• ภาพพุทธศิลป์เกาหลีโบราณ ถูกเคาะขายกว่า 60 ล้านบาท
เกาหลีใต้ : สำนักข่าว Yonhap รายงานว่า เมื่อเดือนเมษายน 2016 ภาพวาดพุทธศิลป์เกาหลีในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ชิ้นหนึ่ง ได้ถูกนำออกประมูลโดยบริษัทรับจัดประมูล “คริสตีส์” ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ภาพดังกล่าวเป็นภาพวาดองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสีทอง บนผืนผ้าซิลค์สกรีนสีม่วง ขนาดกว้าง 63 เซนติเมตร สูง 1 เมตร ซึ่งพระมเหสีของพระเจ้าจุงจง (ครองราชย์ระหว่างค.ศ. 1506-1544) แห่งราชวงค์โชซอน โปรดให้ทำขึ้น
เบื้องต้นภาพดังกล่าวคาดว่าจะขายได้ในราคาระหว่าง 4-6 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ แต่สุดท้ายถูกเคาะไปด้วยราคา 1.805 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 63 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นราคาขายภาพวาดเกาหลีโบราณที่สูงที่สุดเท่าที่บริษัทฯเคยจัดประมูลมา
• เตรียมเสนอให้วันพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นวันหยุดแห่งชาติของอินเดีย
อินเดีย : เว็บไซต์ Buddhistdoor รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2016 สมาพันธ์พุทธนานาชาติ (IBC) ร่วมกับสมาพันธ์ต่างๆ ได้จัดงานเฉลิมฉลอง “ChakravartiSamrat Ashok Mahan Janmotsav” เพื่อรำลึกการประสูติของพระเจ้าอโศกมหาราช ณ สมาคมอโศก กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่พระเจ้าอโศกมหาราช (268-232 ก่อนคริสตกาล) กษัตริย์แห่งราชวงค์โมริยะ ทรงเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศอินเดีย แม้เดิมทีพระองค์เป็นกษัตริย์ที่โหดร้าย ชอบทำสงครามกับแว่นแคว้นต่างๆ แต่ต่อมาเมื่อไปรบที่แค้วนกาลิงคะ (262-261 ก่อนคริสตกาล) มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จึงทรงหันมาเลื่อมใสในพุทธศาสนา
พระองค์ทรงประกาศให้การอุปถัมภ์ศาสนาหลักต่างๆในเวลานั้น คือ พุทธ พราหมณ์ เชน และอาชีวก ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความเมตตา อาทิ ทรงห้ามฆ่าสัตว์ และส่งเสริมมังสวิรัติ
แต่สิ่งที่ทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องคือ ทรงทำให้พุทธศาสนากลายเป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของโลก ทรงส่งสมณทูตไปเผยแผ่ศาสนาพุทธตามที่ต่างๆในเอเชีย ทรงเป็นองค์เอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรือง และแผ่ขยายมากที่สุดในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
กล่าวได้ว่า พระเจ้าอโศกมหาราชคือสัญลักษณ์แห่งชาติของอินเดีย ซึ่งตราสัญลักษณ์สำคัญๆทั้งหมดในเรื่องการปกครอง อาทิ ธนบัตร พาสปอร์ต ธงชาติ เป็นต้น จะมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าอโศกมหาราชปรากฏอยู่เสมอ
ดังนั้น เพื่อเป็นการยกย่องพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งใหญ่ต่อชาวอินเดียและชาวโลก ในงานดังกล่าวที่มีบุคคลสำคัญต่างๆทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมเฉลิมฉลองกว่า 2,000 คน จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียประกาศให้วันที่ 14 เมษายน ของทุกปี เป็นวันหยุดแห่งชาติ
• พบรูปแกะสลักธรรมจักรโบราณอายุราว 2,000 ปี
อินเดีย : สำนักข่าว Times News Network รายงานว่า เจ้าหน้าที่กองโบราณคดีรัฐอานธรประเทศ ประเทศอินเดีย ได้ขุดพบรูปแกะสลักนูนธรรมจักรบนแผ่นหิน และแผ่นหินจารึกข้อความด้วยอักษรพราหมี พร้อมทั้งโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาจำนวนหนึ่ง ภายในหมู่บ้านโกธาปาลลี เขตโคทาวรีตะวันออก ซึ่งนับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ
“นอกจากจะขุดพบรูปแกะสลักนูนธรรมจักร 32 ซี่ ลักษณะคล้ายล้อเกวียน มีอักษรพราหมีจารึกอยู่ด้านข้างแล้ว ยังพบสถูปหินขนาดต่างๆ 4 องค์ โบราณวัตถุเหล่านี้อยู่ในยุคก่อนจักรวรรดิสาตวาหนะ จนถึงยุคจักรวรรดิสาตวาหนะ คาดว่าแกะสลักขึ้นระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 2-4 เรากำลังวิเคราะห์จากข้อความที่จารึกบนแผ่นหิน” รามกฤษณะ ราโอ ผู้อำนวยการกองโบราณคดีรัฐอานธรประเทศ กล่าว
นับเป็นธรรมจักร 32 ซี่ อันที่สามที่ขุดพบเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการขุดพบรูปแกะสลักนูนธรรมจักร 32 ซึ่คล้ายๆกันในพื้นที่สำรวจทางโบราณคดีของรัฐกรณาฏกะ และธรรมจักร 32 ซี่ ปั้นจากดินเผา ที่ลุมพินี ในประเทศเนปาล
บันทึกประวัติศาสตร์เผยว่า รูปแกะสลักนูนธรรมจักรบนเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชนั้น มี 32 ซี่อันเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงคุณลักษณะ 32 ประการของมหาบุรุษ
ทั้งนี้ พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในหมู่บ้านหลายแห่งบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโคทาวรีและแม่น้ำกฤษณะ เรื่อยไปจนถึงเขตต้นน้ำในรัฐอานธรประเทศ
• เพื่อนบ้านโวย..หนุ่มญี่ปุ่นเปิด “โรงแรมศพ” ติดรั้วบ้าน
ญี่ปุ่น : เว็บไซต์ South China Morining Post รายงานว่า ชายชาวญี่ปุ่นหัวใสนายหนึ่ง ทิ้งธุรกิจรับจัดงานแต่งงาน หันมาเปิดโรงแรมศพเพื่อรอการฌาปนกิจ ทำให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงโกรธ และไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
Sousou (โซวโซว) หรือ “โรงแรมศพ” ดังกล่าว ซ่อนตัวอยู่ในย่านที่พักอาศัยอันเงียบสงบแห่งหนึ่งในเมืองคาวาซากิ เดิมเป็นโรงงานเก่าที่ถูกนำมาตกแต่งใหม่ ทาสีเงินด้านนอก ตัดกับผ้าม่านหน้าต่างสีดำ ชวนให้ขนหัวลุก ภายในแบ่งเป็น 10 ห้อง มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อใช้เก็บศพที่รอคิวเผาโดยไม่ต้องแช่เย็น
ฮิซาโอะ ทาเคกิชิ ผู้เปิดธุรกิจโรงแรมศพดังกล่าว เมื่อ ค.ศ. 2014 กล่าวว่า “เนื่องจากฌาปนกิจสถานมีน้อย จำเป็นต้องสร้างเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มีที่ว่างให้สร้าง ดังนั้น จึงต้องมีโรงเก็บศพไว้ก่อนเพื่อรอเผา” โดยคิดค่าบริการวันละ 9,000 เยน (ราว 3,000 บาท) ต่อห้อง ฝากได้ไม่เกิน 4 วันจนกว่าจะหาสถานที่เผาได้
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง รู้สึกไม่พอใจที่มีโรงแรมศพมาเปิดให้บริการ พากันออกมาประท้วง โดยหนึ่งในนั้นคือ โยโกะ มาซุซาวะ หญิงวัย 50 ปี ที่มีบ้านอยู่ด้านหลังโรงแรมศพ ได้เรียกร้องให้มีการติดตั้งท่อระบายอากาศเหนือพื้นดิน แต่กลับถูกปฏิเสธ เธอเปิดเผยด้วยว่า โรงแรมศพบางแห่งสร้างห่างจากบ้านที่อยู่ติดกันน้อยกว่า 1 เมตร
ขณะที่บรรดาลูกค้าของโรงแรมศพ รู้สึกดีใจที่มีสถานที่เก็บศพเพื่อรอเผา เช่น ฮิโรคะซุ โฮซากะ หญิงชราวัย 69 ปี ซึ่งนำศพของมารดามาฝากไว้ที่นี่ กล่าวว่า “ฉันคิดว่าเป็นเรื่องดีที่ครอบครัวและคนใกล้ชิดจะได้มาเยี่ยมคุณแม่ ก่อนที่จะนำไปเผา”
แม้โรงแรมศพจะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว รัฐบาลคาดว่าอัตราการเสียชีวิตจะพุ่งสูงสุดราว 1.7 ล้านคนต่อปีในราวค.ศ. 2040 แต่ทาเคกิชิก็ไม่คิดจะขยายธุรกิจในเมืองนี้ เขามีแผนที่จะเปิดโรงแรมศพในเมืองอื่นๆแทน
• ปากีสถานได้คืน “รอยพระพุทธบาท” เก่าแก่ ที่ถูกขโมย
สหรัฐอเมริกา : สำนักข่าว Daily Pakistan รายงานว่า แผ่นศิลารอยพระพุทธบาทโบราณสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 2 ซึ่งถูกลักลอบนำเข้ามาจัดประมูลในสหรัฐอเมริกา และคาดว่ามีมูลค่าถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35 ล้านบาท) นั้น ถูกมอบคืนให้รัฐบาลปากีสถานเมื่อปลายเดือนเมษายน 2016 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่แกะสลักบนแผ่นศิลา ตกแต่งด้วยเสา 3 ต้น พร้อมสัญลักษณ์ต่างๆในพุทธศาสนา เช่น สวัสติกะ ซึ่งถูกขโมยออกมาจากหุบเขาสวัต อันเป็นแหล่งประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในปากีสถานในช่วงค.ศ. 1980 และถูกลักลอบนำเข้าไปในสหรัฐฯ
อัยการนครนิวยอร์กได้ส่งมอบแผ่นศิลารอยพระพุทธบาทคืนให้นายริซวาน ซาอีด ชีค ผู้แทนจากปากีสถาน ซึ่งได้กล่าวว่า รอยพระพุทธบาทนี้เป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของปากีสถาน และอยากให้นำไปจัดแสดงในนครนิวยอร์กเป็นเวลาสั้นๆ
ขณะที่นายไซรัส อาร์ แวนซ์ จูเนียร์ อัยการเขตแมนฮัตตัน ได้กล่าวถึงรอยพระพุทธบาทว่า “มีค่ามากกว่าเป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่ง เพราะมันเป็นโบราณวัตถุที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดีและควรได้รับการคุ้มครอง”
ส่วนนายทัตสึโซะ คาคุ นักค้าศิลปะสมัยโบราณชาวญี่ปุ่น ผู้ลักลอบนำรอยพระพุทธบาทดังกล่าวจากโตเกียวเข้าไปในสหรัฐฯ ได้สารภาพผิดข้อหารับของโจร จึงถูกศาลสั่งปรับและจำคุก
• วัดดังในมาเลเซียออกกฎห้ามแต่งโป๊เข้าวัด
มาเลเซีย : เว็บไซต์ nst.com.my รายงานว่า วัดชิงเกียบซี (The Muar Ching Giap See Temple) ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมาเยือนเป็นจำนวนมาก ได้กำหนดข้อบังคับใหม่หลายอย่างให้มีผลบังคับใช้ในทันที
โดยพระชาน เหลียง ประธานวัดเผยว่า หนึ่งในข้อบังคับเหล่านั้น คือ ไม่อนุญาตให้ผู้มาเยือน นักท่องเที่ยว และผู้มีจิตศรัทธา ที่สวมกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น หรือแต่งกายไม่มิดชิด เข้ามาภายในบริเวณวัด เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและเหมาะสมต่อสถานที่
ขณะเดียวกัน การจุดธูปก่อให้เกิดควันฟุ้งไปทั่ววัด ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในตอนนี้ ทางวัดจึงกำหนดให้ผู้มีจิตศรัทธาแต่ละคนจุดธูปเพียงดอกเดียว เพื่อช่วยลดมลพิษ ทำให้อากาศภายในวัดสะอาดและบริสุทธิ์
นอกจากนี้ ยังห้ามสูบบุหรี่ ห้ามจุดเทียนแท่ง แต่อนุญาตให้ใช้ตะเกียงน้ำมันเนย และเทียนรูปดอกบัว ห้ามนำเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และอาหารทะเล มาปะปนในการถวายอาหารมังสวิรัติ
พระชานกล่าวว่า มลพิษในอากาศส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้มาสักการะ พระสงฆ์ แม่ชี และเจ้าหน้าที่วัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เริ่มรณรงค์ให้มีการจุดธูปครั้งละไม่เกิน 1 ดอก
“พวกอาตมาบอกเหล่าผู้มีจิตศรัทธาว่า การสักการะไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนธูปที่จุด แต่อยู่ที่ใจอันบริสุทธิ์ อย่างไรก็ดี หากพวกเขายืนยันที่จะจุดธูปเพื่อสักการะครั้งละ 3 ดอก ทางวัดก็จะไม่ห้าม
พวกอาตมาหวังว่า เหล่าผู้มีจิตศรัทธาจะเปลี่ยนแนวคิด และทำตามข้อบังคับ เพื่อสวัสดิภาพของตัวพวกเขาเองและคนอื่นๆด้วย”
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 186 มิถุนายน 2559 โดย เภตรา)
เกาหลีใต้ : สำนักข่าว Yonhap รายงานว่า เมื่อเดือนเมษายน 2016 ภาพวาดพุทธศิลป์เกาหลีในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ชิ้นหนึ่ง ได้ถูกนำออกประมูลโดยบริษัทรับจัดประมูล “คริสตีส์” ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ภาพดังกล่าวเป็นภาพวาดองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสีทอง บนผืนผ้าซิลค์สกรีนสีม่วง ขนาดกว้าง 63 เซนติเมตร สูง 1 เมตร ซึ่งพระมเหสีของพระเจ้าจุงจง (ครองราชย์ระหว่างค.ศ. 1506-1544) แห่งราชวงค์โชซอน โปรดให้ทำขึ้น
เบื้องต้นภาพดังกล่าวคาดว่าจะขายได้ในราคาระหว่าง 4-6 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ แต่สุดท้ายถูกเคาะไปด้วยราคา 1.805 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 63 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นราคาขายภาพวาดเกาหลีโบราณที่สูงที่สุดเท่าที่บริษัทฯเคยจัดประมูลมา
• เตรียมเสนอให้วันพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นวันหยุดแห่งชาติของอินเดีย
อินเดีย : เว็บไซต์ Buddhistdoor รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2016 สมาพันธ์พุทธนานาชาติ (IBC) ร่วมกับสมาพันธ์ต่างๆ ได้จัดงานเฉลิมฉลอง “ChakravartiSamrat Ashok Mahan Janmotsav” เพื่อรำลึกการประสูติของพระเจ้าอโศกมหาราช ณ สมาคมอโศก กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่พระเจ้าอโศกมหาราช (268-232 ก่อนคริสตกาล) กษัตริย์แห่งราชวงค์โมริยะ ทรงเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศอินเดีย แม้เดิมทีพระองค์เป็นกษัตริย์ที่โหดร้าย ชอบทำสงครามกับแว่นแคว้นต่างๆ แต่ต่อมาเมื่อไปรบที่แค้วนกาลิงคะ (262-261 ก่อนคริสตกาล) มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จึงทรงหันมาเลื่อมใสในพุทธศาสนา
พระองค์ทรงประกาศให้การอุปถัมภ์ศาสนาหลักต่างๆในเวลานั้น คือ พุทธ พราหมณ์ เชน และอาชีวก ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความเมตตา อาทิ ทรงห้ามฆ่าสัตว์ และส่งเสริมมังสวิรัติ
แต่สิ่งที่ทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องคือ ทรงทำให้พุทธศาสนากลายเป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของโลก ทรงส่งสมณทูตไปเผยแผ่ศาสนาพุทธตามที่ต่างๆในเอเชีย ทรงเป็นองค์เอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรือง และแผ่ขยายมากที่สุดในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
กล่าวได้ว่า พระเจ้าอโศกมหาราชคือสัญลักษณ์แห่งชาติของอินเดีย ซึ่งตราสัญลักษณ์สำคัญๆทั้งหมดในเรื่องการปกครอง อาทิ ธนบัตร พาสปอร์ต ธงชาติ เป็นต้น จะมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าอโศกมหาราชปรากฏอยู่เสมอ
ดังนั้น เพื่อเป็นการยกย่องพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งใหญ่ต่อชาวอินเดียและชาวโลก ในงานดังกล่าวที่มีบุคคลสำคัญต่างๆทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมเฉลิมฉลองกว่า 2,000 คน จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียประกาศให้วันที่ 14 เมษายน ของทุกปี เป็นวันหยุดแห่งชาติ
• พบรูปแกะสลักธรรมจักรโบราณอายุราว 2,000 ปี
อินเดีย : สำนักข่าว Times News Network รายงานว่า เจ้าหน้าที่กองโบราณคดีรัฐอานธรประเทศ ประเทศอินเดีย ได้ขุดพบรูปแกะสลักนูนธรรมจักรบนแผ่นหิน และแผ่นหินจารึกข้อความด้วยอักษรพราหมี พร้อมทั้งโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาจำนวนหนึ่ง ภายในหมู่บ้านโกธาปาลลี เขตโคทาวรีตะวันออก ซึ่งนับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ
“นอกจากจะขุดพบรูปแกะสลักนูนธรรมจักร 32 ซี่ ลักษณะคล้ายล้อเกวียน มีอักษรพราหมีจารึกอยู่ด้านข้างแล้ว ยังพบสถูปหินขนาดต่างๆ 4 องค์ โบราณวัตถุเหล่านี้อยู่ในยุคก่อนจักรวรรดิสาตวาหนะ จนถึงยุคจักรวรรดิสาตวาหนะ คาดว่าแกะสลักขึ้นระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 2-4 เรากำลังวิเคราะห์จากข้อความที่จารึกบนแผ่นหิน” รามกฤษณะ ราโอ ผู้อำนวยการกองโบราณคดีรัฐอานธรประเทศ กล่าว
นับเป็นธรรมจักร 32 ซี่ อันที่สามที่ขุดพบเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการขุดพบรูปแกะสลักนูนธรรมจักร 32 ซึ่คล้ายๆกันในพื้นที่สำรวจทางโบราณคดีของรัฐกรณาฏกะ และธรรมจักร 32 ซี่ ปั้นจากดินเผา ที่ลุมพินี ในประเทศเนปาล
บันทึกประวัติศาสตร์เผยว่า รูปแกะสลักนูนธรรมจักรบนเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชนั้น มี 32 ซี่อันเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงคุณลักษณะ 32 ประการของมหาบุรุษ
ทั้งนี้ พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในหมู่บ้านหลายแห่งบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโคทาวรีและแม่น้ำกฤษณะ เรื่อยไปจนถึงเขตต้นน้ำในรัฐอานธรประเทศ
• เพื่อนบ้านโวย..หนุ่มญี่ปุ่นเปิด “โรงแรมศพ” ติดรั้วบ้าน
ญี่ปุ่น : เว็บไซต์ South China Morining Post รายงานว่า ชายชาวญี่ปุ่นหัวใสนายหนึ่ง ทิ้งธุรกิจรับจัดงานแต่งงาน หันมาเปิดโรงแรมศพเพื่อรอการฌาปนกิจ ทำให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงโกรธ และไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
Sousou (โซวโซว) หรือ “โรงแรมศพ” ดังกล่าว ซ่อนตัวอยู่ในย่านที่พักอาศัยอันเงียบสงบแห่งหนึ่งในเมืองคาวาซากิ เดิมเป็นโรงงานเก่าที่ถูกนำมาตกแต่งใหม่ ทาสีเงินด้านนอก ตัดกับผ้าม่านหน้าต่างสีดำ ชวนให้ขนหัวลุก ภายในแบ่งเป็น 10 ห้อง มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อใช้เก็บศพที่รอคิวเผาโดยไม่ต้องแช่เย็น
ฮิซาโอะ ทาเคกิชิ ผู้เปิดธุรกิจโรงแรมศพดังกล่าว เมื่อ ค.ศ. 2014 กล่าวว่า “เนื่องจากฌาปนกิจสถานมีน้อย จำเป็นต้องสร้างเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มีที่ว่างให้สร้าง ดังนั้น จึงต้องมีโรงเก็บศพไว้ก่อนเพื่อรอเผา” โดยคิดค่าบริการวันละ 9,000 เยน (ราว 3,000 บาท) ต่อห้อง ฝากได้ไม่เกิน 4 วันจนกว่าจะหาสถานที่เผาได้
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง รู้สึกไม่พอใจที่มีโรงแรมศพมาเปิดให้บริการ พากันออกมาประท้วง โดยหนึ่งในนั้นคือ โยโกะ มาซุซาวะ หญิงวัย 50 ปี ที่มีบ้านอยู่ด้านหลังโรงแรมศพ ได้เรียกร้องให้มีการติดตั้งท่อระบายอากาศเหนือพื้นดิน แต่กลับถูกปฏิเสธ เธอเปิดเผยด้วยว่า โรงแรมศพบางแห่งสร้างห่างจากบ้านที่อยู่ติดกันน้อยกว่า 1 เมตร
ขณะที่บรรดาลูกค้าของโรงแรมศพ รู้สึกดีใจที่มีสถานที่เก็บศพเพื่อรอเผา เช่น ฮิโรคะซุ โฮซากะ หญิงชราวัย 69 ปี ซึ่งนำศพของมารดามาฝากไว้ที่นี่ กล่าวว่า “ฉันคิดว่าเป็นเรื่องดีที่ครอบครัวและคนใกล้ชิดจะได้มาเยี่ยมคุณแม่ ก่อนที่จะนำไปเผา”
แม้โรงแรมศพจะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว รัฐบาลคาดว่าอัตราการเสียชีวิตจะพุ่งสูงสุดราว 1.7 ล้านคนต่อปีในราวค.ศ. 2040 แต่ทาเคกิชิก็ไม่คิดจะขยายธุรกิจในเมืองนี้ เขามีแผนที่จะเปิดโรงแรมศพในเมืองอื่นๆแทน
• ปากีสถานได้คืน “รอยพระพุทธบาท” เก่าแก่ ที่ถูกขโมย
สหรัฐอเมริกา : สำนักข่าว Daily Pakistan รายงานว่า แผ่นศิลารอยพระพุทธบาทโบราณสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 2 ซึ่งถูกลักลอบนำเข้ามาจัดประมูลในสหรัฐอเมริกา และคาดว่ามีมูลค่าถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35 ล้านบาท) นั้น ถูกมอบคืนให้รัฐบาลปากีสถานเมื่อปลายเดือนเมษายน 2016 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่แกะสลักบนแผ่นศิลา ตกแต่งด้วยเสา 3 ต้น พร้อมสัญลักษณ์ต่างๆในพุทธศาสนา เช่น สวัสติกะ ซึ่งถูกขโมยออกมาจากหุบเขาสวัต อันเป็นแหล่งประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในปากีสถานในช่วงค.ศ. 1980 และถูกลักลอบนำเข้าไปในสหรัฐฯ
อัยการนครนิวยอร์กได้ส่งมอบแผ่นศิลารอยพระพุทธบาทคืนให้นายริซวาน ซาอีด ชีค ผู้แทนจากปากีสถาน ซึ่งได้กล่าวว่า รอยพระพุทธบาทนี้เป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของปากีสถาน และอยากให้นำไปจัดแสดงในนครนิวยอร์กเป็นเวลาสั้นๆ
ขณะที่นายไซรัส อาร์ แวนซ์ จูเนียร์ อัยการเขตแมนฮัตตัน ได้กล่าวถึงรอยพระพุทธบาทว่า “มีค่ามากกว่าเป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่ง เพราะมันเป็นโบราณวัตถุที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดีและควรได้รับการคุ้มครอง”
ส่วนนายทัตสึโซะ คาคุ นักค้าศิลปะสมัยโบราณชาวญี่ปุ่น ผู้ลักลอบนำรอยพระพุทธบาทดังกล่าวจากโตเกียวเข้าไปในสหรัฐฯ ได้สารภาพผิดข้อหารับของโจร จึงถูกศาลสั่งปรับและจำคุก
• วัดดังในมาเลเซียออกกฎห้ามแต่งโป๊เข้าวัด
มาเลเซีย : เว็บไซต์ nst.com.my รายงานว่า วัดชิงเกียบซี (The Muar Ching Giap See Temple) ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมาเยือนเป็นจำนวนมาก ได้กำหนดข้อบังคับใหม่หลายอย่างให้มีผลบังคับใช้ในทันที
โดยพระชาน เหลียง ประธานวัดเผยว่า หนึ่งในข้อบังคับเหล่านั้น คือ ไม่อนุญาตให้ผู้มาเยือน นักท่องเที่ยว และผู้มีจิตศรัทธา ที่สวมกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น หรือแต่งกายไม่มิดชิด เข้ามาภายในบริเวณวัด เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและเหมาะสมต่อสถานที่
ขณะเดียวกัน การจุดธูปก่อให้เกิดควันฟุ้งไปทั่ววัด ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในตอนนี้ ทางวัดจึงกำหนดให้ผู้มีจิตศรัทธาแต่ละคนจุดธูปเพียงดอกเดียว เพื่อช่วยลดมลพิษ ทำให้อากาศภายในวัดสะอาดและบริสุทธิ์
นอกจากนี้ ยังห้ามสูบบุหรี่ ห้ามจุดเทียนแท่ง แต่อนุญาตให้ใช้ตะเกียงน้ำมันเนย และเทียนรูปดอกบัว ห้ามนำเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และอาหารทะเล มาปะปนในการถวายอาหารมังสวิรัติ
พระชานกล่าวว่า มลพิษในอากาศส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้มาสักการะ พระสงฆ์ แม่ชี และเจ้าหน้าที่วัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เริ่มรณรงค์ให้มีการจุดธูปครั้งละไม่เกิน 1 ดอก
“พวกอาตมาบอกเหล่าผู้มีจิตศรัทธาว่า การสักการะไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนธูปที่จุด แต่อยู่ที่ใจอันบริสุทธิ์ อย่างไรก็ดี หากพวกเขายืนยันที่จะจุดธูปเพื่อสักการะครั้งละ 3 ดอก ทางวัดก็จะไม่ห้าม
พวกอาตมาหวังว่า เหล่าผู้มีจิตศรัทธาจะเปลี่ยนแนวคิด และทำตามข้อบังคับ เพื่อสวัสดิภาพของตัวพวกเขาเองและคนอื่นๆด้วย”
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 186 มิถุนายน 2559 โดย เภตรา)