xs
xsm
sm
md
lg

ร้องป.ช่วยคดีถูกหลอกลงทุนไก่แช่แข็ง สูญเงินกว่า 34 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นักธุรกิจรายย่อยเข้าร้องตร.กองปราบฯดำเนินคดีนักธุรกิจหลวงลวงลงทุนธุรกิจตู่แช่แข็งไก่สด สูญเงินร่วม 34 ล้านบาท
นักธุรกิจรายย่อย จ.ชลบุรี ร้องตำรวจกองปราบฯ ช่วยติดตามความคืบหน้าคดีบริษัทขายตรงหลอกลวงนักธุรกิจรายย่อยร่วมลงทุนธุรกิจห้องเย็นไก่แช่แข็ง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 34 ล้านบาท แฉตำรวจพื้นที่จับกุมตัวได้แต่คดีไม่คืบ ชี้ผู้ต้องหาเส้นใหญ่ “ผัวเป็นตำรวจ” เกรงคดีเงียบหาย-ไร้ความเป็นธรรม จี้กองปราบฯจัดการ!!!

วันนี้ (13 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. น.ส.ธนภรณ์ จิตร์สายชล อายุ 55 ปี อาชีพขายเครื่องประดับ อยู่บ้านเลขที่ 41/74 หมู่ 1 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมกลุ่มผู้เสียหาย 15 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เพื่อร้องทุกข์ขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้าคดีที่ นางศุภลักษณ์ หรือแหม่ม เชาวะปรีชากุล อายุ 41 ปี และนายอนุพัฒน์ วรดิถี อายุ 36 ปี อาชีพทำธุรกิจขายตรงบริษัทแห่งหนึ่ง ได้หลอกลวงให้ร่วมลงทุนธุรกิจห้องเย็นไก่แช่แข็ง รวมมูลค่าความเสียหาย 34 ล้านบาท โดยนำเช็คเงินสด ใบเสร็จรับเงินที่ร่วมลงทุน และเอกสารที่เกี่ยวข้องมอบให้พนักงานสอบสวนไว้ประกอบการพิจารณาดำเนินคดี

น.ส.ธนภรณ์ กล่าวว่า รู้จักกับนางศุภลักษณ์ หลังจากเคยไปทำบุญที่วัดในพื้นที่ จ.ลำปาง เมื่อ 9 ปีก่อน ต่อมา เมื่อเดือนเมษายน 2554 นางศุภลักษณ์ได้ชักชวนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจห้องเย็นไก่แช่แข็ง อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนร้อยละ 7 ต่อเดือน สามารถลงทุนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งครั้งแรกตนได้ลงทุนเป็นจำนวน 300,000 บาท ก็ได้รับเงินตอบแทน 30,000 บาท จากนั้น นางศุภลักษณ์จึงชวนให้ลงทุนต่ออีก พร้อมกับบอกให้ชักชวนคนรู้จักมาร่วมลงทุนเพิ่มเติม ระหว่างนั้นก็ยังมีการจ่ายเงินตอบแทนอยู่ กระทั่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็เริ่มไม่ได้รับเงินตอบแทน จึงไปทวงถาม แต่นางศุภลักษณ์อ้างว่าธุรกิจกำลังประสบปัญหาจึงยังไม่มีเงินมาจ่ายผลตอบแทน และจะขอลดดอกเบี้ยจากร้อยละ 7 เหลือร้อยละ 5 ต่อเดือน ซี่งพวกตนก็ยอมรับได้ แต่ก็ยังไม่มีการจ่ายเงินพร้อมกับถูกปฏิเสธตลอดมา

น.ส.ธนภรณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อตนกับพวกจะขอรับเงินต้นที่นำไปลงทุนคืน นางศุภลักษณ์ ก็บอกว่าจะรีบหาเงินมาคืนให้โดยเร็ว ต่อมา ก็มีการจ่ายเช็คเงินสดให้ แต่เมื่อนำไปขึ้นเงินธนาคารกลับไม่สามารถจ่ายเงินได้ โดยเป็นเหมือนกันทุกราย จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนจะสามารถติดตามตัวนางศุภลักษณ์ ได้ในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่วน นายอนุพัฒน์ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้จับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่มีหมายจับอยู่แล้ว

“สาเหตุที่ต้องเดินทางมาร้องทุกข์ที่กองปราบปรามเนื่องจากต้องการให้ช่วยติดตามความคืบหน้าของคดีภายหลังมีการจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว แต่ตำรวจท้องที่กลับดำเนินการล่าช้า นอกจากนี้ ยังเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะผู้ต้องหารายนี้มีอดีตสามีเป็นตำรวจในพื้นที่อีกด้วย” น.ส.ธนภรณ์กล่าว

น.ส.ธนภรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่ได้จากพวกตนไปนั้น พบว่าผู้ต้องหาได้นำไปซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน และมีการถ่ายเทไปให้แก่ผู้อื่นแล้ว กรณีที่เกิดขึ้นมีมูลค่าความเสียหายมาก ที่สำคัญ นายอนุพัฒน์ ที่ร่วมก่อเหตุด้วยก็ยังไม่ถูกจับกุมแม้จะมีการออกหมายจับไว้แล้ว ตนจึงไม่อยากให้เขาไปหลอกลวงใครต่อได้อีก และเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมกระทำความผิดที่เหลือ เนื่องจากทราบว่ามีการหลอกลวงผู้เสียหายในพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากใน จ.ชลบุรี อีกด้วย

รายงานแจ้งว่า ในคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายอีกหลายสิบรายที่ไม่กล้าเข้าแจ้งความเนื่องจากเกิดความอับอาย มูลค่าความเสียหายร่วม 100 ล้านบาท โดยมีแพทย์หญิงรายหนึ่งในจ.ชลบุรี ถูกหลอกลวงไปเป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท

ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ดวงมณี พานนาค รอง สว.กก.2 บก.ป.รับเรื่อง และสอบปากคำไว้ในเบื้องต้น ก่อนประสานกับตำรวจ สภ.หนองขาม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง และติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวต่อไป
1 ในผู้ต้องหา
กำลังโหลดความคิดเห็น