xs
xsm
sm
md
lg

DSI เปิดโต๊ะกลางศูนย์ดำรงธรรมสองแคว รับเหยื่อขายตรงแจ้งจับ “ดิจิตอลคราวน์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายนิรันดร ชัยศรี ผู้อำนวยการส่วนคดีอาญาพิเศษ 3 สำนักงานคดีอาญาพิเศษ(เสื้อเขียว) พร้อมจนท DSI ตั้งโต๊ะที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เปิดให้ผู้เสียหายคดีน้ำมันหอมระเหย บริษัท ดิจิตอลคราวน์ โฮลดิ้ง (DCHL) จำกัด เข้าแจ้งความดำเนินจนถึงวันพรุ่งนี้(3 พ.ค.56)
พิษณุโลก - ดีเอสไอตั้งโต๊ะสัญจรกลางศูนย์ดำรงธรรมเมืองสองแคว เปิดรับเหยื่อ “บริษัทดิจิตอลคราวน์” ธุรกิจขายตรงน้ำมันหอมระเหย ตุ๋นร่วมลงทุนสูญเงินกันถ้วนหน้า รับแจ้งความจนถึงพรุ่งนี้ (3 พ.ค.)

วันนี้ (2 พ.ค.) นายนิรันดร ชัยศรี ผู้อำนวยการส่วนคดีอาญาพิเศษ 3 สำนักงานคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมทีมงานยังคงตั้งโต๊ะที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เปิดรับแจ้งความคดีน้ำมันหอมระเหย บริษัท ดิจิตอลคราวน์ โฮลดิ้ง (DCHL) จำกัด ให้ผู้เสียหายที่ถูกบริษัทดังกล่าวหลอกลวงเดินทางมาเป็นพยานร่วมฟ้องร้องบริษัทฯ

นายนิรันดรกล่าวว่า บริษัทฯ มีพฤติการณ์หลอกลวงให้ผู้อื่นสมัครเป็นสมาชิก ในลักษณะการหาเครือข่ายโดยไม่เน้นการขายสินค้า ช่วงปี 2553-2555 ซึ่งผิดกฎหมาย ด้วยการใช้ธุรกิจน้ำหอมปรับอากาศขายตรง โดยโฆษณาชักชวนหาสมาชิกผ่านบุคคล จัดอบรมตามสถานที่ต่างๆ เช่น โรงแรมในกรุงเทพฯ และนครราชสีมา หลอกลวงเผยแพร่แผนการตลาด อบรมสมาชิกโดยใช้ชื่อ “การอบรมคอร์ส CEO” นำแผนการตลาดที่เป็นส่วนหนึ่งของการหลอกลวงให้เข้าใจว่าการทำธุรกรรมของบริษัทฯ

แต่ข้อเท็จจริงจากการสืบสวนสอบสวน พบว่า ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้วได้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน อ้างว่าประสบความสำเร็จในการลงทุนกับบริษัทฯ มีรายได้จำนวนมาก ให้ลงทุนร่วมเป็นหุ้นส่วน ไม่ใช่การขายสินค้า มีการจ่ายเงินลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่จะได้ผลตอบแทนสูงเป็นประจำทุกเดือน ล่อผู้เข้าอบรมเชื่อว่าธุรกิจของบริษัทฯสามารถให้ผลตอบแทนมากจริง

โดยใช้แผนการตลาดชักชวนให้ลงทุนประมาณ 12,300 บาท ได้รับสินค้าจำนวน 1 ชุด จากนั้นมีการลงทุนประมาณ 60,000-4,000,000 บาท บริษัทฯ กำหนดจ่ายผลตอบแทนด้วยการโอนเข้าบัญชีให้สมาชิกทุกวันที่ 20 ของเดือนถัดไป และยังแนะนำให้ผู้เข้าอบรมนำทรัพย์สินที่มีค่า เช่น บ้าน รถยนต์ ที่ดินไปจำนอง หรือจำนำกับสถาบันการเงินทั้งในและนอกระบบนำมาลงทุนด้วย

นายนิรันดรเปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมามีประชาชนหลายจังหวัด ที่ถูกบริษัทดังกล่าวหลอกลวง โดยที่ จ.นครราชสีมามีผู้เสียหายมากที่สุด จังหวัดเดียวมากถึง 2,000 ราย ขณะที่ภาคอีสานทั้งภาค มีผู้เสียหาย 5,000 ราย เข้าแจ้งความแล้ว 2-3 พันราย ภาคเหนือตอนล่าง ผู้เสียหายประมาณ 1,000 ราย ภาคเหนือตอนบน ประมาณ 500 ราย ส่วนภาคใต้มีผู้เสียหายน้อยมาก เพียงประมาณ 500 ราย

นายนิรันดรบอกอีกว่า จนถึงขณะนี้ผู้เสียหายในภาคเหนือตอนล่าง เข้าแจ้งความค่อนข้างน้อย เพียงประมาณ 30 รายเท่านั้น ซึ่งทางดีเอสไอจะตั้งโต๊ะรับแจ้งความที่ศาลากลางจังหวัด เช่นเดียวกับจังหวัดภาคเหนือตอนบน ไปจนถึงพรุ่งนี้ (3 พ.ค.) จึงขอให้ผู้เสียหายแสดงตัวเข้าแจ้งความโดยเร็ว หากพ้นกำหนดจะต้องเดินทางไปแจ้งที่ดีเอสไอ ที่กรุงเทพฯ เอง


กำลังโหลดความคิดเห็น