• ไม่มีใครส่งหนังสืออุปถัมภ์
เจริญพรกองบรรณาธิการนิตยสารธรรมลีลา
อาตมาพระทองใส ปัญญาวุฑโฒ แต่ก่อนอาตมาจำพรรษาอยู่ที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ได้ติดตามอ่านหนังสือธรรมลีลาเป็นประจำ ซึ่งเป็นหนังสือที่ดีมากๆ มีประโยชน์หลายด้าน ได้อ่านทั้งพระและญาติโยม
แต่เดี๋ยวนี้อาตมาได้ย้ายมาจำพรรษาที่ จ.พะเยา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 59 แล้ว และที่วัดนี้ ไม่มีใครส่งหนังสืออุปถัมภ์เลย ทำให้อาตมาขาดการอ่านติดตาม
ฉะนั้น จึงขอความอนุเคราะห์ทางกองบรรณาธิการ ช่วยหาผู้อุปถัมภ์ให้อาตมาด้วย อนุโมทนาสาธุล่วงหน้า สาธุ สาธุ สาธุ
ขอเจริญพร
พระทองใส ปัญญาวุฑโฒ
วัดต๋อมใต้ศรีมณฑล จ.พะเยา
นมัสการพระคุณเจ้า ผู้ที่มารับเป็นสมาชิกอุปถัมภ์ถวายท่านเป็นเวลา 2 ปี คือ คุณธนวรรณ สันทนานนท์ จากกรุงเทพฯ
เรียนท่านผู้อ่าน วัดต๋อมใต้ศรีมณฑล เป็นวัดราษฎร์ สังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่ที่ตำบลต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา
เอ่ยถึงพะเยา สิ่งที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนี้ก็คือ กว๊านพะเยา ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และอันดับ 4 ของประเทศไทย
บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองพะเยาในปัจจุบันอยู่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองภูกามยาว หรือพยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดยมีผู้ปกครองคือพญางำเมือง ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านนา
เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองพะเยาอยู่ภายใต้การปกครองของจังหวัดเชียงรายในฐานะอำเภอพะเยา และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย
เว็บไซต์จังหวัดพะเยา (www.phayao.go.th) บอกถึงการเสด็จประพาสพะเยาครั้งแรก ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางฯ จ้าพระบรมราชินีนาถ ไว้ว่า
วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2501 เวลา 12.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จประพาสพะเยาครั้งแรก เสด็จฯ โรงเรียนพะเยาพิทยาคม อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นโรงเรียนในระดับมัธยมต้นประจำอำเภอแห่งแรกของอำเภอเมืองพะเยา เสด็จฯ เยี่ยมสถานีประมงกว๊านพะเยา เสด็จฯ ไปริมแม่น้ำอิง ในบริเวณสถานีประมงกว๊านพะเยา เพื่อทรงปล่อยพันธุ์ปลา และเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรทัศนียภาพกว๊านพะเยา จากนั้นเสด็จฯไปยังวัดศรีโคมคำ เพื่อทรงนมัสการพระเจ้าตนหลวง กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. จึงเสด็จฯ ออกจากเมืองพะเยาไปจังหวัดลำปาง
• รู้สึกซาบซึ้งใจ
เรียนบรรณาธิการนิตยสารธรรมลีลา
ตามที่กระผม น.ช.เสริมศักดิ์ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางพัทลุง ได้ขอความอนุเคราะห์ให้ท่านช่วยจัดหาผู้อุปถัมภ์ให้แก่กระผมและเพื่อนๆนั้น บัดนี้ กระผมได้รับนิตยสารฉบับที่ 185 พฤษภาคม 2559 จากคุณชูชัย เทพธารี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระผมขอขอบพระคุณกองบรรณาธิการที่ช่วยเป็นสื่อกลาง และขอขอบพระคุณ คุณชูชัย เทพธารี เป็นอย่างสูงที่ให้การอุปถัมภ์ กระผมไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้นอกจากคำขอบคุณ และจะนำหนังสือที่ท่านได้บริจาคนี้ ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าที่สุด
กระผมรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ยังมีบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกได้ให้ความสำคัญแก่ผู้ต้องขัง มีคนอีกจำนวนมากอาจคิดว่า บุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกนั้น เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ เป็นบุคคลที่สังคมลืม ถูกทอดทิ้ง แต่วันนี้กระผมได้รู้แล้วว่า แม้แต่คนที่ถูกต้องหาว่ากระทำความผิด แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายที่ให้โอกาส ให้อภัย และให้การช่วยเหลือเสมอ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่ง บุคคลเหล่านั้นจะกลับตัวกลับใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับคืนสู่สังคมได้อย่างถาวร
เรียนคุณผู้อ่านสมาชิก และผู้อุปการะนิตยสารธรรมลีลาทุกท่าน วันที่ 9 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา เรือนจำกลางพัทลุงได้จัดกิจกรรมสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติ “ตั้งมั่นทำความดีถวายในหลวง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบรอบ 70 ปี โดยมีนายสุรชัย ไหมทิม หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง นางฉวีวรรณ ลวนาภรณ์ หัวหน้าฝ่ายสงเคราะห์ผู้ต้องขัง นายอุทิศ สังเมียน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษา ร่วมกันจัดโครงการฯ และได้รับเกียรติจากนายวีระ ทวีชนม์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขังเป็นประธานในพิธี มีผู้ต้องขังเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 100 คน ทั้งนี้ เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้ต้องขังคิดดี ทำดี เพื่อสนองพระราชดำรัส และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทย
กระผมขอให้นิตยสารธรรมลีลา ช่วยเป็นสื่อกลางให้บุคคลทั่วไปได้รู้ด้วยว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ไม่ว่าจะเคยเป็นใคร ไม่ว่าเวลาไหน คนเราย่อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เสมอ และไม่สายสำหรับการเริ่มต้นใหม่ ขอให้ทุกคนคิดดี ทำดี แล้วสังคมก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข
สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณเรือนจำกลางพัทลุง เจ้าหน้าที่ทุกท่าน ทั้งที่ออกนามและไม่ออกนาม ที่จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ขึ้น และขอให้นิตยสารธรรมลีลาเป็นนิตยสารคุณภาพ และอยู่คู่คนไทยตราบนานเท่านาน ขอบคุณครับ
น.ช.เสริมศักดิ์
เรือนจำกลางพัทลุง
เรียนคุณเสริมศักดิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ได้ส่งผ่านคำขอบคุณของคุณไปยังผู้อุปถัมภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยากบอกว่าผู้ที่เป็นสมาชิกอุปถัมภ์ให้คุณ รวมทั้งผู้ต้องขังในเรือนจำอื่นๆ ก็หวังดังเช่นที่คุณบอกมาว่า “วันนี้กระผมได้รู้แล้วว่า แม้แต่คนที่ถูกต้องหาว่ากระทำความผิด แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายที่ให้โอกาส ให้อภัย และให้การช่วยเหลือเสมอ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่ง บุคคลเหล่านั้นจะกลับตัวกลับใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับคืนสู่สังคมได้อย่างถาวร”
การที่เรือนจำกลางพัทลุงได้จัดกิจกรรมสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติ “ตั้งมั่นทำความดีถวายในหลวง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับเป็นเรื่องที่ดีงามน่ายกย่อง
อย่าลืมว่า “ในหลวง” ทรงเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ ให้ความรัก ความเมตตา ความกรุณา ความปรารถนาดี กับอาณาประชาราษฎร์ ดุจดังที่พ่อผู้ประเสริฐให้กับลูกๆ และแม้ว่าลูกจะผิดพลาดพลั้งไปอย่างไร ก็ให้อภัยได้เสมอ ดังที่พระองค์ได้พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขังทุกปีตลอดมานับแต่ทรงครองราชย์
การสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเป็นเรื่องดีงาม เรียกว่า “กตัญญู” รู้คุณผู้มีพระคุณ แต่ต้องมี “กตเวที” การตอบแทนพระคุณด้วย การ “ตั้งมั่นทำความดีถวายในหลวง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลนั้น เป็นการตอบแทนพระคุณอันประเสริฐ และจะเกิดความดีงามกับผู้ปฏิบัติด้วย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 188 สิงหาคม 2559 โดย กองบรรณาธิการ)
เจริญพรกองบรรณาธิการนิตยสารธรรมลีลา
อาตมาพระทองใส ปัญญาวุฑโฒ แต่ก่อนอาตมาจำพรรษาอยู่ที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ได้ติดตามอ่านหนังสือธรรมลีลาเป็นประจำ ซึ่งเป็นหนังสือที่ดีมากๆ มีประโยชน์หลายด้าน ได้อ่านทั้งพระและญาติโยม
แต่เดี๋ยวนี้อาตมาได้ย้ายมาจำพรรษาที่ จ.พะเยา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 59 แล้ว และที่วัดนี้ ไม่มีใครส่งหนังสืออุปถัมภ์เลย ทำให้อาตมาขาดการอ่านติดตาม
ฉะนั้น จึงขอความอนุเคราะห์ทางกองบรรณาธิการ ช่วยหาผู้อุปถัมภ์ให้อาตมาด้วย อนุโมทนาสาธุล่วงหน้า สาธุ สาธุ สาธุ
ขอเจริญพร
พระทองใส ปัญญาวุฑโฒ
วัดต๋อมใต้ศรีมณฑล จ.พะเยา
นมัสการพระคุณเจ้า ผู้ที่มารับเป็นสมาชิกอุปถัมภ์ถวายท่านเป็นเวลา 2 ปี คือ คุณธนวรรณ สันทนานนท์ จากกรุงเทพฯ
เรียนท่านผู้อ่าน วัดต๋อมใต้ศรีมณฑล เป็นวัดราษฎร์ สังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่ที่ตำบลต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา
เอ่ยถึงพะเยา สิ่งที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนี้ก็คือ กว๊านพะเยา ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และอันดับ 4 ของประเทศไทย
บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองพะเยาในปัจจุบันอยู่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองภูกามยาว หรือพยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดยมีผู้ปกครองคือพญางำเมือง ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านนา
เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองพะเยาอยู่ภายใต้การปกครองของจังหวัดเชียงรายในฐานะอำเภอพะเยา และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย
เว็บไซต์จังหวัดพะเยา (www.phayao.go.th) บอกถึงการเสด็จประพาสพะเยาครั้งแรก ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางฯ จ้าพระบรมราชินีนาถ ไว้ว่า
วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2501 เวลา 12.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จประพาสพะเยาครั้งแรก เสด็จฯ โรงเรียนพะเยาพิทยาคม อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นโรงเรียนในระดับมัธยมต้นประจำอำเภอแห่งแรกของอำเภอเมืองพะเยา เสด็จฯ เยี่ยมสถานีประมงกว๊านพะเยา เสด็จฯ ไปริมแม่น้ำอิง ในบริเวณสถานีประมงกว๊านพะเยา เพื่อทรงปล่อยพันธุ์ปลา และเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรทัศนียภาพกว๊านพะเยา จากนั้นเสด็จฯไปยังวัดศรีโคมคำ เพื่อทรงนมัสการพระเจ้าตนหลวง กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. จึงเสด็จฯ ออกจากเมืองพะเยาไปจังหวัดลำปาง
• รู้สึกซาบซึ้งใจ
เรียนบรรณาธิการนิตยสารธรรมลีลา
ตามที่กระผม น.ช.เสริมศักดิ์ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางพัทลุง ได้ขอความอนุเคราะห์ให้ท่านช่วยจัดหาผู้อุปถัมภ์ให้แก่กระผมและเพื่อนๆนั้น บัดนี้ กระผมได้รับนิตยสารฉบับที่ 185 พฤษภาคม 2559 จากคุณชูชัย เทพธารี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระผมขอขอบพระคุณกองบรรณาธิการที่ช่วยเป็นสื่อกลาง และขอขอบพระคุณ คุณชูชัย เทพธารี เป็นอย่างสูงที่ให้การอุปถัมภ์ กระผมไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้นอกจากคำขอบคุณ และจะนำหนังสือที่ท่านได้บริจาคนี้ ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าที่สุด
กระผมรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ยังมีบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกได้ให้ความสำคัญแก่ผู้ต้องขัง มีคนอีกจำนวนมากอาจคิดว่า บุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกนั้น เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ เป็นบุคคลที่สังคมลืม ถูกทอดทิ้ง แต่วันนี้กระผมได้รู้แล้วว่า แม้แต่คนที่ถูกต้องหาว่ากระทำความผิด แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายที่ให้โอกาส ให้อภัย และให้การช่วยเหลือเสมอ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่ง บุคคลเหล่านั้นจะกลับตัวกลับใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับคืนสู่สังคมได้อย่างถาวร
เรียนคุณผู้อ่านสมาชิก และผู้อุปการะนิตยสารธรรมลีลาทุกท่าน วันที่ 9 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา เรือนจำกลางพัทลุงได้จัดกิจกรรมสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติ “ตั้งมั่นทำความดีถวายในหลวง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบรอบ 70 ปี โดยมีนายสุรชัย ไหมทิม หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง นางฉวีวรรณ ลวนาภรณ์ หัวหน้าฝ่ายสงเคราะห์ผู้ต้องขัง นายอุทิศ สังเมียน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษา ร่วมกันจัดโครงการฯ และได้รับเกียรติจากนายวีระ ทวีชนม์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขังเป็นประธานในพิธี มีผู้ต้องขังเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 100 คน ทั้งนี้ เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้ต้องขังคิดดี ทำดี เพื่อสนองพระราชดำรัส และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทย
กระผมขอให้นิตยสารธรรมลีลา ช่วยเป็นสื่อกลางให้บุคคลทั่วไปได้รู้ด้วยว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ไม่ว่าจะเคยเป็นใคร ไม่ว่าเวลาไหน คนเราย่อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เสมอ และไม่สายสำหรับการเริ่มต้นใหม่ ขอให้ทุกคนคิดดี ทำดี แล้วสังคมก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข
สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณเรือนจำกลางพัทลุง เจ้าหน้าที่ทุกท่าน ทั้งที่ออกนามและไม่ออกนาม ที่จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ขึ้น และขอให้นิตยสารธรรมลีลาเป็นนิตยสารคุณภาพ และอยู่คู่คนไทยตราบนานเท่านาน ขอบคุณครับ
น.ช.เสริมศักดิ์
เรือนจำกลางพัทลุง
เรียนคุณเสริมศักดิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ได้ส่งผ่านคำขอบคุณของคุณไปยังผู้อุปถัมภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยากบอกว่าผู้ที่เป็นสมาชิกอุปถัมภ์ให้คุณ รวมทั้งผู้ต้องขังในเรือนจำอื่นๆ ก็หวังดังเช่นที่คุณบอกมาว่า “วันนี้กระผมได้รู้แล้วว่า แม้แต่คนที่ถูกต้องหาว่ากระทำความผิด แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายที่ให้โอกาส ให้อภัย และให้การช่วยเหลือเสมอ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่ง บุคคลเหล่านั้นจะกลับตัวกลับใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับคืนสู่สังคมได้อย่างถาวร”
การที่เรือนจำกลางพัทลุงได้จัดกิจกรรมสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติ “ตั้งมั่นทำความดีถวายในหลวง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับเป็นเรื่องที่ดีงามน่ายกย่อง
อย่าลืมว่า “ในหลวง” ทรงเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ ให้ความรัก ความเมตตา ความกรุณา ความปรารถนาดี กับอาณาประชาราษฎร์ ดุจดังที่พ่อผู้ประเสริฐให้กับลูกๆ และแม้ว่าลูกจะผิดพลาดพลั้งไปอย่างไร ก็ให้อภัยได้เสมอ ดังที่พระองค์ได้พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขังทุกปีตลอดมานับแต่ทรงครองราชย์
การสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเป็นเรื่องดีงาม เรียกว่า “กตัญญู” รู้คุณผู้มีพระคุณ แต่ต้องมี “กตเวที” การตอบแทนพระคุณด้วย การ “ตั้งมั่นทำความดีถวายในหลวง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลนั้น เป็นการตอบแทนพระคุณอันประเสริฐ และจะเกิดความดีงามกับผู้ปฏิบัติด้วย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 188 สิงหาคม 2559 โดย กองบรรณาธิการ)