รศ.พญ.ปิยะภัทร เดชพระธรรม
ภาควิชา เวชศาสตร์ฟื้นฟู
ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมหลายท่าน ที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว ยังคงเป็นเรื่องที่คนในครอบครัวต้องเรียนรู้และเข้าใจ เพื่อการปฏิบัติอย่างถูกต้อง
คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ระบบการทำงานของร่างกายจะเสื่อมถอยลงตามวัย ส่งผลให้การรับความ รู้สึกช้าลง ความคมชัดในการมองเห็นลดลง การทรงตัวแย่ลง ทำอะไรไม่กระฉับกระเฉงเหมือนคนหนุ่มสาว ยิ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการเดินการเคลื่อนไหว ย่อมส่งผลให้สมรรถภาพของร่างกายถดถอยมากขึ้น
โดยเฉพาะโรคสมองเสื่อม จะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางในเรื่องการประมวลผล ความเป็นเหตุผล การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บหกล้มได้บ่อยกว่าผู้สูงอายุทั่วไป
ภายหลังการหกล้ม คนทั่วไปมักคิดว่า หากมีการบาดเจ็บ นอนพักสัก 2 - 3 วัน ก็หาย จึงไม่พาผู้สูงอายุมาพบแพทย์ บางคนปล่อยเวลานานกว่านั้น จนผู้สูงอายุมีปัญหาติดเตียง เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา จนยากต่อการฟื้นฟูร่างกายกลับมาใกล้เคียงดังเดิม
ที่ถูกคือ ผู้ดูแลหรือคนในครอบครัวควรพาผู้สูงอายุมาพบแพทย์ เพื่อตรวจดูสภาพร่างกายว่ามีอาการบาดเจ็บส่วนไหนหรือไม่ จะได้รักษาได้ทันท่วงที และถ้าเกิดการบาดเจ็บขึ้น การรักษาอย่างเดียว ไม่สามารถจะช่วยให้หายได้ ต้องมีการกระตุ้นผู้ป่วยให้มีการเคลื่อนไหวเท่าที่จะทำได้ เช่น กระตุ้นให้มีการพลิกตัวเองบนเตียง เพื่อลดปัญหาการเกิดแผลกดทับ กระตุ้นให้นั่งระหว่างมื้ออาหาร ครั้งละ 30 - 60 นาที โดยปรับตามความสามารถของแต่ละคน เพื่อส่งเสริมให้สมรรถนะของหัวใจและกล้ามเนื้อได้ปรับตัวพร้อมที่จะยืนหรือเดินต่อไป แต่อย่านั่งนานเกินไป เพราะท่านอาจเมื่อยล้าจากความเสื่อมของหลังที่มีอยู่เดิม และไม่ให้ความร่วมมือในการนั่งครั้งต่อไปได้
นอกจากนี้ ควรกระตุ้นให้มีการทำกิจวัตรประจำวันที่เคยทำได้เอง เช่น รับประทานอาหาร แปรงฟัน ล้างหน้า และควรเพิ่มการออกกำลังกายบริเวณแขนและขา เพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ชะลอการเกิดภาวะกระดูกพรุน กล้ามเนื้อลีบเล็ก และข้อติดตามมา โดยแกว่งแขน ห้อยขา หรือยืนลงน้ำหนักบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง หากสามารถเดินได้ ควรกระตุ้นให้เดินบ่อยเท่าที่ทำได้ ในเวลาที่แน่นอน โดยมีคนเดินไปด้วย ซึ่งนอกจากช่วยดูแลด้านความปลอดภัยแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้ท่านอยากเดินมากขึ้น
การจัดสิ่งแวดล้อมก็สำคัญ สามารถกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวได้บ่อยขึ้น เช่น เดินไปรับประทานอาหารที่โต๊ะแทนที่จะเป็นบนเตียง เดินไปขับถ่ายในห้องน้ำแทนการใช้ผ้าอ้อม หรือกระโถนข้างเตียง รวมทั้งจัดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย เช่น พื้นไม่ลื่น ไม่มีสิ่งกีดขวาง แสงสว่างเพียงพอ มีราวจับในห้องน้ำ เป็นต้น
และสำหรับผู้สูงอายุที่บ้าน หากท่านมีปัญหาในการทรงตัวหรือหกล้มบ่อยตั้งแต่ 2 ครั้งต่อปี ญาติควรพามาพบแพทย์จะได้ตรวจหาสาเหตุของการหกล้มและแก้ไขไม่ให้ หกล้มซ้ำลดความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บ โดยเฉพาะปัญหากระดูกแตกหัก และภาวะแทรกซ้อนที่จะตามมา
ขอย้ำนะคะ การดูแลเอาใจใส่การเคลื่อนไหวในผู้สูงอายุ หากลูกหลานเข้าใจ และใช้ความอดทน ก็สามารถที่จะทำให้ท่านดำเนินชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุขค่ะ
------
พบกิจกรรมดี ๆ ที่ศิริราช
ร่วมช่วยผู้ป่วยด้อยโอกาส รพ.ศิริราช เนื่องในวันมหิดล
23 ก.ย. ร่วมสนับสนุนการทำความดีของนักศึกษาวิทยาเขตบางกอกน้อย ม.มหิดล ที่ออกรับ
บริจาคใหญ่พร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 22 สาย ได้แก่ พระนคร, รอบศิริราช, ปิ่นเกล้า, เยาวราช, วงเวียนใหญ่, พญาไท, พระราม 4, สยาม, พระราม 9, ตลาดพลู, ศรีย่าน, ดุสิต, สายพิเศษ 4 แห่ง (ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่, ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ราษฎร์บูรณะ และพหลโยธิน, ตลาดพรานนก), นนทบุรี, สมุทรปราการ, อยุธยา, นครสวรรค์, กาญจนบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี, ชลบุรี รวมทั้งสายศิลปิน/ดารา ร่วมรับบริจาค 4 แห่ง ที่อาคารมาลีนนท์ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ผู้บริจาค 300 บาท ขึ้นไป จะได้รับธงเสาเป็นที่ระลึก บริจาค 20 บาท ขึ้นไป รับธงแขวน และน้อยกว่า 20 บาท รับสติกเกอร์เป็นที่ระลึก
ยังมีผู้ป่วยด้อยโอกาสจำนวนมากที่รอคอยความเมตตาจากท่าน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ภาควิชา เวชศาสตร์ฟื้นฟู
ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมหลายท่าน ที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว ยังคงเป็นเรื่องที่คนในครอบครัวต้องเรียนรู้และเข้าใจ เพื่อการปฏิบัติอย่างถูกต้อง
คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ระบบการทำงานของร่างกายจะเสื่อมถอยลงตามวัย ส่งผลให้การรับความ รู้สึกช้าลง ความคมชัดในการมองเห็นลดลง การทรงตัวแย่ลง ทำอะไรไม่กระฉับกระเฉงเหมือนคนหนุ่มสาว ยิ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการเดินการเคลื่อนไหว ย่อมส่งผลให้สมรรถภาพของร่างกายถดถอยมากขึ้น
โดยเฉพาะโรคสมองเสื่อม จะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางในเรื่องการประมวลผล ความเป็นเหตุผล การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บหกล้มได้บ่อยกว่าผู้สูงอายุทั่วไป
ภายหลังการหกล้ม คนทั่วไปมักคิดว่า หากมีการบาดเจ็บ นอนพักสัก 2 - 3 วัน ก็หาย จึงไม่พาผู้สูงอายุมาพบแพทย์ บางคนปล่อยเวลานานกว่านั้น จนผู้สูงอายุมีปัญหาติดเตียง เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา จนยากต่อการฟื้นฟูร่างกายกลับมาใกล้เคียงดังเดิม
ที่ถูกคือ ผู้ดูแลหรือคนในครอบครัวควรพาผู้สูงอายุมาพบแพทย์ เพื่อตรวจดูสภาพร่างกายว่ามีอาการบาดเจ็บส่วนไหนหรือไม่ จะได้รักษาได้ทันท่วงที และถ้าเกิดการบาดเจ็บขึ้น การรักษาอย่างเดียว ไม่สามารถจะช่วยให้หายได้ ต้องมีการกระตุ้นผู้ป่วยให้มีการเคลื่อนไหวเท่าที่จะทำได้ เช่น กระตุ้นให้มีการพลิกตัวเองบนเตียง เพื่อลดปัญหาการเกิดแผลกดทับ กระตุ้นให้นั่งระหว่างมื้ออาหาร ครั้งละ 30 - 60 นาที โดยปรับตามความสามารถของแต่ละคน เพื่อส่งเสริมให้สมรรถนะของหัวใจและกล้ามเนื้อได้ปรับตัวพร้อมที่จะยืนหรือเดินต่อไป แต่อย่านั่งนานเกินไป เพราะท่านอาจเมื่อยล้าจากความเสื่อมของหลังที่มีอยู่เดิม และไม่ให้ความร่วมมือในการนั่งครั้งต่อไปได้
นอกจากนี้ ควรกระตุ้นให้มีการทำกิจวัตรประจำวันที่เคยทำได้เอง เช่น รับประทานอาหาร แปรงฟัน ล้างหน้า และควรเพิ่มการออกกำลังกายบริเวณแขนและขา เพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ชะลอการเกิดภาวะกระดูกพรุน กล้ามเนื้อลีบเล็ก และข้อติดตามมา โดยแกว่งแขน ห้อยขา หรือยืนลงน้ำหนักบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง หากสามารถเดินได้ ควรกระตุ้นให้เดินบ่อยเท่าที่ทำได้ ในเวลาที่แน่นอน โดยมีคนเดินไปด้วย ซึ่งนอกจากช่วยดูแลด้านความปลอดภัยแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้ท่านอยากเดินมากขึ้น
การจัดสิ่งแวดล้อมก็สำคัญ สามารถกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวได้บ่อยขึ้น เช่น เดินไปรับประทานอาหารที่โต๊ะแทนที่จะเป็นบนเตียง เดินไปขับถ่ายในห้องน้ำแทนการใช้ผ้าอ้อม หรือกระโถนข้างเตียง รวมทั้งจัดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย เช่น พื้นไม่ลื่น ไม่มีสิ่งกีดขวาง แสงสว่างเพียงพอ มีราวจับในห้องน้ำ เป็นต้น
และสำหรับผู้สูงอายุที่บ้าน หากท่านมีปัญหาในการทรงตัวหรือหกล้มบ่อยตั้งแต่ 2 ครั้งต่อปี ญาติควรพามาพบแพทย์จะได้ตรวจหาสาเหตุของการหกล้มและแก้ไขไม่ให้ หกล้มซ้ำลดความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บ โดยเฉพาะปัญหากระดูกแตกหัก และภาวะแทรกซ้อนที่จะตามมา
ขอย้ำนะคะ การดูแลเอาใจใส่การเคลื่อนไหวในผู้สูงอายุ หากลูกหลานเข้าใจ และใช้ความอดทน ก็สามารถที่จะทำให้ท่านดำเนินชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุขค่ะ
------
พบกิจกรรมดี ๆ ที่ศิริราช
ร่วมช่วยผู้ป่วยด้อยโอกาส รพ.ศิริราช เนื่องในวันมหิดล
23 ก.ย. ร่วมสนับสนุนการทำความดีของนักศึกษาวิทยาเขตบางกอกน้อย ม.มหิดล ที่ออกรับ
บริจาคใหญ่พร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 22 สาย ได้แก่ พระนคร, รอบศิริราช, ปิ่นเกล้า, เยาวราช, วงเวียนใหญ่, พญาไท, พระราม 4, สยาม, พระราม 9, ตลาดพลู, ศรีย่าน, ดุสิต, สายพิเศษ 4 แห่ง (ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่, ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ราษฎร์บูรณะ และพหลโยธิน, ตลาดพรานนก), นนทบุรี, สมุทรปราการ, อยุธยา, นครสวรรค์, กาญจนบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี, ชลบุรี รวมทั้งสายศิลปิน/ดารา ร่วมรับบริจาค 4 แห่ง ที่อาคารมาลีนนท์ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ผู้บริจาค 300 บาท ขึ้นไป จะได้รับธงเสาเป็นที่ระลึก บริจาค 20 บาท ขึ้นไป รับธงแขวน และน้อยกว่า 20 บาท รับสติกเกอร์เป็นที่ระลึก
ยังมีผู้ป่วยด้อยโอกาสจำนวนมากที่รอคอยความเมตตาจากท่าน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่