คอลัมน์ Live Station
ผมยังจำได้ดี พี่ที่เคารพโทรมาหา และบอกว่าถ้าอยากรวย อยากสบาย ลองมานั่งฟังเขาพูด ขอเวลาคุยซักสองชั่วโมง...
รู้แล้วแหละ! ว่า พี่ที่เคารพกำลังจะชักชวนผมไปเป็นลูกทีม สมาชิกขายตรง แต่ด้วยมิตรภาพค้ำใจของความเป็นพี่ที่เคารพผมจึงตอบรับตามคำเชิญ แม้บังเอิญจะไม่ว่างพอ แต่พี่ที่เคารพ ก็เดินทางมาถึงออฟฟิศพร้อมกับผู้หญิงใส่แว่นคนหนึ่ง (มารู้อีกที เขาคือแม่ทีมขายตรง)
“น้องอยากรวยไหม อยากมีอาชีพเสริมไหม แทบไม่ต้องทำไรเลย อยากให้ลองทำดูสินค้าสุขภาพยี่ห้อนี้ดีจริงๆ”
ด้วยความเคารพรักพี่ ผมไม่รู้เลยว่า พี่ที่เคารพของผม ถูกหล่อหลอมความคิดจากธุรกิจขายตรงมากน้อยเพียงใด แต่ผมก็นึกในใจว่า ธุรกิจขายลักษณะนี้ ชาญฉลาดยิ่งนัก เป็นแชร์ลูกโซ่ คนที่จะร่ำรวยที่สุดคือ เจ้าของธุรกิจ และใช้เงินทุนเราหรือลูกทีมไปหมุนเวียน คล้ายกับเราลงทุน ซื้อเองขายเอง และต้องหาลูกทีมต่อๆกันไป ใครสามารถสร้างฐานลูกทีมได้มากก็ยิ่งได้รับค่าตอบแทนที่มากตามไป
ผมนั่งฟังด้วยหัวใจไตร่ตรองดีแล้วว่า ตัวเองคงไม่เหมาะกับขายตรง แต่ก็รอพี่ที่เคารพและแม่ทีมของเขาพูดจนจบ ผมบอกว่าขอคิดทบทวนดูก่อน แม้ในใจจะปฏิเสธอย่างแรง เขาส่งซีดีให้ผมไปฟังหัวข้อ กุญแจความสำเร็จของขายตรง
ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน พี่ที่เคารพก็โทร.มาขอคำตอบ แต่ผมก็บอกเลี่ยงไปว่า ไม่ดีกว่าครับพี่ ผมไม่มีเวลาจริงๆ แต่ดูเหมือนว่า พี่ที่เคารพจะถูกอบรมจูงใจมาอย่างไม่ลดละ พยายามชักชวนด้วยความหวังจริงจังเผื่อผมจะเปลี่ยนใจ เขาบอกว่า เดี๋ยวพี่สมัครสมาชิกให้ก่อน แล้วอยากให้น้องลองเข้าไปฟังการอบรมเสาร์-อาทิตย์นี้
“ไม่ดีกว่าครับพี่” คำตอบสุดท้ายพี่ผมตัดสินใจกล่าวออกไป แม้ในใจจะรู้ดีว่า มิตรภาพระหว่างพี่กับน้องจะบั่นทอนลง แต่คงต้องยอมไม่ใช่หรือ? ดีกว่า เราจะดึงดันอยู่กับความอึดอัด
พี่ที่เคารพ พยายามโทร.หาผมอีกแต่ผมก็ไม่รับสาย จะเรียกว่า ผมวิ่งหนี มิตรภาพ ก็ว่าได้...
ผมเชื่อว่า ขายตรงทำให้มิตรภาพจางหายลงไม่มากก็น้อย แม้จะไม่ได้เจตนาก็ตาม แต่มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังเจอภาวะอยากอยากพุ่งหนีกับคนที่มาชักชวนเราขายตรง
ขอแนะนำว่า หากมีคนชวนไปทำธุรกิจขายตรง แล้วคุณไม่อยากทำจริง ควรรีบปฏิเสธ อย่างตรงไปตรงมา เช่น ไม่ครับ ขอบคุณครับ... ไม่ค่ะขอบคุณค่ะ ไม่มีเวลาทำจริงๆ... พยายามพูดตัดบทย้ำไปอย่างชัดว่าไม่ทำ ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมครับ มิเช่นนั้นคุณจะเพลียหัวใจ!