• ข้าวโพดให้ใยอาหารสำคัญ ทำให้กระดูกแข็งแรง
งานวิจัยชิ้นใหม่จาก Purdue University สหรัฐอเมริกา พบว่า การเสริมอาหารด้วยใยอาหารจากข้าวโพด เป็นประจำทุกวัน ช่วยผู้หญิงวัยรุ่นและวัยหมดประจำเดือนให้มีกระดูกแข็งแรงขึ้นได้ ด้วยการสร้างและรักษาแคลเซียมในกระดูก นับเป็นทางเลือกใหม่ของการมีสุขภาพดี
ข้าวโพดมีใยอาหารที่ให้ประโยชน์มากมายอย่างเดียวกับใยอาหารเพื่อสุขภาพอื่นๆ ที่พบได้ในอาหารพรีไบโอติก ซึ่งช่วยให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ ช่วยเสริมการทำงานของจุลินทรีย์โปรไบโอติกในลำไส้ใหญ่ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหาร โดยเฉพาะแคลเซียม
ทีมวิจัยพบว่า เมื่อใยอาหารพรีไบโอติกเคลื่อนผ่านไปจนถึงลำไส้ใหญ่ จุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ตอนล่างจะย่อยใยอาหารนี้ ทำให้ใยอาหารแตกตัวเป็นกรดไขมันสายสั้น ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยสร้างกระดูกให้แข็งแรงในหญิงวัยรุ่น และช่วยให้หญิงวัยหมดประจำเดือนยังคงรักษาความแข็งแรงของกระดูกไว้ได้ แม้เข้าสู่วัยที่กระดูกบางและหักง่ายแล้ว
• ความดันโลหิตตกลงทันที อาจเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม
ผู้สูงอายุมักบ่นเวลาลุกขึ้นยืนว่า เวียนหัวจัง หน้ามืด ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา อายุมากขึ้นเลือดก็ขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่ทัน สักพักจะหายเป็นปกติเอง แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่า นั่นอาจเป็นสัญญาณอันตรายที่เกิดกับสมอง
อาการเวียนหัวเมื่อลุกยืน เกิดจากเลือดไหลเวียนไปสมองลดลงชั่วคราวเป็นเวลาสั้นๆ เพราะความดันโลหิตลดต่ำลงอย่างทันทีทันใด และอีกประการหนึ่ง เมื่อเริ่มแก่ตัวลง เลือดในสมองก็ไหลเวียนลดลง ทำให้สมองทำงานผิดปกติไปเรื่อยๆ
ปัจจุบัน มีการศึกษาเรื่องนี้ โดยนักวิชาการชาวดัตช์ ได้วิเคราะห์ข้อมูลของชาวดัตช์มากกว่า 6,000 คน เป็นเวลา 24 ปี พบว่า ความดันโลหิตลดต่ำลงอย่างทันทีทันใด เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ในระยะยาว เพิ่มขึ้นถึง 15% เพราะภาวะร่างกายพร่องออกซิเจน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อสมองได้
อย่างไรก็ดี Dr.Irving Gomolin ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ โรงพยาบาล Mineola ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า การศึกษาชิ้นนี้น่าสนใจ แต่เร็วเกินไปที่จะบอกว่า การรักษาอาการความดันโลหิตลดต่ำลงอย่างทันทีทันใด จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมต่อไปในอนาคตได้ และผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้มีอาการดังกล่าวด้วย
• “หูตึง” ปัญหาที่หูหรือสมอง?
ผู้สูงอายุมักมีปัญหาการได้ยิน ยิ่งถ้าคุยในที่มีเสียงอึกทึกรบกวนยิ่งเป็นปัญหา และมีหลายครั้งได้ยินเสียงที่คนอื่นพูด แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่อง
จากการศึกษาแบบสหวิชาชีพของมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้สูงอายุวัย 61-73 ปี ที่มีผลการทดสอบการได้ยินเสียงว่าเป็นปกติ แต่กลับไม่เข้าใจความหมายของคำพูดของคู่สนทนา มากกว่าคนวัย 18-30 ปีที่มีการได้ยินปกติเช่นกัน
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า เกิดจากความผิดปกติที่สมองส่วนกลางและเปลือกสมองของผู้สูงอายุ ทำให้ไม่สามารถรักษาความสนใจ และประมวลผลคำสนทนาในท่ามกลางเสียงอึกทึก โดยการทำงานของสมองส่วนนี้ค่อยๆ ถูกทำลายไปทีละน้อยอย่างไม่ทันรู้ตัว
เมื่อปัญหาไม่ได้เกิดจากสมรรถภาพการได้ยิน ดังนั้น การพูดเสียงดังกับผู้สูงอายุวัยนี้ จึงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ทางที่ดี ผู้ที่สนทนากับผู้สูงวัยที่มีปัญหาการฟัง ควรดึงความสนใจมาที่ตัวผู้พูดก่อน และใช้น้ำเสียงอ่อนโยน ช้าๆชัดๆ สบตากัน ให้ผู้สูงวัยได้เห็นปากคู่สนทนาเวลาพูด เพราะระบบการมองเห็น จะช่วยแก้ปัญหาการได้ยินให้ดีขึ้นได้
• อย่าคิดว่าแข็งแรงแล้ว ไม่ต้องตรวจสุขภาพนะ
คนที่มีร่างกายแข็งแรง อย่าคิดว่า ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพราะอาจมีโรคแฝงอยู่ก็ได้
นายแพทย์ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า การตรวจสุขภาพประจำปี มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน แต่ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะปลอดจากโรคภัย เพียงช่วยให้ตรวจพบโรคหรือได้รับการรักษาในระยะเริ่มแรก รวมทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารหวาน ไขมันสูง การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุรี่ เป็นต้น
คนที่มีสุขภาพแข็งแรงก็ควรตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจค้นหาปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ค้นหาโรค และความผิดปกติที่อาจแอบแฝงอยู่ แต่ยังไม่ปรากฏอาการผิดปกติ เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง กรดยูริคสูง โรคตับ หากพบจะสามารถปรับแก้พฤติกรรมได้ทันท่วงที
เพราะหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดี อยู่ที่การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ และปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
• สาเหตุและวิธีแก้ตะคริว
“ตะคริว” เป็นได้ง่ายๆ ไม่ต้องรอแก่ เพราะตะคริวเกิดจากกล้ามเนื้อลายหรือกล้ามเนื้อยึดกระดูก เกิดการหดเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ และรู้สึกเจ็บหรือปวดมากขึ้นมาทันที
สาเหตุอาจเกิดจากการนั่ง ยืน หรือทำงานในท่าเดิมนานๆ กล้ามเนื้ออ่อนล้าเพราะใช้แรงจนเกินกำลัง แต่สำหรับคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป อาจเกิดจากเซลล์กล้ามเนื้อเสื่อมสภาพหรือขาดน้ำ เพราะดื่มน้ำน้อย หรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่จัด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี รวมทั้งโรคตับและโรคไต บางคนจึงเกิดตะคริวบ่อย สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเลยทีเดียว
วิธีแก้ก็คือ เวลาเป็นตะคริวขึ้นมา ให้หยุดกิจกรรมที่ทำ อยู่นิ่งๆ แล้วค่อยๆยืดกล้ามเนื้อค้างไว้จนคลาย นวดเบาๆไปด้วย แล้วประคบร้อนกล้ามเนื้อบริเวณนั้นและโดยรอบถ้ากล้ามเนื้อยังเป็นก้อนตึง หรือประคบเย็นถ้ากล้ามเนื้อคลายแล้วแต่ยังเจ็บ
ผู้สูงอายุหรือหญิงตั้งครรภ์ที่มักเป็นตะคริวตอนกลางคืน อาจป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารประเภทปลาและไข่ในมื้อเย็น หรือดื่มนมก่อนเข้านอน และระหว่างวันอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอด้วยก็จะช่วยได้มาก
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 193 มกราคม 2560 โดย ธาราทิพย์)
งานวิจัยชิ้นใหม่จาก Purdue University สหรัฐอเมริกา พบว่า การเสริมอาหารด้วยใยอาหารจากข้าวโพด เป็นประจำทุกวัน ช่วยผู้หญิงวัยรุ่นและวัยหมดประจำเดือนให้มีกระดูกแข็งแรงขึ้นได้ ด้วยการสร้างและรักษาแคลเซียมในกระดูก นับเป็นทางเลือกใหม่ของการมีสุขภาพดี
ข้าวโพดมีใยอาหารที่ให้ประโยชน์มากมายอย่างเดียวกับใยอาหารเพื่อสุขภาพอื่นๆ ที่พบได้ในอาหารพรีไบโอติก ซึ่งช่วยให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ ช่วยเสริมการทำงานของจุลินทรีย์โปรไบโอติกในลำไส้ใหญ่ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหาร โดยเฉพาะแคลเซียม
ทีมวิจัยพบว่า เมื่อใยอาหารพรีไบโอติกเคลื่อนผ่านไปจนถึงลำไส้ใหญ่ จุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ตอนล่างจะย่อยใยอาหารนี้ ทำให้ใยอาหารแตกตัวเป็นกรดไขมันสายสั้น ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยสร้างกระดูกให้แข็งแรงในหญิงวัยรุ่น และช่วยให้หญิงวัยหมดประจำเดือนยังคงรักษาความแข็งแรงของกระดูกไว้ได้ แม้เข้าสู่วัยที่กระดูกบางและหักง่ายแล้ว
• ความดันโลหิตตกลงทันที อาจเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม
ผู้สูงอายุมักบ่นเวลาลุกขึ้นยืนว่า เวียนหัวจัง หน้ามืด ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา อายุมากขึ้นเลือดก็ขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่ทัน สักพักจะหายเป็นปกติเอง แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่า นั่นอาจเป็นสัญญาณอันตรายที่เกิดกับสมอง
อาการเวียนหัวเมื่อลุกยืน เกิดจากเลือดไหลเวียนไปสมองลดลงชั่วคราวเป็นเวลาสั้นๆ เพราะความดันโลหิตลดต่ำลงอย่างทันทีทันใด และอีกประการหนึ่ง เมื่อเริ่มแก่ตัวลง เลือดในสมองก็ไหลเวียนลดลง ทำให้สมองทำงานผิดปกติไปเรื่อยๆ
ปัจจุบัน มีการศึกษาเรื่องนี้ โดยนักวิชาการชาวดัตช์ ได้วิเคราะห์ข้อมูลของชาวดัตช์มากกว่า 6,000 คน เป็นเวลา 24 ปี พบว่า ความดันโลหิตลดต่ำลงอย่างทันทีทันใด เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ในระยะยาว เพิ่มขึ้นถึง 15% เพราะภาวะร่างกายพร่องออกซิเจน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อสมองได้
อย่างไรก็ดี Dr.Irving Gomolin ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ โรงพยาบาล Mineola ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า การศึกษาชิ้นนี้น่าสนใจ แต่เร็วเกินไปที่จะบอกว่า การรักษาอาการความดันโลหิตลดต่ำลงอย่างทันทีทันใด จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมต่อไปในอนาคตได้ และผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้มีอาการดังกล่าวด้วย
• “หูตึง” ปัญหาที่หูหรือสมอง?
ผู้สูงอายุมักมีปัญหาการได้ยิน ยิ่งถ้าคุยในที่มีเสียงอึกทึกรบกวนยิ่งเป็นปัญหา และมีหลายครั้งได้ยินเสียงที่คนอื่นพูด แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่อง
จากการศึกษาแบบสหวิชาชีพของมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้สูงอายุวัย 61-73 ปี ที่มีผลการทดสอบการได้ยินเสียงว่าเป็นปกติ แต่กลับไม่เข้าใจความหมายของคำพูดของคู่สนทนา มากกว่าคนวัย 18-30 ปีที่มีการได้ยินปกติเช่นกัน
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า เกิดจากความผิดปกติที่สมองส่วนกลางและเปลือกสมองของผู้สูงอายุ ทำให้ไม่สามารถรักษาความสนใจ และประมวลผลคำสนทนาในท่ามกลางเสียงอึกทึก โดยการทำงานของสมองส่วนนี้ค่อยๆ ถูกทำลายไปทีละน้อยอย่างไม่ทันรู้ตัว
เมื่อปัญหาไม่ได้เกิดจากสมรรถภาพการได้ยิน ดังนั้น การพูดเสียงดังกับผู้สูงอายุวัยนี้ จึงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ทางที่ดี ผู้ที่สนทนากับผู้สูงวัยที่มีปัญหาการฟัง ควรดึงความสนใจมาที่ตัวผู้พูดก่อน และใช้น้ำเสียงอ่อนโยน ช้าๆชัดๆ สบตากัน ให้ผู้สูงวัยได้เห็นปากคู่สนทนาเวลาพูด เพราะระบบการมองเห็น จะช่วยแก้ปัญหาการได้ยินให้ดีขึ้นได้
• อย่าคิดว่าแข็งแรงแล้ว ไม่ต้องตรวจสุขภาพนะ
คนที่มีร่างกายแข็งแรง อย่าคิดว่า ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพราะอาจมีโรคแฝงอยู่ก็ได้
นายแพทย์ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า การตรวจสุขภาพประจำปี มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน แต่ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะปลอดจากโรคภัย เพียงช่วยให้ตรวจพบโรคหรือได้รับการรักษาในระยะเริ่มแรก รวมทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารหวาน ไขมันสูง การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุรี่ เป็นต้น
คนที่มีสุขภาพแข็งแรงก็ควรตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจค้นหาปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ค้นหาโรค และความผิดปกติที่อาจแอบแฝงอยู่ แต่ยังไม่ปรากฏอาการผิดปกติ เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง กรดยูริคสูง โรคตับ หากพบจะสามารถปรับแก้พฤติกรรมได้ทันท่วงที
เพราะหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดี อยู่ที่การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ และปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
• สาเหตุและวิธีแก้ตะคริว
“ตะคริว” เป็นได้ง่ายๆ ไม่ต้องรอแก่ เพราะตะคริวเกิดจากกล้ามเนื้อลายหรือกล้ามเนื้อยึดกระดูก เกิดการหดเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ และรู้สึกเจ็บหรือปวดมากขึ้นมาทันที
สาเหตุอาจเกิดจากการนั่ง ยืน หรือทำงานในท่าเดิมนานๆ กล้ามเนื้ออ่อนล้าเพราะใช้แรงจนเกินกำลัง แต่สำหรับคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป อาจเกิดจากเซลล์กล้ามเนื้อเสื่อมสภาพหรือขาดน้ำ เพราะดื่มน้ำน้อย หรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่จัด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี รวมทั้งโรคตับและโรคไต บางคนจึงเกิดตะคริวบ่อย สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเลยทีเดียว
วิธีแก้ก็คือ เวลาเป็นตะคริวขึ้นมา ให้หยุดกิจกรรมที่ทำ อยู่นิ่งๆ แล้วค่อยๆยืดกล้ามเนื้อค้างไว้จนคลาย นวดเบาๆไปด้วย แล้วประคบร้อนกล้ามเนื้อบริเวณนั้นและโดยรอบถ้ากล้ามเนื้อยังเป็นก้อนตึง หรือประคบเย็นถ้ากล้ามเนื้อคลายแล้วแต่ยังเจ็บ
ผู้สูงอายุหรือหญิงตั้งครรภ์ที่มักเป็นตะคริวตอนกลางคืน อาจป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารประเภทปลาและไข่ในมื้อเย็น หรือดื่มนมก่อนเข้านอน และระหว่างวันอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอด้วยก็จะช่วยได้มาก
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 193 มกราคม 2560 โดย ธาราทิพย์)