มาสด้า ปลูกจิตอาสานำพนักงานและผู้บริหาร กว่า 160 ชีวิต ลงพื้นที่สัมผัสวิถีแห่งชุมชน การดำรงชีวิตตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พาสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เรียนรู้ความเป็นอยู่กับธรรมชาติของชุมชน ส่งเสริมให้พนักงานมาสด้านำมาประยุกต์ใช้กับโลกปัจจุบัน เพื่อความสุขที่ยั่งยืน ส่งต่อสู่คนรอบข้างและสังคม พร้อมศึกษาระบบนิเวศน์ แหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทางน้ำ สร้างแรงบันดาลใจอนุรักษ์ธรรมชาติ ลุยปลูกป่าชายเลนเพิ่มพูนแหล่งขยายพันธุ์สัตว์น้ำสู่ความยั่งยืน
ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่มาสด้าดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เป้าหมายของมาสด้าไม่ใช่เพียงแค่การเติบโตทางธุรกิจ หรือการเติบโตของแบรนด์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่เรามุ่งหวังไปถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่อยู่เคียงข้างองค์กร เริ่มต้นตั้งแต่พนักงานในองค์กร คู่ค้า ลูกค้า ชุมชน รวมไปถึงหน่วยงานต่างๆ ให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เพิ่มพูนความรู้ ความสามารถในการประกอบอาชีพธุรกิจ แม้ต้องอยู่ในสถานการณ์การแข่งขันของสังคมปัจจุบัน
กิจกรรม “MAZDA GROWING TOGETHER” หรือ “โลกสดใส ด้วยหัวใจเดียวกัน” ในครั้งนี้ เพื่อสร้างความความเป็นหนึ่งใจเดียวกัน หรือ “One Mazda” ในการปลูกจิตอาสานำสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม การดำรงชีวิตอย่างชาญฉลาด อยู่อย่างมั่นคง และยั่งยืน ด้วยพื้นฐานวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ซึ่งตรงตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดำรัสของในหลวง ที่ได้ทรงพระราชดำรัสชี้แนะแด่พสกนิกรชาวไทย ซึ่งมาสด้าไม่เคยลืมที่จะนำมาปรับใช้กับองค์กร มาสด้าเป็นผู้ผลิตผลิตรถยนต์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสิ่งแวดล้อมโลก มาสด้าให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด นั่นคือ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ให้สมรรถนะสูงควบคู่กับความประหยัดน้ำมัน และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณต่ำที่สุด ช่วยลดมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเกิดเป็นกิจกรรม CSR ของชาวมาสด้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รักษ์โลก ปลูกป่าชายเลน สร้างชุมชนยั่งยืน”
เทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาจนได้มาซึ่งรถยนต์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุดจนประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ คือ ขบวนการของ CSR on process หรือเป็นขบวนการผลิตทั้งระบบเพื่อให้ได้มาซึ่งการประหยัดพลังงานดีที่สุด เริ่มตั้ง เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง โครงสร้างตัวถัง และระบบบังคับเลี้ยว และภายใต้การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ จนประสบผลสำเร็จได้มาซึ่งรถยนต์ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวถึงกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีของครอบครัวมาสด้าที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในองค์กร ให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เติบโตไปพร้อมๆ กับองค์กรในแนวทางเดียวกัน และเป็นฟันเฟืองอันสำคัญของแบรนด์มาสด้าที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี หากทุกคนเข้าใจในหลักของความพอเพียง และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เดินทางสายกลาง ปรับสมดุลให้กับชีวิต ก็จะทำให้เกิดเป็นความสุขยั่งยืนที่สามารถส่งต่อให้กับคนรอบข้างด้วย ทั้งครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า ผู้ติดต่อตามสายงาน คู่ค้า และแบ่งปันสู่ชุมชนตลอดไป
กิจกรรมในครั้งนี้ มาสด้าชมมหาวิทยาลัยบ้านนอก สัมผัสวีถีชุมชนแบบเศรษฐกิจพอเพียง ชมฝีมือการทำอาหารจากชาวบ้านในชุมชนที่นำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาปรุงเป็นอาหารกลางวันให้รับประทาน ชมบ้านปลา บ้านปู และร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ บ้านจำรุง ตำบลเนินฆ้อ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึมซับวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างพอเพียง สัมผัสกับบุคคลต้นแบบอย่างใกล้ชิด เรียนรู้วิถีชุมชนแบบเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวบ้าน จะทำให้ชีวิตได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยสิ่งดีๆ ที่ครอบครัวมาสด้าร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วยการร่วมกันปลูกป่าชายเลนซึ่งเป็นแหล่งเพาะอนุบาลเพื่ออนุรักษ์สัตว์น้ำด้วยการเสริมสร้างระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ และเป็นแหล่งอาหาร อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย
ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่มาสด้าดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เป้าหมายของมาสด้าไม่ใช่เพียงแค่การเติบโตทางธุรกิจ หรือการเติบโตของแบรนด์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่เรามุ่งหวังไปถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่อยู่เคียงข้างองค์กร เริ่มต้นตั้งแต่พนักงานในองค์กร คู่ค้า ลูกค้า ชุมชน รวมไปถึงหน่วยงานต่างๆ ให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เพิ่มพูนความรู้ ความสามารถในการประกอบอาชีพธุรกิจ แม้ต้องอยู่ในสถานการณ์การแข่งขันของสังคมปัจจุบัน
กิจกรรม “MAZDA GROWING TOGETHER” หรือ “โลกสดใส ด้วยหัวใจเดียวกัน” ในครั้งนี้ เพื่อสร้างความความเป็นหนึ่งใจเดียวกัน หรือ “One Mazda” ในการปลูกจิตอาสานำสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม การดำรงชีวิตอย่างชาญฉลาด อยู่อย่างมั่นคง และยั่งยืน ด้วยพื้นฐานวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ซึ่งตรงตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดำรัสของในหลวง ที่ได้ทรงพระราชดำรัสชี้แนะแด่พสกนิกรชาวไทย ซึ่งมาสด้าไม่เคยลืมที่จะนำมาปรับใช้กับองค์กร มาสด้าเป็นผู้ผลิตผลิตรถยนต์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสิ่งแวดล้อมโลก มาสด้าให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด นั่นคือ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ให้สมรรถนะสูงควบคู่กับความประหยัดน้ำมัน และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณต่ำที่สุด ช่วยลดมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเกิดเป็นกิจกรรม CSR ของชาวมาสด้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รักษ์โลก ปลูกป่าชายเลน สร้างชุมชนยั่งยืน”
เทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาจนได้มาซึ่งรถยนต์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุดจนประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ คือ ขบวนการของ CSR on process หรือเป็นขบวนการผลิตทั้งระบบเพื่อให้ได้มาซึ่งการประหยัดพลังงานดีที่สุด เริ่มตั้ง เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง โครงสร้างตัวถัง และระบบบังคับเลี้ยว และภายใต้การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ จนประสบผลสำเร็จได้มาซึ่งรถยนต์ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวถึงกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีของครอบครัวมาสด้าที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในองค์กร ให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เติบโตไปพร้อมๆ กับองค์กรในแนวทางเดียวกัน และเป็นฟันเฟืองอันสำคัญของแบรนด์มาสด้าที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี หากทุกคนเข้าใจในหลักของความพอเพียง และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เดินทางสายกลาง ปรับสมดุลให้กับชีวิต ก็จะทำให้เกิดเป็นความสุขยั่งยืนที่สามารถส่งต่อให้กับคนรอบข้างด้วย ทั้งครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า ผู้ติดต่อตามสายงาน คู่ค้า และแบ่งปันสู่ชุมชนตลอดไป
กิจกรรมในครั้งนี้ มาสด้าชมมหาวิทยาลัยบ้านนอก สัมผัสวีถีชุมชนแบบเศรษฐกิจพอเพียง ชมฝีมือการทำอาหารจากชาวบ้านในชุมชนที่นำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาปรุงเป็นอาหารกลางวันให้รับประทาน ชมบ้านปลา บ้านปู และร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ บ้านจำรุง ตำบลเนินฆ้อ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึมซับวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างพอเพียง สัมผัสกับบุคคลต้นแบบอย่างใกล้ชิด เรียนรู้วิถีชุมชนแบบเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวบ้าน จะทำให้ชีวิตได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยสิ่งดีๆ ที่ครอบครัวมาสด้าร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วยการร่วมกันปลูกป่าชายเลนซึ่งเป็นแหล่งเพาะอนุบาลเพื่ออนุรักษ์สัตว์น้ำด้วยการเสริมสร้างระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ และเป็นแหล่งอาหาร อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย