xs
xsm
sm
md
lg

อาร์ทีบีส่ง Air Quality Monitor ขยายตลาดสมาร์ทโฮม ตั้งยอดขาย 10 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายบรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด (ที่ 2 จากขวา)
อาร์ทีบี ส่งสินค้าใหม่ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมให้กว้างขึ้น จับมือ ยาคอบ เยนเซน ส่งสินค้าเน้นดีไซน์ Air Quality Monitor เจาะกลุ่มไฮโซที่เน้นสุขภาพ มั่นใจปีนี้สร้างยอดขายในกลุ่มนี้ได้ 10 ล้านบาท ส่วนยอดขายรวมทั้งบริษัทยังตั้งไว้เท่าเดิมที่ 400 ล้านบาท ชี้ตลาดสมาร์ทโฮมเมืองไทยต้องค่อยเป็นค่อยไป และน่าจะโตภายใน 2 ปีนี้ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคยังไม่ค่อยชินต่อเทคโนโลยีบางอย่างที่ต้องติดตั้งเอง จึงต้องสร้างความรู้ และความเข้าใจก่อน

นายบรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า อาร์ทีบี ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสมาร์ทโฮม “Air Quality Monitor” ภายใต้แบรนด์ ยาคอบ เยนเซน (Jacob Jensen) โดยการเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการขยายพอร์ตสินค้าสมาร์ทโฮม ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานที่อาร์ทีบีให้ความสำคัญอย่างมากในการเข้ามาเสริมตลาดปีนี้ โดยมั่นใจว่า ในปีแรกจะสามารถสร้างยอดขายได้ 10 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายรวมทั้งบริษัทที่คาดว่าจะเท่ากับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 400 ล้านบาท

การจับมือกับ ยาคอบ เยนเซน ในครั้งนี้ อาร์ทีบี ได้รับสิทธิการจำหน่าย และการทำตลาดผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (Exclusive Distributor) เน้นการขายสินค้าที่เป็นดีไซน์แบรนด์ โดย Air Quality Monitor เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ ทั้งกลุ่มบ้าน โรงแรม โรงเรียน และผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพ และความปลอดภัยในบ้าน ซึ่งที่ผ่านมา อาร์ทีบี ได้ทำการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฮมมาระยะหนึ่งแล้ว

“Air Quality Monitor จะเน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ง่าย และมีดีไซน์ที่โดดเด่นนำมาเพื่อตอบโจทย์เล็กๆ ก่อน ยังไม่ได้ไปเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย เพื่อให้ผู้บริโภคค่อยๆ เรียนรู้กับเทคโนโลยี ซึ่งที่ผ่านมา การนำเสนอสินค้าที่มีเทคโนโลยีมากเกินไปอาจทำให้ผู้บริโภคคนไทยยังไม่ค่อยชิน เนื่องจากต้องมีการเรียนรู้การใช้งานกับเทคโนโลยีใหม่ และบางชนิดต้องทำการติดตั้งเอง อาร์ทีบี จึงต้องส่งสินค้าที่ทันสมัยแต่ใช้งานง่ายเข้ามาสร้างการรับรู้ให้แก่ตลาดก่อน”

นายบรรพต กล่าวว่า สำหรับช่องทางการจำหน่ายนั้นจะเน้นจำหน่ายผ่านช่องทางเดิมเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น เจมาร์ท iStudio คิง เพาเวอร์ เพาเวอร์บาย เพาเวอร์มอลล์ แล้ว ยังจะเพิ่มการขายผ่านช่องทางใหม่ๆ ที่เน้นสินค้าที่ใช้ภายในบ้านที่เน้นการออกแบบ เช่น ร้าน Motif, Room Concept Store และร้านตกแต่งบ้านอื่นๆ ซึ่งนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดนี้แล้ว อาร์ทีบี ยังมีแผนที่จะเปิดตัวนวัตกรรมรุ่นใหม่ๆ ตามมาอีกอย่างต่อเนื่อง เช่น กริ่งประตู (Door Bell) กล้องอัจฉริยะ (Smart Camera) และล็อกอัจฉริยะ (Smart Lock) เป็นต้น

“เราคาดว่าตลาดสมาร์ทโฮมน่าจะเติบโต และได้รับความนิยมใน 2 ปีนี้ โดยต้องให้ผู้ผลิตอย่าง แอปเปิล ซัมซุง หรือแม้แต่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ช่วยผลักดัน ทั้งในการนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด และการกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน เพราะแม้ขณะนี้ตลาดในกลุ่มยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาจะให้ความสนใจ และเริ่มนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสมาร์ทโฮมกันอย่างแพร่หลายแล้ว ในขณะที่เมืองไทยยังคงมีการใช้งานไม่มากนัก”

ทั้งนี้ ข้อมูลสถาบันวิจัยจูนิเปอร์ (Juniper Research) ได้ประเมินแนวโน้ม และตลาดเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะไว้ว่า จะเติบโตอย่างต่อเนื่องสูงถึง 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท ภายในปี 2561 ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของ ABI Research ยังระบุว่า ระหว่างปี 2557-2562 จำนวนอุปกรณ์ในบ้านที่เชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตจะเติบโตถึง 67% โดยอุปกรณ์ประเภทคอนเน็กเต็ดโฮม จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 25% จากอุปกรณ์ในกลุ่ม IOT ทั้งหมด นอกจากนี้ อุปกรณ์ที่ให้พลังงานภายในบ้าน และอุปกรณ์ทางด้านความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ปรับอุณหภูมิ และตรวจจับควันในบ้านจะได้รับความนิยมมากเป็นอันดับแรก

สำหรับ Air Quality Monitor เป็นอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในบ้านแบบพกพา มีความสามารถในการตรวจวัดฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมาก โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 2.5 ไมโครมิเตอร์ เหมาะสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพ และความปลอดภัยในบ้าน นอกจากนี้ ยังสามารถวัดสิ่งเจือปนในอากาศ เช่น ควันบุหรี่ การทำอาหาร และการเผาไหม้ของเทียน หรือตะเกียงน้ำมันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจวัดความชื้น และอุณหภูมิภายในบ้านได้อย่างง่ายดายด้วยระบบเซ็นเซอร์พร้อมหน้าจอแสดงผลที่ง่ายต่อการใช้งาน โดย Air Quality Monitor จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายนนี้ ในราคา 12,000 บาท




กำลังโหลดความคิดเห็น