xs
xsm
sm
md
lg

มองเป็นเห็นธรรม : ทำอย่างไร..ไปให้ถึง เป้าหมายชีวิต จดหมายจากพ่อถึงลูก ฉบับที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถึง...ตุลย์....ลูกรัก

พ่อขอบใจลูกมากที่ส่งหลานๆ ให้มาพักร้อนปิดเทอมที่บ้านเรา ทำให้หลานคุ้นเคยกับญาติพี่น้อง พ่อแม่ก็พลอยได้ความสุขใจที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดหลานๆ

ลูกสังเกตไหมว่า ทำไมผู้ใหญ่ชอบถามเด็กเสมอว่า “โตขึ้นแล้วจะเป็นอะไร?” แต่เด็กน้อยคนนักที่จะตอบคำถามที่ตรงกันเสมอ คำตอบที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ความชอบในขณะนั้นๆ เมื่อพ่อถามลูกขณะจะเรียนจบมหาวิทยาลัยว่า “จบแล้วจะทำอาชีพอะไร?” ลูกก็ยังยืนยันมั่นเหมาะว่า จะทำอาชีพนักกายภาพบำบัด ตามสาขาที่เรียนอยู่

แต่วันนี้ลูกทำอาชีพนักธุรกิจขายตรงเป็นงานหลัก อาชีพนักกายภาพบำบัดเป็นงานเสริม ถ้าพ่อถามคำถามเดิม ลูกจะตอบพ่ออย่างไร?

ลูกคงจำได้ว่าขณะที่ยังเรียนชั้นประถม พ่อมักจะให้ลูกอ่านประวัติบุคคลสำคัญที่ประสบความสำเร็จในชีวิต หลายคนก็เริ่มต้นชีวิตด้วยความมีสาระและความมุ่งมั่นอย่างมาก หลายคนก็มีความล้มเหลวในช่วงต้นของการทำงาน แต่ด้วยความอุตสาหะ เขาสามารถสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ในที่สุด

ทุกคนมีความแตกต่างกันในเรื่องบุคลิกลักษณะ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ ความมุ่งมั่นที่จะพาตนไปสู่เป้าหมายของชีวิตที่ตนปรารถนา

ลูกคิดว่ามีสักกี่คนที่สามารถนำตนให้ถึงเป้าหมายของชีวิตที่ปรารถนาได้ แล้วลูกจะเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้ไหม?

ลูกเคยถามพ่อว่า “วันนี้พ่อสมหวังกับชีวิตหรือยัง ?” พ่อตอบลูกว่า สมหวังแล้ว

ตอนเป็นนักเรียน พ่อก็มีเป้าหมายชีวิตว่าจะต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากในหลวง พ่อก็มีความพยายามที่จะพาตนเองไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้

วันแรกที่เริ่มทำงาน พ่อก็ตั้งเป้าหมายของชีวิตว่า วันที่พ่อเกษียณอายุ จะต้องมีบ้านสักหลัง ที่มีห้องสมุดไว้อ่านหนังสือ มีที่สำหรับปลูกพืชผักเลี้ยงสัตว์ มีเงินก้อนหนึ่งสำหรับบั้นปลายของชีวิต ซึ่งวันนี้พ่อก็ได้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้แล้ว

เป้าหมายชีวิตก่อนหมดลมหายใจที่พ่อวางไว้ก็คือ ทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและครอบครัวให้มากที่สุด ซึ่งพ่อก็ได้ริเริ่มทำบ้างแล้ว อย่างเขียนจดหมายมาหาลูก นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่พ่อกำหนดไว้

แล้วลูกล่ะสมหวังในเป้าหมายชีวิตบ้างหรือยัง?

เป้าหมายชีวิต เป็นเสมือนหลักชัยของชีวิต ที่ตนเองปรารถนาจะนำพาชีวิตให้บรรลุถึง ชีวิตที่ไม่มีเป้าหมาย ก็เปรียบดังเรือที่ลอยล่องไปตามกระแสน้ำ ปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์

แต่ชีวิตที่มีเป้าหมาย ก็เปรียบดังเรือที่มีกัปตัน บังคับเรือให้มุ่งตรงไปจอดยังเป้าหมายที่กำหนดไว้ บุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีความสำเร็จในชีวิต ย่อมเป็นบุคคลที่มีเป้าหมายชีวิตที่เขากำหนดไว้แล้วเสมอ

ลูกลองศึกษาดูจากพุทธประวัติ หรือประวัติของบุคคลสำคัญในโลกนี้ ลูกจะพบว่าท่านเหล่านั้นล้วนมีเป้าหมายชีวิตเป็นเข็มทิศในดำเนินชีวิต นี่ก็คือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในชีวิต

การดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ย่อมต้องอาศัยความตั้งใจไว้อย่างมั่นคงที่จะมุ่งมั่นนำชีวิตของตนให้ไปถึง ทางพระท่านเรียกว่า อธิษฐาน ตั้งใจมุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่ง

พระโพธิสัตว์จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ก็ด้วยมีอธิษฐานบารมี คือความตั้งใจสร้างสมความดีเพื่อให้เกิดการพัฒนาตนไปสู่ความเป็นพระพุทธเจ้า จากพุทธประวัติ ทำให้ทราบว่า ความเป็นพระพุทธเจ้านั้นต้องอาศัยการสร้างสมบารมีเป็นเวลานานจนสุดจะประมาณได้

เอาเฉพาะเท่าที่ตั้งใจอธิษฐานในชาติแรก จนเป็นพระพุทธเจ้า มีบันทึกว่าใช้เวลาถึงยี่สิบอสงไขยกับอีกแสนกัปป์ ในชาติสุดท้ายของพุทธประวัติที่ลูกได้ศึกษามา ก็จะพบว่า ความตั้งใจที่จะบรรลุอมตธรรมของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่สร้างสมมาหลายภพชาติ เป็นแรงผลักดันให้พระองค์ออกแสวงสัจธรรม จนตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณในวันวิสาขบูชานั่นเอง วันนี้มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่ได้รับสันติสุขจากอมตธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

พ่ออยากให้ลูกลองอ่านประวัติของ บิล เกตส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ผู้ติดอันดับหนึ่งหลายปีในการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บ ดูเทียบเคียงกับสิ่งที่พ่อพรรณนามา บิล เกตส์ สมัยที่ยังเรียนชั้นมัธยมเขามีความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นว่า อยากจะได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม แล้วเขาก็ได้พัฒนาทักษะในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน

จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย แล้วออกมาประกอบอาชีพทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์กับเพื่อน จนสามารถก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก

ปัจจุบัน บิล เกตส์ ได้เปลี่ยนเป้าหมายชีวิต จากการแสวงหาความสำเร็จในอาชีพ มาเป็นการช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกด้วยทุนทรัพย์ที่ตนเองมีอยู่ มีเพื่อนร่วมโลกจำนวนไม่น้อยที่ได้รับประโยชน์จากการช่วยเหลือของบิล เกตส์ ความสำเร็จของเขาก็เกิดจากความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะทำเป้าหมายของชีวิตให้เป็นจริงนั่นเอง

ก่อนที่พ่อจะกล่าวถึง “อธิษฐานธรรม” ที่นำให้สมหวัง พ่ออยากให้ลูกลองพิจารณาดูว่า ถ้าลูกอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ลูกจะไปไหว้พระแก้วมรกต ลูกจะไปด้วยวิธีใด ซึ่งพ่อขอคิดแทนลูกไว้ก่อนดังนี้

ถ้าลูกไม่มีทุนทรัพย์ใดพอที่จะจ่ายเป็นค่าพาหนะ ลูกก็ต้องใช้การเดินไปตามทางที่ลัดตัดตรงไปถึงวัดพระแก้วมรกต ถ้ามีทุนทรัพย์พอนั่งเรือ ก็ลงเรือด่วนเจ้าพระยา ไปขึ้นที่ท่าช้าง แล้วขึ้นไปไหว้พระแก้วมรกต ถ้ามีทุนทรัพย์พอนั่งรถประจำทาง ก็นั่งรถมาลงสนามหลวง แล้วเดินเข้าวัด ถ้ามีทุนทรัพย์พอนั่งรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถตุ๊กๆ รถแท็กซี่ ก็นั่งมาจอดถึงประตูวัดพระแก้วเลย

ในแต่ละวิธีเดินทางที่กล่าวมา ลูกจะพบว่า ล้วนแต่ถึงจุดหมายปลายทาง แต่มีความต่างกันในเรื่องของเวลาที่ใช้ และความสะดวกสบายในการเดินทาง

อะไรคือสิ่งที่กำหนดให้เกิดความแตกต่างนี้ขึ้น? ลูกลองตรองดูสักนิด ก่อนที่จะอ่านความต่อไปที่พ่อจะกล่าวถึง

ถ้าลูกคิดไม่ออกก็ลองย้อนกลับไปอ่านจดหมายฉบับก่อน ที่พ่อได้พรรณนาถึงเรื่องความเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และกล่าวถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนา แล้วคำตอบของลูกก็จะตรงตามธรรม นี่เป็นส่วนสำคัญในการเปิดใจให้ยอมรับความจริงในความแตกต่างของการดำเนินชีวิตของคนเราในสังคม อธิษฐานธรรมที่ตั้งอยู่บนความศรัทธา ย่อมทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ

อธิษฐานธรรม
ตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา เป็นการยืนหยัดให้สามารถยึดเอาผลสำเร็จสูงสุดอันเป็นเป้าหมายได้ โดยไม่เกิดความสำคัญตนผิด ไม่เปิดช่องแก่ความผิดพลาดเสียหาย และไม่เกิดสิ่งมัวหมองทับถมตน ด้วยการปฏิบัติตามหลักธรรม ๔ ประการ คือ

๑. ปัญญา ความรอบรู้ ความรู้จักคิดวิเคราะห์ ความเข้าใจในเหตุในผลของสิ่งที่ตนประสบ พ่ออยากให้ลูกได้ใช้ปัญญาวางแผนการดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เหมือนดัง เจ้าชายสิทธัตถะ หรือบิล เกตส์ ยามที่ลูกวิเคราะห์ถึงแผนการดำเนินชีวิต ลูกจะได้ใช้เหตุผลในการวิเคราะห์เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ว่า เป็นความปรารถนาของตนเองอย่างแท้จริงหรือไม่

เมื่อปักใจอย่างหนักแน่นในเป้าหมายของชีวิตแล้ว ลูกก็จะสามารถกำหนดแผนการดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

๒. สัจจะ ความซื่อสัตย์ การรักษาความตั้งใจมุ่งมั่นในอธิษฐานธรรมนี้ จนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จ ด้วยความซื่อสัตย์ในตนเอง ที่จะปฏิบัติตนตามแผนการดำเนินชีวิตที่ได้ใช้ปัญญาตริตรองแล้ว คนเราที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายชีวิตได้ทุกคน ก็เพราะขาดสัจจะในการดำเนินชีวิต

ลูกลองพินิจคนที่ชอบอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในมงคลสถานต่างๆ ดูสิ ว่าสิ่งที่เขาตั้งใจขอ กับสภาพความเป็นจริงของชีวิตเขานั้น สอดคล้องกันหรือไม่ นี่จึงเป็นเหตุให้มีคำพูดว่า“อธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็นได้ผลเลย”

พ่อจะยกตัวอย่างให้ลูกเห็นสักนิด พวกที่ชอบอธิษฐานขอให้ตนเองถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ ๑ คิดง่ายๆ รางวัลที่ ๑ มีอยู่รางวัลเดียว แต่คนขอมีมากมาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะอำนวยผลให้ได้ คนที่ขอพรแล้วได้รางวัลที่ ๑ พูดภาษาพระก็ต้องบอกว่าบุญเก่าช่วยหนุนนำให้ได้

การอธิษฐานขอพรเช่นนี้ ไม่ใช่อธิษฐานธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ถ้าลูกอยากพบความสำเร็จในเป้าหมายชีวิต ก็จงมีความซื่อสัตย์ต่อแผนการดำเนินชีวิต ที่ลูกได้ใช้ปัญญาสร้างขึ้นมา แล้วลูกก็จะสมหวังได้ด้วยตนเอง

๓. จาคะ ความเสียสละ แบ่งปันสิ่งของแก่ผู้ร่วมทางชีวิต อาจจะเป็นภรรยา ลูก หรือเพื่อนร่วมงาน ด้วยจิตใจที่กอปรด้วยความปรารถนาดี รู้คุณคน (ดังในจดหมายฉบับที่ ๑ – ๒ ที่พ่อเขียนมา) ในระหว่างการดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้

เจ้าชายสิทธัตถะ หรือบิล เกตส์ ล้วนต้องมีเพื่อนร่วมทางชีวิตอยู่เหมือนกัน การจะได้เพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร ย่อมเกิดจากการเสียสละแบ่งปันความสุขแก่กันอย่างจริงใจ ไม่เอาเปรียบกัน ความสำเร็จในแผนการดำเนินชีวิต ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในที่สุด

๔. อุปสมะ ความสงบใจ ในขณะที่กำลังดำเนินชีวิตไปตามแผนที่กำหนดไว้ บางครั้งอาจจะมีความรู้สึกท้อถอยในสิ่งที่ปรากฏแก่ตน บางครั้งก็รู้สึกว่าจิตใจมีความสุขสดชื่นมาก ทางพระท่านเรียกว่าโลกธรรม ๘ อันประกอบด้วย ความมีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ ความสุข ความทุกข์ ความสรรเสริญ นินทา เราก็ต้องทำใจให้นิ่ง อย่าไปหวั่นไหวต่อสิ่งที่มากระทบ

หลายชีวิตที่ไม่สามารถประสบความสำเร็จในเป้าหมายชีวิต ก็เพราะขาดความสงบใจ เปรียบดังคนขับเรือที่พบว่าบนฝั่งมีสิ่งที่น่าสนใจ แล้วแวะเอาเรือจอด นำตนขึ้นฝั่งไปพบกับสุขทุกข์ที่ไม่คาดหวังได้ นี่ฉันใด การดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ จำเป็นต้องมีความสงบใจ ไม่หวั่นไหวไปตามสิ่งที่ประสบ อันจะทำให้เสียเวลาและห่างไกลจากเป้าหมายของชีวิต

พ่ออยากให้ลูกอ่านจดหมายฉบับที่ ๓–๔ เรื่อง “ทำอย่างไร จึงมีสติอยู่เสมอ” กับ “ความเป็นผู้ใหญ่ที่ดี” ให้เข้าใจ แล้วลูกก็จะเห็นทางนำตนให้เกิดความสงบใจได้ในที่สุด

การเรียนรู้ประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ย่อมทำให้เราได้เข้าใจถึงวิถีทางการดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายชีวิตที่เราปรารถนาได้

ลูกคงตระหนักแล้วนะว่า ทำไมยามที่ลูกยังเล็ก พ่อจึงเข้มงวดให้ลูกอ่านประวัติของท่านเหล่านั้น เพราะนี่คือมรดกธรรมที่พ่ออยากให้ลูกได้รับ และสืบทอดไปสู่หลานๆต่อไป

พ่อเชื่อมั่นเสมอว่า ลูกเป็นคนที่มีปัญญาพอเพียงแก่การนำตนไปสู่ความสำเร็จในชีวิตที่ปรารถนา หวังว่าลูกคงจะพบแสงสว่างที่ส่องให้เห็นหนทางไปสู่เป้าหมายของชีวิต ที่ลูกกำหนดไว้ได้แล้วนะ

ด้วยรัก
พ่อโต


(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 149 พฤษภาคม 2556 โดย พระครูพิศาลสรนาท(พจนารถ ปภาโส) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กทม.)



กำลังโหลดความคิดเห็น