xs
xsm
sm
md
lg

ปุจฉา-วิสัชนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มงคลชีวิตปีใหม่

ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ ผมอยากทราบว่า จะทำอย่างไรให้เกิดมงคลชีวิตในวันปีใหม่ครับ

วิสัชนา : ชีวิตเราจะเป็นมงคลมันขึ้นอยู่กับว่า เราบริหารมันอย่างไร ถ้าบริหารไม่ดี ก็เหมือนกับที่ลงข่าวหนังสือพิมพ์ เลี้ยงปีใหม่ ได้โบนัส แล้วก็แทงกันตาย เมาแล้วก็แทงกันตาย เป็นต้น อย่างนี้ไม่ดี ได้เงินมาแทนที่จะไปทำสิ่งที่เป็นสาระ เป็นประโยชน์กับครอบครัว ก็เอาไปกินไปเล่นไปเที่ยว แล้วก็เมา แล้วก็ฆ่ากัน แทงกัน ทะเลาะกัน อย่างนี้ไม่ถูกต้อง

การเป็นมงคลไม่ใช่อยู่ที่วัตถุอย่างเดียว วัตถุมันเป็นเครื่องบ่งบอกเพียงแค่ความพึงพอใจ ความสบอารมณ์ ความสมหวัง ความได้มาซึ่งสิ่งที่ตั้งใจ แต่สิ่งที่เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตเรา มันอยู่ที่ว่า เราทำใจ เราจัดการบริหารใจ จัดการบริหาร
อารมณ์ จัดการบริหารสิ่งที่เป็นอยู่อย่างไร แล้วจะทำตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและสังคม และกับสิ่งที่เรากำลังบริหารจัดการอย่างไรนั่นต่างหากเล่า จึงเรียกว่า ชีวิตจะเป็นมงคล

สำคัญว่า บริหารจัดการแล้วมันได้กำไรมั้ย ฉันไม่อยากจะใช้คำพูดนี้นัก แต่ทุกคนก็ชอบใช้คำนี้ว่า บริหารจัดการแล้วมันต้องเกิดกำไร แต่กำไรเหล่านั้น มันต้องแข่งกับความเสื่อม ที่เราเรียกว่า มันแข่งกับการขาดทุน

ชีวิตเรานี่ยืนอยู่บนพื้นฐานของความเสื่อมอยู่เนืองๆ เราไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธความเสื่อม เราไม่มีสิทธิ์หนีความเสื่อม ทุกวันนี้เราก็เสื่อมอยู่ตลอดเวลา แล้วเราจะทำยังไง จะเอาชนะความเสื่อม การชนะความเสื่อมก็คงไม่ได้ แต่ให้มันได้กำไรจากความเสื่อม หรือว่าให้มันวิ่งนำความเสื่อม อย่าให้ความเสื่อมมันนำเรา

ขอวิธีเจริญสติพ้นโลภ โกรธ หลง

ปุจฉา : หลวงปู่ครับ ถ้าโลภ โกรธ หลง เป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ แล้วเราจะมีวิธีการเจริญสติอย่างไร จึงจะพ้นทุกข์ครับ

วิสัชนา : โลภ โกรธ หลง เป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ แต่มันไม่ใช่แค่อย่างเดียวนะ มันมีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย แล้วก็มีความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกายไม่สบายใจ นี่ก็เป็นสาเหตุของความทุกข์

ทีนี้ โลภ โกรธ หลง มันเป็นทุกข์จร เพราะว่ามันเป็นแขกแปลกหน้า แต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มันเป็นทุกข์ประจำนะ

ทุกวันนี้ อยู่เป็นทุกข์มั้ย นั่งนานไปก็เป็นทุกข์ ยืนนานไปก็เป็นทุกข์ กินมากไปก็เป็นทุกข์ ไม่ได้กินก็เป็นทุกข์ กินเยอะผิดปกติก็เป็นทุกข์ เดี๋ยวก็เกิดโรค

เพราะฉะนั้น ชาติคือการเกิดเป็นทุกข์, ชรา คนแก่ก็มากทุกข์, มรณัง คนที่รักตายเสียแล้ว เป็นทุกข์อีกแล้ว ทุกข์เหล่านี้เป็นทุกข์ประจำ ซึ่งเราชินชากับมัน เราอยู่กับมันจนกลายเป็นความคุ้นเคย แล้วคบมันเป็นเพื่อนสนิท จริงๆแล้วมันเป็นศัตรูตัวร้ายกาจ แล้วเราก็ไปให้น้ำหนักกับความทุกข์ที่ได้มาจาก รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งทุกข์อย่างนั้น มันเป็นทุกข์นอกบ้านนะ

ส่วนทุกข์ในบ้าน ก็คือที่เราอยู่ทุกวันนี้ ร่างกายเรามันเสื่อมลงๆ มันทุกข์ทุกวัน ปวดท้องก็เป็นทุกข์ หิวก็เป็นทุกข์ กระหายก็เป็นทุกข์ ร้อนก็เป็นทุกข์ หนาวก็เป็นทุกข์ ทุกข์ที่เกิดมีอยู่ประจำตลอดเวลา เกือบทุกลมหายใจเข้าออก ทุกข์เหล่านี้มันยิ่งใหญ่มาก

พวกรัก โลภ โกรธ หลง ถ้าไม่มีคนให้รัก มันจะเป็นทุกข์ทำไม มันไม่มีอะไรจะไปโลภ ก็ไม่ต้องทุกข์อีก ไม่มีใครมายั่วให้โกรธ ก็ไม่ต้องทุกข์อีก เห็นมั้ยมันเป็นทุกข์นอกบ้าน

เพราะฉะนั้น อย่าไปใส่ใจทุกข์นอกบ้านมากกว่าทุกข์ในบ้าน แล้วการที่จะรู้จักทุกข์ในบ้านให้ได้มาก ก็ต้องรู้จักชีวิต หลวงปู่สอนกรรมฐานลูกศิษย์ แล้วก็บอกเรื่องหัวใจกรรมฐาน ให้ท่องด้วยว่า เรียนรู้ชีวิต ศึกษาวิชา ลุถึงปัญญา นำพาชีวิต จบกรรมฐาน ไม่ต้องเรียนรู้เรื่องอื่นเลย เรียนรู้ชีวิตเรา

การเรียนรู้ชีวิตเรา มันทำให้เราเข้าใจว่า เราทุกข์ เราเสื่อม แล้วความทุกข์มันมีอยู่เป็นอาจินต์ เราต้องแก้ไขมันอย่างไร แล้วก็อยู่กับมันอย่างไร แล้วก็ไม่ปล่อยให้มันครอบงำเรา จนกลายเป็นว่า เราไม่มีอิสระในการดำรงชีวิต

ทำอารมณ์ให้ว่างพร้อมกับการทำงาน

ปุจฉา : กราบนมัสการหลวงปู่ เวลาที่เราทำงาน เราจะทำอารมณ์ให้ว่างไปด้วย พร้อมๆกับการปฏิบัติงาน ได้หรือไม่คะ และมีวิธีการทำอย่างไรคะ

วิสัชนา : ได้..ไม่ยากอะไร เราใช้วิธีขับเคลื่อนด้วยกำลังพิเศษ เรียกว่า ความว่าง เป็นพลังงานอันพิเศษ ที่ไม่มีมลภาวะ แต่ถ้าเมื่อไรที่เราขับเคลื่อนการทำการงานหรือการงานนั้น ด้วยพลังแห่งราคะ โทสะ โมหะ ตัณหา อวิชชา แสดงว่า งานนั้นมันจะมีมลภาวะ เหมือนกับเราใช้น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันโซล่า พวกนี้มันมีกลิ่น มีควัน แต่ถ้าเราใช้พลังงานอะไรที่มันไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน แล้วมันขับเคลื่อนไปได้ดี ได้เร็ว และเป็นพลังงานสะอาดบริสุทธิ์ นั่นก็คือ พลังงานแห่งสุญญตา หรือสุญญตะ คือ ความว่างในใจ

ทำตามความจำเป็น จำเป็นต้องกิน จำเป็นต้องหายใจ จำเป็นต้องดู จำเป็นต้องดม จำเป็นต้องสัมผัส จำเป็นต้องเดิน จำเป็นต้องถ่าย ทำตามความจำเป็น ไม่ใช่ทำตามความอยาก อยากที่จะทำ เพราะเมื่อไม่อยากทำ เราก็จะทุกข์ยาก แล้วมนุษย์ไม่เคยหยุดอยาก แม้เวลาจะตายก็ไม่หยุดอยาก ไม่หยุดอยากยังไง ก็อยากไปเกิดในสวรรค์ อย่างนี้เป็นต้น ก็มีความอยากอีก ไม่จบสิ้น

เพราะฉะนั้น ถ้าทำตามความจำเป็น แล้วอยู่กับความว่างเป็นนิจ อย่างนี้เรียกว่า ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 181 มกราคม 2559 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
กำลังโหลดความคิดเห็น