Zootopia ภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากค่ายวอลต์ ดิสนีย์ บอกเล่าเรื่องราวในโลกที่มีเพียงสัตว์ชนิดต่างๆอยู่อาศัย แต่ได้เติมแต่งจินตนาการให้เหล่าสรรพสัตว์ ดำรงชีวิตไม่ต่างจากสังคมมนุษย์
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นบนละครเวทีของสัตว์วัยประถม กระต่ายน้อยแสนร่าเริง “จูดี้ ฮอปส์” กำลังเล่าเรื่องราววิวัฒนาการรูปแบบใหม่ของสัตว์ที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งสัตว์นักล่าผู้ดุร้าย ประเภทกินเนื้อ ปรับตัวจนสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์ที่อ่อนแอกว่าได้
จูดี้ทำให้พ่อกับแม่กระต่ายไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะเธอฝันอยากเป็นตำรวจ ขณะที่เผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของกระต่ายประกอบอาชีพเกษตรกร แต่หลายปีต่อมา จูดี้กลายเป็นกระต่ายสาว และเดินหน้าสานฝันที่ตั้งใจไว้ ด้วยการสมัครเข้าโรงเรียนตำรวจ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้สมัครพวกสัตว์ใหญ่แข็งแรงไม่ว่าจะเป็น ช้าง แรด หรือสัตว์ล่าเนื้ออื่นๆ ซึ่งล้วนมีสมรรถภาพที่เหมาะแก่การเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แห่งนครสัตว์ป่า
ช่วงแรกกระต่ายสาวสอบตก แต่ด้วยความพยายามฝึกฝนอย่างไม่ย่อท้อ ทำให้จู้ดี้สอบเป็นนักเรียนตำรวจได้ และทำคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ได้รับการประดับยศจากสิงโต “ลีโอดอร์” นายกเทศมนตรีนครแห่งสัตว์ ที่สำคัญเธอกลายเป็นกระต่ายตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นตำรวจ
วันต่อมาจูดี้มุ่งสู่สำนักงานตำรวจนครซูโทเปีย ด้วยความภูมิใจในฐานะนักเรียนดีเด่น แต่ “สารวัตรโบโก้” กระทิงป่าจอมดุ กลับไม่สนใจตำรวจน้องใหม่ เขากำลังแจกแจงคดีสำคัญเรื่องสัตว์ป่าที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ก่อนจะโยนแฟ้มภารกิจให้กระต่ายสาวไปเป็นตำรวจจราจรแจกใบสั่ง และต้องทำให้ได้ 100 ใบ
แม้ผิดหวังในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แต่จูดี้เปลี่ยนความรู้สึกด้านลบมาเป็นบวก และโชว์ศักยภาพการทำงาน จนสามารถแจกใบสั่งผู้ทำผิดกฎจราจรได้ถึง 200 ใบ
ขณะพักเที่ยง เธอเหลือบเห็นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง ทำตัวลับๆล่อๆหน้าร้านขายไอศกรีม จึงติดตามสังเกตพฤติกรรมแล้วก็พบว่า มันต้องการมาซื้อไอศกรีมเป็นของขวัญวันเกิดให้ลูกชาย แต่เจ้าของร้านซึ่งเป็นช้างตัวใหญ่ ไม่ขายให้ จูดี้เห็นใจจิ้งจอกตัวจิ๋วผู้เป็นเจ้าของวันเกิด เธอจึงเจรจาจนเจ้าช้างยอมขายให้ แต่จิ้งจอกผู้พ่อกลับลืมกระเป๋าสตางค์ สุดท้ายกระต่ายสาวใจดีจึงจ่ายค่าไอศกรีมให้แทน
ภารกิจในช่วงบ่าย กลายเป็นฝันร้ายของจูดี้ เมื่อเธอขับรถตรวจตราแล้วพบว่า จิ้งจอกสองพ่อลูกนั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะจิ้งจอกน้อยเป็นสุนัขจิ้งจอกพันธุ์เล็กที่แสนก้าวร้าว ไม่ใช่เด็กน้อยอย่างที่เธอเข้าใจ ร้ายไปกว่านั้น ไอศกรีมแท่งใหญ่ที่เธอซื้อให้ จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็นำไปแบ่งเป็นแท่งเล็กๆ เอาไปขายทำกำไรต่อ แบบไม่ต้องลงทุน
จูดี้จึงปรากฏตัวให้ “นิค ไวลด์” จิ้งจอกหัวโจกเห็น ซึ่งไม่มีท่าทีตื่นตระหนก หรือสำนึกผิด เพราะจูดี้ไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ ซ้ำเจ้านิคยังบอกว่า จูดี้เป็นเพียงกระต่ายโลกสวย เพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองแห่งความฝันอันสวยหรู แถมจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ยังหลอกล่อตำรวจมือใหม่ ให้เดินตกลงไปในถนนที่ปูนยังไม่แห้งด้วย
ภารกิจวันแรกทำให้จูดี้รู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่ท้อ และการทำงานวันที่สอง ก็เริ่มมีเค้าลางไม่สนุก เพราะความเข้มงวดของเธอ ทำให้ผู้ทำผิดกฎจราจร เริ่มส่งเสียงบ่นและด่าทอ
ขณะนั้นเองเจ้าวีเซิล (สัตว์ชนิดหนึ่ง) ได้ขโมยสินค้าในร้านขายผักไปต่อหน้าต่อตา จูดี้จึงวิ่งไล่กวดคนร้ายไปในเมืองของหนู จนโกลาหลวุ่นวาย ทำให้ประชากรหนูเดือดร้อน แต่จูดี้ก็ช่วยหนูสาวรายหนึ่งให้พ้นจากอันตรายได้
สุดท้าย จูดี้จับเจ้าวีเซิลได้ แต่แทนที่สารวัตรโบโก้จะชื่นชม กลับตำหนิเรื่องการละเว้นหน้าที่จราจร และสร้างความวุ่นวาย เพราะเขามองว่า การจับคนร้ายเป็นภารกิจของตำรวจสัตว์ใหญ่เท่านั้น จึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างหนักถึงขั้นไล่ออกจากงาน เพราะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
แต่ก่อนเรื่องราวจะบานปลาย “คุณนายออทเทอร์ตัน” นากสาวตัวหนึ่ง ก็เข้ามาพบสารวัตรโบโก้ เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีที่สามีของเธอหายตัวไป จูดี้จึงอาสาขอทำคดีนี้ แม้สารวัตรโบโก้ไม่อนุญาต แต่แกะสาว “เบลล์เวทเธอร์” ผู้ช่วยนายกเทศมนตรี เข้ามาได้ยินพอดี เธอจึงส่งข้อความไปถึงนายกฯว่า กระต่ายจูดี้ขอรับภารกิจสืบคดีนี้ สารวัตรจอมเกรี้ยวกราดจึงปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ยังกดดันว่าให้เวลาแค่ 48 ชั่วโมง หากเกินกว่านี้ เธอต้องลาออกจากการเป็นตำรวจ
จุดเริ่มต้นของการสืบคดี ที่มีหลักฐานเพียงแค่ภาพถ่าย 1 ใบ ในภาพนั้นจูดี้สังเกตเห็นหางสุนัขจิ้งจอกที่เธอคุ้นตา เธอจึงตามไปเจอเจ้านิคอีกครั้ง พร้อมแจ้งข้อหาเรื่องการไม่จ่ายภาษี และอัดเสียงการสนทนาไว้เสร็จสรรพ จิ้งจอกหนุ่มจึงจำใจต้องร่วมมือสืบคดีนี้
จูดี้กับนิคตามคดีไปถึงเขตทุนดรา พื้นที่ของสัตว์เมืองหนาว จนกระทั่งไปเจอกับเจ้าพ่อหนู “มิสเตอร์บิ๊ก” ซึ่งเป็นพ่อของหนูสาวที่จูดี้เคยช่วยชีวิตไว้ เขาจึงให้คำแนะนำในการสืบคดี เป็นการตอบแทน นำไปสู่เรื่องลึกลับว่า สามีของคุณนายออทเทอร์ตันที่หายไปนั้น เกิดคลุ้มคลั่งทำร้ายเสือดำที่เป็นคนขับรถ แต่เมื่อทั้งสองไปสอบถามเสือดำคู่กรณี มันก็กลายร่างเป็นสัตว์ดุร้าย จนทั้งสองต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ท้ายที่สุด นิคแนะว่าควรสืบจากกล้องวงจรปิดตามถนน และก็นำไปสู่เบาะแสว่า สัตว์ที่หายตัวไปทุกคดี ถูกซ่อนไว้ในแลบแห่งหนึ่งนอกเมือง ทุกตัวเกิดอาการประหลาด คือ กลายสภาพเป็นสัตว์ดุร้ายตามสัญชาตญาณดั้งเดิมก่อนวิวัฒนาการ และจูดี้ก็ได้พบว่า นายกเทศมนตรีสิงโต อยู่เบื้องหลังการจับสัตว์ที่หายตัวไปเหล่านี้
หลังจากนั้น “เบลล์เวทเธอร์” ผู้ช่วยนายกฯ ก็ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีแทน พร้อมเสนอตำแหน่งโฆษกประจำสำนักงานตำรวจให้จูดี้ ทุกอย่างดูจะจบลงด้วยดี แต่จูดี้กลับขอลาออก เหตุผลเพราะภายหลังสืบคดีเสร็จ ซูโทเปียที่เคยสงบสุข ก็เกิดความวุ่นวาย เนื่องจากบทสัมภาษณ์ที่จูดี้พูดว่า คดีที่เธอเจอนั้น อาจเป็นเพราะสัตว์ล่าเนื้อ มีแนวโน้มกลับมาดุร้ายตามสัญชาตญาณเมื่อไหร่ก็ได้
กระต่ายสาวทิ้งความฝันกลับไปขายพืชผักที่หมู่บ้าน แต่บังเอิญได้เห็นพืชชนิดหนึ่ง ซึ่งสารสกัดของมันมีผลต่อประสาท ทำให้ก้าวร้าว เธอจึงนึกถึงคดีปริศนาขึ้นมา และกลับเข้าซูโทเปียอีกครั้ง ตามหานิค จิ้งจอกคู่หู แล้วออกไปสืบคดีใหม่ จนกระทั่งพบความจริงว่า มีผู้ร้ายตัวจริงอยู่เบื้องหลัง ใช้พืชชนิดดังกล่าวสกัดมาเป็นลูกกลมๆ ยิงใส่สัตว์นักล่า เพื่อให้แสดงความก้าวร้าว ตามสัญชาตญาณเดิมของเผ่าพันธุ์ในอดีต
ผู้ร้ายตัวจริง คือ แกะสาวนั่นเอง สาเหตุที่เธอทำเช่นนี้ เพื่อต้องการแย่งชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรี พร้อมโยนความผิดให้สัตว์ประเภทนักล่า จูดี้กับนิคช่วยกันหลอกล่อจนแกะสาวถูกจับกุม และซูโทเปียก็กลับมาเป็นเมืองที่สัตว์ทุกตัวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง
ข้อคิดดีๆจากแอนิเมชั่น Zootopia ที่เด่นชัดมาก ตรงกับหลักธรรม “อิทธิบาท 4” ซึ่งในที่นี้ หากกระต่ายสาวจูดี้ เป็นสัญลักษณ์สื่อแทนมนุษย์ เธอก็ย่อมเป็นมนุษย์ที่ดำเนินชีวิตตามแนวทางอิทธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) อย่างแน่วแน่
ฉันทะ - ความพอใจ ความรัก ความเต็มใจที่จะทำสิ่งนั้น ของกระต่ายสาว ซึ่งอยากเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แม้ว่าจะไม่เคยมีกระต่ายตัวไหนทำได้มาก่อน แต่เพราะความรักที่อยากจะช่วยเหลือสังคม ก็ทำให้ความฝันของเธอเป็นจริงและมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ
วิริยะ - ความขยันหมั่นเพียร เพราะหากรักจะทำ แต่ขาดความเพียร ก็เปล่าประโยชน์ ความมีวิริยะของกระต่ายสาวเริ่มตั้งแต่พยายามฝึกฝนอย่างไม่ย่อท้อ จนสอบเข้าโรงเรียนตำรวจได้ รวมทั้งการเจออุปสรรคนานัปการ แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้
จิตตะ - ความเอาใจใส่ มุ่งมั่นในสิ่งที่กระทำ ซึ่งยามที่เป็นตำรวจจราจร กระต่ายสาวก็เอาใจใส่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และยามที่เข้ามารับภารกิจสืบคดีก็มุ่งมั่นสืบค้นจนเจอผู้ร้ายตัวจริง
วิมังสา - ความไตร่ตรอง ใคร่ครวญด้วยปัญญา กระต่ายสาวก็แสดงให้เห็นในตอนที่สังเกตเห็นหางสุนัขจิ้งจอกในภาพถ่าย แล้วก็คิดได้ทันทีว่า ต้องใช้จิ้งจอกช่วยสืบคดีนี้ และก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวัง รวมทั้งเมื่อเห็นพืชชนิดหนึ่งซึ่งสารสกัดมีผลต่อประสาททำให้ก้าวร้าว เธอก็นึกถึงเรื่องคดีที่ยังดูมีเงื่อนงำ แล้วในที่สุด การใคร่ครวญด้วยปัญญา ก็นำพาเธอไปสู่การจับผู้ร้ายตัวจริงได้
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 184 เมษายน 2559 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นบนละครเวทีของสัตว์วัยประถม กระต่ายน้อยแสนร่าเริง “จูดี้ ฮอปส์” กำลังเล่าเรื่องราววิวัฒนาการรูปแบบใหม่ของสัตว์ที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งสัตว์นักล่าผู้ดุร้าย ประเภทกินเนื้อ ปรับตัวจนสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์ที่อ่อนแอกว่าได้
จูดี้ทำให้พ่อกับแม่กระต่ายไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะเธอฝันอยากเป็นตำรวจ ขณะที่เผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของกระต่ายประกอบอาชีพเกษตรกร แต่หลายปีต่อมา จูดี้กลายเป็นกระต่ายสาว และเดินหน้าสานฝันที่ตั้งใจไว้ ด้วยการสมัครเข้าโรงเรียนตำรวจ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้สมัครพวกสัตว์ใหญ่แข็งแรงไม่ว่าจะเป็น ช้าง แรด หรือสัตว์ล่าเนื้ออื่นๆ ซึ่งล้วนมีสมรรถภาพที่เหมาะแก่การเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แห่งนครสัตว์ป่า
ช่วงแรกกระต่ายสาวสอบตก แต่ด้วยความพยายามฝึกฝนอย่างไม่ย่อท้อ ทำให้จู้ดี้สอบเป็นนักเรียนตำรวจได้ และทำคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ได้รับการประดับยศจากสิงโต “ลีโอดอร์” นายกเทศมนตรีนครแห่งสัตว์ ที่สำคัญเธอกลายเป็นกระต่ายตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นตำรวจ
วันต่อมาจูดี้มุ่งสู่สำนักงานตำรวจนครซูโทเปีย ด้วยความภูมิใจในฐานะนักเรียนดีเด่น แต่ “สารวัตรโบโก้” กระทิงป่าจอมดุ กลับไม่สนใจตำรวจน้องใหม่ เขากำลังแจกแจงคดีสำคัญเรื่องสัตว์ป่าที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ก่อนจะโยนแฟ้มภารกิจให้กระต่ายสาวไปเป็นตำรวจจราจรแจกใบสั่ง และต้องทำให้ได้ 100 ใบ
แม้ผิดหวังในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แต่จูดี้เปลี่ยนความรู้สึกด้านลบมาเป็นบวก และโชว์ศักยภาพการทำงาน จนสามารถแจกใบสั่งผู้ทำผิดกฎจราจรได้ถึง 200 ใบ
ขณะพักเที่ยง เธอเหลือบเห็นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง ทำตัวลับๆล่อๆหน้าร้านขายไอศกรีม จึงติดตามสังเกตพฤติกรรมแล้วก็พบว่า มันต้องการมาซื้อไอศกรีมเป็นของขวัญวันเกิดให้ลูกชาย แต่เจ้าของร้านซึ่งเป็นช้างตัวใหญ่ ไม่ขายให้ จูดี้เห็นใจจิ้งจอกตัวจิ๋วผู้เป็นเจ้าของวันเกิด เธอจึงเจรจาจนเจ้าช้างยอมขายให้ แต่จิ้งจอกผู้พ่อกลับลืมกระเป๋าสตางค์ สุดท้ายกระต่ายสาวใจดีจึงจ่ายค่าไอศกรีมให้แทน
ภารกิจในช่วงบ่าย กลายเป็นฝันร้ายของจูดี้ เมื่อเธอขับรถตรวจตราแล้วพบว่า จิ้งจอกสองพ่อลูกนั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะจิ้งจอกน้อยเป็นสุนัขจิ้งจอกพันธุ์เล็กที่แสนก้าวร้าว ไม่ใช่เด็กน้อยอย่างที่เธอเข้าใจ ร้ายไปกว่านั้น ไอศกรีมแท่งใหญ่ที่เธอซื้อให้ จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็นำไปแบ่งเป็นแท่งเล็กๆ เอาไปขายทำกำไรต่อ แบบไม่ต้องลงทุน
จูดี้จึงปรากฏตัวให้ “นิค ไวลด์” จิ้งจอกหัวโจกเห็น ซึ่งไม่มีท่าทีตื่นตระหนก หรือสำนึกผิด เพราะจูดี้ไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ ซ้ำเจ้านิคยังบอกว่า จูดี้เป็นเพียงกระต่ายโลกสวย เพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองแห่งความฝันอันสวยหรู แถมจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ยังหลอกล่อตำรวจมือใหม่ ให้เดินตกลงไปในถนนที่ปูนยังไม่แห้งด้วย
ภารกิจวันแรกทำให้จูดี้รู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่ท้อ และการทำงานวันที่สอง ก็เริ่มมีเค้าลางไม่สนุก เพราะความเข้มงวดของเธอ ทำให้ผู้ทำผิดกฎจราจร เริ่มส่งเสียงบ่นและด่าทอ
ขณะนั้นเองเจ้าวีเซิล (สัตว์ชนิดหนึ่ง) ได้ขโมยสินค้าในร้านขายผักไปต่อหน้าต่อตา จูดี้จึงวิ่งไล่กวดคนร้ายไปในเมืองของหนู จนโกลาหลวุ่นวาย ทำให้ประชากรหนูเดือดร้อน แต่จูดี้ก็ช่วยหนูสาวรายหนึ่งให้พ้นจากอันตรายได้
สุดท้าย จูดี้จับเจ้าวีเซิลได้ แต่แทนที่สารวัตรโบโก้จะชื่นชม กลับตำหนิเรื่องการละเว้นหน้าที่จราจร และสร้างความวุ่นวาย เพราะเขามองว่า การจับคนร้ายเป็นภารกิจของตำรวจสัตว์ใหญ่เท่านั้น จึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างหนักถึงขั้นไล่ออกจากงาน เพราะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
แต่ก่อนเรื่องราวจะบานปลาย “คุณนายออทเทอร์ตัน” นากสาวตัวหนึ่ง ก็เข้ามาพบสารวัตรโบโก้ เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีที่สามีของเธอหายตัวไป จูดี้จึงอาสาขอทำคดีนี้ แม้สารวัตรโบโก้ไม่อนุญาต แต่แกะสาว “เบลล์เวทเธอร์” ผู้ช่วยนายกเทศมนตรี เข้ามาได้ยินพอดี เธอจึงส่งข้อความไปถึงนายกฯว่า กระต่ายจูดี้ขอรับภารกิจสืบคดีนี้ สารวัตรจอมเกรี้ยวกราดจึงปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ยังกดดันว่าให้เวลาแค่ 48 ชั่วโมง หากเกินกว่านี้ เธอต้องลาออกจากการเป็นตำรวจ
จุดเริ่มต้นของการสืบคดี ที่มีหลักฐานเพียงแค่ภาพถ่าย 1 ใบ ในภาพนั้นจูดี้สังเกตเห็นหางสุนัขจิ้งจอกที่เธอคุ้นตา เธอจึงตามไปเจอเจ้านิคอีกครั้ง พร้อมแจ้งข้อหาเรื่องการไม่จ่ายภาษี และอัดเสียงการสนทนาไว้เสร็จสรรพ จิ้งจอกหนุ่มจึงจำใจต้องร่วมมือสืบคดีนี้
จูดี้กับนิคตามคดีไปถึงเขตทุนดรา พื้นที่ของสัตว์เมืองหนาว จนกระทั่งไปเจอกับเจ้าพ่อหนู “มิสเตอร์บิ๊ก” ซึ่งเป็นพ่อของหนูสาวที่จูดี้เคยช่วยชีวิตไว้ เขาจึงให้คำแนะนำในการสืบคดี เป็นการตอบแทน นำไปสู่เรื่องลึกลับว่า สามีของคุณนายออทเทอร์ตันที่หายไปนั้น เกิดคลุ้มคลั่งทำร้ายเสือดำที่เป็นคนขับรถ แต่เมื่อทั้งสองไปสอบถามเสือดำคู่กรณี มันก็กลายร่างเป็นสัตว์ดุร้าย จนทั้งสองต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ท้ายที่สุด นิคแนะว่าควรสืบจากกล้องวงจรปิดตามถนน และก็นำไปสู่เบาะแสว่า สัตว์ที่หายตัวไปทุกคดี ถูกซ่อนไว้ในแลบแห่งหนึ่งนอกเมือง ทุกตัวเกิดอาการประหลาด คือ กลายสภาพเป็นสัตว์ดุร้ายตามสัญชาตญาณดั้งเดิมก่อนวิวัฒนาการ และจูดี้ก็ได้พบว่า นายกเทศมนตรีสิงโต อยู่เบื้องหลังการจับสัตว์ที่หายตัวไปเหล่านี้
หลังจากนั้น “เบลล์เวทเธอร์” ผู้ช่วยนายกฯ ก็ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีแทน พร้อมเสนอตำแหน่งโฆษกประจำสำนักงานตำรวจให้จูดี้ ทุกอย่างดูจะจบลงด้วยดี แต่จูดี้กลับขอลาออก เหตุผลเพราะภายหลังสืบคดีเสร็จ ซูโทเปียที่เคยสงบสุข ก็เกิดความวุ่นวาย เนื่องจากบทสัมภาษณ์ที่จูดี้พูดว่า คดีที่เธอเจอนั้น อาจเป็นเพราะสัตว์ล่าเนื้อ มีแนวโน้มกลับมาดุร้ายตามสัญชาตญาณเมื่อไหร่ก็ได้
กระต่ายสาวทิ้งความฝันกลับไปขายพืชผักที่หมู่บ้าน แต่บังเอิญได้เห็นพืชชนิดหนึ่ง ซึ่งสารสกัดของมันมีผลต่อประสาท ทำให้ก้าวร้าว เธอจึงนึกถึงคดีปริศนาขึ้นมา และกลับเข้าซูโทเปียอีกครั้ง ตามหานิค จิ้งจอกคู่หู แล้วออกไปสืบคดีใหม่ จนกระทั่งพบความจริงว่า มีผู้ร้ายตัวจริงอยู่เบื้องหลัง ใช้พืชชนิดดังกล่าวสกัดมาเป็นลูกกลมๆ ยิงใส่สัตว์นักล่า เพื่อให้แสดงความก้าวร้าว ตามสัญชาตญาณเดิมของเผ่าพันธุ์ในอดีต
ผู้ร้ายตัวจริง คือ แกะสาวนั่นเอง สาเหตุที่เธอทำเช่นนี้ เพื่อต้องการแย่งชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรี พร้อมโยนความผิดให้สัตว์ประเภทนักล่า จูดี้กับนิคช่วยกันหลอกล่อจนแกะสาวถูกจับกุม และซูโทเปียก็กลับมาเป็นเมืองที่สัตว์ทุกตัวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง
ข้อคิดดีๆจากแอนิเมชั่น Zootopia ที่เด่นชัดมาก ตรงกับหลักธรรม “อิทธิบาท 4” ซึ่งในที่นี้ หากกระต่ายสาวจูดี้ เป็นสัญลักษณ์สื่อแทนมนุษย์ เธอก็ย่อมเป็นมนุษย์ที่ดำเนินชีวิตตามแนวทางอิทธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) อย่างแน่วแน่
ฉันทะ - ความพอใจ ความรัก ความเต็มใจที่จะทำสิ่งนั้น ของกระต่ายสาว ซึ่งอยากเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แม้ว่าจะไม่เคยมีกระต่ายตัวไหนทำได้มาก่อน แต่เพราะความรักที่อยากจะช่วยเหลือสังคม ก็ทำให้ความฝันของเธอเป็นจริงและมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ
วิริยะ - ความขยันหมั่นเพียร เพราะหากรักจะทำ แต่ขาดความเพียร ก็เปล่าประโยชน์ ความมีวิริยะของกระต่ายสาวเริ่มตั้งแต่พยายามฝึกฝนอย่างไม่ย่อท้อ จนสอบเข้าโรงเรียนตำรวจได้ รวมทั้งการเจออุปสรรคนานัปการ แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้
จิตตะ - ความเอาใจใส่ มุ่งมั่นในสิ่งที่กระทำ ซึ่งยามที่เป็นตำรวจจราจร กระต่ายสาวก็เอาใจใส่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และยามที่เข้ามารับภารกิจสืบคดีก็มุ่งมั่นสืบค้นจนเจอผู้ร้ายตัวจริง
วิมังสา - ความไตร่ตรอง ใคร่ครวญด้วยปัญญา กระต่ายสาวก็แสดงให้เห็นในตอนที่สังเกตเห็นหางสุนัขจิ้งจอกในภาพถ่าย แล้วก็คิดได้ทันทีว่า ต้องใช้จิ้งจอกช่วยสืบคดีนี้ และก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวัง รวมทั้งเมื่อเห็นพืชชนิดหนึ่งซึ่งสารสกัดมีผลต่อประสาททำให้ก้าวร้าว เธอก็นึกถึงเรื่องคดีที่ยังดูมีเงื่อนงำ แล้วในที่สุด การใคร่ครวญด้วยปัญญา ก็นำพาเธอไปสู่การจับผู้ร้ายตัวจริงได้
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 184 เมษายน 2559 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)