• คนตายเร็วเพราะบุญน้อยหรือเปล่า?
ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่ คนที่ตายเร็วนั้น มีบางคนพูดกันว่าเขาหมดเวรหมดกรรมแล้ว ส่วนบางคนก็บอกว่าเพราะเขาเกิดมามีบุญน้อย ดิฉันจึงอยากจะทราบว่า จริงๆแล้วอย่างไหนถูกต้องคะ
วิสัชนา : การตายเร็วเพราะหมดเวรหมดกรรมนั้นไม่จริง คนตายเร็วอาจจะมีเวรมีกรรมต่อก็ได้ เพราะว่าอายุขัยของคนโดนกำหนดด้วยกฎของกรรม แล้วก็มีกรรมอีกประเภทหนึ่ง คือ อุปฆาตกรรม เช่น เราจะมีอายุขัย 80 ปี แต่มีอุปฆาตกรรมซึ่งเป็นกรรมชั่วอันหนักมาตัดรอน ทำให้เราต้องตายภายในอายุ 20 ปี เพราะฉะนั้น เราก็ต้องระหกระเหินเร่ร่อนอยู่จนครบ 80 จึงจะไปเกิดใหม่
เพราะฉะนั้น ตายแล้วยังมีเวรมีกรรมต่อก็เยอะ หรือหมดอายุขัยแล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้ไปเกิดเป็นคน เทวดา หรือตายแล้วได้ไปขึ้นสวรรค์ เพราะคุณอาจจะต้องชดใช้กรรมที่คุณทำไว้ตอนมีชีวิตอยู่
ส่วนที่บอกว่าตายเร็วเพราะเกิดมามีบุญน้อย บางครั้งคนตายเร็วเกิดมาก็มีบุญมากเหมือนกัน มันอยู่ที่การกระทำของคนคนนั้นเหมือนกัน พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า ขณะที่มีชีวิตอยู่ จงสร้างแต่กุศลกรรม
• ควรหาประโยชน์ให้ได้มากก่อนตาย ถูกต้องมั้ย
ปุจฉา : หลวงปู่ครับ ผมมักจะได้ยินคำพูดที่ว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” หรือทำดีแล้วไม่ได้ดี เลยเลิกกระทำ เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ ขอความกรุณาหลวงปู่ช่วยชี้แนะด้วยครับ
อีกข้อหนึ่งครับ คือบางคนบอกว่าเชื่อว่ามีการเวียนว่ายตายเกิด แต่ก็เชื่อว่าเมื่อตายแล้วทุกอย่างก็จบสิ้น ดังนั้น ในยามที่มีชีวิตอยู่ ควรหาประโยชน์และความสุขใส่ตัวให้ได้มากที่สุด หลวงปู่มองว่าความคิดนี้ถูกหรือผิดอย่างไรครับ
วิสัชนา : 1. ไม่ถูก คนที่พูดอย่างนี้ แสดงว่าดีไม่จริง เพราะการทำดีเมื่อทำแล้วมันก็อยู่ในใจ ถึงใครจะไม่เห็น ก็ตาม ใครจะไม่มองก็ตาม ใครจะไม่รู้ก็ตาม แต่ถ้ามันดีจริงๆ คุณก็ต้องรู้ด้วยตัวคุณเอง แต่ที่ยังไม่รับรู้ก็เพราะไม่ได้ทำดีด้วยหัวใจ จึงไม่ใช่ดีที่มีในใจ
ถ้าเป็นคนดีจริงๆก็ทำต่อไป แล้วสักวันมันก็จะเกิดผลในที่สุด อย่าไปคิดว่าทำดีไม่ได้ดี เพราะนั่นเป็นคำพูดของคนที่ไม่อยากทำดี และคุณอย่าไปคิดว่าคนทำชั่วได้ดี แล้วต้องไปชั่วตามเขา ถ้าเป็นอย่างนั้น สังคมนี้ก็จะอยู่ร่วมกันไม่ได้ เพราะมีแต่คนชั่ว
2. อันตรายที่สุดในโลก คนที่คิดอย่างนี้จะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่สุด ชอบเอารัดเอาเปรียบ คับแคบที่สุด เป็นคนละโมบ ตะกละ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมากที่สุด ใครจะเป็นทุกข์ยังไงก็ไม่ใส่ใจ ถ้าสังคมมีคนประเภทนี้มากเท่าไหร่ สังคมก็จะมีแต่ความเสื่อมทราม
• สวดมนต์กับมีสติทุกอิริยาบถ อย่างไหนดีกว่ากัน
ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่ ผมมีข้อสงสัยขอปุจฉา 2 ข้อครับ ข้อ 1. คำว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นคำภาวนา เพื่อแสดงให้พุทธศาสนิกชนไม่มีการยึดมั่นถือมั่น ใช่หรือไม่ครับ ข้อ 2. การสวดมนต์ก่อนนอนกับการมีสติทุกอิริยาบถ อย่างไหนดีกว่ากัน ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาวิสัชนา
วิสัชนา : ข้อ 1. ไม่ใช่.. อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่คำภาวนา แต่เป็นวิปัสสนา คำภาวนาคือการท่องบ่นเฉยๆ แต่ตัววิปัสสนาคือตัวใช้ปัญญา ถ้าภาวนาก็ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง แล้วคนจะบรรลุธรรมได้อย่างไร
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นธรรมะชั้นสูง เป็นธรรมที่ทำให้สัตว์โลกหลุดพ้น อนิจจังคือความไม่เที่ยง ทุกขังคือความเป็นทุกข์ อนัตตาคือความไม่มีตัวตน คุณต้องรู้ความหมาย ไม่ใช่แค่ท่อง มันเป็นวิปัสสนาคือการใช้ปัญญาใคร่ครวญวิจารณ์ตามความเป็นจริง
ข้อ 2. มีสติทุกอิริยาบถดีที่สุด
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 198 มิถุนายน 2560 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่ คนที่ตายเร็วนั้น มีบางคนพูดกันว่าเขาหมดเวรหมดกรรมแล้ว ส่วนบางคนก็บอกว่าเพราะเขาเกิดมามีบุญน้อย ดิฉันจึงอยากจะทราบว่า จริงๆแล้วอย่างไหนถูกต้องคะ
วิสัชนา : การตายเร็วเพราะหมดเวรหมดกรรมนั้นไม่จริง คนตายเร็วอาจจะมีเวรมีกรรมต่อก็ได้ เพราะว่าอายุขัยของคนโดนกำหนดด้วยกฎของกรรม แล้วก็มีกรรมอีกประเภทหนึ่ง คือ อุปฆาตกรรม เช่น เราจะมีอายุขัย 80 ปี แต่มีอุปฆาตกรรมซึ่งเป็นกรรมชั่วอันหนักมาตัดรอน ทำให้เราต้องตายภายในอายุ 20 ปี เพราะฉะนั้น เราก็ต้องระหกระเหินเร่ร่อนอยู่จนครบ 80 จึงจะไปเกิดใหม่
เพราะฉะนั้น ตายแล้วยังมีเวรมีกรรมต่อก็เยอะ หรือหมดอายุขัยแล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้ไปเกิดเป็นคน เทวดา หรือตายแล้วได้ไปขึ้นสวรรค์ เพราะคุณอาจจะต้องชดใช้กรรมที่คุณทำไว้ตอนมีชีวิตอยู่
ส่วนที่บอกว่าตายเร็วเพราะเกิดมามีบุญน้อย บางครั้งคนตายเร็วเกิดมาก็มีบุญมากเหมือนกัน มันอยู่ที่การกระทำของคนคนนั้นเหมือนกัน พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า ขณะที่มีชีวิตอยู่ จงสร้างแต่กุศลกรรม
• ควรหาประโยชน์ให้ได้มากก่อนตาย ถูกต้องมั้ย
ปุจฉา : หลวงปู่ครับ ผมมักจะได้ยินคำพูดที่ว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” หรือทำดีแล้วไม่ได้ดี เลยเลิกกระทำ เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ ขอความกรุณาหลวงปู่ช่วยชี้แนะด้วยครับ
อีกข้อหนึ่งครับ คือบางคนบอกว่าเชื่อว่ามีการเวียนว่ายตายเกิด แต่ก็เชื่อว่าเมื่อตายแล้วทุกอย่างก็จบสิ้น ดังนั้น ในยามที่มีชีวิตอยู่ ควรหาประโยชน์และความสุขใส่ตัวให้ได้มากที่สุด หลวงปู่มองว่าความคิดนี้ถูกหรือผิดอย่างไรครับ
วิสัชนา : 1. ไม่ถูก คนที่พูดอย่างนี้ แสดงว่าดีไม่จริง เพราะการทำดีเมื่อทำแล้วมันก็อยู่ในใจ ถึงใครจะไม่เห็น ก็ตาม ใครจะไม่มองก็ตาม ใครจะไม่รู้ก็ตาม แต่ถ้ามันดีจริงๆ คุณก็ต้องรู้ด้วยตัวคุณเอง แต่ที่ยังไม่รับรู้ก็เพราะไม่ได้ทำดีด้วยหัวใจ จึงไม่ใช่ดีที่มีในใจ
ถ้าเป็นคนดีจริงๆก็ทำต่อไป แล้วสักวันมันก็จะเกิดผลในที่สุด อย่าไปคิดว่าทำดีไม่ได้ดี เพราะนั่นเป็นคำพูดของคนที่ไม่อยากทำดี และคุณอย่าไปคิดว่าคนทำชั่วได้ดี แล้วต้องไปชั่วตามเขา ถ้าเป็นอย่างนั้น สังคมนี้ก็จะอยู่ร่วมกันไม่ได้ เพราะมีแต่คนชั่ว
2. อันตรายที่สุดในโลก คนที่คิดอย่างนี้จะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่สุด ชอบเอารัดเอาเปรียบ คับแคบที่สุด เป็นคนละโมบ ตะกละ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมากที่สุด ใครจะเป็นทุกข์ยังไงก็ไม่ใส่ใจ ถ้าสังคมมีคนประเภทนี้มากเท่าไหร่ สังคมก็จะมีแต่ความเสื่อมทราม
• สวดมนต์กับมีสติทุกอิริยาบถ อย่างไหนดีกว่ากัน
ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่ ผมมีข้อสงสัยขอปุจฉา 2 ข้อครับ ข้อ 1. คำว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นคำภาวนา เพื่อแสดงให้พุทธศาสนิกชนไม่มีการยึดมั่นถือมั่น ใช่หรือไม่ครับ ข้อ 2. การสวดมนต์ก่อนนอนกับการมีสติทุกอิริยาบถ อย่างไหนดีกว่ากัน ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาวิสัชนา
วิสัชนา : ข้อ 1. ไม่ใช่.. อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่คำภาวนา แต่เป็นวิปัสสนา คำภาวนาคือการท่องบ่นเฉยๆ แต่ตัววิปัสสนาคือตัวใช้ปัญญา ถ้าภาวนาก็ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง แล้วคนจะบรรลุธรรมได้อย่างไร
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นธรรมะชั้นสูง เป็นธรรมที่ทำให้สัตว์โลกหลุดพ้น อนิจจังคือความไม่เที่ยง ทุกขังคือความเป็นทุกข์ อนัตตาคือความไม่มีตัวตน คุณต้องรู้ความหมาย ไม่ใช่แค่ท่อง มันเป็นวิปัสสนาคือการใช้ปัญญาใคร่ครวญวิจารณ์ตามความเป็นจริง
ข้อ 2. มีสติทุกอิริยาบถดีที่สุด
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 198 มิถุนายน 2560 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)