ้าง พอเห็นว่าคิมพูดภาษาจีนด้วย และตอบกลับเป็นภาษาจีน
“เจ้าของเก่าตายไปหมดแล้ว ปีนึงจะมีทายาทของเจ้าของมาซะที ฉันเฝ้าที่นี่อยู่คนเดียว”
“แล้วทายาทของที่นี่ย้ายไปอยู่ที่ไหน”
“นี่พวกแกเป็นคนดีหรือคนร้ายเนี่ย ถามอย่างนี้มีพิรุธนะ”
มัสลินมองหน้าคิม แบบรอให้แปล
“เค้าหาว่าเราเป็นโจร”
มัสลินรีบแก้ตัวกับแปะ
“ไม่ใช่นะคะคุณตา เรามาดีค่ะ”
อาการหูตึงของแปะกำเริบขึ้นมาทันทีที่ได้ยินภาษาไทย
“หนอยบังอาจด่าฉันเหรอ ไปเลยนะ ไปๆ”
แปะดันประตูจะปิด มัสลินพรวดเข้าไปเอามือขวางไว้อย่างไม่กลัวจะถูกหนีบ คิมโวยลั่น
“มัสลิน!ระวัง!”
คิมเข้าไปฉุดมัสลินออกมา มัสลินขืนตัวไว้ แปะโวยลั่น
“ตำรวจ! ตำรวจ!”
กานนก้าวจากตัวบ้านออกมา มองไปที่หน้ารั้วบ้านซึ่งอยู่ไกลพอควร แต่เสียงเอะอะนั้นฟังชัดมาก
“พวกลื้อออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นอั้วเรียกตำรวจจริง ๆด้วย”
กานน เห็นแปะจากข้างหลัง กำลังโวยวายกับอะไรสักอย่างที่หน้ารั้ว คิมโยกหน้าไปเห็นกานน เลยชี้ถามแปะ
“ไหนแปะบอกว่าอยู่คนเดียวไง แล้วนั่นใคร”
แปะหน้าเสีย รีบเหลียวที่ตัวบ้าน พอเห็นกานนก็หน้าเจื่อน หันมาออกแรงดันประตูหนีบมือคิม หนุ่มลูกครึ่งร้องลั่น จำต้องปล่อยมือ แปะปิดประตูทันที มัสลินรีบคว้ามือคิมมาดู
“เป็นอะไรมั้ยคะ!”
คิมร้องครางไม่เป็นภาษา เพราะเจ็บมาก
แปะเดินรุกรี้รุกรน บ่นงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์เป็นภาษาจีน
“วันนี้เป็นยังไงวะ เจอแต่คนบ้า เฮ้ยยย!!!”
แปะตกใจสุดขีด เจอกานนยืนจังก้า ขวางทางอยู่
“ตกใจอะไรขนาดนั้น”
แปะยกมือไหว้กานน แล้วรีบเลี่ยงไป กานนจับตัวแปะไว้เพราะรู้ดีเรียกไปก็ไม่ได้ยิน
“เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงเอะอะที่หน้ารั้ว เกิดอะไรขึ้น”
แปะตีหน้าซื่อ ทำแกล้งไม่ได้ยิน กานนทำภาษาใบ้พร้อมกับพูดปากชัด ๆ
“ใครมา เมื่อกี้น่ะ ใคร..มา”
แปะหมดทางเลี่ยง ตอบอย่างจำใจ
“คนบ้า สติไม่ดีน่ะครับ”
แปะรีบตอบแล้วรีบแยกไป กานนมองไปที่รั้วอย่างไม่เชื่อคำพูดของแปะ
ส่วนที่หน้าประตูรั้ว คิมฉุนขาดที่โดนแปะทำมือเกือบหัก
“ไอ้แปะบ้า มือเกือบหัก ไม่ต้องห่วงนะ ผมนี่ละจะพาคุณเข้าไปเอง”
คิมทำท่าจะปีนรั้ว มัสลินร้องลั่น
“จะบ้าเหรอคุณคิม ลงมานะ คุณคิม มัสบอกให้ลงมา”
มัสลินออกแรงดึงคิม แต่ไม่สำเร็จ
กานนเดินออกงมาที่ประตูรั้ว เสียงคิมกับมัสลินดังเอะอะ มัสลินรวบรวมเรี่ยวแรง ดึงคิมสุดแรง คิมเสียหลักต้องกระโดดลงจากรั้ว แต่แล้วก็หาทางปีนขึ้นไปใหม่อีก
“ผมต้องสั่งสอนตาแปะนั่น นี่ถ้าอยู่บ้านผมโดนจับเข้าคุกไปแล้ว ทำร้ายร่างกายกันชัด ๆ”
มัสลินดึงคิมเป็นพัลวัน กานนเดินตรงมาใกล้ประตูรั้วมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ปลดล็อคและเปิดประตู ทำหน้าประหลาดใจ
“แล้วเมื่อกี้เสียงอะไร”
กานนบ่นอย่างแปลกใจเพราะนอกรั้วบ้าน ไม่มีใครเลยสักคน กานนก้าวออกไป มองตามทางถนน เห็นรถเต่าของมัสลินแล่นออกไปช้า ๆ ควันจากท่อพ่นโขมง

(จบตอนที่ 4)





กำลังโหลดความคิดเห็น