xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมาภิวัตน์ : ศรีลังกา.. อายุบวร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประเทศไทยเรามักจะบอกว่าเราเป็นบ้านพี่-เมืองน้อง ในด้านต่างๆกับอีกหลายประเทศ เช่น ความสัมพันธ์ทางการทูต การทำการค้าร่วมกัน ผลงานศิลปะ อิทธิพลทางวัฒนธรรม ซึ่งอ้างอิงตามหลักฐานความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์

แต่หากเป็นทางด้านพระพุทธศาสนาต้องถือว่า ไทย กับ ศรีลังกา เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันอย่างแท้จริงครับ

จุดเริ่มต้นต้องย้อนกลับไปเมื่อกว่า 700 ปีก่อน พุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ เผยแผ่มายังประเทศไทย ในทางกลับกันระหว่างปี พ.ศ. 2048-2279 ศรีลังกาก็ถูกจักรวรรดินิยมตะวันตกรุกราน ไล่มาตั้งแต่โปรตุเกส ดัตช์ มาจนถึงอังกฤษ ที่ยึดศรีลังกามาอยู่ภายใต้การปกครอง

ชาติตะวันตกพยายามนำศาสนาอื่นมาเผยแผ่ในประเทศ ส่งผลให้ศาสนาพุทธในศรีลังกาขาดการอุปถัมภ์ค้ำชู ซ้ำยังเกิดวิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพงอย่างรุนแรง จนพระภิกษุสงฆ์ต้องทิ้งวัดวาอาราม กระทั่งไม่มีพระสงฆ์หลงเหลืออยู่ ทั้งประเทศมีแต่สามเณรเหลืออยู่บ้าง โดยมีสามเณรสรณังกร เป็นหัวหน้า

ในปี พ.ศ. 2294 สามเณรสรณังกรทูลขอให้พระเจ้ากิตติราชสิงหะ กษัตริย์กรุงลังกา ส่งพระสมณทูตมากรุงศรีอยุธยา เพื่อนิมนต์พระสงฆ์ให้ไปช่วยฟื้นฟูพุทธศาสนา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงส่งพระสมณทูตไทย จำนวน 18 รูป สามเณร 7 รูป โดยมีพระอุบาลี เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางมายังศรีลังกา เพื่อทำพิธีอุปสมบทแก่กุลบุตรชาวลังกา เป็นพระสงฆ์จำนวน 700 รูป และสามเณร 3,000 รูป

ทำให้ศรีลังกาที่ขาดแคลนพระสงฆ์มานาน มีพระสงฆ์สำหรับประกอบพิธีกรรมต่างๆ ส่วนสามเณรสรณังกรที่ได้รับการอุปสมบทในครั้งนั้นด้วย ได้รับการสถาปนาจากพระมหากษัตริย์ลังกาให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช จึงเกิดคณะสงฆ์ "นิกายสยามวงศ์" ขึ้นในลังกา

ในสมัยเดียวกันนั้น มีสามเณรอีกคณะหนึ่งเดินทางไปขอรับการอุปสมบทในประเทศพม่า แล้วกลับมาตั้งเป็นนิกาย "อมรปุรนิกาย" และอีกคณะเดินทางไปขออุปสมบทจากคณะสงฆ์เมืองมอญ กลับมาตั้งนิกาย "รามัญนิกาย" จึงทำให้ศรีลังกามีนิกายพุทธศาสนา 3 นิกาย มาจนถึงปัจจุบันนี้ คือ

1. สยามวงศ์ หรืออุบาลีวงศ์ ถือเป็นนิกายหลัก มีจำนวนวัดเกินกึ่งหนึ่งของวัดทั้งประเทศ แต่จำกัดให้เฉพาะผู้อยู่ในวรรณะสูงเท่านั้นที่จะบวชเป็นพระในนิกายนี้ได้
2. อมรปุรนิกาย (พม่า)
3. รามัญนิกาย (มอญ)

อมรปุรนิกายและรามัญนิกายนั้น ทุกวรรณะสามารถบวชได้ ซึ่งการเป็นพระในศรีลังกาเมื่อบวชแล้วห้ามสึก ต้องเป็นพระตลอดชีวิต เพราะถือว่าได้ตัดสินใจอุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาแล้ว

ศรีลังกาเป็นประเทศแรกที่กำหนดให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรกลางทางพระพุทธศาสนา คือองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล. - The World Fellowship of Buddhists) ก่อนที่ศาสนาพุทธจะแพร่เข้าไปในศรีลังกานั้น มีบันทึกว่า ศรีลังกามีวัดฮินดูอยู่แล้วประมาณ 5 แห่ง โดยประชากรชาวศรีลังกาประมาณ 21 ล้านคน นับถือศาสนาพุทธประมาณ 69% นับถือฮินดู 15% และนับถือคริสต์กับอิสลามเท่าๆกันประมาณ 8%

ศรีลังกาเป็นประเทศแรกๆของโลกครับ ที่มีการบันทึกทางประวัติศาสตร์มาเป็นหลักฐานที่แน่ชัด ตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีก่อน ต่อเนื่องจนถึงยุคพุทธกาล ราชวงศ์ของศรีลังกาเริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ.1 ขณะที่เอกสารทางศาสนาพุทธของศรีลังกาบันทึกไว้ว่า ในยุคพุทธกาล พระพุทธเจ้าเสด็จมาศรีลังกาถึง 3 ครั้ง โดยจะเห็นได้จากศิลาจารึกใน "วัดเกลานิยา" (Kelaniya Temple) หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า "วัดกัลยาณี" ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของศรีลังกา

ผู้เชี่ยวชาญภาษาบาลีและภาษาสิงหล (สิงหลเป็นชนพื้นเมืองของศรีลังกา) แปลข้อความจากศิลาจารึกดังกล่าวได้ความว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาศรีลังกา 3 ครั้ง

ครั้งแรก พระพุทธองค์เสด็จมาภายหลังตรัสรู้ เพื่อมาห้ามไม่ให้กองทัพยักษ์และคนเถื่อนสองเมืองฆ่ากัน ให้เกิดดวงตาเห็นธรรม และด้วยตั้งใจจะให้พระพุทธศาสนาหยั่งรากในแผ่นดินศรีลังกาแห่งนี้สืบไป

ครั้งที่ 2 พระองค์ทรงเสด็จไปห้ามทัพพญานาค พระองค์ได้แสดงธรรมจนพญานาคทั้งสองเกิดความเลื่อมใส จึงถวายบัลลังก์ทองมอบแด่พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงรับไว้และให้บรรจุไว้ในเจดีย์สีขาวทรงระฆังคว่ำ สูง 30 เมตร ณ วัดกัลยาณีแห่งนี้

ครั้งที่ 3 หลังจากตรัสรู้ได้ 8 ปี พระพุทธเจ้าทรงได้รับนิมนต์จากพระเจ้าเกลานิยา และได้ประทับรอยพระบาทไว้ที่ยอดเขาสามานาลา(Samanala) หรือศรีพาดา ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของชาวพุทธทั่วโลก

นอกจากนี้ พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์อินเดีย ได้ทรงพระราชทานหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย ให้มาปลูกไว้ที่กรุงอนุราธปุระ ของศรีลังกา และต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่วัดกัลยาณี เป็น 1 ใน 32 ต้นที่ตอนกิ่งมาปลูกไว้เป็นเวลาสองพันกว่าปีแล้ว ซึ่งบรรยากาศนั้นเรียกได้ว่า สัมผัสได้ถึงศรัทธาของชาวพุทธที่นุ่งชุดขาวมาถือศีลภาวนากันที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดกัลยาณี ไม่แตกต่างจากที่พุทธคยาเลยทีเดียวครับ

อีกหนึ่งวัดที่มีความสำคัญและความสัมพันธ์กับคนไทยพุทธ คือ "วัดคงคาราม" (Gangaramaya Temple) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ริมทะเลสาบไบรา ซึ่งเป็นวัดที่คนไทยนิยมมาเที่ยวกัน อ้อ! ก่อนเข้าวัดในศรีลังกา ต้องถอดรองเท้าไว้ตั้งแต่เขตรั้ววัดนะครับ เป็นเรื่องต้องห้ามคล้ายๆกับที่อินเดีย ดังนั้น หากได้ไปไหว้พระที่ศรีลังกา อินเดีย และพม่า อย่าลืมสวมถุงเท้าไปด้วยนะครับ เพราะต้องถอดรองเท้ากันไว้ตั้งแต่หน้าวัด และฝุ่นค่อนข้างหนา

"วัดคงคาราม" เป็นวัดขนาดใหญ่ของนิกายสยามวงศ์ มีความสำคัญตรงที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์แห่งแรกของศรีลังกาอีกด้วยครับ

ภายในพระอุโบสถวัดคงคาราม เต็มไปด้วยพระพุทธรูปและพระบริวาร ประดับประดาด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง รูปปั้นเทวดาที่งดงาม นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐาน "พระศรีอาริย์" ซึ่งตามความเชื่อคือพระองค์จะอุบัติมาเป็นพระพุทธเจ้าในกัลป์ต่อไป ถัดมาคือพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สีส้มเรืองแสง กำลังโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ส่วนด้านซ้ายและด้านขวาของพระประธาน เป็นพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร พระอัครสาวกของพระพุทธองค์

จุดเด่นอีกจุดของวัดคงคาราม อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ของแปลก มีวัตถุโบราณที่ทางวัดได้รับบริจาคตลอดช่วงหลายร้อยปีจัดแสดงไว้ให้ได้ชมกัน

แต่ไฮไลต์สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการท่องเที่ยว ท่องธรรม ณ ศรีลังกา ของผู้จาริกแสวงบุญทั่วศรีลังกา และชาวพุทธจากทั่วโลก คือการเดินทางมายังเมืองแคนดี้ (Kandy) อดีตเมืองหลวงของศรีลังกา ปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ เพื่อมากราบสักการะ "พระเขี้ยวแก้ว"

ฝรั่งนิยมเรียกวัดที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วว่า "Tooth Temple” ซึ่งที่จริงแล้ว ชื่อของวัดแห่งนี้คือ วัดศรีดาลาดา มาลิกาวา (Sri Dalada Maligawa Temple) ผู้ที่จะเข้าไปสักการะ จะต้องสวมใส่ชุดสีขาวเท่านั้นครับ

ตามตำนานศรีลังกา เขียนไว้ว่า เมื่อถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าเสร็จ มีพระบรมสารีริกธาตุที่ไม่ไหม้ไฟอยู่ 7 ส่วนด้วยกัน คือ พระนลาฏ 1 (หน้าผาก) พระรากขวัญ 2 (ไหปลาร้า) และพระเขี้ยวแก้ว 4

บรรดากษัตริย์ต่างเตรียมแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุกัน แต่ในที่สุดพระเขี้ยวแก้วทั้ง 4 องค์ก็ได้รับการประดิษฐาน ณ สถานที่ต่างๆ คือ องค์แรกพระอินทร์อัญเชิญไปประดิษฐานที่เจดีย์จุฬาโลกมณีในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ องค์ที่ 2 พญานาคนำไปบูชาไว้ใต้บาดาล องค์ที่ 3 ประดิษฐานที่เมืองโคธาน ประเทศปากีสถาน และองค์สุดท้ายประดิษฐานที่ศรีลังกาแห่งนี้

ปัจจุบัน พระเขี้ยวแก้วประดิษฐานในพระสถูปประดับอัญมณีขนาดใหญ่ซ้อนกันหลายชั้น ภายในพระคันธกุฎีวิหารที่มีการป้องกันรักษาเข้มงวด

ในหนังสือ "ศรีลังกา ดินแดนแห่งอารยธรรม" ของท่านวิเทศโพธิคุณ เขียนบรรยายลักษณะของพระเขี้ยวแก้วไว้ว่า

“...พระเขี้ยวแก้วเป็นพระทันตธาตุเบื้องซ้ายของพระพุทธองค์ รูปร่างลักษณะเหมือนส่วนปลายสุดของงาช้างสีขาวตอนต้น ตรงปลายเป็นรอยตัด เคยทูลถามสมเด็จพระสังฆนายกที่วัดอัสสกิริยาว่า ทำไมฟันใหญ่จัง พระองค์ท่านรับสั่งว่า เขี้ยวของจริงอยู่ในตลับ พระทันตธาตุสัณฐานนั้นเหมือนดอกบัวตูม พระรัศมีต้นเหลือง ปลายแดงอ่อนๆ สีสุกใส ประกอบด้วยฉัพพรรณรังสีโดยรอบ มีดอกบัวทองคำ 6 กลีบ 3 ชั้น รองอยู่ โดยมีลวดทองคำรัดพระทันตธาตุไว้ ลวดทองคำสูงจากกลีบบัว 1 ฟุต...”

พระเขี้ยวแก้วคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในชีวิตของชาวศรีลังกา ในแต่ละวันจะมีชาวศรีลังกาจำนวนมากมาเข้าพิธีสักการะพระเขี้ยวแก้วตามช่วงเวลาที่กำหนดวันละ 3 รอบคือ เช้า เที่ยง และค่ำ หลายคนเมื่อกำเนิดบุตรธิดาต้องอุ้มมาขอพรจากพระเขี้ยวแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลสูงสุดของชีวิต

การได้มีโอกาสมากราบสักการะ นับเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ อายุจะบวรยืนยาว แต่หากเป็นคณะทัวร์ โดยเฉพาะทัวร์ของไทย ก็มักจะได้รับโอกาสพิเศษเข้าไปสักการะพระเขี้ยวแก้วถึงข้างในห้อง ท่ามกลางสายตาที่เมียงมองจากคนศรีลังกาที่คิดว่า อยากจะมีโอกาสเช่นนี้บ้าง เพราะหากไม่ใช่ชนชั้นสูง ผู้มีอำนาจหรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของศรีลังกา ก็จะไม่ได้รับโอกาสให้เข้าไปภายในครับ

แม้จะต้องเข้าแถวยาวเหยียด เพื่อมาต่อคิวชมพระสถูปทองคำบรรจุพระเขี้ยวแก้ว เพียงคนละไม่ถึง 3 วินาที แต่ถึงกระนั้น พระเขี้ยวแก้วก็ยังเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนศรีลังกาทั้งประเทศ มีความสำคัญต่อจิตวิญญาณของความเป็นพุทธศาสนิกชน แม้ว่าทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่เคยเห็นพระเขี้ยวแก้วของจริง … ก็ตาม"

ท่องเที่ยว ท่องธรรม ณ ศรีลังกา
กับ โครงการธรรมาภิวัตน์ สถานีโทรทัศน์ ASTV


กราบนมัสการพระเขี้ยวแก้ว-นมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์-ชมพระราชวังลอยฟ้าและภาพเขียนนางอัปสรสวรรค์บนเขาสิคิริยา-ชมวัดกัลยาณีราชมหาวิหาร-วิหารกลางน้ำวัดคงคาราม-เที่ยวเมืองโคลัมโบ-อนุราธปุระ-สิคิริยา-แคนดี้-นูวาราเอลิย่า

เดินทางวันที่ 5-11 ธันวาคม 2556 (6 วัน 6 คืน)

สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่

คุณสุภาวดี ภูริปัญญาสิริ โครงการธรรมาภิวัตน์
โทรศัพท์ 08-6785-6828 หรือ 0-2629-2211 ต่อ 2423, 2493


(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 153 กันยายน 2556 โดย กานต์ จอมอินตา ผู้อำนวยการโครงการธรรมาภิวัตน์ สถานีโทรทัศน์ ASTV)
ทางเดินภายในวัดไปสักการะพระเขี้ยวแก้ว
พระประธานในอุโบสถวัดคงคาราม
พระสถูปทองคำบรรจุพระเขี้ยวแก้ว
วัดเกลานิยายามค่ำคืน
วัดเกลานิยา วัดที่ใหญ่ที่สุดของศรีลังกา
วัดศรีดาลาดา มาลิกาวา หรือวัดพระเขี้ยวแก้ว
วัดพระเขี้ยวแก้ว ประดับไฟสวยงามยามค่ำคืน
วัดคงคาราม วัดขนาดใหญ่ของนิกายสยามวงศ์
ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ชมพระเขี้ยวแก้วอยู่ด้านนอก

กำลังโหลดความคิดเห็น