R.I.P.D. เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดแนวแฟนตาซี ว่าด้วยหน่วยพิฆาตปีศาจ ซึ่งผู้ชมนักดูหนังอาจคุ้นเคยกับเนื้อหาลักษณะนี้มาจากเรื่อง Men in Black (MIB) มาอยู่บ้าง แต่ทว่าแก่นบางอย่างของหนังเรื่องนี้ กลับนำมาเชื่อมโยงเข้ากับคำสอนในพุทธศาสนาได้อย่างกลมกลืน
เรื่องราวเริ่มต้นที่ “นิค” ตำรวจมือปราบแห่งเมืองบอสตัน ที่เผยให้เห็นว่าเขาไม่ค่อยสบายใจนักกับการได้ส่วนแบ่งจาก “ของกลาง” ที่เป็นชิ้นส่วนทองคำ มาเป็นค่าตอบแทนจากการทำงาน เพราะมันไม่ต่างจากการยักยอกทรัพย์ เขาจึงตัดสินใจฝังมันเอาไว้ใต้ต้นไม้ภายในบ้าน
แต่เมื่อกลับไปยังที่ทำงาน ดูเหมือนว่า “เฮย์ส” คู่หูเพื่อนร่วมงานของเขา จะไม่ค่อยสบายใจนักกับการตัดสินใจหาทางออกเรื่องทองคำดังกล่าว แต่คู่หูผู้เงียบขรึมที่มีส่วนร่วมในการแบ่งของกลาง ก็ยอมรับในการตัดสินใจก่อนจะออกไปปฏิบัติภารกิจไล่ล่าโจรร้ายด้วยกัน
ในภารกิจการจู่โจมเช้าวันนั้น เป็นการทำงาน(ขณะมีชีวิต)ครั้งสุดท้ายของนิค เมื่อเฮย์สเป็นผู้เข้ามาปลิดชีพเขา โดยกล่าวสั้นๆให้เข้าใจว่า เป็นการปิดปากเรื่องของกลางที่ยักยอกไป นิครู้สึกว่าตนเองกำลังล่องลอยออกไปสูงขึ้นๆ จนกระทั่งรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเจอเจ้าหน้าที่สาวสวยกำลังสอบปากคำเขาอยู่
หลังจากตั้งสติจับต้นชนปลายได้ถูกแล้ว เขาพบว่า ตอนนี้ตนเองนั้นได้ตายไปจากโลก และวิญญาณก็ล่องลอยมาเจอกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้อยู่ในองค์กร R.I.P.D. ที่มีภารกิจปราบปรามวิญญาณภูติผีบนโลกที่แฝงกายอยู่ในร่างมนุษย์
เจ้าหน้าที่สาวอธิบายว่า นิคเคยทำผิดฐานยักยอกทรัพย์ของกลาง(แม้ว่าเขาจะกลับใจแล้วก็ตาม) ซึ่งจากความผิดดังกล่าว บวกกับคุณสมบัติที่เคยเป็นมือปราบมาก่อนเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เขาจึงได้รับข้อเสนอให้ชดใช้กรรม ด้วยการเป็นมือปราบภูติผีปีศาจเป็นระยะเวลานานนับชั่วอายุคน
ภารกิจปราบผีของนิคเริ่มต้นด้วยการจับคู่กับ “รอย” คุณลุงมือปราบจอมเก๋าในมาดคาวบอยย้อนยุค ซึ่งแม้ว่านิคจะไม่ถูกชะตากับความห้าวความมั่นใจของรอย แต่ก็ต้องไปปฏิบัติงานร่วมกันในฐานะน้องใหม่กับพี่เลี้ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก่อนเริ่มงาน รอยพานิคไปที่งานศพของตัวเอง โดยนิคไม่รู้ว่า ลักษณะรูปร่างหน้าตาของตนในสายตามนุษย์ปกตินั้น จะมองเขาเป็นลุงชาวจีนแก่ๆคนหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเขาพยายามจะเข้าไปบอกกับ “จูเลีย” ผู้เป็นภรรยา ทุกคนจึงมองว่าเขาเป็นเพียงตาแก่เสียสติ ที่เข้าไปป่วนในงานศพ
หลังจากรับรู้สถานภาพใหม่บนโลกมนุษย์แล้ว การประเดิมงานแรกของการปราบปีศาจ นิคก็ต้องเจองานหนัก เมื่อปีศาจตัวที่เจอนั้นเล่นงานนักปราบมือใหม่จนย่ำแย่ กว่าจะปราบลงได้ก็เล่นเอาเหนื่อย
อย่างไรก็ตาม เขาพบเบาะแสน่าสนใจบางอย่าง เมื่อพบว่า ปีศาจตัวนั้นซ่อนเศษทองคำที่มีลักษณะเหมือนกับทองคำที่เขาแบ่งมาจากของกลาง นิคจึงชวนรอยตามสืบเสาะค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่
หลังจากบุกตะลุยไล่ล่าปีศาจอีกหลายตัว เบาะแสสำคัญจึงชี้ไปว่า แท้จริงแล้ว “เฮย์ส” คู่หูผู้สังหารนิค ก็คือปีศาจตัวร้ายที่แฝงตนในคราบของมนุษย์ และทองคำชิ้นต่างๆนั้นคือส่วนประกอบสำคัญของประตูทะลุมิติ ที่จะทำลายระบบสวรรค์ นรก และเปิดโลกให้เหล่าวิญญาญภูติผีตัวร้ายต่างๆที่จะถูกนำไปตัดสินในนรกนั้น กลับมายังโลกมนุษย์ได้
ขณะเดียวกันนิคเองก็ยัง “ตัดทางโลกไม่ขาด” เขายังพยายามหาโอกาสกลับไปหาจูเลีย (แม้จะอยู่ในรูปลักษณ์อาแปะชาวจีน) เพื่อสื่อสารว่าเขายังคงเฝ้ามองยังรักเธออยู่เช่นเดิม แม้ว่ากายจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม
แต่ทว่านิคมีเวลาไม่นานสำหรับการทำซึ้งกับสิ่งที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้ เพราะภารกิจต่อสู้กับเหล่าภูติผียังคงรอคอยอยู่ก่อนที่โลกจะล่มสลาย สองคู่หูมือปราบจึงต้องจับมือกัน เพื่อยับยั้งแผนการณ์อันชั่วร้ายของเหล่าภูติผีปีศาจ ไม่ให้กระทำการได้สำเร็จ
เริ่มตั้งแต่จับตัวเฮย์สที่เสมือนเป็นหัวโจกตัวใหญ่ แต่ทั้งคู่ก็พลาดท่าเสียทีให้กับเฮย์สที่วางแผนยินยอมให้จับกุมได้ง่ายๆ เพื่อให้ถูกนำตัวไปองค์กร R.I.P.D. สถานที่ซึ่งเก็บชิ้นส่วนทองคำประตูทะลุมิติเอาไว้ ก่อนจะใช้เครื่องมือระเบิดความถี่ ทำเอาเหล่ามือปราบทั้งหลายแน่นิ่งหมดเรี่ยวแรงไปตามๆกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากเอาตัวรอดจากสถานการณ์วิกฤตมาได้อย่างหวุดหวิด ทั้งนิคและรอยก็ต้องเร่งแข่งกับเวลา กอบกู้สถานการณ์ไม่ให้ย่ำแย่ไปกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเฮย์สจับตัวจูเลีย ภรรยาสุดที่รักของนิคไปเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบพิธีบูชายัญ เพื่อเปิดประตูนรก
เรื่องราวทั้งหมดของ R.I.P.D. เป็นแฟนตาซีเต็มรูปแบบ เน้นฉากแอ็คชั่นสนุกๆ การไล่ล่ามันๆ รวมถึงเทคนิคพิเศษด้านกราฟิกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
แต่อย่างที่เกริ่นนำไว้ว่า แกนเรื่องนั้นก็สามารถนำมาเชื่อมโยงถึงเรื่อง “กฎแห่งกรรม” หรือสัจธรรมตามหลักพุทธศาสนาได้
ในยุคปัจจุบันที่ดูเหมือนว่า คนยุคใหม่จะเชื่อเรื่องนรกกับสวรรค์น้อยลงไปทุกที แต่หนังได้สื่อให้เห็นว่า คนที่ตายไปแล้วก็ยังมีทางเลือก 3 ทาง คือคนทำชั่วลงนรก คนทำดีขึ้นสวรรค์ ส่วนคนที่เคยทำชั่วแต่ยังพอกลับตัวได้ ก็อาจจะยังพอมีโอกาสให้ทำงานชดใช้จนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
ดังนั้น มนุษย์ทุกคนจึงควรยึดเอาหลักคิดจากหนังเรื่องนี้ เป็นเครื่องกำหนดแนวทางการใช้ชีวิตว่า จงปฏิบัติกรรมดีให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน หรือต้องชดใช้กรรมกันแบบไม่จบไม่สิ้น และแม้ว่าจะเชื่อเรื่องนรกสวรรค์หรือไม่ก็ตาม แต่ก็จงเชื่อมั่นในการกระทำกรรมดีในช่วงเวลาที่ “ยังสามารถทำได้” นั่นคือขณะที่ยังดำรงชีวิตอยู่ในฐานะมนุษย์
พระพุทธองค์ได้สอนไว้ว่า “การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องยาก” ดังนั้น ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์บนโลกนี้ ยอมหมายถึง ต้องเป็นผู้ที่มีบุญกุศล เคยกระทำคุณงามความดีมาก่อน หากมิเช่นนั้นก็คงเกิดเป็นเดรัจฉาน หรือไม่ก็ยังเป็นเหล่าสัมภเวสีภูตผีปีศาจ อย่างที่เราเห็นในหนังนั่นเอง
นอกจากนี้ อีกมุมหนึ่งของหนัง R.I.P.D. ที่จะช่วยสร้างความตระหนักให้เราเข้าใจ และรู้จักปล่อยวางต่อการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อันเป็นสิ่งที่เกิดในมนุษย์ทุกคน คือ ช่วงท้ายเรื่อง ที่ “นิค” ทำใจละทิ้งต่อความห่วงหาอาวรณ์ และเข้าถึงกฎธรรมชาติหรือสัจธรรมชีวิตได้แล้ว เขาใช้เสี้ยวเวลาเล็กๆ เพื่อเข้าไปบอกลากับจูเลีย ภรรยาอันเป็นที่รักว่า “ไม่ต้องห่วงอีก” ขอให้เธอจงดำเนินชีวิตต่อไป และมีความสุขกับชีวิตที่มี
มุมเล็กๆในส่วนนี้ของภาพยนตร์ ก็นับเป็นข้อคิดที่ดีไม่น้อยไปกว่าประเด็นแรก เพราะในเมื่อชีวิตของมนุษย์ทุกคนนั้น ไม่เคยมีผู้ใดหนีพ้นจากความตายได้ ดังนั้น คนที่ยังอยู่ จึงต้องเข้าใจกฎของสัจธรรมข้อนี้ ซึ่งเมื่อเข้าใจแล้ว ก็ย่อมปลดพันธนาการแห่งความทุกข์ได้มากกว่าเดิม
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 154 ตุลาคม 2556 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)