กระบี่ - นายกเล็กเมืองกระบี่ไม่สนแรงต้าน ยันเดินหน้า 2 โครงการรถไฟราง และเรือสำเภา เพื่อพัฒนาเมืองอย่างต่อเนื่อง ยึดหลักประชาชนส่วนใหญ่อยู่ได้ ธรรมชาติอยู่ดี พร้อมการันตีไม่กระทบสิ่งแวดล้อม แต่ยอมเปลี่ยนสถานที่สร้างรถไฟราง เพื่อลดความขัดแย้ง
นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์เมืองกระบี่ โดยมีทั้งประชาชน และนักท่องเที่ยวที่อาศัยในจังหวัดกระบี่ ออกมารวมตัวคัดค้านโครงการก่อสร้างรถไฟรางชมทัศนียภาพบริเวณลานประติมากรรมปูดำ ริมเขื่อนเจ้าฟ้า ไปจนถึงสวนสาธารณะธารา รวมระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ และประติมากรรมเรือสำเภาในแม่น้ำกระบี่ โดยอ้างว่าการก่อสร้างดังกล่าวมีกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณหน้าเมืองกระบี่
สำหรับโครงการก่อสร้างเรือสำเภาตามรอยประวัติศาสตร์ เป็นเรือสำเภาสามหลัก สูงขนาด 33x127 ฟุต 1 ลำ กลางแม่น้ำกระบี่ ใกล้กับประติมากรรมปูดำ ไม่ใช่เป็นเรือที่จอดอยู่ที่เดียว สามารถลอยน้ำได้ ภายในเรือมีการรวบรวม และจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมย้อนยุคประวัติศาสตร์ของจังหวัดกระบี่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งประชาชน และนักท่องเที่ยว ในการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของจังหวัดกระบี่
และจะมีการตั้งรูปปั้นหลวงปู่ทวด เพื่อให้ประชาชนนักท่องเที่ยวได้สักการบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนั้น ชั้นบนของเรือตอนกลางคืนจัดให้มีการแสดงของชุมชน นักเรียนนักศึกษาในจังหวัดกระบี่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงที่สามารถสื่อถึงประวัติความเป็นมาของจังหวัดกระบี่ ให้แก่ประชาชนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้รับรู้ และให้เกิดความแพร่หลายมากยิ่งขึ้น จึงไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน
“โครงการดั่งกล่าวถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตตัวเมืองกระบี่ในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะปัจจุบันนี้ ในเขตตัวเมืองกระบี่ยังไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวได้ หากทางเทศบาลไม่มีการคิดหาวิธี แนวทางในการพัฒนาเมืองกระบี่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังยืน และประชาชนนักท่องเที่ยวให้ความสนใจได้แล้ว รายได้ที่มาจากการท่องเที่ยวก็จะกระจายไปที่อื่น ขอให้ทุกคนที่คัดค้านเข้าใจในเรื่องของการพัฒนาที่สามารถให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนด้วย โดยทุกโครงการของเทศบาลนั้นล้วนแต่ยึดหลักประชาชนส่วนใหญ่อยู่ได้ ธรรมชาติอยู่ดี” นายกีรติศักดิ์ กล่าวและว่า
ในส่วนของโครงการก่อสร้างรถไฟรางนั้น เดิมทางเทศบาลจะดำเนินการก่อสร้างโดยมีจุดเริ่มต้นจากลานประติมากรรมปูดำ ไปถึงสวนสาธารณะธารา รวมระยะทางประมาณ 1,590 เมตร รวมงบประมาณ 42 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการไว้ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2555-30 กันยายน 2556 เพื่อให้บริเวณหน้าเมืองกระบี่มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้ามาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากที่มีการคัดค้าน ทางเทศบาลก็จะเปลี่ยนสถานที่ตั้งรถไฟรางไปไว้ที่บริเวณสถานีปรับปรุงคุณภาพน้ำเทศบาลเมืองกระบี่ โดยเชื่อมโยงกับศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณกว่า 60 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวทางเทศบาลเมืองกระบี่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์การท่องเที่ยวเขตเมืองกระบี่อย่างยั่งยืน
นายกีรติศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับศูนย์การท่องเที่ยวเขตเมืองกระบี่นั้น ใช้รถไฟรางเป็นตัวกลางในการให้บริการประชาชนนักท่องเที่ยวจากสถานีปรับปรุงคุณภาพน้ำ มาสู่ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน ซึ่งภายในศูนย์จะมีพิพิธภัณฑ์ลูกปัดโบราณ โรงผลิตลูกปัดโบราณยุดใหม่ หอศิลป์ร่วมสมัย ห้องข้อมูลข่าวสารที่สามารถสื่อสารให้ความรู้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีวิทยากรคอยบรรยายให้ความรู้อีกด้วย
โดยทั้ง 2 โครงการที่ทางเทศบาลเมืองกระบี่พยายามผลักดันให้เกิดจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และสังคมเมืองกระบี่ หากกลุ่มผู้คัดค้านมองว่าจะก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ และทัศนียภาพบริเวณที่มีการก่อสร้างทั้ง 2 โครงการ ขอให้ประชาชนมองอดีตที่ผ่านมาด้วยว่า 28 ปีที่เทศบาลเมืองกระบี่ จัดทำโครงการพัฒนาเมืองกระบี่เกือบทุกโครงการจะต้องมีกลุ่มผู้คัดค้าน ซึ่งผลที่ตามมาคือ ทุกสิ่งทุกโครงการที่ทางเทศบาลดำเนินการไปแล้วนั้น ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมเมืองมาโดยตลอด เช่นประติมากรรมปูดำ รูปปั้นสัตว์ในตำนานที่ตั้งไว้ตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ การพัฒนาสวนสาธารณะธารา กำแพงเล่าประวัติความเป็นมาจังหวัดกระบี่ และโครงการอื่นๆ อีกจำนวนมากมาย
แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าใจด้วยว่า จังหวัดกระบี่เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว รายได้ที่เข้ามาในจังหวัดกระบี่เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ถ้าภายในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ไม่มีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนแล้วประชาชนจะไม่มีรายได้ และอาชีพเสริม และนักท่องเที่ยวจะรู้จักตัวเมืองกระบี่มากน้อยแค่ไหน ซึ่งตนเห็นว่าโครงการก่อสร้างเรือสำเภาลอยน้ำนั้นคงต้องดำเนินโครงการต่อไปในสถานที่ที่มีการกำหนดไว้ที่เดิมคือ กลางแม่น้ำกระบี่ ใกล้กับประติมากรรมปูดำ ขอให้ประชาเข้าใจด้วยว่าเขตเมืองกระบี่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์เมืองกระบี่ โดยมีทั้งประชาชน และนักท่องเที่ยวที่อาศัยในจังหวัดกระบี่ ออกมารวมตัวคัดค้านโครงการก่อสร้างรถไฟรางชมทัศนียภาพบริเวณลานประติมากรรมปูดำ ริมเขื่อนเจ้าฟ้า ไปจนถึงสวนสาธารณะธารา รวมระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ และประติมากรรมเรือสำเภาในแม่น้ำกระบี่ โดยอ้างว่าการก่อสร้างดังกล่าวมีกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณหน้าเมืองกระบี่
สำหรับโครงการก่อสร้างเรือสำเภาตามรอยประวัติศาสตร์ เป็นเรือสำเภาสามหลัก สูงขนาด 33x127 ฟุต 1 ลำ กลางแม่น้ำกระบี่ ใกล้กับประติมากรรมปูดำ ไม่ใช่เป็นเรือที่จอดอยู่ที่เดียว สามารถลอยน้ำได้ ภายในเรือมีการรวบรวม และจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมย้อนยุคประวัติศาสตร์ของจังหวัดกระบี่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งประชาชน และนักท่องเที่ยว ในการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของจังหวัดกระบี่
และจะมีการตั้งรูปปั้นหลวงปู่ทวด เพื่อให้ประชาชนนักท่องเที่ยวได้สักการบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนั้น ชั้นบนของเรือตอนกลางคืนจัดให้มีการแสดงของชุมชน นักเรียนนักศึกษาในจังหวัดกระบี่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงที่สามารถสื่อถึงประวัติความเป็นมาของจังหวัดกระบี่ ให้แก่ประชาชนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้รับรู้ และให้เกิดความแพร่หลายมากยิ่งขึ้น จึงไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน
“โครงการดั่งกล่าวถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตตัวเมืองกระบี่ในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะปัจจุบันนี้ ในเขตตัวเมืองกระบี่ยังไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวได้ หากทางเทศบาลไม่มีการคิดหาวิธี แนวทางในการพัฒนาเมืองกระบี่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังยืน และประชาชนนักท่องเที่ยวให้ความสนใจได้แล้ว รายได้ที่มาจากการท่องเที่ยวก็จะกระจายไปที่อื่น ขอให้ทุกคนที่คัดค้านเข้าใจในเรื่องของการพัฒนาที่สามารถให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนด้วย โดยทุกโครงการของเทศบาลนั้นล้วนแต่ยึดหลักประชาชนส่วนใหญ่อยู่ได้ ธรรมชาติอยู่ดี” นายกีรติศักดิ์ กล่าวและว่า
ในส่วนของโครงการก่อสร้างรถไฟรางนั้น เดิมทางเทศบาลจะดำเนินการก่อสร้างโดยมีจุดเริ่มต้นจากลานประติมากรรมปูดำ ไปถึงสวนสาธารณะธารา รวมระยะทางประมาณ 1,590 เมตร รวมงบประมาณ 42 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการไว้ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2555-30 กันยายน 2556 เพื่อให้บริเวณหน้าเมืองกระบี่มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้ามาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากที่มีการคัดค้าน ทางเทศบาลก็จะเปลี่ยนสถานที่ตั้งรถไฟรางไปไว้ที่บริเวณสถานีปรับปรุงคุณภาพน้ำเทศบาลเมืองกระบี่ โดยเชื่อมโยงกับศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณกว่า 60 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวทางเทศบาลเมืองกระบี่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์การท่องเที่ยวเขตเมืองกระบี่อย่างยั่งยืน
นายกีรติศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับศูนย์การท่องเที่ยวเขตเมืองกระบี่นั้น ใช้รถไฟรางเป็นตัวกลางในการให้บริการประชาชนนักท่องเที่ยวจากสถานีปรับปรุงคุณภาพน้ำ มาสู่ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน ซึ่งภายในศูนย์จะมีพิพิธภัณฑ์ลูกปัดโบราณ โรงผลิตลูกปัดโบราณยุดใหม่ หอศิลป์ร่วมสมัย ห้องข้อมูลข่าวสารที่สามารถสื่อสารให้ความรู้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีวิทยากรคอยบรรยายให้ความรู้อีกด้วย
โดยทั้ง 2 โครงการที่ทางเทศบาลเมืองกระบี่พยายามผลักดันให้เกิดจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และสังคมเมืองกระบี่ หากกลุ่มผู้คัดค้านมองว่าจะก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ และทัศนียภาพบริเวณที่มีการก่อสร้างทั้ง 2 โครงการ ขอให้ประชาชนมองอดีตที่ผ่านมาด้วยว่า 28 ปีที่เทศบาลเมืองกระบี่ จัดทำโครงการพัฒนาเมืองกระบี่เกือบทุกโครงการจะต้องมีกลุ่มผู้คัดค้าน ซึ่งผลที่ตามมาคือ ทุกสิ่งทุกโครงการที่ทางเทศบาลดำเนินการไปแล้วนั้น ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมเมืองมาโดยตลอด เช่นประติมากรรมปูดำ รูปปั้นสัตว์ในตำนานที่ตั้งไว้ตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ การพัฒนาสวนสาธารณะธารา กำแพงเล่าประวัติความเป็นมาจังหวัดกระบี่ และโครงการอื่นๆ อีกจำนวนมากมาย
แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าใจด้วยว่า จังหวัดกระบี่เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว รายได้ที่เข้ามาในจังหวัดกระบี่เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ถ้าภายในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ไม่มีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนแล้วประชาชนจะไม่มีรายได้ และอาชีพเสริม และนักท่องเที่ยวจะรู้จักตัวเมืองกระบี่มากน้อยแค่ไหน ซึ่งตนเห็นว่าโครงการก่อสร้างเรือสำเภาลอยน้ำนั้นคงต้องดำเนินโครงการต่อไปในสถานที่ที่มีการกำหนดไว้ที่เดิมคือ กลางแม่น้ำกระบี่ ใกล้กับประติมากรรมปูดำ ขอให้ประชาเข้าใจด้วยว่าเขตเมืองกระบี่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
