ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับงานเทศกาลหิมะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น Sapporo Snow Festival 2013 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ระหว่างวันที่ 5 – 11 กุมภาพันธ์ มีรูปปั้นหิมะหลากหลายรูปแบบให้ชม โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานนับล้านคน
งานเทศกาลหิมะที่ซับโปโรครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 64 โดยปีนี้ประติมากรรมหิมะขนาดใหญ่ของประเทศไทย ได้รับเลือกให้จัดแสดงที่เวทีหลักกลางสวนสาธารณะโอโดริ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างญี่ปุ่นกับไทย และรำลึกถึงโอกาสครบรอบ 50 ปี (พ.ศ.2506) ของการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศญี่ปุ่นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และโอกาสครบรอบ 100 ปีการจัดตั้งสมาคมญี่ปุ่นในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมาคมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
ประติมากรรมหิมะแกะสลักขนาดใหญ่ที่โดดเด่นเป็นสง่า บ่งบอกถึงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจนก็คือ วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม ขนาดสูง 15 เมตร กว้าง 28 เมตร ลึก 21 เมตร บนพื้นที่ “HBC Kingdom of Thailand Square” โดยได้รับความร่วมมือจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น และกองกำลังป้องกันตัวเองของญี่ปุ่นร่วมกันจัดสร้าง โดยใช้เวลากว่าหนึ่งเดือน และใช้งบประมาณทั้งหมด 100 ล้านเยน (ราว 32 ล้านบาท)
มิตซูรุ โคดามะ หัวหน้าแผนกการบริการทางธุรกิจ การออกอากาศ และการผลิตสื่อของ HBC เปิดเผยถึงสาเหตุที่เลือกวัดเบญจมบพิตรมาสร้างในครั้งนี้ เพราะมีความสวยงามและสะท้อนความเป็นไทยได้ดีที่สุด
“ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ทางเราได้นำเอาศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทยมาสร้าง หลังจากที่เคยสร้างมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 6 ปีก่อน(พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) เมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่เคยสร้างมา ประติมากรรมของประเทศไทยในครั้งนี้ถือว่าสร้างได้ยากมาก เพราะว่ามีความละเอียดอ่อน และซับซ้อนมาก”
ส่วน คาซูโตะ ยามาดะ หัวหน้าทีมผลิตและสร้างสรรค์ ในฐานะผู้รับผิดชอบประติมากรรมหิมะวัดเบญฯ กล่าวว่า ได้ไปดูวัดเบญจมบพิตรของจริงที่ประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และได้ทำการถ่ายภาพทั้งหมดของวัด และนำกลับมาเขียนแบบ จากนั้นก็นำแบบมาสร้างเป็นโมเดลจำลอง แล้วจึงทำการสร้างประติมากรรมจากหิมะเป็นวัดเบญจมบพิตรขึ้นจากโมเดลนั้น
“การสร้างวัดเบญฯครั้งนี้ถือว่ายากทุกส่วน แต่ส่วนที่ยากที่สุดคือช่วงหลังคา โดยเฉพาะส่วนที่เป็นหน้าจั่ว เพราะมีความละเอียดมากที่สุด การแกะสลักเป็นตัวครุฑก็ยากอยู่แล้ว แต่เราต้องแกะให้มันมีมิติ มีความตื้น ลึก หนา บาง จึงยากขึ้นเป็น 2 เท่า
ดังนั้น ส่วนที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ตัวครุฑ จะสร้างแยกต่างหาก แล้วจึงนำขึ้นไปประกอบ โดยชิ้นส่วนที่ต้องสร้างแยกก่อนนำขึ้นไปประกอบข้างบนนั้น มีจำนวนมากถึง 2,000 ชิ้น และหลังจากแกะสลักเสร็จแล้ว เราจะนำหิมะมาผสมน้ำแล้วนำมาฉาบทับอีกครั้ง เพื่อให้ผลงานมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น”
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ที่ถนนนครปฐม แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ทรงออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถและถาวรวัตถุอื่นๆ และพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นนายช่างก่อสร้าง
ดังนั้น สิ่งก่อสร้างภายในวัดทั้งสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และศิลปกรรม จึงมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพระอุโบสถที่โดดเด่นเป็นสง่า และเลื่องลือในความงดงาม เพราะประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนจากอิตาลีทั้งหลัง จึงเป็นที่มาของชื่อ The Marble Temple ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักกันดี
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 147 มีนาคม 2556 โดย กองบรรณาธิการ)