xs
xsm
sm
md
lg

ปุจฉา-วิสัชนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดับแล้วเย็น เป็นยังไง

ปุจฉา : กราบหลวงปู่ที่เคารพอย่างสูง ผมเคยได้ฟังธรรมของหลวงปู่จากในแผ่นซีดี หลวงปู่บอกว่าทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะถึงซึ่งคำว่า “ดับแล้วเย็น” และหลวงปู่บอกว่าให้มองไปที่เหตุ ไม่ให้มองไปที่ผล ขอหลวงปู่ได้โปรดเมตตาอธิบายด้วยครับ ขอบพระคุณครับ

วิสัชนา : โดยธรรมชาติของมนุษย์ ชีวิตคือการเดินทาง ในโลกใบนี้ ไม่ว่าคุณจะเดินไปในจุดใด จะช้าจะเร็ว คุณต้องถึงจุดมุ่งหมายที่คุณปรารถนาจะถึงและจะไป

และถ้าคุณไม่อ้อมค้อม ไม่ล่าช้า ไม่ประมาท ไม่ลังเล หวาดระแวง คลางแคลง ไม่สงสัย สุดท้ายคุณต้องมาถึงที่หมายในเร็ววัน

แต่หากคุณลังเล หวาดระแวง คลางแคลง สงสัย ล่าช้า ประมาท และติดหลงอยู่ในสิ่งล่อรอบข้าง ระหว่างที่คุณเดินทางไป เป็นธรรมดาอยู่เองที่การไปถึงเป้าหมายของชีวิตคุณ ก็ย่อมเนิ่นนานออกไป

เพราะฉะนั้น คนที่ยังไม่ถึงคำว่า “ดับแล้วเย็น” ก็เพราะยังไม่อยู่ในวิถีแห่งความดับแล้วเย็น แล้ววิถีที่พระศาสดาทรงแสดงว่าเป็นวิถีสู่นิพพาน คือ การดับแล้วเย็น ก็คือมรรคาปฏิปทา ทางดำเนินไปสู่มรรคมีองค์ 8

มรรคมีองค์ 8 คือข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ 8 ข้อ ได้แก่

1. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ 2. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ 3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ 4. สัมมากัมมันตะ ทำการชอบ 5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ 6. สัมมาวายามะ เพียรชอบ 7. สัมมาสติ ระลึกชอบ 8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ

ส่วนคำถามที่ว่าให้มองที่เหตุ ก็เพราะว่ามนุษย์ส่วนใหญ่แล้ว ทำอะไรมักเล็งผลเลิศเสมอ ซึ่งจริงๆมันไม่ถูก เวลาหลวงปู่ทำอะไรไม่เคยเล็งผลเลิศเลย แต่จะหาวิธีการอันเลิศทำมันด้วยปัญญาอันเลิศ แล้วผลที่เลิศจะเกิดตามมาเอง เหมือนเช่นคุณปลูกมะม่วงในดินที่อุดม รดน้ำพรวนดิน ดูแลรักษาอย่างดี สุดท้าย คุณก็ต้องได้กินมะม่วงที่ดี เพราะมันมาจากการทำเหตุให้สมบูรณ์ แล้วผลที่เลิศจะเกิดตามมา

คนส่วนใหญ่ทำอะไรมักเล็งผลเลิศ แต่ไม่ค้นหาวิธีทำที่ประเสริฐ ก็เลยมีแต่ความบกพร่อง ผิดพลาด และผิดหวังตลอด

ขอพรจากพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้ผลจริงมั้ย

ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ ดิฉันขอเรียนถามว่า การขอพรจากพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากได้ผล ทุกคนก็คงไม่ต้องมานั่งทำงาน นั่งปฏิบัติธรรม ใช่มั้ยคะ แต่ถ้าหากไม่ได้ผล แล้วเหตุใดพระจึงยังนิยมให้พรกันอยู่ล่ะคะ ขอให้หลวงปู่วิสัชนาด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ

วิสัชนา : หลวงปู่เคยเขียนบทโศลกไว้ว่า

ลูกรัก..ถ้าความศักดิ์สิทธิ์ของดิน น้ำ ลม ไฟ มีอยู่จริง พ่อก็คิดว่า นกที่บินอยู่บนฟ้า ปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ สัตว์ที่อยู่บนดิน มันคงจะไม่ลำบากขนาดนี้เป็นแน่

เพราะฉะนั้น ความศักดิ์สิทธิ์ อานุภาพ และมีพลัง มันไม่ใช่อยู่ที่ฟ้า ดิน น้ำ แต่มันอยู่กับคน อยู่กับสัตว์ที่อยู่บนดิน อยู่กับนกที่บินบนอากาศ อยู่กับปลาที่อยู่ในน้ำ เพราะถ้ามันว่ายไม่ดี มันก็ไปเจอแหเจออวน นกบินไม่ดีก็ไปชนเขาชนต้นไม้ตาย เป็นต้น ความศักดิ์สิทธิ์มันอยู่ที่ตัวคุณ คุณทำได้ด้วยตัวคุณเอง

ถามว่าเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมพระยังนิยมให้พร ก็เพราะว่าคนเรามีทั้งกายและจิต อาหารที่คุณกินเข้าไปก็ไปหล่อเลี้ยงกาย แต่อาหารที่หล่อเลี้ยงจิตก็คืออารมณ์ เช่น ความรัก ความชอบใจ ความผ่อนคลาย คำพูดไพเราะ เหล่านี้เป็นต้นที่เป็นอาหารของจิต การที่คุณฟังพระให้พร จิตก็แช่มชื่นเบิกบานเป็นสุข แต่ถ้าพระด่าคุณตลอดกาล คุณคิดว่าคุณเป็นสุขมั้ยล่ะ

แยกมิตรและศัตรูในตัวเอง

ปุจฉา : กราบหลวงปู่ที่เคารพ ดิฉันเคยได้ยินหลวงปู่สอนว่า ต้องแยกมิตรและศัตรูภายในตนเองให้ออกนั้น ดิฉันขอรบกวนหลวงปู่อธิบายความหมายเพิ่มเติมด้วยค่ะ

วิสัชนา : ก็เริ่มต้นจากที่คุณลองมองดูว่า เวลาคุณโกรธ แล้วไปมองที่หน้ากระจกว่าตัวคุณเป็นศัตรูกับใครได้บ้าง เพราะความโกรธเป็นศัตรูต่อตัวเอง และเป็นศัตรูต่อผู้อื่น เมื่อใดที่คุณโกรธ ก็เหมือนกับคุณถ่มน้ำลายรดฟ้า แล้วหน้าคุณก็เปื้อนน้ำลายเต็มไปหมด แล้วอย่างนี้จะเป็นมิตรกับคุณได้อย่างไร มันก็ต้องเป็นศัตรูวันยังค่ำ นี่เรียกว่าแยกศัตรูออกจากอะไร ออกจากตัวคุณ

เพราะถ้าคุณรักตัวเอง ความรักตัวเองนั่นแหละเป็นมิตร แต่ความไม่รักตัวเอง หรือไม่รู้ว่าจะรักตัวเองให้ถูกต้องอย่างไร นี่แหละเป็นศัตรู

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 184 เมษายน 2559 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
กำลังโหลดความคิดเห็น