เสียงเชียร์จากผู้ชมรอบด้านดังกระหึ่ม ในการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกของ “บิลลี่ โฮป” นักมวยอเมริกัน รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท บนสังเวียนมวยสากล ณ เมดิสันสแควร์การ์เดน นิวยอร์ก
โฮปเป็นนักมวยจอมบุก มีน้ำหนักหมัดซ้ายหนักหน่วง แต่จุดด้อยอยู่ที่การป้องกันตัวไม่ดีนัก จึงไม่แปลกที่สภาพหน้าตาจะบวมปูดด้วยพิษหมัดคู่ต่อสู้ ทว่าด้วยความเป็นยอดนักสู้ เขาก็ใช้พลังกำปั้นส่งคู่ต่อสู้ลงไปนอนนับสิบ และรักษาสถิติไม่เคยแพ้ใครบนสังเวียนผ้าใบกว่า 40 ครั้ง
หลังจากอาบน้ำแต่งตัว โฮปต้องแถลงข่าวถึงเกมการชกที่เพิ่งคว้าชัย ในเวลานั้น “มิเกล เอสโคบาร์” นักมวยดาวรุ่งเชื้อสายโคลัมเบีย เจ้าของฉายาเจ้าหนูมหัศจรรย์ ได้กล่าวท้าทายโฮป ว่ายังไม่ใช่นักมวยที่เก่งกาจอย่างแท้จริง ไม่เชื่อก็ลองชกกับเขาสักครั้ง
หลังจบการแถลงข่าว โฮปโวยวายกับ “จอร์แดน” โปรโมเตอร์ ซึ่งมีหน้าที่สรรหาคู่ชก ว่าช่วยจัดให้เขาเจอกับเจ้าเด็กปากเสียสักหน่อย แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
คืนนั้นโฮปกับ “มัวรีน” ภรรยา เดินทางกลับคฤหาสน์สุดหรู ที่ชี้ให้เห็นว่า ความเหน็ดเหนื่อยเจ็บตัวของเขา ได้รับค่าตอบแทนคุ้มค่า เพราะมันเปลี่ยนมาเป็นบ้านใหญ่โตหรูหรา ชีวิตที่แสนสบาย มีพี่เลี้ยงดูแล “เลล่า” ลูกสาววัย 10 ขวบ
ไม่กี่วันต่อมา จอร์แดนมาหาโฮปพร้อมข้อเสนอการชกครั้งใหม่จาก สถานีโทรทัศน์ด้านกีฬาชื่อดังระดับโลก สัญญาระบุว่าชก 3 ครั้ง ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยมีรายได้ที่งดงาม แต่มัวรีนผู้มีส่วนตัดสินใจ และวางแผนชีวิตให้สามี ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการชกที่ถี่มาก ร่างกายของสามีอาจบอบช้ำ ฟื้นฟูไม่ทัน หรือที่ภาษากีฬาเรียกว่า “กรอบ” เกินไป
แม้ว่าหน้าตาของโฮปยังไม่หายดี แต่เขากับภรรยาก็ไปทำภารกิจการกุศล ในการพูดเพื่อระดมทุนจากบรรดาเศรษฐีนักธุรกิจ ให้บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือบ้านเด็กกำพร้า สถานที่ซึ่งเขากับมัวรีนเติบโตด้วยกันมา ก่อนจะประสบความสำเร็จในปัจจุบัน
ทุกอย่างน่าจะจบลงด้วยความชื่นมื่น ท่ามกลางเสียงปรบมือกับคำชื่นชมของผู้ร่วมงาน หากแต่.. มันกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครคาดคิด หลังจากงานเลี้ยงเลิกรา เพราะขณะที่โฮปกับมัวรีนเดินออกจากงาน ก็ได้เจอเอสโคบาร์ซึ่งยังไม่เลิกพูดจายั่วยุอารมณ์ เพราะหวังให้ความโกรธของแชมป์โลก เป็นตัวกระตุ้นให้ได้พิสูจน์ฝีมือกันบนสังเวียน
แต่แล้วการต่อสู้นอกสังเวียนก็เกิดขึ้น เมื่อแชมป์โลกเลือดร้อนระงับอารมณ์โกรธไม่อยู่ ปรี่เข้าไปตะบันหน้าเอสโคบาร์อย่างจัง เกิดเป็นความชุลมุนวุ่นวาย ก่อนที่จะมีเสียงปืนจากบอดี้การ์ดดังขึ้นหนึ่งนัด !
นักมวยทั้งสองปลอดภัย แต่กระสุนกลับพุ่งเข้าลำตัวของมัวรีนแบบไม่มีใครคาดคิด.. เมื่อภรรยาผู้เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางชีวิตได้จากไป โฮปกลายเป็นคนหมดอาลัยตายอยาก เขาเครียดและเฝ้าแต่โทษตัวเอง ไม่สนใจไยดีกับสิ่งใดๆ แม้กระทั่งลูกสาว ที่เป็นแก้วตาดวงใจ
การปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้จมอยู่กับความทุกข์ ไม่อยากขึ้นชก ทำให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย และหนี้สินต่างๆ ซึ่งทำให้โฮปต้องขึ้นสังเวียนอีกครั้ง เพื่อหาเงิน แต่ครั้งนี้ยอดนักมวยได้กลายเป็นอดีตแชมป์ ถูกต่อยแบบหมดสภาพ ไม่เหลือความน่าเกรงขามใดๆ
ความพ่ายแพ้หมดรูป แถมไม่โดนใจทั้งโปรโมเตอร์และสถานีโทรทัศน์ที่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ ทำให้ชีวิตของโฮปแย่ลงกว่าเดิม จอร์แดนตัดสินใจขอแยกทาง ไม่ทำงานร่วมกับเขาอีก
ขณะที่ปัญหาต่างๆ รุมเร้ามากขึ้น โฮปก็เอาแต่กินเหล้าเมามาย และพึ่งยากล่อมประสาท จนขับรถชนภายในบ้านตัวเอง ทำให้หน่วยงานด้านเยาวชนฟ้องร้องว่า เขาไม่สามารถเป็นผู้ปกครองที่ดีพอ และถูกตัดสินห้ามชกมวยอาชีพ 1 ปี ขณะที่คฤหาสน์หรู และทรัพย์สินต่างๆ ก็เริ่มถูกทยอยขายทอดตลาด เพื่อจ่ายค่าหนี้สิน
แชมป์โลกผู้เคยยิ่งใหญ่กลายเป็นผู้อาภัพ ใช้ชีวิตอยู่ในอพาร์ตเมนต์เก่าๆ ขนาดเท่ารูหนู โดยมีความหวังว่า จะได้กลับมาอยู่กับลูกสาวอีกครั้ง ภายใต้ 2 ข้อของคำสั่งศาล คือ ต้องมีการงานทำพอที่จะดูแลลูกสาวได้ และต้องไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง หรือไม่เหมาะสมต่อหน้าเยาวชนอีก
เมื่อชีวิตของโฮปยังมี “ลูกสาว” เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปของานทำที่ค่ายมวยของ “ทิค วิลส์” หนึ่งในโค้ชมวยที่เขามองว่าเก่งที่สุด เพราะวิลส์เคยเป็นโค้ชให้คู่ต่อสู้รายหนึ่ง ที่เคยพ่ายแพ้โฮปมาก่อน แต่เขามองว่า คู่ต่อสู้รายนั้นสมควรเป็นผู้ชนะด้วยซ้ำ
วิลส์ไม่ค่อยอยากรับอดีตแชมป์เข้าทำงาน เพราะรู้กิตติศัพท์ด้านลบเรื่องอารมณ์ร้าย แต่เมื่อโฮปอ้อนวอนและสัญญาว่าจะพยายามปรับตัว วิลส์จึงใจอ่อน และให้ความช่วยเหลือในที่สุด
ที่ค่ายมวยแห่งใหม่ โฮปทำหน้าที่เก็บกวาดทำความสะอาด และช่วยเป็นเทรนเนอร์ซ้อมมวยให้กับเยาวชนยากไร้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายเดือน เมื่อเขาปรับพฤติกรรมได้ ศาลจึงอนุญาตให้รับลูกสาวมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
แล้ววันหนึ่งโฮปก็มีโอกาสหวนคืนเวที ด้วยการชกมวยการกุศล และสามารถเอาชนะน็อคคู่ต่อสู้ได้ เหตุการณ์นี้เป็นที่สนใจของจอร์แดนจอมละโมภ ซึ่งขณะนี้หันไปเป็นผู้จัดการให้กับเอสโคบาร์ ที่กลายเป็นแชมป์คนใหม่ไปแล้ว
จอร์แดนยื่นข้อเสนอให้โฮปชิงแชมป์โลกจากเอสโคบาร์ เพราะคิดว่าจะสามารถทำเงินได้มาก เนื่องจากทั้งคู่เคยวิวาทกันมาก่อน แต่จอร์แดนมีข้อแม้ว่า ต้องเร่งซ้อมให้ทันแค่ 6 สัปดาห์ก่อนชกเท่านั้น เพราะเขารู้ดีว่า โฮปมีสภาพร่างกายและจิตใจไม่แข็งแกร่งมั่นคงเหมือนเดิม แถมยังมีเวลาฝึกซ้อมน้อย
เนื่องจากจอร์แดนต้องการให้โฮปแพ้ เพราะเขาจะได้สร้างแชมป์คนใหม่ให้ยิ่งใหญ่ในวงการมวย โดยอาศัยโฮปเป็นบันไดสร้างความโด่งดังให้สินค้า(นักมวย)ชิ้นใหม่นั่นเอง
โฮปตัดสินใจสู้อีกครั้ง เพื่อไถ่บาปที่เคยทำไว้จากการสูญเสียภรรยา โดยมีวิลส์เป็นผู้ฝึกสอน และมีข้อแม้ว่าต้องทำตามกฎระเบียบและสไตล์การชกใหม่
แล้วศึกดวลกำปั้นก็มาถึง ตลอดการชก 12 ยก เป็นไปอย่างสูสี ยกแรกๆ เอสโคบาร์ไล่ต่อยโฮปจนถูกนับ ผู้บรรยายริมสนามถึงกับบอกว่า เขาคงเป็น “โฮปเลส” (Hopeless) หรือ “ไร้ความหวัง” ไปแล้ว แต่ทว่าวิลส์ปลุกความมั่นใจให้โฮปต่อยตามแผนที่วางไว้ อย่าชกด้วยอารมณ์ จนกระทั่งยกท้าย โฮปต่อยเอสโคบาร์ ร่วงลงไปให้กรรมการนับ ผลการชกปรากฏว่า โฮปเป็นฝ่ายชนะคะแนน และกลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง
ภาพยนตร์เรื่อง Southpaw (แปลว่านักกีฬาผู้ถนัดซ้าย) นับว่าเป็นผลงานที่เต็มไปด้วยข้อคิดคติดีๆมากมาย ซึ่งหากไล่เรียงตามลำดับ ก็จะพบว่าโยงเข้ากับหลักธรรมทางพุทธศาสนาได้หลากหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเรื่อง “กิเลส”
กิเลสนั้นมีถึง 10 ประเภท แต่กิเลสตัวร้าย ซึ่งมักถูกนำมากล่าวถึงบ่อยๆ ได้แก่ โลภะ โทสะ และโมหะ
โลภะ คือ ความโลภ อยากได้อยากมี โดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรม ความถูกต้อง ปรากฏให้เห็นจากตัวละครอย่าง “จอร์แดน” ที่มุ่งเพียงทำกำไรในธุรกิจของตน โดยไม่สนใจว่านักมวยจะบอบช้ำเพียงใด จนกระทั่งเมื่อโฮปพ่ายแพ้ เขาก็ตีจาก ไปหานักมวยทำเงินรายอื่น ซึ่งท้ายที่สุด เขาก็จะเป็นคนไร้มิตรแท้ในชีวิต
โทสะ คือ ความโกรธ ความไม่พอใจ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจาก “มานะ” หนึ่งในกิเลส ประเภทหนึ่งที่มีลักษณะถือตัวตน ว่าเก่งกว่าเหนือกว่า คนที่เกิดโทสะมักแสดงความเกรี้ยวกราด ควบคุมตนเองไม่ได้ และแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ อันเป็นการประทุษร้าย สร้างความเดือดร้อนให้กับตนหรือผู้อื่น ซึ่งตัวละครนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “บิลลี่ โฮป”
โมหะ คือ ความโง่เขลา ไม่รู้จริง ซึ่งนำไปสู่การกระทำด้านลบมากมาย ทั้งเรื่องการไม่รู้บาปบุญคุณโทษ การทะเลาะวิวาท หรือความงมงายต่อสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ตัวละครที่มีโมหะครอบงำ มีทั้งโฮปและเอสโคบาร์ ซึ่งต่างฝ่ายต่างทะนงตน อย่างไม่รู้จริง จนทำให้เกิดการวิวาทและสร้างความเดือดร้อนให้ทั้งตนเองและผู้อื่น
กิเลสทั้ง 3 ประการ ที่ผู้ชมได้เรียนรู้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ คงชี้ให้เห็นแล้วว่า ผู้ใดที่มีกิเลสเกาะกุมอยู่ในความคิด ความรู้สึก ชีวิตก็มักเต็มไปด้วยความเดือดร้อน หายนะ และทุกข์ทรมานอย่างที่สุด
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 177 กันยายน 2558 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)