นครพนม - นักท่องเที่ยวไทย-ลาว แห่ลงเรือสำราญล่องน้ำโขง ชมการทำเรือไฟ สัมผัสความงามธรรมชาติสองฝั่งโขง เผยเม็ดเงินสะพัดช่วงงานบุญออกพรรษากว่า 20 ล้าน ด้าน อ.ศรีสงคราม มาฟอร์มยักษ์ ทำเรือไฟใหญ่ยาว 117 เมตร หวังล้มแชมป์ 2 สมัย อ.นาทม
วันนี้ (26 ต.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนม ว่าช่วงงานประเพณีไหลเรือไฟบรรยากาศท่องเที่ยวแต่ละวันคึกคักมาก ก่อนที่จะถึงคืนไหลเรือไฟในคืนวันพรุ่งนี้ (27 ต.ค.) โดยจุดเด่นการท่องเที่ยวในตอนกลางวันอยู่ที่ถนนสุนทรวิจิตร ตลอดแนวลำน้ำโขง นักท่องเที่ยวจะได้ชมการทำเรือไฟ การจัดซุ้มแสดงวัฒนธรรมจากชนเผ่า 12 อำเภอ เช่น เผ่าผู้ไทย โส้ กะเริง ขณะที่บริเวณกลางลำน้ำโขงยิ่งคึกคัก
โดยเฉพาะเรือสำราญท่องเที่ยวของเทศบาลบาลเมือง และเรือสำราญของเอกชนซึ่งมี 2 ลำ เปิดบริการให้นักท่องเที่ยวลงเรือล่องชมวิวสองฝั่งแม่น้ำโขงไทย-ลาว ระหว่างฝั่งนครพนม และแขวงคำม่วน โดยจะเห็นความสวยงามสองฟากฝั่งแม่น้ำโขง ทิวทัศน์ของสองประเทศ ชมเรือไฟที่กำลังก่อสร้างอย่างใกล้ชิด
นายสมชาย วิทย์ดำรง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า แบบการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟในปีนี้ชูจุดขายการท่องเที่ยวถนนสุนทรวิจิตร ตลอดแนวลำน้ำโขง ซึ่งแต่ละอำเภอจะมีการจัดซุ้มแสดงวิถีชนเผ่าดั้งเดิม 7 เผ่า ควบคู่กับการชมการทำเรือไฟ คือ ขายท่องเที่ยวให้ครบทั้ง 7 วัน ไม่ใช่แต่แค่คืนไหลเรือไฟเท่านั้น
ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลพบว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวคึกคักมาก คาดว่างานไหลเรือไฟปีนี้จะมีเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเข้าสู่นครพนมไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท เพราะต้องเข้าใจว่านักท่องเที่ยวไม่ได้มาชมแต่ไหลเรือไฟอย่างเดียว แมาไหว้พระธาตุประจำวันเกิด โดยเฉพาะวัดพระธาตุพนมด้วย
นายณรงค์ชัย เถาว์สี ผู้จัดการเรือท่องเที่ยว เทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่า ปกติจะล่องเรือช่วงเย็น วันละ 2 เที่ยว แต่ช่วงเทศกาลไหลเรือไฟจะเปิดบริการล่องเรือทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงค่ำ บางครั้งก็เป็นการเหมาลำ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะชอบนั่งเรือชมการทำเรือไฟริมฝั่งแม่น้ำโขงหลังชมทางบกมาแล้ว สำหรับค่าตั๋วผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็ก 20 บาท เด็กเล็กฟรี ส่วนในวันไหลเรือไฟทางเรือท่องเที่ยวจัดเที่ยวพิเศษ นักท่องเที่ยวสามารถจองโต๊ะได้
นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอศรีสงคราม กล่าวว่า ปีนี้ได้ทุ่มงบประมาณ 3 แสนบาท หลังได้รับสนับสนุนจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 30 แห่ง จัดสร้างเรือไฟใหญ่ยาวที่สุด 117 เมตร สูง 37 เมตร สูงเท่าตึกร่วม 10 ชั้น ใช้ถังน้ำมัน 200 ลิตรมากถึง 350 ใบ ไม้ไผ่ที่ชาวบ้านจากตำบลใกล้เคียงตัดนำมามอบให้ 14,000 ลำ ประดับด้วยตะเกียงน้ำมัน 32,000 ดวง โดยแรงงานนักศึกษาในพื้นที่ และชาวบ้านช่วยกันทำ
ขณะนี้ได้เร่งกรอกน้ำมันก๊าดผสมน้ำมันโซลาร์จากถังน้ำมัน 200 ลิตร 20 ถัง ใส่ดวงตะเกียงกระป๋องเครื่องดื่มมีไส้ไว้จุดไฟ หลังจากเริ่มลงมือสร้างตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ทั้งนี้ เราเสริมจุดเด่นให้เรือไฟอำเภอศรีสงครามยิ่งใหญ่อลังการ จะมีการจุดพลุ ตะไล ไฟพะเนียง ซึ่งได้ว่าจ้างช่างจาก จ.สุพรรณบุรี ในราคา 1 แสนบาท มาจุดในคืนดังกล่าว ดังนั้น ปีนี้ต้องคว้าแชมป์
นายสุเทพ เวฬวนารักษ์ ปลัดอาวุโสอำเภอนาทม ผู้ควบคุมการทำเรือไฟอำเภอนาทม กล่าวว่า เรือไฟอำเภอนาทม เป็นเรือไฟใหญ่ยาว 105 เมตร สูง 38 เมตร ติดตะเกียงไฟ 25,000 ลูก ลงทุนกว่าล้านบาทเพื่อรักษาแชมป์ 2 ปีซ้อน
“การคว้าแชมป์เรือไฟ 2 ปีซ้อนนั้นเป็นฝีมือล้วนๆ การให้คะแนนตัดสินที่ความคมของแสงตะเกียง เป็นศาสตร์และศิลป์ของไฟตะเกียง กรรมการไม่ได้ตัดสินว่าเรือไฟใหญ่อย่างเดียว ปีนี้อำเภอนาทมก็คงรักษาแชมป์เป็นปีที่ 3”
