ท่านผู้อ่านครับในตอนที่แล้วได้พูดถึงการอักเสบ ซึ่งเป็นกลไกทำให้เราเกิดโรคเรื้อรังต่างๆขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุการตายร้อยละ 80 ของคนในยุคปัจจุบัน เช่น โรคหัวใจ โรคความดัน โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคสมองเสื่อม เป็นต้น
และได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ตั้งแต่การกินอาหารที่มีพลังงานมากเกินไป เช่น ไขมัน แป้ง น้ำตาล การขาดการออกกำลังกาย การนอนดึกเป็นประจำ ความเครียด การได้รับสารอนุมูลอิสระ การสูบบุหรี่ ฯลฯ
ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เช่น นพ.แอนดรู ไวล์ จึงแนะนำให้เราใช้วิธีแก้ โดยปรับวิถีชีวิตเพื่อต้านการอักเสบ เช่น กินอาหารต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory Diet)
ในหนังสือ Healthy Aging อันโด่งดังของเขา แนะนำให้กินผักผลไม้ให้มาก กินข้าวซ้อมมือ กินไขมันพวกโอเมก้า6 เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง ให้น้อยลง
ให้รับประทานไขมันโอเมก้า 3 เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันคาร์โนล่า น้ำมันรำข้าว น้ำมันงา เป็นต้น เพิ่มขึ้น อัตราส่วนน้ำมันโอเมก้า 3 ต่อน้ำมันโอเมก้า 6 ควรจะเป็น 1 ต่อ 1 ถึง 1 ต่อ 4 เป็นอัตราส่วนกำลังดี คือไม่ควรกินน้ำมันโอเมก้า 6 มากกว่าน้ำมันโอเมก้า 3 เกิน 4เท่า
น้ำมันทั้งสองกลุ่มนี้ เป็นน้ำมันซึ่งเราใช้กันในชีวิตประจำวัน น้ำมันโอเมก้า 6 ราคาจะถูกกว่าน้ำมันโอเมก้า 3 แต่ให้รับประทานน้ำมันทั้งสองชนิดนี้ให้มีสัดส่วนพอดีดังที่กล่าวมาแล้ว
รวมทั้งให้ออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งการออกกำลังกายจะช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกายของเราได้
นอกจากนั้น แพทย์แผนปัจจุบันยังพบว่า การจำกัดอาหารที่มีพลังงานสูงร้อยละ 30 ถึง 40โดยไม่ขาดสารอาหารพวกวิตามินและเกลือแร่ ก็ช่วยให้เรามีสุขภาพดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถลดการอักเสบลงได้ ลดไขมัน และน้ำตาลในเลือดลง น้ำหนักตัวลดลง การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคมะเร็งน้อยลง ความจำดีขึ้น ซึ่งอันนี้ก็มีงานวิจัยทางการแพทย์ที่มีความเห็นตรงกัน
แต่ก็ยังมีประเด็นเรื่องการจำกัดอาหาร หรือ CR (Caloric Restriction with Optimal Nutrition หรือ CRON หรือเรียกย่อๆว่า CR) จะช่วยให้คนมีอายุยืนขึ้นได้หรือไม่
ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีงานวิจัยมานานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1934 โดย แมรี่ คราวเวลล์ และ ครีฟ แมคเคร์ นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยคอร์แนล พบว่า ถ้าเราลดอาหารลงครึ่งหนึ่งในหนูทดลอง จะทำให้อายุของหนูยาวขึ้นสองเท่า
หลังจากนั้นก็มีการทดลองของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ซึ่งเริ่มในปี ค.ศ. 1989 พบว่า การจำกัดอาหารในลิง ช่วยให้การเกิดโรคเรื้อรังลดลง สุขภาพแข็งแรงขึ้น และช่วยให้ลิงมีอายุยืนขึ้น
แต่ผลการวิจัยของสถาบันวิจัยผู้สูงอายุแห่งชาติของอเมริกา พบว่า การจำกัดอาหารช่วยลดการเกิดโรคเรื้อรัง อันนี้ผลเหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ช่วยให้ลิงอายุยืนขึ้น
ดังนั้น จึงยังต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมในประเด็นว่า การลดอาหารลงจะช่วยให้ลิงอายุยืนขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป
งานวิจัยที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งเป็นของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก โดย ดร.เจเน็ต โทมิยามา และคณะ กำลังศึกษาในคน เพื่อหาคำตอบว่า การจำกัดอาหาร จะช่วยให้คนอายุยืนขึ้นหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการทดลองยืนยัน
การทดลองนี้เริ่มในปี 2010โดยใช้เวลา 3 ปี ขณะนี้การศึกษาเรียบร้อยแล้ว แต่ผลยังไม่ประกาศออกมา เราคงจะต้องติดตามผลการศึกษาต่อไป
แม้ว่างานวิจัยเรื่องการจำกัดอาหาร ยังไม่สามารถสรุปลงไปว่า สามารถช่วยให้คนอายุยืนได้ แต่ในแง่ช่วยลดการเกิดโรคเรื้อรัง อันนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว
ดังนั้น ปัจจุบัน มีองค์กรชื่อว่า สมาคมจำกัดอาหารนานาชาติ (Caloric Restriction Society International,www.crsociety.org) ซึ่งรณรงค์เรื่องนี้อย่างแข็งขัน นำโดย ดร.พอล แมคกลอทิน และเมอรีดิต อเวอริล (Paul McGlothin and Meredith Averill) ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของสมาคม ได้ทำการรณรงค์ให้ผู้คนสนใจในการจำกัดอาหารเพื่อสุขภาพ โดยมีการบรรยายให้ความรู้ และสนับสนุนทุนทำการวิจัยแก่มหาวิทยาลัยต่างๆ และฝึกอบรมแก่ประชาชนทั่วไป
ทั้งสองท่านเขียนหนังสือชื่อ The CR ways ซึ่งแนะนำหลักการใช้วิถีของ CR และแนวทางในการปฏิบัติในเรื่องการจำกัดอาหาร รวมทั้งนำเสนออาหารสุขภาพชนิดต่างๆ เป็นหนังสือที่ได้รับความสนใจจากคนรักสุขภาพอย่างมาก
เราพบว่า การจำกัดอาหารทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายลดลง ทำให้การเกิดโรคเรื้อรังต่างๆน้อยลง การดื้อต่ออินซูลินน้อยลง ร่างกายแข็งแรงขึ้น ถึงแม้ยังไม่มีหลักฐานทางตรงว่า การจำกัดอาหารช่วยให้อายุยืนขึ้นในคนก็ตาม
แต่เราพบหลักฐานในทางอ้อม เช่น การศึกษาในชาวโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น พบว่าที่นี่เป็นแหล่งที่มีคนอายุเกิน 100 ปีมากที่สุดในโลก คนที่นี่มีอายุเฉลี่ย ในหญิง 89.1 ปี ในชาย 83.5 ปี ซึ่งนับว่าอายุยืนมาก พบว่าชาวโอกินาวากินอาหารที่มีพลังงานต่ำ มากกว่าคนทั่วไป ร้อยละ 11
นอกจากนั้น ยังมีงานวิจัยพบว่า คนที่กินอาหารพลังงานสูง จำพวกไขมันมาก จะมีน้ำหนักเกิน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
โดยสรุป การจำกัดอาหาร หรือการงดอาหารบางเวลา ช่วยลดการอักเสบในร่างกายของเรา ซึ่งทำให้เราไม่เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ สุขภาพดี แต่จะทำให้อายุยืนหรือไม่เราจะต้องติดตามงานวิจัยต่อไป
ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปฟังคำบรรยายของ ดร.พอล แมคกลอทิน ได้ที่ www.youtube.com/food and addition : the other side-caloric restriction และ youtube.com/Calorie Restriction Fox New (Crways)
• การถืออุโบสถศีล ช่วยให้สุขภาพดี
ในทางพุทธศาสนา ท่านให้เราฝึกถือศีล 8 หรืออุโบสถศีล กล่าวคือ ถือศีล 5 บวกกับข้อปฏิบัติอีก 3 ข้อ คือ การงดอาหารมื้อเย็น เพื่อฝึกการสำรวมระวังในรสอาหาร ไม่ให้เราติดยึดในรสอาหาร
ท่านให้เว้นการขับร้องฟ้อนรำ ประโคมดนตรี ดูละคร ดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกของพรหมจรรย์ เพื่อฝึกการสำรวมอินทรีย์ คือ การใช้ตาดู หูฟัง ให้งดการทัดดอกไม้ ประดับด้วยดอกไม้ ของหอมเครื่องย้อมทา เพื่อฝึกการสำรวมระวังในการใช้จมูกดมกลิ่น และไม่นั่งนอนในที่นอนสูงใหญ่ ยัดด้วยนุ่น เพื่อสำรวมระวังในกายสัมผัส
สรุปแล้วก็คือ การฝึกอินทรียสังวร นั่นเอง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นทางนำมาซึ่งกิเลส พระพุทธเจ้าจึงให้เราฝึกการสำรวมระวังไว้เป็นประจำ ที่เรียกว่า การเข้าถืออุโบสถ ในวันพระ อันนี้เป็นวิถีชาวพุทธ ที่อุบาสก อุบาสิกา ใช้ฝึกฝนกัน
ผู้เขียนคิดว่า ถ้าเราจะฝึกจำกัดอาหารหรืองดอาหารให้มีสุขภาพดี ในฐานะชาวพุทธ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การเข้าถืออุโบสถศีล เดือนละ 4วัน คือ วันขึ้นและแรม 8 ค่ำ 15 ค่ำ ดูตามปฏิทินตรงวันที่มีรูปพระนั่นแหละ ซึ่งคนโบราณท่านจะนิยมถือปฏิบัติกัน เป็นการเลียนแบบวิถีชีวิตของพระอริยบุคคลในครั้งพุทธกาล
เพราะเนื่องจากคฤหัสถ์ต้องทำงานมาก ถ้าจะให้อดอาหารทุกๆวันก็จะไม่มีแรงทำงาน พระท่านไม่ได้ทำงานหนักอะไร ใช้พลังงานทางกายน้อยกว่ามาก ก็สามารถจะทำได้
ท่านก็ให้เราฝึกแค่เดือนละ 4วัน ไหนๆเราจะงดอาหาร หรือจำกัดอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว ก็ใช้การถืออุโบสถไปเลยดีกว่า ปฏิบัติไปตลอดชีวิต จะได้ชื่อว่าปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
การถืออุโบสถในวันพระ ท่านกล่าวว่า มีอานิสงส์มาก
พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับนางวิสาขา ในอุโบสถสูตร อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เปรียบเทียบว่า สตรีหรือบุรุษในโลกนี้ที่อยู่รักษาอุโบสถประกอบด้วยองค์ 8 แล้ว จะไปเกิดเป็นเทวดา ณ สวรรค์ชั้นใดๆก็ได้สมปรารถนา และจะได้เสวยสมบัติอันยิ่งใหญ่ รุ่งเรือง ไพศาล หามีสมบัติใดในเมืองมนุษย์นี้เทียมเท่าได้
ดังนั้น จะเห็นว่า การรักษาอุโบสถมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ให้ผลทั้งในโลกนี้และโลกหน้าเลยทีเดียว
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 156 ธันวาคม 2556 โดย นพ.แพทย์พงษ์ วรพงศ์พิเชษฐ)