ข่าวสารผ่านโลก

สิงคโปร์จัดแสดงพระพุทธรูป ทำจาก “อลูมิเนียม-ขี้เถ้าธูป”

สิงคโปร์ : เมื่อเร็วๆนี้ ซาง ฮวน ศิลปินชาวจีนได้นำผลงานของตัวเองที่มีชื่อว่า “Berlin Buddha” มาจัดแสดงที่ Art Stage Singapore ประเทศสิงคโปร์

Berlin Buddha ประกอบด้วยศิลปะ 2 ชิ้น ชิ้นแรกเป็นแม่พิมพ์พระพุทธรูปสูง 4 เมตร ทำจากอลูมิเนียม ส่วนชิ่นที่สองเป็นพระพุทธรูปที่ทำจากขี้เถ้าธูปหนัก 6 ตัน จากวัดต่างๆในเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยการนำขี้เถ้าทั้งหมดมาเทใส่ในแม่พิมพ์ชิ้นแรก ทิ้งไว้ 2-3 วันให้ขี้เถ้าอัดตัวแน่น จากนั้นจึงถอดแม่พิมพ์ออก และนำแม่พิมพ์นั้นไปประกอบขึ้นใหม่เป็นองค์พระ แล้วนำมาจัดแสดงไว้ตรงข้ามกัน

โดยพระพุทธรูปจากเถ้าธูปค่อยๆพังทลายลงตามแรงสั่นสะเทือนของคนที่เข้าชมงาน ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความไม่จีรังและความตาย

Berlin Buddha ถูกนำออกแสดงครั้งแรกในปี 2007 ที่นครเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี และตามเมืองต่างๆทั่วโลกในเวลาต่อมา ซาง บอกว่า “ผมจะไม่พูดว่า ขี้เถ้าธูปคือวัสดุ เพราะมันไม่เหมือนกับสีหรือวัสดุอื่นๆที่ใช้ในงานศิลปะ สำหรับคนจีนแล้ว ขี้เถ้าธูปคือจิตวิญญาณ ความทรงจำ ความหวัง และเรื่องดีๆของตัวเราที่สะสมไว้”

ซาง ฮวน เกิดที่มณฑลเหอหนาน เขาเป็นหนึ่งในศิลปินชั้นนำของจีน ที่เริ่มนำขี้เถ้าธูปมาใช้ในงานศิลปะเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ชิ้นงานของเขามักเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ความทรงจำ และแนวคิดทางพุทธศาสนา

(จาก Blouinartinfo)

วงดนตรีพระสงฆ์เกาหลีใต้ เตรียมเปิดแสดงเป็นครั้งแรก

เกาหลีใต้ : วง “อุทุมพร” (Udumbara Band) เตรียมสร้างความประหลาดใจให้แก่คนทั่วไป เพราะเป็นวงดนตรีแห่งแรกของเกาหลีใต้ที่สมาชิกในวงล้วนเป็นพระสงฆ์ 7 รูป ซึ่งมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและผ่านการทดสอบการแสดงดนตรีเมื่อเดือนกรกฎาคม 2012 จากนั้นจึงได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นวง เล่นด้วยแนวดนตรีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นร็อก ป็อป และแจ๊ซ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารกับเยาวชนเกาหลีใต้ในปัจจุบัน ที่มองศาสนาพุทธว่าล้าสมัย

สำหรับชื่อวงนั้น ตั้งตามชื่อต้นอุทุมพร ซึ่งมีตำนานในพุทธศาสนากล่าวว่า จะออกดอกทุกๆ 3,000 ปี เพื่อเฉลิมฉลองการเป็นวงดนตรีแรก ที่ก่อตั้งขึ้นในประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนาแบบเกาหลีที่มีมายาวนาน

สมาชิกในวงเคยเล่นดนตรีมานานกว่า 20 ปี อาทิ พระเฮจัง หัวหน้าวง เล่นดนตรีตั้งแต่เป็นวัยรุ่น พระแดวันจบมหาวิทยาลัย เอกด้านดนตรีประยุกต์ เล่นแซกโซโฟน โดยจะเปิดการแสดงเป็นครั้งแรกที่เมืองแดกู ในเดือนมีนาคม 2013

(จาก Buddhistartsnews)

กองทุนทะไล ลามะ บริจาค 30 ล้านบาท ให้สถาบันจิตและชีวิตในอเมริกา

อินเดีย : เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2013 กองทุนทะไล ลามะ ประกาศบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30 ล้านบาท) ให้แก่สถาบันจิตและชีวิต (Mind & Life Institue) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสถาบัน

ทั้งนี้ สถาบันจิตและชีวิต เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้มนุษย์คลายทุกข์และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี มุ่งแสวงหาความเข้าใจเรื่องจิตมนุษย์และประโยชน์ของการฝึกจิต ผ่านวิธีการผสมผสานทั้งแบบดั้งเดิมและทางวิทยาศาสตร์ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองแฮดลีย์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา

อนึ่ง กองทุนทะไล ลามะ เป็นองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงผลกำไร ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนโครงการวัฒนธรรมทิเบตและการจัดหาทุน ซึ่งส่งเสริมให้เกิดความรับผิดชอบและการอภิปรายระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนาในระดับสากล

(จาก Shambhalasun)

กลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์ไต้หวัน ต้านประเพณีขุนหมูไหว้เจ้า

ไต้หวัน : หนังสือพิมพ์ไทเปไทมส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2013 กลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์ในไต้หวันได้จัดชุมนุมภายนอกวัดชิงชุย ซูชิ ในนครไทเป เพื่อต่อต้านการแข่งขุนหมูเพื่อนำมาไหว้เจ้า โดยกล่าวว่า การบังคับให้หมูกินจนอ้วน เป็นการทารุณสัตว์ ซึ่งวัดชิงชุย ซูชิ เป็นหนึ่งในวัดที่เหลือไม่กี่แห่งในประเทศที่ยังคงประเพณีดังกล่าวอยู่

เชน ยูมิน ผู้อำนวยการสมาคมสิ่งแวดล้อมและสัตว์แห่งไต้หวันเผยว่า เทพเจ้าชิงชุย ซูชิ ซึ่งทางวัดให้ความเคารพนับถือนั้น เป็นมังสวิรัติ

“ดิฉันอยากบอกให้เข้าใจเสียก่อนว่า พวกเราไม่ได้ต่อต้านประเพณีนำหมูมาบวงสรวงเทพเจ้า แต่หากใครอยากเซ่นไหว้ กรุณาซื้อหมูที่ถูกเลี้ยงและฆ่าอย่างถูกหลัก”

ทั้งนี้ มีผู้คนจำนวนมากที่สนับสนุนการชุมนุมดังกล่าว ชายคนหนึ่งเผยว่า “ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ผมเลือกเซ่นไหว้เทพเจ้าด้วยข้าวถุงหนัก 20 กก. จำนวนหลายถุงแทนหมู เมื่อไหว้เสร็จ ก็แจกจ่ายให้คนจน ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีกว่า”

(จาก UPI)

จีนขุดพบแผ่นหินจารึกอายุ 1,000 ปี คาดพบพระบรมสารีริกธาตุเก่าแก่

จีน : เมื่อเร็วๆนี้ มีการขุดพบโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาภายในสุสานของวัดแห่งหนึ่งในมณฑลกานซู ประเทศจีน ได้แก่ พระพุทธรูปจำนวน 240 องค์ และแผ่นหินจารึกซึ่งวางอยู่ใต้หีบเซรามิกภายในห้องใต้ดินของสุสาน

แผ่นหินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสดังกล่าวมีอายุ 1,000 ปี เนื่องจากมีข้อความจารึกไว้บนแผ่นหินว่าแกะสลักในปี 1013 และมีจารึกด้วยว่า มีพระบรมสารีริกธาตุ 2,000 องค์ ซึ่งภิกษุ 2 รูปจากวัดใกล้เคียงเป็นผู้รวบรวมเก็บไว้ภายในกล่องไม้ที่วางอยู่ในหีบเซรามิก โดยขณะขุดพบ หีบอยู่ในสภาพแตกหัก ทำให้มองเห็นว่ามีกล่องไม้อยู่ภายใน ดังนั้น จึงเตรียมขุดขึ้นมาเพื่อสำรวจว่า มีพระบรมสารีริกธาตุ 2,000 องค์บรรจุอยู่ภายในกล่องตามข้อความจารึกหรือไม่

ชู ชิบิน อดีตผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์มณฑลกานซู กล่าวว่า “หีบทำด้วยเซรามิกเช่นนี้ ไม่เคยพบมาก่อน เราเคยพบแต่หีบที่ทำด้วยโลหะ ไม้ และเงิน เท่านั้น”

(จาก CNTV)

คณะสงฆ์โชเกเกาหลีใต้ ค้านส่งพระพุทธรูปล้ำค่าคืนญี่ปุ่น

เกาหลีใต้ : พระพุทธรูปประทับยืนหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในยุคอาณาจักรรวมซิลลา ศตวรรษที่ 8 และรูปหล่อพระโพธิสัตว์เคลือบทองสัมฤทธิ์ในยุคราชวงค์โครยอ ศตวรรษที่ 14 ซึ่งถูกชายเกาหลีใต้ 5 คนขโมยจากวัดในญี่ปุ่นเมื่อเดือนตุลาคม 2012 และลักลอบนำกลับมายังเกาหลีใต้ จนถูกศุลกากรจับกุมได้เมื่อปลายเดือนมกราคม 2013 นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมชายทั้ง 5 คน และมีคำสั่งให้ส่งพระพุทธรูปคืนแก่เจ้าของ

คำสั่งดังกล่าวได้สร้างความโกรธแค้นให้กลุ่มพุทธศาสนิกชนชาวเกาหลีใต้ ที่อ้างว่าขณะนี้พระพุทธรูปโบราณได้กลับคืนสู่เจ้าของที่แท้จริงแล้ว ขณะที่คณะสงฆ์โชเกได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง เรียกร้องให้รัฐบาลคิดทบทวนอย่างรอบคอบว่า ควรส่งพระพุทธรูปทั้งสององค์คืนให้ญี่ปุ่นหรือไม่

โดยระบุว่า ในยุคอาณานิคม ระหว่างปี 1910-1945 กองทัพญี่ปุ่นได้ปล้นสะดมพระพุทธรูปดังกล่าวกลับไปประเทศของตน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ได้พยายามเรียกคืนโบราณวัตถุต่างๆที่ถูกปล้นไป ดังนั้น รัฐบาลจึงควรโต้แย้งว่า พระพุทธรูปทั้งสององค์เป็นของเกาหลี

“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า รูปหล่อพระโพธิสัตว์ สร้างขึ้นในปี 1330 เป็นสมบัติของวัดบูเซือก เมืองเซียวซาน จังหวัดชุงเชือง จึงควรมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า พระพุทธรูปทั้งสององค์ไปอยู่ที่วัดในญี่ปุ่นได้อย่างไร ก่อนตัดสินใจว่าจะส่งคืนหรือไม่ และพวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่า พระพุทธรูปล้ำค่าทั้งสององค์นี้ ควรได้รับการดูแลรักษาไว้ในสถานที่ที่ควรจะอยู่”

บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า พระพุทธรูปดังกล่าวมีคุณค่าทางศิลปะและประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพระพุทธรูปประทับยืน ซึ่งพร้อมจะขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติได้ทันที เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นได้ขึ้นทะเบียนพระพุทธรูปทั้งสององค์เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว

(จาก Koreatimes)

จีนตรวจสอบภัตตาคารหรูในปักกิ่ง ใช้วัดโบราณทำเป็นร้านอาหาร

จีน : เมื่อเดือนมกราคม 2013 ทางการปักกิ่งเผยว่า กำลังตรวจสอบภัตตาคารหรูหรา 2 แห่งในนครปักกิ่งที่ใช้อาคารของวัดโบราณเปิดเป็นภัตตาคารให้บริการแก่ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ตั้งแต่ปี 2011 ว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

โดยภัตตาคารดังกล่าว ใช้อาคารของวัดซิซูและวัดซองซู ที่อยู่ใกล้กันในเขตดองเช็ง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุ 600 ปี และ 300 ปีตามลำดับ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการคุ้มครองในปี 1984 ซึ่งภายใต้กฎหมายจีนระบุว่า ห้ามนำสถานที่ดังกล่าวไปใช้ในทางธุรกิจ ยกเว้นได้รับอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ

เซา เจียนหมิง เจ้าหน้าที่กฎหมายของกองมรดกทางวัฒนธรรมนครปักกิ่ง กล่าวว่า กำลังตรวจสอบว่า การเปิดภัตตาคารเพื่อการค้านี้ ได้รับใบอนุญาตหรือไม่

อนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้ ทางกองฯมีแผนส่งเสริมให้ปี 2013 มีการลงทุนจากภาคเอกชน เพื่ออนุรักษ์และบูรณะสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ของนครปักกิ่ง

(จาก Xinhua)

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 147 มีนาคม 2556 โดย เภตรา)